สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2564

พฤกษา เปิดใหม่ 29 โครงการ เป้ารายได้ 3.2 หมื่นล้าน

พฤกษา เปิดใหม่ 29 โครงการ  เป้ารายได้ 3.2 หมื่นล้าน

บมจ.พฤกษา กางแผนปี 2564 ตั้งเป้ารายได้ 32,000 ล้านบาท เล็งเปิด 29 โครงการใหม่ มูลค่า 26,630 ล้านบาท

นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า   “ แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2564 ยังมีหลายปัจจัยที่ต้องติดตาม ทั้งด้านเศรษฐกิจ ภาคการส่งออกและท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัจจัยโควิด-19 ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการจัดหาวัคซีนให้ทั่วถึงที่จะเป็นตัวแปรสำคัญ 

แต่ยังเชื่อมั่นว่าภาพรวมตลาดในปีนี้จะดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา 9 %  ตั้งเป้ายอดขาย และรายได้ ปี 2564 ที่ 32,000 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 45% และ 9% ตามลำดับ  มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่รวม 29 โครงการ มูลค่า 26,630 ล้านบาท แบ่งเป็นทาวน์เฮาส์ 17 โครงการ บ้านเดี่ยว 8 โครงการ และคอนโดมิเนียม 4 โครงการ  

พร้อมทั้งวางกลยุทธ์ “A Year of Value”  เข้าใจ เข้าถึงความต้องการลูกค้าในเชิงลึก พร้อมนำเสนอและส่งมอบสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัย แต่ยังมีคุณค่าด้านอื่นๆ ที่ตอบสนองความต้องการลูกค้าที่หลากหลาย เช่น ร้านอาหาร ไลฟ์สไตล์มอลล์ และที่สำคัญคือการร่วมมือกับโรงพยาบาลวิมุต ซึ่งเป็นธุรกิจในเครือพฤกษา เปิดศูนย์ดูแลสุขภาพ  ประกอบด้วยคลีนิค ศูนย์กายภาพ ศูนย์ดูแลและบริบาลผู้สูงอายุ รวมทั้งการให้บริการดูแลสุขภาพถึงบ้าน (Home Health Care)  ในโครงการพฤกษา เพื่อสร้างชุมชนให้น่าอยู่และตอบสนองการใช้ชีวิตของลูกค้าอย่างครบวงจร

พฤกษา เปิดใหม่ 29 โครงการ  เป้ารายได้ 3.2 หมื่นล้าน

ด้านผลการดำเนินงานในปี 2563 บริษัทฯ สามารถทำยอดขายได้ 21,968 ล้านบาท รายได้ 29,244 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 2,771 ล้านบาท เปิดตัวโครงการทั้งสิ้น 13 โครงการ มูลค่า  15,756 ล้าน มียอดรอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่าสูงถึง 21,940  ล้านบาท โดยสามารถลดสินค้าคงค้างไปได้ถึง (Inventory) 41% จากปลายปี 2562

 พฤกษา เปิดใหม่ 29 โครงการ  เป้ารายได้ 3.2 หมื่นล้าน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในไตรมาส 4 ที่ใช้กลยุทธ์ทางด้านราคาผนวกกับโครงการฮีโร่โปรเจค      (Hero Projects) โดยทุ่มงบการตลาดไปยังโครงการที่มีศักยภาพสูง ทำให้รายได้ในไตรมาส 4 มีมูลค่า 9,584 ล้านบาท เติบโตจากไตรมาส 3 ถึง 51% พร้อมทั้งทำยอดขาย 5,807 ล้านบาท เติบโต 409% เมื่อเทียบกับยอดขายไตรมาสเดียวกันในปี  2562  

จากความสำเร็จจากไตรมาสที่ผ่านมา ส่งผลให้ในต้นปีนี้ พฤกษายังคงใช้กลยุทธ์ทางด้านราคาและโปรโมชั่นอย่างต่อเนื่อง  ปล่อยแคมเปญในไตรมาสแรก “มหกรรมแจกฟรี PRUKSA FREE FEST”  มอบสิทธิ อยู่ฟรี นานสูงสุดถึง 36 เดือน  หรือ ดอกเบี้ยฟรี 0% สูงสุด 36 เดือน หรือ ฟรี ค่าส่วนกลาง สูงสุดนานถึง 36 เดือน

โดยพฤกษาเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ให้ลูกค้าทั้งหมด ซึ่งมีโครงการทาวน์เฮาส์ บ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียมที่เข้าร่วมแคมเปญทั่วประเทศมากกว่า 1  พันยูนิต มูลค่ารวมอยู่ที่ 3,377 ล้านบาท และเชื่อว่าแคมเปญนี้กระตุ้นการตัดสินใจ และช่วยบรรเทาความกังวลสำหรับคนที่อยากมีบ้านได้ดี  ประกอบกับมาตรการรัฐที่ขยายระยะเวลาลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองเหลือ 0.01% ซึ่งถือเป็นกำไรเพิ่มอีกขั้นสำหรับลูกค้า  อย่างไรก็ตามเห็นว่าหากภาครัฐมีการขยายเพดานไปยังบ้านราคา 3-5 ล้านบาทด้วย มาตรการดังกล่าวน่าจะช่วยกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ และช่วยเหลือคนไทยที่อยากมีบ้านได้มากขึ้นไปอีก

สุดท้ายด้วยผลประกอบการในปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทฯ มีมติจ่ายเงินปันผลประจำปี 2563 ในอัตราหุ้นละ 0.96  บาท โดยจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.31 บาท จึงคงเหลือจ่ายเงินปันผลในรอบนี้ในอัตราหุ้นละ 0.65  บาท โดยจะนำเสนอขออนุมัติต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในเดือนเมษายน 2564  

