สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 26 มกราคม 2564

‘แสนสิริ’  ดึง 3 กลยุทธ์ ฝ่าวิกฤติ 

‘แสนสิริ’  ดึง 3 กลยุทธ์ ฝ่าวิกฤติ 

‘แสนสิริ’  ดึง 3 กลยุทธ์ ฝ่าวิกฤติ มองในทุกวิกฤติมีโอกาสเสมอ ถ้าแข็งแกร่งพอ

ปัจจัยลบโควิด-19 ซึ่งได้รับการขนานนาม เปรียบเป็น “อภิมหาวิกฤติ” ของคนทำธุรกิจทั่วโลก  ขณะบิ๊กอสังหาฯ ของไทย นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เจ้าตลาดที่อยู่อาศัย ที่ดำเนินธุรกิจมานานกว่า 36 ปี ถึงกลับเอ่ยปากว่าโควิด ร้ายกาจว่าช่วงวิกฤติต้มยำกุ้งเมื่อปี 2540 โดยมีแรงกระเพื่อมของผลกระทบมากมาย และความร้ายแรงนั้น ไม่ต่างจาก “อาวุธสงครามลูกใหญ่” ที่สาดกระสุนมายังตลาดอสังหาริมทรัพย์ทั้งทางตรงและทางอ้อมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งแม้บริษัทจะใช้กลยุทธ์สำคัญ “Speed to Market” เพื่อแข่งกับสภาพตลาด แรงซื้อที่ตกต่ำ ผ่านการทำธุรกิจด้วยความรวดเร็วและปรับตัวเร็วทันต่อสถานการณ์ จนสามารถฝ่าฝันวิกฤติในช่วงปี 2563 มาได้ด้วยตัวเลขรายได้ 4.5 หมื่นล้านบาท โตถึง 45% สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ของการทำธุรกิจ แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อโควิด และภาวะเศรษฐกิจ ยังตั้งอยู่บนความไม่แน่นอน และผันผวน ยังไม่สามารถละความเป็นห่วงได้ และยังรอคอยให้รัฐออกมาตรการมากระตุ้นอย่างตรงจุด

เศรษฐา ทวีสิน

ขณะเดียวกันยอมรับ เพื่อนธุรกิจหลายราย กำลังหยุดเดิน จากภาวะอ่อนแรง ในฐานะคนตัวใหญ่ มองเป็นโอกาสสร้างความแข็งแกร่ง ให้ทั้งกับตัวเอง และภาพรวมธุรกิจ -เศรษฐกิจ ก่อนเกิดหนี้เสียลุกลามทั้งระบบ

หวังโควิดจบเร็ว 

แนวโน้มสถานการณ์เมื่อช่วงครึ่งปีหลัง 2563 จากความแข็งแกร่งของระบบสาธารณสุขไทย รัฐบริหารจัดการได้ดีเยี่ยม ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อโควิด แทบเป็นศูนย์นั้น นับเป็นความหวังของการทำธุรกิจ ก่อนเกิดฝันร้าย จากความหละหลวมครั้งใหญ่ มีการลักลอบนำแรงงานผิดกฎหมายเข้าประเทศ และบ่อนการพนัน ทำให้เกิดการระบาดระลอกใหม่อีกครั้ง เหตุการณ์ดังกล่าว ได้ตอกย้ำ ว่าหลังจากนี้ เราไม่สามารถดำเนินธุรกิจอย่างวางใจได้ แม้ยังเชื่อมั่นต่อระบบสาธารณสุขไทย แต่ไม่สามารถหลีกหนีกับความผันผวนทางด้านมาตรการล็อกดาวน์ และเศรษฐกิจได้ แม้แต่วัคซีน ซึ่งเป็นความหวังอันสูงสุด ยังมีดราม่าเกิดขึ้นรายวัน ฉะนั้น เชื่อว่า ไม่มีใครกล้าพูดว่า ปี 2564 จะเป็นปีที่ดีที่สุด ทำได้แค่เตรียมตัวรับมือ โดยเฉพาะภาคอสังหาฯนั้น ประเมินอย่างต่ำ กำลังซื้อที่หดตัว คงไม่สามารถกลับมาได้ภายในระยะ 18 เดือน จึงเป็นการบ้านให้รัฐบาลเข้ามากระตุ้นช่วยเหลือ ผ่านมาตรการ 2 แง่ คือ ส่วนที่ผูกผันกับงบประมาณ เช่น การลดภาษีธุรกิจเฉพาะ, ลดค่าธรรมเนียมการโอนฯ กับส่วนที่สามารถดำเนินการได้ทันที โดยเฉพาะ การเรียกร้องให้ลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก แม้จะต่ำแล้ว แต่ยังต่ำได้อีก เพื่อเพิ่มเงินในกระเป๋าประชาชน ช่วยเพิ่มกำลังซื้อ ลดภาระการจ่ายดอกเบี้ยที่แสนจะเจ็บปวดในทุกๆเดือน ,การยกเลิกใช้มาตรการ แอลทีวี ที่ควรต้องปลดล็อกทันที โดยที่รัฐไม่เสียหายใดๆ รวมถึงมาตรการกระตุ้นกลุ่มลูกค้าต่างชาติ เช่น การขยายสัญญาเช่าซื้อ จาก 30 ปี เป็น 90 ปี และอีกหลายมาตรการ ที่สมาคมอสังหาฯ และผู้ประกอบการเคยเสนอแนะต่อรัฐบาลในหลายๆโอกาส ย้ำ อสังหาฯปีนี้ มีความหวังเดียว คือโควิดต้องจบโดยเร็ว โดยมีมาตรรัฐช่วยหนุนอีกทาง

3 กลยุทธ์ชิงตลาด

ทั้งนี้ มองในทุกวิกฤติมีโอกาสเสมอ ถ้าแข็งแกร่งพอ ฉะนั้น จะยังอาศัยการเดินหน้า 3 กลยุทธ์หลัก คือ 

