สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 30 มีนาคม 2561

ค่าแรงขั้นต่ำทุบต้นทุนอสังหา-วัสดุ “รับเหมาคอนโด-รับสร้างบ้าน-สี”ขึ้นแล้ว 2-5%

ดีเดย์ 1 เมษายน 2561 บังคับใช้ค่าแรงใหม่เฉลี่ย 315 บาท/วันทั่วประเทศ รับเหมาคอนโดฯ เผยสัญญาก่อสร้างโครงการใหม่ขอบวกเพิ่ม 2-3% ตามต้นทุนแรงงานก่อสร้างที่ปรับเพิ่มขึ้น อสังหาฯประสานเสียงตรึงราคาบ้าน-ปรับตัวใช้ระบบสำเร็จรูปพรีแคสต์ รับสร้างบ้านอั้นไม่อยู่ปรับขึ้น 3-5% TOA ทยอยเพิ่มค่าสีทาอาคารทุกเกรด 5% ตั้งแต่ต้นปี

นับถอยหลังนโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำที่มีผลบังคับใช้วันที่ 1 เมษายน 2561 มีผลให้เขตกรุงเทพมหานครเดิมค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาท เพิ่มเป็นวันละ 325 บาท ในขณะที่ค่าแรงขั้นต่ำเฉลี่ยทั่วประเทศปรับเพิ่มเป็นวันละ 315 บาท จากการสำรวจความเคลื่อนไหวภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจเกี่ยวเนื่องพบว่ามีผลกระทบต่อต้นทุนเพิ่มขึ้นแม้จะไม่มากนัก การปรับตัวรองรับจึงมีทั้งตรึงราคาและปรับราคาสินค้าเพื่อสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง

รับเหมาคอนโดฯขอเพิ่ม 2-3%
นายวิโรจน์ เจริญตรา กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรีบิลท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ค่าแรงขั้นต่ำที่บังคับใช้ 1 เมษายน 2561 เนื่องจากเป็นที่รับรู้มาตั้งแต่ต้นปี ดังนั้นการปรับตัวจึงมีให้เห็นตั้งแต่ต้นปีเช่นกัน โดยธุรกิจรับเหมาก่อสร้างซึ่งบริษัทรับงานในพื้นที่กรุงเทพฯเป็นหลัก มีต้นทุนเพิ่มเป็นวันละ 325 บาท ในภาพรวมเท่ากับต้นทุนเพิ่ม 2-3% แนวทางรับมือจึงขอบวกเพิ่มตามต้นทุนแท้จริงกรณีทำสัญญาก่อสร้างโครงการใหม่ ส่วนสัญญาที่ทำก่อนหน้านี้และมีกำหนดสร้างเสร็จในปีนี้ไม่ได้มีการปรับราคาแต่อย่างใด
ปัจจุบันพรีบิลท์รับงานก่อสร้างเฉลี่ยปีละ 10 โครงการ มูลค่างานตกปีละ 4,000 ล้านบาท เฉลี่ยการใช้แรงงานก่อสร้างของไซต์ก่อสร้างคอนโดมิเนียม ถ้าเป็นคอนโดฯโลว์ไรส์ 200 ห้อง เฉลี่ยใช้ 100-200 คน ใช้เวลาสร้าง 1 ปี คอนโดฯไฮไรส์ขนาด 1,000 ห้อง ใช้คนงาน 1,000 คนบวกลบ ใช้เวลาสร้าง 2 ปี ค่าเฉลี่ยการใช้แรงงานเท่ากับ 1 ห้อง/1 คน
“ผลกระทบจริง ๆ ต้องบอกว่าค่าแรงขั้นต่ำประโยชน์ตกอยู่กับแรงงานต่างด้าว เพราะแรงงานไทยไม่ทำงานไร้ฝีมือ ปรับตัวเป็นแรงงานฝีมือซึ่งได้ค่าแรงวันละ 400-500 บาท เช่น ช่างปูกระเบื้อง ช่างไม้ ช่างทำบันได ฯลฯ ส่วนแรงงานต่างด้าวไร้ฝีมือตำแหน่งงานกรรมกร ลักษณะงานเป็นงานโครงสร้าง เช่น ผูกเหล็ก ขุดดิน ฯลฯ จึงได้ค่าแรงตามแรงงานขั้นต่ำ”
บ้านหรูจ้างแพงเกิน 400 บาท
นายเลิศมงคล วราเวณุชย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดวา เรียลเอสเตท จำกัด เจ้าของโครงการบ้านเดี่ยวลักเซอรี่ทำเลเอกมัย-รามอินทรา ภายใต้แบรนด์ D8 กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า บริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากการปรับค่าแรงขั้นต่ำในครั้งนี้ เนื่องจากการใช้แรงงานก่อสร้างมีต้นทุนค่าแรงสูงกว่าวันละ 325 บาทอยู่แล้ว
รายละเอียดโครงการ D8 ออกแบบเป็นบ้านเดี่ยว 5 ชั้น จำนวน 6 ยูนิต ที่ดิน 64-68 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 700 ตารางเมตร ฟังก์ชั่น 4 ห้องนอน 9 ห้องน้ำ 6-9 ที่จอดรถ 1 ห้องแม่บ้าน พร้อมลิฟต์-สระว่ายน้ำ ราคาเริ่มต้น 39.9 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 240 ล้านบาท วางแผนเริ่มก่อสร้างเดือนเมษายน 2561 คาดว่าแล้วเสร็จภายในต้นปี 2562
“เนื่องจาก D8 เป็นโครงการระดับลักเซอรี่ ตอนทำบิสสิเนสโมเดลเราสอบถามผู้รับเหมาว่า รัฐบาลปรับค่าแรงขั้นต่ำต้นทุนเพิ่มไหม คำตอบคือค่าแรงที่จ่ายทุกวันนี้เกินค่าแรงขั้นต่ำไปมาก ส่วนใหญ่จ้างช่างวันละ 400-450 บาท ประกอบกับบริษัทจ้างเอาต์ซอร์ซผู้รับเหมาซึ่งคิดต้นทุนแบบเหมาจ่ายค่าแรง ทำให้เฉลี่ยต่อวันเกินค่าแรงขั้นต่ำ จึงมองว่าไม่มีผลต่อต้นทุนพัฒนาโครงการบ้านระดับลักเซอรี่”
รอเช็กต้นทุนก่อนปรับราคา
นายภาคย์ธนา ปรีดาวิภาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท ภาพัฒน์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด เจ้าของทาวน์โฮมชิเซน พัฒนาการ 32 กล่าวว่า ผลกระทบขึ้นค่าแรงขั้นต่ำประเมินทำให้ต้นทุนแรงงานก่อสร้างเพิ่ม 5% อย่างไรก็ตาม บริษัทมีนโยบายตรึงราคาบ้านจนถึงไตรมาส 3/61 จากนั้นจึงประเมินต้นทุนพัฒนาโครงการอีกครั้ง
