สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561

ส่อง 3 จังหวัด ต่างชาติแห่ซื้ออสังหาฯ กว่าแสนล้าน

ส่อง 3 จังหวัด ต่างชาติแห่ซื้ออสังหาฯ กว่าแสนล้าน

นอกจากประเทศไทยจะเป็นที่สนใจของชาวต่างชาติทางด้านการท่องเที่ยวแล้ว ยังเป็นที่สนใจที่จะนำเงินมาลงทุนโดยเฉพาะทางด้านอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากเป็นประเทศที่มีแนวโน้มเติบโตจากการพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานทางด้านคมนาคม อย่างรถไฟฟ้า และรถไฟฟ้าความเร็วสูง และราคายังถือว่าถูกกว่าหลาย ๆ ประเทศในแถบเอเชียอย่างสิงคโปร์ และฮ่องกง จากการสำรวจของศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย หรือ AREA พบว่า ในปี 2560 ที่ผ่านมามีชาวต่างชาติเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยถึง 113,280 ล้านบาท

กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ต่างชาติซื้อสูงสุดกว่า 8.3 หมื่นล้าน
ตลาดที่อยู่อาศัยทั่วประเทศมีมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 576,396 ล้านบาท ในจำนวนนี้ 113,280 ล้านบาท หรือประมาณ 20% ถูกซื้อโดยชาวต่างชาติ ได้แก่ ญี่ปุ่น ยุโรป สแกนดิเนเวีย รัสเซีย และจีน

กรุงเทพฯ และปริมณฑล ถือเป็นพื้นที่สำคัญที่ชาวต่างชาติสนใจซื้อที่อยู่อาศัยมากที่สุด จากมูลค่าการซื้อขายปี 2560 พบว่า ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีถึง 415,852 ล้านบาท ซึ่งมีส่วนแบ่งถึง 72% ของมูลค่าการซื้อขายที่อยู่อาศัยทั้งประเทศ โดยมีชาวต่างชาติเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์มูลค่าถึง 83,170 ล้านบาท หรือประมาณ 20% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล หรือคิดเป็น 74% ของมูลค่าการซื้อขายของชาวต่างชาติทั่วประเทศ

สำหรับอันดับที่สองคือ พัทยา  มีมูลค่าการซื้อขายโดยชายต่างชาติ 6,524 ล้านบาท หรือประมาณ 30% ของมูลค่าการซื้อขายในเขตพัทยาซึ่งอยู่ที่ 21,746 ล้านบาท ทั้งนี้ แม้จะเป็นอันดับที่สองแต่ขนาดตลาดของพัทยาเล็กกว่ากรุงเทพฯ และปริมณฑลกว่า 19 เท่า

ส่วนอันดับที่สามคือ ภูเก็ต ซึ่งเมื่อ 10 ปีที่แล้วเป็นเมืองที่มีชาวต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์มากที่สุดเป็นอันดับสอง แต่ปี 2560 มีต่างชาติซื้อรวมทั้งหมด 5,448 ล้านบาท จากที่มีการซื้อขายทั้งหมด 18,161 ล้านบาท

ผลจากไม่มีการบังคับใช้การเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างทำให้ประเทศไทยสูญเสียโอกาสที่จะได้เงินภาษีจากชาวต่างชาติ

ผลจากไม่มีการบังคับใช้การเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างทำให้ประเทศไทยสูญเสียโอกาสที่จะได้เงินภาษีจากชาวต่างชาติ

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันประเทศไทยยังขาดระบบฐานข้อมูลการซื้ออสังหาริมทรัพย์โดยชาวต่างชาติ ซึ่งถือเป็นจุดอ่อนสำคัญ รวมถึงยังไม่มีการบังคับใช้การเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างทำให้ประเทศไทยสูญเสียโอกาสที่จะได้เงินภาษีจากชาวต่างชาติถึง 5,764 ล้านบาท (คิดในอัตรา 1%)

