สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 31 กรกฎาคม 2563

เทรนด์บ้านหลังสอง พัทยามาแรง

โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ ชี้เทรนด์บ้านหลังที่สอง พัทยามาแรง เชื่อดีมานด์เติบโตสอดรับการใช้ชีวิตยุค “New Normal”

นายณพงศ์ ปริพนธ์พจนพิสุทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ จำกัด บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์คุณภาพครบวงจร เปิดเผยถึงแนวโน้มการมีบ้านหลังที่สองหรือบ้านพักตากอากาศ ว่าเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตั้งแต่เกิดน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 บวกกับมลพิษทางอากาศที่เพิ่มขึ้น ปัญหาฝุ่น PM2.5 และล่าสุดกับวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้คนเริ่มตระหนักถึงการมีทำเลสำรอง เพื่อย้ายไปอยู่ในช่วงเวลาที่ไม่มีความแน่นอน ทำให้ความต้องการซื้อบ้านหลังที่สองหรือบ้านพักตากอากาศ ในแหล่งพักผ่อนตากอากาศชั้นนำอย่าง พัทยา ยังคงเป็น Top Destination ของคนกรุงเทพฯ รวมถึงนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ บ้านหลังที่สองจึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่หลายคนมองหา ไม่เพียงแค่ตัดสินใจซื้อเพื่อพักผ่อนช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ และการเป็นสินค้าเพื่อการลงทุนเท่านั้น แต่ยังมองถึงการเป็นสถานที่พักผ่อนที่มีความปลอดภัยมากกว่าในสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลงของโลก

“ทุกวันนี้ไม่ใช่แค่ธุรกิจต่างๆ ที่จะต้องเตรียมแผนสำรอง แต่ยังรวมถึงผู้บริโภคทั่วไปด้วยที่ต้องเตรียมรับมือกับสถานการณ์ต่างๆที่จะเกิดขึ้น การมีบ้านหลังที่สองจึงเป็นการปรับตัวอย่างหนึ่งเพื่อต่อสู้กับความเปลี่ยนแปลงในโลกปัจจุบัน และจะกลายเป็นเทรนด์ที่เติบโตขึ้นในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ยุคปัจจุบันที่เราต้องเจอกับความเสี่ยงที่มากขึ้นเรื่อยๆ”

ขณะเดียวกันยังมองเห็นดีมานด์ความต้องการบ้านหลังที่สองของชาวต่างชาติด้วย โดยเฉพาะชาวจีน ที่จะมองหาบ้านหลังที่สองในประเทศที่มีความปลอดภัย และมีระบบสาธารณสุขที่ดี ทั้งนี้ จากการรับมือที่ดีในสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา ทำให้ทั่วโลกเล็งเห็นถึงความแข็งแกร่งของประเทศไทย

ทั้งนี้เห็นได้ชัดจากตัวเลขยอดขายในช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมา ของโอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ ที่มียอดการซื้อขายโครงการ “โอเชี่ยน พอร์โตฟิโน่ จอมเทียน – พัทยา” เพิ่มขึ้น ด้วยยอดขายสูงถึง 120 ล้านบาท นอกจากนี้ยังพบว่ากลุ่มลูกค้าที่เข้ามาซื้อไม่ใช่เฉพาะกลุ่มนักธุรกิจที่มีเงินเย็นและมีรายได้สูง แต่ยังมีลูกค้ากลุ่มใหม่ที่เข้ามาซื้อซึ่งเป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่อายุน้อย รวมถึงลูกค้าชาวจีนที่สนใจโครงการฯเพิ่มมากขึ้น

สำหรับเมืองพัทยานั้น นับเป็นทำเลที่โดดเด่นที่สุดในช่วง 3 ปี (ปี 2559-2561) และมีอัตราการขายสูง โดยกลุ่มเป้าหมายหลัก ได้แก่ กลุ่มนักธุรกิจ เศรษฐีชาวไทยและชาวต่างชาติ ผู้ที่มีชื่อเสียงในแวดวงต่างๆ ที่ต้องการบ้านพักตากอากาศ สำหรับพักผ่อนและซื้อเพื่อการลงทุน สาเหตุที่ทำให้เมืองพัทยาได้รับความนิยม นอกจากเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมแล้ว ยังมีปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ เช่นการขยายตัวของโครงสร้างพื้นฐาน การเดินทางที่สะดวกมากขึ้น ประกอบกับแรงหนุนของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่มีความคืบหน้าและชัดเจนมากขึ้นเป็นลำดับ และการพัฒนาโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่รัฐบาลผลักดันอย่างเต็มที่ในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงเมกะโปรเจคต์ต่างๆ ที่ภาคเอกชนเข้าไปลงทุนอีกหลายโครงการ ซึ่งเป็นแรงกระตุ้นที่สำคัญที่จะส่งผลให้ตลาดคอนโดมิเนียมในพื้นที่พัทยาจะกลับมาได้รับความนิยมของกลุ่มลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติ ซื้อลงทุนสำหรับเป็นบ้านพักตากอากาศหรือเป็นบ้านหลังที่สองเพิ่มมากขึ้นอีกครั้งในอนาคต 

ทั้งนี้ ข้อมูลจากฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ระบุว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 มีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในพื้นที่พัทยาเพียงแค่ 1 โครงการ จำนวน 319 ยูนิตเท่านั้น เพราะภาพรวมของตลาดคอนโดฯในพัทยายังคงมีอุปทานที่ก่อสร้างแล้วเสร็จก่อนหน้านี้เหลือขายอยู่ในตลาดพอสมควร บวกกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

