สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 30 มกราคม 2561

ส่องทำเลทองรถไฟฟ้าสายสุขุมวิท: รวมคอนโดฯ เด่นทั้งดีไซน์-ทำเล-บริการหลังการขายยุค 4.0

ส่องทำเลทองรถไฟฟ้าสายสุขุมวิท: รวมคอนโดฯ เด่นทั้งดีไซน์-ทำเล-บริการหลังการขายยุค 4.0

ปัจจุบันนอกจากตลาดอสังหาฯ ประเภทคอนโดมิเนียมจะพากันเปิดตัวโครงการใหม่บนทำเลทองใกล้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสที่เปิดให้บริการเป็นที่เรียบร้อย อย่างสายสุขุมวิท ซึ่งนับวันจะบูมทั้งซัพพลายและดีมานด์อย่างต่อเนื่อง สังเกตได้จากราคาคอนโดมิเนียมในโซนดังกล่าว อยู่ในระดับหลักแสนต่อตร.ม. แต่ก็ยังมีกลุ่มผู้บริโภคไม่น้อยที่ยังต้องการคอนโดฯ ใจกลางเมือง ถึงแม้จะมีราคาสูง แต่ตั้งอยู่บนทำเลสะดวกสบายต่อการเดินทาง และใกล้แหล่งงาน เหมือนดังที่ DDproperty ได้เผยผลสำรวจความพึงพอใจผู้บริโภค (Consumer Sentiment Survey) ในช่วงครึ่งหลังปี 2560 พบว่ายังมีผู้บริโภค 13% เลือกอยู่อาศัยในโซน CBD กรุงเทพฯ ประกอบกับยังตัดสินใจเลือกซื้อโครงการที่ทำเลที่ตั้งเป็นหลักถึง 91%

ทั้งนี้ใช่เพียงว่าผู้ประกอบการอสังหาฯ จำเป็นต้องแข่งขันเรื่องทำเลที่ตั้งของคอนโดฯ เพื่อพิชิตใจผู้บริโภคอย่างเดียวเท่านั้น ยังต้องพัฒนาทั้งรูปแบบการดีไซน์ รวมไปถึงการบริการหลังการขายที่ทันสมัย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คน Gen C ด้วย จะมีโครงการคอนโดมิเนียมโซนรถไฟฟ้าสายสุขุมวิท ที่โดดเด่นทั้ง 3 ปัจจัยข้างต้นบ้าง ต้องรีบไปส่องกันเลย

1. ชีวาทัย เรสซิเดนซ์ อโศก (Chewathai Residence Asoke)

ชีวาทัย เรสซิเดนซ์ อโศก (Chewathai Residence Asoke)

ชีวาทัย เรสซิเดนซ์ อโศก (Chewathai Residence Asoke)

โครงการนี้เกิดขึ้นจาก“ชีวาทัย” ได้ซื้อโครงการเอคิว อาเรีย อโศก เพื่อนำมาพัฒนาโครงการต่อให้เสร็จ ในมูลค่ากว่า 568 ล้านบาท พร้อมเปลี่ยนชื่อโครงการดังกล่าวเป็น “ชีวาทัย เรสซิเดนซ์ อโศก (Chewathai Residence Asoke)” โดยเน้นการออกแบบพื้นที่ส่วนกลาง รวมถึงห้องชุดพักอาศัย ในรูปแบบ Fully Furnished มีจุดเด่นที่เพดานสูงถึง 360 เซนติเมตร อีกทั้งยังเป็นรูปแบบ 1 ห้องนอนตลอดทั้งตึก รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และหรูหราประหนึ่งโรงแรมอีกด้วย เท่านั้นไม่พอ ล่าสุดคุณบุญ ชุน เกียรติ กรรมการผู้จัดการบริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน) ได้เปิดตัว ชีวาทัย โซไซตี้ วีซ่า ออลสมาร์ท เพย์ โดยเป็นบัตรเงินอิเล็กทรอนิกส์แบบพรีเพด ที่สามารถใช้ชำระค่าสินค้า และบริการในร้านค้าเครือข่ายวีซ่าทั่วประเทศ อีกทั้งเป็นบัตรใบแรกในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ของไทยสมาร์ทคาร์ด ที่มอบให้กับผู้อยู่อาศัยที่เป็นลูกบ้านของชีวาทัยอีกด้วย