นอกจากนี้ การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ที่ทางภาครัฐเตรียมเปิดช่องให้ชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนในช่วงที่ยังไม่มีกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจะต้องดำเนินการอย่างรัดกุมเพื่อไม่ให้เสียค่าโง่ในอนาคต

https://www.ddproperty.com


“บ้าน-คอนโด”กรุงเทพฯ 3 ปีราคาพุ่ง100%

ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ พร็อพเพอร์ตี้ อินเด็กซ์ รายงานดัชนีที่อยู่อาศัยล่าสุด โดยระบุว่าแนวโน้มราคาในกรุงเทพฯ ยังคงเป็นบวก สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตามแม้ว่าแนวโน้มราคาจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2560

แต่หากเทียบไตรมาสต่อไตรมาส พบว่าเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะปีที่ผ่านมายังคงอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ 1 ปี  ทำให้การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายและอีเวนท์ต่างๆ ไม่รุนแรงนัก โดยช่วงไตรมาสสุดท้ายปีที่แล้วดัชนีราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 199 จุดในช่วงไตรมาสก่อนหน้า มาอยู่ที่ 205 จุด คิดเป็นสัดส่วนการเติบโตระหว่างไตรมาส 3%

“แม้ว่าการอัตราการเติบโตของดัชนีราคาที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 60 จะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แต่ยังถือเป็นภาพรวมที่ดีของตลาดที่อยู่อาศัยกรุงเทพฯ ที่กำลังค่อยๆ ฟื้นตัว ในขณะที่กำลังซื้อของผู้บริโภคในเซ็กเมนต์ระดับกลางไปจนถึงระดับบนมีการปรับตัวดีขึ้น”

กมลภัทร แสวงกิจ ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทย กล่าวว่า เมื่อมองย้อนกลับไปตั้งแต่ช่วงที่เริ่มทำการเก็บข้อมูลในปี 2558 พบว่าการเติบโตของราคาที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ สูงขึ้นถึง 105% โดยเฉพาะคอนโด ซึ่งได้รับความนิยมในปัจจุบัน โดยช่วงไตรมาส 4 ปี 60 ดัชนีราคาคอนโดแตะระดับ 154 จุด เพิ่มขึ้นจากช่วงต้นปี 54% แต่ช่วงไตรมาส 4 พบว่าทาวน์เฮ้าส์มีราคาเพิ่มขึ้นสูงที่สุดเมื่อเท่ียบกับไตรมาส 3 อยูที่ 7% และช่วง 1 ปีเพิ่ม 14%

เมื่อแยกตามตลาด พบว่ากลุ่มราคา 15 ล้านบาทขึ้นไป เติบโตสูงสุดโดยเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 12%  และเพิ่มขึ้นถึง 39% ภายในระยะเวลา 2 ปี

เขตจตุจักร ยังคงเป็นพื้นที่่ราคาเพิ่มขึ้นสูงสุด โดยเพิ่ม 5% จากไตรมาส ส่วนเขตบางนาแซงเขตพระโขนงขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 2 เติบโตในรอบไตรมาส 3% และเขตบางนานับเป็นพื้นที่ที่น่าจับตามอง เพราะดัชนีราคาชี้ให้เห็นว่ามีการเติบโตเพิ่ม 75% ในช่วงไม่ถึง 3 ปี

“ราคาที่อยู่อาศัยยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อไปจากปัจจัยบวกที่ช่วยให้เกิดพื้นที่ศักยภาพ เช่น โครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายหลายสายที่มีความคืบหน้า งการลงทุนแผนพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของไทยระยะ 20 ปี คาดจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยบนทำเลใหม่ๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองสำคัญๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก”

ขณะที่ฝั่งอุปทาน แม้ว่าเดือน ต.ค.ปีที่แล้วแทบจะไม่มีการเปิดตัวโครงการใหม่หรือกิจกรรมส่งเสริมการขาย แต่ช่วง 2 เดือนสุดท้ายของไตรมาส 4 พบว่ากำลังซื้อกลับมาอย่างรวดเร็ว ทำให้ไตรมาส 4 ดัชนีอุปทานที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ ปรับตัวลดลง 7% มาอยู่ที่ 240 จุด ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่ผู้ประกอบการแข่งออกแคมเปญเพื่อเร่งยอดขายในช่วงโค้งสุดท้ายของปี