1. Speed to Market เน้นการวางแผน ปรับตัวระยะสั้น เพื่อหนุนยอดขายและโอนฯตลอดทั้งปี 

2. การเข้าใจลูกค้า อัดแคมเปญที่ตอบโจทย์กับกำลังซื้อ เช่น แสนสิริผ่อนให้ 24 เดือน เพื่อลดความกังวลให้ลูกค้า หลังไม่มั่นใจทางรายได้ เสริมกับบริการทางการขาย ที่เป็นเบอร์ 1 ของตลาด และ 3 .การบริหารกระแสเงินสด เน้นเปิดใหม่ เซกเม้นท์ราคาเข้าถึงได้ กระจายหลายทำเล ผ่านโครงการขนาดเล็ก นับรวม 24 โครงการ 2.6 หมื่นล้านบาท เพื่อช่วยให้เงินหมุนเวียน เสริมสภาพคล่องจากที่มีในมือ 1.5 หมื่นล้านบาท 

โอกาสเก็บของเข้าพอร์ต

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจอสังหา เป็นธุรกิจที่ต้องอาศัยสายป่านยาว ปีนี้รายกลาง รายเล็ก ที่มีเงื่อนไขเรื่องแบรนด์ เงินทุนในการแข่งขัน อาจตกอยู่ในภาวะยากลำบากขึ้นไปอีก คาดจะได้เห็นโครงการจากผู้ประกอบการเหล่านี้ ออกมาขายจำนวนหนึ่ง รวมถึงการเปลี่ยนมือเรื่องที่ดินด้วย โดยแสนสิริ ซึ่งนับเป็นฟันเฟืองใหญ่ของตลาดอสังหาฯไทย และเศรษฐกิจไทย พร้อมจะเข้าไปอุ้มและช่วยเหลือ เพื่อป้องกันผลพ่วง ที่อาจจะกระทบเป็นวงกว้าง โดยเบื้องต้นวางแผนงบซื้อที่ดินไว้ราว 5-7 พันล้านบาท เผยขณะนี้มีผู้ประกอบการหลายโครงการ เข้ามาเจรจาขายให้ แต่จะเลือกจากความสนใจในแง่ทำเลเป็นหลัก โดยใช้ความแข็งแกร่งด้านการเงิน ในการเลือกซื้อสินทรัพย์เหล่านี้ย้ำไม่ใช่แค่เป็นผลดีต่อแสนสิริ แต่เป็นผลดีต่อสังคมและเศรษฐกิจในภาพใหญ่ด้วย เพราะช่วยไม่ให้เกิดหนี้เสียเข้าสู่ระบบและช่วยพยุงเพื่อนร่วมธุรกิจที่เป็นบริษัทขนาดเล็ก-ขนาดกลางให้ยังอยู่รอดได้ ไม่ต้องปิดตัว ก้าวต่อไปด้วยกันได้

“ไม่ว่าบริษัทใหญ่ หรือ เล็ก ต่างโดนโควิดเล่นงาน มากน้อยแตกต่างกันไป บางรายกำลังเผชิญกับภาวะคิดไม่ตก สิ้นหวัง อยากให้ตั้งสติ เมื่อแก้ภาพใหญ่ไม่ได้ ให้หันกลับมาแก้ภาพเล็ก คือ ภายในองค์กรก่อน ตื่นเพื่อรอความหวัง แต่บางรายไม่ไหว ก็เป็นโอกาสในการซื้อของเรา ช่วยทั้งเศรษฐกิจภาพใหญ่ และช่วยพยุงเพื่อนธุรกิจ ไม่ให้ต้องปิดตัว คนตัวใหญ้ต้องช่วยตัวเล็ก ประเทศถึงขับเคลื่อนได้” 

นายเศรษฐา กล่าวปิดท้ายว่า การซื้อขายเปลี่ยนมือในตลาดคราวนี้ อาจไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะรายที่มีปัญหาไปต่อไม่ได้ แต่บางรายที่ไม่เดือดร้อน แต่ต้องการเปลี่ยนพอร์ต เปลี่ยนกลยุทธ์ในการแข่งขัน คาดจะเกิดภาวะซื้อมา-ขายไป คึกคักทั้งตัวโครงการและที่ดิน 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ขยาย 6 เลน “มีนบุรี-แปดริ้ว” ฉลุย แก้จราจร โยง อีอีซี

ขยาย 6 เลน “มีนบุรี-แปดริ้ว” ฉลุย แก้จราจร โยง อีอีซี

กรมทางหลวง ขยายทางหลวงหมายเลข 304 สายมีนบุรี-ฉะเชิงเทรา ตอน นครเนื่องเขต – ฉะเชิงเทรา แล้วเสร็จ เป็น 6 ช่องจราจร เชื่อมโยงระบบโลจิสติกส์และรองรับปริมาณจราจรที่หนาแน่น เชื่อมโยงอีอีซี

กรมทางหลวง โดยสำนักก่อสร้างทางที่ 2 ดำเนินการโครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 304 สายมีนบุรี-ฉะเชิงเทรา ตอน นครเนื่องเขต-ฉะเชิงเทรา รวมสะพานข้ามแยก ตอน 1 (ถนนสุวินทวงศ์) จ.ฉะเชิงเทรา ระหว่าง กม.59+900 – กม.65+600 ระยะทาง 5.7 กิโลเมตร เสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยเส้นทางสายนี้อยู่ในพื้นที่ อ.เมืองและอ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทราหนึ่งในเขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก(อีอีซี)  ซึ่งนับวันจะมีปริมาณการจราจรที่เพิ่มสูงขึ้น กรมทางหลวงจึงดำเนินการขยายทางหลวงสายนี้ จากเดิม 4 ช่องจราจร

