“เอสซีจี เซรามิกส์” ครึ่งปีแรก ฝ่าโควิด ดีเกินคาด
“เอสซีจี เซรามิกส์”ครึ่งปีแรก ฝ่าโควิด ดีเกินคาด เตรียมจัดทัพมุ่งสู่ธุรกิจติดตั้ง-ตกแต่ง-ต่อเติม พร้อมรับมือตลาดซ่อม-สร้าง
แม้ว่าวิกฤตโควิดที่เกิดขึ้นตลอดไตรมาสที่ 2 จะทำให้ยอดขายลดลงทั้งในประเทศและส่งออกต่างประเทศแต่บริษัทฯมีกำไรเพิ่มขึ้น 95% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากสามารถบริหารจัดการช่องทางจัดจำหน่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดค่าใช้จ่ายในการบริหารลงได้โดยปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานเป็นออนไลน์มากขึ้น ปรับตัวได้รวดเร็วตามพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของลูกค้า ตลอดจนต้นทุนพลังงานที่ลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา จึงทำให้ผลประกอบการในไตรมาสนี้ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้

สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2563 ถึงแม้ว่าสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงจากปัญหา COVID-19 จะทำให้บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 4,892 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 16 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่บริษัทฯ ยังสามารถทำกำไรสำหรับงวดได้ถึง 166 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ซึ่งดีกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก
นายนำพล เปิดเผยว่า “บริษัทฯ มียอดขายทั้งในประเทศและต่างประเทศลดลงจากปีก่อน โดยเฉพาะในช่วงที่มีมาตรการล็อคดาวน์ซึ่งมีการปิดช่องทางจัดจำหน่ายหลัก คือ ร้านโมเดิร์นเทรดทุกแห่ง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบริษัทฯ มีช่องทางจัดจำหน่ายที่หลากหลาย และมีการบริหารจัดการช่องทางจัดจำหน่ายแต่ละรูปแบบ อย่างมีประสิทธิภาพจึงทำให้ได้รับผลกระทบบ้างแต่ไม่มากจนเกินไป เนื่องจากผู้บริโภคยังสามารถเข้าถึงสินค้าของบริษัทฯ ได้จากหลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นร้านผู้แทนจำหน่าย คลังเซรามิค และช่องทางออนไลน์ นอกจากนี้ เรายังได้ร่วมมือกับร้านโมเดิร์นเทรดเพื่อช่วยกระตุ้นการขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ด้วยในช่วงที่หน้าร้านปิดทำการ ทำให้ยอดขายผ่านทางช่องทางนี้โดยรวมโตขึ้นถึง 300% ด้านคลังเซรามิคมียอดขายสูงกว่าเป้าหมายทุกเดือน ในขณะที่ร้านผู้แทนจำหน่ายส่วนใหญ่ยังมียอดขายทรงตัว”
ในส่วนของการส่งออกไปยังตลาด CLM อเมริกา ยุโรป และโอเชียเนีย ได้รับผลกระทบแตกต่างกันไปตามสถานการณ์ความรุนแรงของการระบาดของโควิด-19ในแต่ละพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาสที่ผ่านมาบริษัทฯ สามารถดำเนินการผลิตและขนส่งสินค้าอย่างต่อเนื่องไม่หยุดชะงัก จึงทำให้ผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก และขณะนี้ตลาดส่งออกเริ่มดีขึ้นบ้างในกลุ่มประเทศที่กำลังฟื้นตัวโดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLM
สำหรับแผนงานของบริษัทฯ ภายหลังจากนี้ นายนำพลเปิดเผยว่า ผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้วิถีชีวิตของคนเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะพฤติกรรมผู้บริโภคที่ใช้ชีวิตอยู่บ้านมากขึ้นและมีความตระหนักถึงเรื่องความสะอาดและความปลอดภัยภายในบ้านเพิ่มขึ้น เป็นโอกาสดีของบริษัทฯที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ ในกลุ่ม Health and Clean เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ต้องการปรับแต่งพื้นที่อยู่อาศัย
ให้เอื้อต่อการมีสุขภาวะที่ดี ปลอดภัย สะอาดไร้กังวลและสร้างความอุ่นใจในการอยู่อาศัย โดยในช่วงไตรมาสที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้เร่งออกสินค้าเพื่อตอบสนองลูกค้ากลุ่มนี้ อาทิ กระเบื้อง Hygienic Tile หรือ กระเบื้องยับยั้งแบคทีเรีย จาก COTTO ที่ใช้เทคนิคในการผสมสารซิลเวอร์นาโนในเนื้อกระเบื้อง ทำให้สามารถยับยั้งการเกิดเชื้อแบคทีเรียได้ตลอดอายุการใช้งานซึ่งแตกต่างจากการใช้น้ำยาฆ่าเชื้อที่ออกฤทธิ์ขณะใช้งานและจะหมดประสิทธิภาพลงอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ขยายพอร์ทสินค้าเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนยุคนี้ที่ให้ความสำคัญไม่เพียงแต่ความสะอาด แต่ยังต้องคำนึงถึง ความสะดวก ปลอดภัย และสวยงาม อีกด้วย บริษัทฯจึงมุ่งเน้นพัฒนาออกสินค้าและบริการเพื่อตอบโจทย์ลูกค้า เช่น แผ่นปูพื้น LT แบบ Smart Flexible by COTTO ซึ่งเป็นวัสดุปูพื้นที่มีดีไซน์สวยงาม ติดตั้งง่าย รวดเร็ว และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และล่าสุด กระเบื้องรุ่น 4D+ จาก CAMPANA และ SOSUCO ที่เพิ่มประสิทธิภาพในการกันลื่นเพื่อความปลอดภัยได้ดียิ่งขึ้น โดยยังคงให้ผิวสัมผัสที่่นุ่มละมุนสบายแตกต่างจากเดิม
