สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 25 มีนาคม 2564

บิ๊กทุนพรึบ! รฟท.เปิด ประมูลใหม่ ที่ดิน”สนามกอล์ฟ รถไฟหัวหิน”

บิ๊กทุนพรึบ!  รฟท.เปิด ประมูลใหม่ ที่ดิน"สนามกอล์ฟ รถไฟหัวหิน"

รฟท. เปิด ประมูล ใหม่ ที่ดินสนามกอล์ฟรถไฟหัวหิน ติดสถานีรถไฟ หัวหิน แบ่ง8แปลง สนามกอล์ฟ -โรงแรม 2 แห่ง 5-6ดาว /แปลงโรงแรม 3-4ดาว -ศูนย์ประชุม หลังหมดสัญญา บ๊กทุนอสังหาพรึบ แสนสิริ-ออริจิ้น – อัลติจูด จ้างนิด้า ศึกษา เปิดฟังเสียงเอกชน 24 มีนาคม2564

การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) มอบศูนย์วิจัยขีดความสามารถในการแข่งขันสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือนิด้า ดำเนินโครงการทบทวนผลการศึกษาและวิเคราะห์โครงการให้เช่าอาคารและสนามกอล์ฟรถไฟหัวหินที่สถานีหัวหิน ระยะยาว ซึ่งในการดำเนินการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวทางสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์หรือนิด้า อยู่ระหว่างศึกษาข้อมูล   และวิเคราะห์โครงการเตรียมจัดทดสอบความสนใจผู้ประกอบการ เอกชน(Market Sounding ) วันที่ 24 มีนาคม 2564 เพื่อให้บริษัทที่ปรึกษาฟังข้อคิดเห็นและประเมินความสนใจของ นักลงทุน   แบ่งเป็นที่ดิน 8แปลง อาทิ ส่วนสนามกอล์ฟ ,TOD พื้นที่พัฒนารอบสถานีรถไฟหัวหิน,โรงแรม 5-6ดาว,โรงแรม 3-4ดาว ศูนย์ประชุม  คอมมูนิตี้มอลล์ ฯลฯ

 แหล่งข่าวจากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์หรือนิด้าระบุว่าได้ออกเอกสารเชิญภาคเอกชนจำนวน 100ราย ส่วนใหญ่ให้ความสนใจ ที่ตอบได้ ได้แก่บริษัทพัฒนาที่ดินแถวหน้าของเมืองไทย  บริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน) บริษัทอัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด บริษัทออริจิ้น  บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)  บริษัทเซ็นทรัลพัฒนา จำกัด(มหาชน) ทีซีซีกรุ๊ป บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด บริษัท  ซี.พี.แลนด์จำกัด(มหาชน)   นอกจากนี้ยังมีกลุ่มธุรกิจโรงพยาบาลชั้นนำ เป็นต้น ปัจจุบัน รฟท. ได้พิจารณาอนุมัติให้เปิดประมูล ให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนบริหารสนามกอล์ฟหลวงหัวหินหรือ สนามกอล์ฟ ขนาด 500 ไร่ ติดกับหลังหมดสัญญากับ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ในปีนี้  นอกจากนี้ ยังมีโรงแรมโซฟิเทล เซ็นทรัล หัวหิน เนื้อที่ 71.65 ไร่ หรือโรงแรมรถไฟหัวหินเดิม โดยบริษัท เซ็นทรัลหัวหินบีชรีสอร์ทที่หมดสัญญาเช่าลง

ย้อนรอยประวัติศาสตร์วงการกอล์ฟไทยสนามกอล์ฟหลวงหัวหิน หรือ รอยัลหัวหินกอล์ฟคอร์ส (Royal Hua Hin Golf Course) สนามกอล์ฟมาตรฐานแห่งแรกของประเทศไทย เป็นมรดกล้ำค่าทางประวัติศาสตร์ ประมาณค่ามิได้ สมบูรณ์ด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ อายุยืนต้นยาวนานนับ 100 ปี มีไก่ป่า สัตว์ป่า นกนานาชนิดให้นักกอล์ฟออกรอบ ตีกอล์ฟ เล่นกอล์ฟ ได้ชมพร้อมภูมิทัศน์สวยงามยิ่งนัก ทุกแฟร์เวย์มีเอกลักษณ์เฉพาะเป็นเสน่ห์ตรึงใจยากจะลืม จำนวน 18 หลุม พาร์ 72 ความยาว ชาย 6,678 หลา หญิง 5,713 หลา 9 หลุมแรก เริ่มก่อสร้าง เมื่อ พ.ศ. 2462 เปิดให้บริการ เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2465 ในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 พระองค์เสด็จทรงกอล์ฟ เป็นปฐมฤกษ์ เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2467 จำนวน 9 หลุม 

หลัง สร้างเสร็จปลายปี พ.ศ. 2471 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ทรงเป็นองค์ประธานพิธีเปิด พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชร อัครโยธิน ทรงดำริโครงการ และบัญชาการสร้าง ในพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ออกแบบก่อสร้างโดยมิสเตอร์ เอ.โอ.โรบิน นายช่างบำรุงทางรถไฟ แขวงเพชรบุรี

ต่อมาในปี พ.ศ.2512 รฟท. ได้พิจารณาเห็นว่า ศาลาไม้แบบธรรมชาติ ซึ่งกรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ทรงโปรดให้นายช่างชาวอิตาเลียนออกแบบสร้างขึ้นเป็นที่ประทับของ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ตั้งแต่คราวเสด็จเปิดสนามกอล์ฟ 18 หลุม เมื่อปลายปี พ.ศ.2471 นั้นได้ชำรุดทรุดโทรมลงมาก จึงได้จัดการบูรณะขึ้นใหม่ โดยใช้ชื่อว่า “ศาลาประชาธิปก” เพื่อเป็นพระบรมราชานุสรณ์ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และได้อันเชิญสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7 ทรงเป็นประธานเปิดศาลาแห่งนี้ เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ.2512 ดังปรากฎเป็นสัญลักษณ์โดดเด่นแห่งสนามกอล์ฟหลวงหัวหินมาจนถึงทุกวันนี้ และบริษัทบุญรอดบริวเวอรี่ จำกัดเข้ามาบริหารและปรับปรุงสนามกอล์ฟหลวงหัวหิน ตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2528จนถึงปัจจุบัน

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ตลาดรีโนเวชั่น โอกาสใหม่ มาแรงของ ‘เอสซีจี’

ตลาดรีโนเวชั่น โอกาสใหม่ มาแรงของ ‘เอสซีจี’