สำหรับทำเลที่ยังเป็นที่นิยมของกลุ่มผู้ซื้อคอนโดฯตากอากาศในพื้นที่พัทยา คือ พื้นที่วงศ์อมาตย์ เนื่องจากเป็นทำเลที่ค่อนข้างเงียบสงบ มีชายหาดที่ค่อนข้างสวยงาม ส่งผลให้ทำเลย่านดังกล่าวมีอัตราการขายสูงที่สุด และหน่วยเหลือขายเพียงแค่ไม่ถึง 600 ยูนิตเท่านั้น รองลงมาคือ พื้นที่ใจกลางเมืองพัทยา เนื่องจากตอบโจทย์ทั้งในเรื่องของการอยู่อาศัย และผลตอบแทนจากการลงทุนที่ค่อนข้างคุ้มค่า  อีกทำเล คือ ทำเลย่านนาจอมเทียน เนื่องจากทำเลย่านนี่ยังคงความเงียบสงบไม่วุ่นวายเหมือนใจกลางเมืองพัทยา บวบกับแวดล้อมด้วยร้านอาหารชื่อดัง สวนน้ำ รวมถึงแนวเส้นทางรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่กำลังจะเกิดขึ้น ส่งผลให้ทำเลย่านนาจอมเทียนเป็นอีกทำเลที่ได้รับความสนใจทั้งจากกลุ่มผู้ซื้อ เพื่อการอยู่อาศัยและกลุ่มนักลงทุนค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา

ขณะที่ขนาดของคอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างการขายในพื้นที่พัทยาทั้งหมดพบว่า ห้องชุดขนาดต่ำกว่า 50 ตารางเมตร เป็นช่วงขนาดที่ผู้ประกอบการพัฒนาออกมาในตลาดมากที่สุดประมาณ 84.2% และสามารถขายไปแล้วประมาณ 66.3% แต่พบว่า ห้องชุดขนาดมากกว่า 100 ตารางเมตรขึ้นไปเหลืออุปทานในตลาดเพียงแค่ 1% ของอุปทานที่อยู่ระหว่างการขายในตลาดเท่านั้น เนื่องจากผู้ประกอบการส่วนใหญ่นิยมพัฒนาห้องชุดขนาดเล็ก โดยเฉพาะในพื้นที่จอมเทียนส่วนใหญ่เป็นห้องชุดขนาดใหญ่ ส่งผลให้โครงการคอนโดฯ ที่มีขนาดห้องพักมากกว่า 100 ตารางเมตร เหลือขายอยู่ในตลาดเพียงแค่ประมาณ 610 ยูนิตเท่านั้น และเป็นช่วงขนาดที่มีอัตราการขายที่สูงที่สุด เนื่องจากเป็นขนาดห้องพักที่ตอบโจทย์ในเรื่องของการอยู่อาศัยที่แท้จริงของคอนโดมิเนียมตากอากาศ

ในส่วนของ โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ ปัจจุบันมีโครงการเปิดขายในพัทยา คือ  “โอเชี่ยน พอร์โตฟิโน่ จอมเทียน -พัทยา” เป็นคอนโดมิเนียมไฮไรส์ (High Rise) ที่พัฒนาไว้สำหรับรองรับกลุ่มกำลังซื้อ เพื่อเป็นบ้านหลังที่สองของครอบครัว หรือมองถึงโอกาสของการลงทุนสร้างมูลค่าในระยะยาว  โดยจุดเด่นของโครงการ ตั้งอยู่นาจอมเทียน  มีแนวโน้มการเติบโตในอนาคต เพราะเป็นทำเลที่เมืองพัทยาผลักดันให้เป็นพื้นที่ตลาดไฮเอนด์  อีกทั้งระบบโครงสร้างพื้นฐานที่เกิดขึ้นทำให้การเดินทางที่สะดวก ด้วยเส้นทางหลวงพิเศษตัดใหม่เลี่ยงเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 7 ส่วนต่อขยายช่วงพัทยา-มาบตาพุด ทางลงอยู่บริเวณด้านหน้าโครงการ ซึ่งเปิดให้บริการแล้ว

สำหรับโครงการ “โอเชี่ยน พอร์โตฟิโน่ จอมเทียน – พัทยา” คอนโดมิเนียมแบบไฮไรส์ (High Rise) สไตล์โมเดิร์น สูง 37 ชั้น จำนวน 268 ยูนิต บนเนื้อที่กว่า 120 ไร่ เน้นการออกแบบโดยมอบความเป็นส่วนตัว และความสบายสูงสุดด้วยห้องแบบ Over-Size Unit หรือ ห้องขนาดใหญ่พิเศษ โดดเด่นด้วยตัวอาคารที่มีความโอ่อ่าเรียบหรูชวนหลงใหลแบบ V-Shape เปิดมุมมอง 180 องศา ของวิวทะเลและท่าจอดเรือยอช์ทหรูระดับเวิลด์คลาสขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แลนด์มาร์คสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองพัทยา เติมเต็มการพักผ่อนอย่างเหนือระดับกับ ‘Luxury Marinafront Living’ รูปแบบการใช้ชีวิตสุนทรีย์ในวันพักผ่อนแนวใหม่สำหรับคนในครอบครัว

“มองจากปัจจัยต่างๆ ที่มีการเปลี่ยนแปลง สถานการณ์ของโลกที่ไม่แน่นอน ทำให้เทรนด์การมีบ้านหลังที่สองจะกลายเป็น New Normal หรือความปกติใหม่ของการปรับตัวของผู้คนในยุคปัจจุบัน ยุคที่ทุกคนต้องเจอกับความเสี่ยงที่มีมากขึ้น และผมเชื่อว่าจะกลายเป็นเทรนด์ที่เติบโตขึ้นในตลาดอสังหา ฯ นับจากนี้ไปอีกด้วย” นายณพงศ์กล่าว