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ธพส. ลุยโครงการก่อสร้างตามแผน อัดเม็ดเงินเข้าระบบการจ้างงาน

ธพส. ลุยโครงการก่อสร้างตามแผน อัดเม็ดเงินเข้าระบบการจ้างงาน

ธพส. ประกาศปี 2564 เดินโครงการก่อสร้างตามแผน หวังสร้างกลไกการจ้างงาน และกระจายรายได้ ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ พ้นวิกฤตจากพิษการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ เผยมีไม่น้อยกว่า 5 โครงการมูลค่ากว่า 8,000 ล้าน ด้านความคืบหน้าก่อสร้างอาคารจอดรถ เนรมิตแลนด์มาร์คแห่งใหม่บนถนนแจ้งวัฒนะ พร้อมคิกออฟเริ่มก่อสร้างปีนี้

ดร.นาฬิกอติภัค แสงสนิท กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด หรือ ธพส.หน่วยงานที่ถือหุ้นโดยกระทรวงการคลัง 100%  เปิดเผยว่า ในปีงบประมาณ 2564 ธพส. ไม่มีนโยบายชะลอการลงทุนหรือโครงการก่อสร้างใดๆ โดยกำหนดมีโครงการลงทุนใหม่อย่างน้อย 2 โครงการ และสานต่อการก่อสร้างโครงการที่ต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมาให้แล้วเสร็จตามสัญญา ซึ่งรวมแล้วมีไม่น้อยกว่า 5 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 8,000 ล้านบาท ได้แก่ งานก่อสร้างอาคารด้านทิศตะวันออก อาคารด้านทิศตะวันตก และอาคารสนับสนุน โครงการพัฒนาพื้นที่ส่วนขยายศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ แจ้งวัฒนะ โซนซี มูลค่าเกือบ 6,000 ล้านบาท งานก่อสร้างอาคารสำนักงานประหยัดพลังงาน พหลโยธิน มูลค่า 262 ล้านบาท งานก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์ประหยัดพลังงาน ให้กรมสรรพสามิต มูลค่า 200 ล้านบาท งานก่อสร้างโครงการบูรณาการสวัสดิการที่พักอาศัยกับสถานที่ทำงาน และศูนย์บริการของข้าราชการพลเรือนสามัญ ค่าก่อสร้าง 4 อาคารมูลค่ารวม 268 ล้านบาท และโครงการก่อสร้างที่พักอาศัยผู้สูงอายุ รามาฯ-ธนารักษ์ จังหวัดสมุทรปราการ มูลค่า 1,400 ล้านบาท

ธพส. ลุยโครงการก่อสร้างตามแผน อัดเม็ดเงินเข้าระบบการจ้างงาน

นอกจากนี้ ปี​ 2564 ธพส. ​ยังมีแผนดำเนินการก่อสร้างอาคารให้กับกรมสรรพสามิต 4 โครงการ ได้แก่ อาคารอเนกประสงค์กรมสรรพสามิต, อาคารสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่นนทบุรี, อาคารสำนักงานสรรพสามิตภาคที่ 7 จังหวัดนครปฐม และอาคารสำนักงานสรรพสามิตภาคที่ 10 กรุงเทพมหานคร มูลค่าโครงการรวมประมาณ 755 ล้านบาท
 ส่วนความคืบหน้าโครงการต่อเนื่องจากปีก่อน ได้แก่ โครงการส่วนขยายศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ แจ้งวัฒนะ โซนซี อาคารสำนักงานประหยัดพลังงาน 11 ชั้น พร้อมลานจอดรถใต้ดิน มูลค่าโครงการ 22,000 ล้านบาท กำหนดแล้วเสร็จปี 2566 และโครงการปรับภูมิทัศน์ “ต้นแบบเมืองสีเขียว” แลนด์มาร์คแห่งใหม่บนถนนแจ้งวัฒนะ พื้นที่กว่า 21 ไร่ ของศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ

แจ้งวัฒนะ พัฒนาเป็นพื้นที่ต้นแบบของการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เนรมิตพื้นที่เป็นเสมือนปอดอีกแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ ด้วยต้นไม้หลากหลายพันธุ์กว่า 1,200 ต้น เหลืองอร่ามด้วยดอกราชพฤกษ์ และดอกทองอุไร มีลานกิจกรรม สถานที่ออกกำลังกาย ให้ประชาชนโดยรอบได้ใช้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ตลอดจนโครงการก่อสร้างอาคารที่จอดรถ 11 ชั้น และศูนย์ซ่อมบำรุง (DEPOT) ซึ่งจะเชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะจากภายนอก ช่วยลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว และแก้ไขปัญหาการจราจรได้ในอนาคต

ธพส. ลุยโครงการก่อสร้างตามแผน อัดเม็ดเงินเข้าระบบการจ้างงาน

นางสาวกชกร วรอาคม นักภูมิสถาปัตย์ วางผังและออกแบบโครงการอาคารจอดรถ 11 ชั้น และศูนย์ซ่อมบำรุง (DEPOT) ให้แก่ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ แจ้งวัฒนะ กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการดังกล่าวว่า สามารถเริ่มก่อสร้างโครงการได้ภายในปีนี้ โดยล่าสุด แบบการก่อสร้างได้ผ่านการอนุมัติจากผู้บริหาร ธพส. เรียบร้อยแล้ว