คอลัมน์ : ผ่ามุมคิด

ธุรกิจผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง อุตสาหกรรมต้นน้ำของภาคอสังหาริมทรัพย์ไทย เนื่องด้วยเป็นสัดส่วนสูงถึง 60% ของมูลค่าการก่อสร้าง (อ้างอิงข้อมูลจากบทวิเคราะห์ ธ.กรุงศรีอยุธยา) ที่มีแนวโน้มหดตัวตั้งแต่ปี  2563 ตามภาวะซบเซาของภาคก่อสร้าง จากผลกระทบของวิกฤต COVID-19 ก่อให้แผนลงทุนภาครัฐหลายโครงการล่าช้า ขณะที่การก่อสร้างภาคเอกชนเองหดตัวลง ด้วยแนวโน้มกำลังซื้อทั้งจากในประเทศและต่างชาติ ซึมตามภาวะเศรษฐกิจเช่นกันนั้น  

ต่างทำให้ผู้ประกอบการ แม้แต่เชนจ์รายใหญ่ เบอร์ 1 ของภาคอุตสาหกรรมระดับอาเซียน อย่าง ปูนซีเมนต์ไทย หรือ เอสซีจี  (SCG) ก็สั่นสะเทือนในแง่รายได้ และต้องรุกปรับรูปแบบ ติดปีกการดำเนินธุรกิจ สู่นิว นอร์มอล อย่างรวดเร็ว ผ่านการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาพัฒนาในด้านสินค้าและบริการ พร้อมโซลูชันครบวงจร  

โดยนายนิธิ ภัทรโชค กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจซีเมนต์ – ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี ได้ฉายมุมมองต่อภาพรวมตลาด ว่า อย่างไรก็ตาม ความเปลี่ยนแปลงฉับพลันที่เกิดขึ้น ช่วยยกระดับวงการอุตสาหกรรม และยังคงมีความเชื่อมั่นสูง ว่าผลกระทบทั้่งหลายจะคลี่คลายลง และฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลัง ปีนี้ โตได้ ราว 3-4% 

ขณะเดียวกัน ในแง่บริษัท จะเร่งเดินหน้า ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชัน ดิสรัปสินค้าและบริการด้วยเทคโนโลยี เพื่อหวังตอบสนองความต้องการและวิถีชีวิตของลูกค้าที่เปลี่ยนไป พร้อมชี้ทิศทาง แนะตลาดรีโนเวทบ้านความต้องการสูง-มาแรง นับเป็นโอกาสใหม่ของธุรกิจ 

มองก่อสร้างรัฐ-เอกชนฟื้น

แนวโน้มตลาดก่อสร้างไทยในปี 2564-2565 คาดว่า ความต้องการวัสดุก่อสร้างจะทยอยฟื้นตัวตามภาวะลงทุนภาคก่อสร้างที่มีทิศทางกระเตื้องขึ้น ทั้งโครงการภาครัฐและภาคเอกชน (คาดการลงทุนก่อสร้างภาครัฐจะขยายตัว 2.0-3.0% ในปี 2564 และ 3.0-4.0% ในปี 2565 ขณะที่ภาคเอกชนเติบโต 0.0-1.0% และ 1.0-2.0% ตามลำดับ)  

ทั้งนี้ จากผลกระทบการระบาดรอบใหม่ ณ ขณะนี้ อาจทำให้กำลังซื้อในประเทศ และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลง  คาดการลงทุนในภาคเอกชน จะยังคงชะลอตัวทั้งในอสังหาฯ กลุ่มที่อยู่อาศัย และเชิงพาณิชย์ ในช่วงครึ่งปีแรก แต่หากสถานการณ์คลี่คลายลงในไตรมาสแรก แนวโน้มผู้บริโภคจะเริ่มกลับมาจับจ่ายใช้สอย

รวมถึงบริษัทเอกชนจะเริ่มกลับมาลงทุนก่อสร้างโครงการใหม่ในช่วงครึ่งปีหลัง ส่วนการลงทุนของภาครัฐทั้ง เมกะโปรเจค และโครงงานก่อสร้างในแต่ละพื้นที่ ยังคงก่อสร้างอย่างต่อเนื่องประกอบกับภาครัฐ ยังมีโครงการก่อสร้างทั้งขนาดใหญ่ และขนาดเล็กระดับชุมชนอย่างต่อเนื่อง คาดปริมาณงานจะไม่น้อยไปกว่าปี 2563

โควิดเปลี่ยนผู้บริโภค

สำหรับบริษัทนั้น ตั้งเป้าเติบโตทิศทางเดียวกับตลาด ซึ่งนอกจากจะมุ่งดำเนินตามแผนงานหลัก เนื่องด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป จึงจำเป็นต้องปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต นำเทคโนโลยี และพลังงานทดแทนเข้ามาใช้ในส่วนต่างๆ เพื่อต้นทุนการผลิต โดยมีเทรนด์ 
เทรนด์ – ความต้องการของลูกค้า เป็นโจทย์ท้าทาย นายนิธิเล่าว่า พฤติกรรมของผู้บริโภคปัจจุบัน เปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก จากแนวโน้มที่เริ่มเห็นเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะการใช้ช่องทางออนไลน์ เพื่อประกอบตัดสินใจ

จากผลสำรวจ พบ ต่อการซื้อวัสดุก่อสร้าง 1 ครั้ง มาจากการหาข้อมูล ศึกษา เปรียบเทียบ มากสุดนับ 10 ครั้ง เพราะคนมอง “บ้าน หรือ ที่อยู่อาศัย” คือ การลงทุนสูง ฉะนั้น การเปลี่ยนแปลง ปรับปรุงแต่ละครั้ง นำมาซึ่งค่าใช้จ่ายมหาศาล การหาข้อมูลอย่างถี่ถ้วน จึงเป็นสิ่งจำเป็นอันดับแรก ยิ่งในยุคโควิด

“พฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้บริโภค ซึ่งคุ้นชินกับการหลีกเลี่ยง สัมผัส สิ่งของ การอยู่คุ้นชินกับพื้นที่ของตัวเอง กิน อยู่ นอนเบ็ดเสร็จในบ้าน กลายเป็นความท้าทายธุรกิจวงการที่อยู่อาศัยไทยไม่น้อย ตามให้ทัน และใส่ใจในความต้องการ” 

รุกดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชัน

ปัจจุบันบริษัทเร่งเดินหน้า ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชัน (Digital Transformation) และเป็นภาพที่เกิดขึ้นพร้อมๆกับหลายบริษัทในวงการก่อสร้างบ้านเรา เช่น การก่อสร้าง ที่เดิมต้องอาศัยระยะเวลานาน ขั้นตอน และการควบคุมมาตรฐานหลายขั้นตอน-ยุ่งยาก ถูกแทนที่ ด้วย วัสดุ-อุปกรณ์สำเร็จรูป เพื่อลดเวลาหน้างาน ตัดทอนรายละเอียดปลีกย่อย เททราย-ก่อปูน ไปได้มาก สร้างความสะดวกสบายให้กับผู้รับเหมา และ เจ้าของโครงการ