ใครที่กำลังสนใจอยากจับจองโครงการนี้ สามารถเข้าไปดูรายละเอียดรีวิวโครงการ ชีวาทัย เรสซิเดนซ์ อโศก (Chewathai Residence Asoke) แบบจัดเต็มได้ที่นี่

2. ออริจิ้น 24 (Origin 24)

Origin 24

Origin 24

เรียกได้ว่าเป็นโครงการที่หลายคนรอคอย เพราะเป็นโปรเจกต์ใหญ่ของบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (จำกัด) มหาชน เลยก็ว่าได้ ซึ่งโครงการนี้เกิดขึ้นจากการซื้อ Park 24 มาพัฒนาต่อ โดยความโดดเด่นของโครงการนี้ใช่เพียงแต่จะตั้งอยู่ในซอยทองหล่อ แหล่งไลฟ์สไตล์และย่านธุรกิจที่สำคัญของกรุงเทพฯ แล้ว ยังเป็นโครงการมิกซ์ยูช ที่รวบรวมทั้งที่อยู่อาศัย รีเทล ออฟฟิศให้เช่า และโรงแรมไว้ที่เดียวกัน อีกทั้งยังคงเอกลักษณ์ของความร่มรืนไว้จุดเด่นหลักให้กับออริจิ้น 24 นอกเหนือจากสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ที่จัดเต็ม ประกอบกับคุณพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ได้จับมือกับบริษัท บางกอก สมาร์ทการ์ด ซิสเท็ม จำกัด (บีเอสเอส) ผู้ให้บริการบัตรแรบบิท โดยได้จัดทำบัตร ORIGIN Family Club Card ใช้เพียงใบเดียวเข้าได้ทั้งคอนโดมิเนียมและรถไฟฟ้าบีทีเอส พร้อมแจกให้กับผู้อยู่อาศัยของโครงการออริจิ้น

ใครที่กำลังสนใจอยากจับจองโครงการของบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (จำกัด) มหาชน สามารถเข้าไปดูโครงการอื่นๆ แบบจัดเต็มได้ที่นี่

3. คาวะ เฮาส์ สุขุมวิท 77 (Kawa HAUS)

คาวะ เฮาส์ สุขุมวิท 77 (Kawa HAUS)

คาวะ เฮาส์ สุขุมวิท 77 (Kawa HAUS)

เป็นอีกหนึ่งโครงการคอนโดมิเนียม ที่ตั้งอยู่บนทำเลทองอย่างอ่อนนุช ซึ่งนับวันมูลค่าของราคาที่ดินยิ่งสูงขึ้น ประกอบกับเจ้าของโปรเจกต์อย่าง บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ยังเน้นการดีไซน์โครงการให้มีบรรยากาศความเป็นรีสอร์ท ตอบโจทย์การพักผ่อนให้กับผู้อยู่อาศัย ประกอบกับยังนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาเพิ่มเติมให้กับโครงการ อย่างเครื่องปลูกผักอัจริยะ หรือแม้แต่จุดจอดรถและเติมพลังงานให้กับรถ EV เท่านั้นยังไม่พอ แสนสิริ ยังตอกย้ำการเป็นผู้นำด้าน Prop tech ด้วยการสร้างสังคม Cashless Town หรือสังคมไร่เงินสด ขึ้น ณ อาณาจักร T77 ซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการคาวะ เฮาส์ ทำให้ผู้อยู่อาศัยสะดวกสบายต่อการจับจ่าย ซื้อของ เพียงสแกน QR Code ก็สามารทำธุรกรรมการเงินต่างๆ ได้แล้ว เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ของการบริการหลังการขายในยุค 4.0 อย่างแท้จริง

https://www.ddproperty.com


โรดแมป 10 ปี กรมทางหลวง ยกเครื่องถนนทั่วไทย 4 แสนล้าน!