ที่สำคัญ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่ ต้องการปรับปรุงที่พักอาศัย (รีโนเวต) บริษัทฯ ได้มีการขยายธุรกิจให้บริการติดตั้ง ภายใต้ชื่อ C’TIS (Certified Tile Installation Service) เพื่อให้บริการสร้างซ่อม ตกแต่ง ต่อเติม ติดตั้งกระเบื้องและวัสดุกรุผิว ด้วยทีมช่างมืออาชีพที่ผ่านการรับรองคุณภาพมาตรฐานกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
“เราเริ่มต้นจากธุรกิจติดตั้งกระเบื้องเมื่อประมาณปลายปีที่แล้ว ได้รับการตอบรับที่ดีมากจากลูกค้าหลากหลาย ทั้งกลุ่มที่ต้องการปรับปรุงบ้านที่อยู่อาศัย หน่วยงานราชการ โรงพยาบาล จากนี้ จึงคาดว่าจะต่อยอดเป็น ธุรกิจสร้างซ่อม ตกแต่ง ต่อเติม ติดตั้งวัสดุกรุผิว ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้นนอกเหนือจากกระเบื้องเซรามิก ไม่ว่าจะเป็นอลูมิเนียมคอมโพสิตสำหรับอาคารสูงและอาคารทั่วไป หรือวัสดุกลุ่ม Resilient Flooring ได้แก่แผ่นปูพื้น LT แบบ Smart Flexible by COTTO เพื่อเจาะตลาดงานต่อเติมบ้านและอาคารขนาดเล็ก โดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือ บ้านในโครงการต่าง ๆ ที่ผ่านมาลูกค้าส่วนใหญ่นิยมใช้บริการของ C’TIS ในการต่อเติมโรงจอดรถ ปูกระเบื้องสระว่ายน้ำ ปูพื้นห้องคอนโดมิเนียม คงานตกแต่งอาคารสถานที่ด้วยกระเบื้องขนาดใหญ่ ลูกค้าที่สนใจใช้บริการติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ทาง เฟซบุ๊กเพจ C’TIS หรือ COTTO Life และร้านผู้แทนจำหน่ายในพื้นที่ต่าง ๆ ขณะนี้ มีจุดให้บริการที่กรุงเทพ เชียงใหม่ ระยอง และชลบุรี โดยมีแผนที่จะเปิดเพิ่มอีก 30 จุดทั่วประเทศ ภายใน 2 ปีนี้” นายนำพล กล่าว
ปัจจุบัน C’TIS มีทีมช่างประมาณ 100 คนที่ให้บริการด้านสร้าง ซ่อม ตกแต่ง ต่อเติม ติดตั้ง และยังคงเปิดรับสมัครทีมช่างจำนวนมากเข้ามาร่วมงาน โดยจะมีการอบรมให้ความรู้ตามมาตรฐานของ C’TIS พร้อมกับมอบหมายงานให้ทีมช่างอย่างสม่ำเสมอ
“คาดว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นจะยังคงส่งผลต่อทั้งระบบเศรษฐกิจไปอีกระยะหนึ่ง โดยมีหลายปัจจัยที่ควรเฝ้าระวัง เช่น แนวโน้มตัวเลขผู้ติดเชื้อ ความชัดเจนของการผลิตวัคซีนป้องกัน และสภาพคล่องของระบบเศรษฐกิจ ในส่วนของตลาดกระเบื้องเซรามิกอาจจะได้รับผลกระทบจากภาคอสังหาริมทรัพย์และกำลังซื้อที่ลดลงของประชาชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าหลังจากนี้ไปสถานการณ์ตลาดในประเทศจะค่อย ๆ คลี่คลายลงตามลำดับ ตามที่ภาครัฐมีแนวทางและมาตรการต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาคาดว่าจะมีส่วนช่วยให้ตลาดมีความต้องการใช้กระเบื้องเซรามิกและวัสดุก่อสร้างดีกว่าในไตรมาสก่อน โดยบริษัท ฯ ได้มีการเตรียมความพร้อมในการวางแผนการผลิตเพื่อบริหารสต๊อกสินค้าให้สอดรับกับความต้องการของตลาดและจับตาดูพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างใกล้ชิดด้วย ทั้งนี้ ยังต้องรอดูทิศทางของ COVID-19 หากไม่มีการระบาดระลอก 2 มั่นใจว่าจะเป็นไปตามแผนงานระยะฟื้นฟูตามที่บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายไว้” นายนำพล กล่าวสรุป
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ไตรมาส2 คอนโดฯกทม.เปิดตัว 1,250หน่วย ต่ำสุดรอบ 10ปี
ตลาดคอนโดฯไตรมาส2ในกทม.ชะลอตัวหนัก เปิดตัวใหม่แค่1,250หน่วย ต่ำสุดในรอบ 10ปี ลดลง จากไตรมาสแรก 74% ชี้โควิดมา ขอสินเชื่อยาก โรงแรม การท่องเที่ยวปิดกิจการ
ตลาดคอนโดมิเนียมชะลอตัวลงแบบชัดเจนทั้งจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวเพราะผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งมีผลโดยตรงต่อรูปแบบการใช้ชีวิตและการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไป การปิดโครงการพื้นที่ค้าปลีกหรือการปิดกิจการทั้งแบบชั่วคราวและถาวรของหลายๆ บริษัทมีผลโดยตรงต่อกำลังซื้อของคนไทยที่ความเชื่อมั่นลดลงและเลือกที่จะใช้จ่ายลดลง การซื้อที่อยู่อาศัยในตอนนี้ไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสม แต่สำหรับคนที่มีความพร้อมกลับกลายเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดเพราะสามารถได้ที่อยู่อาศัยไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือคอนโดมิเนียมในราคาไม่สูงอีกทั้งยังมีของแถมหรือส่วนลดพิเศษเพิ่มเติมอีก แต่สำหรับคนทั่วไปก็ยากลำบากในการขอสินเชื่อมากขึ้น โดยเฉพาะคนที่ทำงานในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบชัดเจนทั้งธุรกิจการบิน สนามบิน โรงแรม การท่องเที่ยว อาหารและเครื่องดื่ม รวมไปถึงคนที่ทำงานในอุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศที่คำสั่งซื้อหรือยดการผลิตลดลงจนต้องปิดกิจการชั่วคราวและถาวรมากขึ้นแบบที่เห็นนข่าว โครงการที่อยู่อาศัยรอบสนามบิน รอบนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่งได้รับผลกระทบบ้างแล้วในช่วงไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมา
ฟีนิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนซัลแทนซี่ระบุว่า คอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในไตรมาสที่ 2 ปี2563 มีทั้งหมดประมาณ 1,200 หน่วยลดลงจากไตรมาสที่ 1 ประมาณ 74% เป็นจำนวนคอนโดมิเนียมปิดขายใหม่ใน 1 ไตรมาสต่ำที่สุดในรอบ 10 กว่าปีที่ผ่านมา และเมื่อรวมกับคอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่ในไตรมาสที่ 1 ปี2563 เปิดขายใหม่ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้เพียงประมาณ 5,800 หน่วยแน่นอนว่ายังคงต่ำที่สุดในรอบ 10 กว่าปีที่ผ่านมา
คอนโดมิเนียมที่เปิดขายในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้เป็นคอนโดมิเนียมในช่วงราคาไม่เกิน 100,000 บาทต่อตารางเมตรมากถึงประมาณ 77% ของจำนวนคอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ผู้ประกอบการเลือกเปิดขายโครงการราคาไม่แพงในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว โดยอัตราการขายเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ประมาณ 36% เท่านั้น แสดงให้เห็นถึงภาวะเศรษฐกิจ ความเชื่อมั่นของกำลังซื้อได้เป็นอย่างดีว่าอยู่ในภาวะถดถอยแบบชัดเจน และการที่ผู้ประกอบการเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ลดลงในช่วง 6 เดือนแรกของปีก็เป็นการแสดงออกชัดเจนของผู้ประกอบการว่าพวกเขาให้ความสนใจโครงการคอนโดมิเนียมลดลงแต่ไปเพิ่มสัดส่วนของโครงการบ้านจัดสรรมากขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ผู้ใช้บัตรผวาหนักภัยไซเบอร์ล้วงข้อมูล
อุรุจ เบอร์นี่ Senior Principal, Data and Services มาสเตอร์การ์ด เปิดเผยว่า 62% ของผู้บริโภคมีความกังวลเกี่ยวกับการฉ้อโกงหรือการโจรกรรมเอกลักษณ์บุคคล ในขณะที่องค์กรมีความกังวลต่อประเด็นดังกล่าวเพียง 43%
ผลการสำรวจล่าสุดพบมุมมองต่อความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ที่แตกต่างกันระหว่างองค์กรและผู้บริโภคซึ่งถือเป็นสิ่งที่ต้องการการแก้ไขอย่างเร่งด่วนก่อนที่จะมีอาชญากรรมทางไซเบอร์เกิดขึ้น
จากผลสำรวจที่ได้รับการสนับสนุนโดยมาสเตอร์การ์ดและจัดทำโดย Harvard Business Review Analytic Services 62% ของผู้บริโภคมีความกังวลเกี่ยวกับการฉ้อโกงหรือการโจรกรรมเอกลักษณ์บุคคล ในขณะที่เพียง 43% ขององค์กรมีความกังวลต่อประเด็นดังกล่าว
ตัวเลขที่ต่างกันนี้มีความอันตรายและอาจจะส่งผลต่อองค์กรในโลกที่เชื่อมต่อกันอย่างมากในปัจจุบัน ผลกระทบทางเศรษฐกิจของอาชญากรรมด้านไซเบอร์นั้นมีความรุนแรงอย่างชัดเจน โดยคาดการณ์ว่าในปี 2021 ผลกระทบทางเศรษฐกิจจะมีมูลค่าถึง 6 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่าปี 2015 ที่ 3 ล้านล้านดอลลาร์ถึงเท่าตัว นอกจากนี้การสูญเสียความไว้วางใจจากกลุ่มลูกค้าก็เป็นอีกเรื่องที่น่ากังวล การใช้งบประมาณไปกับการป้องกันด้านไซเบอร์เพิ่มขึ้น 12-15 เปอร์เซ็นต์ต่อปี แต่จำนวนอาชญากรรมด้านไซเบอร์กลับนำหน้าการป้องกันที่ถูกนำมาปรับใช้ ทำให้เห็นว่าการป้องกันทางไซเบอร์ถือเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญและควรใช้ทรัพยากรในการพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพ
เพื่อตอบสนองความคาดหวังของผู้บริโภค องค์กรต้องพัฒนาและยกระดับมาตรการการลงทุนอย่างฉลาดมากขึ้น แนวคิดที่ว่าความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์เป็นมากกว่าเรื่องของเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นหลักสำคัญในการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดในอนาคต และถึงแม้ว่าประเด็นความปลอดภัยทางไซเบอร์จะเป็น 1 ใน 3 ปัญหาหลักระดับโลกในทุกอุตสาหกรรม แต่ก็ยังมีช่องทางที่องค์กรยังสามารถพัฒนาในเรื่องดังกล่าวด้วยการลงทุนด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ โครงสร้างการรายงานในองค์กร และการจัดระดับผู้บริหารความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศในองค์กร ดังนั้น ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ถือเป็นความรับผิดชอบและข้อผูกพันของทุกคนไม่ว่าจะตำแหน่งไหนก็ตาม
พยายามอย่าใช้โซลูชั่นแบบผสมปนเป