ทั้งนี้ เทรนด์ดังกล่าวได้ เห็นชัดเจนขึ้นจากในกลุ่มเจ้าของบ้านเช่นกัน หลังจากส่วนใหญ่ไม่มีเวลามาเฝ้าดูแล ตรวจสอบงานก่อสร้างด้วยตนเอง ขณะบางส่วนประสบปัญหา ผู้รับเหมาทิ้งงาน จึงมีความต้องการในรูปแบบสำเร็จ สร้างง่าย จบเร็ว คล้าย Ready-to-Cook และพลิกโฉม ไปสู่ Ready-to-Eat หรือ งานนวัตกรรมเซอร์วิสโซลูชั่น เบ็ดเสร็จตั้งแต่เริ่มจนจบ

 
“โควิด เป็นทั้งตัวกระตุ้นและเร่งเทรนด์เดิมให้ชัดเจนขึ้น รวมถึงแตกยอดเทรนด์ใหม่ๆ เช่น เทรนด์ Work From Homeทำให้คนต้องวิ่งหาผู้รับเหมา มาปรับปรุงพื้นที่บ้านให้เหมาะสมกับการใช้งาน และหาแนวทางประหยัดพลังงาน เพราะอยู่บ้านตลอดทั้งวัน”

บริษัทกำลังเร่งเครื่องใน 2 ส่วนหลัก 1. พัฒนาโปรดักต์ผ่านนวัตกรรมใหม่ๆ แง่การนำเรื่องสุขภาพ-อนามัย, ประหยัดพลังงาน และ สมาร์ทลิฟวิ่ง เช่น เครื่องฟอกอากาศ ฆ่าเชื้อไวรัส แบคทีเรีย ลดกลิ่น ไม่ใช่แค่กรองฝุ่นละอองจากในอดีต คล้ายห้องปลอดเชื้อในโรงพยาบาล ท่ามกลางความเชื่อ ว่าแม้โควิดจะหายไป แต่ในอนาคตก็มีโอกาสที่โรคใหม่ๆจะเกิดขึ้นมาอีก

2. การผสมผสาน ระหว่างโปรดักส์และบริการ เช่น การใช้ระบบ BIM สำหรับการออกแบบ ฉายภาพเสมือนจริง ไปถึงเจ้าของบ้านลบภาพจำเดิมๆ ว่าเอสซีจีผูกขาดเฉพาะดีลเลอร์ – ผู้รับเหมา รวมถึง การขยายแฟรนส์ไชส์ SCG Home ไปสู่ธุรกิจค้าปลีก เพื่อเปิดพื้นที่ให้ผู้ซื้อได้ศึกษา เลือกสรรวัสดุเอง 

รีโนเวทบ้านตลาดโอกาส

ทั้งนี้ ผลสะท้อนบ้านใหม่ที่มีอัตราขายดี ตลอดราว 1 ปีที่ผ่านมา โดยพบเป็น บ้านขนาดใหญ่ 3-4 ห้องนอน เพราะผู้ซื้อต้องการใช้ห้องที่เพิ่มขึ้น ไว้เป็นพื้นที่กิจกรรมที่เปลี่ยนไป บ้างแปลงโฉมเป็นห้องทำงาน ซึ่งการเติบโตของเทรนด์ดังกล่าว ทำให้ในแง่ธุรกิจ เซอร์วิสโซลูชั่น เติบโตสูงขึ้นมากในวงการก่อสร้างไทย เช่น การติดตั้งโซลาร์รูฟ พุ่งกระฉูด เพราะคนต่างต้องการประหยัดค่าไฟ จากเดิมที่เป็นเรื่องใหม่ในไทย แต่โควิด เป็นตัวเร่ง ให้ผู้บริโภคเห็นความสำคัญของการติดตั้งผลิตไฟฟ้าใช้เอง

อีกแง่คือ งานรีโนเวท เป็นตลาดที่น่าสนใจมาก เนื่องจากตลาดนี้เติบโต จากจำนวนบ้านเก่าเพิ่มมากขึ้น และเพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าที่ต้องการความครบวงจร งาน Service Solution จึงเข้ามาตอบโจทย์ เช่น การให้บริการงานหลังคาบ้านครบวงจร การให้บริการออกแบบ ติดตั้ง และดูแลรักษาสวนรอบบ้าน การให้บริการซ่อมสุขภัณฑ์ ก๊อกน้ำ หรือก่อสร้างห้องน้ำทั้งหลัง เป็นต้น 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


บาทเปิด 31.03 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่า

บาทเปิด 31.03 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่า

เงินบาทเปิดตลาด 31.03 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าตามตลาดโลก ให้กรอบวันนี้ 30.95-31.10บาทต่อดอลลาร์จับตาตัวเลขส่งออกไทย

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 31.03 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 31.01 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวตามทิศทางตลาดโลก เนื่องจากดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่าหลังนักลงทุนหันมาถือครองมากขึ้น เพราะมีความกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในสหภาพยุโรปที่มีความรุนแรง ขณะที่การแก้ปัญหาดังกล่าวในสหรัฐมีความคืบหน้าเรื่องการกระจายวัคซีนและการรณรงค์ให้ประชาชนสวมหน้ากากมากขึ้นซึ่งช่วยชะลอให้ยอดผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ลดลง

“บาทอ่อนค่าตามตลาดโลก เนื่องดอลลาร์แข็งค่าหลังได้รับแรงหนุนจากนักลงทุนที่กังวลเรื่องสถานการณ์โควิดในสหภาพยุโรปจึงเทขายยูโรแล้วมาถือครองดอลลาร์มากขึ้น” นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินในวันนี้ไว้ที่ 30.95-31.10 บาท/ดอลลาร์ สำหรับปัจจัยในประเทศที่สำคัญคือการแถลงตัวเลขการส่งออกและนำเข้าเดือน ก.พ.64 ของกระทรวงพาณิชย์

ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com


ดวลเดือดถ้วยเอเชีย! AFC เผยโปรแกรม 3 สโมสรไทยใน ACL 2021

ดวลเดือดถ้วยเอเชีย! AFC เผยโปรแกรม 3 สโมสรไทยใน ACL 2021

เอเอฟซี เปิดโปรแกรมศึก เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก 2021 ซึ่งมี 3 ทีมไทยลงแข่งขันเป็นที่เรียบร้อย

สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (AFC) ประกาศวันแข่งขันฟุตบอล “เอเอฟซี แชมป์เปี้ยนส์ ลีก 2021” ผ่านปฏิทินการแข่งขันประจำปี 2021 อย่างเป็นทางการ ซึ่งมีตัวแทนจากไทยร่วมแข่งขัน 3 ทีม ประกอบด้วย บีจี ปทุม ยูไนเต็ด, การท่าเรือ และ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี

โดยในส่วนของการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่ม 3 ทีมตัวแทนจากเมืองไทยที่ได้สิทธิ์ลงเล่นรอบแบ่งกลุ่มอัตโนมัติจะลงทำการแข่งขันที่ประเทศไทยทั้งหมดในฐานะเจ้าภาพรอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งมีโปรแกรมดังนี้

– รอบแบ่งกลุ่ม แข่งขันวันที่ 21 มิถุนายน-11กรกฎาคม 2564
– รอบ 16 ทีม 14-15 กันยายน 2564
– รอบ 8 ทีม 28-29 กันยายน 2564
– รอบรองชนะเลิศ 19-20 ตุลาคม 2564 (นัดแรก) และ 26-27 ตุลาคม 2564 (นัดสอง)
– รอบชิงชนะเลิศ 21 พฤศจิกายน 2564 (นัดแรก) และ 27 พฤศจิกายน 2564 (นัดสอง)

โปรแกรมแข่งขันของ 3 สโมสรไทยมีดังนี้

g

กลุ่มเอฟ
แมตช์ 1: บีจี ปทุม ยูไนเต็ด-ทีมเพลย์ออฟ
แมตช์ 2: อุลซาน ฮุนได-บีจีปทุม ยูไนเต็ด
แมตช์ 3: บีจี ปทุม ยูไนเต็ด-เวียดเทล
แมตช์ 4: เวียดเทล-บีจี ปทุม ยูไนเต็ด
แมตช์ 5: ทีมเพลย์ออฟ-บีจี ปทุม ยูไนเต็ด
แมตช์ 6: อุลซาน ฮุนได-บีจี ปทุม ยูไนเต็ด

d

กลุ่ม จี
แมตช์ 1: โปฮัง สตัลเลอร์-ราชบุรี เอฟซี
แมตช์ 2: ราชบุรี เอฟซี-ยะโฮร์ ดารุล ทาซิม
แมตช์ 3: ราชบุรี เอฟซี-นาโงยา แกรมปัส
แมตช์ 4: นาโงยา แกรมปัส-ราชบุรี เอฟซี
แมตช์ 5: ราชบุรี เอฟซี-โปฮัง สตีลเลอร์
แมตช์ 6: ยะโฮร์ ดารุล ทาซิม-ราชบุรี เอฟซี

h

กลุ่ม เจ
แมตช์ 1: คิตฉี-การท่าเรือ เอฟซี
แมตช์ 2: การท่าเรือ เอฟซี-กว่างโจว
แมตช์ 3: ทีมเพลย์ออฟ-การท่าเรือ เอฟซี
แมตช์ 4: การท่าเรือ เอฟซี-ทีมเพลย์ออฟ
แมตช์ 5: การท่าเรือ เอฟซี -คิตฉี
แมตช์ 6: กว่างโจว-การท่าเรือ เอฟซี

ขณะเดียวกันในส่วนของสโมสร สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ที่จะลงเล่นรอบเพลย์ออฟกับ แดกู เอฟซี จากเกาหลีใต้ ยังไม่มีการกำหนดวันแข่งขัน

ทั้งนี้ ทางสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย ได้ทำการเพิ่มทีมในรอบแบ่งกลุ่มจาก 32 ทีม เป็น 40 ทีม

โดยแบ่งการแข่งขันออกเป็น 2 โซนเช่นเดิม โซนตะวันออก 20 ทีม 5 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีม โซนตะวันตก 20 ทีม 5 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีม  ซึ่งแต่ละโซนจะเอาทีมแชมป์กลุ่ม และอันดับ 2 ที่ดีที่สุดอีกโซนละ 3 ทีมผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายต่อไป

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


รู้เท่าทันโรคไต แค่ปรับตัวและปรับใจ

รู้เท่าทันโรคไต แค่ปรับตัวและปรับใจ thaihealth

โรคไต ถือเป็นภัยเงียบที่มักไม่แสดงอาการในระยะเริ่มต้น ซึ่งสาเหตุของการเกิดโรคมาจากหลายปัจจัย แต่ปัจจุบันกลับพบว่าพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะการกินเค็มจัด มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการป่วยเป็นโรคไต

นาวาตรีหญิงโนสมา หลีเส็น นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสตูล เป็นประธานเปิดงานวันไตโลก “ไตวายไม่ตายไวแค่ปรับใจและปรับตัว” ณ ห้องประชุมแก้วโกเมน (ชั้น 4) อาคารผู้ป่วยนอกโรงพยาบาลสตูล โดยมีคณะกรรมการและสมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดสตูล, สมาชิกชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสตูล ตัวแทนจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติที่ 12 สงขลา, ตัวแทนจากประกันสังคมจังหวัดสตูล ผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงผู้ดูแลและอสม. ซึ่งเป็นตัวแทนจากทุกอำเภอเข้าร่วมประมาณ 100 คน

นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสตูล กล่าวว่า ในห้วงที่ผ่านมาเหล่ากาชาดจังหวัดสตูล ได้มีส่วนร่วมช่วยเหลือผู้ป่วยโรคไตจำนวน 1 ราย เพื่อเป็นการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ตามหลักมนุษยธรรม ที่ถือเป็นภารกิจหลักของเหล่ากาชาดอยู่แล้ว ประกอบกับเมื่อมีการบูรณาการความร่วมมือระหว่างทีมสุขภาพและอสม. เชื่อว่าจะนำไปสู่ความสำเร็จในการดำเนินงานการดูแลสุขภาพเชิงรุก ทั้งการส่งเสริมสุขภาพป้องกันควบคุมโรคและสุดท้ายคือ การมีคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไปได้

ด้านแพทย์หญิงวันทนา ไทรงาม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสตูล กล่าวว่า ในปัจจุบันโรคไตเรื้อรังเป็นโรคที่พบได้บ่อย และเป็นปัญหาสาธารณสุขที่มีความรุนแรงมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นสาเหตุหนึ่งที่นำไปสู่ภาวะทุพพลภาพและอัตราการสูญเสียชีวิตที่สูง ส่วนใหญ่มีสาเหตุจากโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง โดยที่ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีพฤติกรรมการปฏิบัติตัวไม่ถูกต้อง ทั้งในเรื่องของการรับประทานยา, การรับประทานอาหารซึ่งโรคไตในระยะแรกจะไม่แสดงอาการ ทำให้ผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษาจากทีมสุขภาพได้ทันท่วงที ซึ่งจากปัญหาดังกล่าวจึงจำเป็นที่จะต้องได้รับความรู้ เกิดการตระหนักสู่การปรับใจและปรับตัว เพื่อชะลอการเสื่อมของไตและนำไปสู่การมีสุขภาวะที่ดี

