สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 29 กันยายน 2563

LPN Wisdom เผยยอดเปิดโครงการ ส.ค.พุ่ง 89%

LPN Wisdom ระบุ ผู้ประกอบการอสังหาฯ เร่งเปิดตัวโครงการใหม่เดือนสิงหาคม 2563 จำนวน 10,215 หน่วย มูลค่า 37,025 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 89% ขณะยอดขายเฉลี่ยยังต่ำอยู่ที่ 23%

นายประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลุมพีนี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด (LPN Wisdom:LWS) บริษัทวิจัยและที่ปรึกษาในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน)(LPN) กล่าวว่า หลังจากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัสสายพันธ์ใหม่ 2019 (COVID-19) คลี่คลาย ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่ชะลอการเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่มาตั้งแต่ไตรมาสสองของปี 2563 เริ่มทยอยเปิดตัวโครงการใหม่ โดยเฉพาะเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีการเปิดตัวโครงการสูงสุดในรอบ 7 เดือนที่ผ่านมาโดยมีการเปิดตัวโครงการใหม่ 10,215 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 37,025 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 89% ทั้งจำนวนและมูลค่า เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคมที่ผ่าน

บ้านที่พักอาศัยแนวราบยังเป็นที่อยู่อาศัยที่มีการเปิดตัวสูงสุดในเดือนสิงหาคม 2563 โดยมีการเปิดตัวโครงการทั้ง ทาวน์เฮ้าส์ บ้านเดี่ยว และบ้านแฝด จำนวน 5,594 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 54% ของจำนวนโครงการที่เปิดตัวทั้งหมดในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ที่เหลืออีก 4,621 หน่วยเป็นคอนโดมิเนียม คิดเป็นสัดส่วน 46% ของจำนวนโครงการที่เปิดตัวไป ขณะที่อัตราการขายโครงการเปิดตัวใหม่เฉลี่ยในเดือนสิงหาคม (Absorption Rate) อยู่ที่ 23%” นายประพันธ์ศักดิ์ กล่าว 

บ้านพักอาศัยแนวราบที่มีการเปิดตัวสูงสุดยังคงเป็นทาวน์เฮ้าส์ที่มีการเปิดตัวในเดือนสิงหาคม 3,138 หน่วย และเป็นกลุ่มที่มียอดขายสูงสุดโดยเฉพาะที่ระดับราคา 2-5 ล้านบาท โดยมียอดขายเฉลี่ยเปิดตัวใหม่ที่ 18% ขณะที่คอนโดมิเนียมที่เปิดตัวในเดือนสิงหาคมมียอดขายเฉลี่ยเปิดตัวใหม่อยู่ที่ 30% เป็นคอนโดมิเนียมระดับราคาเฉลี่ย 2-3 ล้านบาทต่อหน่วย 

การเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้นในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ทำให้จำนวนที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่สะสม 8 เดือนแรกของปี 2563 (มกราคม-สิงหาคม 2563) อยู่ที่ 43,956 หน่วย มูลค่า 177,664 ล้านบาท ลดลง 34% ทั้งจำนวนและมูลค่าเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปี 2562 ซึ่งมีแนวโน้มที่ดีกว่าช่วง 7 เดือนแรกของปี 2563 ที่มีจำนวนการเปิดตัวและมูลค่าลดลง 43% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปี 2562 ขณะที่ยอดขายเฉลี่ยเปิดตัวในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ 18% ลดลงจาก 29% ในช่วงเดียวกันของปี 2562 

ในขณะที่ทำเลที่มีการเปิดตัวโครงการทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียมในเดือนสิงหาคม ยังคงอยู่ในพื้นที่ที่การคมนาคมสะดวกและใกล้กับพื้นที่ชุมชน โดยแนวราบส่วนใหญ่การเปิดตัวโครงการใหม่จะอยู่ในพื้นที่โดยรอบวงแหวนรอบนอก อาทิ เทพารักษ์, บางพลี, บางนา, รัตนาธิเบศร์, บางบัวทอง ในขณะที่คอนโดมิเนียมอยู่ในแนวรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงิน (เตาปูน-ท่าพระ และหัวลำโพง-บางแค) และแนวการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) และสายสีส้ม (บางกะปิ-มีนบุรี-สุวินทวงศ์) 

“ผู้ประกอบการเริ่มทยอยเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยมากขึ้นหลังจากที่ชะลอการเปิดตัวโครงการในช่วงครึ่งแรกของปี เป็นผลมาจากสินค้าคงเหลือที่ลดลงผลจากการเร่งลดสต๊อกสินค้าด้วยแคมเปญทางการตลาดเพื่อลดภาระการถือครองสินค้าคงเหลือและเก็บเงินสด เพราะความไม่แน่ใจในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้มีความจำเป็นที่ต้องทยอยเปิดตัวโครงการในช่วงไตรมาสสามและสี่ เพื่อจะลดความเสี่ยงจากปริมาณสินค้าคงเหลือที่ลดลง พร้อมกับรักษาการจ้างงานกับคู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ และเตรียมความพร้อมสำหรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและอสังหาฯในอนาคต”นายประพันธ์ศักดิ์ กล่าว

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


‘เคอีกรุ๊ป’ ผนึกอาลีบาบาฯ ผุด ‘สกายโอเอส’

'เคอีกรุ๊ป' ผนึกอาลีบาบาฯ ผุด 'สกายโอเอส'

“เคอี กรุ๊ป” พลิกวิกฤติเป็นโอกาส จับมือ “อาลีบาบา คลาวด์” สร้าง ‘สกาย โอเอส’ แพลตฟอร์มโซลูชั่นนำร่องตลาดรีเทล ช่วยร้านค้าลดต้นทุน เพิ่มรายได้ รับไลฟ์สไตล์ลูกค้าเปลี่ยน

นางศุภานวิต เอี่ยมสกุลรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคอี กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า จากพื้นฐานบริษัททำธุรกิจรีเทล อสังหาริมทรัพย์ จึงมองว่า สิ่งที่จะเสริมและต่อยอดได้คือการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสิ่งสำคัญคือการเพิ่มรายได้ ยอดขาย และสามารถเชื่อมต่อคอมมูนิตี้มอลล์ ให้เข้ากับนิวนอร์มไลฟ์สไตล์ ที่เปลี่ยนไปหลังโควิด-19 ซึ่งเป็นหัวใจในการเพิ่มศักยภาพในการทำธุรกิจในยุคนี้

โดยสิ่งที่สามารถทำได้ขณะนี้คือ ใช้โอกาสนี้ปฏิรูปแนวคิดในการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าหรือธุรกิจทั่วไปได้เห็นความสำคัญเรื่องเทคโนโลยี จึงตั้งบริษัทสกาย โอเอส ขึ้นมาพร้อมกับจับมือกับอาลีบาบา คลาวด์ พัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อกลุ่มค้าปลีก, ร้านค้า, ศูนย์การค้า อสังหาริมทรัพย์ภายใต้ชื่อ “SKY OS” เพื่อให้เป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงธุรกิจแบบครบวงจรที่สามารถนำไปพัฒนาต่อยอดได้หลากหลายธุรกิจ ในอนาคต ด้วยการเปิดกว้าง ให้พันธมิตรที่อยู่ในวงการรีเทล เข้ามาใช้บริการ แม้ว่า บางแห่งมีการทำแพลตฟอร์มของตัวเองแต่ยังไม่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าและคู่ค้าได้จริงทำให้ไม่เกิดการใช้งานจริง จึงพัฒนาแพลตฟอร์มสกาย โอเอสในรูปแบบของโซลูชั่นที่ตอบโจทย์ในการบริหารงานและบริหารการขาย เพื่อเพิ่มช่องทางการขายให้มีประสิทธิภาพและสามารถจับมือกับพันธมิตรข้ามเซ็กเตอร์

จากเดิมหากผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็กต้องการพัฒนาแอพพลิเคชั่นจะมีค่าใช้จ่ายในการพัฒนาแพลตฟอร์ม 800,000-5,000,000 บาท แต่หากใช้บริการพัฒนาแอพพลิเคชั่นของ สกาย โอเอส จะมีค่าใช้จ่าย 300,000-1,000,000 บาท โดยจะฟีเจอร์พื้นฐานในบริหารจัดการโปรแกรมลอยัลตี้และแคมเปญ การทำการตลาดแบบอัตโนมัติ และการวิเคราะห์บิ๊กดาต้าสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ โดยสามารถเลือกที่จะเป็นผู้ดูแลระบบหลังบ้านเอง หรือว่าจ้างให้ผู้เชี่ยวชาญดูแลระบบได้

นางศุภานวิต กล่าวว่า แม้ว่าธุรกิจคอมมูนิตี้มอลล์จะยังไม่ถูกดิรัปเท่ากับห้างสรรพสินค้า แต่การทำธุรกิจยุคนี้ไม่สามารถหยุดนิ่งได้ และไม่ได้มองว่าดิจิทัลเข้ามาดิสรัปแต่มองว่า ดิจิทัลมันเข้ามาผสมผสานทำให้ธุรกิจโตได้ด้วยโซลูชั่นที่ตอบโจทย์ความต้องการของคู่ค้าและลูกค้า โดยใช้เทคโนโลยีจากอาลีบาบา คลาวด์ ซึ่งเป็นพลาสเนอร์ของเคอี กรุ๊ป ในฐานะ เอ็กซ์คลูซีฟ โลคัล พาสเนอร์ ที่เป็นตัวกลางในการนำเสนอแพลตฟอร์ม

โดยแพลตฟอร์มนี้ถือเป็นครั้งแรกในไทยและเอเชีย และจะเริ่มเปิดให้บริการภายในต้นปี2564 เริ่มจากธุรกิจรีเทล ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้าภายใต้การบริหารของ กองรีท BKER ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จำนวน 10 แห่ง อาทิ ศูนย์การค้า คริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์ (CDC), เดอะคริสตัล เอกมัย รามอินทรา-ราชพฤกษ์-ชัยพฤกษ์, เดอะซีน, เพลินนารี, อมอรินี, สัมมากร เพลส ราชพฤกษ์-รามคำแหง-รังสิต และแอมพาร์คจุฬา รวมทั้งผู้ที่สนใจ คาดว่าจะมีผู้ประกอบการเข้าร่วม2,000 ราย

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ไบเดนมีโอกาสคว้าชัยเลือกตั้งสหรัฐฯ หนุนศก.โลก-เอเชียบูม

ไบเดนมีโอกาสคว้าชัยเลือกตั้งสหรัฐฯ หนุนศก.โลก-เอเชียบูม

กูรูทิสโก้ชี้ นายไบเดนมีโอกาสชนะศึกเลือกตั้งสหรัฐฯ เป็นผลบวกต่อเศรษฐกิจโลก และเอเชีย

นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ เปิดเผยว่า จากการรวบรวมผลสำรวจความนิยมผู้สมัครเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ พบว่า นายโจ ไบเดน ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต มีโอกาสสูงที่จะชนะการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2563 นี้ โดยปัจจุบัน ผลสำรวจความนิยมล่าสุดชี้ว่านาย ไบเดน มีคะแนนนำนาย โดนัล ทรัมป์ อยู่ค่อนข้างห่างที่ 7 จุด นอกจากนั้น ผลสำรวจความไว้วางใจ (Approval ratings) ของนายทรัมป์ ในฐานประธานาธิบดียังอยู่ในระดับต่ำมากที่ 43 จุด ซึ่งนับว่าต่ำมากเมื่อเทียบประธานาธิบดีคนอื่นๆ ในอดีต

“การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ใช้กระบวนการที่เรียกว่า Electoral College หรือ ‘คณะผู้เลือกตั้ง’ ซึ่งผู้ที่จะได้เป็นประธานาธิบดีต้องได้คะแนนจากคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral Voter) ของรัฐต่างๆ รวมกันอย่างน้อย 270 เสียง จากจำนวนทั้งสิ้น 538 เสียง แต่ละมลรัฐจะมีจำนวนคณะผู้เลือกตั้งไม่เท่ากัน ขึ้นกับจำนวนประชากรของรัฐนั้น ซึ่งเมื่อพิจารณาผลสำรวจความนิยมเป็นรายรัฐ จะพบว่านายไบเดนมีโอกาสชนะการเลือกตั้งค่อนข้างสูง โดยหากรวมคะแนนเสียงจากคณะผู้เลือกตั้งในรัฐที่นายไบเดนมีคะแนนนำนายทรัมป์ตั้งแต่ 5-10% ขึ้นไป พบว่า นายไบเดนได้เสียงรวมกันถึง 264 เสียง ขาดอีกเพียง 6 เสียง ก็จะชนะการเลือกตั้ง ซึ่งนั่นหมายความว่านายไบเดนต้องการชนะอีกแค่เพียงรัฐเดียว ก็จะก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนต่อไปได้สำเร็จ โดยในรัฐที่โพลยังสูสี คือ มีคะแนนห่างจากนายทรัมป์ไม่เกิน 5% มีทั้งหมด 7 รัฐ โดยนายไบเดนมีคะแนนนำอยู่ถึง 5 รัฐ ” นายคมศรกล่าว

ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com

อันเดรีย ปิร์โล : ไม่อยากเป็นโค้ช สู่กุนซือความหวังใหม่ของยูเวนตุส

ไม่อยากเป็นโค้ช แต่ถูกแต่งตั้งเป็นกุนซือใหญ่หลังรับงานคุมทีมชุดยู-23 แค่ 9 วัน และจบโปรไลเซนส์ก่อนคุมทีมจริงนัดแรกแค่ 6 วัน อะไรที่ทำให้ อันเดรีย ปิร์โล ได้มากุมบังเหียนยูเวนตุส ไปติดตามกัน
  • “ผมไม่อยากเอาตัวเองไปเสี่ยงกับการเป็นผู้จัดการทีม”
  • เสียบแทน “ซาร์รี” หลังรับงานคุมยูเวนตุส ยู-23 แค่ 9 วัน
  • จบโปรไลเซนส์แค่ 6 วันก่อนเปิดฤดูกาล เซเรีย อา

2 เกมอย่างเป็นทางการในฐานะกุนซือยูเวนตุสของ “อันเดรีย ปิร์โล” ถือว่าค่อนข้างน่าพอใจ ด้วยการเก็บไป 4 คะแนนในช่วงออกสตาร์ตฤดูกาล 2020-2021 ของศึกกัลโช เซเรีย อา อิตาลี จากการเปิดบ้านถล่ม ซามพ์โดเรีย 3-0 เมื่อวันที่ 20 กันยายน และบุกไปเสมอ โรมา 2-2 ทั้งที่เหลือผู้เล่น 10 คนในช่วงที่ตามหลัง 1-2 เมื่อวันที่ 27 กันยายนที่เพิ่งจะผ่านมา นับเป็นการเริ่มต้นที่ไม่เลวสำหรับผู้จัดการทีมมือใหม่หัดคุมที่ไม่เคยมีประสบการณ์กับงานด้านนี้มาก่อน ไม่ว่าจะเป็นทีมระดับไหนก็ตาม