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


เปิด 3 ทำเลคอนโดฯแพงสุด “ยุคโควิด”

เซ็นจูรี่ 21 เปิด 3 ทำเลคอนโดราคาแพงและดีที่สุด โซนวิทยุ-หลังสวน/ราชดำริ-สารสิน/ทองหล่อ ยังขึ้นแท่น ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและการแพร่ระบาดจากไวรัสโควิด-19

นายกิติศักดิ์ จำปาทิพย์พงศ์ ประธานและผู้ก่อตั้ง บริษัท เซ็นจูรี่ 21 (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า แม้สถานการณ์ของตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยภาพรวมจะชะลอตัวลงจากภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ และการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ยังไม่รู้ว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติได้เมื่อไร แต่สำหรับตลาดคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ ถือเป็นตลาดที่ได้รับผลกระทบไม่มากนัก เพราะเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง และยังมีความต้องการซื้ออย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยหลักๆ ที่ช่วยขับเคลื่อนตลาดดังนี้
• คอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่เป็นโครงการที่อยู่ในทำเลที่ถือว่าดีที่สุดใน Prime Central Bangkok (PCB) ซึ่งเป็นโซนที่มีความเป็นที่อยู่อาศัยและการใช้ชีวิตที่แวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อย่างสมบูรณ์แบบ ถือได้ว่าเป็นของที่มีจำกัดหรือเรียกได้ว่า Limited Edition/Collection อีกทั้งที่ดินที่จะสามารถพัฒนาโครงการในลักษณะนี้แทบจะไม่มีแล้ว
• ลูกค้ากลุ่มลักชัวรี่ ไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากสถานการณ์ปัจจุบัน โดยเฉพาะด้านกำลังซื้อ หรือสถานะทางการเงิน เพียงแต่ว่าในช่วงเวลานี้อาจต้องมีเหตุผลมากขึ้นในการเลือกซื้อ เช่น ราคาต่อตารางเมตรสูงมากแบบไม่มีเหตุผลก็อาจไม่ตัดสินใจซื้อ เงื่อนไขทางการเงิน หรือ ฟังกชั่นการใช้งานที่ยังไม่ตอบโจทย์ เป็นต้น
• เป็นการซื้อที่ไม่ได้หวังผลตอบแทน หรือ Yield แต่เป็นการซื้อลงทุน เพื่อเป็นที่อยู่อาศัย และเก็บเป็นทรัพย์สิน (Asset) ไว้ในอนาคต ที่จะมีมูลค่าเพิ่ม (Capital Gain) ในอนาคตอย่างแน่นอน  
สำหรับ 3 ทำเลคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ที่น่าอยู่และแพงที่สุดในขณะนี้ ได้แก่ 
1. ย่านวิทยุ-หลังสวน ปัจจุบันราคาเฉลี่ยของที่ดินอยู่ที่ประมาณ 1,500,000-3,100,000 บาทต่อตารางวา ขณะที่ราคาคอนโดเฉลี่ยอยู่ที่ 230,000-700,000 บาทต่อตารางเมตร
2. ย่านราชดำริ-สารสิน  ปัจจุบันราคาเฉลี่ยของที่ดินอยู่ที่ประมาณ 2,000,000-3,900,000 บาทต่อตารางวา ขณะที่ราคาคอนโดเฉลี่ยอยู่ที่ 250,000-370,000 บาทต่อตารางเมตร
3. ย่านทองหล่อ ปัจจุบันราคาเฉลี่ยของที่ดินอยู่ที่ประมาณ 1,200,000-1,800,000 บาทต่อตารางวา ขณะที่ราคาคอนโดเฉลี่ยอยู่ที่ 250,000-430,000 บาทต่อตารางเมตร
“หากเทียบเคียง 3 ทำเลดังกล่าวกับทำเลที่อยู่อาศัยที่มีชื่อเสียงในต่างประเทศก็จะเปรียบเหมือนเรามีทรัพย์สินหรือที่อยู่อาศัยในโซน 1 ของกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ซึ่งได้แก่ เคนซิงตัน เบลกราเวีย หรือไนท์บริดจ์ หรืออยู่ในโซน ฟิฟท์ อเวนิว ของนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ซึ่งเรียกได้ว่าทำเลทั้ง 3 แห่งนี้ไม่ว่าจะเป็นยุคไหน หรือสถานการณ์แบบไหน มูลค่าของทรัพย์ที่พัฒนาขึ้นก็ยังคงมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง” นายกิติศักดิ์กล่าว
ปัจจุบันแปลงที่ดินที่สามารถพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยใน 3 ทำเลดังกล่าวมีอยู่อย่างจำกัด ขณะที่ราคาที่ดินต่อตารางวาก็สูงขึ้นอย่างมากแตะระดับ 2 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งล่าสุดที่ดินบริเวณถนนสารสินใกล้กับ สวนลุมพินีได้มีการซื้อขายโดยบริษัทพัฒนาที่ดินรายใหญ่ในราคาที่เป็นสถิติสูงสุดที่ 3.9 ล้านบาทต่อตารางวา ซึ่งคาดว่าถ้ามีการพัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียมในรูปแบบ Freehold จะมีราคาขายเริ่มต้นไม่ต่ำกว่า 450,000 บาท ต่อตารางเมตรและมีจำนวนยูนิตที่จำกัด 
“การซื้อขายที่ดินในย่าน PBD ซึ่งปัจจุบันมีที่ดินเหลืออยู่น้อยมากและเป็นที่ดินที่มีอยู่เฉพาะไม่สามารถหาได้จากที่อื่นอีกแล้ว ปัจจุบันราคาซื้อขายสูงถึงตารางวาละ 2-2.5 ล้านบาท ขณะที่ราคาประเมินอยู่ที่ 1 ล้านบาท ซึ่งการซื้อขายและราคาที่ดินในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ชะลอตัวในอยู่ขณะนี้ทำให้ผู้ประกอบการเบรกการลงทุนใหม่ ความต้องการใช้ที่ดินจึงลดลง หากเจ้าของที่ดินไม่จำเป็นต้องรีบขายก็จะไม่มีการปรับราคาลงมา หรืออาจจะเปลี่ยนเป็นการให้เช่าระยะยาวแทน” นายกิติศักดิ์กล่าว
ทั้งนี้ ในย่าน PCB จะมีโครงการที่พัฒนาใน 2 แบบ คือ เช่าซื้อระยะยาว (Leasedhold) และแบบขายขาด (Freehold) โดยราคาซื้อขายต่อตารางเมตรของโครงการที่เป็น Leasedhold จะอยู่ในสัดส่วน 35-45% ของราคาที่เป็น Freehold อย่างไรก็ตาม ในบางโครงการที่เป็น Leasedhold ราคาขายต่อตารางเมตรอาจสูงใกล้เคียงกับ Freehold แต่จะถูกทดแทนด้วยคุณภาพของวัสดุที่ใช้ สิ่งอำนวยความสะดวก รวมไปถึงฟังก์ชั่นการใช้งานต่าง ๆ ที่เทียบได้กับบริการห้าดาว อีกทั้งสัญญาสิทธิการเช่าซื้อก็จะเพิ่มขึ้นด้วย เป็นลักษณะ 30+30 ปี และสามารถต่อได้อีก 10 ปี ซึ่งถือว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้รับจากโครงการ 
นายกิติศักดิ์ ให้ความเห็นทิ้งท้ายว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในวิกฤติจากไวรัสโควิด-19 ครั้งนี้ เมื่อเทียบกับวิกฤติในหลายครั้งที่ผ่านมา ถือเป็นวิกฤติที่ไม่เคยเกิดขึ้นในโลก และเพิ่งเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของวิกฤติเศรษฐกิจและวิกฤติอสังหาริมทรัพย์ที่เกิดจากโรคอุบัติใหม่ที่รุนแรง และลุกลามไปทั่วโลกอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งแตกต่างจากวิกฤติต้มยำกุ้งที่เกิดปัญหาเฉพาะประเทศไทย เมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลายยังมีกำลังซื้อจากต่างชาติไม่ว่าจะเป็นบริษัทหรือกองทุนอย่างเช่น เลห์แมน บราเธอร์ หรือโกลด์แมน ซาคส์ เข้ามากว้านซื้ออสังหาฯไทยทำกำไร ช่วยทำให้ทำให้เกิดการซื้อขายและเกิดการฟื้นตัวของธุรกิจได้เร็ว แต่ในสถานการณ์ขณะนี้ทุกประเทศมีปัญหาเหมือนกันหมดทำให้ไม่มีใครเอาเงินเข้ามาซื้อ เพราะต้องแก้ปัญหาของตัวเองก่อน ภาคเศรษฐกิจและอสังหาริมทรัพย์ทุกประเภทต้องหยุดชะงักรอเวลาถึงจุดต่ำสุด ซึ่งคาดว่าประมาณไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ หรือไตรมาสแรกของปีหน้า ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง 