“กรมทางหลวง” หน่วยงานรับผิดชอบการก่อสร้างถนนสายหลักของประเทศไทย ได้จัดทำภาพรวมแผนพัฒนาทางหลวงทั่วประเทศปี 2560-2569 (ดูตาราง) ไม่รวมการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง หรือมอเตอร์เวย์

ประเมินว่าในช่วงระยะเวลา 10 ปีนี้ จะใช้งบประมาณก่อสร้างทั้งหมด 416,843.52 ล้านบาท พัฒนาโครงข่ายเดิมและเพิ่มเติมโครงข่ายใหม่ให้ตอบโจทย์การพัฒนาเมืองและเศรษฐกิจของประเทศ
 
ในรายละเอียดแยกเป็น 5 โครงการหลัก ประกอบด้วย
 
1.โครงการบูรณะปรับปรุงโครงข่ายทางหลวงเพิ่มความคล่องตัว 4 โครงการ ค่าก่อสร้าง 246,449.02 ล้านบาท
2.โครงการก่อสร้างทางเชื่อมโยงระเบียงเขตเศรษฐกิจระหว่างทางหลวง 2 โครงการ ค่าก่อสร้าง 69,947.14 ล้านบาท
 
3.โครงการก่อสร้างทางเชื่อมโยงพื้นที่สำคัญเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงพื้นที่ 1 โครงการ ค่าก่อสร้าง 44,490.22 ล้านบาท
 
4.โครงการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงเพื่อสนับสนุนการขนส่งหลายรูปแบบ 1 โครงการ ค่าก่อสร้าง 17,452.13 ล้านบาท และ 5.โครงการบูรณะปรับปรุงโครงข่ายทางหลวงเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน 3 โครงการ ค่าก่อสร้าง 38,505.02 ล้านบาท
จากที่ผ่านมา “กรมทางหลวง” มีโครงการก่อสร้างทางแนวใหม่ 660 กม.ทั่วประเทศ ก่อสร้างทางเลี่ยงเมือง 650 กม.ทั่วประเทศ โครงการทางหลวงเชื่อมโยงระหว่างประเทศและทางหลวงสนับสนุนระบบโลจิสติกส์ 21 โครงการทั่วประเทศ เพื่อให้เข้าถึงเมืองหลักและด่านชายแดน รวมถึงก่อสร้างทางข้ามรถไฟเพื่อลดอุบัติเหตุ จำนวน 47 แห่งทั่วประเทศ และก่อสร้างทางลาดยางให้เข้าถึงพื้นที่ชนบทห่างไกลประมาณ 275 กม.ทั่วประเทศ

http://www.bkkcitismart.com


ส่องแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2561

สำหรับเศรษฐกิจไทยในปี 2561 สำนักงานเศรษฐกิจการคลังคาดว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องที่ร้อยละ 3.8 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 3.3 – 4.3) โดยมีการใช้จ่ายภาครัฐเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ ตามกรอบรายจ่ายลงทุนภาครัฐประจำปีงบประมาณ 2561 ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง นอกจากนี้ การลงทุนภาครัฐที่เพิ่มขึ้น และความชัดเจนเกี่ยวกับการจัดการเลือกตั้งยังจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจและช่วยกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชนในประเทศได้มากขึ้น สำหรับอุปสงค์ภายนอกประเทศ คาดว่าเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าของไทยมีแนวโน้มขยายตัวได้ใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า ซึ่งจะกระทบต่อการส่งออกสินค้าและบริการของไทยอันเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ในด้านเสถียรภาพภายในประเทศ คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2561 จะอยู่ที่ร้อยละ 1.4 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 0.9 – 1.9) ปรับตัวสูงขึ้นจากปีนี้ ตามการฟื้นตัวของอุปสงค์ภายในประเทศ และราคาพลังงานที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป

เศรษฐกิจไทยในปี 2561

  • ด้านการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

เศรษฐกิจไทยในปี 2561 คาดว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องที่ร้อยละ 3.8 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 3.3 – 4.3) โดยมีการใช้จ่ายภาครัฐเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ ตามกรอบรายจ่ายลงทุนภาครัฐประจำปีงบประมาณ 2561 และกรอบการลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ 2561 ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

โดยคาดว่าการบริโภคภาครัฐจะขยายตัวร้อยละ 2.6 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 2.1 – 3.1) และการลงทุนภาครัฐจะขยายตัวสูงถึงร้อยละ 11.9 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 11.4 – 12.4) นอกจากนี้ การลงทุนภาครัฐที่เพิ่มขึ้น และความชัดเจนเกี่ยวกับการจัดการเลือกตั้ง ยังจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจและช่วยกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชนในประเทศได้มากขึ้น โดยคาดว่าการลงทุนภาคเอกชนคาดว่าจะยังขยายตัวในอัตราเร่งร้อยละ 3.4 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 2.9 ถึง 3.9) สำหรับการบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปที่ร้อยละ 3.4 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 2.9 – 3.9) จากรายได้ครัวเรือนนอกภาคเกษตรได้รับผลดีจากภาวะตลาดแรงงานที่อยู่ในเกณฑ์ดี นอกจากนี้ ภาวะการเงินที่ผ่อนคลายจะยังเป็นปัจจัยสนับสนุนการฟื้นตัวขึ้นของการใช้จ่ายภาครัวเรือน สำหรับอุปสงค์ภายนอกประเทศ คาดว่าเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าของไทยมีแนวโน้มขยายตัวได้ใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า ซึ่งจะกระทบต่อการส่งออกสินค้าและบริการของไทยอันเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปที่ร้อยละ 4.0 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 3.5 – 4.5) ส่วนปริมาณการนำเข้าสินค้าและบริการคาดว่าจะมีแนวโน้มขยายตัวที่ร้อยละ 5.4 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 4.9 – 5.9) สอดคล้องกับแนวโน้มการลงทุนภาคเอกชนที่คาดว่าจะเร่งขึ้น นอกจากนี้ ยังได้รับแรงสนับสนุนจากโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐอีกด้วย

  • ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ

เสถียรภาพเศรษฐกิจภายในประเทศคาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2561 จะอยู่ที่ร้อยละ 1.4 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 0.9 – 1.9) ปรับตัวสูงขึ้นจากปีก่อนหน้า ตามการฟื้นตัวของอุปสงค์ภายในประเทศ และราคาพลังงานที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป สำหรับเสถียรภาพภายนอกประเทศคาดว่า ดุลบัญชีเดินสะพัดจะเกินดุล 42.4 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือคิดเป็นร้อยละ 8.8 ของ GDP (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 8.3 – 9.3 ของ GDP) เนื่องจากดุลการค้าที่คาดว่าจะเกินดุลลดลงมาอยู่ที่ 27.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ 26.7 – 27.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ) ตามมูลค่าสินค้านำเข้าที่คาดว่าจะขยายตัวในอัตราเร่งกว่ามูลค่าสินค้าส่งออก โดยคาดว่ามูลค่านำเข้าสินค้าในปี 2561 จะขยายตัวร้อยละ 7.9 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 7.4 – 8.4) ขณะที่มูลค่าสินค้าส่งออกคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 5.7 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 5.2 – 6.2)

https://thinkofliving.com


มธ.ปั้นไซรัปกล้วยหอมทองแจ้งเกิด

“ไซรัปกล้วยหอมทอง” ปทุมธานี ผลิตภัณฑ์เป้าหมายจากการวิจัย มธ.สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับกล้วยหอมทองตกเกรดพร้อมแตกไลน์ผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกความต้องการของผู้บริโภค