สำหรับโรคไตแบ่งออกเป็น 5 ระยะ ซึ่งระยะที่จะต้องดูแลอย่างใกล้ชิดคือระยะที่ 4 คือไตเสื่อมมากทำงานได้เหลือน้อยกว่า 35% และระยะ 5 คือไตวายระยะเรื้อรังทำงานได้น้อยกว่า 15% ในส่วนของอาการของโรคไตที่พบบ่อยคือระยะแรก ผู้ป่วยบางรายไม่มีอาการแต่ทราบว่าเป็นโรคไต จากผลตรวจเลือดหรือผลตรวจปัสสาวะผิดปกติ หนังตาบวม บวมตามตัว ปวดศีรษะจากความดันโลหิตสูง มีปัสสาวะเป็นฟอง และปัสสาวะมากกว่า 2 ครั้งต่อคืน

ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th


เรียกแทนชื่อ ใช้ สรรพนาม (Pron.)

คนไทยเราชอบชื่อตัวเองแทนสรรพนามว่า ‘ผม/ดิฉัน’ ซึ่งเวลาเรียกชื่อจริงหรือชื่อเล่น แทนตัวเองอยู่ตลอดเวลา ก็อาจจะฟังดูเลี่ยนหรือฟังดูเป็นเด็กไปหน่อย เช่น 

ก้อยไม่ได้เป็นอย่างที่เขาลือกันนะคะ

โอ๊ตบอกต่ายกี่ทีแล้วว่า อย่าทำแบบนั้น’ 

เฟิร์นชอบแต่งตัวโป๊นิดๆค่ะ 

‘ตั้มหิวจังเลยครับ’ เป็นต้น
.
.
.
.

…แต่ในภาษาอังกฤษ ฝรั่งเค้าไม่ใช้ชื่อเรียกแทนตัวเองครับ!

เวลาฝรั่ง (รวมถึงคนประเทศอื่นๆ) จะเรียกแทนตัวเอง เค้าจะใช้สรรพนามว่า ‘ฉัน’ หรือ ‘I’ เสมอ

มันคงจะฟังดูแปลกสิ้นดี หากไทเกอร์ วู้ดส์ให้สัมภาษณ์นักข่าว โดยพูดว่า….. 

“Tiger play golf since Tiger was a child. Tiger feel very happy to win this tournament.”

คนฟังคงจะรู้สึกเหมือนไทเกอร์ วู้ดส์กำลังพูดถึงบุคคลที่ 3 หรือพูดถึงเสือตัวไหนสักตัว

Pronoun หรือ สรรพนาม จึงถูกนำมาใช้ทำหน้าที่แทนคำนาม เรียกคน สัตว์ สิ่งของ ฯลฯ 

โดยเราจะย่อ Pronoun เหลือเพียงตัว Pron. น้องๆจะได้จำง่ายขึ้น 
.
.
.
.

ธีมของ Pron. เปรียบไปก็เป็นการใช้คำพูดที่บ่งบอกว่า ผู้เล่นฟุตบอลทั้ง 2 ฝ่าย (รวมถึงอาจมีกองเชียร์เข้ามาแจม) ต่างมองเห็นกันและกันเป็นอย่างไร ซึ่งแสดงออกมาผ่านทางคำที่ใช้เรียกอีกฝ่าย 

เช่น เวลาอารมณ์ดี ก็เรียก ‘เขา’ แต่พออารมณ์บูด ก็เรียกว่า ‘มัน’ เป็นต้น 

จุดไคลแม็กซ์: 

จำให้ดีว่า ในภาษาอังกฤษ ‘สรรพนาม’ จะมาในรูปแบบของประธานหรือกรรมก็ได้ แต่สรรพนามจะต้องเปลี่ยนรูปไปเพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นประธานหรือกรรม 

นอกจากนี้ ก็ยังมีสรรพนามในรูปของการแสดงความเป็นเจ้าของ (SP/OS) และสะท้อนตัวตน (Ref.) ด้วย 

ดังที่แสดงในตารางข้างล่างนี้

ทีนี้ น้องๆจำภาษาไทยไว้นิดหน่อย เผื่อฉุกเฉินว่า 

S. = ประธาน หรือคำสรรพนามที่ใช้โดยเอาไว้หน้าประโยคหนึ่งๆ

O. = กรรม หรือคำสรรพนามที่ใช้โดยเอาไว้หลังประโยคหนึ่งๆ

ตัวอย่างเช่น สรรพนาม ‘ฉัน’:

ถ้าขึ้นต้นประโยค ก็ใช้ I ( I have a motorcycle )

ฉัน มีมอเตอร์ไซค์หนึ่งคัน

ถ้าลงท้ายประโยค ก็ใช้ me ( She sends the stuffs to me )

หล่อนส่งพัสดุให้ ฉัน

นั่นคือความแตกต่างระหว่างการใช้สรรพนาม ในฐานะประธาน (S.) กับ กรรม (O.)

ลองทำดูนะ: เลือกเติม Pron. แต่ละประเภทให้ถูกต้อง

s o
 I a. him  b. am  c. me  d. them
They a. him  b. us  c. you  d. them
a. I   b. him   c. It    d. They it

เฉลย:
ข้อ 1. ตอบ c. เพราะ me คือรูปกรรมของสรรพนาม I

ข้อ 2. ตอบ d. เพราะรูปกรรมของ They คือ them ครับ

ข้อ 3. ตอบ c. เพราะ It (กับ You) เป็นสรรพนามที่ไม่ต้องเปลี่ยนรูปกรรม

ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th


“เมกาบางนา” ชูดิจิทัล รับผู้บริโภคยุค Post Covid

“เมกาบางนา” ชูดิจิทัล รับผู้บริโภคยุค Post Covid

“เมกาบางนา” ชูเทคโนโลยีดิจิทัล เสริมจุดแข็งรองรับผู้บริโภคยุค Post Covid-19

ความท้าทายของการเป็นศูนย์การค้าในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องใน ‘เมกาบางนา’ ร่วมแรงร่วมใจกันฝ่าวิกฤตเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้า กลับมาใช้ชีวิตในวิถีปกติใหม่ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ผนวกกับการปูพื้นฐานด้านโครงข่ายสื่อสารและเทคโนโลยีดิจิทัลไว้เป็นอย่างดีตั้งแต่เริ่มโครงการฯ จึงช่วยรองรับความเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมการจับจ่ายสินค้าของลูกค้าในยุคดิจิทัลได้อย่างทันท่วงที