ให้เป็นมาตรฐานทางชั้นพิเศษขนาด 6 ช่องจราจร (ไปกลับข้างละ 3 ช่องจราจร) ผิวจราจรแอสฟัลต์คอนกรีตกว้างช่องละ 3.5 เมตร ก่อสร้างกำแพงคอนกรีตแบ่งกั้นทิศทางการจราจร  รวมทั้งก่อสร้างสะพานข้ามแยก 1 แห่ง ที่ กม.63+825 ด้านขวาทางแยกตลาดปองพล ก่อสร้างสะพานข้ามคลอง 2 แห่ง และก่อสร้างศาลาที่พักผู้โดยสาร 13 แห่ง พร้อมติดตั้งสัญญาณไฟจราจรและไฟส่องสว่าง งบประมาณ 690,614,980 บาท

ทางหลวงสายดังกล่าว เป็นเส้นทางสายหลักจากกรุงเทพสู่ภาคตะวันออก  เมื่อโครงการแล้วเสร็จจะเพิ่มประสิทธิภาพการคมนาคมขนส่งโลจิสติกส์ระหว่างภาคกลางและภาคตะวันออกมีความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ส่งผลดีในด้านเศรษฐกิจของประเทศ เป็นไปตามแผนงานบูรณาการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก โครงการพัฒนาทางหลวงรองรับระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก(EEC)

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ค่าบาท ตามติดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของเฟด

ค่าบาท ตามติดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของเฟด

กรุงศรีคาดเงินบาทซื้อขายในกรอบ 29.90-30.15 จับตาการผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของเฟด

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 29.90-30.15 ต่อดอลลาร์เทียบกับระดับปิดแข็งค่าที่ 29.97 ต่อดอลลาร์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเงินดอลลาร์อ่อนค่าเทียบกับทุกสกุลเงินหลัก ขณะที่ว่าที่รัฐมนตรีคลังและอดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) เจเน็ต เยลเลน ระบุถึงว่าประโยชน์ของมาตรการเยียวยาขนาดใหญ่มีมากกว่าต้นทุนภาระหนี้ภาครัฐที่เพิ่มขึ้น ทางด้านธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี)เตือนว่าการติดเชื้อ COVID-19 ที่พุ่งขึ้นเป็นปัจจัยเสี่ยง โดยอีซีบีมีมติคงดอกเบี้ยเงินฝากไว้ที่ระดับติดลบ 0.50% และคงโควต้าสำหรับการซื้อพันธบัตรในโครงการฉุกเฉินจากสถานการณ์โรคระบาด(PEPP) ไว้ที่ 1.85 ล้านล้านยูโร พร้อมส่งสัญญาณออกมาตรการเพิ่มเติมหากจำเป็น ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 3.6 พันล้านบาท แต่ซื้อพันธบัตร 7.2 พันล้านบาท

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า ในสัปดาห์นี้จุดสนใจหลักของตลาดจะอยู่ที่การประชุมเฟดวันที่ 26-27 ม.ค. ซึ่งคาดว่าการสื่อสารกับตลาดเพื่อเน้นย้ำคำมั่นที่จะสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเป็นระยะเวลานาน อีกทั้งความเห็นของเฟดที่มีต่อการปรับตัวสูงขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯนับตั้งแต่ต้นปีจะเป็นปัจจัยชี้นำสำคัญต่อทิศทางค่าเงินดอลลาร์ นอกจากนี้ นักลงทุนจะจับตาข้อมูลจีดีพีไตรมาส 4/63 ของสหรัฐฯ รวมถึงแนวโน้มการผลักดันมาตรการกระตุ้นทางการคลังซึ่งประธานาธิบดีไบเดนเคยเสนอไว้สูงถึง 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่กรุงศรีคาดว่าจะมีการลดทอนขนาดของมาตรการลงในที่สุด ในภาวะเช่นนี้ คาดว่าตลาดอัตราแลกเปลี่ยนอาจย่ำฐานช่วงสั้นเพื่อรอความชัดเจนต่อไป

สำหรับปัจจัยในประเทศนั้น กระทรวงพาณิชย์ได้รายงานการส่งออกขยายตัว 4.71% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นอัตราสูงสุดในรอบ 22 เดือน ตามทิศทางเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจคู่ค้า ทั้งนี้ ในปี 2563 มูลค่าส่งออกลดลง 6.01% ขณะที่ยอดนำเข้าหดตัว 12.39% ส่งผลให้ไทยเกินดุลการค้า 2.45 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์คาดว่าการส่งออกในปี 2564 นี้จะเติบโตได้ 4% ส่วนทางด้านรัฐมนตรีคลังประเมินว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวได้ 3-4% แม้เผชิญกับการระบาดระลอกใหม่ โดยคาดว่าการแพร่ระบาดรอบนี้จะควบคุมได้ภายในเดือน มี.ค. ขณะที่มีปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การฟื้นตัวของภาคส่งออก และกระจายวัคซีน ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติยังไม่สามารถฟื้นตัว นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยังเห็นว่าดอกเบี้ยนโยบายของไทยต่ำมากแล้ว และมองว่าการคงดอกเบี้ยควรดำเนินต่อไปจนกว่าจะมั่นใจว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวชัดเจน ส่วนประเด็นค่าเงิน ต้องการให้ธนาคารแห่งประเทศไทยดูแลเสถียรภาพเพื่อสนับสนุนให้ภาคธุรกิจสามารถบริหารต้นทุนได้

ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com


รอลุ้นรอเชียร์! 6 ขนไก่ไทย เตรียมล่าแชมป์ “เวิลด์ ทัวร์ ไฟนอลส์ 2020” สัปดาห์นี้

รอลุ้นรอเชียร์! 6 ขนไก่ไทย เตรียมล่าแชมป์ "เวิลด์ ทัวร์ ไฟนอลส์ 2020" สัปดาห์นี้

หลังจากที่บรรดานักกีฬาแบดมินตันจาก 22 ชาติได้ทำการแข่งขันในศึกแบดมินตัน 3 รายการใหญ่ครั้งประวัติศาสตร์ในประเทศไทยจบลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 2 รายการ ในระดับเวิลด์ทัวร์ซูเปอร์ 1000 รายการ โยเน็กซ์ ไทยแลนด์ โอเพ่น และ โตโยต้า ไทยแลนด์ โอเพ่น ซึ่งจะเป็นการเก็บคะแนนสะสม HSBC Road to Bangkok Finals เพื่อคว้าตั๋วผ่านเข้าไปเป็นผู้เล่น 1-8 ที่ดีที่สุดของแต่ละประเภทที่จะผ่านเข้าไปร่วมชิงชัยในรายการสุดท้ายศึก “เอชเอสบีซี บีดับเบิ้ลยูเอฟ เวิลด์ทัวร์ ไฟนอลส์ 2020”