นางสาวอนงค์ลักษณ์ แพทยานันท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจ้าพระยามหานคร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เนื่องจากพอร์ตพัฒนาโครงการส่วนใหญ่เป็นคอนโดฯ ซึ่งมีการล็อกสัญญากับผู้รับเหมาไว้หมดแล้ว ทั้งนี้ ค่าแรงขั้นต่ำในระดับสูงมีผลต่อต้นทุนพัฒนาโครงการโดยตรงอยู่แล้ว การปรับตัวบริษัทหันไปเน้นก่อสร้างพรีแคสต์หรือระบบก่อสร้างสำเร็จรูปมากขึ้น รวมทั้งซื้อวัสดุบิ๊กลอตเพื่อให้มีต้นทุนต่ำลง
ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการบริหาร บริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทได้รับผลกระทบในแง่ผู้รับเหมา เนื่องจากมีผู้รับเหมาจำนวนมาก และอาจต้องปรับค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เช่น OT หรือค่าล่วงเวลา ส่วนการปรับราคาบ้านอาจต้องดูต้นทุนโดยรวมว่าเพิ่มขึ้นมากน้อยแค่ไหน
และ ดร.สืบวงษ์ สุขะมงคล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วิจิตรากรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า บริษัทได้รับผลกระทบเล็กน้อย และปรับตัวใช้พรีแคสต์ในกลุ่มบ้านราคา 1-3 ล้านบาท และทาวน์เฮาส์ 5 แสนบาทขึ้นไป เพื่อลดจำนวนแรงงานและต้นทุนให้น้อยลง
รับสร้างบ้านสุดอั้นขึ้น 3-5%
นางสาวพรรัตน์ มณีรัตนะพร ผู้อำนวยการฝ่าย บริษัท แลนดี้โฮม จำกัด กล่าวว่า บริษัทรับสร้างบ้านโดยรวมมีแนวโน้มปรับขึ้นราคาสร้างบ้านมากกว่า 5% จากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำและค่าวัสดุก่อสร้าง อย่างไรก็ตาม แลนดี้โฮมพยายามตรึงราคารับสร้างบ้าน ในกรณีต้นทุนเพิ่มขึ้นมาก มีนโยบายขึ้นราคาต่ำกว่าคู่แข่งหรือไม่เกิน 3% เพื่อช่วยบรรเทาภาระให้กับผู้บริโภค
ทั้งนี้ แลนดี้โฮมจัดโปรโมชั่นกระตุ้นการตัดสินใจสร้างบ้านบนที่ดินตัวเอง ซึ่งจะหมดอายุแคมเปญวันที่ 1 เมษายน 2561 อาทิ ส่วนลดสร้างบ้านสูงสุด 30% รับฟรีทองคำสูงสุด 2.50 บาท เสาเข็มเจาะ ฯลฯ
TOA ขึ้นค่าสี 5%
นายพงษ์เชิด จามีกรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TOA เปิดเผยว่า ปีนี้มีปัจจัยต้นทุนแพงขึ้นซึ่งมีผลกระทบต่อราคาขาย ล่าสุดเมื่อต้นปี 2561 ที่ผ่านมา ทีโอเอได้ทยอยปรับขึ้นราคาสินค้าเฉลี่ย 5% ในกลุ่มผลิตภัณฑ์สีทาอาคาร (decorative paint and coating products) ซึ่งเป็นพอร์ตรายได้หลัก ทั้งเกรดพรีเมี่ยม เกรดปานกลาง เกรดอีโคโนมี เพื่อชดเชยต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น มั่นใจว่าไม่ส่งผลกระทบกับยอดขาย เนื่องจากคู่แข่งมีการปรับขึ้นราคาสินค้าเช่นกัน
“วัตถุดิบหลักในการผลิตสีทาอาคารคือไทเทเนียมไดออกไซด์มีการทยอยปรับขึ้น 4-10% ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว สำหรับปีนี้ทีโอเอเจรจาล็อกราคาล่วงหน้า 1 ปี หรือมีต้นทุนเดิมตลอดปี 2561 ปริมาณ 50% ของความต้องการใช้ในปีนี้ ส่งผลดีต่อการควบคุมต้นทุนการผลิตสินค้า” นายพงษ์เชิดกล่าว
http://www.bkkcitismart.com