“ผมไม่อยากเอาตัวเองไปเสี่ยงกับการเป็นผู้จัดการทีม”

แต่ก่อนที่ ปิร์โล ในวัย 41 ปีจะผันตัวเข้าสู่เส้นทางสายนี้ เขาเคยมีความคิดต่อต้านงานโค้ชมาก่อน โดยได้แสดงความรู้สึกเอาไว้ในบทที่ 9 ของ “I Think Therefore I Play” หนังสืออัตชีวประวัติของเขาที่วางแผงครั้งแรกเมื่อวันที่ 30 เมษายน ปี 2013 ว่า “ผมไม่อยากเอาตัวเองไปเสี่ยงกับการเป็นผู้จัดการทีมแม้แต่นิดเดียว นั่นไม่ใช่งานที่น่าดึงดูดสำหรับผมเลย เพราะมันเต็มไปด้วยความวิตกกังวล”

ปิร์โล เคยบอกไว้ในหนังสือของตัวเองที่วางแผงเมื่อ 7 ปีก่อนว่า

แม้จะเป็นนักเตะผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของวงการในสมัยค้าแข้ง กับการคว้า 17 แชมป์ในระดับสโมสร โดยมีแชมป์ลีกสูงสุดของอิตาลี 6 สมัย และแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก อีก 2 สมัยรวมอยู่ในนั้น อีกทั้งยังเป็นหัวใจสำคัญของทีมชาติอิตาลีในชุดเถลิงแชมป์ฟุตบอลโลก 2006 แต่ก็ไม่มีอะไรที่เป็นหลักประกันให้กับเขาได้ว่าเมื่อเปลี่ยนบทบาทมาเป็นกุนซือเองแล้วจะประสบความสำเร็จแบบเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนไป ความคิดและความตั้งใจของเขาก็เริ่มเปลี่ยนแปลง ซึ่ง “อิล มาเอสโตร” ได้เผยกับ ลา กัซเซ็ตตา เดลโล สปอร์ต สื่อชั้นนำของอิตาลีเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ปี 2018 ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังในการจุดประกายให้เขาหันมาสนใจงานด้านโค้ชก็คือ 2 อดีตเจ้านายของเขาเอง

การที่เคยร่วมงานกับกุนซือยอดฝีมือ ทำให้ ปิร์โล มีครูชั้นดีที่ช่วยชี้แนะและเป็นที่ปรึกษาให้กับเขาก่อนตัดสินใจเปลี่ยนบทบาทของตัวเองจากผู้เล่นที่เคยบัญชาการเกมในสนาม มาเป็นโค้ชที่คอยยืนสั่งการลูกทีมอยู่ข้างสนาม 

กองกลางจอมคลาสสิก เท้าความถึงเรื่องที่เขาเคยคุยกับ คาร์โล อันเชล็อตติ อดีตนายใหญ่เอซี มิลาน ที่ได้ร่วมงานกันในระหว่างปี 2001-2009 และพาทีมได้แชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก 2 สมัย รวมถึงแชมป์ลีก, โคปปา อิตาเลีย 1 สมัย และแชมป์สโมสรโลกอีกอย่างละ 1 สมัยว่า “ผมเคยคุยเรื่องการทำงานโค้ชกับ คาร์โล เพราะเรามีการติดต่อกันเป็นประจำ และมีครั้งหนึ่งที่เราพูดถึงความเป็นไปได้ที่จะได้ทำงานด้วยกันอีกครั้ง แต่ผมยังหนุ่มเกินไปและยังมีเวลาอีกมากในการตัดสินใจ” 

ปิร์โล ยังบอกอีกว่า “ความจริงแล้ว อดีตเพื่อนร่วมทีมของผมหลายคนก็เคยบอกว่าไม่อยากเป็นโค้ช แต่ตอนนี้พวกเขาก็หันมาจับงานนี้กันหมด แต่ตัวผมก็ยังไม่คิดที่จะเจริญรอยตามหรอกนะ ผมต้องเริ่มต้นจากการเข้าคอร์สอบรม เพราะการได้ใบรับรองก่อนเริ่มงานถือเป็นสิ่งจำเป็น” 

ฟิลิปโป อินซากี - คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ - เจนนาโร กัตตูโซ อดีตเพื่อนร่วมทีมที่เข้าสู่วงการโค้ชก่อน ปิร์โล

ซึ่งนักเตะที่เคยร่วมเล่นเคียงบ่าเคียงไหล่กับเขาก่อนผันตัวเป็นกุนซือในปัจจุบัน มีทั้ง ฟิลิปโป อินซากี ที่เริ่มต้นจากการคุมทีมเยาวชนของเอซี มิลาน ก่อนขึ้นมารับงานกับทีมชุดใหญ่ จากนั้นก็ไปอยู่กับ เวเนเซีย, โบโลญญา ล่าสุดเป็นนายใหญ่อยู่ที่ เบเนเวนโต ทีมน้องใหม่ของกัลโช เซเรีย อา ซีซั่นนี้นั่นเอง

นอกจากนั้นก็ยังมี คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ ที่เคยคุมมิลานเช่นกัน ก่อนได้รับโอกาสจาก เซินเจิ้น เอฟซี ในศึกไชนีส ซูเปอร์ลีกของจีน, เดปอร์ติโบ ลา กอรุนญา ในลา ลีกา สเปน และทีมชาติแคเมอรูน รวมถึง เจนนาโร กัตตูโซ ที่ผ่านสังเวียนโชกโชน ทั้ง ซิยง ที่สวิตเซอร์แลนด์, ปาแลร์โม, โอเอฟไอ ครีต ที่กรีซ, ปิซา, มิลาน ทีมเยาวชนต่อด้วยทีมชุดใหญ่ และปัจจุบันยังกุมบังเหียนอยู่ที่ นาโปลี

และแล้วจุดเปลี่ยนสำคัญของการตัดสินใจก็มาถึงในช่วงที่เขาร่วมงานกับ อันโตนิโอ คอนเต ที่ ยูเวนตุส ระหว่างปี 2011-2014 ซึ่งช่วยกันคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของอิตาลี 3 สมัย แม้จะไม่ได้อธิบายเหตุผลอย่างละเอียด แต่คำพูดที่ ปิร์โล บอกว่า “การเล่นให้กับ คอนเต มันทำให้ผมเริ่มอยากเป็นโค้ชขึ้นมาบ้าง” ก็เพียงพอที่จะเป็นจุดเริ่มต้นสู่ความท้าทายครั้งใหม่ในชีวิต ก่อนที่เขาจะแขวนสตั๊ดเลิกเล่นกับ นิวยอร์ก ซิตี้ ที่สหรัฐอเมริกาในปี 2017 และเริ่มการอบรมโค้ชเพื่อรอเวลาอันเหมาะสมในการรับงาน

คาร์โล อันเชล็อตติ - อันโตนิโอ คอนเต 2 กุนซือที่เป็นแรงบันดาลใจสำคัญให้ ปิร์โล เจริญรอยตาม

เสียบแทน “ซาร์รี” หลังรับงานคุมยูเวนตุส ยู-23 แค่ 9 วัน

แต่ใครจะรู้ว่าหน้าที่อันยิ่งใหญ่จะพุ่งเข้าใส่คนที่ไม่เคยคิดว่าอยากเป็นโค้ชอย่าง ปิร์โล ซึ่งเพิ่งได้เข้ามาคุมทีมยูเวนตุส ชุดยู-23 เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมา แต่แล้วในวันที่ 8 สิงหาคม “ม้าลาย” ที่เพิ่งปลด เมาริซิโอ ซาร์รี ตกเก้าอี้กุนซือใหญ่หลังพาทีมแพ้ โอลิมปิก ลียง ตกรอบ 16 ทีมในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ก็เลือกที่จะให้โอกาสกับเขา แม้ไม่เคยผ่านงานกับสโมสรใดมาก่อน