สำหรับศึกใหญ่รายการสุดท้ายของปี “เอชเอสบีซี บีดับเบิ้ลยูเอฟ เวิลด์ทัวร์ ไฟนอลส์ 2020” ชิงเงินรางวัลรวม 1,500,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 45,150,000 บาท ที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ภายใต้มาตรการในรูปแบบนิวนอร์มอล ระหว่างวันที่ 27 – 31 มกราคม ซึ่งจะมีเพียงนักแบดมินตันที่ทำคะแนนสะสมใน HSBC Road to Bangkok Finals ที่ดีที่สุดอันดับ 1-8 ของแต่ละประเภท โดยให้สิทธิ์นักกีฬาจากชาติเดียวกันคว้าตั๋วรอบไฟนอลเพียงแค่ 2 ใบในแต่ละประเภทเท่านั้น ที่จะได้ลงช่วงชิงความเป็นหนึ่ง

โดยจะนับคะแนนจากรายการไซเอด มูดี้ อินเตอร์เนชั่นแนล 2019, มาเลเซีย มาสเตอร์ส 2020, อินโดนีเซีย มาสเตอร์ส 2020, ปริ้นเซส สิริวรรณวรี ไทยแลนด์ มาสเตอร์ส 2020, บาร์เซโลน่า สเปน มาสเตอร์ส 2020, ออล อิงแลนด์ 2020, เดนิสา เดนมาร์ก โอเพ่น 2020, โยเน็กซ์ ไทยแลนด์ โอเพ่น และ โตโยต้า ไทยแลนด์ โอเพ่น ทั้งนี้จะต้องเข้าร่วมแข่งขันในศึก โยเน็กซ์ ไทยแลนด์ โอเพ่น และ โตโยต้า ไทยแลนด์ โอเพ่น เวิลด์ทัวร์ซูเปอร์ 1000 อยู่ในระบบบับเบิ้ลควอรันทีน หรือ OQ ถึงจะได้สิทธิ์ลงแข่งขันเวิลด์ทัวร์ ไฟนอลส์ ได้

ล่าสุดทางสหพันธ์แบดมินตันโลก (BWF) ได้ประกาศรายชื่อนักกีฬาที่เก็บคะแนนสะสมใน HSBC Road to Bangkok Finals ที่ดีที่สุดของแต่ละประเภทอันดับ 1-8 ที่จะผ่านเข้าไปร่วมชิงชัยในรายการสุดท้ายศึก “เอชเอสบีซี บีดับเบิ้ลยูเอฟ เวิลด์ทัวร์ ไฟนอลส์ 2020” ออกมาอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อย

ทีมนักกีฬาแบดมินตันไทยมี 6 คน ที่ทำผลงานคว้าต้๋วผ่านเข้ารอบไฟนอลได้สำเร็จ ได้แก่ ประเภทหญิงเดี่ยว “เมย์” รัชนก อินทนนท์มืออันดับ 5 ของโลก และ “หมิว” พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ มืออันดับ 13 ของโลก, ประเภทหญิงคู่ “กิ๊ฟ” จงกลพรรณ กิติธารากุล กับ “วิว” รวินดา ประจงใจ คู่มืออันดับ 11 ของโลก, ประเภทคู่ผสม “บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ “ปอป้อ” ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย คู่มืออันดับ 3 ของโลก

โดยนักกีฬาที่จะได้ร่วมชิงชัยในศึก “เอชเอสบีซี บีดับเบิ้ลยูเอฟ เวิลด์ทัวร์ ไฟนอลส์ 2020” ทั้ง 5 ประเภทประกอบด้วย