คอนโดฯ พหลโยธินตอนต้นบูม ขายหมดใน 6 เดือน

คอนโดฯ พหลโยธินตอนต้นบูม 9 พันหน่วย ขายหมดใน 6 เดือน

จากการสำรวจของศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย หรือ AREA พบว่า ตลาดที่อยู่อาศัยในพื้นที่ใจกลางเมืองย่านพหลโยธินช่วงต้น ตั้งแต่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิถึงประดิพัทธ์ โครงการที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะคอนโดมิเนียมขายดีเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นทำเลใจกลางเมือง ติดรถไฟฟ้า พบอุปทานเกือบ 9,000 หน่วย ขายได้เฉลี่ยเดือนละ 19.2%

คอนโดฯ เปิดขายมากที่สุด เกือบ 9 พันหน่วย
ประเภทที่อยู่อาศัยที่เปิดขายมากที่สุดในทำเลพหลโยธินช่วงต้นคือ ห้องชุดพักอาศัย ที่เหลือเป็นบ้านเดี่ยว จำนวน 10 หน่วย เฉลี่ยหน่วยละ 19.5 ล้านบาท และบ้านแฝด จำนวน 6 หน่วย เฉลี่ยหน่วยละ 18.6 ล้านบาท ทั้งนี้ ในจำนวนอุปทานทั้งหมด 8,862 หน่วย เป็นห้องชุดถึง 8,846 หน่วย ห้องชุดเหล่านี้มีมูลค่ารวม 45,977 ล้านบาท หรือเฉลี่ยหน่วยละ 9.2 ล้านบาท เฉพาะห้องชุดในทำเลนี้ที่มีขนาดราว 4 ตารางกิโลเมตร มีมูลค่ารวมกันถึง 2.01 เท่าของมูลค่าที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลทั้งหมดที่กินพื้นที่ไปถึงราว 8,000 ตารางกิโลเมตร

ห้องชุด 3-5 ล้าน เปิดขายมากที่สุด
ห้องชุดกลุ่มใหญ่ที่สุดในทำเลนี้ขายในราคา 3-5 ล้านบาท มีมูลค่ารวม 17,136 ล้านบาท แต่ก็ยังมีมูลค่าต่ำกว่ากลุ่มห้องชุดราคา 5.01-10 ล้านบาท ที่มีมูลค่าสูงถึง 17,921 ล้านบาท ที่มีจำนวนน้อยกว่าคือ มีเพียง 2,873 หน่วย (ราคาเฉลี่ย หน่วยละ 6.238 ล้านบาท)

ห้องชุดราคา 3-5 ล้าน ยังครองแชมป์ขายดีสุด

ห้องชุดราคา 3-5 ล้าน ยังครองแชมป์ขายดีสุด

ห้องชุด 3-5 ล้าน ขายได้ดีที่สุด
ภาพรวมที่อยู่อาศัยในทำเลนี้ขายได้เดือนละประมาณ 19.2% หรืออาจกล่าวได้ว่าสินค้าจะขายหมดได้ในเวลาไม่เกิน 6 เดือนเท่านั้น แสดงว่าสินค้าในทำเลนี้ขายได้ดีมาก โดยเฉพาะห้องชุดราคา 3-5 ล้านบาท ขายได้เดือนละประมาณ 23.8% ถือว่าขายได้เร็วที่สุด รองลงมาเป็นห้องชุดราคา 10-20 ล้านบาท ขายได้เดือนละถึง 23.2% ส่วนห้องชุดราคา 5-10 ล้านบาท ขายได้เดือนละ 15.8% มีเพียงห้องชุดราคาเกิน 20 ล้านบาทที่ขายได้ช้าเช่นเดียวกับกลุ่มบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด โดยบ้านเดี่ยวขายได้เดือนละ 6.7% และบ้านแฝดขายได้เดือนละ 2.8%

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสำคัญที่ทำให้คอนโดมิเนียมในทำเลนี้ขายดีจนจำนวนหน่วยเหลือขายน้อยกว่าภาพรวมของทั้งเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เนื่องจากเป็นทำเลใจกลางเมือง และใกล้รถไฟฟ้า แต่แม้ว่าจะมีแนวโน้มอนาคตสดใสต่อเนื่อง แต่ผู้ที่ต้องการซื้อห้องชุดเพื่อลงทุนปล่อยเช่า หรือระยะยาว ควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการลงทุนด้วยเช่นกัน

https://www.ddproperty.com


ดัชนีRSIเดือนมี.ค.61 แนวโน้มอนาคตเศรษฐกิจดีขึ้นทุกภูมิภาค

สศค.เผยดัชนี “อาร์เอสไอ” เดือนมี.ค.61 ชี้แนวโน้มอนาคตเศรษฐกิจดีขึ้นทุกภูมิภาค เผยภาคตะวันออกอยู่ที่ระดับ 97.4 สูงกว่าภาคอื่นๆ

สำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กระทรวงการคลัง เปิดเผยรายงานดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค (Thai Regional Economic Sentiment Index: RSI) ประจำเดือนมีนาคม 2561 ว่า การประมวลผลข้อมูลการสำรวจภาวะเศรษฐกิจรายจังหวัดล่าสุด จากสำนักงานคลังจังหวัด 76 จังหวัดทั่วประเทศ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจ (คาดการณ์ 6 เดือนข้างหน้า) อยู่ในระดับที่ดีขึ้นกว่าเดือนก่อนหลายภูมิภาค นำโดยภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาคอุตสาหกรรมและบริการ เป็นสำคัญ

ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตภาคตะวันออก อยู่ที่ระดับ 97.4 ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนหลักจากภาคอุตสาหกรรมและภาคการลงทุนภายในภูมิภาค เนื่องจากมีปัจจัยสนับสนุนจากนโยบายส่งเสริมการลงทุนตามโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) อีกทั้งมีนักลงทุนสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในโรงงานเพิ่มขึ้นในจังหวัดปราจีนบุรีและสระแก้ว นอกจากนี้ พบว่า มีการลงทุนใหม่ในจังหวัดนครนายก โดยเฉพาะการก่อสร้างโรงแรมและรีสอร์ทในพื้นที่ ตามปริมาณนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น

1_5

ในขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคกลาง ปรับตัวอยู่ที่ 91.5 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากแนวโน้มที่ดีขึ้นในอีก 6 เดือนข้างหน้าของภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากยอดคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น ตามการขยายตัวของการส่งออก อีกทั้งผู้ประกอบการในจังหวัดพระนครศรีอยุธยามีการปรับแผนการผลิตอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดมากขึ้น ประกอบกับภาคบริการ โดยเฉพาะสาขาการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มสดใส เนื่องจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยามีจัดกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์วัฒนธรรมตลอดปี อีกทั้งพบว่าในขณะนี้มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นในพื้นที่ หลังจากกระแสตามรอยละครเรื่องบุพเพสันนิวาสกำลังมาแรง ส่งผลให้ดัชนีแนวโน้มภาคบริการของภูมิภาค ปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ 97.7

ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปรับตัวดีขึ้นอยู่ที่ระดับ 80.1 เนื่องจากแนวโน้มที่ดีขึ้นในภาคอุตสาหกรรม ตามการเพิ่มขึ้นของจำนวนโรงงานในหลายจังหวัด เช่น อุบลราชธานี บุรีรัมย์ เป็นต้น ประกอบกับยังคงได้รับปัจจัยสนับสนุนจากนโยบายภาครัฐ นอกจากนี้ ดัชนีแนวโน้มของภาคบริการปรับตัวดีขึ้นในหลายจังหวัด โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว ซึ่งน่าจะได้รับผลดีจากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองรอง อีกทั้ง สาขาค้าปลีกค้าส่ง ยังคงได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการใช้จ่ายผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคตะวันตก อยู่ที่ 78.0 ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน เนื่องจากได้รับแรงสนับสนุนจากแนวโน้มที่ดีของภาคบริการ โดยเฉพาะสาขาการท่องเที่ยว ที่จะได้รับอานิสงส์จากนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในจังหวัดราชบุรีและเพชรบุรี อีกทั้งค้าส่งค้าปลีกที่มีแนวโน้มสดใส จากโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ตลอดจนมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการ ประกอบกับแนวโน้มที่ดีในภาคการลงทุน เนื่องจากมีการลงทุนใหม่ในการพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดราชบุรี รวมถึงเริ่มเปิดประมูลสรรหาเอกชนเข้าร่วมลงทุนพัฒนาพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในจังหวัดกาญจนบุรี

เช่นเดียวกับภาคการผลิตของภาคเหนือ ที่มีแนวโน้มที่ดี โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรม พบว่า มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นหลายจังหวัด เช่น อุตสาหกรรมดินขาวในจังหวัดลำปาง อุตสาหกรรมแปรรูปอาหารในจังหวัดเพชรบูรณ์ อีกทั้ง นโยบายภาครัฐเริ่มส่งผลชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในจังหวัดตาก รวมถึงแนวโน้มภาคเกษตร ยังคงส่งสัญญาณที่ดี ค่าดัชนีอยู่ที่ระดับ 82.6 ตามสภาพอากาศที่เอื้อต่อการเพาะปลูก และนโยบายการส่งเสริมการพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตของภาครัฐ ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจเหนือ ปรับตัวมาอยู่ที่ 75.7

ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคใต้ อยู่ที่ 72.0 จากดัชนีแนวโน้มในภาคบริการ ส่งสัญญาณที่ดีต่อเนื่อง อยู่ที่ 82.9 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการท่องเที่ยว เป็นสำคัญ เนื่องจากภาครัฐและภาคเอกชนร่วมกันจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวภายในจังหวัด เช่น พังงา ระนอง เป็นต้น ประกอบกับแนวโน้มการจ้างงานภายในภูมิภาค ยังอยู่ในเกณฑ์ดี ตามการขยายตัวของภาคบริการเป็นหลัก นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจ กทม.และปริมณฑล อยู่ที่ 69.3 ใกล้เคียงกับเดือนก่อน ตามดัชนีแนวโน้มในอีก 6 เดือนข้างหน้าของภาคอุตสาหกรรมยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีที่ 82.8 อีกทั้งได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาคการลงทุน

http://www.bangkokbiznews.com


ค่าบาท ‘อ่อนค่า’ ตลาดยังกังวลการเมืองสหรัฐ

บาทเปิดตลาดเช้านี้อ่อนค่า “31.27 บาทต่อดอลลาร์” ย้ำภาพตลาดปิดรับความเสี่ยงและไม่รีบซื้อ จากความกังวลปัญหาการเมืองสหรัฐ ออกนโยบายใหม่ต่อเนื่อง แม้กนง. มีมุมองบวกขึ้นดอกเบี้ยก็ไม่มีผลต่อค่าเงิน

นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 31.27บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงจากช่วงปิดสิ้นวันทำการก่อนที่ระดับ 31.18 บาทต่อดอลลาร์

ในคืนที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปยังคงผันผวน ส่งผลให้บอนด์ยิลด์ก็ปรับตัวลงด้วยภาวะปิดรับความเสี่ยง โดยปัจจัยหลักอย่างมาจากความกังวลกับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสหรัฐ ที่มีความเสี่ยงที่จะถูกควบคุมและตรวจสอบมากขึ้นจากรัฐบาล ขณะที่ปัจจัยดังกล่าวเกิดขึ้นพร้อมกับราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงแรง ส่งผลให้บอนยีลด์สหรัฐอายุ 10 ปีปรับตัวลงมาที่ระดับ 2.75% ส่งผลให้ความต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (สองปี) กับอัตราดอกเบี้ยระยะยาว (10 ปี) ลดลงไปที่ 0.48% ต่ำสุดในรอบกว่า 10 ปี ย้ำภาพตลาดที่ปิดรับความเสี่ยง (risk-off)

ภาพรวมตลาดยังถือว่าไม่เป็นบวกกับสินทรัพย์เสี่ยง โดยรวมเราเชื่อว่าปัญหาการเมืองในปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะสงบลงยาก ซับซ้อน และคาดเดายากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากมีนโยบายใหม่ออกมาไม่หยุด จึงมีความเป็นไปได้ที่นักลงทุนจะพยายามลดความเสี่ยงและไม่รีบซื้อ แต่รอประเมินสถานการณ์

เชื่อว่าปัจจัยหลักที่คอยกดดันค่าเงินบาทอยู่ คือตลาดทุนที่ปิดรับความเสี่ยง ล่าสุดค่อนข้างชัดเจนว่าแนวโน้มดอกเบี้ยก็ไม่ได้ส่งผลกับค่าเงิน แม้ กนง.จะมีมุมมองที่เป็นบวกกับการขึ้นดอกเบี้ย แต่ค่าเงินบาทก็ยังมีทิศทางอ่อนค่า แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่านักลงทุนพยายามลดความเสี่ยงลงต่อเนื่องในช่วงนี้