การซื้อฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เพิ่มมากขึ้นไม่ได้หมายความว่า จะช่วยให้สามารถปกป้องข้อมูลได้ดีขึ้น หลายๆ บริษัทได้ใช้วิธีเพิ่มชั้นของการปกป้องข้อมูลให้ซับซ้อนขึ้นด้วยการเพิ่มเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องมาหลายปี โดยไม่ได้ปรับปรุงระบบความปลอดภัยหรือลดความเสี่ยงของตนลงอย่างแท้จริง
สิ่งที่ตามมาคือ โซลูชั่นที่เอาหลายสิ่งหลายอย่างมาผสมกัน แต่ไม่สอดรับกันอย่างเหมาะเจาะ และยังต้องหาทีมงานด้านความปลอดภัยที่ใหญ่ขึ้นเพื่อให้สามารถดูแลระบบเหล่านั้นได้ พร้อมไปกับข้อมูลดิบจำนวนมากที่ยากต่อการเอามาใช้อย่างมีประสิทธิภาพพอในเชิงธุรกิจ
แทนที่จะผัดผ่อนการลงทุนด้านไซเบอร์ไปเรื่อยๆ ธุรกิจจำเป็นต้องคิดถึงความจำเป็นในแต่ละปี และลงทุนเฉพาะกับโซลูชั่นที่ให้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่วัดได้ชัดเจนและช่วยลดความเสี่ยงทางไซเบอร์
การลงทุนทางไซเบอร์ที่ให้ผลตอบแทนที่เห็นได้จริงจะต้องใช้งานได้และช่วยจัดระบบของเครื่องมือและขั้นตอนที่ทำงานได้ดังต่อไปนี้
วัดและประเมินความเสี่ยงจากมุมมองของผู้บุกรุกทางไซเบอร์และมองเห็นจุดอ่อนที่ผู้บุกรุกสามารถเข้าโจมตีใช้ข้อมูลนั้นๆ เพื่อให้เกิดการทำงานประสานกันข้ามฟังก์ชั่นต่างๆ และจัดลำดับการให้ความสำคัญของความปลอดภัยของข้อมูลทั่วทั้งธุรกิจ
มีการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอว่าหลักเกณฑ์ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์และความรับผิดชอบต่อข้อมูลยังอยู่ในระดับที่ยังรับความเสี่ยงได้
บริษัทที่มีแนวคิดที่พร้อมยกระดับการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลให้ครอบคลุมข้อมูลทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลจากผู้บริโภค พนักงาน พันธมิตรธุรกิจ หรือข้อมูลองค์กรเอง จะได้ประโยชน์อย่างมากจากการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์
การเคารพในความเป็นส่วนตัวของข้อมูลและความไว้วางใจเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
นอกเหนือจากเรื่องเชิงเทคนิคด้านความปลอดภัยของข้อมูลแล้ว การบริหารข้อมูลและความเคารพในความเป็นส่วนตัวควรเป็นหลักการสำคัญของทุกธุรกิจ โดยเฉพาะในยุคที่เศรษฐกิจดิจิตัลกำลังเติบโตเช่นนี้ การตอกย้ำถึงความเคารพในความเป็นส่วนตัวของข้อมูลจะช่วยให้พนักงานทุกคนเข้าใจว่าตนเองมีความรับผิดชอบ และช่วยให้เกิดความไว้วางใจในหมู่ลูกค้า ส่งผลให้เกิดเป็นแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดทั้งในการบริหารข้อมูลและความปลอดภัยทางไซเบอร์
การไม่ให้ความสำคัญต่อความเป็นส่วนตัวของข้อมูลและไม่ให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นเรื่องที่ส่งผลเสียอย่างมาก แน่นอนว่า การละเมิดความปลอดภัยของข้อมูลจะก่อให้เกิดความเสียหายในวงกว้างในการทำธุรกิจ แต่ชื่อเสียงที่เสียไปคือความเสียหายที่ยิ่งใหญ่กว่า การจะทำให้ผู้บริโภคกลับมาไว้วางใจและมีความเชื่อมั่นเหมือนเดิม ซึ่งเป็นหัวใจของการสร้างความภักดีในหมู่ลูกค้านั้นยากยิ่งกว่าการกู้ข้อมูลกลับคืนมาหลายเท่า
เมื่อระบบดิจิตัลขยายตัวสู่ความเป็นสมาร์ทโฮม อุปกรณ์อัจฉริยะต่างๆ รถยนต์อัจฉริยะ และสมาร์ทซิตี้ เท่ากับว่ามีหนทางที่แฮ็กเกอร์สามารถเจาะเข้าระบบต่างๆ ได้มากมายขึ้น การเตรียมการและมาตรการปฏิบัติที่ไม่เพียงพอในวันนี้จะกลายเป็นหายนะของธุรกิจในอนาคต นอกจากความเสียหายต่อธุรกิจแล้ว การโจมตีทางไซเบอร์ยังเป็นอันตรายต่อลูกค้าโดยตรง ด้วยการขโมยอัตลักษณ์ของลูกค้า ประวัติสุขภาพ และข้อมูลส่วนตัวอื่นๆ การขโมยข้อมูลในรูปแบบดังกล่าวส่งผลโดยตรงต่อเรื่องทั่วๆ ไปเช่น การขออนุมัติเครดิตการ์ด หรือการพิจารณาคุณสมบัติการทำประกันเพื่อให้ได้อัตราที่ดีที่สุด ซึ่งส่งผลเสียทั้งต่อลูกค้าและต่อบริษัทด้วย
การสูญเสียความไว้วางใจของลูกค้านำมาซึ่งความเสียหายอย่างมาก การสำรวจทั่วโลกโดย Gemalto ระบุว่า 64% ของผู้บริโภคกล่าวว่าจะไม่ทำธุรกิจใดๆ กับบริษัทที่เคยเกิดกรณีการขโมยข้อมูลด้านการเงินหรือข้อมูลสำคัญๆ อื่นๆ ของลูกค้า
เห็นได้ชัดว่า ลูกค้าพร้อมที่จะลงโทษบริษัทที่ไม่มีมาตรฐานด้านการรักษาความลับของข้อมูลและความปลอดภัยทางไซเบอร์สูงพอ การสำรวจโดย Harvard Business Review ระบุว่า ผู้บริหารส่วนใหญ่เข้าใจเรื่องนี้ดี โดย 88% กล่าวว่าความกังวลของผู้บริโภคเกี่ยวกับดาต้าถือเป็นความสำคัญขั้นสูงในกลยุทธและการทำงานของบริษัท แต่มีบริษัทเพียง 51% เท่านั้นที่ให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยและการปกป้องข้อมูลลูกค้าในอันดับต้นๆ แสดงให้เห็นว่า ยังจำเป็นที่จะต้องทำให้คนเล็งเห็นความสำคัญของเรื่องนี้มากขึ้น จำเป็นต้องมีการลงทุนและการวางแผนอย่างมีกลยุทธและด้วยความระมัดระวังเพื่อปิดช่องว่างระหว่างจุดที่ผู้บริโภคต้องการความรู้สึกปลอดภัยในกิจกรรมออนไลน์กับสิ่งที่บริษัทต่างๆ กำลังนำเสนอแก่ผู้บริโภคเหล่านั้น