ประเภทชายเดี่ยว

1.วิคเตอร์ อเซลเซ่น จากเดนมาร์ก       57220 คะแนน

2. อันเดรส แอนทอนเซ่น จากเดนมาร์ก 40820 คะแนน

3. โจว เทียนเฉิน จากไต้หวัน               40520 คะแนน

4. หวัง ซื่อเหว่ย จากไต้หวัน                35240 คะแนน

5. อึ้ง กาลอง อังกุส จากฮ่องกง           35020 คะแนน

6. คีดัมบี้ สีกานห์ จากอินเดีย              31360 คะแนน

7. ลี ซีเจี๋ย จากมาเลเซีย 29390 คะแนน

8. แอนโทนี่ ซินนิซุกะ กินติ้ง จากอินโดนีเซีย   27620 คะแนน

ประเภทหญิงเดี่ยว

1. คาโรลิน่า มาริน จากสเปน    73820 คะแนน

2. ไถ้ ซื่อหยิง จากไต้หวัน      40200 คะแนน

3. เมย์-รัชนก อินทนนท์        38250 คะแนน

4. อัน เซยอง จากเกาหลีใต้  37140 คะแนน

5. หมิว-พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์     33860 คะแนน

6. มิเชล ลี จากแคนาดา       28940 คะแนน

7. อีฟเกนิย่า โคเซ็ทกาย่า จากรัสเซีย   26750 คะแนน

8. พูสซาลา วี สินธุ จากอินเดีย     24840 คะแนน

ประเภทชายคู่

1. ลี หยาง กับ หวัง ชิหลิน จากไต้หวัน        51180 คะแนน

2.อารอน เชี๊ยะ กับ โซว วุยอิค จากมาเลเซีย    36390 คะแนน

3. โมฮาเหม็ด อัสซาน กับ เฮนดร้า เซทเทียวาน จากอินโดนีเซีย   35820 คะแนน

4. ออง ยิวซิน กับ เตียว อี่ยี่ จากมาเลเซีย       35080 คะแนน

5. วลาดิเมียร์ อิวานอฟ กับ อิวาน โซโซนอฟ จากรัสเซีย    33710 คะแนน

6. มาร์คัส เอลลิส กับ คริส แลงกริดจ์ จากอังกฤษ     33270 คะแนน

7. เบน เลน กับ ฌอน เวอร์ดี้ จากอังกฤษ      32040 คะแนน

8. ชอย โซวกิว กับ โซว ซอนแจ จากเกาหลีใต้     29640 คะแนน

ประเภทหญิงคู่

1.เกรเซีย โพลี่ กับ อภิรานี่ ราฮายู จากอินโดนีเซีย  46020 คะแนน

2. ลี โซฮี กับ ชิน เซืองชาน จากเกาหลีใต้           43360 คะแนน

3. คิม โซยอง กับ กอง ฮียอง จากเกาหลีใต้         40930 คะแนน

4. โคลอี้ เบิร์ช กับ ลอว์เรน สมิธ จากอังกฤษ      40930 คะแนน

5. กิ๊ฟ-จงกลพรรณ กิติธารากุล กับ วิว-รวินดา ประจงใจ    33690 คะแนน

6. ลินดา เอฟเลอร์ กับ อิซซาเบล เฮิร์ททริช จากเยอรมนี    29980 คะแนน

7. เชา เหม่ยกวน กับ ลี เหม็งหยวน จากมาเลเซีย    29340 คะแนน

8. วิเวียน ฮู กับ แยป เชงเหวิน จากมาเลเซีย      26160 คะแนน

ประเภทคู่ผสม

1.มาร์คัส เอลลิส กับ ลอว์เรน สมิธ จากอังกฤษ     46100 คะแนน

2. มาร์ค แลมฟรุ๊ท กับ อิซซาเบล เฮิร์ททริก จากเยอรมนี    42040 คะแนน

3.  เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย    41400 คะแนน

4. ทอม กีเซล กับ เมลฟิน เดอรูร์ จากฝรั่งเศส       38870 คะแนน

5. ปราวีน จอร์แดน กับ เมลาติ เดว่า อ๊อคตาเวียนติ จากอินโดนีเซีย    32460 คะแนน

6. แช ยูจุง กับ โซว ซองแจ จากเกาหลีใต้     31440 คะแนน

7. ฮาฟิต ไฟซาล กับ กลอเลีย วิจาจ้า จากอินโดนีเซีย    30790 คะแนน

8. โก๊ะ ซุนฮวด กับ เชวอน เจมี่ไล จากมาเลเซีย 29990 คะแนน

สำหรับแบดมินตันรายการ เอชเอสบีซี บีดับเบิ้ลยูเอฟ เวิลด์ทัวร์ ไฟนอลส์ 2020 จะจับสลากแบ่งสายในวันอังคารที่ 26 มกราคมนี้ เวลา 10.00 น. ที่อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี และจะถ่ายทอดสดผ่านทาง Youtube และ Facebook live ของ BWF ด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ส่องบริการเสริม รพ. เอกชนในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล รับมือ “โควิด-19”

ส่องบริการเสริม รพ. เอกชนในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล รับมือ “โควิด-19”

หลังจากที่โควิด-19 ระลอกใหม่ เข้ามาโจมตีชีวิตผู้คนและเศรษฐกิจตั้งแต่ช่วงกลางเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ธุรกิจโรงพยาบาลได้รับผลกระทบไปตามกัน ด้วยเหตุนี้โรงพยาบาลหลายแห่งจึงต้องมุ่งเฟ้นหาบริการเสริมในรูปแบบต่างๆ มาทำการตลาดกันใหม่ พร้อมยกระดับมาตรการด้านความปลอดภัย เพื่อดึงดูดและดึงความเชื่อมั่นของคนไข้ให้กลับมาดังเดิม

เรามาดูกันว่าโรงพยาบาลเอกชนในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล รับมือกับสถานการณ์โควิด-19 ด้วยการให้บริการอะไรที่น่าสนใจบ้าง

โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ชูโปรแกรม Bumrungrad @Home Service Center พร้อมดูแลผู้ป่วยถึงบ้าน ทั้งการเจาะเลือด ฉีดวัคซีน รับคำปรึกษาผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มคนที่ไม่กล้าเดินทางมาโรงพยาบาลในช่วงโควิด-19 ระบาด เพิ่มความสะดวก ประหยัดเวลาในการเดินทางมาพบแพทย์ และห่างไกลจากเชื้อโรค 

นอกจากนี้บำรุงราษฎร์ยังได้กลับมาโปรโมตบริการ 60 Second Service ที่สามารถรับยาและฉีดวัคซีนภายใน 60 วินาที ตอบรับ New Normal ครบจบทุกบริการในที่เดียว โดยไม่ต้องผ่านจุดอื่นๆ ในโรงพยาบาล อีกด้วย

รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก

โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ 

โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิมาพร้อมกับ 3 บริการทางการแพทย์ที่จะเป็นทางเลือกให้กับผู้ป่วยในช่วงโควิด-19 ระบาด ช่วยลดความเสี่ยง เลี่ยงติดเชื้อ ทั้ง Dr.PRINC TeleHealth บริการให้คำปรึกษาจากแพทย์จากเครือรพ.พริ้นซ์ ผ่าน Line@: @Dr.PRINC โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย Dr.PRINC Drive Thru ตรวจคัดกรองโควิด-19 ฉีดวัคซีน หรือรับยาโดยไม่ต้องลงจากรถ และ Dr.PRINC@Home บริการทางการแพทย์ถึงบ้าน ทั้งฉีดวัคซีน เจาะเลือด ทำแผล ล้างแผล หรือส่งยาถึงบ้าน

รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก

โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท 

โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท ให้บริการเสริมทั้ง 24-Hour Teleconsultation ปรึกษาคุณหมอผ่าน VDO Call ได้ทุกที่ แค่มีมือถือ ด้วยสถานการณ์โควิด-19 แม้จะไม่สะดวกเดินทาง ไม่อยากออกจากบ้าน ก็สามารถเข้าถึงบริการของสมิติเวชผ่านทางออนไลน์ได้ทั้งผู้ป่วยใหม่ และผู้ป่วยเก่า Medecine Delivery บริการจัดส่งยาถึงบ้าน Test@Home บริการเจาะเลือดนอกสถานที่ Flu Clinic บริการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่นอกสถานที่ บริการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ผ่านระบบไดร์ฟ ทรู ไม่ต้องลงจากรถ นอกจากนี้ยังมีบริการ Vaccine @Home ไปจนถึง 31 ธันวาคม 2564 นี้อีกด้วย 

รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก

โรงพยาบาลปิยะเวท

โรงพยาบาลปิยะเวท ได้นำเอา Telemedicine มิติใหม่สำหรับการบริการมาดึงดูดเช่นกัน โดยสามารถพบแพทย์ทางวิดีโอออนไลน์ได้ทุกที่ ทุกเวลา และรับยาส่งตรงถึงบ้านภายใน 24 ชั่วโมง สำหรับผู้รับบริการในพื้นที่กรุงเทพมหานคร บริการ Drive Thru Testing ตรวจหาเชื้อโควิด-19 รู้ผลภายใน 24 ชั่วโมง รวมถึงบริการ Onsite Service ตรวจโควิด-19 ถึงสำนักงาน 

รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก

โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 อินเตอร์ 

โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 อินเตอร์ ก็มีการนำบริการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ผ่านระบบไดรฟ์ทรู กลับมาใช้อีกครั้ง ตามกระแสการระบาดของโควิด-19 นอกจากนี้ยังนำเสนอวิธีตรวจโควิด-19 หลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบ RT-PCR, Rapid Antigen และการตรวจคัดกรองหาภูมิคุ้มกันโควิดด้วยวิธี Antibody

รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก และ เว็บไซต์ 

โรงพยาบาลพระราม 9

โรงพยาบาลพระราม 9 ให้บริการ PR9 Telemedicine บริการปรึกษาแพทย์เฉพาะทางผ่าน Video Call Drive In Service บริการเจาะเลือดและฉีดวัคซีน ณ จุดบริการ Drive In อาคาร B โรงพยาบาลพระรามเก้า และ Home Care Service บริการเจาะเลือดและฉีดวัคซีนถึงบ้าน โดยพยาบาลผู้ชำนาญการ (เฉพาะในเขตกรุงเทพมหานคร)

รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


กว้าง ภาษาอังกฤษ ความกว้าง ความยาว ความสูง ความลึก ตัวอย่างประโยคการใช้

ความกว้าง ความยาว ความสูง ความลึก ภาษาอังกฤษคืออะไร ถ้ามีคำว่าความนำหน้าแบบนี้ แสดงว่าเป็นคำนาม แต่ถ้า กว้าง ยาว สูง ลึก แบบนี้จะเป็นคำคุณศัพท์ ว่าแต่เขาใช้กันอย่างไร มาเรียนรู้พร้อมกันไปเลย

กว้าง ภาษาอังกฤษ

ความกว้าง ความยาว ความสูง ความลึก ภาษาอังกฤษ

มาดูความหมายไปทีละตัวกันนะครับ 4 คำต่อไปนี้เป็นคำนาม

  • ความกว้าง ภาษาอังกฤษ คือ width อ่านว่า วิธ
  • ความยาว ภาษาอังกฤษ คือ length อ่านว่า เล็งธ
  • ความสูง ภาษาอังกฤษ คือ  height อ่านว่า ไฮท
  • ความลึก  ภาษาอังกฤษ คือ depth อ่านว่า เด็พธ

ส่วน 4 คำต่อไปนี้เป็นคำคุณศัพท์

  • กว้าง ภาษาอังกฤษ คือ wide อ่านว่า ไวด
  • ยาว ภาษาอังกฤษ คือ long อ่านว่า ลอง
  • สูง ภาษาอังกฤษ คือ  heigh อ่านว่า ไฮ
  • ลึก  ภาษาอังกฤษ คือ deep อ่านว่า ดีพ

สังเกตุได้ว่าทั้งคำคุณศัพท์และคำนามหน้าตาจะคล้ายๆกัน

ตัวอย่างประโยค

  • The river is fifty metres in width.
    The river is fifty metres wide.
    แม่น้ำกว้าง 50 เมตร
  • The train is 100 metres in length.
    The train is 100 metres long.
    รถไฟยาว 100 เมตร
  • Big Ben is 96 meters in height.
    Big Ben is 96 meters high
    บิกเบนสูง 96 เมตร
  • The swimming pool is 3 meters in depth.
    The swimming pool is 3 meters deep.
    สระว่ายน้ำลึก 3 เมตร

ขอบคุณข้อมูลจาก ภาษาอังกฤษออนไลน์.com


เกรท วอลล์ มอเตอร์ ชู EV แก้ปัญหา PM2.5

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ชู EV แก้ปัญหา PM2.5

เกรท วอลล์ มอเตอร์ Great Wall Motor ชูรถยนต์ไฟฟ้า EV พร้อมสร้าง Ecosystem จะช่วยแก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 ในไทย 

รายงานจาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ ( Great Wall Motor ) เผยกรณีศึกษาความสำเร็จ รถยนต์ไฟฟ้าของจีน และการวางรากฐาน xEV Ecosystem ช่วยสร้างความเข้มแข็งให้อุตสาหกรรมยานยนต์ พร้อมลดมลพิษในเมืองใหญ่

จีนเคยประสบปัญหามลภาวะจากภาคอุตสาหกรรมและการปล่อยมลพิษจากรถยนต์บนท้องถนน เนื่องมาจากการเติบโตด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมแบบก้าวกระโดดของจีน จนส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระดับรุนแรง ทำให้หลายเมืองใหญ่ของจีนมีค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก 

