สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 29 มิถุนายน 2564

3 สมาคมอสังหาฯ จี้รัฐทบทวน หยุดก่อสร้าง 30 วัน สูญ 8 หมื่นล้าน

3 สมาคมอสังหาฯ จี้รัฐทบทวน  หยุดก่อสร้าง 30 วัน สูญ 8 หมื่นล้าน

3 สมาคมธุรกิจอสังหาฯ ถกเข้ม รัฐสั่งปิดแคมป์​แรงงาน – หยุดก่อสร้าง​ 30​ วัน คาดสูญ 8 หมื่นล้าน จ่อยื่นหนังสือขอทบทวน – ผ่อนปรน แคมป์ไร้ผู้ติดเชื้อ ให้ก่อสร้าง – เก็บงานได้ ควบคู่ตรวจคัดกรอง จัดสรรวัคซีนให้เป็นกลุ่มแรก

ค่ำวานนี้ ( 28 มิถุนายน 2564 ) กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งประกอบไปด้วย สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย ,สมาคมอาคารชุดไทย และสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเสวนาย่อย ถกปัญหา และทางออก กรณี ศบค.มีคำสั่ง ปิดแคมป์คนงานก่อสร้าง งดการเดินทาง และเคลื่อนย้ายแรงงาน ในพื้นที่จังหวัดสีแดงเข้ม  เป็นเวลา  1 เดือน เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการควบคุมโรคแบบ “Bubble and Seal” จากการเป็นคลัสเตอร์ แพร่ระบาดเชื้อโควิด19 อย่างหนัก ซึ่งทำให้งานก่อสร้างภาพรวม ไม่สามารดำเนินการได้ กระทบต่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง และอสังหาริมทรัพย์ไทย ทั้งโครงการบ้านจัดสรร และ คอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 

โดย นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์  นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย ยอมรับว่า ที่ผ่านมา แคมป์ที่พักอาศัยของแรงงานกลุ่มก่อสร้าง มีจุดบอดหลายส่วน แม้ที่ผ่านมา ทั้งผู้รับเหมาและผู้ประกอบการ พยายามใช้ระบบคัดกรอง ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคมาโดยตลอด แต่ด้วยสภาพความเป็นอยู่ และวิถีชีวิตของกลุ่มคนดังกล่าว ทำให้มีความเสี่ยงทุกระดับ ตั้งแต่การกั้นห้องอยู่อาศัยกันอย่างแออัด , การอาบน้ำในบ่อพักน้ำเดียวกัน ,กิน-ดื่ม จากภาชนะเดียวกัน และที่สำคัญ 

พบว่า กลุ่มแรงงานส่วนใหญ่ไม่มีความรู้ด้านสุขอนามัยที่ดี ไม่เข้าใจการใส่หน้ากากอนามัยที่ถูกต้อง บางราย หน้ากาก 1 ชิ้น ใช้ร่วม 4-5 วัน ขณะโควิดกลายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง ทำให้การควบคุมเป็นไปอย่างยากลำบาก แม้ว่าหน่วยงานในแต่ละท้องที่จะเข้ามาตรวจเชิงรุก คัดกรองผู้ป่วยออกไป และสุดท้ายจะกลับมาระบาดซ้ำวนกันไป 

อย่างไรก็ตาม แม้มีความเข้าใจดี ในเหตุผล การออกคำสั่งปิดแคมป์ หยุดก่อสร้าง 1 เดือนของรัฐบาล และพร้อมให้ความร่วมมืออย่างดี แต่ผู้ประกอบการต่างๆ เริ่มมีความกังวลว่า หากสถานการณ์ไม่คลี่คลาย และคำสั่งดังกล่าวถูกประกาศใช้ยืดเยื้อออกไป เพราะยังคุมสถานการณ์ไม่ได้นั้น จะส่งผลเสียหายต่ออุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์อย่างมหาศาล เนื่องจากช่วงครึ่งหลังของปี เป็นไทม์ไลน์ การตรวจรับห้อง และโอนกรรมสิทธิ์ให้ลูกค้าคอนโดมิเนียมหลายโครงการที่กำลังจะแล้วเสร็จ 

” หากแม้แต่การเข้าไปให้ช่างตรวจเก็บงานเล็กๆน้อยๆ ยังไม่สามารถดำเนินการได้นั้น จะส่งผลต่อแผนการเงิน และสภาพคล่องของหลายบริษัท โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายเล็กๆ ที่มีภาระด้านดอกเบี้ยธนาคารต้องจ่ายออก ท่ามกลางต้นทุนการก่อสร้างที่ปรับสูงขึ้นอย่างมากในขณะนี้ ทั้ง ทองแดง เหล็กเส้น อะลูมิเนียม เป็นภาระที่ต้องแบกรับ และความเสียหายที่ประเมินไม่ได้ ” 

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ระหว่าง เข้าหารือกับกรมอนามัย เพื่อศึกษา – วางมาตรการในส่วนของเอกชน สำหรับการดูแลแคมป์ต่างๆ กรณีได้กลับมาเปิดอีกครั้ง เพื่อให้รัฐมั่นใจ  และผ่อนปรนมาตรการบางส่วนให้  เช่น ให้สามารถทำการก่อสร้าง ตรวจเก็บงานได้ โดยจะเป็นแนวทางควบคู่กับมาตรการควบคุมโรคแบบ “Bubble and Seal” ของรัฐ แต่ก็มีความกังวล หากผู้ติดเชื้อยังสูงเกิน 5 พันรายต่อวัน อาจมีความเสี่ยง ไม่ได้รับการผ่อนปรน 

“อยากถามว่า การสร้างโรงพยาบาลสนามของรัฐ เป็นการก่อสร้าง ใช้ผู้รับเหมาหรือไม่ แต่ทำไมสามารถดำเนินการได้ ธุรกิจอสังหาฯ ไม่เหมือนร้านอาหาร ที่ถูกสั่งเปิดๆ ปิดๆ เจ๊งก็เช้งต่อ แต่เรา หากหมดลมหายใจ คอนโดฯไม่มีเงินสร้างต่อ ไม่รู้จะไปอย่างไร แนวราบก็เช่นกัน หยุดก่อสร้าง ส่งมอบให้ลูกค้าล่าช้าไป 3 เดือน เกิดปัญหาฟ้องร้อง ขอเงินคืน จะทำอย่างไร ธุรกิจนี้ลงทุนไปก่อน เก็บที่หลัง เงินทุนไม่คืน กอดคอกันล้มทั้งอุตสาหกรรมแน่ ” 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com 