ข้อดีของไซรัปกล้วยหอมทองที่พัฒนาจากงานวิจัยคือ เป็นน้ำเชื่อมกล้วยที่ไม่มีการปรุงแต่งรสชาติ สี กลิ่น จากการทดสอบเบื้องต้นพบว่ามีคุณสมบัติเป็นพรีไบโอติกส์ ที่ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์โพรไบโอติกส์ในลำไส้ และในเนื้อกล้วยยังมีสารอาหารสำคัญอย่างธาตุโพเตสเซียม ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานที่ดูดซึมง่าย จึงเหมาะกับผู้ที่เล่นกีฬา

วิจัยเพิ่มค่าสินค้าตกเกรด

 รศ.เทพปัญญา เจริญรัตน์ หัวหน้าสาขาวิชาเทคโนโลยีชีวภาพ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ประมาณ 30% ของผลผลิตกล้วยหอมทองในปทุมธานีจะมีคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐานส่งออก เนื่องจากปัญหาการเพาะปลูกและการเก็บเกี่ยว จึงเกิดแนวคิดในการบูรณาการความร่วมมือด้านงานวิจัยภายในมหาวิทยาลัยภายใต้โครงการ สมาร์ท ฟู้ด อินโนโพลิส@ ธรรมศาสตร์และจังหวัดปทุมธานี เพื่อพัฒนาภาคการเกษตรและอุตสาหกรรมแปรรูปกล้วยหอมทองตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน“เราตั้งเป้าให้ปทุมธานีเป็นจังหวัดนวัตกรรมต้นแบบ ในการพัฒนาพืชเศรษฐกิจให้มีคุณค่าและมูลค่าเพิ่ม โดยได้รับงบสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 8 ล้านบาท”

เริ่มจากการนำกล้วยหอมทองตกเกรดมาตรฐานการส่งออกมาแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่ม จากราคาจำหน่ายกิโลกรัมละ 10-25 บาท โดยมีเป้าหมายการพัฒนาคือ บานาน่าไซรัปของปทุมธานี ให้เป็นที่รู้จักและยอมรับในแวดวงโรงแรม หวังทดแทนเมเปิลไซรัปหรือน้ำผึ้งที่นิยมเสิร์ฟให้กับลูกค้า แต่ระหว่างกระบวนการผลิตไซรัปกล้วยจะได้น้ำกล้วยหอมทอง 100% ซึ่งยังไม่เคยมีในตลาด จึงผลิตออกมาวางจำหน่ายในรูปแบบน้ำกล้วยหอมทองพร้อมดื่ม เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ในตลาดน้ำผลไม้ที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง

“ส่วนไซรัปกล้วยหอมทองมีรสชาติแตกต่างจากไซรัปกล้วยตาก เพราะเป็นกลิ่นกล้วยหอมทองผสมคาราเมล รสหอมหวาน จากนั้นนำไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ขนมและเครื่องดื่มได้อีก ดังนั้น จึงต้องการพัฒนาต่อยอดเพื่อให้คนไทยมีโอกาสรับประทานผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบจากไซรัปกล้วยหอมทองมากขึ้น จากที่ส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าจะนำไซรัปไปใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง”

ยกระดับสินค้าเกษตรขึ้นห้าง

ในการพัฒนาต่อยอดการใช้ประโยชน์ไซรัปกล้วยหอมทองนี้ ได้ประสานความร่วมมือกับคณะอุตสาหกรรมเกษตร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) นำไปพัฒนาเป็นขนมขบเคี้ยว 2 รายการ คือ เยลลี่และกราโนลาซึ่งนิยมรับประทานมื้อเช้ากับโยเกิร์ตหรือนม และเครื่องดื่มจะเป็นโปรตีนเวย์จากกล้วยหอมทองไม่ได้แต่งกลิ่นรส ส่วนอีกผลิตภัณฑ์เป็นเครื่องดื่มกล้วยหอมผสมวิตามินซี