โครงการอาคารจอดรถ 11 ชั้น และศูนย์ซ่อมบำรุง (DEPOT) ถูกออกแบบให้เป็นมากกว่าที่จอดรถ เมื่อก่อสร้างและปรับภูมิทัศน์เสร็จ อาคารจอดรถหลังนี้จะเป็นเสมือนหน้าบ้านของศูนย์ราชการที่อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เข้ามาใช้บริการทั้งผู้ที่นำรถมาจอดหรือผู้ใช้บริการขนส่งสาธารณะเกิดความประทับใจ ที่สำคัญคือสามารถรองรับผู้คนในทุกสภาพร่างกาย เช่นผู้พิการ ผู้สูงอายุ เป็นต้น ด้วยการออกแบบจัดวางตำแหน่งอาคาร และการสร้างโครงข่ายเชื่อมโยงกับระบบสาธารณูปโภค จะส่งให้อาคารหลังนี้ตอบทุกโจทย์ความต้องการของผู้ใช้บริการได้อย่างแท้จริง

ธพส. ลุยโครงการก่อสร้างตามแผน อัดเม็ดเงินเข้าระบบการจ้างงาน

“การออกแบบเราคำนึงถึงรูปแบบสถาปัตย์ ประโยชน์การใช้สอยที่สามารถเชื่อมโยงทุกการสัญจรในศูนย์ราชการ โดยอาคารจะต้องเชื่อมกับสถานีรถไฟฟ้าสายสีชมพู บริเวณทางเดินออกแบบให้เดินง่ายไม่ร้อน ซึ่งยังช่วยแก้ไขปัญหาการจราจรภายในศูนย์ราชการและชุมชนโดยรอบ” ดร.นาฬิกอติภัค กล่าว 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


บาทเปิด 29.99 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่า

บาทเปิด 29.99 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่า

เงินบาทเปิดตลาด 29.99 บาทต่อดอลลาร์ กลับมาแข็งค่า ตลาดจับตาตัวเลขส่งออกไทย-ถ้อยแถลงประธานเฟด

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 29.99 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากปิดตลาดเย็นวันที่ 22 กพ.64 ที่ระดับ 30.04 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากดอลลาร์ปรับตัวอ่อนค่าเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงินหลัก จากแรงเทขายทำกำไร และการส่งออกทองคำ

“บาทแข็งค่าจากเย็นวานนี้ตามตลาดโลกหลังมีแรงเทขายทำกำไร และการส่งออกทองคำหลังราคาปรับขึ้น” นักบริหารเงินกล่าว

สำหรับปัจจัยที่ตลาดจับตาดูเป็นการแถลงนโยบายของประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต่อสภาคองเกรส ส่วนปัจจัยในประเทศจะมีการแถลงตัวเลขส่งออกเดือน ม.ค.64

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 29.90-30.05 บาท/ดอลลาร์

ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com


วิ่งตอนไหนดี

วิ่งให้ดีต้องวิ่งเวลาไหน ดีที่สุดสำหรับ ร่างกาย? เป็นคำถามที่หลายคนคงรู้คำตอบ แต่วันนี้ Running Addict จะขอทวนบทความนี้อีกครั้ง สำหรับนักวิ่งมือใหม่หลายท่าน เพราะเราให้ความสำคัญกับนักวิ่งทุกคน ในตอนนี้หลายคน คงเกิดคำถามว่าวิ่งเวลาไหนมันก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ?

ใช่ครับเหมือนกัน ไม่ว่าจะวิ่งเช้า บ่าย หรือเย็น เพื่อนๆก็จะได้ออกกำลังกาย แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับร่างกายนั่นแหละที่ต่างกัน

การวิ่งตอนเช้า

ตอนเช้า เป็นช่วงที่ร่างกายของเราดีดออกห่างจากที่นอน ตื่นจากการหลับใหล ทำให้ร่างกายของเรามีสารแห่งความสุข (Endorphine) ที่ต่ำที่สุด

และการวิ่งคือสิ่งที่จะช่วยให้ร่างกายสามารถหลั่งสารแห่งความสุขนี้ได้มากขึ้น ทำให้เราเริ่มต้นเช้าวันใหม่ได้อย่างสดใสอย่างแท้จริง แค่การสูดหายใจเข้าลึกๆก็ทำให้เรามีความสุขได้

แถมยังมีผลการศึกษาที่บอกไว้ว่า การวิ่งในช่วงเช้าทำให้เราอยากลดอาหารอีกด้วย แต่ถึงเราไม่อยากทานแค่ไหนเราก็ควรมีอาหารว่างรองท้องสักนิด เนื่องจากตอนเช้าร่างกายของเราจะขาดน้ำตาล

แนะนำให้ทานอะไรที่มีพลังงานสูงและย่อยได้ง่าย อาทิ กล้วยหอม อัลมอนด์ มันเทศ

และอย่าลืมวอร์มอัปนะ เพราะเสี่ยงเกิดอาการบาดเจ็บได้ และถ้าเพื่อนๆอยากวิ่งในตอนเช้าอันสดใส ก็ควรพักผ่อนให้เพียงพอ 7-8 ชั่วโมง เพราะการเตรียมตัว คือสิ่งที่สำคัญที่สุดของนักวิ่ง

ตอนบ่าย-เย็น

ในตอนบ่าย ร่างกายจะมีอุณหภูมิที่สูงขึ้นกว่าตอนเช้า เพราะเราผ่านการทาน การเดิน และการใช้ชีวิตมาครึ่งวันแล้ว

แน่นอนว่าการเผาผลาญจะเป็นไปได้ดีกว่า และร่างกายได้รับสารอาหารเพียงพอจากช่วงเช้าและกลางวันแล้วนั่นเอง รวมถึงความพร้อมในการออกกำลังกายที่จะทำให้การวิ่งมีประสิทธิภาพมากที่สุด