กรมทางหลวงทุ่ม 1.5 พันล้าน ทะลวงจุดตัด 5 ทางแยก แก้ปัญหารถติดเชียงใหม่

กรมทางหลวงเผยความคืบหน้าโครงการออกแบบปรับปรุง ทล.121 ช่วง จุดตัด ทล.108 – จุดตัด 1006 จ.เชียงใหม่ เป็น 4-6 ช่องจราจร เพื่อแก้ไขปัญหาจราจรและรองรับการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมขนส่งอย่างยั่งยืน คาดว่าจะเริ่มดำเนินการปีงบประมาณ 2565

วันที่ 28 มิถุนายน 2564 ฝ่ายประชาสัมพันธ์ กรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า ทล. ดำเนินโครงการสำรวจและออกแบบปรับปรุงและแก้ไขปัญหาจราจรบนทางหลวงหมายเลข 121 หรือวงแหวนรอบ 3 ช่วงจุดตัดทางหลวงหมายเลข 108 – จุดตัดทางหลวงหมายเลข 1006 เนื่องจากปัจจุบันทางหลวงสายดังกล่าวมีปริมาณจราจรหนาแน่น ทำให้รถสะสมเป็นระยะทางยาวบริเวณทางแยก ประกอบกับเป็นจุดเชื่อมต่อกับทางหลวงสายสำคัญ จึงนำไปสู่แนวทางการแก้ไขปัญหาจราจรบนสายทางดังกล่าวและโครงข่ายทางหลวงที่ใกล้เคียง อันจะเป็นประโยชน์ต่อภาคการขนส่ง และการเดินทางของประชาชนให้มีความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย

ทั้งนี้พื้นที่โครงการครอบคลุมใน 4 อำเภอ 9 ตำบล ได้แก่ อำเภอเมือง อำเภอหางดง อำเภอสารภี และอำเภอสันกำแพง และ 9 ตำบลได้แก่ ตำบลป่าแดด ตำบลหนองคาย ตำบล สันผักหวาน ตำบลท่าวังตาล ตำบลดอกแก้ว ตำบลหนองผึ้ง ตำบลไชยสถาน ตำบลป่าบง ตำบลสันกลาง และตำบลต้นเปา

 

จุดเริ่มต้นโครงการที่ กม. 0+000 และสิ้นสุดที่ กม. 16+346 ระยะทางประมาณ 16.3 กิโลเมตร โดยออกแบบให้มีการผสมผสานระหว่างแนวคิดด้านวิศวกรรม แนวคิดด้านภูมิสถาปัตยกรรมที่เน้นเอกลักษณ์ของเมืองเชียงใหม่ และการออกแบบเพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม

สำหรับรูปแบบก่อสร้างทั่วไปเป็นถนนแอสฟัลท์ติกคอนกรีตขนาด 4 ช่องจราจร และ 6 ช่องจราจร ความกว้างช่องจราจรละ 3.50 เมตร ไหล่ทางด้านนอกกว้าง 2.50 เมตร แบ่งทิศทางจราจรด้วยเกาะกลางชนิดกดร่อง (Depressed Median)

ส่วนช่วง กม. 10+500 – กม.15+310 แบ่งทิศทางจราจรด้วยเกาะกลางแบบยก (Raised Median) ทางขนานที่ให้บริการชุมชน 2 ข้างทาง ออกแบบแยกจากทางสายหลักด้วยเกาะกลางแบบกดร่อง (Depressed Median)

ทั้งนี้รูปแบบทางแยกโครงการมีอยู่ด้วยกัน 5 ทางแยกดังนี้

1. ทางแยกสะเมิง ทล.121 ตัด ทล.108 (กม.0+000) 1.1 ออกแบบเป็นทางแยกต่างระดับแบบทางเลี้ยววน (Loop Ramp) สำหรับทิศทางจราจรที่มาจากหนองควาย มุ่งหน้า อ.หางดง และจาก อ.สันกำแพงมุ่งหน้าสู่เชียงใหม่

1.3 ทิศทางเลี้ยวขวาจากเชียงใหม่ไปหนองควาย ให้ใช้ทางกลับรถใต้สะพานบน ทล.121

1.4 แยกพืชสวนโลกออกแบบเป็นสะพานข้ามแยกในทิศทาง อ.หางดง มุ่งหน้าไปตัวเมืองเชียงใหม่

2.ทางแยกกองทราย ทล.121 ตัด ทล.106 (กม.8+500) เป็นพื้นที่คุ้มครองด้านสิ่งแวดล้อม มีแนวคิดออกแบบเพื่ออนุรักษ์ต้นยางนาบริเวณทางแยก โดยออกแบบการจราจรบนทางหลวงหมายเลข 121 เป็นรูปแบบสะพานข้ามแยก การจราจรบนทางหลวงหมายเลข 106 และทิศทางเลี้ยวขวาให้ใช้วงเวียน

3. ทางแยกซุปเปอร์ไฮเวย์ ทล.121 ตัด ทล.11 (กม.10+000) ก่อสร้างทางแยกต่างระดับให้สมบูรณ์ เพิ่มช่องทางเลี้ยวมุ่งหน้าไป จ.ลำพูน และทางเลี้ยววน (Loop Ramp) มุ่งหน้าไป อ.หางดง ออกแบบทางเลี้ยวระดับพื้นเชื่อมทางเลี้ยววน (Loop Ramp) เดิมเพื่อรองรับการจราจรจากถนนเลียบทางรถไฟมุ่งหน้าไป อ.สันกำแพง

     

4. ทางแยกสันกลาง ทล.121 ตัด ทล.1317 (กม.13+000) ออกแบบการจราจรทางตรงบนทางหลวงหมายเลข 1317 และทางหลวงหมายเลข 121 ให้เป็นสะพานข้ามทางแยกที่ระดับ 2 และ 3 ตามลำดับ ทิศทางเลี้ยวขวาทุกทิศทางออกแบบให้ใช้วงเวียน (ระดับ 1) สำหรับทิศทางอื่นเป็นทางเลี้ยวระดับพื้น

5. ทางแยกต้นเปาพัฒนาหรือแยกหลุยส์ ทล.121 ตัด ทล.1006 (กม.15+310) ออกแบบการจราจรทิศทางตรงบนทางหลวงหมายเลข 121 ใช้สะพานข้ามทางแยก ทางเลี้ยวขวาทุกทิศทางออกแบบให้ใช้วงเวียน สำหรับทิศทางอื่นเป็นทางเลี้ยวระดับพื้น ทิศทางตรงบนทางหลวงหมายเลข 1006 ออกแบบให้ใช้ทางลอด สำหรับรถที่สูงไม่เกิน 3.50 เมตร

โดยช่วงระหว่าง กม. 0+000 ถึง กม.12+200 ที่ผ่านทา งแยกสะเมิง แยกกองทราย และแยกซุปเปอร์ไฮเวย์ ตรวจสอบพบว่าเป็นพื้นที่อ่อนไหวที่ต้องศึกษาและประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันอยู่ระหว่างการจัดทำรายงานเพื่อเสนอสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.)