“เหตุผลที่ส่งต่องานวิจัยให้ทางทีม สจล. เนื่องจากเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยว แค่เห็นไซรัปรู้แล้วว่าต้องนำไปพัฒนาต่อยอดออกมาเป็นผลิตภัณฑ์อะไรได้บ้าง ให้มีอายุการเก็บได้นานและนำไปต่อยอดในเชิงพาณิชย์ได้ จะทำให้การต่องานวิจัยทำได้รวดเร็วส่งผลดีในวงกว้างต่อเกษตรกร อีกทั้งเพิ่มปริมาณความต้องการในตลาด สร้างรายได้เพิ่มแก่เกษตรกร จึงเปิดกว้างให้กับผู้ที่เชี่ยวชาญนำไปขยายผลต่อและแล้วเสร็จภายใน 1 ปี”

ปัจจุบันภาพรวมงานวิจัย กล้วยหอมทองปทุมธานี ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ 100% คาดว่าภายใน ต.ค.นี้จะเปิดโอกาสให้เอกชนที่สนใจเข้ามารับการถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่เชิงพาณิชย์ ด้วยการมาซื้ออนุสิทธิบัตรงานวิจัยในมหาวิทยาลัยและพันธมิตร ขณะเดียวกันก็จะวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ ออกมานำเสนอ อาทิ นมอัดเม็ดรสกล้วยหอมทองผสมแคลเซียม ครีมซอสกล้วยหอมทองสำหรับผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ เป้าหมายโครงงานวิจัยนี้เพื่อชุมชนโดยนำงานวิจัยในหิ้งลงมาแก้ปัญหาให้กับเกษตรกรสู่ห้างได้จริง

http://www.bangkokbiznews.com


อาหารเช้า สำคัญไฉน

เช้าแห่งความวุ่นวาย และรีบเร่งที่จะต้องออกไปต่อสู้กับการจราจรแสนติดขัด อาจทำให้หลายคนหลงลืมทาน “อาหารเช้า” ไปด้วยความตั้งใจ โดยอ้างว่าไม่มีเวลาบ้างล่ะ ตื่นสายบ้างล่ะ แต่รู้ไหมคะว่า “อาหารเช้า” คืออาหารมื้อที่สำคัญที่สุดที่จะช่วยชาร์จพลังงาน เติมเต็มวันใหม่ของเราให้สดใส แถมยังมีประโยชน์อีกเพียบที่คุณ ๆ ได้ยินแล้วต้องร้อง “ไม่น่าเชื่อ!!!”

ว่าแล้วก็มาดูกันซิว่า อาหารเช้า มีคุณประโยชน์อย่างไรบ้าง

1.อาหารเช้าช่วยควบคุมโรคอ้วน และน้ำหนักได้เป็นอย่างดี นั่นเพราะจากมื้อดึกจนถึงเช้าวันใหม่ เราอดอาหารมานานเกือบ 12 ชั่วโมง และหากเรายิ่งไม่ทานอาหารเช้าเข้าไปอีก จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำลง จนไปเพิ่มแนวโน้มการรับประทานอาหารที่มีพลังงานและไขมันสูงในมื้อเที่ยงมากขึ้น และนี่ก็เป็นสาเหตุให้มีน้ำหนักเกินและโรคอ้วนได้อย่างไม่รู้ตัว

2.ผลการวิจัยจากสมาคมแพทย์โรคหัวใจในอเมริกาเมื่อปี 2003 พบว่า การรับประทานอาหารเช้าอย่างสม่ำเสมอ อาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเส้นเลือดสมองและโรคหัวใจได้ด้วย เพราะในตอนเช้าเลือดของเรามีความเข้มข้นสูง และทำให้เส้นเลือดที่ส่งไปเลี้ยงสมอง หรือหัวใจอุดตันได้ แต่ถ้ารับประทานอาหารเช้าเข้าไป จะช่วยให้ระดับความเข้มข้นในเลือดเจือจางลง

