สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 29 กรกฎาคม 2563

นายกสมาคมสินแร่และวัสดุก่อสร้างแนะรัฐดันเศรษฐกิจหลังโควิคเปิดทางอุตสาหกรรมเหมืองแร่

เสนอรัฐเปิดทางชาวเหมืองแร่ช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจด้วยรูปแบบ “โคกหนองนาโมเดล” ใช้ศาสตร์พระราชานำอุตสาหกรรมอยู่ร่วมกับเกษตรกรรมได้อย่างยั่งยืน ชี้อุปสรรคมาจากคำสั่งคสช.ปี2560

 ดร.วิจักษ์ พงษ์เภตรา นายกสมาคมสินแร่และวัสดุก่อสร้าง  แสดงทัศนะถึงการนำพาเศรษฐกิจหลังการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ว่ามี 3 ขั้นคือ ขั้นแรกต้องอยู่รอดให้ได้โดยใช้องค์ความรู้ เทคโนโลยี และความร่วมมือร่วมใจของทุกคนที่เกี่ยวข้องเพื่อผ่านวิกฤตไปด้วยกัน  ขั้นที่สอง ต้องฟื้นฟูความแข็งแรงทางธุรกิจ อะไรที่ติดขัดที่เป็นปัจจัยภายในที่ควบคุมได้ต้องขจัดให้ลื่นไหลโดยไม่ยึดติดกับแนวคิดหรือทฤษฎีแบบเดิมๆ  ขั้นที่สาม มองหาทางออกและเติบโตในอนาคตในรูปแบบวิถีชีวิตใหม่ หรือ New Normal ทั้งภาครัฐ เอกชน ราชการ และประชาชน ต้องคิดในแนวนี้ทั้งประเทศ จึงจะฝ่าฟันวิกฤติครั้งนี้ได้ 

สำหรับเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสินแร่และวัสดุก่อสร้าง ก็ต้องปรับตัวและเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับวิถีชีวิตใหม่ที่มุ่งเน้นการทำเหมืองที่รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม  โดยผู้ประกอบการจะมาทำเหมืองแร่ในช่วงเวลาไม่กี่ปี  หลังจากนั้นจะคืนพื้นที่ต่อประเทศในรูปแบบที่เป็นประโยชน์ต่อเกษตรกร ต่อชุมชนและสังคม เช่นสร้างแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรและอุปโภคบริโภค   สร้างแหล่งท่องเที่ยว  สร้างป่า ตามแต่เจ้าของพื้นที่อยากให้เป็นอะไรแล้วใช้ประโยชน์ต่อไปในระยะยาว

“ปัจจุบันมีตัวอย่างการทำเหมืองเพื่อเกษตรกรรมเรียกว่าโคกหนองนาโมเดล  เป็นแหล่งหนองน้ำเพื่อการเกษตรโดยรอบพื้นที่ เชื่อมโยงเป็นระบบชลประทาน  เป็นแหล่งเลี้ยงสัตว์น้ำ  เป็นแหล่งสำรองน้ำหรือธนาคารน้ำไว้สู้กับภัยแล้ง  และเป็นแก้มลิงยามน้ำท่วม  กล่าวได้ว่าดำเนินการตามศาสตร์พระราชาที่มีคุณค่ายิ่งนัก” ดร.วิจักษ์กล่าว          

 นายกสมาคมสินแร่และวัสดุก่อสร้างกล่าวด้วยว่า  ทางสมาคมได้นำเสนอและประสานงานกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  กระทรวงอุตสาหกรรม  และสำนักงานการปฎิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม  หาแนวทางสร้างดุลยภาพระหว่างผู้ประกอบการทำเหมืองแร่กับเกษตรกรในพื้นที่ จนมีทางออกให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของพ.ร.บ.ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม  โดยการออกแบบการทำเหมืองแบบโคกหนองนาโมเดลที่ภาครัฐและราชการยอมรับ แต่ยังติดขัดเรื่องการตีความทางกฎหมายในการแก้ไขปรับปรุงกฎกระทรวงที่รองรับคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ที่ออกมาในปี 2560

ดร.สมหวัง วิทยาปัญญานนท์ เลขาธิการสมาคมสินแร่และวัสดุก่อสร้าง ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ปัญหาในปัจจุบันคือ กฎกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ออกรองรับคำสั่งคสช.ที่ 31/2560  ให้กิจการอื่นมีเท่าที่ผ่านการอนุญาตและดำเนินการอยู่เท่านั้น ทำให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้ประกอบการที่ยังเป็นโครงการอยู่ไม่ได้รับการพิจารณายินยอมหรืออนุญาตให้ใช้ประโยชน์พื้นที่ต้องสะดุดหยุดลง

เมื่อพิจารณาตามคำสั่ง คสช.ที่ 31/2560 นั้นออกกฎหมาย โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร ปี 2557 นั้นออกคำสั่งให้ทำ 2 เรื่องหลักๆ คือ ให้ออกกฎกระทรวงรองรับ ภายใน 90 วัน ซึ่งได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว และ ให้ปรับปรุงพ.ร.บ.ปฎิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ให้สามารถใช้ทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ได้ โดยคำนึงถึงประโยชน์ต่อเกษตรกรในพื้นที่สูงสุด และประโยชน์โดยรวมประเทศชาติ ปัจจุบันยังเป็นโครงการอยู่ คาดว่าจะแล้วเสร็จ 3-5 ปี ซึ่งคิดว่าภารกิจออกกฎกระทรวงรองรับคำสั่งคสช.ที่ 31/2560 นั้นจบแล้ว ถ้าจะมีการปรับปรุงกฎกระทรวง ต้องใช้กฎหมายตามปกติในปัจจุบันได้

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


 ‘มหานคร’  ทำเลโอกาสใหม่ของแพทโก้ กรุ๊ป

คอลัมน์ผ่ามุมคิด

จากแผนพัฒนาโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ยังอยู่ในระยะแค่เริ่มต้น สวนทางการหลั่งไหลเข้าไปลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ของดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เจ้าถิ่น อย่าง “แพทโก้ กรุ๊ป” ซึ่งพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยมานานนับ 20-30 ปี ครอบคลุมทั้งบริษัท วิจิตรา ดิเวลลอปเม้นท์, มารวย เรียลเอสเตท และ แพทโก้ แพตตินัม ยอมก้าวข้าม Comfort Zone รุกตลาดใหม่ๆ เข้ามาท้าทายในกรุงเทพฯ ผ่านการเปิดตัวโครงการ “THER (เธอ) ลาดพร้าว 93 ” เพราะแม้มีจุดแข็ง แง่ลูกค้าให้ความเชื่อมั่น แต่ต้องยอมรับว่า ณ เวลานี้ “เค้กถูกแบ่ง” การขยายตัว ไม่ง่ายเหมือนก่อนอีกต่อไป 

นวณัฐ สุขะมงคล

อย่างไรก็ตามนางสาวนวณัฐ สุขะมงคล รองประธานกรรมการ แพทโก้ กรุ๊ป ระบุเหตุผลข้างต้น ไม่สำคัญเท่าโอกาสที่มองเห็น หลังยกให้กรุงเทพฯ เปรียบเสมือนมหานครระดับโลก มีความเจริญไม่หยุดหย่อนในทุกแง่ รวมถึงดีมานด์ที่อยู่อาศัยด้วย งัดกลยุทธ์ การันตี มูลค่า ดึงกำลังซื้อลูกค้าเงินเย็นอยากลงทุนในแนวราบ ขณะเดียวกัน วอนรัฐยืดหยุ่นผู้ประกอบการ-คนซื้อบ้าน ถอนยาพิษ LTV เพิ่มความคักคึกตลาด