ส่วนแยกสันกลาง และแยกต้นเปาพัฒนาหรือแยกหลุยส์ นั้น สามารถดำเนินการก่อสร้างเพื่อปรับปรุงและแก้ไขปัญหาจราจรได้ก่อน โดยใช้งบประมาณทั้งสิ้น 1,500 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มดำเนินการในปีงบประมาณ 2565 และคาดว่าใช้เวลาก่อสร้างอย่างน้อย 2 ปีโดยประมาณ

เมื่อโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จจะช่วยแก้ไขปัญหาการจราจรในพื้นที่ เพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการเดินทาง ช่วยพัฒนาโครงข่ายคมนาคมในจังหวัดเชียงใหม่และพื้นที่ใกล้เคียงให้มีความสมบูรณ์ เพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งสินค้าให้มีความสะดวกรวดเร็ว รวมถึงสนับสนุนแผนงานโครงการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทยในอนาคต

ขอบคุณข้อมูลจาก prachachat.net


คาดเงินบาทซื้อขายในกรอบ 31.70-32.10

คาดเงินบาทซื้อขายในกรอบ 31.70-32.10

กรุงศรีคาดเงินบาทซื้อขายในกรอบ 31.70-32.10 จับตาการจ้างงานสหรัฐฯ วิกฤตโควิดในประเทศ

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 31.70-32.10 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 31.77 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในกรอบ 31.49-31.98 บาท/ดอลลาร์ โดยระหว่างสัปดาห์เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 13 เดือน เงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักยกเว้นเยนในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยตลาดเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงหลังคลายความวิตกลงบ้างเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่สูงขึ้นและแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจเร่งคุมเข้มนโยบาย หลังประธานเฟดกล่าวว่ายังไม่มีความจำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันและแรงกดดันด้านเงินเฟ้อน่าจะลดลงได้เอง ทางด้านธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) คงนโยบายตามเดิม โดยไม่ได้ส่งสัญญาณเตรียมถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในอนาคตอันใกล้ ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 4,524 ล้านบาท แต่ซื้อพันธบัตร 1,368 ล้านบาท ขณะที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.50% ตามคาด

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า นักลงทุนจะจับตาข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิถุนายนของสหรัฐฯ เพื่อประเมินจังหวะเวลาที่เฟดจะเริ่มปรับนโยบายกลับสู่ภาวะปกติต่อไป ขณะที่การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในหลายประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และออสเตรเลีย รวมถึงยอดผู้ติดเชื้อที่สูงขึ้นจากไวรัสกลายพันธุ์ในสหราชอาณาจักรอาจเพิ่มความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ในภาวะเช่นนี้ คาดว่าการปรับฐานของเงินดอลลาร์อาจถูกจำกัด ส่วนกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายอาจผันผวนสูงขึ้นในช่วงปิดงวดครึ่งปีเช่นกัน

สำหรับปัจจัยภายในประเทศ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คงดอกเบี้ยด้วยเสียงเอกฉันท์ โดยประเมินว่าการระบาดระลอกปัจจุบันของ COVID-19 ทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้าลงและไม่ทั่วถึงมากขึ้น และมีความเสี่ยงด้านต่ำอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยลดคาดการณ์การเติบโตของจีดีพีปี 2564 และ 2565 เป็น 1.8% และ 3.9% ตามลำดับ เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติและอุปสงค์ในประเทศต่ำกว่าที่ประเมินไว้ โดยทางการลดคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2564 และ 2565 เป็น 700,000 คน และ 10 ล้านคน ตามลำดับ อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายภาครัฐและการส่งออก โดย กนง.เพิ่มประมาณการส่งออกปีนี้เป็นขยายตัว 17.1% ส่วนบัญชีเดินสะพัดคาดว่าจะขาดดุล 1.5 พันล้านดอลลาร์ อนึ่ง กรุงศรียังคงมุมมองที่ว่ากนง.จะตรึงดอกเบี้ยไปตลอดปี 2565 ท่ามกลางการฟื้นตัวที่เปราะบางและไม่ทั่วถึง ส่วนในระยะนี้ Sentiment เงินบาทเผชิญแรงกดดันจากการแพร่ระบาดที่รุนแรงขึ้น การยกระดับมาตรการควบคุมโรค และการฉีดวัคซีนที่ชะลอลง

ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com


ทำไมแชมป์แข่งรถ “Indy 500” ถึงต้องฉลองด้วยการดื่มนม?

ทำไมแชมป์แข่งรถ "Indy 500" ถึงต้องฉลองด้วยการดื่มนม?

ภาพที่หลายคนจดจำได้ดีจากการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ต คือ การฉลองแชมป์ด้วยการดื่มแชมเปญ ท่ามกลางบรรยากาศสนุกสนานของหญิงสาว และแอลกอฮอล์ แต่ไม่ใช่ทุกการแข่งขันที่จะยึดติดกับวิธีการฉลองแชมป์แบบนั้น

สำหรับ Indy 500 หรือ อินเดียนาโพลิส 500 การแข่งขันรถยนต์สุดทรหดบนระยะทาง 500 ไมล์ และเป็นรายการที่โด่งดังที่สุดของประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ อินเดียนาโพลิส มอเตอร์ สปีดเวย์ รัฐอินเดียนา ซึ่งจัดการแข่งขันมาตั้งแต่ปี 1911 มีประเพณีที่แตกต่างออกไป เมื่อนักแข่งทุกคนที่คว้าชัยชนะจากการแข่งขัน ต้องฉลองแชมป์ด้วยการดื่มนม แทนจะเปิดขวดแชมเปญเหมือนรายการอื่น