อันเดรีย ปิร์โล ถูกดันจากโค้ชทีมชุดยู-23 ขึ้นมาเป็นกุนซือทีมชุดใหญ่ของ ยูเวนตุส ภายในเวลาแค่ 9 วัน

อันเดรีย อันเญลลี ประธานสโมสรเผยถึงเหตุผลที่มอบงานนี้ให้ว่า เขาพร้อมที่จะเสี่ยงอีกครั้งเหมือนตอนที่เขาเลือก อันโตนิโอ คอนเต ที่ผ่านการคุมแต่ทีมเล็กอย่าง อาเรซโซ, บารี, อตาลันตา และ เซียนา ก่อนได้แชมป์ลีก 3 สมัยในปี 2012-2014

ต่อด้วยการเลือก มัสซิมิเลียโน อัลเลกรี ที่ได้แชมป์ลีกเพียงครั้งเดียวกับ เอซี มิลาน มารับช่วงต่อจาก คอนเต ก่อนนำ ยูเว ได้แชมป์ลีกต่อเนื่องอีก 5 สมัยในปี 2015-2019 และยังได้แชมป์โคปปาอิตาเลียอีก 4 สมัย รวมถึงเข้ารอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก อีก 2 ครั้ง แม้จบแค่รองแชมป์ทั้งหมดก็ตาม

ไม่เพียงเท่านั้น บอสใหญ่ของเบียงโคเนรียังต้องการส่งเสริมแบรนด์ยูเวนตุสให้แข็งแกร่งขึ้น ดังนั้นการเข้ามาของ “อิล มาเอสโตร” ที่มาพร้อมกับภาพลักษณ์ของอดีตนักเตะระดับตำนานของสโมสรและทีมชาติอิตาลีที่คนทั่วโลกให้การยอมรับ ก็น่าจะช่วยเพิ่มแรงดึงดูดสำหรับต่อยอดในด้านการตลาดได้

แต่เหตุผลที่สำคัญที่สุดก็คือ ปิร์โล เข้าใจวัฒนธรรมของสโมสรเป็นอย่างดี และยังรู้จักตื้นลึกหนาบางเกี่ยวกับสโมสรที่เขาเคยร่วมงานในสมัยค้าแข้งยุครุ่งเรืองของวงการลูกหนังอิตาลีทั้ง อินเตอร์ มิลาน และเอซี มิลาน อีกด้วย นอกจากนี้ยังสามารถเป็นตัวเชื่อมระหว่างลูกทีมกับผู้เล่นอาวุโสของ “ม้าลาย” อย่าง จานลุยจิ บุฟฟอนจอร์โจ คิเอลลินี กับ เลโอนาร์โด โบนุชชี ที่เคยเล่นด้วยกันมาก่อนและรู้มือกันเป็นอย่างดีได้ ซึ่ง อันเญลลี ต้องการให้เขาเข้ามาปลุกสปิริตและความสามัคคีที่ขาดหายไปในยุคของ ซาร์รี ให้กลับคืนมาอีกครั้ง

เมาริซิโอ ซาร์รี ยังมีบารมีไม่มากพอที่จะทำให้ คริสเตียโน โรนัลโด เชื่อฟังได้

ด้วยชื่อเสียง, บุคลิก และคุณสมบัติต่างๆ ในตัวปิร์โล ทำให้เขาน่าจะเป็นที่ยอมรับของนักเตะได้ไม่ยาก โดยเฉพาะดาราประจำทีมอย่าง คริสเตียโน โรนัลโด ที่เคยมีข่าวไม่ลงรอยกับเจ้านายคนก่อนอย่าง ซาร์รี ซึ่งยังมีบารมีไม่มากพอที่จะทำให้ยอดดาวเตะโปรตุกีสเคารพเชื่อฟัง 

ทั้งหมดนี้ อันเญลลี จึงคาดหวังกับการเดิมพันครั้งนี้อยู่ลึกๆ ว่าโมเดลที่สโมสรผลักดันตำนานนักเตะขึ้นมาเป็นกุนซือจะประสบความสำเร็จแบบเดียวกับ บาร์เซโลนา ที่ได้ เป๊ป กวาร์ดิโอลา เข้ามาเนรมิต 14 แชมป์ในระหว่างปี 2008-2012 หรือ เรอัล มาดริด ที่ให้ ซีเนดีน ซีดาน เข้ามาพาทีมคว้าถ้วย 11 ใบในปี 2016 ถึงปัจจุบัน

จบโปรไลเซนส์แค่ 6 วันก่อนเปิดฤดูกาล เซเรีย อา

กระนั้นทั้ง เป๊ป และ ซีดาน ยังมีโอกาสเก็บเลเวลกับการคุมทีมสำรองของสโมสรก่อน โดย เป๊ป ได้เริ่มงานกับ บาร์เซโลนา เบ ในปี 2007-2008 ก่อนขึ้นไปแทนที่ แฟรงค์ ไรจ์การ์ด ส่วน “ซิซู” ก็เริ่มต้นด้วยการเป็นผู้ช่วยของ อันเชล็อตติ ในทีม “ราชันชุดขาว” เมื่อปี 2013 จากนั้นก็มีเวลาฝึกปรือวิชากับ เรอัล มาดริด กาสตีญา ในปี 2014-2016 ก่อนสืบทอดตำแหน่งแทน ราฟา เบนิเตซ

ผิดกับ ปิร์โล ที่ยังไม่ทันได้เริ่มงานกับทีมยูเวนตุส ชุดยู-23 แม้แต่เกมเดียว ก็ถึงคราวปุ๊บปั๊บรับโชคถูกดันขึ้นไปประเดิมงานแรกกับทีมชุดใหญ่ทันที แน่นอนว่าตัวเขาเองก็คงไม่ได้เตรียมใจเพื่อเจอสิ่งนี้มาก่อน เพราะเขาเพิ่งจะเริ่มอบรมโค้ชในระดับยูฟ่า โปรไลเซนส์ เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ซึ่งต้องเข้ารับการอบรมตามหลักสูตรให้ครบ 240 ชั่วโมง และหลักสูตรนี้ก็กินระยะเวลาราว 1 ปี

แต่ก็นับว่า ยูเวนตุส ยังโชคดีท่ามกลางวิกฤติโควิด-19 ที่ทำให้ฤดูกาล 2020-2021 กลับมาเปิดช้ากว่าเดิม 1 เดือน เพราะกุนซือที่จะคุมทีมในลีกสูงสุดของอิตาลีได้ต้องมีใบประกาศนียบัตรการอบรมโค้ชระดับโปรไลเซนส์ก่อน และปิร์โล ก็เพิ่งจะจบหลักสูตรเมื่อวันที่ 14 กันยายนที่ผ่านมา หรือก่อนที่ “ม้าลาย” จะลงเล่นนัดแรกของ กัลโช เซเรีย อา ซีซั่นนี้เพียง 6 วัน 