3.มีการวิจัยพบว่า การรับประทานอาหารเช้ามีส่วนเพิ่มประสิทธิภาพการเรียน การทำงาน ทำให้ระบบความจำ ทักษะการเรียนรู้ และอารมณ์ดีขึ้น แต่หากใครไม่ทานอาหารเช้า จะมีสมาธิน้อยลง และสมองก็ทำงานได้ไม่เต็มที่

4.ช่วยลดโอกาสเกิดโรคนิ่ว การไม่รับประทานอาหารนานกว่า 14 ชั่วโมงจะทำให้คอเลสเตอรอลในถุงน้ำดีจับตัวกันนาน หากนาน ๆ ไปสิ่งที่จับตัวกันนั้นจะกลายเป็นก้อนนิ่ว แต่หากเราทานอาหารเช้าเข้าไปล่ะก็ มันจะไปกระตุ้นให้ตับปล่อยน้ำดีออกมาละลายคอเลสเตอรอลที่จับตัวกันอยู่ได้

5. ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานได้ โดยคนที่รับประทานอาหารเช้าจะมีภาวะผิดปกติของฮอร์โมนอินซูลิน หรือที่เรียกว่าภาวะดื้อต่ออินซูลินซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเบาหวานนั้นลดลงถึง 35-50% เลยทีเดียว

6.สำหรับเด็ก ๆ การอดอาหารเช้าเป็นประจำ อาจทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ส่งผลให้ร่างกายไม่แข็งแรง การเจริญเติบโตไม่เป็นไปตามเกณฑ์ และยังส่งผลต่อสติปัญญา ทำให้ขาดสมาธิ ส่งผลเสียในระยะยาวอีกด้วย

อาหารเช้า

แล้วเราควรทานอะไรเป็นอาหารเช้าอะไรดีล่ะ

หากไม่มีเวลาคิด หรือคิดไม่ออกว่า ควรจะทานอาหารเช้าอะไรดีจึงจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพ เราก็มีเมนูง่าย ๆ มาแนะนำกัน

1.ซีเรียล หรือ คอร์นเฟลก

ข้าวโพดแผ่นบางกรอบราดด้วยนม ถือเป็นอาหารเช้าที่เข้าท่าทีเดียว สำหรับคนที่อาจไม่มีเวลาทานข้าวเช้า นอกจากจะได้ความอร่อยแล้ว ยังให้พลังงาน แถมคอร์นเฟลกยังมีไขมันต่ำอีกด้วย ถ้าจะให้ดีลองผสมผลไม้สดลงไปในคอร์นเฟลกด้วย ก็จะได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนค่ะ

2.ปลา

ปลา เป็นอาหารที่อุดมไปด้วยโอเมก้า-3 ซึ่งมีผลต่อประสิทธิภาพของสมองโดยตรง แถมยังเป็นเนื้อสัตว์ที่ไม่มีไขมัน รับรองว่าไม่ทำให้อ้วนแน่นอนค่ะ

3.ไข่

อาหารเช้ายอดฮิตบนโต๊ะอาหารของหลาย ๆ บ้าน ไม่ว่าจะเป็นไข่ดาว ไข่เจียว ไข่ต้ม ไข่ตุ๋น ล้วนเป็นอาหารจานโปรดของใครหลาย ๆ คน และเป็นอาหารที่มีสารอาหารหลากหลาย ทั้งโปรตีน วิตามินบี 12 และสังกะสี แถมยังช่วยเสริมสร้างความจำ และซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่สึกหรอของสมองอีกด้วย จึงดีต่อสุขภาพแน่ ๆ ค่ะ แต่ว่าก็มีข้อควรระวังนิดหนึ่ง คือ ไม่ควรทาน “ไข่แดง” ให้มากเกินไป เพราะจะทำให้ระดับคอเลสเตอรอลสูงขึ้นได้ง่าย ๆ