เรื่องนี้จำเป็นต้องใช้ความพยายามอย่างมาก แต่ผลที่ตามมาสำหรับการทำสิ่งที่ถูกต้องจะยิ่งใหญ่กว่า ผู้บริโภคกำลังจับตามองอย่างใกล้ชิดเกี่ยวกับ การเก็บข้อมูล การใช้ข้อมูลและการปกป้องข้อมูล ความไว้วางใจจากลูกค้ามีค่ามหาศาลเกินกว่าที่จะมีธุรกิจใดสามารถสูญเสียความไว้วางใจนั้นไปได้
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
“ลิเวอร์พูล” สร้าง 1 สถิติสุดโหดหลังเกมถล่ม “เชลซี” ชูถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีก
“ลิเวอร์พูล” สร้าง 1 สถิติสุดโหดหลังเกมที่พวกเขาเปิดบ้านเอาชนะ “เชลซี” ด้วยสกอร์ 5-3 และจบเกมดังกล่าวพวกเขาก็ได้ชูถ้วยแชมป์ “พรีเมียร์ลีก” อย่างเป็นทางการ
วันที่ 23 ก.ค. 63 ความเคลื่อนไหวหลังจากที่ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ทีมดังแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เปิดสนาม แอนฟิลด์ เอาชนะผู้มาเยือนอย่าง “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี 5-3 ในเกมลีกนัดที่ 37 หรือนัดรองสุดท้ายประจำฤดูกาล 2019-20 เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา ซึ่งหลังจบเกมดังกล่าวพวกเขาก็ได้ชูถ้วยแชมป์ พรีเมียร์ลีก สมัยแรกในประวัติศาสตร์อย่างเป็นทางการและถือเป็นแชมป์สูงสุดครั้งแรกในรอบ 30 ปีเลยทีเดียว
เป็นที่เข้าใจกันว่า 5 ประตูดังกล่าวของเจ้าบ้าน “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล มาจาก นาบี เกอิตา นาทีที่ 23, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ นาทีที่ 38, จอร์จินิโอ ไวนัลดุม นาทีที่ 43, โรแบร์โต เฟอร์มิโน นาทีที่ 55 และ อเล็กซ์ อ็อซ์เลด-แชมเบอร์เลน นาทีที่ 84 ขณะที่ทีมเยือน “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ได้ประตูจาก โอลิวิเยร์ ชิรูด์ นาทีที่ 45+3, แทมมี อับราฮัม นาทีที่ 61 และ คริสเตียน พูลิซิช นาทีที่ 73 ของเกมการแข่งขัน
หลังจบเกมดังกล่าว Opta เจ้าพ่อสถิติลูกหนังชื่อดัง ได้ออกมาระบุว่า “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล สร้างสถิติสุดยอดเยี่ยมด้วยการไม่แพ้ใครที่ แอนฟิลด์ 3 ฤดูกาลติดต่อกันได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร
ขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th
สร้างแหล่งอาหารชุมชน บรรเทาภัยโควิด-19
ปัจจุบันสัตว์น้ำในแหล่งน้ำสาธารณะลดจำนวนลง จากการจับขึ้นมาใช้ประโยชน์ และไม่สามารถผลิตได้ทันความต้องการ จึงมีการจัดกิจกรรมปล่อยกบลงนา ปล่อยปลาลงหนอง สร้างแหล่งอาหารชุมชน เพื่อฟื้นฟูธรรมชาติและช่วยบรรเทาวิกฤตโควิด-19
ดร.วิชาญ อิงศรีสว่าง รองอธิบดีกรมประมง เป็นประธานกิจกรรม“ปล่อยกบลงนา ปล่อยปลาลงหนอง ฟื้นฟูลำคลองธรรมชาติ” ที่ศูนย์การเรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพสินค้าเกษตร ต.บึงทองหลาง อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เพื่อขยายพันธุ์สัตว์น้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติ ให้กลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง และเนื่องจากสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ประชาชนบางรายไม่ได้รับการจ้างงานต่อ ต้องกลับถิ่นที่อยู่อาศัยไปประกอบอาชีพเกษตรกรรม การลงนา ลงหนองน้ำ จึงเป็นวิถีชีวิตดั้งเดิมของคนไทย ที่ใช้แสวงหาสัตว์น้ำจากธรรมชาติเพื่อบริโภคและลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน
ปัจจุบันสัตว์น้ำในแหล่งน้ำสาธารณะลดจำนวนลง สาเหตุหลักเกิดจากการจับสัตว์น้ำขึ้นมาใช้ประโยชน์จนธรรมชาติไม่สามารถผลิตได้ทันความต้องการ รวมถึงความเสื่อมโทรมของแหล่งน้ำธรรมชาติจากกิจกรรมของมนุษย์ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทรัพยากรสัตว์น้ำลดน้อยลงทั้งสิ้น
ดร.วิชาญ กล่าวต่อว่า คณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายของกรมประมง จังหวัดปทุมธานี ประกอบด้วย สำนักงานประมงจังหวัดปทุมธานี ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดปทุมธานี ศูนย์วิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำปทุมธานี และศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงน้ำจืดภาคกลาง(พระนครศรีอยุธยา) กำหนดจัดกิจกรรม“ปล่อยกบลงนา ปล่อยปลาลงหนอง ฟื้นฟูลำคลองธรรมชาติ” ขึ้นเพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้กับแหล่งน้ำธรรมชาติ และช่วยสร้างให้มีแหล่งอาหารให้ราษฎรในพื้นที่ โดยกิจกรรมนี้จะปล่อยพันธุ์ปลาและกบนา ที่ปัจจุบันในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี พบได้น้อยลง เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป
และจากกิจกรรมของเกษตรกรที่ใช้ปุ๋ยและสารเคมีในการปลูกพืช การกระทำดังกล่าว จึงเป็นการตัดวงจรการแพร่ขยายพันธุ์ และมีส่วนทำลายพันธุ์กบในธรรมชาติทั้งสิ้น อีกทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีนโยบายให้หน่วยงานในสังกัด ส่งเสริมให้เกษตรกรทำเกษตรอินทรีย์ ทางสำนักงานประมงจังหวัดปทุมธานี จึงดำเนินการคัดเลือกพื้นที่นาอินทรีย์ของกลุ่มเกษตรที่เป็นศูนย์การเรียนรู้ฯ เป็นพื้นที่นำร่องสำหรับดำเนินกิจกรรมในครั้งนี้
กิจกรรมครั้งนี้กรมประมงได้คัดเลือกศูนย์การเรียนรู้ การเพิ่มประสิทธิภาพสินค้าเกษตร ต.บึงทองหลาง อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เป็นพื้นที่จัดกิจกรรม โดยได้มีการปล่อยพ่อแม่พันธุ์กบ จำนวน 20 คู่ ลงในนาข้าวและปล่อยพันธุ์ปลาแก้มช้ำ และปลาตะเพียนทอง จำนวน 100,000 ตัว ลงแหล่งน้ำสาธารณะบริเวณใกล้เคียงพร้อมให้คำแนะนำข้อมูลทางวิชาการ ในด้านการเพาะเลี้ยงกบ ซึ่งหลังจากนี้ทางกรมประมงจะจัดส่งนักวิชาการลงพื้นที่ ติดตามการเจริญเติบโตของสัตว์น้ำเป็นระยะ เพื่อประเมินผลการดำเนินกิจกรรมต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th
เทียบเสียงอักษร ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย สระ พยัญชนะ ประสมคำ สะกด ชื่อ นามสกุล
อักษร พยัญชนะ สระ อังกฤษ-ไทย
ปูพื้นฐานภาษาอังกฤษ แบบแน่นๆ ด้วย Alphabets ซึ่ง alphabet (แอล’ ฟาเบท) n. หมายถึง อักษรพยัญชนะ, อักขระ, ระบบตัวอักษร นั่นเองครับ โดยตัวอักษรในภาษาอังกฤษมี 26 ตัว คือ
A = เอ | B = บี | C = ซี |
D = ดี | E = อี | F = เอฟ |
G = จี | H = เอช | I = ไอ |
J = เจ | K = เค | L = แอล |
M = เอ็ม | N = เอ็น | O = โอ |
P = พี | Q = คิว | R = อาร์ |
S = เอส | T = ที | U = ยู |
V = วี | W = ดับเบิลยู | X = เอกซ์ |
Y = วาย | Z = แซด/ซี |
*การออกเสียง V, Z ไม่มีในภาษาไทย (V คล้ายมากที่สุดคือเสียง ว กึ่ง ฟ, Z เสียงสั่นในลำคอ) กำลังเพิ่มให้กดฟังเสียง การออกเสียงโดยเจ้าของภาษา ทุกตัวอักษร เร็วๆ นี้ โปรดศึกษาเพิ่มเติมที่หน้าสารบัญเรียนภาษาอังกฤษ tonamorn.com
ต่อไปเราจะมาศึกษาเรียนรู้การเทียบอักษรภาษาอังกฤษกับภาษาไทยกันในบทความสอนภาษาอังกฤษหน้านี้ครับ
เราสามารถเปรียบเทียบอักษรในภาษาอังกฤษกับภาษาไทยแบบใกล้เคียงที่สุด ได้ดังนี้
สระ อังกฤษ-ไทย
A อ่านว่า เอ เทียบได้กับสระ แ
E อ่านว่า อี เทียบได้กับสระ เ, อี
I อ่านว่า ไอ เทียบได้กับสระ อิ, ไ
O อ่านว่า โอ เทียบได้กับสระ โ, อ
U อ่านว่า ยู เทียบได้กับสระ อั, อิว, อู
พยัญชนะ อังกฤษ-ไทย
B อ่านว่า บี เทียบได้กับอักษร บ
C อ่านว่า ซี เทียบได้กับอักษร ซ, ค
D อ่านว่า ดี เทียบได้กับอักษร ด
F อ่านว่า เอฟ เทียบได้กับอักษร ฟ
G อ่านว่า จี เทียบได้กับอักษร ก
H อ่านว่า เอช เทียบได้กับอักษร ฮ
J อ่านว่า เจ เทียบได้กับอักษร จ
K อ่านว่า เค เทียบได้กับอักษร ค, ก
L อ่านว่า แอล เทียบได้กับอักษร ล
M อ่านว่า เอ็ม เทียบได้กับอักษร ม
N อ่านว่า เอ็น เทียบได้กับอักษร น
P อ่านว่า พี เทียบได้กับอักษร พ
Q อ่านว่า คิว เทียบได้กับอักษร คว
R อ่านว่า อาร์ เทียบได้กับอักษร ร
S อ่านว่า เอส เทียบได้กับอักษร ซ, ส
T อ่านว่า ที เทียบได้กับอักษร ท
V อ่านว่า วี เทียบได้กับอักษร ว
W อ่านว่า ดับเบิ้ลยู เทียบได้กับอักษร ว
X อ่านว่า เอ็กซ เทียบได้กับอักษร กซ
Y อ่านว่า วาย เทียบได้กับอักษร ย, วี,อาย
Z อ่านว่า ซี เทียบได้กับอักษร ซ
*การออกเสียง V, Z ไม่มีในภาษาไทย (V คล้ายมากที่สุดคือเสียง ว กึ่ง ฟ, Z เสียงสั่นในลำคอ) กำลังเพิ่มให้กดฟังเสียง การออกเสียงโดยเจ้าของภาษา ทุกตัวอักษร เร็วๆ นี้ โปรดศึกษาเพิ่มเติมที่หน้าสารบัญเรียนภาษาอังกฤษ tonamorn.com
-
เนื่องจากภาษาอังกฤษไม่มีสระมากเหมือนในภาษาไทย แต่เราสามารถนำอักษรต่างๆ มาผสมกันได้อย่างคร่าวๆ ดังนี้
สระภาษาไทย เทียบ สระภาษาอังกฤษ
เอาะ o
อา a, ar, are
ออ o,or
อิ i
เออะ –
อี e, ee, i
เออ er, ir, ur
อึ u
เอียะ ea, ia, ie
อือ ue
เอีย ia, ere
อุ u, oo
เอือะ ua, ue
อู o, oo, u, ue
เอือ ua, ue
เอะ e, a
อัวะ ua, ue
เอ e, a
อัว ua, ue
แอะ ae, a
อำ am, um
แอ a, ae, a
ไอ ai, i, y
โอะ o
ใอ ai, i, y
โอ o
เอา ao
-
เนื่องจากภาษาอังกฤษไม่มีอักษรมากเหมือนในภาษาไทย การเทียบอักษรภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย บางครั้งเราต้องนำอักษรในภาษาอังกฤษมาผสมกัน ดังนี้
อักษรภาษาไทย เทียบอักษรภาษาอังกฤษ
ช ch, sh
ง ng
คว qu
ตัวอย่างการประสมคำ
สระ | เสียง | ตัวอย่าง | คำทับศัพท์ |
---|---|---|---|
a | แอ | badminton | แบดมินตัน |
อะ | aluminium | อะลูมิเนียม | |