ปิร์โล ต้องเริ่มคุมทีม

แม้จะถูกกดดันด้วยเวลาที่บีบคั้น แต่ ปิร์โล ก็ยังไม่หวั่นไหวกับสถานการณ์ พร้อมกับฝากผลงานด้วยการทำคะแนนสอบครั้งสุดท้ายก่อนจบหลักสูตรได้ถึง 107 คะแนน จากคะแนนเต็ม 110 คะแนน มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ในบรรดาคนที่อบรมรุ่นเดียวกัน เป็นรองแค่ ติอาโก ม็อตตา เพื่อนร่วมทีมชาติอิตาลีชุดรองแชมป์ยูโร 2012 เท่านั้น

เรนโซ อูลิเวียรี ประธานสมาคมผู้ฝึกสอนแห่งอิตาลี (เอไอเอซี) ซึ่งเป็นผู้ควบคุมหลักสูตรที่ ปิร์โล เข้ารับการอบรม ได้พูดถึงโค้ชมือใหม่ไฟแรงว่า “เขามีความรู้และความเข้าใจในเกมฟุตบอลมากกว่าโค้ชอีกหลายคนที่ทำงานมานานหลายปีเสียอีก เขามีทั้งความมุ่งมั่น, ฉลาดหลักแหลม และยังสามารถวิเคราะห์ความน่าจะเป็นที่จะเกิดขึ้นในอนาคตของวงการฟุตบอลได้ ปิร์โล คือ คนที่มีวิสัยทัศน์ในการมองไปข้างหน้าอย่างแท้จริง”

ซึ่งในช่วง 1 วันก่อนจบหลักสูตรโปรไลเซนส์ อดีตเพลย์เมกเกอร์เท้าชั่งทองก็มีโอกาสได้ทดลองวิชาที่เรียนรู้มาในเกมอุ่นเครื่องปรีซีซั่นที่ ยูเว สอนเชิง โนวารา ทีมในระดับเซเรีย ซี ไปด้วยสกอร์ 5-0 ซึ่งหลังจบเกมเขาได้ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางการทำทีมของตัวเองว่า “ทีมของผมจะต้องเล่นเกมรุกด้วยความดุดัน และเมื่อเสียบอลแล้วจะต้องกระตือรือร้นในการแย่งกลับคืนมาโดยเร็วที่สุด นั่นคือสิ่งที่เราเน้นหนักมาก”

ปิร์โล สะท้อนคาแรกเตอร์ของตัวเองสมัยเป็นนักเตะในการถ่ายทอดแท็กติกเมื่อมาเป็นกุนซือ

ปิร์โล ได้หยิบยก บาเยิร์น มิวนิก ที่ชนะทั้ง 11 นัดตลอดรายการก่อนผงาดคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก เมื่อฤดูกาลที่แล้วมาถอดบทเรียนว่า นี่คือตัวอย่างของทีมที่ประสบความสำเร็จด้วยวิธีการเล่นแบบรุกไล่เอาบอลกลับมาอยู่ในการครอบครองให้ได้โดยใช้เวลาน้อยที่สุด และนั่นเป็นคาแรกเตอร์ที่เขาต้องการจะใส่ให้กับลูกทีม

“อิล มาเอสโตร” ยังบอกอีกว่ายุทธวิธีที่เขาชื่นชอบคือ “โททัล ฟุตบอล” หรือรูปแบบการเล่นที่มีหัวใจสำคัญคือ ผู้เล่นทุกคนสามารถทดแทนตำแหน่งและบทบาทการเล่นได้หมด ไม่ว่าจะเป็นกองหน้า กองกลาง และกองหลัง

ซึ่งทีมที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับไอเดียในการทำงานโค้ชของเขามีทั้ง บาร์เซโลนา ภายใต้การคุมทีมโดย โยฮัน ครัฟฟ์ (ปี 1988-1996) และ เป๊ป กวาร์ดิโอลา (ปี 2008-2012), อาแจกซ์ ในยุคของ หลุยส์ ฟาน กัล (ปี 1991-1997), เอซี มิลาน ที่มีแม่ทัพเป็น คาร์โล อันเชล็อตติ (ปี 2001-2009) และ ยูเวนตุส ซึ่งมี อันโตนิโอ คอนเต เป็นนายใหญ่ (ปี 2011-2014)

เพียงแค่แมตช์แรกกับการคุมทีมอย่างเป็นทางการในศึกกัลโช เซเรีย อา อิตาลี นัดเปิดฤดูกาล 2020-2021 ที่ “ม้าลาย” เปิดบ้านถล่ม ซามพ์โดเรีย 3-0 ปิร์โล ก็แสดงให้เห็นว่ารูปแบบการทำทีมที่เขาว่ามานั้น สามารถหยิบมาใช้และได้ผลจริง ซึ่งสะท้อนด้วยสถิติการครองบอล 62 เปอร์เซ็นต์, สัมผัสบอลทั้งเกม 910 ครั้ง, ผ่านบอลทั้งหมด 728 ครั้ง สำเร็จถึง 653 ครั้ง คิดเป็น 90 เปอร์เซ็นต์, มีการเข้าปะทะ 18 ครั้ง เสียฟาวล์ 15 ครั้ง, เคลียร์บอล 18 ครั้ง, ตัดบอลได้ 17 ครั้ง และเข้ามาซ้อนเมื่อเสียการครองบอล 47 ครั้ง

และนัดล่าสุดที่แม้ว่าจะบุกไปเสมอ โรมา 2-2 โดยเหลือผู้เล่น 10 คนในช่วงเกือบครึ่งชั่วโมงสุดท้าย แต่ ยูเวนตุส ก็ยังครองบอลได้เหนือกว่าที่ 57 เปอร์เซ็นต์, สัมผัสบอลทั้งเกม 773 ครั้ง, ผ่านบอลทั้งหมด 601 ครั้ง สำเร็จถึง 534 ครั้ง คิดเป็น 89 เปอร์เซ็นต์, มีการเข้าปะทะ 13 ครั้ง เสียฟาวล์ 9 ครั้ง, เคลียร์บอล 7 ครั้ง, ตัดบอลได้ 14 ครั้ง และเข้ามาซ้อนเมื่อเสียการครองบอล 28 ครั้ง

ยูเวนตุส ไล่ตีเสมอ โรมา 2-2 แบ่งแต้มกลับบ้านได้ แม้เหลือ 10 คนในช่วงที่ตามหลัง 1-2

แม้เบียงโคเนรีจะทำแต้มหล่นหายไป 2 คะแนน แต่ คริสเตียโน โรนัลโด ที่ยิงคนเดียว 2 ประตูช่วยเซฟ 1 แต้มให้กับทีมก็พูดถึงการร่วมงานกับ ปิร์โล ว่าดูดีมีชีวิตชีวา และน่าจะมีผลงานในสนามที่ดีกว่ายุคของ ซาร์รี พร้อมกับเชื่อว่าทีมจะมุ่งไปสู่เป้าหมายในการคว้าแชมป์ลีกสมัยที่ 10 ติดต่อกันได้

ซึ่งคำชื่นชมนี้เกิดขึ้นหลังจากที่เจ้านายคนใหม่ให้สัมภาษณ์ออกสื่อว่าเขาอาจจะไม่ได้ลงสนามทุกนัด และต้องเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องถูกดร็อปในบางนัด เพื่อรักษาสภาพร่างกายที่ล่วงเลยมาถึงวัย 35 ปีแล้วด้วย