แต่มีผลการศึกษาว่า การวิ่งในช่วงเย็นนั้น จะทำให้ร่างกายของเราตื่นตัวอย่างเต็มที่ ซึ่งอาจส่งผลให้เรานอนไม่หลับนั่นเองครับ

สรุปว่า การวิ่งเวลาเช้าหรือเย็น ช่วงไหนการออกกำลังกายก็ดีต่อร่างกายเสมอ ถึงเวลาไหนจะดีที่สุดแต่ก็ไม่เท่าเวลาที่เราสะดวกครับ

แค่เตรียมร่างกายให้พร้อม พักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ แค่นี้การวิ่งของเราก็จะมีความสุขและสนุกกับการออกกำลังกายครับ

ที่ผ่านมา มีการถกเถียงกันพอสมควรว่าวิ่งเวลาไหนเหมาะสมกับร่างกายของเรามากที่สุด

ซึ่งทางเพจเฟซบุ๊ก RunningAddict ชีวิตติดวิ่ง ได้ให้เหตุผลในแต่ละช่วงเวลาไปแล้วว่า มีผลดี และผลเสีย อย่างไรบ้าง

เอาเป็นว่าก็เหมือนกับในทุกๆเรื่อง ที่จะมีทั้งดีและไม่ดี ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบเสมอไป

ขอเพียงให้ยึดความพร้อมของร่างกาย ความปลอดภัย และความสะดวกของเราเป็นหลักเข้าไว้ พร้อมๆกับถามตัวเองให้ได้ว่า วิ่งแล้วยังมีความสุข อยู่หรือไม่

ถ้ามีทุกอย่างข้างต้น ควรต้องทำต่อไป…

ขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th


เปิด 8 ขั้นตอน รับการฉีดวัคซีนโควิด ใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง

เปิด 8 ขั้นตอนฉีดวัคซีนโควิด

กระทรวงสาธารณสุขจัดทำ 8 ขั้นตอนต้นแบบ ระบบการฉีดวัคซีนโควิด-19 ซึ่งเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ทั้งสำหรับโรงพยาบาลต่าง ๆ และผู้ที่จะเข้ารับการฉีดวัคซีนวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้เผยแพร่ 8 ขั้นตอน ต้นแบบระบบการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่โรงพยาบาล ซึ่งใช้เวลาเพียง 5-7 นาที รอดูอาการ 30 นาที ใช้เวลารวม 37 นาที เพื่อให้โรงพยาบาลต่าง ๆ นำไปปรับใช้ ดังนี้..ก่อนเข้ารับบริการ

ผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนจะต้องผ่านการคัดกรอง วัดไข้ ล้างมือ ก่อนเข้ารับบริการขั้นตอนที่ 1

ลงทะเบียน (ทำบัตร)ขั้นตอนที่ 2

ชั่งน้ำหนัก วัดความดันโลหิตขั้นตอนที่ 3

  • คัดกรอง/ซักประวัติ
  • ประเมินความเสี่ยง
  • ลงนามในใบยินยอมการรับวัคซีน

ขั้นตอนที่ 4

รอฉีดวัคซีนขั้นตอนที่ 5

ฉีดวัคซีน

ขั้นตอนที่ 6

พักสังเกตอาการ 30 นาที สแกน Line Official account “หมอพร้อม”

ขั้นตอนที่ 7

จุดตรวจสอบก่อนกลับ พร้อมรับเอกสารการปฏิบัติตัวหลังฉีดวัคซีน

Dash Board ประเมินผลความครอบคลุมการฉีดวัคซีนและอาการไม่พึงประสงค์ (Line OA หมอพร้อม)

สำหรับ Line OA หมอพร้อม

ขอบคุณข้อมูลจาก prachachat.net


ตอบรับคำทักทาย/ตอบกลับคำร่ำลา

ในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเราและผู้อื่น การทักทายต้องมาคู่กับการตอบรับคำทักทายและการร่ำลาก็ต้องมาคู่กับการตอบกลับคำร่ำลา ไม่ว่าจะเป็นทางการหรือไม่ก็ตาม

เมื่ออีกฝ่ายทักทายเรามา ไม่ว่าจะด้วยคำว่า Hello/ Good morning/ Good afternoon หรือ Good evening ก็ตาม เราต้องทวนคำนั้นๆ และตามด้วยคำว่า How do you do?
ตัวอย่างเช่น

หากอีกฝ่ายทักทายว่า…..
Good afternoon, Mr. Chaichana.
เราก็เพียงตอบรับว่า…..
Good afternoon, How do you do?
(ไม่จำเป็นต้องเรียกชื่ออีกฝ่ายกลับก็ได้ เพราะบ่อยครั้งที่เราก็ถูกทักทายโดยคนแปลกหน้า)

ทั้งนี้ คำถามที่ว่า “How do you do?” นั้น เป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ มันเป็นเพียงธรรมเนียมในการกล่าวทักทายเท่านั้น โดยจะใช้กับบุคคลที่เพิ่งพบกันครั้งแรกหรือรู้จักกันมาก่อนแล้วก็ได้

อย่างไรก็ดี โดยปกติแล้ว เมื่ออีกฝ่ายพูดว่า “How do you do?” เราก็ควรตอบกลับว่า “How do you do?” ซึ่งเป็นการตอบตามมารยาทเช่นเดียวกัน (ไม่ได้อยากรู้จริงๆว่าอีกฝ่ายสบายดีไหม)

หากเราเคยรู้จักกับอีกฝ่ายมาก่อนหน้านี้บ้างแล้ว เขาหรือเธออาจจะทักทายเพิ่มเติมว่า……

“I’m glad to meet you.”
เราก็แค่ตอบรับว่า…..
“Glad to meet you, too.”