ดังนั้นจีนจึงเริ่มควบคุมคุณภาพอากาศอย่างจริงจังและใช้เทคโนโลยีพัฒนานวัตกรรมเพื่อรับมือวิกฤตฝุ่นแบบครบทุกมิติ โดยเฉพาะการโฟกัสที่ต้นเหตุของปัญหา คือลดการปล่อยมลพิษที่เกิดจากรถยนต์ด้วยการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า 

รถยนต์พลังงานทางเลือก (New Energy Vehicle : NEV) เป็นนโยบายสำคัญที่จะนำมาช่วยการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษ นับเป็นจุดเริ่มต้นของการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี นวัตกรรม รวมถึงสร้างบุคลากรด้านรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจีนมุ่งหวังให้เทคโนโลยีการผลิตและรถยนต์ไฟฟ้าเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์หลักในการขับเคลื่อนและยกระดับเศรษฐกิจของประเทศ 

โมเดลความสำเร็จในการผลักดันให้เกิดการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าของสาธารณรัฐประชาชนจีน 

1. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศเพื่อรองรับการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า 
2. นโยบายส่งเสริมจากภาครัฐและภาคเอกชนให้มีการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า 
3. การผลักดันเทคโนโลยีและนวัตกรรมการผลิตเพื่อสร้าง Ecosystem ของรถยนต์ไฟฟ้าให้เกิดขึ้น ส่งผลให้ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี 
จีนกลายเป็นประเทศผู้นำด้านรถยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก

ตัวอย่างความสำเร็จของการสร้าง Ecosystem ของรถยนต์ไฟฟ้าในจีน คือการสนับสนุนเงินทุนพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าในหลายโครงการ ทั้งโครงการก่อสร้างสถานีอัดประจุไฟฟ้า และโครงการผลิตแบตเตอรี่สำหรับใช้รถยนต์ไฟฟ้า จากปี พ.ศ.2555 ถึงปัจจุบัน จีนอุดหนุนเงินทุนในโครงการผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนสำหรับใช้กับรถยนต์ไฟฟ้าไปหลายพันล้านหยวน ส่งผลให้จีนแซงหน้าประเทศเกาหลีใต้และประเทศญี่ปุ่น และสามารถขึ้นครองแชมป์ในการเป็นผู้ผลิตและขายแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนมากที่สุดในโลกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556 เป็นต้นมา และในปี พ.ศ.2561 สาธารณรัฐประชาชนจีนได้ครองอันดับ 1 ตลาดแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนด้วยยอดขาย 61% ของยอดขายทั่วโลก 

นอกจากนี้ ในบรรดาทำเนียบบริษัทที่ผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนระดับโลก 12 อันดับแรก เป็นบริษัทสัญชาติจีนมากถึงถึง 7 บริษัท  ซึ่งการสร้าง Ecosystem ดังกล่าว ผลักดันให้เกิดการใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างแพร่หลายในจีน โดยในปี พ.ศ.2562 จีนมีการจำหน่ายรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าถึง 1.2 ล้านคัน นับเป็นสถิติที่สูงที่สุดในโลก  

จีนยังคงมีการดำเนินนโยบายการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าของจีนอย่างต่อเนื่อง โดยส่งเสริมให้มีการพัฒนาและสร้างแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานขึ้น ควบคู่ไปกับการรองรับการขยายตัวของตลาดยานยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ทั้งการสร้างและเชื่อมโยงโครงข่ายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าสาธารณะระหว่างเมืองใหญ่ รวมถึงการตั้งเป้าสร้างสถานีอัดประจุไฟฟ้า (Charging Station) อีกกว่า 12,000 สถานี และกระจายจุดชาร์จ (Charging Pile) อีกกว่า 4.8 ล้านแห่ง เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน 

ขณะเดียวกัน ยังมีนโยบายส่งเสริมการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า โดยให้สิทธิประโยชน์ต่างๆ แก่บุคคลทั่วไปหรือหน่วยงาน อาทิ การออกมาตรการอุดหนุนทางการเงิน ให้สิทธิพิเศษในการขอป้ายทะเบียน การยกเว้นภาษีการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ชู EV แก้ปัญหา PM2.5

นายณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า จากกรณีศึกษาความสำเร็จของการใช้ รถยนต์ไฟฟ้าในจีน สามารถถอดแนวคิดและกลยุทธ์ที่จีนนำมาใช้ โดยมีทั้งนโยบายการผลักดันเชิงรุก (Push Strategy) เช่น การกำหนดวันคู่ วันคี่ สำหรับรถยนต์ที่วิ่งในเมือง การตรวจสอบการปล่อยไอเสีย และนโยบายที่ดึงดูดคนให้มาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น (Pull Strategy) เช่น การลดหย่อนภาษี การให้สิทธิพิเศษกับผู้ที่ใช้รถไฟฟ้า เป็นต้น 

ทั้งหมดนี้สามารถนำมาประยุกต์และปรับใช้เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ของไทย รวมถึงการบูรณาการอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าให้เติบโต และช่วยผลักดันผ่านนโยบายรัฐ อย่างเช่น การทำแผนส่งเสริมการลงทุนรถยนต์ไฟฟ้า การจัดซื้อจัดจ้างรถยนต์ไฟฟ้าโดยภาครัฐ การเพิ่มจำนวนสถานีอัดประจุไฟฟ้าให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ตลอดจนการบังคับใช้กฎหมายให้มีการติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าภายในอาคาร สำนักงาน และคอนโดมิเนียม เป็นต้น 

ส่วนภาคเอกชน อาจจะมีการกระตุ้นความต้องการของตลาดด้วยการผลิตและการสนับสนุนการใช้งานที่สร้างความเป็นมิตรต่อผู้ใช้ การอำนวยความสะดวกให้ผู้เป็นเจ้าของ รถยนต์ไฟฟ้า สามารถค้นหาสถานีอัดประจุไฟฟ้าได้โดยสะดวกผ่านป้ายหรือการใช้แอปพลิเคชัน รวมถึงการสื่อสารและให้ความรู้แก่สาธารณชนให้ทราบถึงนวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้าที่มีผลดีต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว และการช่วยลดปริมาณ PM2.5 ได้อย่างมีนัยสำคัญ