“เรากำลังอยู่ในช่วงออกสตาร์ตของฤดูกาลใหม่ ภายใต้โค้ชคนใหม่และไอเดียใหม่ๆ แต่ผมสามารถมองเห็นได้ว่าการทำงานภายในทีมกำลังไปได้สวย พวกเรามีความกระตือรือร้นกันมากขึ้น และผมก็เห็นอนาคตที่สดใสรอเราอยู่ ซึ่งสิ่งที่เราสัมผัสได้ในตอนนี้คือทุกคนมีความสุขจากการทำงานภายใต้รอยยิ้ม” ยอดดาวยิงทีมชาติโปรตุเกส เล่าถึงบรรยากาศในการเป็นลูกทีมของอดีตห้องเครื่องทีมชาติอิตาลี ผ่านทาง สกาย สปอร์ตส อิตาเลีย

โรนัลโด มีความสุขในการทำงานร่วมกับ ปิร์โล มากกว่า ซาร์รี

แต่ตอนนี้เส้นทางสายกุนซือของ อันเดรีย ปิร์โล เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น ซึ่งเขาจะประสบความสำเร็จและกลายเป็นตำนานของวงการลูกหนังเช่นเดียวกับสมัยที่เป็นนักเตะระดับเวิลด์คลาสได้หรือไม่ กาลเวลาเท่านั้นที่จะเป็นผู้ให้คำตอบ

ขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th


5 โรคตาต้องระวัง เมื่อต้องสัมผัส “แสงแดด”

ดวงตา แสงแดด

แสงแดดไม่ได้ทำร้ายแค่ผิวของเราเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวการสำคัญที่ทำร้ายดวงตาของเราได้อย่างคาดไม่ถึง และคนส่วนใหญ่ก็มักลืมไปว่าดวงตาของเรานั้นบอบบางกว่าผิวหนังมาก ทำให้การปกป้องดวงตาจากแสงแดดถือเป็นเรื่องสำคัญมากกว่าการปกป้องผิวเสียอีก “ทุกครั้งที่ดวงตาสัมผัสกับแสงแดดก็จะถูกทำร้ายจากรังสีอัลตร้าไวโอเลตหรือรังสียูวีโดยตรง ซึ่งรังสียูวีแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ รังสียูวีเอ (UVA) และ รังสียูวีบี (UVB) ซึ่งแม้สัมผัสในระยะเวลาสั้น ๆ ก็สามารถก่อให้เกิดความบกพร่องทางสายตาได้ และยังเร่งการเสื่อมสภาพของสายตาไปจนถึงโรคตาที่ค่อนข้างรุนแรง”

รู้หรือไม่ “แสงแดด” ทำร้ายดวงตาได้มากกว่าที่คุณคิด

  1. โรคต้อลม เกิดจากการสัมผัสรังสียูวี ซึ่งกระตุ้นการแตกหักของเนื้อเยื่อคอลลาเจนในเยื่อบุตาขาว ทำให้เยื่อบุตาเสื่อมสภาพและหนาตัวขึ้น ส่วนใหญ่ในระยะเริ่มแรกมักไม่มีอาการชัดเจน แต่เมื่อต้อลมมีขนาดใหญ่หรืออักเสบ อาจเกิดอาการเคืองตา แสบตา น้ำตาไหล หรือตาแดงได้
  2. โรคต้อเนื้อ ปัจจัยก่อโรคที่สำคัญก็คือการสัมผัสรังสียูวี ในแสงแดดเป็นประจำ จัดอยู่ในกลุ่มโรคเยื่อบุตาเสื่อมสภาพเช่นเดียวกับต้อลม โดยในต้อเนื้อนั้น เยื่อบุตาจะหนาตัวมากขึ้นรวมถึงมีเนื้อเยื่อและเส้นเลือดเกิดมากขึ้น กลายเป็นเนื้อเยื่อแดง ๆ อยู่บนตาดำ ซึ่งถ้าต้อเนื้อมีขนาดใหญ่หรือหนามากจนปกคลุมกระจกตาก็อาจส่งผลต่อการมองเห็น และต่อความโค้งของตาดำจากสิ่งแปลกปลอมในดวงตา
  3. โรคต้อกระจก แม้โรคนี้พบมากในผู้สูงอายุเนื่องจากการเสื่อมของเลนส์แก้วตาตามธรรมชาติ แต่การสัมผัสรังสียูวีเอ (UVA) ในแสงแดดแป็นเวลานานก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระดับโมเลกุล ทำให้เลนส์แก้วตาเสียสภาพความใสไป เมื่อเลนส์ขุ่นย่อมทำให้การมองเห็นลดลง ดังนั้นโรคต้อกระจกจึงสามารถเกิดขึ้นในวัยหนุ่มสาวได้เช่นกัน
  4. โรคจอประสาทตาเสื่อม รังสียูวีบี (UVB) เป็นปัจจัยที่ส่งผลโดยตรงต่อการเสื่อมของจุดศูนย์กลางภาพจอประสาทตา โดยรังสียูวีบีจะเข้าไปลดความเข้มข้นของสารสี เกิดเป็นปัจจัยเสี่ยงให้จอประสาทตาเสื่อมเร็วขึ้น
  5. โรคมะเร็ง การอยู่กลางแดดนาน ๆ เป็นอีกหนึ่งสาเหตุของมะเร็งบริเวณเปลือกตา เพราะเกิดการกระตุ้นให้ผลิตเม็ดสีเมลานินบริเวณเปลือกตา ทำให้เกิดริ้วรอยรอบดวงตา และมะเร็งผิวหนังบริเวณเปลือกตา

แน่นอนว่าไม่มีใครอยากให้โรคเหล่านี้เกิดขึ้นกับตัวเอง แนะนำ เคล็ดลับการดูแลเพื่อเสริมเกราะให้แก่ดวงตา ดังต่อไปนี้

วิธีปกป้องดวงตา จากแสงแดดตัวร้าย

สวมแว่นตาที่มีคุณสมบัติป้องกันรังสียูวี

วิธีการป้องกันดวงตาจากแสงแดดที่ดีที่สุดคือการสวมแว่นที่มีคุณสมบัติป้องกันรังสียูวีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ฉะนั้น ควรเลือกซื้อแว่นตาจากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือเท่านั้น เลนส์สายตาเปลี่ยนสีอัตโนมัติทรานซิชั่นส์ (Transitions®) จากเอสซีลอร์ ไม่ได้ออกแบบเพื่อแก้ไขปัญหาสายตาเท่านั้น แต่สามารถปกป้องดวงตาจากรังสียูวีได้ 100% รวมถึงแสงสีน้ำเงินจากอุปกรณ์ดิจิตอล จึงสามารถสวมใส่ได้ตลอดทั้งวันทั้งในร่มและกลางแจ้ง โดยตัวเลนส์จะเปลี่ยนเป็นสีเข้มเมื่ออยู่กลางแจ้งและกลับมาใสอีกครั้งเมื่ออยู่ในที่ร่ม ซึ่งเป็นการปกป้องดวงตาจากรังสียูวีในทุกสภาวะแสง แม้ที่มีแดดไม่แรง สีเลนส์ก็จะเข้มขึ้นตามระดับความเข้มของยูวีเช่นกัน

รับประทานอาหารที่มีวิตามินเอ เพิ่มความแข็งแรงให้ดวงตา

การเลือกทานผักผลไม้ที่มีวิตามินต่าง ๆ และสารต้านอนุมูลอิสระเป็นประจำเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะวิตามินเอซึ่งมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างเซลล์จอประสาทตาช่วยให้จอประสาทตาทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ อาหารที่มีวิตามินเอ ได้แก่ ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ผักใบเขียว ผลไม้เนื้อสีเหลืองและสีส้ม รวมถึงผลิตภัณฑ์นม ไข่แดง ตับหมูและตับวัว