“แม้ว่าภาครัฐจะพยายามใช้มาตรการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ การลดภาษีเพื่อลดภาระการซื้อบ้าน หรือมาตรการอื่นๆ ที่จะออกมากระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ แต่เมื่อประชาชนยังไม่มั่นใจในภาวะเศรษฐกิจ และรายได้ของตัวเองในอนาคต ก็จะยังชะลอการตัดสินใจซื้อออกไป ยกเว้นกลุ่มที่มีความจำเป็นต้องซื้อ เพื่ออยู่อาศัยจริงซึ่งมีอยู่ไม่มากนักในเวลานี้ ขณะที่กำลังซื้อต่างประเทศจะยังคงไม่สามารถเข้ามาได้ เพราะมีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อ นอกจากนี้ ธนาคาร ก็ยังคงเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ เพราะมีความกังวลกับภาวะหนี้เสียที่จะเกิดขึ้น ทุกธนาคารจึงมุ่งเน้นในการแก้ปัญหาหนี้เสียที่อาจจะเกิดขึ้นเป็นอันดับแรกก่อน ด้วยปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ ทำให้ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะยังคงอยู่ท่ามกลางภาวะวิกฤติไม่สามารถฟื้นตัวได้จนกว่าจะมีวัคซีนป้องกันโรคดังกล่าว” นายกิติศักดิ์กล่าว

 ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com

เคทีซี ลดดอกเบี้ยบัครเครดิต

เคทีซี ลดดอกเบี้ยบัครเครดิต

เคทีซี ขานรับ ธปท. ปรับลดเพดานอัตราดอกเบี้ยฯ บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล ดีเดย์ 1 สิงหาคมนี้

นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เคทีซี หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง บริษัทฯ ได้ร่วมสนับสนุนมาตรการของกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ดำเนินการช่วยเหลือด้านสินเชื่อให้กับสมาชิกที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มกำลังและต่อเนื่อง ครอบคลุมทั้งสมาชิกบัตรเครดิต สมาชิกสินเชื่อส่วนบุคคลและสมาชิกสินเชื่อทะเบียนรถยนต์เคทีซี กว่า 3.5 ล้านบัญชีทั่วประเทศ