หรือถ้าอีกฝ่ายบอกว่า “Nice to meet you.”“Pleased to meet you.
เราก็ตอบรับว่า “Nice to meet you, too.“/ “Pleased to meet you, too.

นอกจากการตอบรับว่า “…….., too” แล้ว เราสามารถพูดสั้นๆว่า “Likewise.” ก็ได้นะครับ
….แต่ถ้ามีการถามว่า How are you? เพิ่มมาด้วยล่ะก็ คราวนี้ล่ะยาวเลย กล่าวคือ บทสนทนาอาจจะเป็นไปในรูปแบบต่อไปนี้
Jack: Good morning, Jill
Jill: Good morning, Jack.
Jack: How are you ?
Jill: I’m fine, thank you. And you?
(นอกจากการถามว่า “And you?” แล้ว เรายังสามารถถามกลับว่า “Yourself?” ได้ด้วย)

ต่อมา เรามาดูกรณีการตอบกลับคำร่ำลากันบ้าง

หากอีกฝ่ายพูดว่า “Take care of yourself.
เราสามารถตอบกลับได้ว่า “Thank you. I will.” หรือ “Thank you. You, too.

ทั้งนี้ การตอบกลับคำร่ำลา จะไม่ซับซ้อนเหมือนการตอบรับคำทักทาย เพราะปกติแล้ว เราก็แค่พูดทวนวลีเดียวกันนั้นแก่อีกฝ่าย เช่น

หากอีกฝ่ายพูดว่า Goodbye. เราก็แค่พูดทวนว่า Goodbye.
หากอีกฝ่ายพูดว่า See you. เราก็แค่พูดทวนว่า See you.
หากอีกฝ่ายพูดว่า See you tomorrow. เราก็แค่พูดทวนว่า See you tomorrow. เป็นต้น

ยกเว้นเป็นการร่ำลาในเชิงต้องการคำตอบ เช่น

Hope to see you soon.
เราก็สามารถตอบว่า…
Yes, I hope so.” หรือ “You, too

หากอีกฝ่ายพูดว่า…
Please keep in touch
เราก็สามารถตอบว่า…
Yes, I will.” หรือ “You, too” เป็นต้น

คำถามทดสอบ:
1) เมื่ออีกฝ่ายทักทายว่า “How do you do?” เราต้องตอบรับอย่างไร
a. “How are you?” b. “May I help you?”
c. “How do you do?” d. ถูกทั้งข้อ a. และ b.
ตอบ ข้อ c. เพราะการพูดและตอบว่า “How do you do?” เป็นธรรมเนียมการทักทายในแบบเจ้าของภาษา

2) นอกจากการถามว่า “And you?” แล้ว เราสามารถถามอีกฝ่ายกลับว่าอย่างไร
a. “Yourself?” b. “Likewise” c. “Maybe?” d. ถูกทั้งข้อ a. และ b.
ตอบ ข้อ a. เพราะการถามว่า “Yourself?” ก็มีความหมายเดียวกับ “And you?”

3) นอกจากการใช้คำว่า “…, too” แล้ว เราสามารถตอบกลับอีกฝ่ายว่าอย่างไร
a. “Yourself?” b. “Likewise” c. “Maybe?” d. ถูกทั้งข้อ a. และ b.

 

ตอบ ข้อ b. เพราะคำว่า “Likewise” มีความหมายว่า “เช่นเดียวกัน”

ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th


โตโยต้า คัมรี่ ไมเนอร์เชนจ์ ซี-เอชอาร์ ใหม่ 2 รุ่นครึ่งปีแรก

โตโยต้า คัมรี่ ไมเนอร์เชนจ์ ซี-เอชอาร์ ใหม่ 2 รุ่นครึ่งปีแรก

โตโยต้า เล็งปรับความสดกลุ่มรถยนต์นั่ง ทั้ง โตโยต้า คัมรี่ ใหม่ และ โตโยต้า ซี-เอชอาร์ ใหม่ ภายในครึ่งปีแรก

โตโยต้า เตรียมบุกตลาดรถยนต์นั่ง ทั้ง การเปิดตัว รุ่น ไมเนอร์เชนจ์ โตโยต้า คัมรี่ ใหม่ และ โตโยต้า ซี-เอชอาร์ ใหม่ หลังฝ่ามรสุมขาดแคลนชิ้นส่วนการผลิต ตั้งเป้าขายรถยนต์นั่งปีนี้ 92,000 คัน

ปี2563 โตโยต้าปิดยอดขายรถยนต์นั่ง ได้ 68,152 คัน ลดลง 42.1% ถือเป็นการขายน้อยที่สุดในรอบกว่า 10 ปี และยังทวงคืนแชมป์ในตลาดนี้จาก ฮอนด้าไม่ได้ ขณะเดียวกันฮอนด้ายังเคลมว่า ทำยอดขายเป็นอันดับหนึ่งใน 4 เซ็กเมนต์ คือ 1.อีโคคาร์บวกซับคอมแพกต์ 2.คอมแพกต์คาร์ 3.รถยนต์นั่งขนาดกลาง 4.เอสยูวีขนาดใหญ่ (ไม่นับพีพีวี)