ประเพณีฉลองชัยชนะด้วยการดื่มนมของนักแข่ง Indy 500 เริ่มต้นจาก “หลุยส์ เมเยอร์” นักแข่งระดับตำนานในยุค 1930s ที่คว้าแชมป์จากรายการนี้ เมื่อปี 1928, 1933 และ 1936

1

แตกต่างจากนักแข่งรถสมัยนี้ ที่มักกระตุ้นร่างกายด้วยการดื่มเครื่องดื่มชูกำลัง เมเยอร์ กลับชอบที่จะดื่มนมบัตเตอร์มิลค์ขวดใหญ่ ก่อนลงสนามเป็นประจำ เพราะมันช่วยให้เขารู้สึกสดชื่นท่ามกลางอากาศร้อน ไม่เพียงเท่านั้น นี่ยังเป็นคำแนะนำจากคุณแม่ของเขาอีกด้วย

มีหลายครั้งที่เขาเลือกดื่มนม เพื่อฉลองชัยชนะจากการแข่งขัน และภาพของ หลุยส์ เมเยอร์ ที่ขับรถเข้าสู่พิท ก่อนหยิบขวดนมขึ้นมาดื่ม ทั้งที่ยังไม่ทันลงจากรถ หลังคว้าชัยชนะในปี 1936 ได้รับความสนใจจากสาธารณชนชาวอเมริกัน

หนึ่งในนั้นคือ ผู้บริหารองค์กร “Milk Foundation” หน่วยงานที่ทำหน้าที่ส่งเสริมให้คนทั่วไปดื่มนมในสหรัฐอเมริกา ซึ่งทันทีที่ได้เห็นการฉลองแชมป์ด้วยนมของเมเยอร์ พวกเขารู้สึกปลาบปลื้มกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเวที Indy 500 มาก และพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้แน่ใจว่า ผู้ชนะคนถัดไปของรายการนี้ จะต้องดื่มนมหลังเอาชนะการแข่งขัน เหมือนกับเมเยอร์

หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับนมในสหรัฐอเมริกา รวมถึงเจ้าของอุตสาหกรรมนมหลายราย พูดคุยกับฝ่ายจัดการแข่งขันตลอดปี 1947-1955 ก่อนที่ประเพณีการดื่มนมของนักแข่ง Indy 500 จะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ นับตั้งแต่ปี 1956 เป็นต้นมา

2

สมาคมผลิตภัณฑ์นมอเมริกันแห่งรัฐอินเดียนา องค์กรที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดหานมแก่นักแข่ง Indy 500 จึงแก้ปัญหาด้วยการทำแบบสำรวจก่อนการแข่งขันทุกปี เพื่อให้นักแข่งเลือกรสชาตินมที่ตัวเองชื่นชอบ

สำหรับการแข่งขันประจำปี 2021 นักแข่งส่วนใหญ่ของการแข่งขัน หรือ 21 คน เลือกดื่มนมสด หากพวกเขาชนะการแข่งขัน ส่วนอีก 12 คน ตัดสินใจเลือกนมไขมันต่ำ หรือนมพร่องมันเนย ขณะที่ตัวเลือกพื้นฐานอีกชนิด อย่าง นมขาดมันเนย ไม่มีนักแข่งคนใดเลือกดื่มในปีนี้

ส่วนตัวเลือกคลาสสิคอย่าง นมบัตเตอร์มิลค์ มีนักแข่งเลือกเพียง 2 คนเท่านั้น และตัวเลือกแปลกประหลาดที่สุด ได้แก่ นมช็อคโกแลต ของ ฮวน ปาโบล มอนโตยา อดีตนักแข่ง F1 และแชมป์รายการนี้ 2 สมัย ซึ่งทั้งสองตัวเลือกนี้ เป็นนมรสชาติพิเศษที่ไม่อยู่ในตัวเลือกพื้นฐานของการแข่งขัน

การฉลองแชมป์ด้วยนมช็อคโกแลตสีน้ำตาล คงดูเลอะเทอะไม่น้อย โชคดีที่ผู้ชนะการแข่งขัน Indy 500 ในปีนี้ ได้แก่ เฮลิโอ คาสโตรเนเวส นักแข่งชาวบราซิล ที่ความแชมป์รายการนี้เป็นครั้งที่ 4 แล้ว (2001, 2002, 2009 และ 2021) ซึ่งตัวเลือกของเขาในปีนี้ คือ นมพร่องมันเนย

3

เรื่องราวทั้งหมดที่คุณอ่านมา เกี่ยวกับการฉลองชัยชนะด้วยการดื่มนมของนักแข่ง Indy 500 อาจจะดูขบขันหรือน่ารักไปบ้าง แต่พวกเขาจริงจังกับประเพณีนี้มาก เพราะย้อนกลับไปในปี 1993 เอเมอร์สัน ฟิตติพัลดิ นักซิ่งดีกรีอดีตแชมป์โลก F1 ชาวบราซิล เลือกฉลองชัยชนะด้วยการดื่มน้ำส้ม แทนจะเป็นนม ส่งผลให้เขาภาพลักษณ์พังเยิบเยิน และได้รับความเกลียดชังอย่างมากจากแฟนกีฬาความเร็วชาวอเมริกัน

การฉลองชัยชนะด้วยการดื่มนมของนักแข่ง Indy 500 จึงเป็นประเพณีที่แฟนมอเตอร์สปอร์ตทั่วโลกชื่นชม และให้ความเคารพกับธรรมเนียมนี้ ภาพนักแข่งเปรอะเปื้อนด้วยนมหลังคว้าชัยชนะ จึงเป็นช่วงเวลาอันน่าประทับใจที่แฟนกีฬาตั้งตารอชมทุกปี

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ความน่ากลัวของสายพันธุ์เดลตา แค่ 5-10 วิก็ติดกันได้

ความน่ากลัวของสายพันธุ์เดลตา แค่ 5-10 วิก็ติดกันได้

ออสเตรเลียเผยถึงความน่ากลัวของโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา เดินผ่านกันแค่ไม่กี่วินาทีก็สามารถติดเชื้อได้

โควิด-19 สายพันธุ์เดลตากำลังจะกลายเป็นสายพันธุ์ที่โดดเด่นและน่ากลัวที่สุดในโลก เนื่องจากความสามารถในการแพร่ระบาดที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งผู้เชี่ยวชาญประเมินว่าสายพันธุ์นี้น่าจะแพร่เชื้อได้ง่ายกว่าในทุกกลุ่มอายุรวมถึงวัยเด็กด้วย

ออสเตรเลียเผยกรณีการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาที่ห้างสรรพสินค้าเวสต์ฟิลด์ บอนดิ จังชัน (Westfield Bondi Junction) ห้างสรรพสินค้าแห่งหน่งในซิดนีย์ ซึ่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขพบว่าการเชื้อไวรัสดังกล่าวสามารถแพ่ระบาดได้อย่างรวดเร็วในเวลาเพียง 5 ถึง 10 วินาทีเท่านั้น

โดยมีการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่าประชาชนรายหนึ่งติดเชื้อภายหลังจากเดินผ่านคนแปลกหน้าที่ป่วยเป็นโควิด-19 เพียงแค่ไม่กี่วินาทีขณะจับจ่ายซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าข้างต้น และการติดเชื้อในลักษณะนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว

ดร.จีนเน็ตต์ ยัง หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขของรัฐควีนส์แลนด์เคยกล่าวถึงความน่ากลัวของสายพันธุ์เดลตาก่อนหน้านี้ว่าการสัมผัสเพียงแค่ 15 นาทีก็ถือเป็นความเสี่ยง แต่ตอนนี้แม้ใช้เวลาเพียง 5 ถึง 10 วินาทีก็สามารถแพร่เชื้อได้แล้ว ทำให้ความเสี่ยงตอนนี้สูงกว่าเมื่อปีก่อนมาก

ขณะที่เคอร์รี แชนต์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของรัฐนิวเซาท์เวลส์กล่าวว่านี่เป็น “การเผชิญหน้าอย่างน่ากลัว” เนื่องจากโควิด-19 สายพันธุ์นี้สามารถแพร่ระบาดได้เพียงใกล้กันแค่ชั่วขณะ

นอกจากนี้ข้อมูลจากอังกฤษพบว่าสายพันธุ์เดลตาสามารถแพ่ระบาดได้มากกว่าสายพันธฺุ์อัลฟาถึง 60% ขณะที่สายพันธุ์อัลฟามีการติดเชื้อมากกว่าโควิด-19 สายพันธุ์ดั้งเดิมประมาณ 43% ถึง 90% แต่ตอนนี้สายพันธุ์เดลตากำลังเอาชนะไวรัสสายพันธุ์อื่นๆ ในอังกฤษ โดยมีผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ดังกล่าวถึง 99% ในผู้ป่วยรายใหม่ทั้งหมด

ข้อมูลล่าสุดชี้ให้เห็นว่าโควิด-19 สายพันธุ์ดั้งเดิมที่พบในอู่ฮั่นจะแพร่ระบาดไม่รวดเร็วเท่ากับสายพันธุ์กลายพันธุ์ ซึ่งสายพันธุ์เดลตาน่าจะเป็นสายพันธุ์ที่สามารถแพร่ได้มากที่สุด

ทั้งนี้ โควิด-19 สายพันธุ์เดลตานั้นอาจมีระยะฟักตัวใกล้เคียงกับสายพันธุ์อัลฟา ซึ่งอยู่ที่ระยะเวลาเฉลี่ย 4 วันที่ผู้ติดเชื้อจะเริ่มแสดงอาการ

ศาสตราจารย์แนนซี แบ็กซ์เตอร์ หัวหน้าคณะวิชาประชากรและสุขภาพระดับโลกของมหาวิทยาลัยเมลเบิร์นกล่าวว่าการแพร่ระบาดจะมีโอกาสมากขึ้นหากเราอยู่ใกล้กับผู้ป่วย แต่อย่างไรก็ตามไวรัสยังสามารถคงอยู่ในอากาศซึ่งมีโอกาสที่ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาจะหายใจเข้าไป

โดยการศึกษาในห้องปฏิบัติการพบว่าอนุภาคของไวรัสสามารถคงอยู่ในอากาศในรูปแบบละอองได้นานถึง 16 ชั่วโมง

“ในพื้นที่ในร่มที่การระบายอากาศไม่เพียงพอ อาจมีผู้ที่ติดเชื้อเข้ามาและออกไป แต่ไวรัสยังคงอยู่ในอากาศ ดังนั้นหากคุณเดินผ่านบริเวณนั้นและสูดอากาศเข้าไป คุณอาจติดเชื้อได้” แบ็กซ์เตอร์กล่าว

นอกจากนี้ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการฉีดวัคซีนโดยระบุว่าการฉีดวัคซีนนั้นเป็นการแข่งขันกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสที่ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว เราจึงต้องเร่งการฉีดวัคซีนให้เร็วด้วยเพื่อจะได้สามารถยับยั้งการแพร่ระบาดได้

ด้านดร.เมรู ชีล นักวิจัยอาวุโสของมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลียกล่าวว่า ประชาชนจำเป็นต้องมีส่วนร่วมในการปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุข ไม่ว่าจะเป็นการสวมหน้ากากอนามัยและหมั่นล้างมืออยู่เสมอ อยู่บ้านเพื่อลดการแพร่ระบาด หากรู้สึกไม่สบายให้รีบตรวจหาเชื้อ และเข้ารับการฉีดวัคซีน

ทั้งนี้ ออสเตรเลียมีประชากรที่ได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 โดสประมาณ 6 ล้านคนหรือคิดเป็น 23.5% ของประชากรทั้งหมด ขณะที่ประชากรที่ได้รับวัคซีนครบโดสอยู่ที่ประมาณ 5%

ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com


15 ประโยคภาษาอังกฤษสุดโรแมนติก เอาไว้ใช้กับคนพิเศษโดยไม่ต้องมีคำว่า ‘รัก’

เพราะความรักสามารถแสดงออกได้ทั้งการกระทำและคำพูด แต่ก็เชื่อว่ามีหลายคนในที่นี้อาจเขินอายที่จะกล้าพูดคำว่า ‘รัก’ ออกไป แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา 😀 เพราะในประโยคภาษาอังกฤษนั้นมีหลากหลายประโยคมากมายที่สุดแสนจะโรแมนติก มีแต่ความหมายดีๆ และไม่จำเป็นต้องมีคำว่ารัก

บอกเลยว่าทั้ง 15 ประโยคจะทำให้ผู้ฟังรู้สึกดี ทั้งสร้างความสุข สร้างความมั่นใจ และได้เปิดเผยความนัยแบบอ้อมๆ แต่ก็ทำให้เขินได้ไม่แพ้กัน > < เลื่อนลงไปดูได้เลย

#1 Your smile makes me smile. (รอยยิ้มของคุณทำให้ฉันต้องยิ้มตาม)