ปพิตชญา สุวรรณดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ศูนย์การค้าเมกาบางนา เล่าให้ฟังถึงภาพรวมของธุรกิจตลอดระยะเวลา 9 ปีที่ผ่านมาว่า เมกาบางนาทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ที่เป็นผู้เช่ามากกว่า 900 ร้านค้า เพื่อร่วมกันตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกๆ โอกาส

“เมกาบางนา” ชูดิจิทัล รับผู้บริโภคยุค Post Covid

เมกาบางนา มีเป้าหมายในการสร้าง ‘The Great Meeting Place’ เพื่อให้ลูกค้าได้เข้ามาใช้ชีวิตร่วมกันในกิจกรรมที่หลากหลาย เราจึงขยายพื้นที่เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ เมกา ฟู้ดวอล์ค ที่รวบรวมร้านอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต และพื้นที่จอดรถเพิ่มเติมที่เปิดให้บริการเมื่อปี 2017 , ส่วนต่อขยายโซน เมกา สมาร์ท คิดส์ เพื่อรองรับโรงเรียนสอนภาษา สอนดนตรี หรือทักษะพิเศษเฉพาะทาง รวมถึงเมกา ฮาร์เบอร์แลนด์สวนสนุกในร่มของเด็กๆ ตอบโจทย์ของกลุ่มครอบครัว และ เมกา พาร์ค สวนสาธารณะขนาด 7 ไร่ เพื่อมอบพื้นที่สีเขียวให้แก่ชุมชน ทั้งยังสามารถใช้จัดกิจกรรมกลางแจ้งหรือกิจกรรมอื่นๆ สำหรับครอบครัว และกิจกรรมที่เมกาบางนาได้จัดในเมกา พาร์คและได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี อย่างเช่น มิวสิค แอนด์ มูฟวี่ อิน เดอะ ปาร์ค, เมกา แอดเวนเจอร์ เป็นต้น”  ทั้งหมดนี้คือส่วนหนึ่งของเป้าหมายระยะยาวในการพัฒนาศูนย์ครบวงจรอย่างโครงการ “เมกาซิตี้” ที่รวบรวมพื้นที่แห่งการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นที่พักอาศัยโรงแรม ออฟฟิศ ศูนย์การค้า ศูนย์การเรียนรู้ สวนสาธารณะ และพื้นที่ความบันเทิงภายใต้ความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ที่มีวิสัยทัศน์ร่วมกัน”

เน้นสร้างเชื่อมั่นลูกค้า กลับมาใช้ชีวิตแบบปกติใหม่

“ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงต้นปีที่แล้ว กลายเป็นสถานการณ์เร่งด่วนของศูนย์การค้าในการสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้ากลับมาเดินชอปปิ้งได้อย่างมั่นใจ โดยเฉพาะเมกาบางนา ที่เน้นกลุ่มลูกค้าให้เข้ามาใช้ประสบการณ์ในศูนย์เป็นหลัก เราจึงต้องเน้นความปลอดภัยด้านสุขอนามัยทั้งของลูกค้า ผู้เช่า และพนักงานโดยเป็นศูนย์การค้านำร่องในการนำหุ่นยนต์ทำความสะอาดมาใช้งาน เพื่อลดการสัมผัสของพนักงานทำความสะอาดและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงอุปกรณ์ตรวจวัดอุณหภูมิแบบ Face recognition ใช้ไฟยูวีฆ่าเชื้อ ฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อให้พนักงาน หรือการพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อทุกวันหลังศูนย์ปิด เป็นต้น”

นอกจากนั้น ยังได้นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ทั้งในรูปแบบแพลตฟอร์มแอปพลิเคชันต่างๆ เพื่อร่วมกันเรียนรู้ในการปฏิบัติตัวกันใหม่ในวิถี New Normal ในขณะเดียวกันเราได้หาทางออกร่วมกับพาร์ทเนอร์ที่เป็นผู้เช่า ด้วยการออกมาตรการช่วยเหลือด้านต่างๆ  เพื่อดูแล แบ่งปันและแบ่งเบาภาระทางธุรกิจ เพราะเราเชื่อว่าสุดท้ายธุรกิจจะต้องกลับมาเหมือนเดิม”

เมื่อโควิด-19 ได้เข้ามาเร่งและสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้าใช้บริการทางออนไลน์มากขึ้น เมกาบางนา ก็ไม่ได้หยุดนิ่งในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาตอบโจทย์ให้แก่ลูกค้าอีกทั้งยังเติมเต็มความต้องการของลูกค้าได้อย่างลงตัวผ่านเครื่องมือไอที

“ที่ผ่านมา เราได้เปิดใช้งานแอปพลิเคชันของเมกาบางนาเพื่อสื่อสาร และทำ Loyalty Program กับลูกค้าโดยตรง, บริการ Click & Collect เป็นแพลตฟอร์มที่ให้ลูกค้าสั่งซื้อสินค้าจากออนไลน์ และสามารถขับรถมารับสินค้าที่เมกาบางนาได้เลย  โดยเมกาบางนาเราก็เตรียมจุดบริการรับ-ส่งสินค้าไว้ให้ลูกค้า ไปจนถึงความร่วมมือกับแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่ต่างๆ เพื่อให้ลูกค้าใช้ชีวิตได้อย่างปกติมากที่สุดเท่าที่จะทำได้”

ส่วนหนึ่งที่ทำให้ ‘เมกาบางนา’ มีความพร้อมในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้ฝ่าวิกฤตได้อย่างรวดเร็ว เกิดจากความร่วมมือในการวางโครงข่ายเทคโนโลยีสื่อสารและบริการดิจิทัลครบวงจร จาก NT หรือ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ซึ่งให้บริการด้านดิจิทัลสำหรับใช้ภายในสำนักงาน, บริการฟรีไวไฟครอบคลุมทุกพื้นที่ของศูนย์การค้าเมกาบางนา และวางโครงข่ายเพิ่มเติมให้โครงการเมกาซิตี้ด้วย

“ความได้เปรียบของการใช้บริการดิจิทัลครบวงจรในการทำธุรกิจ คือการนำเครื่องมือทางการตลาด เข้ามาผสมผสานกับแอปพลิเคชัน อย่าง Marketing Automation โดยนำข้อมูลการเลือกซื้อสินค้าของลูกค้าที่ใช้งานแอปพลิเคชันเมกาบางนามาวิเคราะห์ และทำการตลาดแบบ Personalized จึงทำให้ทราบถึงความต้องการของลูกค้าโดยตรงและตอบโจทย์ให้ลูกค้าได้อย่างตรงจุด”