อุปทานส่วนใหญ่คือคอนโด คิดเป็น 88% ของทั้งหมดในช่วงไตรมาส 4 ส่วนบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์มีสัดส่วนค่อนข้างน้อย เนื่องจากที่อยู่อาศัยแนวราบส่วนใหญ่ ผู้ซื้อมักจะซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง ต่างกับคอนโดที่จำนวนมากซื้อเพื่อขายต่อหรือลงทุน ทำให้การดูดซับค่อนข้างเร็ว ในขณะที่ผู้ประกอบการก็เปิดตัวโครงการใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง

ทำเลที่มีอุปทานคอนโดมากที่สุดในช่วงไตรมาส 4 ได้แก่ เขตวัฒนา ขณะที่เขตลาดพร้าวมีปริมาณทาวน์เฮ้าส์เข้าสู่ตลาดมากที่สุด ส่วนเขตคลองสามวาเป็นพื้นที่ยอดนิยมสำหรับบ้านเดี่ยว

สำหรับแนวโน้มปี 2561 คาดว่าดัชนีอุปทานที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการที่ผู้ประกอบการทั้งรายเล็ก-รายใหญ่ส่งสัญญาณว่าจะเปิดโครงการใหม่ๆ จำนวนมาก รับกับทิศทางตลาดที่คาดว่าจะฟื้นตัวต่อเนื่อง แต่อาจจะไม่ร้อนแรงนักเพราะกำลังซื้อยังค่อนข้างจำกัดจากปัญหาหนี้ครัวเรือนที่แม้จะเริ่มคลี่คลายลง แต่ก็ยังอยู่ในระดับสูง

“แม้การดูดซับอุปทานจะเป็นไปแบบช้าๆ ณะที่ผู้ประกอบการมีแผนเปิดโครงการใหม่ๆ อย่างคึกคักปีนี้แต่เชื่อว่าไม่น่าจะมีภาวะอสินค้าล้นตลาดเกิดขึ้น เนื่องจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต่างเฝ้าสังเกตการณ์สถานการณ์อย่างใกล้ชิด”

กมลภัทรกล่าวว่า ผู้ขายจะยังคงได้รับผลดีจากราคาที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยดัชนีราคามีการเติบโตมากกว่า 100% ในช่วงไม่ถึง 3 ปี ขณะที่ฝั่งผู้ซื้อก็ได้รับประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยต่ำ และโปรโมชั่นพิเศษจากผู้ประกอบการที่ต้องการเร่งระบายสินค้าในสต็อก

http://www.bangkokbiznews.com


เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่อเนื่อง หลังส่งออกโตพุ่ง

“สศค.” เผยเศรษฐกิจไทยโตต่อเนื่อง หลังส่งออกพุ่งสูงสุดในรอบ 62 เดือน คาดส่งออกทั้งปีโต 6.6% พร้อมคงเป้าจีดีพีโต 4.2%

นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค. เปิดเผยถึงภาวะเศรษฐกิจการคลัง ประจำเดือนมกราคมว่า เศรษฐกิจไทยในเดือนมกราคมที่ผ่านมาขยายตัวดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากการส่งออกที่ขยายตัวดีต่อเนื่อง 11 เดือนติดต่อกัน โดยมีมูลค่าการส่งออกสินค้า 20.1 พันล้านดอลลาร์ หรือ เติบโต 17.6% ต่อปี ขยายตัวสูงสุดในรอบ 62 เดือน หรือ 5 ปี 2 เดือน โดยเฉพาะในหมวดยานพาหนะอุปกรณ์และส่วนประกอบ อิเล็กทรอนิกส์ สินค้าเกษตรกรรม และเคมีภัณฑ์