#2 You’re a true gift to the people in your life. (คุณคือของขวัญล้ำค่าของผู้คนรอบตัวคุณ)

#3 Being around you makes everything better. (การอยู่ใกล้ๆ คุณทำให้ทุกอย่างดีขึ้น)

#4 The world would be a better place if more people were like you! (โลกนี้จะดีสุดๆ ถ้ามีแต่คนแบบคุณ)

#5 You make me want to be the best version of myself. (คุณทำให้ฉันอยากเป็นคนที่ดีที่สุดเพื่อคุณ)

 

#6 I’m so lucky to have you in my life. (โชคดีจริงๆ ที่ชีวิตนี้ฉันมีคุณ)

#7 You’re the most perfect ‘you’ there is. (‘คุณ’ ในตอนนี้คือคุณที่สมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว)

#8 I’ve never met someone as kind as you are. (ฉันไม่เคยเจอใครที่ใจดีเท่าคุณ)

#9 You are beautiful inside and out. (ไม่ว่าจะภายนอกหรือภายใน คุณก็ช่างสวยงาม)

#10 You are my favorite person to talk to. (คุณคือคนโปรดที่ฉันอยากจะคุยด้วย)

 

 

#11 You helped me realize my own worth. (คุณทำให้ฉันรู้ว่าตัวเองมีค่าขนาดนั้น)

#12 I’m lucky just to know you. (ช่างโชคดีจริงๆ ที่ฉันได้รู้จักคุณ)

#13 Thanks for always being there for me. (ขอบคุณที่คอยอยู่เคียงกันเสมอมา)

#14 You know just how to make my day! (คุณรู้ดีที่สุดว่าทำให้ฉันมีความสุขในแต่ละวันได้อย่างไร)

#15 You are a ray of sunshine. (คุณคือแสงตะวันของฉัน)

 

นอกจากคำพูดแล้วก็อย่าลืมว่าการกระทำก็สามารถแสดงออกถึงความรักได้เช่นกัน : ) หมั่นสร้างความสุขและเติมความหวานให้แก่กันและกัน เพื่อสร้างความรักที่มั่นคงและยั่งยืน ^^

ขอบคุณข้อมูลจาก wegointer.com


มหกรรม“ไพร์มเดย์”ทุบสถิติยอดขายสูงกว่าค้าปลีกอเมซอน

มหกรรม“ไพร์มเดย์”ทุบสถิติยอดขายสูงกว่าค้าปลีกอเมซอน

มหกรรมช้อปปิ้งแห่งปี ไพร์มเดย์ (Prime Day) สร้างปรากฏการณ์ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของร้านค้าออนไลน์บนอเมซอนทั่วโลก ทุบสถิติใหม่ทำยอดขายเติบโตสูงกว่าธุรกิจค้าปลีกของอเมซอน

งานมหกรรมช้อปปิ้งประจำปี ไพร์มเดย์ 2564 (Prime Day 2021) นับเป็นกิจกรรมส่งเสริมการขายในระยะเวลา 2 วันครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดกว่าที่ผ่านมาสำหรับผู้ค้าของอเมซอน โดยในปีนี้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมเป็นผู้ประกอบธุรกิจร้านค้าออนไลน์ ได้สร้างสถิติใหม่ด้วยการเพิ่มยอดขายที่เติบโตสูงกว่าธุรกิจค้าปลีกของอเมซอน ทั้งนี้ ลูกค้าที่เป็นสมาชิกของอเมซอนมีโอกาสจับจ่ายเลือกซื้อสินค้ามากกว่า 250 ล้านรายการจากทั่วโลก และสามารถประหยัดเงินได้มากกว่ามหกรรมสินค้าลดราคาไพร์มเดย์ครั้งที่ผ่านๆ มา ซึ่งหมวดสินค้าที่ขายดีที่สุดทั่วโลกในมหกรรมช้อปปิ้งครั้งนี้ ได้แก่ อุปกรณ์เครื่องมือช่าง ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม สินค้าเพื่อสุขภาพและโภชนาการ ผลิตภัณฑ์ดูแลเด็ก อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงอุปกรณ์เสริมของ อเมซอน สินค้าเครื่องนุ่งห่ม และสินค้าเครื่องใช้ในบ้าน

มหกรรม“ไพร์มเดย์”ทุบสถิติยอดขายสูงกว่าค้าปลีกอเมซอน

มร. เบอร์นาร์ด เทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายขายระดับโลกของอเมซอนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดเผยว่า “มหกรรมช้อปปิ้ง ไพร์มเดย์ ครั้งนี้ ถือเป็นงานเทศกาลกระตุ้นการจับจ่ายสินค้าที่ประสบความสำเร็จอีกครั้งหนึ่งสำหรับผู้ค้าที่เป็นพันธมิตรของอเมซอนทั่วโลก” และกล่าวเสริมว่า “ผู้ขายสินค้าจากประเทศไทยมีความกระตือรือร้นในการเข้าร่วมงาน ไพร์มเดย์ในปีนี้ เพื่อคว้าโอกาสที่จะสร้างการรับรู้แบรนด์สินค้า และเข้าถึงผู้บริโภคทั่วโลกผ่านร้านค้าออนไลน์ของอเมซอน และสามารถประสบความสำเร็จได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งนี้ ในอนาคต อเมซอนจะยังคงส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ขายสินค้าจากประเทศไทยสามารถขยายธุรกิจไปทั่วโลก สร้างแบรนด์สินค้าให้เป็นที่รู้จัก และบรรลุเป้าหมายการพัฒนาและเติบโตธุรกิจในระยะยาว”

ในช่วง 2 วันของการจัดกิจกรรมลดราคาสินค้า ผู้ค้าของอเมซอนได้มอบข้อเสนอสุดพิเศษที่คัดสรรเฉพาะสำหรับสมาชิกระดับไพรม์ โดยผู้ขายสินค้าจากประเทศไทยก็ได้เข้าร่วมกิจกรรมอย่างคึกคัก พร้อมทั้งยกขบวนสินค้าไทยหลากหลายรายการมาจำหน่ายในงานเทศกาลช้อปปิ้งไพร์มเดย์สุดอลังการของอเมซอนครั้งนี้ สินค้าไทยขายดีอันดับหนึ่ง ได้แก่ สบู่สมุนไพร ครีมกันแดด Coral Safe ชาอัญชัน ของเล่นที่ทำจากไม้ กล้วยอบกรอบ และอีกมากมาย และกลุ่มสินค้ายอดนิยมที่ขายดีที่สุดสำหรับผู้ค้าของอเมซอน ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม สินค้าของชำ สินค้าเครื่องนุ่งห่ม สินค้าเครื่องใช้ในบ้าน และสินค้าอัญมณี