โดยล่าสุดในวันที่ 1 สิงหาคม 2563 นี้เป็นต้นไป บริษัทฯ จะทำการปรับลดเพดานดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน ตามอัตราที่ ธปท. โดยที่สมาชิกไม่ต้องแจ้งความประสงค์เข้ามาที่บริษัทฯ ดังนี้ บัตรเครดิตเคทีซีทุกประเภท อัตราดอกเบี้ยรวมอัตราค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินเท่ากับ 16% ต่อปี บัตรกดเงินสด “เคทีซี พราว” (KTC PROUD) และสินเชื่ออเนกประสงค์ “KTC CASH” อัตราดอกเบี้ยรวมอัตราค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินสูงสุดเท่ากับ 25% ต่อปี

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ปรับลดอัตราผ่อนชำระของบัตรเครดิตจากเดิม 10% เหลือ 5% ตั้งแต่เดือนเมษายน 2563 – ปี 2564 อัตราร้อยละ 8 ในปี 2565 และอัตราร้อยละ 10 ในปี 2566 เป็นต้นไป ส่วนลูกหนี้สินเชื่อบุคคล “เคทีซี พราว” (KTC PROUD) ปัจจุบันได้รับอัตราผ่อนชำระขั้นต่ำ 3% ซึ่งอยู่ใน แนวทางการให้ความช่วยเหลืออยู่แล้ว รวมทั้งช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการระบาดของโควิด-19 เช่น การเปลี่ยนสินเชื่อเป็นระยะยาว การลดค่างวด 30% เป็นต้น โดยขยายเวลาการให้ความช่วยเหลือไปสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ทั้งนี้ ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2563 กลุ่มลูกหนี้ได้เข้าร่วมเปลี่ยนเป็นสินเชื่อระยะยาวภายใต้มาตรการช่วยเหลือของบริษัทฯ ประมาณกว่า 4,000 ราย คิดเป็นมูลค่าหนี้ประมาณกว่า 300 ล้านบาท และมียอดลูกหนี้ที่ขอพักชำระหนี้ 90 ราย

ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com


ตัดเกรดแข้ง “ลิเวอร์พูล” หลังคว้าแชมป์ “พรีเมียร์ลีก” ซีซั่น 2019-20

ตัดเกรดแข้ง “ลิเวอร์พูล” ยอดทีมแดนผู้ดี ภายใต้การนำทีม “เยอร์เกน คลอปป์” กุนซือเลือดเบียร์ ภายหลังจากที่คว้าแชมป์ “พรีเมียร์ลีก อังกฤษ” ประจำฤดูกาล 2019-20

วันที่ 31 ก.ค. 63 ความเคลื่อนไหวหลังจากที่ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ทีมขวัญใจมหาชน ผงาดคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำฤดูกาล 2019-20 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของพวกเขาตั้งแต่เปลี่ยนชื่อมาเป็น พรีเมียร์ลีก และถือเป็นแชมป์ลีกสูงสุดในรอบ 30 ปีของพวกเขาเลยทีเดียว และนี่คือบทวิเคราะห์และการตัดเกรดให้คะแนนนักเตะชุดตัวจริงที่ทาง เยอร์เกน คลอปป์ ผู้จัดการทีมชาวเยอรมัน ส่งลงสนามเป็นประจำ

อลิสสัน เบคเกอร์ (ผู้รักษาประตู) 7.5 คะแนน

นายทวารเจ้าของค่าตัว 67 ล้านปอนด์ ยังคงฟอร์มที่ยอดเยี่ยมจากซีซั่นก่อนมาถึงซีซั่นนี้ โอเคแหละว่าเขามีช่วงที่หายหน้าหายตาไปจากทีมช่วงต้นฤดูกาลที่เขามีอาการบาดเจ็บจนต้องให้ อาเดรียน รับบทเฝ้าเสาแทนราวๆ 10 กว่านัด แต่กระนั้นเมื่อเขากลับมาก็ยังคงรักษาซึ่งมาตรฐานระดับสูงเอาไว้จนสามารถเก็บไปได้ถึง 13 คลีนชีตในลีกเทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (แบ็กขวา) 8.5 คะแนน

แบ็กขวาร่างเพลย์เมกเกอร์รายนี้ช่วยสนับสนุนเกมรุกของทีมได้อย่างมากมายราวกับว่าเป็นจอมทัพอีกคนในทีมของ เยอร์เกน คลอปป์ เขามีการเปิดบอลที่แม่นยำและยังมีทีเด็ดจากลูกฟรีคิกอีกด้วยที่ปีนี้เขาทำไปได้ถึง 3 ครั้งโดย “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี เป็นทีมที่โดนไปถึง 2 หนเลยทีเดียว ซึ่งเขาทำไปทั้งหมด 13 แอสซิสต์ในลีก โดยเป็นรองเพียงแค่ เควิน เดอ บรุนด์ ที่ทำไปได้ 20 แอสซิสต์โจ โกเมซ (เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ) 6 คะแนน

ดูเหมือนว่าฟอร์มของเขาจะตกลงไปเมื่อเทียบกับฤดูกาลก่อนและประสบปัญหาในการเรียกฟอร์มกลับมาให้ได้เหมือนเดิม ตลอดทั้งฤดูกาลเขามีช่องให้คู่แข่งเจาะมากกว่าเดิมและมีจังหวะผิดพลาดให้เห็นเป็นระยะซึ่งอาจเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่แผงหลังของทีมเสียประตูมากกว่าฤดูกาลที่แล้ว

เวอร์จิล ฟานไดค์ (เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ) 8.5 คะแนน

เขาคือหัวใจสำคัญในเกมรับของทีมและเป็นหนึ่งในแข้งกำลังสำคัญของทีมจนสามารถคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก มาครองได้สำเร็จ เขาได้ลงเล่นครบทุกนาทีเกมลีกทั้ง 38 นัด หลักๆ แล้วผลงานของเขายังคงมีมาตรฐานที่ยอดเยี่ยมเหมือนเดิม แม้จะมีความผิดพลาดให้เห็นมากขึ้นก็ตาม แต่กระนั้นโดยภาพรวมเขาช่วยให้แผงหลังของทีมแน่นและเสถียรเป็นอย่างมาก

แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน (แบ็กซ้าย) 8 คะแนน

ยังมีมาตรฐานในระดับสูงเช่นเคยวิ่งสุดลงสุดในการช่วยทีมทางฝั่งซ้าย นอกจากนี้ดูเหมือนเขาว่าเขาจะนิ่งขึ้นและละเอียดมากมายในการจ่ายบอลหรือการเข้าแย่งบอลทำให้ความโฉ่งฉ่างที่เคยมีมาก่อนในอดีตลดลงไป พร้อมกันนี้ยังทำไปได้ถึง 12 แอสซิสต์ในลีกรั้งอันดับที่ 3 ของท็อปชาร์ต

ฟาบินโญ (กองกลาง) 7.5 คะแนน

แม้ตัวเขาจะประสบปัญหามีอาการบาดเจ็บรบกวนในระหว่างฤดูกาล แต่กระนั้นเขาถือเป็นตัวหลักสำคัญของ เยอร์เกน คลอปป์ ในการคุมจังหวะแดนกลางของทีม เขายังเพิ่มทีเด็ดในมิติเกมรุกด้วยบอลยาวและลูกแทงทะลุช่องสวยๆ หลายครั้งรวมถึงจังหวะยิงไกลจากแถวสองที่หวังผลได้

จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม (กองกลาง) 7 คะแนน

ยังคงทำหน้าที่เชื่อมเกมลำเลียงบอลจากแดนกลางไปหน้าได้อย่างไหลลื่น มาตรฐานยังคงยอดเยี่ยมเมื่อเทียบกับฤดูกาลก่อน นอจกากนี้ยังมีความมุ่งมั่นและขยันช่วยไล่บอลให้เห็นรวมถึงหาจังหวะลุ้นทำประตูมากขึ้นและแทบลูกประตูที่เขาทำได้ล้วนเป็นประตูสำคัญให้กับทีมแทบทั้งสิ้น

จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (กองกลาง) 8 คะแนน

ฤดูกาลนี้ถือว่าเขายกระดับฟอร์มการเล่นขึ้นมาเรียกได้ว่าดีขึ้นกว่าฤดูกาลก่อน เขาคุมเกมแดนกลางของทีมได้อย่างยอดเยี่ยมและแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำที่ดีทั้งในและนอกสนามจนทั้ง เยอร์เกน คลอปป์ และบรรดาเพื่อนร่วมทีมออกมาชื่นชมเขาอยู่บ่อยๆ จนท้ายที่สุดเขาได้เป็นคนชูถ้วยที่รอคอยมานานกว่า 30 ปีในครั้งนี้

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (กองหน้า) 8.5 คะแนน

หากนับกันที่ผลงานและสถิติโดยรวมคงต้องบอกว่าดร็อปลงไปจากซีซั่นที่แล้วอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับตกลงฮวบฮาบจนน่าใจหายแต่อย่างใด (ทำได้ 19 ประตู 10 แอสซิสต์ในลีก) ตัวเขาก็ยังเป็นเขาเล่นในแบบฉบับของตัวเองและในหลายๆ ครั้งก็เลือกที่จ่ายบอลให้เพื่อนมากขึ้นแม้จะยังไม่เนียนมากนักก็ตามที แต่ทั้งหมดทั้งมวลมันก็ทำให้ทีมไปถึงจุดหมายที่รอคอยมานาน

โรแบร์โต เฟอร์มิโน (กองหน้า) 7 คะแนน

ถ้าเทียบกับแนวรุกของทีมเขาถือว่าเขาฟอร์มดร็อปลงไปพอสมควรทั้งในเรื่องของฟอร์มการเล่น, แอสซิสต์ หรือการทำประตูที่ทำไปได้แค่ 9 ลูกกับอีก 8 แอสซิสต์ในลีกเท่านั้นและกว่าจะทำประตูที่ แอนฟิลด์ ได้ต้องรอจนถึงช่วงท้ายจริงๆ ของฤดูกาล ความมั่นใจที่บางครั้งเหมือนหดหายไปบ้าง แต่กระนั้นเขาก็ยังเป็นเชื่อมเกมรุกที่ดีและช่วยทำให้ทีมได้ประโยชน์โดยรวมหลายครั้ง

ซาดิโอ มาเน (กองหน้า) 8 คะแนน

นี่ก็เป็นอีกคนที่มาตรฐานอาจไม่ร้อนแรงเปรี้ยงปร้างเท่าปีก่อน ในหลายๆ เกมเขาอาจดูเงียบๆ ไปบ้าง แต่สถิติก็ยังโอเคด้วยผลงาน 18 ประตูกับอีก 7 แอสซิสต์ในลีก และนั่นก็เพียงพอที่จะช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ลีก

ขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th


“โรคพยาธิในช่องคลอด” ภัยเงียบที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า

“โรคพยาธิในช่องคลอด” ภัยเงียบที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า

เชื้อราในช่องคลอดและพยาธิในช่องคลอดต่างกันอย่างไร? รู้จักโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ “โรคพยาธิในช่องคลอด” แพทย์เตือนไม่รีบรักษาอาจลุกลามไปถึงท่อปัสสาวะและกระเพาะปัสสาวะ