ผ่าแผนการลงทุน

ปี 2563 แพทโก้ กรุ๊ป ตั้งเป้าเปิดตัวโครงการใหม่รวม 6 โครงการผ่านโปรเจ็กต์ของ 3 บริษัท ซึ่งจะส่งผลให้มีโครงการในมือราว 24 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 1 หมื่นล้านบาท ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์โดยตั้งเป้าหมายยอดขายประมาณ 600 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงปีก่อนหน้า จากแผนธุรกิจที่ระมัดระวัง สอดคล้องกับสถานการณ์ตลาดและแนวโน้มเศรษฐกิจ โดยครึ่งปีแรก ยอมรับว่ามียอดขายลดลงประมาณ 15% จากวิกฤติโควิด-19 แต่การโอนกรรมสิทธิ์อยู่ระหว่างการเฝ้าระวัง อย่างไรก็ตาม ด้วยโปรดักต์ของบริษัท ล้วนเป็นกลุ่มแนวราบ ไม่มีความเสี่ยงจากกลุ่มเก็งกำไร จึงไม่น่ากังวลมากนัก ขณะเดียวกัน เพื่อเป็นการแสวงหากลุ่ม
เป้าหมายใหม่ ปีนี้จึงเป็นปีแรก ที่บริษัทรุกเข้ามาทำตลาดใหม่ๆ โดยเลือกพื้นที่กรุงเทพฯ เขตลาดพร้าว นำร่องโปรเจ็กต์แรก ในโครงการ “THER (เธอ)” ภายใต้การพัฒนาของบริษัท วิจิตรา ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด ซึ่งจัดอยู่ในเซกเม้นท์พรีเมียม ราคา 6-25 ล้านบาท รูปแบบทาวน์โฮมหรู 3 ชั้นครึ่ง ในซอย ลาดพร้าว 93 ตอบรับความต้องการของลูกค้าระดับบนที่ต้องการพื้นที่ขนาดใหญ่มากขึ้น ไม่ต่ำกว่า 200 ตรม. หลังสามารถคว้าที่ดินผืนใหญ่ 9 ไร่มาได้ และขณะนี้มียอดขายเกิน 50% ใน 13 ยูนิตเฟสแรก

กทม.เมืองลงทุนอสังหาฯ

นางสาวนวณัฐ กล่าวต่อว่า ทำเลกรุงเทพฯ มีความน่าสนใจ เปรียบชั้นเป็นมหานครระดับโลก อย่างลอนดอน ซานฟรานซิโก ที่ดึงดูดประชากรรอบนอกเข้ามาในเมืองอย่างต่อเนื่อง จากความเจริญถูกพัฒนาในทุกด้าน ตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐาน แหล่งงาน สถานศึกษา เศรษฐกิจกระจุกตัว และมีการเพิ่มขึ้นของราคาที่ดินอย่างน่าสนใจ จากตารางวาละ 3 แสนบาท กระโดดมาสู่ระดับ 3 ล้านบาทในระยะแค่10 ปี กลายเป็นอานิสงส์ของคนที่มีโฉนดที่ดินครอบครอง ท่ามกลางดีมานด์ความต้องการ และตลาดการลงทุนอื่นๆมีความผันผวน อสังหาฯ ยังเป็นการลงทุนที่ยังน่าสนใจ โดยเฉพาะในกลุ่มแนวราบ จึงเปิดทางเลือกใหม่ๆให้กับกลุ่มลูกค้า ผ่านการตัดแบ่ง 7 ยูนิต ในเฟส 5 ซึ่งเป็นเฟสสุดท้ายของโครงการ กระตุ้นความต้องการของนักลงทุนถือเงินเย็น ผ่านการันตีผลตอบแทนอย่างต่ำ 10% ระยะการถือครอง 15 เดือน กรณีต้องการขายกลับคืนให้บริษัท หลังเชื่อมั่นว่า ในอนาคตทำเลลาดพร้าว จะมีการปรับขึ้นของราคาที่ดินอย่างมีนัยยะ

“ส่วนแผนการขยายตลาดในกทม.ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาในหลายโปรเจ็กต์ ซึ่งขนาดและรูปแบบจะขึ้นอยู่กับที่ดินที่ได้มาก เจาะในกลุ่มแนวราบ เบื้องต้นเล็งโซนสาทร,เย็นอากาศ เป็นต้น”

ฝากการบ้านรัฐบาล

อย่างไรก็ตาม เนื่องด้วยทำเลในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยของบริษัท หลักยังอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดอีอีซี และแม้ส่วนใหญ่เป็นโปรดักต์ระดับกลาง-บน ลูกค้าข้าราชการ นักธุรกิจ ไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากสถานการณ์โควิด-19 ผ่านยอดขายยังคงเกิดขึ้น แม้จะเป็นโครงการที่ยังสร้างไม่แล้วเสร็จ แต่ด้วยบรรยากาศโดยรวมของตลาดในพื้นที่ที่ซบเซาลง โดยเฉพาะในโครงการที่จับลูกค้าในแหล่งโรงงาน-อุตสาหกรรม ไม่คึกคักเหมือนเก่า จึงฝากให้รัฐบาล ช่วยเหลือด้วยการออกมาตรการมากระตุ้น ทั้งฝั่งผู้ซื้อ และฝั่งผู้ประกอบการ เพราะขณะนี้ปัญหาไม่ได้เกิดขึ้นจากตลาดไม่มีดีมานด์ แต่เกิดจากสถาบันการเงินไม่ปล่อยกู้ พบหลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เข้ามาควบคุมกฎเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อ กลุ่มคนที่เคยมีคุณภาพ กลับถูกแบงก์ปฎิเสธ ยิ่งในสถานการณ์เช่นนี้ อยากให้ธปท.ยืดหยุ่น ปลดล็อก LTV หรือ อัตราส่วนสินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (Loan to Value: LTV) ซึ่งเป็นยาแรงที่ทำให้ทุกอย่างสะดุด พร้อมกับสานต่อความชัดเจนอื่นๆ โดยเฉพาะโครงการอีอีซี

“มาตรการลดภาษีการโอนฯ , ลดภาษีธุรกิจเฉพาะ ที่เคยใช้กระตุ้นอสังหาฯได้ผล รัฐควรนำกลับมาใช้ใหม่เพื่อช่วยให้ตลาดเดินได้ ขณะเดียวกัน โครงการอีอีซี ที่เป็นความหวัง ผลักดันเศรษฐกิจของประเทศนั้น อยากให้รัฐเดินหน้าก่อสร้างโปรเจ็กต์ต่างๆให้เห็นผลงานเป็นรูปธรรมมากกว่านี้ เพื่อฟื้นความเชื่อมั่น” 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


  ทีเอ็มบี ขึ้นแท่นเบอร์หนึ่ง “การเงินที่เป็นธรรม”

ทีเอ็มบี ขึ้นแท่นเบอร์หนึ่ง “การเงินที่เป็นธรรม”

“ทีเอ็มบี” ก้าวสู่อันดับหนึ่ง “การเงินที่เป็นธรรม” จากผลการประเมินโดยแนวร่วมการเงินที่เป็นธรรมประเทศไทย หรือ Fair Finance Thailand ในปี 2562

นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบี เปิดเผยว่า ทีเอ็มบีเล็งเห็นถึงความสำคัญของภาคการธนาคารในการช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยและโลกของเราไปสู่ความยั่งยืน ผ่านการดำเนินธุรกิจบนแนวคิดการธนาคารที่ยั่งยืน (Sustainable Banking) ภายใต้การกำหนดนโยบายที่ชัดเจน การดำเนินงานที่โปร่งใสและ เป็นธรรม มุ่งสร้างสังคมให้เข้มแข็งและมีความเป็นอยู่ที่ดีผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ตอบโจทย์ลูกค้าตลอดช่วงชีวิต พร้อมคำนึงถึงผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม อันเป็นเสมือนคำมั่นสัญญาที่มีต่อผู้บริโภคว่าธนาคารจะดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงผลกระทบในระยะยาวต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน

โดยทีเอ็มบีได้รับคะแนนสูงสุด เป็นอันดับ 1 จากการประเมินของแนวร่วมการเงินที่เป็นธรรมประเทศไทย ประจำปี 2562 ซึ่งการประเมินครอบคลุมหมวดการดำเนินงานด้านความยั่งยืนที่เฉพาะเจาะจงสำหรับกลุ่มสถาบันการเงินตามแนวปฏิบัติของแนวร่วมการเงินที่เป็นธรรมนานาชาติ (Fair Finance Guide International) โดยพิจารณาข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะ เพื่อประเมินในระดับนโยบายและแนวปฏิบัติที่ดี ซึ่งทีเอ็มบีแสดงเจตนารมณ์ถึงนโยบาย แนวทางการบริหารจัดการ ตลอดจนผลการดำเนินงานขององค์กรอย่างโปร่งใสทั้งในด้านการปฏิบัติอย่างเป็นธรรมต่อผู้บริโภค ธรรมาภิบาลที่ดี ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม ที่สอดคล้องกับแนวปฏิบัติและมาตรฐานในระดับสากลตามแนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน

“การก้าวขึ้นสู่อันดับ 1 สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของทีเอ็มบีในการขับเคลื่อนองค์กรให้ก้าวไปสู่ธนาคารที่ยั่งยืน ซึ่งทีเอ็มบีให้ความสำคัญและผลักดันเรื่องนี้มาโดยตลอด และมองว่าการเป็นธนาคารไม่ใช่เป็นเพียงเพราะเราได้รับใบอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยเท่านั้น แต่ต้องได้รับการยอมรับจากสังคมด้วย ดังนั้น ไม่ใช่เรื่องสินเชื่ออย่างเดียวที่ทีเอ็มบีนำมาตอบโจทย์เรื่องความยั่งยืน แต่มีทั้งเรื่องการสร้างวินัยในการออมและการลงทุน รวมถึงโซลูชันทางการเงินอื่นๆ ที่ช่วยลูกค้าในการสร้างชีวิตการทางเงินที่ดีขึ้น”

นายปิติกล่าวด้วยว่า “เรื่องความยั่งยืนเป็นเรื่องที่ภาคธุรกิจต้องมีความเชื่อมั่นจริงๆ ไม่ใช่แค่เป็นกิจกรรมประชาสัมพันธ์ หรือการตลาด โดยจะต้องมาจากข้างในและต้องทำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทุกวันนี้ทุกธนาคารได้นำเรื่องการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบไปประยุกต์ใช้อย่างเป็นรูปธรรมแล้ว ซึ่งในภาคประชาชนเองก็ต้องช่วยกันผลักดันให้มีความรู้ในเรื่องดังกล่าวด้วย หากทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจและประชาชน เดินไปพร้อมกันด้วยความเข้าใจก็จะช่วยส่งผลให้การผลักดันเรื่องนี้สำเร็จได้”

ด้านนายนริศ อารักษ์สกุลวงศ์ หัวหน้ากลยุทธ์องค์กร ทีเอ็มบี กล่าวว่า “ทีเอ็มบีให้ความสำคัญเรื่องธนาคารที่ยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการให้สินเชื่ออย่างมีความรับผิดชอบและนำมาสู่การวางแนวนโยบายในการดำเนินงานภายในองค์กร ที่อาจจะไม่ได้เผยแพร่สู่ภาคประชาชนอย่างแพร่หลาย ซึ่งในปี 2562 แนวนโยบายต่างๆ มีความชัดเจนมากขึ้นและมีการเปิดเผยข้อมูลมากขึ้น คะแนนที่ได้รับการประเมินจากแนวร่วมการเงินที่เป็นธรรมประเทศไทยจึงก้าวกระโดดขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่ง ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะทีเอ็มบีมองเรื่องความยั่งยืนและธุรกิจเป็นเรื่องเดียวกัน ไม่สามารถแยกทั้งสองเรื่องนี้ออกจากกันได้ เป็นเรื่องที่ต้องนำมาเชื่อมและบริหารจัดการร่วมกันในการสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืนของธนาคารสำหรับผู้มีส่วนร่วมทุกส่วน”

นายนริศ กล่าวเสริมถึงการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance : ESG) ว่า “ทีเอ็มบี มีแนวทางและนโยบายที่ชัดเจนในเรื่องนี้ ซึ่งไม่ได้เกิดจากแรงกดดันภายนอก แต่เป็นแนวคิดของธนาคารเองที่ดำเนินการเรื่องนี้มาระยะหนึ่งแล้ว เพราะมองว่าเป็นความเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานในระยะยาว อันเห็นได้จากนโยบายความรับผิดชอบ ต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม (Environmental and Social Responsibility (ESR) Policy) ของธนาคาร เพื่อให้ความมั่นใจว่าความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมจะได้รับการพิจารณา ประเมิน และบริหารจัดการอย่างเหมาะสมภายใต้กรอบความเสี่ยงของธนาคาร และธนาคารจะไม่ให้การสนับสนุนแก่ธุรกิจซึ่งไม่อยู่ภายใต้หลักการที่กำหนดไว้ในนโยบาย รวมทั้งพนักงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจะต้องมีความรู้ ความเข้าใจ และความสามารถในการสนับสนุนนโยบาย ESR ของธนาคารได้”

ทีเอ็มบี พร้อมสานต่อพันธกิจการดำเนินธุรกิจการธนาคารที่ยั่งยืน เพื่อตอบโจทย์เป้าหมายของทีเอ็มบีในการสร้างชีวิตการเงินที่ดีให้กับคนไทยทั้งประเทศ อันเป็นรากฐานที่จะช่วยให้ทุกคนบรรลุเป้าหมายในชีวิตได้ด้วยการดำเนินธุรกิจอย่างเป็นธรรมและโปร่งใสด้วยนโยบายและแนวปฏิบัติที่ดีในมิติด้านความยั่งยืนอย่างรอบด้าน และคำนึงถึงผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน

ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com


 “โซลชาร์” เตรียมแผน 2 หากชวดคว้าปราการหลังคนใหม่ซัมเมอร์นี้

“โอเล กุนนาร์ โซลชาร์” กุนซือคนเก่งของ “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” ยอดทีมแดนผู้ดี เตรียมแผนสองไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้วหากท้ายที่สุดชวดคว้าตัวปราการหลังคนใหม่ในช่วงซัมเมอร์นี้

วันที่ 29 ก.ค. 63 โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ ผู้จัดการทีมชาวนอร์เวย์ของ “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมดังแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เตรียมแผนสองไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้วหากท้ายที่สุดชวดคว้าตัวปราการหลังคนใหม่ในช่วงซัมเมอร์นี้นั่นคือการดึง คริส สมอลลิง ปราการหลังที่ถูกปล่อยไปให้กับ “หมาป่าแห่งกรุงโรม” โรมา ยืมตัวไปใช้งานในฤดูกาลนี้