Simon J จาก SN SKENNOVA กล่าวว่า “ทุก ๆ ปี ไพร์มเดย์จะเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่มีลูกค้าเข้ามาชมสินค้าในอเมซอนมากที่สุด เราเชื่อว่ากิจกรรมนี้จะเป็นโอกาสอันดีในการที่เราจะได้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ ขยายกลุ่มเป้าหมายและเพิ่มยอดขาย เราตื่นเต้นมากที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมในปีนี้ โดยหากเทียบกับปีก่อนในช่วงเวลาเดียวกัน ยอดขายของเราโตขึ้นกว่า 260% ถือเป็นความภาคภูมิใจของแบรนด์สินค้าและผู้ค้าชาวไทยที่ได้มีโอกาสนำแบรนด์ของตนออกไปโลดแล่นในตลาดโลก”

ทรัพย์ เกียรติฐิตินันท์ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ BOPHIE กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมไพร์มเดย์ในปีนี้กับอเมซอน ซึ่งเราเชื่อว่าเป็นกิจกรรมที่ผู้ขายพลาดไม่ได้ เพราะจะมีลูกค้าจากทั่วโลกเข้ามาจับจ่ายผ่านแพลตฟอร์ม เป็นโอกาสในการสร้างยอดขายและสร้างแบรนด์กับกลุ่มลูกค้าที่เป็นสมาชิกไพร์มทั่วโลก

อเมซอน โกลบอล เซลลิ่ง จัดตั้งทีมงานเฉพาะในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2562 โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือและเป็นกำลังให้ร้านค้าออนไลน์ รวมถึงผู้ประกอบการ เจ้าของแบรนด์ และผู้ผลิตไทยในการแสวงหาโอกาสในการส่งออกและขายสินค้าทางออนไลน์ รวมทั้งเพื่อขยายธุรกิจระหว่างประเทศ จากการเข้าถึงลูกค้าของอเมซอนจากทั่วทุกมุมโลก

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


แรดิช

แรดิช (Radish) ลำต้นสั้นๆเชื่อมอยู่ระหว่างรากกับใบ มีระบบรากแก้ว เป็นรากแก้วที่พองโต เรียกว่าหัว ไว้เก็บสะสมอาหาร หัวมีลักษณะทรงกลม หรือรูปไข่

แรดิช

►แรดิช (Radish) เป็นพืชล้มลุกขนาดเล็ก เป็นพืชเมืองหนาว ลำต้นสั้นๆเชื่อมอยู่ระหว่างรากกับใบ มีระบบรากแก้ว เป็นรากแก้วที่พองโต เรียกว่าหัว ไว้เก็บสะสมอาหาร หัวมีลักษณะทรงกลม หรือรูปไข่ ตามสายพันธุ์ มีเปลือกบางผิวเรียบ มีสีแดง สีขาว สีชมพู สีม่วง สีเหลือง สีดำ ตามสายพันธุ์ มีเนื้อแน่นฉ่ำน้ำ มีสีขาวนวล หรือสีชมพู มีรสชาติเผ็ดกรอบ มีกลิ่นฉุนเฉพาะตัว มีปลายรากแก้วยาวเล็กๆ แทงลงในดิน มีถิ่นกำเนิดในทวีปเอเชีย ในเมดิเตอร์เรเนียน ในแถบยุโรป เป็นที่นิยมปลูกกันทั่วไปในหลายประเทศ ที่มีอากาศเย็น ในประเทศไทยมีปลูกในภาคเหนือ มีปลูกหลายสายพันธุ์ มีประโยชน์และสรรพคุณ ทางยาหลายอย่าง สามารถรับประทานสดได้ ทำเครื่องดื่มได้ นำมาประกอบอาหารเมนูต่างๆ ได้หลายเมนู

แรดิช

พืชผักสมุนไพร
แรดิช : Radish

แรดิช : Easter Egg Radish
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Raphanus raphanistrum subsp. sativus
อยู่ในวงศ์ : Brassicaceae

แรดิช (Ra-dish) หรือเรียกว่า หัวผักกาดฝรั่ง หัวผักกาดแดง เป็นพืชผักสมุนไพร เป็นพืชเมืองหนาว เป็นพืชล้มลุกขนาดเล็ก ลำต้นสั้นๆเชื่อมอยู่ระหว่างรากกับใบ ใบแทงออกบริเวณตรงโคนของลำต้น ใบเป็นใบเลี้ยงเดี่ยว แทงออกบริเวณตรงโคนของลำต้น ออกเรียงสลับรอบๆ มีก้านใบยาว มีลักษณะทรงกลมรี ปลายใบมนใหญ่ ขอบใบมีรอยหยัก ใบมีสีเขียว มีระบบรากแก้ว เป็นรากแก้วที่พองโต เรียกว่าหัว ไว้เก็บสะสมอาหาร หัวมีลักษณะทรงกลม หรือรูปไข่ ตามสายพันธุ์ มีเปลือกบางผิวเรียบ มีสีแดง สีขาว สีชมพู สีม่วง สีเหลือง สีดำ ตามสายพันธุ์ มีเนื้อแน่นฉ่ำน้ำ มีสีขาวนวล หรือสีชมพู มีรสชาติเผ็ดกรอบ มีกลิ่นฉุนเฉพาะตัว มีปลายรากแก้วยาวเล็กๆ แทงลงในดิน สามารถรับประทานสดได้ ทำเครื่องดื่มได้ นำมาประกอบอาหารเมนูต่างๆ ได้หลายเมนู ประเทศไทยมีปลูกในอากาศเย็น ในภาคเหนือ มีหลายสายพันธุ์

ผักแรดิช

ลำต้น เป็นพืชล้มลุกขนาดเล็ก มีอายุสั้นฤดูเดียว มีทรงพุ่ม ลำต้นเดี่ยวสั้นๆ เชื่อมอยู่ระหว่างรากกับใบ มีลักษณะกลมๆ เป็นข้อสั้นๆ จะมีก้านใบแทงออกจากโคนลำต้น มีสีเขียวอ่อน

ใบ เป็นใบเลี้ยงเดี่ยว แทงออกบริเวณตรงโคนของลำต้น ออกเรียงสลับรอบๆ มีก้านใบยาว มีลักษณะทรงกลมรี ปลายใบมนใหญ่ ขอบใบมีรอยหยัก ใบมีสีเขียว