มองกรอบเงินบาทระหว่างวันที่ระดับ 31.25- 31.35 บาทต่อดอลลาร์

http://www.bangkokbiznews.com


ผักผลไม้ 5 สี กับประโยชน์ที่หลากหลายเพื่อสุขภาพ

ประโยชน์ของผลไม้ ประโยชน์ของผัก ผลไม้ ผัก ผักผลไม้ พืชผัก อาหารสุขภาพ เมนูสุขภาพ

อาหารที่มีสีสัน เย้ายวนชวนน้ำลายสอ ใครๆก็อยากจะรับประทานกันทั้งนั้น และยิ่งกว่าความสวย น่าทาน เหล่านั้น สารต้านโรคที่อัดแน่นในบรรดา ผักผลไม้ หลากสี ซึ่งถือเป็นของแถมตบท้ายความอร่อยที่คุ้มค่ากับสุขภาพอย่างมากที่สุด

อย่าง ที่เรารู้ ๆ กันว่าประโยชน์ของ ผักผลไม้ นั้นมีมากมายมหาศาล ทั้งวิตามิน แร่ธาตุหลากชนิดที่เป็นประโยชน์กับกลไกต่าง ๆ ในร่างกาย และคุณสมบัติของการเป็นแหล่งใยอาหาร เป็นสารอาหารที่ช่วยลดการดูดซึมของคอเลสเตอรรอลและไขมัน ช่วยให้ระบบย่อย ระบบการขับถ่ายทำงานปกติ

นอกจากคุณสมบัติเหล่านี้แล้ว ใน ผักผลไม้ ยังมีสารพิเศษ ซึ่งทำหน้าที่คล้ายยาช่วยป้องกันโรคบางชนิด เช่นมะเร็ง โรคหัวใจหลอดเลือด เป็นต้น แต่จะกินอย่างไรเพื่อให้ร่างกายได้รับการปกป้องจากโรคภัยได้นั้น เขาแนะนำให้กินหลากหลาย ถ้าให้ชัดขึ้นมาอีกหน่อยก็คือ กินให้ครบ 5 สี ใน 5 สีสันนั้นมีอะไรบ้างมาดูกัน

Healthy green vegetables

สีเขียว

สีเขียวเป็นสีแรกที่ทุกคนจะนึกถึงเมื่อพูดถึงผัก สารที่ให้สีเขียวในผักก็คือคลอโรฟีลล์ นอกจากนี้ยังมีสารประกอบอื่น ๆ ที่มีคุณสมบัติส่งเสริมสุขภาพ เช่น ลูทีน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระช่วยลดการเกิดความเสื่อมของจอประสาทตา เป็นต้น..ว้าว..กินผักเขียวๆทำให้ดวงตาเราแข็งแรง

ผักผลไม้ สีเขียว : ผักใบเขียวทุกชนิด เช่น บล็อกโคลี คะน้า ผักโขม กวางตุ้ง กะหล่ำปลี ชะอม

 

iStock_000016603538_Small

สีขาว

สีขาวสารประกอบใน ผักผลไม้ กลุ่มนี้มีหลายชนิดและเป็นที่สนใจของนักวิจัย เพราะมีประโยชน์ในหลาย ๆ ด้าน เช่น แอปเปิ้ล ฝรั่ง หอมหัวใหญ่ กระเทียมมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความเสียหายของเซลล์และอวัยวะในร่างกาย ขิงและข่า มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ช่วยดูแลความดันเลือด และป้องกันโรคหัวใจหลอดเลือดอุดตัน เป็นต้น

ผักผลไม้ สีขาว : แอปเปิ้ล ฝรั่ง เงาะ ลิ้นจี่ แห้ว งา ลูกเดือย ข่า ขิง กระเทียม หอมหัวใหญ่

 