บริษัทให้บริการการขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีระดับโลก (Global Mobility Technology Company) พร้อมที่จะสนับสนุนนโยบายและร่วมส่งเสริม อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในไทย โดยนำเสนอแนวคิด EV Ecosystem ที่สามารถใช้ต้นทุนทรัพยากรด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ที่แข็งแกร่งของไทย ทั้งศักยภาพในการผลิตชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ตลอดจนความสามารถของบุคลากร มาช่วยผลักดันและขับเคลื่อนการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและเศรษฐกิจไทยให้ควบคู่ไปกับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


เปลือกส้มอย่าทิ้ง มีประโยชน์สารพัด

 

เปลือกส้มอย่าทิ้ง มีประโยชน์สารพัด

หลายคนยังไม่เคยทราบว่าเปลือกส้มนั้นมีประโยชน์สารพัด สามารถนำมาทำอะไรได้อีกมากมาย ประโยชน์ดีๆที่หลายคนมองข้าม

1. ช่วยให้นอนหลับสบาย

ผู้ที่มีปัญหาความเครียด หรือ นอนไม่หลับ เพียงบีบๆเปลือกส้มเล็กน้อยแล้ววางไว้ข้างหัวเตียง ในเปลือกส้มจะมีสารซิตรัสที่ออกมาพร้อมน้ำมันหอมระเหยในตัว โดยมีผลต่อการทำงานของระบบประสาท ช่วยใมห้รู็สึกผ่อนคลาย และ นอนหลับง่ายขึ้น

2. เปลือกส้มช่วยขจัดกลิ่นอับในห้องน้ำได้

แค่เอาเปลือกส้มไปวางไว้ในห้องน้ำ เท่านี้กลิ่นอับ ๆ ในห้องน้ำก็จะค่อย ๆ หายไปได้ ไม่เชื่อจะลองดูก็ได้แล้วจะรู้ว่ามันช่วยได้เยอะเลย คล้ายๆกับที่เราเห็นแม่บ้านเอามะกรูดไปวางไว้ตามห้องน้ำสาธารณะนั่นแหละ

3. เปลือกส้มช่วยไล่ยุ ง

เอาเปลือกส้มไปตากแห้งก่อน จากนั้นก็ค่อยเอาไปเผาไฟบาง ๆ เพียงแค่ให้มีรอยไหม้ แล้วควันเริ่มออกมา เพียงเท่านี้ น้ำมันหอมระเหยในเปลือกส้มที่ติดไฟจะช่วยไล่ยุ ง ออกไปได้ เพราะ มันไม่ชอบกลิ่นเปลือกส้มเผาไฟนั่นเอง

4. เปลือกส้มเอามาล้างหน้าได้ด้วย วิตามิน C สูงมาก

เวลาล้างหน้าให้นำเปลือกส้มแช่ในอ่างน้ำล้างหน้า แล้วใช้น้ำนั้นล้าง ( แต่อย่าเอาเปลือกส้มมาถูหน้าโดยตรงนะ ) เพราะเปลือกส้มมีวิตามิน C สูงและยังมีน้ำมันหอมระเหย หากนำมาล้างหน้าช่วยป้องกันอาการผิวแห้ง และยังทำให้หน้ามีกลิ่นที่หอม

5. เ ม า ค้ า ง เปลือกส้มช่วยได้

นำน้ำร้อนใส่แก้ว จากนั้นฉีกเปลือกส้มเป็นชิ้นเล็กแล้วแช่ลงไปในน้ำร้อนสักครู่ เติมเกลือเล็กน้อย คนให้ทั่ว ทุกครั้งที่หลังดื่มเล้าเสร็จก็ดื่มแก้วนี้ตาม สามารถช่วยแก้อาการ เ ม า ค้ า ง และ อาการปวดหัวเนื่องจากดื่มหนักได้

6. เปลือกส้มช่วยแก้อาการเ ม า รถ เ ม า เรือ วิงเวียน

นำเอาเปลือกส้มมาบีบออกมาจนมีน้ำบนเปลือกไหล ซึ่งเราจะได้กลิ่นส้ม ก็เอาเปลือกที่บีบนั่นแหละออกมาดมเพื่อบรรเทาอาการ เ ม า ร ถ เ ม า เรือ หรืออาการวิงเวียน ต่าง ๆ ด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก bitcoretech.com


ชนิดทอง ราคารับซื้อ กรัมละ ราคารับซื้อ บาทละ ราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5% n/a 26,300.00 26,400.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,704.00 25,832.64 26,900.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,533.60 23,249.38 n/a
ทองรูปพรรณ 80% 1,363.20 20,666.11 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 767.00 11,627.72 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 596.00 9,035.36 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,766.00 26,772.56 n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 26/01/2564

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 95 24.25 24.25 24.55 24.25 24.25 24.25 24.25 24.25 24.25 24.25
แก๊สโซฮอล์ 91 23.98 23.98 24.28 23.98 23.98 23.98 23.98 23.98 23.98 23.98
แก๊สโซฮอล์ E20 22.74 22.74 23.04 22.74 22.74 22.74 22.74 22.74 22.74
แก๊สโซฮอล์ E85 19.49 19.49 19.49
เบนซิน 95 31.66 32.11 32.16 31.66 31.66
ดีเซล B7 25.09 25.09 25.09 25.09 25.09 25.09 25.09 25.09 25.09 25.09
ดีเซล 22.09 22.09 22.09 22.09 22.09 22.09 22.09 22.09 22.09 22.09
ดีเซล B20 21.84 21.84 21.84 21.84 21.84 21.84 21.84 21.84
ดีเซลพรีเมี่ยม 29.54 29.56 31.54 30.94 29.54
แก๊ส NGV 13.35 13.35 13.35
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า