โรคพยาธิในช่องคลอดคืออะไร

ข้อมูลโดย ผศ.พญ.อรวิน วัลลิภากร สาขาวิชาเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล อธิบายว่า โรคพยาธิในช่องคลอด (Trichomoniasis) คือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดหนึ่งเกิดจากการติดเชื้อโปรโตซัวที่มีชื่อว่า Trichomonas vaginalis พบได้ทั้งในเพศหญิงและเพศชาย แต่จะพบได้ในเพศหญิงมากกว่า ซึ่งตัวพยาธินั้นมีขนาดเล็กมากไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าต้องดูผ่านกล้องจุลทรรศน์เท่านั้น ความน่ากลัวของโรคนี้คือหากเป็นแล้วจะพบผู้ป่วยที่แสดงอาการเพียง 20-30 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ทำให้หลายคนไม่รู้ตัว และแพร่กระจายเชื้อไปสู่คู่นอนได้

อาการของโรคพยาธิในช่องคลอด

  • มีตกขาวมากผิดปกติ ตกขาวเป็นฟอง และอาจส่งกลิ่นเหม็นคาวปลา
  • มีเลือดไหลออกจากช่องคลอด
  • บวม แดง คัน หรือรู้สึกแสบบริเวณอวัยวะเพศ
  • ปวดปัสสาวะบ่อย
  • เจ็บปวดขณะปัสสาวะ หรือมีเพศสัมพันธ์

หากเป็นแล้วปล่อยทิ้งไว้ ไม่รีบรักษา จะลุกลามไปถึงท่อปัสสาวะและกระเพาะปัสสาวะทำให้อักเสบได้ เนื่องจากท่อปัสสาวะและช่องคลอดอยู่ใกล้กันจึงสามารถติดเชื้อได้ง่าย ในระยะยาวอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงโรคมะเร็งปากมดลูก และส่งผลให้มีบุตรยากในอนาคต

เชื้อราในช่องคลอดและพยาธิในช่องคลอดต่างกันอย่างไร

ความแตกต่างของเชื้อราในช่องคลอดและพยาธิในช่องคลอดสามารถแยกได้จากลักษณะอาการที่เด่น ๆ เช่น เชื้อราในช่องคลอดมักจะก่อให้เกิดอาการคันมากกว่า และตกขาวจะมีลักษณะเหมือนแป้งเปียก แต่พยาธิในช่องคลอดจะก่อให้เกิดการระคายเคืองและมีอาการแสบบริเวณอวัยวะเพศเมื่อปัสสาวะหรือมีเพศสัมพันธ์

วิธีการป้องกันโรคพยาธิในช่องคลอด

โรคพยาธิในช่องคลอดสามารถติดต่อได้ทางเพศสัมพันธ์ ดังนั้นโรคนี้จึงสามารถป้องกันได้ด้วยการสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์เช่นเดียวกับการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ และไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย นอกจากนี้หากพบว่ามีอาการตกขาวผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์ทันที

วิธีการรักษา

โรคพยาธิในช่องคลอดเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่สามารถรักษาให้หายขาดได้โดยการรับประทานยาตามแพทย์สั่งต่อเนื่อง 7-10 วัน แต่ถึงแม้จะรักษาจนหายขาดแล้วก็สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้ เนื่องจากกลับไปมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนเดิมที่ติดเชื้อ ดังนั้นในทางการแพทย์จะแนะนำให้ผู้ที่สงสัยว่าจะเป็นโรคพยาธิในช่องคลอดและคู่นอน มารับการตรวจและรักษาไปพร้อม ๆ กัน เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำใหม่นั่นเอง

ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com


การบอกเวลาเป็นภาษาอังกฤษ

เป็นบทสนทนาสุดเบสิคเลยจริงๆ สำหรับประโยคการถามไถ่ถึงเวลาต่างๆ  หายคนอาจจะเคยผ่านตามาบ้างในชั้นเรียน แต่รู้หรือเปล่าว่าการบอกเวลาเป็นภาษาอังกฤษ แท้จริงแล้วมีอะไรซ่อนมากกว่านั้นอยู่นะ! ว่าแต่มันคืออะไร ตาม วอลล์สตรีทอิงลิช มาดูเลยดีกว่า!

โดยทั่วไปแล้ว วิธีหลักๆ ในการบอกเวลาจะแบ่งเป็น 2 แบบ ดังต่อไปนี้

แบบ British English

หลายคนน่าจะคุ้นเคยกับ แบบนี้ไม่มากก็น้อย เพราะแบบ British English จะใช้ระบบเวลาแบบ 12 ชั่วโมง โดยจะใช้เลข 1 -12 ตามด้วย a.m. และ p.m. ที่หลายๆ คนต่างคุ้นเคยกันนั่นเอง

a.m. = ante meridiem = หลังเที่ยงคืน – ก่อนเที่ยงวัน (00.01 a.m. – 11.59 a.m.)

p.m. = post meridiem = หลังเที่ยงวัน – ก่อนเที่ยงคืน (12.00 p.m. – 11.59 p.m.)

หากคุณต้องการบอกเวลาเต็มชั่วโมง ให้เติมคำว่า “o’clock” ท้ายเวลา หรือพูด a.m. และ p.m. ตามด้วยเวลาต่างๆ ก็ได้ เช่น

10.00 a.m. = ten o’clock in the morning

04.00 p.m = four o’clock in the afternoon

แต่ถ้า คุณอยากจะบอกเวลาที่ผ่านชั่วโมงมาแล้ว แต่ไม่เกิน 30 นาที ให้บอกนาทีนำหน้า แล้วตามด้วย “past” และชั่วโมงที่ผ่านมา เช่น

09.25 a.m. = twenty-five past nine

05.12 p.m. = twelve past five

เวลาที่ผ่านชั่วโมง และเกิน 30 นาทีมาแล้ว ให้บอกนาทีที่เหลือก่อนจะถึงชั่วโมงถัดไป ตามด้วย “to”  และชั่วโมงถัดไป เช่น