ด้านมูลค่าการนำเข้าสินค้าในเดือนมกราคมที่ผ่านมามีมูลค่า 20.2 พันล้านดอลลาร์ ขยายตัว 24.3% ต่อปี โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป สินค้าทุน สินค้าแร่และเชื้อเพลิง ทั้งนี้ จากมูลค่าการส่งออกสินค้าที่น้อยกว่ามูลค่าการนำเข้าสินค้า ส่งผลให้ดุลการค้าในเดือนมกราคมขาดดุล 0.1 พันล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยที่ขยายตัวดี ยังมาจากการบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวดีจากภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ ปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่ง และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐฏิจโดยรวมที่ปรับตัวสูงสุดในรอบ 34 เดือน นับตั้งแต่เดือนเมษายน 2558 เนื่องจากผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทยในอนาคตจะปรับตัวดีขึ้นตามการส่งออก และการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มขยายตัวดี และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่เกิดขึ้นในช่วงปลายปี

ด้านการลงทุนภาคเอกชนยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในประเทศ ขณะที่ด้านอุปทาน จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศยังขยายตัวสูง ดัชนีผลผลิตการเกษตรที่ขยายตัว ประกอบกับความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวสูงสุดในรอบ 36 เดือนด้วย

สำหรับการใช้จ่ายงบประมาณ สะท้อนจากการเบิกจ่ายงบประมาณรวมในเดือนมกราคม 2561 สามารถเบิกจ่ายได้ 244.6 พันล้านบาท เป็นการเบิกจ่ายงบประมาณปีปัจจุบัน 226.8 พันล้านบาท แบ่งเป็นเบิกจ่ายประจำ 200.4 พันล้านบาท และรายจ่ายลงทุน 26.5 พันล้านบลาท และเป็นการเบิกจ่ายจากงบประมาณปีก่อน 17.7 พันล้านบาท

นายพรชัย กล่าวว่า ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจภายในประเทศยังอยู่ในเกณฑ์ดี และเสถียรภาพนอกประเทศยังมั่นคง สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนมกราคม 2561 อยู่ที่ 0.7% ต่อปี ลดลงจากเดือนก่อนหน้า จากการปรับตัวลดลงของราคาอาหฟารสด ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.6% ต่อปี

ด้านแนวโน้มเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรก คาดว่าจะขยายตัวดีต่อเนื่อง ทั้งจากการส่งออกที่ขยายตัวดีต่อเนื่อง จากการค้าโลกดี ทั้งจากเวียดนาม จีน เป็นต้น ซึ่งจะเป็นแรงสนับสนุนเศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกให้ขยายตัวดีด้วย ประกอบกับการบริโภค และราคาสินค้าเกษตรเริ่มปรับตัวดีขึ้น

ทั้งนี้ประเมินอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ปีนี้ สศค. ยังคงประมาณการไว้ที่โต 4.2% จากการส่งออก การบริโภค และการท่องเที่ยวที่ยังขยายตัวดีอย่างต่อเนื่อง ด้านการส่งออกในปีนี้ สศค.ประมาณการณ์ไว้ที่โต 6.6% ซึ่งมั่นใจว่าเป็นไปได้อย่างแน่นอน ซึ่งจากการหารือกับกระทรวงพาณิชย์นั้น ยังยืนยันว่า การส่งออกของไทยในปีนี้ คาดว่าอาจจะเติบโตได้ถึง 8%

http://www.bangkokbiznews.com


ไฟเขียวสร้างรถไฟความเร็วสูง เชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา

รถไฟความเร็วสูง

 บอร์ดอีอีซี เห็นชอบแผนสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา ผ่าน 5 จังหวัด มีกำหนดเปิดให้บริการปี 66

วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2561 พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ครั้งที่ 2/2561 เห็นชอบแผนก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เริ่มจากสนามบินดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา

รถไฟความเร็วสูง

ทั้งนี้ที่ประชุมได้มีการยกระดับสนามบินอู่ตะเภามาเป็นสนามบินนานาชาติแห่งที่ 3 โดยจะมีการสร้างรถไฟความเร็ว 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เดินทางจากกรุงเทพฯ ไปสนามบินอู่ตะเภา ใช้เวลาเพียง 45 นาที เทียบกับเดินทางโดยรถยนต์ใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ค่าโดยสารรถไฟความเร็วสูงจากมักกะสันถึงพัทยา ประมาณ 270 บาท หากต่อถึงสนามบินอู่ตะเภา ค่าโดยสารประมาณ 330 บาท

สำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูง เชื่อมต่อ 3 สนามบิน เป็นโครงการที่ใช้โครงสร้างและแนวเส้นทางการเดินรถเดิมของระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ โดยจะก่อสร้างทางรถไฟขนาด 1.435 เมตร ส่วนต่อขยาย 2 ช่วง จากสถานีพญาไท ไปยังสนามบินดอนเมือง และจากสถานีลาดกระบัง ไปยังสนามบินอู่ตะเภา และจังหวัดระยอง พร้อมเชื่อมทางเข้า-ออกสนามบิน โดยใช้เขตทางเดิมของการรถไฟฯ เป็นส่วนใหญ่ รวมระยะทาง 260 กิโลเมตร มูลค่าการลงทุนโครงการให้เอกชนเข้าร่วมทุน อยู่ที่ 296,421 ล้านบาท

รถไฟความเร็วสูง

ส่วนแนวเส้นทางโครงการ จะผ่านพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร, สมุทรปราการ, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี และระยอง โดยมีสถานีประกอบด้วย สถานีดอนเมือง, สถานีบางซื่อ, สถานีมักกะสัน, สถานีสุวรรณภูมิ, สถานีฉะเชิงเทรา, สถานีชลบุรี, สถานีศรีราชา, สถานีพัทยา, สถานีอู่ตะเภา และสถานีระยอง โครงสร้างส่วนใหญ่เป็นทางยกระดับ

ทั้งนี้คาดว่าจะเปิดให้เอกชนทั้งในและต่างประเทศยื่นประมูลสร้างและบริหารโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินได้ในช่วงครึ่งปีหลัง จากนั้นคาดว่าจะลงนามผู้ชนะการประมูลได้ในช่วงกลางปี โดยมีกำหนดจะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบ ในปี 2566

https://money.kapook.com


ขงเบ้งสอนเล่าปี่เกี่ยวกับเทคนิคการบริหารเวลา

ครั้งหนึ่งเล่าปี่ขอขงเบ้งให้แนะนำวิธีสร้างตนให้เป็นมหาเศรษฐีแห่งดินแดน  ขงเบ้งว่างานใหญ่เช่นนี้ต้องวางแผนและรู้จักบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ

เล่าปี่กล่าวว่า “ ข้าฯ เห็นด้วยในหลักการแต่ทว่าข้าฯมีงานมากมายที่ต้องทำทุกวันจนเวียนเกล้าเวียนศีรษะ ไม่เคยมีเวลาพอที่จะจัดการทุกสิ่งทุกอย่างได้เลย “

ขงเบ้งบอกลูกน้องให้ไปเตรียมก้อนหิน ก้อนกรวด ก้อนทราย และน้ำจำนวนหนึ่งพร้อมถังเหล็กใหญ่หนึ่งใบ

เล่าปี่ถามด้วยความแปลกใจ “ ท่านเตรียมสิ่งเหล่านี้ไว้เพื่ออะไร ”

ขงเบ้งยิ้มอย่างมีเลศนัยพร้อมกับตอบด้วยคำถามว่า “ท่านบริหารเวลาด้วยวิธีใด

เล่าปี่ตอบว่า “ ข้าฯเคยคิดว่าข้าฯมีเทคนิคที่ดีอยู่แล้วคือใช้วิธีมอบหมาย ข้าฯมีผู้ช่วยอยู่รอบด้านตั้งแต่กวนอู เตียวหุย เจ้าหยุน ฯลฯ ซึ่งช่วยแบ่งเบาภาระหน้าที่ด้านต่างๆ แต่งานทั้งหลายก็ยังพันกันอีนุงตุงนัง ไม่สามารถปรับให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลดีขึ้นได้ เดิมข้าฯคิดว่าข้าฯ คือ แมลงวันไม่มีหัวอยู่ตัวเดียว แต่หลังการใช้ระบบมอบหมายงานกลับกลายเป็นว่า ปัจจุบันมีแมลงวันหัวขาดเป็นฝูง”