แม้ทางยอดทีมสีแดงแห่งเมืองแมนเชสเตอร์ จะมีกองหลังหลายรายอยู่แล้วอย่าง แฮร์รี แม็คไกวร์, วิคเตอร์ ลินเดเลิฟ, เอริก ไบญีย์, ฟิล โจนส์, อักเซล ตวนเซเบ รวมถึง ทิโมธี โฟซู เมนซาห์ แต่กระนั้นจะอยู่แค่สองรายแรกที่ยังฝากผีฝากไข้ได้ ที่เหลือล้วนแต่แย่งกันนอนเบียดเสียดกับเตียงที่โรงพยาบาลเนื่องจากบาดเจ็บรบกวนบ่อยครั้ง

ล่าสุดมีรายงานว่า โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ ที่ตกเป็นข่าวกับกองหลังชั้นนำมากมาย อาทิ คาลิดู คูลิบาลี ปราการหลังจอมแกร่งจาก “อัซซูรา” นาโปลี, มิลาน สคริเนียร์ แนวรับสำคัญ “งูใหญ่” อินเตอร์ มิลาน ตลอดจน นาธาน อาเก กองหลังจาก “เดอะ เชอร์รีส์” บอร์นมัธ แต่กระนั้นหากไม่ได้ใครเขาก็จะดึง คริส สมอลลิง กลับมาช่วยทีมอีกครั้งในฤดูกาลหน้า

ขอขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th


  แนะจัดสภาพแวดล้อมรอบบ้าน ป้องกัน แมลง-สัตว์มีพิษ ช่วงหน้าฝน

แนะจัดสภาพแวดล้อมรอบบ้าน ป้องกัน แมลง-สัตว์มีพิษ ช่วงหน้าฝน thaihealth

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แนะนำ ทำความสะอาดบ้านและจัดสภาพแวดล้อมบริเวณบ้านให้ปลอดภัยในช่วงหน้าฝน เพื่อป้องกันอันตรายจากแมลงและสัตว์มีพิษ

นายแพทย์ดนัย ธีวันดา รองอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า ในช่วงหน้าฝนประชาชนมักได้รับผลกระทบจากแมลงและสัตว์มีพิษที่เข้ามาในบริเวณบ้าน เช่น งู ตะขาบ และแมงป่อง บางชนิดอาจก่อให้เกิดอันตรายถึงกับชีวิตได้ โดยเฉพาะงู มักอาศัยอยู่ในบริเวณที่ชื้นแฉะ รก และมีแหล่งอาหาร การป้องกัน ควรทำลายแหล่งอาหารของงูอย่างเช่นหนู โดยกำจัดเศษอาหารตกค้างเพื่อไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของหนู สำรวจบริเวณรอบบ้านและปิดช่องทางที่หนูและงูสามารถเข้ามาได้ รวมทั้งตรวจสอบระบบท่อไม่ให้มีรูรั่วหรือรอยแตก ควรตรวจสอบรองเท้าก่อนใส่เนื่องจากงูอาจหลบซ่อนอยู่ หากพบงูอยู่ในบ้าน ให้โทร 199 เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญมาจัดการ กรณีถูกงูกัด การปฐมพยาบาลควรล้างแผลด้วยน้ำสะอาด ห้ามกรีดหรือดูดบริเวณที่ถูกกัด ไม่ควรขันชะเนาะ รีบพาผู้ป่วยไปพบแพทย์ทันที และจดจำลักษณะงูที่กัดเพื่อแจ้งแพทย์ให้การรักษาที่ถูกต้อง

นอกจากนี้ให้ระวังตะขาบ เพราะเมื่อโดนกัด จะทำให้มีอาการปวด คัน บวมแดงบริเวณที่ถูกกัด การปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ทำความสะอาดบริเวณที่ถูกกัดด้วยน้ำสะอาด และประคบน้ำอุ่นครั้งละประมาณ 10 นาที เพื่อลดอาการบวม หลีกเลี่ยงการเกา แกะ บริเวณที่ถูกกัด เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และรีบไปพบแพทย์หากพบว่ามีอาการบวมหรือปวดเพิ่มขึ้น ส่วนสัตว์มีพิษอีกชนิด คือ แมงป่อง หากถูกแมงป่องต่อยอาการส่วนใหญ่คือปวดบวมบริเวณที่ถูกต่อย โดยมากมีอาการใน วันแรกและมักหายได้เอง ส่วนรายที่มีอาการรุนแรงอาจมีหัวใจเต้นเร็ว หายใจเร็ว ความดันโลหิตสูง ปวดกล้ามเนื้อและกระดูก ปฐมพยาบาลโดยทำความสะอาดบริเวณที่ถูกกัดด้วยน้ำสะอาด และประคบเย็น ครั้งละประมาณ 10 นาที เพื่อลดอาการบวมเฉพาะที่ได้เช่นเดียวกัน

“ทั้งนี้ ประชาชนควรทำความสะอาดสภาพแวดล้อมทั้งในบ้านและนอกบ้าน จัดเก็บสิ่งของและเครื่องใช้ต่าง ๆ ภายในบ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่ให้มีมุมอับชื้น หรือเป็นแหล่งหลบซ่อนอาศัยของแมลงและสัตว์มีพิษ ทิ้งขยะ หรือเศษอาหาร ในภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งอาหารและแหล่งเพาะพันธุ์ของแมลง สัตว์มีพิษภายในบริเวณบ้าน หากมีการปลูกต้นไม้ในบริเวณบ้าน ควรตัดแต่งไม่ให้รกรุงรัง พร้อมกับกำจัดเศษใบไม้ใบหญ้าทุกครั้ง ไม่ควรกองทิ้งไว้เพราะจะทำให้เป็นที่อาศัยของแมลงและสัตว์มีพิษได้ ในกรณีที่มีเด็กเล็ก ควรดูแลอย่างใกล้ชิดด้วย” รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าว

 ขอบคุณข้อมุลจาก thaihealth.or.th


รวมคำศัพท์ รูปทรงเรขาคณิต เป็นภาษาอังกฤษ [Geometric Shape]

คำศัพท์ภาษาอังกฤษ รูปทรงเรขาคณิต

เกร็ดความรู้ ในหมวดคำศัพท์ รูปร่างเรขาคณิต หรือ  รูปทรงเรขาคณิต (Geometric Shape) เป็นภาษาอังกฤษ เช่น สามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม วงกลม วงรี อ่านเป็นภาษาอังกฤษว่าอย่างไร ฯลฯ เป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับวิชาต่าง ๆ เช่น ในวิชาคณิตศาสตร์ การออกแบบ หรือพวกเกี่ยวกับศิลปะ ซึ่งน้อง ๆ อาจจะได้เห็นในหนังสือเรียน เป็นความรู้ขั้นพื้นฐานที่ควรรู้ไว้

คำศัพท์ รูปทรงเรขาคณิต เป็นภาษาอังกฤษ

  • รูปร่างเรขาคณิต : Geometric Shape

คำศัพท์ภาษาอังกฤษ รูปทรงสามเหลี่ยมแบบต่าง ๆ

  • สามเหลี่ยม : Triangle
  • สามเหลี่ยมมุมฉาก : Right triangles
  • สามเหลี่ยมมุมป้าน : Obtuse triangles
  • สามเหลี่ยมมุมแหลม : Acute triangles
  • สามเหลี่ยมด้านเท่า : Equilateral triangles
  • สามเหลี่ยมหน้าจั่ว : Isosceles triangles
  • สามเหลี่ยมด้านไม่เท่า : Scalene triangles

คำศัพท์ภาษาอังกฤษ รูปทรงสี่เหลี่ยมแบบต่าง ๆ

สี่เหลี่ยมจัตุรัส : Square
สี่เหลี่ยมผืนผ้า : Rectangle
สี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน : Rhombus
สี่เหลี่ยมด้านขนาน : Parallelogram
สี่เหลี่ยมคางหมู : Trapezoid (US)/ Trapezium (UK)
สี่เหลี่ยมรูปว่าว : Kite