กลายเป็นว่า โตโยต้า โคโรลลา อัลติส และ โตโยต้า คัมรี่ ไม่สามารถทำยอดขายชนะ ซีวิค และ แอคคอร์ด มีเพียงกลุ่มอีโคคาร์(ไม่นับรวมซับคอมแพกต์อย่าง วีออส และ แจ๊ซ) ที่ ยาริส และ เอทีฟ ทำยอดขายรวมกันกว่า 4.6 หมื่นคันครองเจ้าตลาดได้ ทว่าปีนี้ตำแหน่งอาจสั่นคลอนเมื่อ ฮอนด้า ซิตี้ มาครบทั้งตัวถังซีดานและแฮตช์แบ็ก หวังขายรวมกันระดับ 5-6 หมื่นคันต่อปี

ที่ผ่านมา โตโยต้าต้องปรับแผนการผลิตรถยนต์ในไทยให้สอดคล้องกับสภาพตลาด และการเปลี่ยนผ่านโมเดลของตนเอง ตลอดจนข้อจำกัดเรื่องชิ้นส่วน เช่น ปัญหาล่าสุดคือ การขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ หรือชิปเพื่อใช้ในการผลิตชิ้นส่วนอีเลกทรอนิกส์จากซัพพลายเออร์ รวมถึงต้องแบ่งสรรปันส่วนแบตเตอรี่นิเกิลเมทัลไฮดราย ที่ใช้ประกอบรถไฮบริด อย่าง อัลติส, โคโรลลา ครอส และ ซี-เอชอาร์

โตโยต้า คัมรี่ ไมเนอร์เชนจ์ ซี-เอชอาร์ ใหม่ 2 รุ่นครึ่งปีแรก

โตโยต้า ผู้ได้ชื่อว่าเป็นบริษัทที่บุกเบิกการผลิตยุคใหม่(หมายถึงในรอบหลายทศวรรษที่ผ่านมา) หนึ่งในนั้นคือ วิธีลดต้นทุนด้านการบริหารจัดการ เช่นการผลิตแบบ Just in Time นำชิ้นส่วนจากแต่ละแหล่งมาประกอบรถได้ทันทีโดยไม่ต้องเก็บสต๊อก แต่ระบบนี้เมื่อโดนปัญหาขาดแคลนชิ้นส่วนเพื่อการผลิตทั่วโลก ย่อมเกิดปัญหาเช่นกัน

ปีนี้ โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ตั้งเป้าขายรถยนต์นั่งรวม 92,000 คัน (จากเป้าหมายรวมเก๋ง-ปิกอัพโตโยต้า 3 แสนคัน) แม้จะเพิ่มขึ้น 35% เมื่อเทียบกับปี 2563 แต่ยังเป็นตัวเลขตํ่า 1 แสนคัน ที่โตโยต้าไม่ค่อยคุ้นเคยนัก

ทีเด็ดของโตโยต้าในช่วงครึ่งปีแรก 2564 ที่จะทำให้ถึงเป้าหมายคือ การทำตลาด โตโยต้า คัมรี่ ไมเนอร์เชนจ์ ที่ทยอยเปิดตัวแล้วในหลายภูมิภาคทั่วโลก ทั้ง สหรัฐอเมริกา ยุโรป และ ญี่ปุ่น ส่วนเมืองไทยถ้าไม่ผิดแผนจะได้พบในงานบางกอก มอเตอร์โชว์ 2021

จากนั้นช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน จะเป็นคิวของ โตโยต้า ซี-เอชอาร์ ใหม่ ที่ปรับปรุงรูปลักษณ์ เพิ่มออพชันเล็กน้อย และมีขายเฉพาะรุ่นไฮบริด ซึ่งปี 2563 ทั้งปี บี-เอสยูวีรุ่นนี้ขายได้ 3,381 คัน น้อยกว่าน้องใหม่ โตโยต้า โคโรลลา ครอส ทำตลาดเพียงครึ่งปีหลังได้ยอดไป 12,945 คัน

ส่วนความเคลื่อนไหวในกลุ่มอีโคคาร์ ล่าสุดเปิดตัว ยาริส และเอทีฟ (ยาริส ตัวถังซีดาน) รุ่นพิเศษ PLAY Limited Edition พร้อมขยับราคาขึ้น 25,000 บาทจากรุ่นปกติ

ความพิเศษของ ยาริส และ เอทีฟ รุ่นพิเศษ PLAY คือ กระจังหน้าด้านบนสีดำเงา แปะสัญลักษณ์ชื่อรุ่น PLAY ที่ท้ายรถ เพิ่มสีใหม่ Ice Pink Metallic ล้ออัลลอยปัดเงาสีทูโทน

ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยโทนสีใหม่ เบาะหนังสีทูโทนขาว-ดำ เพิ่มลูกเล่นด้วยด้ายสี Dark Mulberryระบบปรับอากาศพร้อมแผ่นกรองอากาศใหม่ PM 2.5 กระจกบังลมหน้าใหม่ Acoustic Glass ช่วยดูดซับพลังงานความร้อน กล้องมองรอบคัน 360 องศา และระบบ PLAY CONNECT Car Telematics เทคโนโลยีเชื่อมต่อระหว่างผู้ขับกับตัวรถ

ยาริส รุ่น Sport Premium with Black Roofราคา7.09 แสนบาท รุ่น Sport ราคา 6.34 แสนบาท ส่วน เอทีฟ รุ่น Sport Premium ราคา 6.99 แสนบาท และ Sport ราคา 6.24 แสนบาท