ขงเบ้งฟังแล้วจึงเริ่มอธิบายว่า “ เทคนิคการบริหารเวลาสามารถแบ่งเป็นสูง กลาง และต่ำ สามขั้น  ขั้นต่ำเน้นการใช้เศษกระดาษบันทึก  ขั้นกลางเน้นการใช้แผนดำเนินงาน และตารางโปรแกรมประจำวันซึ่งสะท้อนความสำคัญของการวางแผน ส่วนขั้นสูงเน้นการจัดการโดยแบ่งแยกประเภทของหน้าที่การงานตามดีกรีความสำคัญของงาน เพื่อพิจารณาลำดับความเร่งด่วนในการจัดการงานดังกล่าว  ทั้งสามขั้นต่างมีเรื่องการมอบหมายงานเกี่ยวข้องอยู่ด้วยตามความต้องการของปริมาณและลักษณะเฉพาะของงานแต่ละชิ้น ”

เล่าปี่สารภาพว่า “ หากพิจารณาตามการแบ่งขั้นของเทคนิคการบริหารเวลาแล้ว ข้าฯ ยอมรับว่าวิธีของข้าฯอยู่ที่ขั้นต่ำ เพราะใช้แค่สลิปบันทึก”

ขงเบ้งชี้ไปที่ถังเหล็กกับกองวัสดุที่ผู้ช่วยได้เตรียมไว้มุมห้องพร้อมกล่าวว่า “ คำตอบของการบริหารขั้นสูงอยู่ในถังเหล็กใบใหญ่นี่แหละ!  ความจุของถังใบนี้ เปรียบเสมือนขีดความสามารถของคนคนหนึ่งในช่วงเวลาหนึ่ง ก้อนกรวดเปรียบได้กับงานที่สำคัญและเร่งด่วน  ก้อนหินคือภาระที่สำคัญแต่ไม่เร่งด่วน  เม็ดทรายเปรียบได้กับภาระที่เร่งด่วนแต่ไม่สำคัญ และน้ำคือหน้าที่ที่ไม่สำคัญและไม่เร่งด่วน ”     ขงเบ้งอธิบายพลางวาดผังประกอบคำอธิบายดังตารางประกอบด้านล่างนี้

               เร่งด่วน             ไม่เร่งด่วน
สำคัญ  ก. งานประเภทก้อนกรวด

  • วิกฤติการณ์
  • ปัญหาประชิดตัว
  • งานที่มีเวลากำหนดแน่นอน
 ข. งานประเภทก้อนหิน

  • โครงการใหม่/การริเริ่มใหม่
  • กฎระเบียบ
  • การปฏิรูปประสิทธิภาพการผลิต
  • การสร้างความสัมพันธ์กับหุ้นส่วน
  • มาตรการการป้องปราม
ไม่สำคัญ  ค. งานประเภทเม็ดทราย

  • รับรองแขกที่ไม่ได้รับเชิญ
  • จัดการกับจดหมาย เอกสารโทรศัพท์ทั่วไป
  • เข้าประชุมและกิจกรรมทั่วไปที่ไม่สำคัญ
 ง. งานประเภทน้ำ

  • งานจุกจิกทั่วไปที่ทำหรือไม่ทำก็ได้
  • งานเลี้ยงสังสรรค์ทั่วไปที่ไม่จำเป็น
  • กิจกรรมที่น่าสนใจทั่วไป

 

“ ปกติท่านเน้นงานประเภทใด ”  ขงเบ้งถาม

“ ก็ต้องเป็นประเภท ก.  ”  เล่าปี่ตอบอย่างไม่ลังเล

“ แล้วงานประเภท ข. ล่ะ ”   ขงเบ้งถามต่อไป

เล่าปี่ตอบว่า “ ข้าฯ ตระหนักถึงความสำคัญของงานประเภท ข. แต่ไม่มีเวลาพอที่จะสนใจมัน”