คำศัพท์ภาษาอังกฤษ รูปทรงสี่เหลี่ยม ห้าเหลี่ยม หกเหลี่ยม ฯล

  • ห้าเหลี่ยม : Pentagon
  • หกเหลี่ยม : Hexagon
  • แปดเหลี่ยม : Octagon
  • เก้าเหลี่ยม : Nonagon
  • สิบเหลี่ยม : Decagon
  • วงกลม : Circle
  • วงรี : Ellipse
  • รูปไข่: Oval
  • พระจันทร์เสี้ยว : Crescent
  • รูปดาว : star

  • ทรงพีระมิด : Pyramid
  • พีระมิดฐานสามเหลี่ยม : Triangular-based Pyramid
  • พีระมิดฐานสี่เหลี่ยม : Square-based Pyramid
  • พีระมิดฐานห้าเหลี่ยม : Hexagonal Pyramid
  • ทรงกลม : Sphere
  • ทรงปริซึม : Prism
  • ปริซึมฐานหกเหลี่ยม : Hexagonal Prism
  • ทรงกระบอก : Cylinder
  • ทรงกรวย : Cone
  • ลูกบาศก์ : Cube

คำศัพท์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง กับ ทรงเรขาคณิต

  • area พื้นที่
  • dimensions มิติ
  • height ความสูง
  • width ความกว้าง
  • angle มุม
  • right angle มุมขวา
  • volume ปริมาตร
  • parallel เส้นขนาน
  • diameter เส้นผ่าศูนย์กลาง
  • circumference เส้นรอบวง
  • radius รัศมี
  • length ความยาว
  • perimeter เส้นรอบวง
  • line เส้น
  • straight line เส้นตรง
  • curve เส้นโค้ง
  • tangent เส้นสัมผัส

ขอบคุณข้อมูลจาก teen.mthai.com


‘เบสท์’ ทุ่ม300ล้าน รับส่งพัสดุโต40%

โควิด-19 ดันธุรกิจขนส่งพัสดุโต 40% สอดรับตลาดอี-คอมเมิร์ซ เบสท์ เอ็กซ์เพรส เดินหน้าทุ่มงบ 300 ล้าน ขยายบริการรับตลาดครึ่งปีหลัง ตั้งเป้าสิ้นปียอดส่งพัสดุเพิ่ม 10 เท่า

นายเจสัน เชียน ผู้จัดการทั่วไปภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และประธานกรรมการ เบสท์ ประเทศไทย บริษัท เบสท์ โลจิสติกส์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงปี 2560-2562 ที่ผ่านมาภาพรวมตลาดธุรกิจขนส่งพัสดุ (Parcel Delivery) มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องถึง 40% ต่อปี ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการเติบโตของตลาดอี-คอมเมิร์ซ (E-commerce) ไทยที่เติบโตเฉลี่ยประมาณ 18% ต่อปี ทั้งนี้คาดการณ์ว่าตั้งแต่ปี 2558-2568 มูลค่าธุรกิจอี-คอมเมิร์ซของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะเพิ่มขึ้นถึง 16 เท่า โดยมีมูลค่ากว่า 8.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือมีการเติบโตเฉลี่ยประมาณ 32% และในปี 2568 ทุกประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะมีการเติบโตของตลาดอี-คอมเมิร์ซมากกว่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และประเทศไทยจะมีอัตราการเติบโตที่สูงขึ้นเช่นกันจาก 5 ปัจจัยสำคัญคือ 1. การเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากร 2. ความเร็วและการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตที่ง่ายขึ้น 3. การเติบโตของ GDP 4. ระบบการชำระเงินที่สะดวกรวดเร็ว และ 5. การซื้อสินค้าแบบออฟไลน์จะลดลง

ทั้งนี้ในปี 2566 คาดว่ารายได้ของแพลตฟอร์ม อี-คอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อาจ เพิ่มขึ้นถึง 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และจำนวนผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นถึง 450 ล้านคน หรือ 150% ความแพร่หลายของแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซนี้ส่งเสริมให้ธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์เติบโตขึ้นตามไปด้วย ซึ่งภาพรวมตลาดโลจิสติกส์ ในไทยปี 2562 มีมูลค่าตลาด 4.9 พันบาท เพิ่ม ขึ้น 40% และปี 2563 มีมูลค่าตลาดราว 6.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคมีการเปลี่ยนจากออฟไลน์และออนไลน์มากขึ้น

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจของ เบสท์ เอ็กซ์เพรสนั้นในปี 2563-2568 ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจาก best.inc สำนักงานใหญ่ 5 พันล้านบาทเพื่อพัฒนาด้านการขนส่งพัสดุ, เทคโนโลยี, ระบบ supply chain อัจฉริยะ และการลงทุนใน warehouse ทั่วโลก และสำหรับ เบสท์ ประเทศไทยจะใช้งบ 300 ล้านบาท สำหรับ การขยายธุรกิจ ปัจจุบันเบสท์ เอ็กซ์เพรส มียอดการขนส่งพัสดุวันละ 2.5 แสนชิ้น โดยในปี 2563 ตั้งเป้าจำนวนพัสดุเพิ่มขึ้น 10 เท่า

“ถึงแม้ว่าจะเข้ามาทำตลาดในไทยช้ากว่ารายอื่น แต่เชื่อว่าเทคโนโลยีที่มีจะเข้ามาช่วยให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่งในตลาดได้ ซึ่งเบสท์ เอ็กซ์เพรส มีเป้าหมายที่จะเป็น One Stop Solution ด้านโลจิสติกส์ของไทย ทั้งนี้บริการที่เบสท์คาดว่าจะมีเพิ่มเติมในอนาคตคือ U Cargo และ Best Finance เพื่อสนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยตํ่าให้กับเจ้าของแฟรนไชส์ โดยแผนธุรกิจในระยะยาว คือ ตั้งเป้าที่จะให้บริการขนส่งพัสดุระหว่างประเทศได้ในราคาที่ถูกลง”

ด้านนางสาวณัฏฐรัก ดิลกพิทยะรัชต์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดและผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส เบสท์ ประเทศไทย บริษัท เบสท์ โลจิสติกส์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเสริมว่า ในส่วนการทำการตลาดของเบสท์ เอ็กซ์เพรสในแต่ละปีใช้งบการตลาดคิดเป็น 10% ของรายได้ทั้งหมด โดยมีทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เนื่องจากสถานการณ์โควิด19 ที่ผ่านมา ทำให้ เบสท์ เอ็กซ์เพรส มองเห็นช่องทางการทำการตลาดมากขึ้น สำหรับกิจกรรมการตลาดครึ่งปีหลังนั้นจะเน้นการตลาดเพื่อที่สอดคล้องกับวิถี New Normal ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปหลังสถานการณ์โควิด-19 นอกจากนี้ ยังได้แต่งตั้ง “ณเดชน์ คูกิมิยะ” เป็นพรีเซ็นเตอร์หลักของเบสท์

ปัจจุบันเบสท์ เอ็กซ์เพรส มีแฟรนไชส์อยู่ทั่วประเทศมากกว่า 500 สาขา ทั้งในรูปแบบแฟรนไชส์หลัก, แฟรนไชส์รอง, ช็อป และจุดรับพัสดุ โดยคาดการณ์ว่าในปี 2563 จะเพิ่มแฟรนไชส์ทั้ง 4 ประเภท อีกกว่า 800 สาขา และในปี 2565 จะเพิ่มให้ครอบคลุมทั่วประเทศถึง 2,000 สาขา 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


จักรนารายณ์ สรรพคุณและประโยชน์ของจักรนารายณ์ 34 ข้อ ! (แปะตำปึง)

จักรนารายณ์

จักรนารายณ์

จักรนารายณ์ ชื่อสามัญ Purple passion vine, Purple velvel plant[11]

จักรนารายณ์ ชื่อวิทยาศาสตร์ Gynura divaricata (L.) DC. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Gynura ovalis DC.[1], Gynura auriculata Cass.[11]) จัดอยู่ในวงศ์ทานตะวัน (ASTERACEAE หรือ COMPOSITAE)[1],[3]

หมายเหตุ : บางข้อมูลระบุว่าเป็นชนิดที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Gynura procumbens (Lour.) Merr. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Gynura sarmentosa (Blume) DC.)