สำหรับยอดขายเดือนมกราคม 2564 โตโยต้า ยาริส ทำได้ 1,977 คัน ลดลง 18% และ โตโยต้า เอทีฟ 1,548 คัน โต 1% โดยขายเป็นอันดับหนึ่งและอันดับสามในตลาดอีโคคาร์ตามลำดับ ส่วนอันดับสองเป็น ฮอนด้า ซิตี้ ซีดาน 1,777 คัน ขณะที่ยอดขายรวมทุกยี่ห้อในกลุ่มนี้ทำได้ 10,317 คัน ลดลง 43% เมื่อเทียบกับเดือนมกราคมปี 2563

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


สุดยอดประโยชน์จากขนุน

Jackfruit

ขนุน เป็นผลไม้กินได้ทั้งผลดิบนำมาแกง และผลสุกที่กินเนื้อ รวมถึงเม็ดขนุนก็นำมาต้ม-เผากินได้ เป็นวัตถุดิบในแกงต่างๆ ด้วย เนื้อขนุนเมื่อสุกจะมีกลิ่นหอม เนื้อหวานกรอบ กินอร่อย เป็นผลไม้จากต่างประเทศที่ได้ฉายาว่าเจ้าแห่งผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามิน ร่าตุ สารอาหาร คาร์โบไฮเดรต เส้นใย ไขมัน โปรตีน ไขมันอิ่มตัวแต่ไม่มีคอเลสเตอรอล
นอกจากกินเพื่อความอร่อยแล้ว ขนุน ยังมีประโยชน์ทั้งบำรุงร่างกาย และป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดโรคต่างๆ ได้อีกด้วย มาดูสุดยอดประโยชน์ของผลไม้อย่างขนุนกันเลยค่ะ

1. ลดการเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า
สำหรับผู้ที่เริ่มมีริ้วรอยบนใบหน้าลองนำเม็ดขนุนจุ่มนมเย็นและนำมาคลึงบน หน้าเบาๆ วิธีนี้จะช่วยลดริ้วรอยบนใบหน้าได้อย่างดี (ลองทำต่อเนื่องอย่างน้อย 6 สัปดาห์)

2. ลดอาการท้องผูก
สรรพคุณของเม็ดขนุนใช้เป็นยาระบายอ่อน ๆ ได้ เนื่องจากอุดมไปด้วยเส้นใยที่จะเข้าไปล้างพิษ

3. ช่วยให้ผิวเนียนใส
นำเม็ดแห้งของขนุนมาบดให้ละเอียดกับนมและน้ำผึ้ง ใช้มาร์กหน้าทิ้งไว้สักครู่แล้วล้างออก

4. โปรตีนสูง
เม็ดขนุนมีโปรตีนสูง สำหรับคนที่กำลังลดน้ำหนักลองเปลี่ยนจากกินถั่วมากินเม็ดขนุน (ต้ม) ก็ช่วยได้

5. ช่วยให้ผมสวยสุขภาพดี
ทานเม็ดขนุนสามารถช่วยในการไหลเวียนของเลือด เป็นผลดีกับผมช่วยให้เส้นผมยาวเร็วขึ้นอีกด้วย

6. มีวิตามินเอ
เม็ดขนุนเป็นแหล่งรวมวิตามินที่ดีสำหรับเส้นผม ป้องกันผมไม่ให้แห้งกร้านและเปราะบาง

7. สร้างภูมิคุ้มกัน
เป็นแหล่งวิตามินซีและมีสารต้านอนุมูลอิสระ สามารถสร้างระบบคุ้มกันให้แข็งแรงปกป้องอาการป่วยเล็กๆ น้อยๆ เช่น ไอ ไข้หวัด และไข้หวัดใหญ่

8. ให้พลังงาน
ขนุนอุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรต แคลอรี่รวมไปถึงน้ำตาลฟรุกโตส เป็นผลไม้ที่ไม่มีคอเรสเตอรอล กินได้ปลอดภัยสุขภาพดีชัวร์

9. ปกป้องการเกิดโรคมะเร็ง
ขนุนมีสารต้านอนุมูลอิสระและสารอาหารที่สามารถป้องกันจากโรคมะเร็งได้ และป้องกันมะเร็งในช่องปาก

10. รักษาความดันโลหิต
ขนุนมีโพแทสเซียมที่ช่วยลดระดับความดันโลหิตสูงและบำรุงหัวใจ

11. ช่วยปรับการย่อยอาหารให้ดีขึ้น
ขนุนอุดมไปด้วยเส้นใยอาหารที่เหมือนเป็นตัวช่วยหรือยาระบาย ช่วยย่อยอาหารและป้องกันอาการท้องผูก

12. ป้องกันการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่
ขนุนมี high in dietary fats จึงสามารถช่วยลดผลกระทบที่เกิดจากสารพิษในลำใส่ใหญ่และป้องกันมะเร็งที่อาจะ เกิดขึ้นได้ นอกจากนั้นสารต้านอนุมูลอิสระจะช่วยป้องกันริ้วร้อยที่เกิดจากวัยและความ เสื่อมสภาพของเนื้อเยื่อและอวัยวะของร่างกาย หรือที่เราเรียกว่า โรคเสื่อมนั่นเอง

13. บำรุงสายตา
เนื้อขนุนมีวิตามินและสารอาหารที่สำคัญต่อดวงตา และมีสารต้านอนุมูลอิสระช่วยป้องกันต้อกระจกและประสาทตาเสื่อม

14. ดีต่อผิวลดริ้วรอย
ปัจจัยทั้งเรื่องอายุที่เพิ่มขึ้นและวัยหมดประจำเดือน รังสียูวี หรือมลพิษต่างๆ ที่ทำให้ร่างกายดูแก่ก่อนวัย ขนุนมีสารต้านอนุมูลอิสระช่วยชะลอวัยและลดริ้วรอย