4.โยเกิร์ต

อีกหนึ่งอาหารเช้ายอดฮิตที่หาซื้อ หาทานได้ง่ายทีเดียว แถมยังเป็นอาหารที่มีโปรตีนจำพวกกรดอะมิโนสูง มีผลต่อระบบขับถ่าย และไม่ทำให้อ้วนด้วยล่ะ

5.ผักผลไม้

ประกอบไปด้วยแร่ธาตุ วิตามิน และเส้นใยในปริมาณมาก ฉะนั้นแล้วเราควรทานผักผลไม้ทุกวัน โดยเริ่มตั้งแต่เช้าวันใหม่เลย และไม่ควรเลือกทานผลไม้ที่มีรสหวานจัดจนเกินไป เพราะหากระดับน้ำตาลในเลือดมากเกินไป จะทำให้สมองมึนซึม คิดอะไรไม่ค่อยออก แถมยังต้องนั่งง่วงอีกด้วย

6.ธัญพืชไม่ขัดสี

ไม่ว่าจะเป็นลูกเดือย ขนมปังโฮลวีท เหล่านี้เป็นอาหารที่มีเส้นใยสูง และเป็นคาร์โบ”ฮเดรตเชิงซ้อนที่ให้พลังงานได้นาน

7.ข้าว

ปิดท้ายที่อาหารหลักของคนไทยอย่าง “ข้าว” นั่นเอง รู้ไหมว่า ข้าวมีคุณสมบัติช่วยให้ระบบการย่อยของร่างกายทำงานเป็นปกติ แถมยังเป็นคาร์โบไฮเดรตที่ช่วยชาร์จพลังงานยามเช้าให้เราได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าจะอยากได้รับประโยชน์จากข้าวแบบเต็ม ๆ แล้วล่ะก็ ลองเลือกทาน “ข้าวซ้อมมือ” หรือ “ข้าวกล้อง” ดูสิคะ จะได้รับวิตามินเพิ่มเติม แถมอิ่มไปทั้งมื้อด้วย

https://health.kapook.com


ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 30/1/2561

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง

ราคารับซื้อต่อกรัม

ราคารับซื้อ/บาท

ราคาขายออก/บาท

ทองคำแท่ง 96.5% n/a 19,850.00 19,950.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,286.00 19,495.76 20,450.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,157.40 17,546.18 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 579.00 8,777.64 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 450.00 6,822.00 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,333.00 20,208.28 n/a

ราคาน้ำมัน  ประจำวันที่  30/1/2561

ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร
ปตท. บางจาก เชลล์ เอสโซ่ ไออาร์พีซี / ทีพีไอ ภาคใต้เชื้อเพลิง ซัสโก้ ระยองเพียว ซัสโก้
ปตท
PTT
บางจาก
BCP
เชลล์
Shell
เอสโซ่
Esso
คาลเท็กซ์
C
altex
ไออาร์พีซี
IRPC
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG
ซัสโก้
Susco
ระยองเพียว
Pure
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers
แก๊สโซฮอล 95 28.45 28.45 27.95 28.45 28.45
28.45
28.45
28.45
28.45
แก๊สโซฮอล E-20
25.94
25.94
25.94
25.44
25.94
25.94
25.94
25.94
25.94
แก๊สโซฮอล E-85 20.94 20.94 20.94 20.94
แก๊สโซฮอล 91 28.18 28.18 28.18 28.18 28.18 28.18 28.18 28.18 28.18 28.18
เบนซิน 95 35.56 36.01 36.06 35.56 35.06 35.56
ดีเซลหมุนเร็ว 27.89 27.89 27.89 27.89 27.89 27.89 27.89 27.89 27.89 27.89
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม 30.89 31.76 31.76 31.76 31.76
มีผลตั้งแต่ 27 Jan 05:00 27 Jan 05:00 27 Jan 05:00 27 Jan 05:00 27 Jan 05:00 27 Jan 05:00 27 Jan 05:00 27 Jan 05:00 27 Jan 05:00 27 Jan 05:00

 

 

 

Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า