ราก มีระบบรากแก้ว เป็นรากแก้วที่พองโต เรียกว่าหัว ไว้เก็บสะสมอาหาร หัวมีลักษณะทรงกลม หรือรูปไข่ ตามสายพันธุ์ มีเปลือกบางผิวเรียบ มีสีแดง สีขาว สีชมพู สีม่วง สีเหลือง สีดำ ตามสายพันธุ์ มีเนื้อแน่นฉ่ำน้ำ มีสีขาวนวล หรือสีชมพู มีรสชาติเผ็ดกรอบ มีกลิ่นฉุนเฉพาะตัว มีปลายรากแก้วยาวเล็กๆ แทงลงในดิน

ดอก ออกเป็นช่อ ออกปลายยอด ก้านช่อดอกยาว มีดอกย่อยอยู่ ดอกมีลักษณะมีสี่แฉก มีขนาดเล็กๆ กลีบดอกสีชมพูหรือสีขาว

ผล เป็นฝัก มีลักษณะทรงรี โคนอวบกลม ปลายรีแหลม มีขนาดเล็กๆ มีเมล็ดเรียงอยู่ในฝัก ฝักอ่อนสีเขียว ฝักแก่มีสีน้ำตาล

เมล็ด อยู่ในฝัก มีลักษณะทรงกลมรี มีขนาดเล็กๆ เมล็ดแข็ง มีสีน้ำตาล

ใบแรดิช

ประโยชน์และสรรพคุณแรดิช

มีแคลเซียม มีเส้นใย มีวิตามินซี มีโพแทสเซียม มีวิตามินเอ มีวิตามินอี มีฟอสฟอรัส มีเหล็ก มีวิตามินบี1 มีวิตามินบี2 มีวิตามินบี3 มีเบตาแคโรทีน มีคาร์โบไฮเดรต มีโปรตีน มีโซเดียม มีแมกนีเซียม มีน้ำตาล มีแมงกานีส มีสังกะสี มีไขมัน

ช่วยรักษาโรคดีซ่าน ช่วยรักษาโรคทางเดินหายใจ ช่วยขับปัสสาวะ เป็นยาระบาย ช่วยระบบขับถ่าย แก้ท้องผูก ช่วยรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน แก้หวัด แก้เจ็บคอ แก้คออักเสบ ช่วยรักษาโรคหลอดลมอักเสบ ช่วยขับเสมหะ มีอนุมูลอิสระ ช่วยชลอชรา ช่วยบำรุงร่างกาย ช่วยบำรุงผิวพรรณ ช่วยลดไขมันในเลือด ช่วยลดความดันโลหิตสูง

การปลูกและขยายพันธุ์แรดิช

แรดิชเป็นพืชที่สามารถ เจริญเติบโตได้ในดินทุกชนิด ชอบดินร่วนซุย ดินร่วนปนทรายจะเจริญเติบโตได้ดี เป็นพืชเมืองหนาว มีวิธีการปลูกโดยเพาะต้นกล้าก่อน มีอายุประมาณ 2 อาทิตย์ แล้วย้ายต้นกล้าปลูก หรือหยอดเมล็ดพันธุ์ หยอดเมล็ดลงในหลุม หลังต้นกล้างอกให้ถอน ต้นกล้าออกไม่ให้แน่นเกินไป ให้มีระยะห่างประมาณ 5×15 ซม.

หัวแรดิช

วิธีดูแลรักษาแรดิช

แรดิชเป็นพืชชอบน้ำ ระบายน้ำดี น้ำไม่ขัง ชอบแสงแดด ต้องหมั่นรดน้ำทุกวัน โดยรดน้ำเช้าเย็น ให้โดนแดดตลอดวัน จะทำให้เจริญเติบโตได้เร็ว ให้น้ำตลอดไปให้พอเพียง

การเก็บเกี่ยวผลผลิตแรดิช

แรดิชจะสามารถเก็บผลผลิตได้ มีอายุประมาณ 30-35 วัน หลังปลูกลงแปลง ตามสายพันธุ์ ให้สังเกตที่ต้นจะโตเต็มที่ หัวไม่แก่ไม่อ่อนเกินไป ให้ถอนออกมาทั้งต้น แล้วล้างหัวให้สะอาด ให้ดินออกให้หมด แล้วนำใส่ในภาชนะที่เตรียมไว้ ให้ระวังอย่าให้โดนความร้อนหรือแสงแดด จะทำให้เหี่ยวได้

วิธีเก็บรักษาแรดิช

จะนำแรดิชมาตัดใบออก แล้วนำมาล้างน้ำให้สะอาด เราจะมีวิธีเก็บรักษาให้สดนานๆ คือให้ล้างน้ำให้สะอาดดี แล้วให้สะเด็ดน้ำออกให้หมด แล้วนำมาใส่ในกล่อง แล้วใส่ในตู้เย็น จะเก็บไว้ได้นาน

ขอบคุณข้อมูลจาก thai-thaifood.com


ชนิดทอง ราคารับซื้อ กรัมละ ราคารับซื้อ บาทละ ราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5% n/a 26,850.00 26,950.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,739.00 26,363.24 27,450.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,565.10 23,726.92 n/a
ทองรูปพรรณ 80% 1,391.20 21,090.59 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 783.00 11,870.28 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 609.00 9,232.44 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,802.00 27,318.32 n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 29/06/2564

ราคาน้ำมัน ปตท
ปตท.
ราคาน้ำมัน บางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ Caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 95 29.05 29.05 29.05 29.05 29.05 29.05 29.05 29.05 29.05 29.05
แก๊สโซฮอล์ 91 28.78 28.78 28.78 28.78 28.78 28.78 28.78 28.78 28.78 28.78
แก๊สโซฮอล์ E20 27.54 27.54 27.54 27.54 27.54 27.54 27.54 27.54 27.54
แก๊สโซฮอล์ E85 22.59 22.59 22.59
เบนซิน 95 36.46 36.91 36.96 36.46 36.46
ดีเซล B7 28.99 28.99 28.99 28.99 28.99 28.99 28.99 28.99 28.99 28.99
ดีเซล 25.99 25.99 25.99 25.99 25.99 25.99 25.99 25.99 25.99 25.99
ดีเซล B20 25.74 25.74 25.94 25.74 25.74 25.74 25.74
ดีเซลพรีเมี่ยม 33.76 33.76 35.44 35.16 33.76
แก๊ส NGV 13.99 13.99 13.99
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า