 “เชื่อว่าหลังจากควบรวมระหว่าง CAT และ TOT จะทำให้ NT มีบริการด้านโครงข่ายเทคโนโลยีสื่อสารและเทคโนโลยีดิจิทัลต่างๆ ที่มีเสถียรภาพและประสิทธิภาพครอบคลุมมากยิ่ง และส่งผลดีต่อธุรกิจทั้ง B2B และ B2C” ปพิตชญา กล่าวปิดท้าย

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


 มะเม่า/หมากเม่า ประโยชน์ และสรรพคุณมะเม่า

มะเม่า หรือ หมากเม่า จัดเป็นไม้ผล และผลไม้ป่าที่พบได้ในทุกภาคของประเทศไทย ปัจจุบัน นิยมนำผลสุกมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชนหลายชนิด อาทิ ไวน์มะเม่า แยมมะเม่า น้ำมะเม่า เป็นต้น นอกจากนั้น ยังนิยมรับประทานสดเป็นผลไม้ และนำไปประกอบอาหารด้วย ทั้งนี้ เนื่องจากผลให้รสหวานอมเปรี้ยว และมีสีสันสวยงาม เมื่อนำมาคั้นเป็นน้ำผลไม้ หรือ หมักทำเป็นไวน์จะให้สีแดงอมม่วงที่น่ารับประทานไม่แพ้ไวน์ชนิดอื่น

• วงศ์ : Stilaginaceae
• ชื่อวิทยาศาสตร์ Antidesma velutinosum Blume.
• ชื่อท้องถิ่น :
ภาคกลาง และทั่วไป
– มะเม่า
– ต้นเม่า
– เม่า
– หมากเม่าหลวง
– มะเม่าหลวง
ภาคเหนือ
– หมากเม้า
– มัดเซ
– เม่าเสี้ยน
– มะเม่าขน
ภาคอีสาน
– หมากเม่า
– เม่าหลวง
ภาคใต้
– มะเม่าไฟ

หมากเม่า

• มะเม่าเป็นพืชที่ขึ้นตามป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ พบได้ในทุกภาคของประเทศไทย แต่พบมากในภาคอีสาน ในจังหวัดสกลนคร อุดรธานี และมุกดาหาร ทั้งนี้ มะเม่าที่พบมีหลายชนิดแตกต่างกันตามสายพันธุ์ ได้แก่
– มะเม่าหลวง (ลำต้นใหญ่ และผลมีขนาดใหญ่ที่สุด)
– มะเม่าสร้อย/มะเม่าไข่ปลา (ลำต้นเล็ก และผลมีขนาดเล็กที่สุด)

• ส่วนชื่อพันธุ์ที่ใช้เรียกนั้นมีแตกต่างกัน ได้แก่
– พันธุ์ฟ้าผ่า/พันธุ์ฟ้าประทาน
– พันธุ์สร้างค้อ1,2,3
– พันธุ์ลม
– พันธุ์ภูโซง
– พันธุ์เพชรทองแซง
– พันธุ์ชมพูพาน
– พันธุ์คำไหล

ลักษณะของมะเม่า
ราก และลำต้น
รากมะเม่าประกอบด้วยระบบรากแก้ว และระบบรากฝอย ส่วนลำต้นมะเม่าจัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก มีอายุนานหลายปี ลำต้นแตกกิ่งตั่งแต่ระดับล่าง กิ่งมีจำนวนมาก กิ่งค่อนข้างเล็ก แต่ใบดก ทำให้มองเห็นเป็นทรงพุ่มหนาทึบ ความสูงของลำต้นประมาณ 2-15 เมตร โดยเฉพาะมะเม่าหลวงที่พบมากในภาคอีสาน ซึ่งมีลำต้นสูงใหญ่ ใบใหญ่ อาจสูงได้มากกว่า 15 เมตร แต่ก็มีบางพันธุ์ เช่น มะเม่าไขปลาที่พบมากในภาคอีสานเช่นกัน จะมีลำต้นเตี้ย สูงประมาณ 2-5 เมตร และใบมีขนาดเล็กกว่า

ใบ
ใบมะเม่า จัดเป็นพืชใบเลี้ยงคู่ที่ออกเป็นใบเดี่ยว เรียงเยื้องสลับบนกิ่ง ใบมีลักษณะป้อม และรี ปลายใบแหลม แผ่นใบเรียบ และเป็นมันเล็กน้อย แผ่นใบมีสีเขียวสด

ดอก
ดอกมะเม่าออกเป็นช่อยาวบริเวณปลายกิ่ง คล้ายช่อดอกพริกไทย บนช่อมีดอกขนาดเล็กจำนวนมาก ดอกมีลักษณะสีครีม ดอกเพศผู้มีทั้งแยกอยู่คนละต้นกับดอกเพศเมีย และอยู่ต้นเดียวกันกับดอกเพศเมีย เมื่อดอกมีการผสมเกสรแล้วดอกจะร่วง คงเหลือเฉพาะผลขนาดเล็ก ดอกออกในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม และผลจะทยอยสุกต่อเนื่องตั้งแต่เดือนสิงหาคม-กันยายน

ดอกหมากเม่า

ผล
ผลมะเม่า มีรูปร่างกลม มีขนาดผลประมาณผลพริกไท รวมกลุ่มออกบนช่อ ยาว 10-15 ซม. ย้อยลงมาตามกิ่งก้าน ผลดิบสีเขียว มีรสเปรี้ยวอมฝาด และค่อยเปลี่ยนเป็นเหลืองอมแดง มีรสเปรี้ยวจัด เมื่อสุกผลเปลี่ยนเป็นสีแดง มีรสเปรี้ยวอมหวานเล็กน้อย และเป็นสีดำเมื่อสุกจัด มีรสหวานอมเปรี้ยว เปลือกผล และเนื้อผลค่อนข้างบาง ภายในเป็นเมล็ด แข็งเล็กน้อย แต่สามารถเคี้ยวรับประทานได้