สมุนไพรจักรนารายณ์ มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า แปะตำปึง, แป๊ะตำปึง (ไทลื้อ), แปะตังปึง, แป๊ะตังปึง, แปะตังปุง ,ผักพันปี, กิมกอยมอเช่า, จินฉี่เหมาเยี่ย, ว่านกอบ ใบเบก (คนเมือง), ชั่วจ่อ (ม้ง), เชียตอเอี๊ยะ งู่ปุ่ยไฉ่ (จีน), ไป๋ตงเฟิง ไป๋เป้ยซันชิ (จีนกลาง), จักรนารายณ์ (ไทย) เป็นต้น[1],[2],[3],[4],[5],[7],[12]

ลักษณะของจักรนารายณ์

  • ต้นจักรนารายณ์ หรือ ต้นแปะตําปึง มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมในประเทศจีน[7] โดยจัดเป็นพรรณไม้ล้มลุก มีอายุได้หลายปี มีความสูงของต้นประมาณ 30-50 เซนติเมตร ลำต้นและกิ่งก้านเป็นทรงกลมโตประมาณเท่านิ้วก้อยและเป็นสีม่วงแดง ทั้งต้นมีขนขึ้นปกคลุม รากอยู่ใต้ดินเป็นหัวเหง้าและแตกเป็นรากฝอย ขยายพันธุ์ด้วยการตัดกิ่งปักชำ พืชชนิดนี้ไม่ชอบอยู่ในที่ร่มมากนัก ชอบแสงแดดพอสมควร เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วน ชอบน้ำ แต่อย่าให้มีที่รองน้ำที่ก้นกระถาง เพราะรากจะเน่าได้[1],[2],[4]

ต้นแปะตําปึงต้นจักรนารายณ์

  • ใบจักรนารายณ์ หรือ ใบแปะตำปึง ใบจะอยู่กับลำต้นที่แทงขึ้นจากราก ใบเป็นใบเดี่ยวเรียงสลับ ลักษณะของใบเป็นรูปไข่มน ปลายใบแหลม ส่วนขอบใบหยัก ใบมีความยาวประมาณ 9-15 เซนติเมตรและกว้างประมาณ 8 เซนติเมตร แผ่นใบหนาและนุ่มคล้ายกำมะหยี่ หลังใบเป็นสีเขียวส่วนท้องใบเป็นสีเขียวอ่อนหรือสีม่วงแดงหรือสีขาวออกหม่น ๆ มีก้านใบสั้น[1],[2] และมีข้อมูลระบุว่าจักรนารายณ์มีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด คือ ชนิดใบกลมและชนิดใบยาว โดยชนิดใบกลม จะเรียกว่า “แปะตําปึง” ลักษณะของใบหนา มีขนหนานุ่มคล้ายกำมะหยี่ทั้งสองด้าน ใบเป็นสีเขียวอ่อน เส้นใบด้านหลังลึกเช่นเดียวกับเส้นกลางใบ แต่ด้านท้องใบกลับนูน ชนิดนี้กิ่งก้านเป็นสีเขียวปนสีแดง เปราะและหักง่าย ส่วนอีกชนิดคือชนิดใบยาว จะเรียกว่า “จินฉี่เหมาเยี่ย” ชนิดนี้ลักษณะของใบจะค่อนข้างยาวและแหลมกว่า ผิวใบค่อนข้างเรียบ มีขนน้อย[9]

ใบจักรนารายณ์

ใบแปะตำปึง

  • ดอกจักรนารายณ์ ออกดอกเป็นช่อบริเวณปลายยอดลำต้น ในช่อหนึ่งจะมีดอกหลายดอก กลีบดอกมีลักษณะเป็นเส้นฝอยกลมจำนวนมาก มีสีเหลืองสดคล้ายดอกดาวเรือง แต่จะมีขนาดเล็กกว่าดอกดาวเรือง และมีสีเหลือง โดยยาวได้ประมาณ 1-1.5 เซนติเมตร ดอกมีเกสรเพศผู้จำนวน 5 ก้านอยู่ในกลีบดอก ส่วนเกสรเพศเมียเป็นเส้นยืดออกมาภายนอกและมีผลติดอยู่ในดอก[1],[2]

ดอกแปะตำปึง

ดอกจักรนารายณ์

  • ผลจักรนารายณ์ ผลสุกเป็นสีน้ำตาล[1]