Red fresh produce vegetables and fruits

สีแดง

สีแดงสารตัวเลื่องชื่อในกลุ่มนี้ก็คือไลโคปีน เพราะมีการค้นพบว่าช่วยลดการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากของคุณผู้ชายได้ และลดปริมาณไขมันแอลดีแอลในเลือด นอกจากนี้อาหารสีแดงยังช่วยดูแลสุขภาพหัวใจ หลอดเลือดและระบบทางเดินปัสสาวะ ลดความเสี่ยงจากการเกิดมะเร็ง

ผักผลไม้ สีแดง : แตงโม มะเขือเทศ สตรอว์เบอรี่ เชอร์รี่ ชมพู่แดง ดอกกระเจี๊ยบ

Assorted purple toned fruits and vegetables as a collection

สีม่วงแดง

สีม่วงแดงใน ผักผลไม้ กลุ่มสีนี้มีสารแอนโทไซยานิน ช่วยปกป้อง ผักผลไม้ จากการทำลายของรังสีอัลตร้าไวโอเลต เลยทำให้มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผนังหลอดเลือด ช่วยชะลอการเกิดการอุดตันในเส้นเลือด และโรคหลอดเลือดหัวใจแข็งตัว

ผักผลไม้ สีม่วงแดง : กะหล่ำ ปลีม่วง มะเขือม่วง หอมแดง ถั่วดำ/แดง ข้าวเหนียวดำ ข้าวแดง มันสีม่วง เผือก ดอกอัญชัน ลูก พรุน ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เช่น องุ่นแดง บลูเบอร์รี่ แบล็กเบอร์รี่ เป็นต้น

yellow healthy food

 

สีเหลือง สีส้ม

สีเหลือง สีส้มในกลุ่มสี นี้มีสารต้านอนุมูลอิสระหลายตัวด้วยกัน ตัวสำคัญ ๆ ก็ เช่น เบต้า-แคโรทีน ฟลาโวนอย วิตามินซี ซึ่งช่วยดูแลรักษาสุขภาพหัวใจ หลอดเลือด และระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายเรา และลดโอกาสการเกิดมะเร็ง กระตุ้นการกำจัดเซลล์มะเร็งของร่างกาย

https://health.mthai.com

ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 30/03/2561

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง

ราคารับซื้อต่อกรัม

ราคารับซื้อ/บาท

ราคาขายออก/บาท

ทองคำแท่ง 96.5% n/a 19,550.00 19,650.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,266.00 19,192.56 20,150.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,139.40 17,273.30 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 570.00 8,641.20 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 443.00 6,715.88 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,312.00 19,889.92 n/a

ราคาน้ำมัน  ประจำวันที่  30/03/2561


ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร
ปตท. บางจาก เชลล์ เอสโซ่ ไออาร์พีซี / ทีพีไอ ภาคใต้เชื้อเพลิง ซัสโก้ ระยองเพียว ซัสโก้
ปตท
PTT
บางจาก
BCP
เชลล์
Shell
เอสโซ่
Esso
คาลเท็กซ์
C
altex
ไออาร์พีซี
IRPC
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG
ซัสโก้
Susco
ระยองเพียว
Pure
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers
แก๊สโซฮอล 95
28.35
28.35
28.35
28.35
28.35
28.35
28.35
28.35
28.35
28.35
แก๊สโซฮอล E-20 25.84 25.84 25.94 25.54 25.84 25.84 25.84 25.84 25.84
แก๊สโซฮอล E-85 20.34 20.34 20.34 20.34
แก๊สโซฮอล 91 28.08 28.08 28.28 27.78 28.08 28.08 28.08 28.08 28.08 28.08
เบนซิน 95 35.46 35.91 35.96 35.46 35.46 35.46
ดีเซลหมุนเร็ว 27.59 27.59 27.69 27.29 27.59 27.59 27.59 27.59 27.59 27.59
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม 30.59 31.46 31.56 31.16 31.46
มีผลตั้งแต่ 29 Mar 05:00 29 Mar 05:00 29 Mar 05:00 29 Mar 05:00 29 Mar 05:00 29 Mar 05:00 29 Mar 05:00 29 Mar 05:00 29 Mar 05:00 29 Mar 05:00

 

 

Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า