ผลดิบหมากเม่า

ประโยชน์มะเม่า
1. ผลมะเม่า
– ผลดิบ และผลสุกนำมารับประทานเป็นผลไม้สด
– ผลสุกนำมาคั้นเป็นน้ำผลไม้ หรือเรียก น้ำมะเม่า
– ผลดิบสีเขียว สีเหลืองอมแดง นำมาตำรับประทาน หรือที่เรียก ตำมะเม่า
– ผลสุกนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ อาทิ แยม ไวน์ เป็นต้น
2. ยอดอ่อน นำมารับประทานสดเป็นผักคู่กับอาหาร หรือ ใช้ปรุงในอาหารประเภทต้มยำเพื่อให้มีรสเปรี้ยว เช่น ต้มส้มปลา แกงเห็ดเผาะ เป็นต้น
3. ต้นมะเม่ามีทรงพุ่มใหญ่ ใบดก ใบเขียวตลอดปี ซึ่งนอกเหนือจากประโยชน์ที่ได้จากผลแล้วยังมีประโยชน์เพื่อเป็นร่มเงาได้อีกประการ
4. ผลมะเม่าสุกจัดถือเป็นอาหารของสัตว์ป่า โดยเฉพาะนกชนิดต่างๆ
5. เนื้อไม้ใช้ทำเครื่องเรือน ไม้ตกแต่งบ้าน และเฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น
6. กิ่งไม้ และเนื้อไม้นำมาเป็นไม้ใช้สอยอื่นๆ เช่น ทำเสารั้ว ทำฟืนประกอบอาหาร เป็นต้น

ไวน์หมากเม่า

คุณค่าทางโภชนาการของมะเม่า
– พลังงานถึง 75.20 กิโลแคลลอรี่
– โปรตีน 0.63 กรัม
– เยื่อใย 0.79 กรัม
– คาร์โบไฮเดรต 17.96 กรัม
– แคลเซียม 13.30 กรัม
– เหล็ก 1.44 มิลลิกรัม
– วิตามินซี 8.97 กรัม
– วิตามินบี1 4.50 ไมโครกรัม
– วิตามินบี2 0.03 ไมโครกรัม
– วิตามินอี 0.38 ไมโครกรัม

ที่มา : โอภาส บุญเส็ง (2550)(1)

สาระสำคัญที่พบ
สาระสำคัญที่พบในผลมะเม่า คือ แอนโทไซยานิน (Anthocyanin) (สารฟลาโวนอยด์) เป็นสารให้สีแดง ที่ประกอบด้วยสารแอนโทไซยานิดิน (Anthocyanidin) และน้ำตาล ทั้งนี้ แอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ที่พบในมะเม่าแห้ง 100 กรัม จะพบได้สูงถึง 50.1 มิลลิกรัม เลยทีเดียว (สุกัญญา สายธิ และพิเชษฐ เทบำรุง, 2544)(2)

สรรพคุณของมะเม่า
ผลมะเม่า
– ออกฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความแก่
– ช่วยบำรุงผิว ทำให้ผิวดูเปร่งปรั่ง
– ช่วยป้องกันมะเร็ง
– ช่วยขจัดสารพิษออกจากร่างกาย
– ช่วยบำรุงสายตา
– ช่วยเป็นยาระบาย

ราก เปลือก และแก่นลำต้น
– ช่วยเจริญอาหาร
– ใช้เป็นยาขับปัสสาวะ
– ช่วยแก้มดลูกอักเสบ
– ช่วยรักษาอาการตกขาว
– ช่วยแก้ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ

ใบ และยอดอ่อน
– ต้านอนุมูลอิสระ
– กระตุ้นระบบการย่อยอาหาร
– ช่วยเจริญอาหาร
– ช่วยบำรุงผิวพรรณ
– ช่วยบำรุงสายตา
– ป้องกันมะเร็งในกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้
– นำใบอ่อนมาลนไฟ ใช้ประคบแก้อาการฟกช้ำ
– นำใบแก่มาตำหรือบดผสมน้ำเล็กน้อย ใช้ประคบรักษาแผล ช่วยให้แผลแห้ง หายเร็ว

งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
การศึกษาการต้านเชื้อ HIV ของมะเม่า ร่วมกับสมุนไพรอีก 4 ชนิด พบว่า มะเม่าสามารถออกฤทธิ์กระตุ้นภูมิคุ้มกัน และต้านเชื้อ HIV ได้ (กัมมาล และคณะ, 2546)(3)

การศึกษาการออกฤทธิ์ยับยั้งการเพิ่มจำนวนเซลล์มะเร็งด้วยการใช้ไวน์แดงสยามมัวส์เพียนงอย่างเดียวเปรียบเทียบกับการผสมสารสกัดจากมะเม่ากับไวน์แดงสยามมัวส์ พบว่า การใช้ตำรับที่ผสมสารสกัดจากมะเม่าสามารถยับยั้งการเพิ่มเซลล์มะเร็งได้ดีกว่าการใช้ไวน์แดงสยามมัวส์เพียงอย่างเดียว (วิภพ และคณะ, 2549)(4)

การศึกษาสารสกัดหยาบจากรากมะเม่าที่มีฤทธิ์ต่อการต้านเซลล์มะเร็งปอด พบว่า สารสกัดหยาบจากส่วนรากมะเม่าสามารถออกฤทธิ์ต้านเซลล์มะเร็งปอดได้ (พิชญา ตระการรุ่งโรจน์, 2547)(5)

การปลูกมะเม่า
มะเม่าตามธรรมชาติจะขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด ดังนั้น การปลูกมะเม่าในปัจจุบันจึงยังนิยมวิธีขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดเป็นสำคัญ แต่ก็เริ่มนิยมขยายพันธุ์ด้วยอื่นมากขึ้นเพื่อให้ได้ต้นที่มีขนาดเล็ก และให้ผลดกเหมือนต้นแม่ เช่น การตอนกิ่ง และการเสียบยอด

ขอบคุณข้อมูลจาก puechkaset.com


ชนิดทอง ราคารับซื้อ กรัมละ ราคารับซื้อ บาทละ ราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5% n/a 25,450.00 25,550.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,649.00 24,998.84 26,050.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,484.10 22,498.96 n/a
ทองรูปพรรณ 80% 1,319.20 19,999.07 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 742.00 11,248.72 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 577.00 8,747.32 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,709.00 25,908.44 n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 25/03/2564

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 95 26.55 26.55 26.55 26.55 26.55 26.55 26.55 26.55 26.55 26.55
แก๊สโซฮอล์ 91 26.28 26.28 26.28 26.28 26.28 26.28 26.28 26.28 26.28 26.28
แก๊สโซฮอล์ E20 25.04 25.04 25.04 25.04 25.04 25.04 25.04 25.04 25.04
แก๊สโซฮอล์ E85 20.99 20.99 20.99
เบนซิน 95 33.96 34.41 34.46 33.96 33.96
ดีเซล B7 26.59 26.59 26.59 26.59 26.59 26.59 26.59 26.59 26.59 26.59
ดีเซล 23.59 23.59 23.59 23.59 23.59 23.59 23.59 23.59 23.59 23.59
ดีเซล B20 23.34 23.34 23.54 23.34 23.34 23.34 23.34
ดีเซลพรีเมี่ยม 31.16 31.36 33.04 32.56 31.16
แก๊ส NGV 13.43 13.43 13.43
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า