สรรพคุณของจักรนารายณ์

  1. ยอดอ่อนใช้เป็นส่วนผสมในการต้มไก่กระดูกดำ ใช้รับประทานเป็นยาบำรุงร่างกาย (ยอดอ่อน)[12]
  2. ราก ก้าน และใบ มีรสหวานชุ่ม เค็มและเผ็ดเล็กน้อย ใช้เป็นยาเย็นมีพิษเล็กน้อย ออกฤทธิ์ต่อปอด ตับ และม้าม มีสรรพคุณช่วยทำให้เลือดเย็น ช่วยกระจายโลหิต แก้เส้นเลือดอุดตันและแก้อาการตกเลือด (ราก, ก้าน, ใบ)[1]
  3. ช่วยฟอกโลหิต ทำให้ระบบโลหิตและน้ำเหลืองดีขึ้น (ใบ)[5],[10]
  4. ช่วยล้างพิษภายในออกทางอุจจาระ ปัสสาวะ และทางตา (ใบ)[5],[10]
  5. ใช้รักษาโรคเบาหวาน ด้วยการรับประทานใบสดก่อนอาหารประมาณ 2-5 ใบในช่วงตีห้าถึงเจ็ดโมงเช้า (จะได้ผลดีเพราะเป็นช่วงที่ลำไส้เริ่มทำงาน) และให้รับประทานอีกครั้งในช่วงหลังอาหารเย็นประมาณ 2-3 ชั่วโมง หรือใช้กินก่อนนอนทุกวัน โดยให้ทำเช่นนี้ติดต่อกัน 1 สัปดาห์ แล้วหยุดดูอาการอีก 2-3 วัน แล้วจึงรับประทานต่อเพื่อให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่ลดลงเร็วเกินไป (ปริมาณการใช้ของแต่ละคนอาจไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวของผู้รับประทานและขนาดของใบที่ใช้ สำหรับผู้ที่เริ่มรับประทานให้ทดลองรับประทานแต่น้อย ๆ ก่อนแล้วค่อย ๆ ดูอาการ และควรรับประทานแบบระมัดระวัง เพราะยังไม่มีผลการวิจัยรองรับอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้ยังมีข้อมูลระบุว่าจักรนารายณ์ใบยาวจะลดระดับน้ำตาลในเลือดได้มากกว่าชนิดใบกลม)[9]
  1. ใบใช้รับประทานสดร่วมกับลาบ ช่วยแก้โรคความดันโลหิตสูง (ใบ)[12]
  2. ช่วยทำให้ระบบหายใจดีขึ้น ไม่เหนื่อยไม่หอบ (ใบ)[5],[10]
  3. ช่วยแก้อาการร้อนใน (ใบ)[4]
  4. ใช้เป็นยาขับพิษร้อนถอนพิษไข้ (ราก, ก้าน, ใบ)[1]
  5. ช่วยแก้อาการไอเป็นเลือด (ราก, ก้าน, ใบ)[1]
  6. ช่วยรักษาโรคตา ตาต้อ ตาอักเสบ ตามัว ด้วยการใช้ใบสดล้างให้สะอาด นำมาบด ขยี้ หรือโขลกให้แหลกในครกสะอาด แล้วนำมาพอกตาข้างที่มีอาการประมาณ 30 นาที (เข้าใจว่าพอกตรงเปลือกตา) แล้วล้างออกด้วยน้ำ โดยให้พอกทั้งเช้าและเย็น อาการของตาจะดีขึ้น ดวงตาจะสว่างขึ้น โดยสมุนไพรจักรนารายณ์ที่ปลูกเองไม่ควรใช้ยาฆ่าแมลง หรือถ้ามีการใช้ปุ๋ยก็ควรทิ้งไว้อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนเก็บใบใช้ในการพอกตา (ใบ)[9],[10]
  7. ช่วยแก้อาการปวดเหงือก ปวดฟัน ปากเป็นผล หรือลำคออักเสบ ให้รับประทานใบสดเป็นยาในช่วงกลางคืนหลังการแปรงฟัน โดยค่อย ๆ รับประทานใบยา เคี้ยวและอมทิ้งไว้สักระยะหนึ่งแล้วค่อยกลืนลงไป เมื่อตื่นมาตอนเช้าอาการปวดจะหายไป อีกทั้งยังช่วยให้ขับถ่ายได้โล่งสบายยิ่งขึ้นอีกด้วย (ใบ)[10]
  8. ใช้รักษาหลอดลมอักเสบ วัณโรคในปอด (ราก, ก้าน, ใบ)[1]
  9. ใช้แก้อาการไอ คออักเสบ ด้วยการใช้ใบและก้านประมาณ 10 กรัม ใส่ไข่และน้ำตาลเล็กน้อย ใช้รับประทาน (ใบและก้าน)[1]
  10. ใบอ่อนและยอดอ่อน ใช้รับประทานเป็นประจำ จะช่วยรักษาหรือป้องกันการเกิดโรคมะเร็งเต้านมและมะเร็งมดลูกได้ (ใบอ่อน, ยอดอ่อน)[12]
  11. ช่วยขับลมที่แน่นภายในช่องท้อง ด้วยการใช้ใบสดนำมารับประทานในขณะที่มีอาการ (ใบ)[5],[10]
  12. ช่วยรักษาโรคกระเพาะหรือมีอาการปวดท้อง ก็ให้ใช้ใบนำมากินเดี๋ยวนั้น สักพักอาการปวดก็จะหายไป (ใบ)[9],[10]
  13. ใช้รักษาริดสีดวงทวารหนัก ด้วยการใช้ใบสดนำมาตำให้ได้พอเหมาะ แล้วนำมายัดใส่ทวารหนัก จะทำให้แผลและริดสีดวงหายเร็วขึ้น ติ่งที่โผล่ออกมาจะยุบ และเลือดที่ออกก็จะหยุด (ใบ)[9],[10]
  14. ช่วยรักษาโรคเริม (ใบ)[5],[8]
  15. ช่วยแก้งูสวัด ด้วยการนำใบมาตำกับน้ำตาลทรายแดง เพื่อให้จับตัวกันเป็นก้อน ๆ และไม่หลุดได้ง่าย แล้วนำมาพอกตรงรอยแผลทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที หรือจะนำใบมาคั้นเอาแต่น้ำใช้ทาสด ๆ หรือใช้ตำพอกเลยก็ได้ (ใบ)[8],[9],[10]
  16. ใช้เป็นยาใส่แผลสดเพื่อห้ามเลือด (ราก, ก้าน, ใบ)[1]
  17. ช่วยรักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก (ราก, ก้าน, ใบ)[1]
  18. ช่วยสมานบาดแผล รักษาแผลภายนอกได้ (เข้าใจว่าคือส่วนของใบ)[5]
  19. ใบนำมาขยี้ทาชโลมให้ทั่วบริเวณที่มีอาการคัน จะช่วยแก้ผดผื่นคัน บรรเทาอาการคันได้ (ใบ)[4],[5],[8]
  20. ช่วยแก้ฝีบวม ฝีร้อน ฝีภายนอก แก้อาการปวดฝี ด้วยการใช้ใบสดนำมาตำให้แหลกแล้วนำมาพอกบริเวณที่เป็น หรือจะใช้ใบสดนำมาตำผสมกับเหล้าแล้วนำมาใช้พอกก็ได้เช่นกัน (ใบสด)[1],[3],[4],[8]
  21. ช่วยบรรเทาอาการอักเสบเนื่องจากเริมและงูสวัด (ไม่ระบุส่วนที่ใช้ แต่เข้าใจว่าคือส่วนของใบ)[5]
  22. ใบสดนำมาตำให้แหลกผสมกับสุราขาว ใช้สำลีชุบให้เปียกแล้วนำไปปิดบริเวณที่มีอาการปวดหรืออักเสบ แก้ปวดหัวลำมะลอก หรือใช้พอกแก้พิษอักเสบทุกชนิด พิษหัวลำมาลอก แก้พิษตะขาบ พิษจากแมลงป่อง พิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย โดยยานี้เมื่อพอกแล้วจะรู้สึกเย็นสบาย และให้พอกประมาณวันละ 2-3 ครั้ง จะเป็นยาดับพิษและดูดถอนพิษได้ดี (ใบสด)[2],[3],[4],[6],[8]
  23. ช่วยแก้อาการฟกช้ำบวม ด้วยการใช้ใบสดนำมาตำ แล้วนำมาผสมกับเหล้า คั่วให้ร้อน แล้วนำมาใช้เป็นยาพอก หรือจะใช้ใบสดนำมาตำผสมกับเหล้าแล้วนำมาใช้พอกเลยก็ได้ (ใบสด)[1],[3],[4],[8]
  24. หากเป็นมะเร็งให้ใช้ใบนำมารับประทานเป็นผักทุกวัน เช่น การนำมาจิ้มกับน้ำพริก และให้กินก่อนนอนอีก 5-7 ใบ ติดต่อกันเป็นระยะเวลา 6 เดือน จะช่วยทำให้มะเร็งมีขนาดเล็กลง (ใบ)[9]
  25. มีข้อมูลระบุว่าสมุนไพรจักรนารายณ์เป็นสมุนไพรครอบจักรวาล เพราะรักษาได้หลายโรคหลายอาการ โดยมีผู้รับรองว่าโรคที่ใช้สมุนไพรชนิดนี้รักษาหายมาแล้ว ได้แก่ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง โรคโลหิตจาง ช่วยฟอกโลหิต ช่วยล้างสารพิษในร่างกาย ไทรอยด์ โรคมะเร็งทุกชนิด โรคหัวใจ โรคภูมิแพ้ หอบหืด ตาเป็นต้อ ตาอักเสบ หรือโรคตาต่าง ๆ แก้อาการปวดเหงือก ปวดฟัน ช่วยขับลม โรคกระเพาะอาหาร ขับนิ่ว ริดสีดวงทวารหนัก อาการปวดประจำเดือนของสตรี เนื้องอกต่าง ๆ ในไต งูสวัด แผลสะเก็ดเงิน แผลอักเสบ แผลฝีหนองทั่วไป โรคผิวหนังทั่วไป เกาต์ อาการปวดเส้นปวดหลัง ช่วยทำให้กินได้นอนหลับ และสำหรับคนทั่วไปหรือผู้ที่เป็นโรคเอดส์รับประทานแล้วจะมีสุขภาพแข็งแรงมากขึ้น (ใบ)[4],[10]