“ เป็นอย่างนี้ใช่ไหม ”  ขงเบ้งถามพลางใส่กรวดลงไปในถังเหล็กจนเต็มแล้วพยายาม

ใส่ก้อนหินตามซึ่งใส่ไม่ได้  เล่าปี่ตอบว่า “ ใช่ “

“ และหากเปลี่ยนวิธีบรรจุใหม่ล่ะ ”   ขงเบ้งถามต่อพลางใส่ก้อนหินทีละก้อนเข้าไปในถังก่อนจนใส่ไม่ได้แล้วจึงถามเล่าปี่อีกว่า  “ ตอนนี้ถังเหล็กเต็มแล้วจะใส่ลงไปอีกไม่ได้ใช่ไหม? ”   ซึ่งเล่าปี่ตอบว่า “ ใช่ “

“ จริงหรือ ? ”  ขงเบ้งถามแล้วหยิบก้อนกรวดใส่เข้าไปข้างบนถังแล้วเขย่าให้ก้อนกรวดตกลงไปในถังจนหมด  “ บัดนี้ถังเหล็กใบนี้ใส่อะไรลงไปอีกได้หรือไม่? ” ขงเบ้งพูดพลางเทเม็ดทรายลงไปจนหมด  “ แล้วทีนี้ล่ะ ใส่อะไรลงไปอีกได้ไหม ? ”  ขงเบ้งถามต่อ แต่ก่อนที่เล่าปี่มีโอกาสตอบ ขงเบ้งก็ตักน้ำที่เตรียมไว้ใส่ลงไปในถังเหล็กอีกจนหมด  “ ตอนนี้ท่านเข้าใจความหมายของการทดลองนี้หรือยัง ? ” เล่าปี่ตอบว่า “ เข้าใจแล้ว นี่คือสิ่งที่ท่านกล่าวถึงเมื่อสักครู่เกี่ยวกับการจัดการแบบแยกประเภทและเลือกการจัดการก่อนหลังใช่ไหม ? ”

ขงเบ้งตอบว่า “ ใช่แล้ว  การทดลองชี้ให้เห็นว่าหากถังเหล็กตั้งแต่แรกก็เติมเต็มด้วยก้อนกรวด ทราย  และน้ำ  ก็คงไม่มีโอกาสใส่ก้อนหินลงไปได้  แต่ถ้าใส่ก้อนหินลงไปก่อน  ในถังยังมีเนื้อที่ที่จะใส่สิ่งอื่นๆเข้าไปได้อีก ดังนั้น การบริหารเวลาที่ได้ผลต้องดูว่า อะไรคือก้อนหิน อะไรคือก้อนกรวด เม็ดทรายและน้ำ และไม่ว่าจะเป็นประการใดก็ต้องใส่ก้อนหินลงไปในถังเป็นอันดับแรก ”

เล่าปี่ยังถามว่า “ แล้วการวิเคราะห์แยกแยะเรื่องต่างๆออกเป็นสี่หมวดนี้มีผลอย่างไร ”

ขงเบ้งตอบว่า “ บุคคลจำพวกที่ว้าวุ่นอยู่กับเรื่องราวประเภทก้อนกรวดย่อมมีความรู้สึกถูกเวลากดดันและวนเวียนอยู่ในแดนวิกฤตจนอ่อนล้า  พวกที่เน้นเรื่องประเภทเม็ดทรายจะขาดพลังสร้างสรรค์  ชอบฟังคำพูดเพราะหู คบคนแบบผิวเผิน  พวกที่นิยมเรื่องราวประเภทน้ำมักบกพร่องเรื่องสำนึกรับผิดชอบแม้กระทั่งเรื่องสารทุกข์สุกดิบของตนเอง ”

เล่าปี่ถามว่า “เป็นไปได้ไหมที่ว่าถ้าเน้นก้อนหินมากเกินไปจะมองข้ามก้อนกรวด เพราะก้อนกรวดมากับความเร่งด่วน ? “