15. โรคหอบหืด
บรรเทาอาการหอบของคนที่เป็นโรคหอบหืดได้ ปัจจุบันมีผู้เป็นโรคหอบหืดหรือโรคที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจจำนวนไม่น้อย

16. เสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง
ขนุนอุดมไปด้วยแมกนีเซียมสร้างเสริมความแข็งแรงให้กับกระดูกและฟัน นอกจากนี้ยังสามารถช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน ขนุนมีโพแทสเซียมจะเข้าไปช่วยลดการสูญเสียแคลเซียมในไตและเพิ่มความหนาแน่น ของกระดูก

17. ห่างไกลโรคโลหิตจาง
ขนุนเต็มไปด้วยวิตามิน เอ ซี อี และเค มีไนอาซิน วิตามิน บี6 โฟเลต กรด pantothenic ทองแดงแมงกานีสและแมกนีเซียมที่จำเป็นสำหรับการสร้างเม็ดเลือด นอกจากสามารถดูดซึมธาตุเหล็กแล้วยังสามารถป้องกันโรคโลหิตจางได้ด้วย

18. บรรเทาอาการหวัด
เนื่องจากอุดมด้วยวิตามินซีจึงสามารถช่วยป้องกันอาการหวัดและการติดเชื้อได้ เพียงคุณรับประทานขนุน 5 – 6 ชิ้นคุณก็จะได้รับทั้งสารต้านอนุมูลอิสระและการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน

19. ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
ระดับน้ำตาลในเลือดสูงอาจเกิดจากการขาดแมงกานีส โดยในขนุนมีแมงกานีส (จากข้อ17) จึงช่วยลดหรือควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้

20. ป้องกันการสูญเสียมวลกระดูก
ขนุนอุดมไปด้วยแมกนีเซียมที่ช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง พบว่าคนที่ได้รับแมกนีเซียมและโพแทสเซียม จะมีมวลกระดูกสูงและกระดูกแข็งแรง ถ้าสงสัยว่ามวลกระดูกตรงนี้มีผลต่อร่างกายอย่างไร ลองนึกถึงคนที่มีมวลกระดูกน้อย ๆ พออายุมากขึ้นกระดูกสันหลังจะสึกกร่อนทีละนิด ทำให้หลังค่อมหรือดูตัวเตี้ยลงนั่นเอง ส่วนคนที่อายุยังน้อยเมื่อเกิดอุบัติเหตุอาจจะส่งผลให้กระดูกหักง่ายนั่นเอง ค่ะ

21. ช่วยให้ต่อมไทรอยด์มีสุขภาพดี
คอปเปอร์เป็นสิ่งสำคัญสำหรับขบวนการเมตาบอลิซึมของต่อมไทรอยด์โดยเฉพาะอย่าง ยิ่งสำหรับการดูดซึมและการผลิตฮอร์โมน ซึ่งขนุนก็เป็นตัวตอบโจทย์ได้ดีเลยทีเดียวเพราะเต็มไปด้วยแร่ธาตุที่มี ประสิทธิภาพต่อกระบวนการดังกล่าวและทำให้อัตราการเผาผลาญเป็นไปด้วยดีต่อสุขภาพ

22. ป้องกันโรคตาบอดกลางคืน
ขนุนเป็นประโยชน์ต่อดวงตาอย่างมากและอุดมไปด้วยวิตามินเอที่ช่วยป้องกันไม่ให้ตาบอดกลางคืนได้
*** อาการตาบอดกลางคืน คือ ผู้ที่มองเห็นภาพวัตถุในที่มีแสงสลัวในที่มืดไม่ชัดเจนในช่วงแรก ก่อนที่จะปรับตาเพื่อให้เห็นชัดจะช้ากว่าปกติหรือเรียกว่า Slow dark adaptation

23. ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ
ผลขนุนยังมีวิตามิน บี6 ที่จะช่วยลดระดับโฮโมซิสเตอีนในเลือด ทำให้หัวใจแข็งแรง

24. ช่วยสมานแผล
ขนุนมีคุณสมบัติในการสมานแผลที่น่าทึ่ง นอกจากนี้ยังช่วยบรรเทาอาการผิดปกติอื่นๆในระบบทางเดินอาหารด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก bth.co.th


ชนิดทอง ราคารับซื้อ กรัมละ ราคารับซื้อ บาทละ ราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5% n/a 25,650.00 25,750.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,661.00 25,180.76 26,250.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,494.90 22,662.68 n/a
ทองรูปพรรณ 80% 1,328.80 20,144.61 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 747.00 11,324.52 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 581.00 8,807.96 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,721.00 26,090.36 n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 23/02/2564

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 95 26.05 26.05 26.05 26.05 26.05 26.05 26.05 26.05 26.05 26.05
แก๊สโซฮอล์ 91 25.78 25.78 25.78 25.78 25.78 25.78 25.78 25.78 25.78 25.78
แก๊สโซฮอล์ E20 24.54 24.54 24.54 24.54 24.54 24.54 24.54 24.54 24.54
แก๊สโซฮอล์ E85 20.54 20.54 20.54
เบนซิน 95 33.46 33.91 33.96 33.46 33.46
ดีเซล B7 26.99 26.99 26.99 26.99 26.99 26.99 26.99 26.99 26.99 26.99
ดีเซล 23.99 23.99 23.99 23.99 23.99 23.99 23.99 23.99 23.99 23.99
ดีเซล B20 23.74 23.74 23.94 23.74 23.74 23.74 23.74
ดีเซลพรีเมี่ยม 31.44 31.46 33.44 32.84 31.44
แก๊ส NGV 13.35 13.35 13.35
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า