การตรวจคัดกรองความเสี่ยงเกี่ยวกับโรคตา

นอกจากการดูแลดวงตาทั้งภายนอกและภายในแล้ว การตรวจคัดกรองความเสี่ยงเกี่ยวกับโรคตาเป็นประจำทุกปี ก็ช่วยให้เราสามารถดูแลรักษาได้อย่างทันท่วงทีหากเกิดโรคเกี่ยวกับดวงตาขึ้น

ขอบคุณข้อมูลจาก mthai.com


คำศัพท์ภาษาอังกฤษที่เกี่ยวกับสถานที่ (Places)

คำศัพท์ภาษาอังกฤษที่เกี่ยวกับสถานที่ (Places) มีดังนี้

1. Coffee Shop (คอฟฟี่ช็อพ) ร้านกาแฟ
2. Office (ออฟฟิชสำนักงาน
3. Grocery (โกรเซอะรี) ร้านขายของชำ
4.Bakery (เบเคอะรี) ร้านขายขนมปัง
5.Barbershop (บาร์เบอร์ช็อพ) ร้านตัดผม
6. Clothing Store (โคลธธิงสทอร์ร้านขายเสื้อผ้า
7.  Laundry (ลอนดรีร้านซักรีดเสื้อผ้า
8.  Barbershop (บาร์เบอร์ช็อพร้านตัดผม
9.  Antique Shop (แอนทีคช็อพ) ร้านขายของเก่า
10.  Animal Hospital (แอนนิมอล ฮอสพิทอลโรงพยาบาลสัตว์
11.  Police Station (โพลีซสเทชั่นสถานีตำรวจ
12.  Fire Station (ไฟเออะสเทชั่นสถานีดับเพลิง
13. Post Office (โพสออฟฟิซ) ที่ทำการไปรษณีย์
14.  Greengrocery (กรีนโกรเซอะรี่ร้านขายผักและผลไม้
15. Florist (ฟลอริสร้านขายดอกไม้
16. Hair Salon (แฮร์ ซาลอน ร้านทำผม
17. Jewelry Store (จูเวลรี่ สทอร์ร้านขายเพชรพลอย
18. Restaurant (เรสเทอแรนทร้านอาหาร หรือ ภัตตาคาร
19. Ice Cream Shop (ไอซครีมช็อพร้านขายไอศครีม
20. Donut Shop (โดนัทช็อพ) ร้านขายโดนัท
21. Bank (แบงค์ธนาคาร
22. Hotel (โฮเทลโรงแรม
23. Cinema (ซินนิมาโรงหนัง
24. Museum (มิวเซียม) พิพิธภัณฑ์
25. Pet Shop (เพทช็อพร้านขายสัตว์เลี้ยง
26. Clinic (คลีนิคคลินิก
27. Theater (เธียเทอะโรงละคร
28.  Night Club (ไนทคลับไนต์คลับ
29.  School (สคูลโรงเรียน
30.  College (คอลเล็จวิทยาลัย
31.  University (ยูนิเวอร์ซิตี้มหาวิทยาลัย
33.  Library (ไลบระรีห้องสมุด
34. Temple  (เทมเพิลวัด
35. Mosque  (มอสคสุเหร่า
36. Church (เชิร์ชโบสถ์
37.  Market (มาร์เคทตลาด
38.  Photo Shop (โฟโทช็อพร้านถ่ายรูป
39.  Camera Shop (แคมเมอระช็อพร้านขายกล้อง
40.  Furniture Store (เฟอร์นิเชอะ สทอร์ร้านขายเฟอร์นิเจอร์
41.  Toy Store (ทอย สทอร์ร้านขายของเล่น
42.  Optician (ออพทิชเชียนร้านขายแว่นตา
43.  Shopping Mall (ช็อพพิงมอลห้างสรรพสินค้า หรือ ศูนย์การค้า
44.  Convenience Store (คันเวนเยิน สทอร์ร้านสะดวกซื้อ
45.  Supermarket (ซูปเปอร์มาร์เก็ตร้านขายของขนาดใหญ่ที่ผู้เลือกซื้อสามารถหยิบสินค้าได้เอง
46.  Travel Agency (ทราเวลเอเจนซี่สำนักงานท่องเที่ยว
47.  Bus Station (บัสสเทชั่นสถานีขนส่ง
48.  Train Station (เทรนสเทชั่นสถานีรถไฟ
49.  Airport (แอร์พอทสนามบิน
50.  Subway Station (ซับเวอร์สเทชั่นสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน
51.  Filling Station (ฟิลลิ่ง สเทชั่นสถานีเติมน้ำมัน
52.  City (ซิทตี้ตัวเมือง
53.  Shooting Gallery (ชูททิงแกลเลอรี่สนามยิงปืน
54.  Service Station (เซอร์วิส สเทชั่นร้านล้างอัดฉีดรถยนต์
55.  Car Dealer (คาร์ดีลเลอะร้านขายรถยนต์
56.  Swimming Pool  (สวิมมิ่งพูลสระว่ายน้ำ
57.  Television Station (เทลละวิชชั่น สเทชั่นสถานีโทรทัศน์
58.  Harbour (ฮาร์เบอะท่าเรือ
59.  Hardware Store (ฮาร์ดแวร์ สทอร์ร้านขายเครื่องมือโลหะ
60.  Computer Store (คอมพิวเทอะ สทอร์ร้านขายเครื่องคอมพิวเตอร์
61.  Village (วิลลิจหมู่บ้าน
62.  Slum (สลัมสลัม
63.  Factory (แฟคทอรีโรงงาน
64.  Continent (คอนนิเนนทวีป
65.  Capital (แคพพิทอลเมืองหลวง
66.  Province (พรอฟวินซจังหวัด
67.  District (ดิสทริคเขต
68.  Sea (ซี ทะเล
69. Beach (บีซ ชายหาด

70.  Lake (เลค ทะเลสาบ หรือ บึง

ขอบคุณข้อมูลจาก e-vocab.blogspot.com

เปิดแพลตฟอร์มจองตั๋วหนึ่งวันใช้ชีวิตสุดหรูโรงแรม5ดาว

เดลี่พาส เปิดตัวแพลตฟอร์มจองบัตรผ่านเข้าใช้ชีวิตสุดหรูในโรงแรมห้าดาว พร้อมประกาศความร่วมมือโรงแรมในเครือมาริออท เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวคนไทยสัมผัสประสบการณ์ระดับลักซูรีแบบหนึ่งวัน โดยไม่จำเป็นต้องเข้าพัก หวังช่วยฟื้นท่องเที่ยวไทยหลังประสบวิกฤตไวรัสโควิด-19

นายคริสตอฟ มาร์ค เซเชอร์ ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แทรเวลแอดส์ เน็ทเวิร์ค (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ ชื่อ เดลี่พาส (DailyPass) ซึ่งเป็นบริการจองสิทธิ์เข้าใช้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในโรงแรมสุดหรูแบบบัตรหนึ่งวัน สำหรับลูกค้าที่ไม่ได้เข้าพักในโรงแรม โดยสามารถเข้าใช้บริการได้ทั้งสระว่ายน้ำ ฟิตเนส ร้านอาหาร ฯลฯ พร้อมได้รับบัตรกำนัลอาหารและเครื่องดื่มสำหรับนำไปใช้ในโรงแรมได้อีกด้วย พร้อมกันนี้  เดลี่พาสได้จับมือกับ “มาริออท” (Marriott) เครือโรงแรมที่หรูหราที่สุดในกรุงเทพฯ โดยมีโรงแรมในเครือที่เข้าร่วม ได้แก่ โรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน  โรงแรมดับเบิ้ลยู โรงแรมพลาซ่า แอทธินี โรงแรมเชอราตัน แกรนด์ สุขุมวิท โรงแรมมาริออท มาร์คีส ควีนส์ปาร์ค และโรงแรมมาริออท สุรวงศ์ ทั้งหมดนี้ผู้ใช้บริการสามารถจองสิทธิเพื่อเข้าไปสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษได้ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์