“ ท่านทราบไหมว่าก้อนกรวดมาจากไหน? ก็มาจากก้อนหินที่แตกสลายไง ” ขงเบ้งตอบ “ คนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องประเภทก้อนหินจะมีก้อนกรวดน้อย  คนที่เน้นก้อนกรวดก็จะมีก้อนกรวดเยอะตลอด “  ขงเบ้งสอนต่อไปว่า  “ คนที่อิงเรื่องประเภทก้อนหินเป็นคนมีประสิทธิภาพ เพราะเขาจะเก่งในการวิเคราะห์สถานการณ์ เวลาและสิ่งแวดล้อม  สามารถจับประเด็นหลักของปัญหา สามารถจัดการกับเรื่องเร่งด่วนและควบคุมสถานการณ์ไม่ให้เกินกว่าเหตุ  กล้าฟันธงและใช้มาตรการป้องปราม  บุคคลจำพวกนี้จะมีวิสัยทัศน์  มีอุดมการณ์ เคารพ ระเบียบ สามารถควบคุมตัวเอง  ดำเนินชีวิตอย่างมีวินัย และสามารถทำงานชิ้นใหญ่ได้ ”

เล่าปี่ชื่นชอบทฤษฎี “ วัตถุในถัง “ ของขงเบ้งเป็นอย่างมากพร้อมกับสารภาพว่า “ มาวันนี้ข้าฯเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่าการต่อสู้ของข้าฯทำไมจึงยังลุ่มๆดอนๆ  เพราะแม้ว่าข้ามีขุนพลเก่งๆเช่นกวนอูและเตียวหุย  แต่พวกเขาจะก้าวหน้าได้อย่างไรตราบใดที่คนที่มีประสิทธิภาพสูงอย่างพวกเขาจมปลักอยู่กับเรื่องจิ๊บจ๊อย  กับทำงานลักษณะ“ เก็บเม็ดงาแต่ทิ้งแตงโม “ (เจี่ยนเลอจือหมา ติวเลอซีกวา)  ขืนดำเนินตามวิธีนี้ต่อไป ความพยายามของข้าฯที่จะเป็นอภิมหาเศรษฐีนัมเบอร์วันในแผ่นดินก็คงเป็นได้แค่ความฝัน ! ”

http://www.bejame.com


ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 27/02/2561

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง

ราคารับซื้อต่อกรัม

ราคารับซื้อ/บาท

ราคาขายออก/บาท

ทองคำแท่ง 96.5% n/a 19,750.00 19,850.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,279.00 19,389.64 20,350.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,151.10 17,450.68 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 576.00 8,732.16 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 448.00 6,791.68 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,325.00 20,087.00 n/a

 ราคาน้ำมัน  ประจำวันที่  27/02/2561

ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร
ปตท. บางจาก เชลล์ เอสโซ่ ไออาร์พีซี / ทีพีไอ ภาคใต้เชื้อเพลิง ซัสโก้ ระยองเพียว ซัสโก้
ปตท
PTT
บางจาก
BCP
เชลล์
Shell
เอสโซ่
Esso
คาลเท็กซ์
C
altex
ไออาร์พีซี
IRPC
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG
ซัสโก้
Susco
ระยองเพียว
Pure
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers
แก๊สโซฮอล 95 27.55 27.55 27.55 27.55 27.55 27.55 27.55 27.55 27.55 27.55
แก๊สโซฮอล E-20 25.04 25.04 25.04 24.54 25.04 25.04 25.04 25.04 25.04
แก๊สโซฮอล E-85 20.44 20.44 20.44 20.44
แก๊สโซฮอล 91 26.78 26.78 26.78 26.78 26.78 26.78 26.78 26.78 26.78 26.78
เบนซิน 95 34.66 35.11 35.16 34.66 34.66 34.66
ดีเซลหมุนเร็ว 26.69 26.69 26.69 26.69 26.69 26.69 26.69 26.69 26.69 26.69
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม 29.69 30.56 30.56 30.56 30.56
มีผลตั้งแต่ 23 Feb 05:00 23 Feb 05:00 23 Feb 05:00 23 Feb 05:00 23 Feb 05:00 23 Feb 05:00 23 Feb 05:00 23 Feb 05:00 23 Feb 05:00 23 Feb 05:00

 

 

 

 

Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า