อา | Chicago | ชิคาโก | |
เอ | Asia | เอเชีย | |
ออ | football | ฟุตบอล | |
e | อี | Sweden | สวีเดน |
เอ | Lebanon | เลบานอน | |
อิ* | electronics | อิเล็กทรอนิกส์ | |
เอะ | Mexico | เม็กซิโก | |
i | อิ | king | คิง |
อี | ski | สกี | |
ไอ | Liberia | ไลบีเรีย | |
o | โอ | Cairo | ไคโร |
ออ | Tom | ทอม | |
อะ | Washington | วอชิงตัน | |
อู | Today | ทูเดย์ | |
u | อะ | Hungary | ฮังการี |
อิว | Cuba | คิวบา | |
อุ | Lilliput | ลิลลิพุต | |
อู | Kuwait | คูเวต | |
ยู | Uranium | ยูเรเนียม | |
อิ | busy | บิซี |
วิชัย บุญมี = Vichai Boonmee
ทวน ทองแท้ = Thuan Thongthae
อมร รุ่งโรจน์ = Amorn Roongroj
สมชาย มีสุข = Somchai Meesook
ปราณี งามสง่า = Pranee Ngamsa-Ngar
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
DGA ลุยตั้งศูนย์นวัตกรรมฯ ปั้นโมเดลบริการดิจิทัลภาครัฐ
DGA ผนึกกำลัง มก.พัฒนาศูนย์เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ ปั้นโมเดลบริการดิจิทัลภาครัฐ
ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า สำหรับการบริหารราชการของภาครัฐหากขับเคลื่อนได้ช้าและไม่มีประสิทธิภาพจะไม่สามารถต่อสู้กับสังคมโลกได้ ขณะที่ปัจจุบันภาคเอกชนเองก็ต้องดิ้นรนพัฒนาตัวเองในสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งสิ่งที่ทางดีจีเอได้ริเริ่มวันนี้หวังว่าจะเป็นสิ่งที่ยั่งยืน เพราะจากนี้ประเทศไทยจะต้องปรับตัวกันอย่างมากในช่วงเศรษฐกิจหรือสังคมหลังโควิดที่หลายอย่างอาจเปลี่ยนแปลงไป ประสบการณ์ในช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมา หลายองค์กรก็ยังสามารถทำงานหรือติดต่อประชุมร่วมกันได้ ภาครัฐเองก็ต้องมีการปรับระบบการทำงานให้มากขึ้น มีการลงทุนในคลาวด์ คอมพิวติ้ง ของหน่วยงานรัฐที่จะมีการใช้งานมากขึ้น การใช้บิ๊กดาต้าเพื่อที่จะวิเคราะห์ความต้องการของประชาชนได้อย่างละเอียดมากขึ้น รวมถึงเรื่องของการเชื่อมโยงระบบอย่างไร้รอยต่อหรือ One Stop Service
“การสร้างระบบนิเวศน์นวัตกรรมของเทคโนโลยีดิจิทัลสำหรับภาครัฐไทยเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นและความสำคัญ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการนวัตกรรมดิจิทัลมีพื้นที่ในการนำผลงานออกสู่การใช้ประโยชน์ การขยายผล ต่อยอดสู่ความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ พร้อมกับเป็นช่องทางหลักในการจับคู่ความต้องการด้านเทคโนโลยีนวัตกรรมดิจิทัลกับหน่วยงานรัฐต่างๆ”
ด้าน ดร.สุพจน์ เธียรวุฒิ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (ดีจีเอ) กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมาการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลดิจิทัลส่วนใหญ่จะเริ่มที่พื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีความพร้อม ทั้งนี้ได้จัดโครงการ“ศูนย์เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลภาครัฐ”หรือ “Digital Government Technology & Innovation Center : DGTi” เพื่อเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมเทคโนโลยีดิจิทัลภาครัฐไทยแบบครบวงจร เพื่อผลักดันและสนับสนุนภาครัฐสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล สร้างการแลกเปลี่ยนการเรียนรู้ การค้นคว้าและการวิจัยองค์ความรู้ในการพัฒนานวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับเพิ่มประสิทธิภาพ ขีดความสามารถในการให้บริการของภาครัฐไทยสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล DGA ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพในพื้นที่ของ EEC ที่มีความพร้อมในทุก ๆ ด้าน จึงได้ริเริ่มดำเนินการโครงการ “Digital Government Technology & Innovation Center” หรือ “ศูนย์เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลภาครัฐ”
สำหรับความร่วมมือกับ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา นั้นเพื่อสนับสนุนและผลักดันให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมดิจิทัลอย่างเป็นระบบ เป็นแหล่งวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลที่จะดึงดูดให้เกิดความร่วมมือทั้งจากมหาวิทยาลัย เอกชน วิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) และประชาชน โดยคาดว่าจะเริ่มเห็นผลการดำเนินโครงการอย่างเป็นรูปธรรมภายในสิ้นปีงบประมาณ 2563 นี้ ในการพัฒนาโครงการความร่วมมือขับเคลื่อนนวัตกรรมภาครัฐในพื้นที่ EEC เพื่อขับเคลื่อนไปสู่ความเป็นรัฐบาลดิจิทัลในปี 2564 – 2565
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ฝ้าย สรรพคุณและประโยชน์ของต้นฝ้าย 5 ข้อ !