“เดลี่พาส เป็นผู้ให้บริการรายแรกๆ ในเอเชียที่บุกเบิกตลาดอย่างจริงจังในการนำเสนอประสบการณ์ท่องเที่ยวสุดพิเศษในรูปแบบกิจกรรมท่องเที่ยวในหนึ่งวัน หรือ เดย์เคชั่นส์ (Daycations) ซึ่งความร่วมมือระหว่างเดลี่พาสกับแมริออทในครั้งนี้ จะเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวสไตล์เดย์เคชั่น สำหรับลูกค้าที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์สุดหรูในโรงแรมระดับลักซูรี่ในกรุงเทพฯแบบหนึ่งวัน โดยไม่จำเป็นต้องจองห้องพัก เมื่อจองสิทธิ์ผ่าน DailyPass.com ซึ่งทุกการจอง ลูกค้าจะได้รับบัตรกำนัลที่ให้ส่วนลดอาหารและเครื่องดื่ม ตามราคาแพคเกจที่ลูกค้าเลือก”

ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ เดลี่พาส กล่าวว่า โรงแรมเครือแมริออท มีชื่อเสียงในด้านความหรูหรา และบริการที่เป็นเลิศ ความร่วมมือระหว่างเดลี่พาสและมาริออท จึงเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ ในช่วงที่ประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหาไม่มีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเข้ามาใช้บริการอันเนื่องมาจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะที่คนไทยจำนวนมากก็กำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวทางเลือกภายในประเทศสำหรับวันหยุดพักผ่อน บริการของเดลี่พาสจึงน่าจะตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวคนไทยได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกันก็เป็นการช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการโรงแรมให้มีลูกค้ามากขึ้นด้วย

สำหรับลูกค้าที่จะเข้าใช้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆในโรงแรมที่เป็นพันธมิตรของเดลี่พาส สามารถมั่นใจในความปลอดภัยและความสะดวกสบายได้อย่างแน่นอน เพราะทุกโรงแรมมีการปฏิบัติตามแนวทางของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยอย่างเคร่งครัด ทั้งในเรื่องการคัดกรอง ทุกคนจะต้องผ่านการตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้าใช้บริการในโรงแรม การทำความสะอาดพื้นที่สาธารณะด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ มาตรการการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล เพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนจะปลอดภัยจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

DailyPass.com ไม่ใช่เว็บจองห้องพักโรงแรม แต่เราคือรายแรกในเอเชียที่ให้บริการจองบัตรหนึ่งวันสำหรับการเข้าใช้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกในโรงแรม เราเชื่อว่าบริการดังกล่าวจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับนักท่องเที่ยวคนไทย ที่จะได้เพลินเพลินกับกิจกรรมนอกบ้าน เช่น การใช้สระว่ายน้ำสวยๆ หรือทานอาหารอร่อยๆ ในโรงแรมดีๆ ใกล้บ้านคุณ ซึ่งเดลี่พาสมีแผนจะขยายเครือข่ายพันธมิตรโรงแรมให้ได้ 300 แห่งในกรุงเทพฯ พัทยา และหัวหิน รวมถึงจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศไทยภายในปลายปีนี้” นายคริสตอฟ กล่าว

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


สรรพคุณของมะม่วงหาวมะนาวโห่

สมุนไพรมะม่วงหาวมะนาวโห่ เป็นชื่อที่เพี้ยนมาจากชื่อ “มะม่วงไม่รู้หาวมะนาวไม่รู้โห่” พันธุ์ไม้ชนิดนี้มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า หนามขี้แฮด (เชียงใหม่), หนามแดง (กรุงเทพฯ), มะนาวไม่รู้โห่ (ภาคกลาง), มะนาวโห่ (ภาคใต้) เป็นต้น
    มะม่วงหาวมะนาวโห่จัดเป็นผลไม้สมุนไพรชนิดหนึ่ง ลักษณะของผลจะมีสีแดงเรียวเล็กคล้ายกับมะเขือเทศราชินี สำหรับรสชาติของผลสุกจะออกหวานนุ่มลิ้น แต่ถ้ายังไม่สุกจะมีรสเปรี้ยวจี๊ดเข็ดฟัน มีธาตุเหล็กและวิตามินซีสูง เมื่อกัดไปแล้วจะมียางเหนียว ๆ ฝาดคอ (เป็นผลไม้ในวรรณคดีเรื่องพระรถเมรี (นางสิบสอง) ใครเคยอ่านคงทราบกันดี)

ประโยชน์ของมะม่วงหาวมะนาวโห่

  1. มะม่วงหาวมะนาวโห่มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยในการชะลอวัยและริ้วรอย (ผล)
  2. ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง (แก่น)
  3. แก้อาการอ่อนเพลีย เมื่อยล้า (เนื้อไม้)
  4. เพิ่มความกระชุ่มกระชวยให้กับร่างกาย (ผล)
  5. ช่วยให้เจริญอาหาร (ราก)
  6. มีส่วนช่วยลดความอ้วน (ผล)
  7. ช่วยขยายหลอดเลือดป้องกันการเกิดโรคหัวใจ (ผล)
  8. มีส่วนช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง (ผล)
  9. ธาตุเหล็กในผลมีส่วนช่วยรักษาโรคเบาหวาน (ผล)
  10. มีส่วนช่วยรักษาโรคโลหิตจาง (ผล)
  11. น้ำของผลสามารถนำมาใช้ปรุงอาหารแทนมะนาวได้
  12. ใช้ทำเป็นผลไม้หมักดอง
  13. นำมาประกอบอาหารได้หลายเมนู เช่น ผัดไทยเต้าหู้มะนาวโห่ น้ำพริกเผามะนาวโห่ ฟรุ้ตตี้ลืมหาว เป็นต้น

 ขอบคุณข้อมูลจาก unilife.co.th


ชนิดทอง ราคารับซื้อ กรัมละ ราคารับซื้อ บาทละ ราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5% n/a 28,150.00 28,250.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,823.00 27,636.68 28,750.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,640.70 24,873.01 n/a
ทองรูปพรรณ 80% 1,458.40 22,109.34 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 820.00 12,431.20 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 638.00 9,672.08 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,889.00 28,637.24 n/a
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 29/09/2563
ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 95 21.75 21.75 22.35 21.75 21.75 21.75 21.75 21.75 21.75 21.75
แก๊สโซฮอล์ 91 21.48 21.48 22.08 21.48 21.48 21.48 21.48 21.48 21.48 21.48
แก๊สโซฮอล์ E20 20.24 20.24 20.84 20.24 20.24 20.24 20.24 20.24 20.24
แก๊สโซฮอล์ E85 18.04 18.04 18.04
เบนซิน 95 29.16 29.61 29.66 29.16 29.16
ดีเซล 21.29 21.29 21.69 21.29 21.29 21.29 21.29 21.29 21.29 21.29
ดีเซล B10 18.29 18.29 18.69 18.29 18.29 18.29 18.29 18.29 18.29 18.29
ดีเซล B20 18.04 18.04 18.44 18.04 18.04 18.04 18.04 18.04
ดีเซลพรีเมี่ยม 25.74 25.76 28.14 27.74 25.74
แก๊ส NGV 14.17 14.17 14.17
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า