วิธีใช้สมุนไพรจักรนารายณ์

  • ใช้ภายใน ถ้าเป็นยาแห้งให้ใช้ประมาณ 5-10 ใบ นำมาต้มกับน้ำรับประทานหรือใช้ร่วมกับตัวยาอื่น ๆ ในตำรับยา หรือถ้าเป็นยาแห้งให้นำมาบดเป็นผง หรือนำไปดองกับเหล้าโรงใช้รับประทานเป็นยาก็ได้[1] หากเป็นใบสด ให้นำมาล้างให้สะอาด ซับน้ำให้แห้ง แล้วนำมาเคี้ยวกินสด ๆ หรือนำไปใช้ประกอบอาหารรับประทาน หรือจะนำมาผึ่งให้แห้งแล้วนำมาบดหรือตำคั้นเอาแต่น้ำไปนึ่งจนสุก ปล่อยให้เย็นเก็บใส่ขวด ใส่ตู้เย็นไว้จะเก็บได้นาน แต่ที่ได้ผลดีที่สุดก็คือให้กินใบสดประมาณ 3-5 ใบก่อนเข้านอน[4]
  • ใช้ภายนอก ให้ใช้ใบสดนำมาตำแล้วพอกบริเวณที่เป็น โดยให้เลือกใบสดนำมาล้างให้สะอาด[1]
  • ในวงศ์จักรนารายณ์ ยังมีสายพันธุ์อีกหลายชนิด เช่น Gynura ovalis DC. และ Gynura Sarmentora DC. แต่ชาวบ้านได้นำมาใช้ทดแทนกัน[1]

ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของจักรนารายณ์

  • มีการศึกษาด้านพฤกษเคมีและคุณสมบัติทางชีวภาพ พบว่าสารสกัดเอทานอลมีคุณสมบัติในการต้านไวรัสเฮอร์ปีส์ (Herpes) ซึ่งเป็นไวรัสที่ทำให้เกิดโรคเริม โดยสารที่แสดงฤทธิ์ต้านไวรัสชนิดนี้คือสารผสมของกรดคาฟีออยควินิก (3, 5- และ 4, 5-di -O-caffeoyl quinic acids) และจากการศึกษาร่วมกับการศึกษาในสัตว์ทดลองก็ไม่พบว่าสมุนไพรจักรนารายณ์มีพิษแต่อย่างใด อีกทั้งยังมีศักยภาพเป็นยาทาภายนอกที่ช่วยบรรเทาอาการอักเสบหรือระคายเคืองที่ผิวหนังซึ่งเกิดจากการแพ้ แมลงสัตว์กัดต่อย และโรคเริม[6]
  • สมุนไพรจักรนารายณ์ยังมีฤทธิ์ต้านไวรัสเริมในหลอดทดลอง ซึ่งสารกลุ่มที่แสดงฤทธิ์ดังกล่าว ได้แก่ กลุ่ม 1, 2-bis-dodecanoyl-3-alpha-D-glucopyranosyl-sn-glycerol, dicaffeoyl quinic acids, sitosteryl- และ stigmasteryl glucosides จึงได้มีการทดลองใช้เจลต้านอักเสบที่มีสารสกัดจากจักรนารายณ์เป็นตัวยาในผู้ป่วยที่เป็นเริมที่ริมฝีปาก โดยพบว่าปริมาณไวรัสมีแนวโน้มลดลงเมื่อเทียบกับยาหลอก[8]
  • มีการศึกษาในหลอดทดลองและในหนูทดลองระบุว่า จักรนารายณ์สามารถช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ แต่ยังไม่ได้มีการศึกษาในคน[7]
  • งานวิจัยสมุนไพรจักรนารายณ์ได้ดำเนินมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1995 โดยพบว่า สารสกัดแอลกอฮอล์จากส่วนเหนือดินของจักรนารายณ์มีคุณสมบัติต้านการอักเสบในสัตว์ทดลอง และยังพบสารกลุ่มฟลาโวนอยด์หลายชนิด ได้แก่ Kaempferol ในรูปอิสระและไกลโคไซด์, Quercetin ในรูปอิสระและไกลโคไซด์ โดยฟลาโวนอยด์เป็นสารที่อาจแสดงฤทธิ์ต้านอักเสบ จึงได้มีการทดลองใช้เจลต้านอักเสบที่มีสารสกัดจากจักรนารายณ์ 2.5% เป็นตัวยา ในผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ได้รับเคมีบำบัด ซึ่งมักจะมีอาการเยื่อบุช่องปากอักเสบ โดยพบว่าสามารถช่วยป้องกันและลดความรุนแรงของอาการได้อย่างมีนัยสำคัญ[8]

ประโยชน์ของต้นจักรนารายณ์

  • ใบสดสามารถนำมาใช้รับประทานเป็นผักสดหรือนำมาลวกจิ้มกับน้ำพริก หรือใช้ประกอบอาหารได้ เช่น ทำแกงจืด ผัดน้ำมัน ผัดเต้าเจี้ยว หรือใช้เป็นเครื่องเคียงกับขนมจีน ลาบ แหนม ส้มตำ หรือสลัดผัก เป็นต้น[4],[5],[12]

ข้อควรระวังในการใช้สมุนไพรจักรนารายณ์

  • สำหรับผู้ที่ธาตุไฟอ่อน ร่างกายอ่อนแอและมีไข้ ไม่ควรรับประทานสมุนไพรชนิดนี้[1]
  • อาหารที่แสลงกับสมุนไพรจักรนารายณ์ ได้แก่ เนื้อ กุ้ง ปู ปลาทู ปลาหมึก ปลาร้า หูฉลาม ข้าวเหนียว กะปิ หน่อไม้ แตงกวา เผือก หัวผักกาด สาเก ของดอง ชาหรือกาแฟ แอลกอฮอล์ เป็นต้น จึงไม่ควรรับประทานร่วมกัน แต่หากจำเป็นต้องรับประทาน ก็ให้รับประทานสมุนไพรจักรนารายณ์ก่อนหรือหลังประมาณ 2 ชั่วโมง[9]

ขอบคุณข้อมูลจาก medthai.com


ชนิดทอง ราคารับซื้อ กรัมละ ราคารับซื้อ บาทละ ราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5% n/a 28,950.00 29,050.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,875.00 28,425.00 29,550.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,687.50 25,582.50 n/a
ทองรูปพรรณ 80% 1,500.00 22,740.00 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 844.00 12,795.04 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 656.00 9,944.96 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,943.00 29,455.88 n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 29/07/2563

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันซัสโก้
ซัสโก้ดีลเลอร์
แก๊สโซฮอล์ 95 21.95 21.95 21.95 21.95 21.95 21.95 21.95 21.95 21.95 21.95
แก๊สโซฮอล์ 91 21.68 21.68 21.68 21.68 21.68 21.68 21.68 21.68 21.68 21.68
แก๊สโซฮอล์ E20 20.44 20.44 20.44 20.44 20.44 20.44 20.44 20.44 20.44
แก๊สโซฮอล์ E85 18.19 18.19
เบนซิน 95 29.36 29.81 29.86 29.36 29.36
ดีเซล 22.59 22.59 22.59 22.59 22.59 22.59 22.59 22.59 22.59 22.59
ดีเซล B10 19.59 19.59 19.59 19.59 19.59 19.59 19.59 19.59 19.59 19.59
ดีเซล B20 19.34 19.34 19.34 19.34 19.34 19.34 19.34 19.34
ดีเซลพรีเมี่ยม 27.04 27.06 29.04 29.04
แก๊ส NGV 15.31 15.31
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า