ฝ้าย ชื่อสามัญ Cotton[2]
ฝ้าย ชื่อวิทยาศาสตร์ Gossypium hirsutum L. จัดอยู่ในวงศ์ชบา (MALVACEAE)[1]
ลักษณะของต้นฝ้าย
- ต้นฝ้าย มีถิ่นกำเนิดในอเมริกากลางและเอเชียตอนใต้ จัดเป็นไม้พุ่มหรือไม้ยืนต้นขนาดเล็ก มีความสูงของต้นประมาณ 1-3 เมตร ลำต้นมีลักษณะตั้งตรง มีขนละเอียดขึ้นหนาแน่น[1],[2]
- ใบฝ้าย ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ ลักษณะของใบเป็นรูปไข่กว้าง ขอบใบเว้าลึกเป็น 3-5 แฉก ใบมีขนาดกว้างและยาวประมาณ 8-12 เซนติเมตร[1]
- ดอกฝ้าย ออกเป็นดอกเดี่ยวตามซอกใบและที่ปลายกิ่ง ดอกเป็นสีเหลืองอ่อน แล้วจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองแกมชมพูหลังจากดอกบานเต็มที่[1]
- ผลฝ้าย ผลเป็นผลแห้ง แตกออกได้ตามพูเป็น 3 ฝา ภายในมีเมล็ดมีขนยาวสีขาวห่อหุ้มอยู่[1]
ปุยฝ้าย หรือ เส้นใยฝ้าย คือ เซลล์ผิวของเปลือกเมล็ดซึ่งมีรูปร่างยาวคล้ายเส้นผม การแยกเส้นใยออกจากเมล็ดฝ้าย จะเรียกว่า “การหีบฝ้าย” เส้นใยฝ้ายที่ได้นี้สามารถนำไปใช้ผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้หลายรูปแบบ การเก็บฝ้ายในบ้านเรามักเก็บด้วยมือ โดยเลือกจากผลฝ้ายที่แตกแล้ว ดึงเส้นใยออกจากสมอ ส่งไปโรงงานหีบฝ้ายเพื่อแยกเมล็ดออก หลังจากนั้นจะนำเส้นใยไปทำสำลี ปั่นเป็นเส้นด้าย หรืออัดเป็นแท่ง ส่วนเมล็ดฝ้ายที่แยกเอาเส้นใยออกไปแล้วจะนำไปสกัดเอาน้ำมัน[2]
สรรพคุณของฝ้าย
- ตำรับยาพื้นบ้านล้านนาจะใช้ใบฝ้าย ผสมกับใบมะม่วง ใบมะนาวป่า ใบขมิ้น ใบไพล และใบตะไคร้ นำมาต้มเคี่ยว ดื่มกินเป็นยารักษานิ่ว (ใบ)[1]
- เมล็ดฝ้ายใช้ผสมกับแก่นข่อย แก่นฝาง หัวตะไคร้ เลือดแรด นำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยารักษาอาการประจำเดือนผิดปกติ ข้นคล้ำ (เมล็ด)[1]
- จากหนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ได้ระบุว่าฝ้ายชนิด Gossypium hirsutum L. ที่กล่าวถึงในบทความนี้ มีสรรพคุณใกล้เคียงกับฝ้ายขาว (Gossypium herbaceum L.) ซึ่งสามารถนำมาใช้แทนกันได้ โปรดอ่านสรรพคุณของฝ้ายขาวเพิ่มเติมในบทความ “ฝ้ายขาว” ที่ระบุไว้ใน [4]
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของฝ้าย
- เนื้อในเมล็ดพบสาร gossypol ซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างตัวของอสุจิ ลดระดับไขมันในเลือด กระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ทั้งในคนและในสัตว์ทดลอง[1]
- น้ำต้มจากเปลือกรากมีฤทธิ์กระตุ้นการบีบตัวของมดลูกในหลอดทดลอง[1]
- จากการทดลองในคน โดยการกินน้ำมันที่บีบได้จากเมล็ด พบว่าให้ผลลดการสร้างตัวของอสุจิ ทำให้เป็นหมันชั่วคราว และจะกลับเข้าสู่สภาพเดิมเมื่อหยุดกิน[1]
ประโยชน์ของฝ้าย
- ปุยฝ้ายหรือเส้นใยจากเมล็ด สามารถใช้ทอเป็นผ้าฝ้าย เส้นด้าย สำลี ผสมในกระดาษ และกระดาษพิมพ์ ส่วนขนปุยสั้น ๆ ที่ติดอยู่ที่เมล็ดจะนำมาใช้ทำพรม โดยใช้พื้นรองพรมเป็นเส้นใยปอแก้ว (ฝ้าย 10 กิโลกรัม จะให้เส้นใยประมาณ 3.5 กิโลกรัม)[2]
- เมล็ดใช้สกัดเอาน้ำมันเรียกว่า “น้ำมันเมล็ดฝ้าย” (ฝ้าย 10 กิโลกรัม จะให้น้ำมันประมาณ 1 กิโลกรัม)[2]
ขอบคุณข้อมูลจาก medthai.com
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 27,800.00 | 27,900.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,801.00 | 27,303.16 | 28,400.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,620.90 | 24,572.84 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,440.80 | 21,842.53 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 810.00 | 12,279.60 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 630.00 | 9,550.80 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,866.00 | 28,288.56 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 23/07/2563
![]() ปตท. |
![]() บางจาก |
![]() เชลล์ |
![]() เอสโซ่ |
![]() คาลเท็กซ์ |
![]() ไออาร์พีซี |
![]() พีที |
![]() ซัสโก้ |
![]() เพียว |
![]() ซัสโก้ดีลเลอร์ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 21.95 | 21.95 | 21.85 | 21.95 | 21.55 | 21.95 | 21.95 | 21.95 | 21.95 | 21.95 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 21.68 | 21.68 | 21.58 | 21.68 | 21.28 | 21.68 | 21.68 | 21.68 | 21.68 | 21.68 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 20.44 | 20.44 | 20.34 | 20.44 | 20.04 | – | 20.44 | 20.44 | 20.44 | 20.44 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 18.19 | 18.19 | – | – | – | – | – | – | – | – |
เบนซิน 95 | 29.36 | – | – | – | 29.41 | – | 29.86 | 29.36 | – | 29.36 |
ดีเซล | 22.59 | 22.59 | 22.49 | 22.59 | 22.19 | 22.59 | 22.59 | 22.59 | 22.59 | 22.59 |
ดีเซล B10 | 19.59 | 19.59 | 19.49 | 19.59 | 19.19 | 19.59 | 19.59 | 19.59 | 19.59 | 19.59 |
ดีเซล B20 | 19.34 | 19.34 | 19.24 | 19.34 | 18.94 | – | 19.34 | 19.34 | – | 19.34 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 27.04 | 27.06 | 28.94 | 29.04 | – | – | – | – | – | – |
แก๊ส NGV | 15.31 | 15.31 | – | – | – | – | – | – | – | – |