07.50 a.m. = ten to eight

08.40 p.m. = twenty to nine

สำหรับ การบอกเวลาแบบ British English หากนาฬิกาเป็นเวลา 15 นาทีหรือ 45 นาที ให้ใช้คำว่า a quarter และหากเป็น 30 นาที ให้ใช้ half เช่น

06.15 a.m. = a quarter past six

06.30 a.m. = half past six

แบบ American English

อีกรูปแบบการบอกเวลา ที่หลายคนอาจจะคุ้นเคยอยู่บ้าง แต่ไม่ได้นิยมใช้แพร่หลายมากเท่า British English  เพราะแบบ American English จะใช้ระบบเวลาแบบ 24 ชั่วโมง ใช้ตั้งแต่เลข 0 ไปจนถึง 24 และแน่นอนว่า จะไม่มี a.m. และ p.m. เด็ดขาด

สำหรับคนที่ไม่คุ้นชินกับการบอกเวลาแบบนี้ วิธีพูดคือ ให้บอกเลขชั่วโมงก่อนตามด้วยเลขนาที โดยทั่วมักจะใช้ในทางทหาร หรืองานที่เป็นทางการ  เช่น

เวลา 20.15 น. = twenty fifteen

เวลา 08.05* น. = eight O five  *ใช้เสียง O (โอ) แทนเลข 0

เวลา 17.50 น. = seventeen fifty

เทคนิคเล็กน้อย สำหรับการบอกเวลาด้วย American English คุณจะสามารถเติมคำประมาณอย่าง about, around หรือ nearly  ลงไปได้ เช่น

เวลา 08.02 น. =It’s about eight o’clock

เวลา 09.27 น.  = It’s nearly half past nine

ส่งท้าย ทริคเล็กน้อย

  • ในเวลาเที่ยงคืนหรือเที่ยงวัน สามารถใช้คำว่า “midnight” หรือ “midday / noon” แทนเลข 12 ได้ เช่น  เวลา 00:00 น. แทนช่วงเวลานี้ ว่า midnight หรือ เวลา 12:00 น. แทนช่วงเวลานี้ว่า midday or noon
  • ส่วนในการพูดอย่างเป็นทางการ สามารถใช้ “a.m.” หรือ “p.m.” ประกอบได้อยู่เหมือนเดิม เช่น เวลา เวลา 03:15 น. บอกได้ว่า  three fifteen a.m
  • หากจำเป็น ก็สามารถใช้ “in the morning, in the afternoon, in the evening, at night” ประกอบได้ เช่น  เวลา 03:15 น. เป็น A quarter past three in the morning. หรือ A quarter past three at night. ก็ได้เช่นกัน

สำหรับใครที่เป็นมือใหม่ หรือคุ้นชินกับการบอกเวลาด้วย a.m. หรือ p.m. ของระบบ British English คงไม่มีปัญหาเกี่ยวกับการตอบ

แต่สำหรับใครที่อยากเก๋าเกมมากขึ้นไปอีก หรืออยากแปลกใหม่ หรือเจ้านาย ลูกค้าถนัดแบบ American English ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรใช่ไหมละ ?

ขอบคุณข้อมูลจาก wallstreetenglish.in.th


ฮอนด้า โรงงานรถยนต์ กลับมาเดินกำลังผลิต 60%

ฮอนด้า ออโตโมบิล เผย โรงงานผลิตรถยนต์ฮอนด้า กลับมาทำงานเป็นปกติหลังโควิด -19 พร้อมเดิน กำลังการผลิต 60% ปลื้ม “ฮอนด้า ซิตี้” ยอดขายดี

บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด  มี โรงงานผลิตรถยนต์ฮอนด้า ในเมืองไทย 2 แห่ง ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กับ ปราจีนบุรี โดยเป็นบริษัทรายแรกๆ ที่ประกาศหยุดสายการผลิตชั่วคราว (วันที่ 27 มี.ค.63) เพื่อควบคุมสต๊อกให้เหมาะสมกับสถานการณ์ตลาด ที่ยอดขายลดลงในช่วงวิกฤติโควิด-19

พิทักษ์ พฤทธิสาริกร

นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตชิ้นส่วน ที่ใหญ่ที่สุดของฮอนด้าในโลก หลังการหยุดการผลิตรถยนต์ชั่วคราว ที่ โรงงานฮอนด้า ทั้ง 2 แห่งปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แต่ในช่วงนั้นการผลิตชิ้นส่วน และเครื่องยนต์ยังดำเนินงานอยู่

“หลังจากนั้น ในเดือนพฤษภาคม เรากลับมารีสตาร์ทผลิตรถยนต์เพื่อส่งออก เพราะเราเปิดตัว ฮอนด้า ซิตี้ โฉมใหม่ เป็นประเทศแรกในโลก และเป็นฐานผลิตที่ต้องส่งออกไปหลายประเทศ จึงเริ่มกลับมาผลิตเพื่อส่งออกหลังจากหยุดไปหนึ่งเดือน แต่การผลิตเพื่อป้อนตลาดในประเทศ เพิ่งจะเริ่มเดือนกรกฎาคม ซึ่งตอนนี้โรงงานกลับมาใช้กำลังผลิตแล้ว 60%”

บริษัทกลับมาผลิตเพื่อป้อนตลาดในประเทศมากขึ้น แต่ตลาดส่งออกยังลดลงพอสมควร ทั้ง ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19

“ตลาดรถยนต์สอดคล้องไปกับสภาพเศรษฐกิจ ที่ประเมินกันว่าต้องใช้เวลาฟื้นตัวอีก 2-3 ปี ยิ่งประเทศไทยพึ่งพาการท่องเที่ยวเป็นหลัก นักท่องเที่ยวต่างชาติยังไม่กลับมา จะกระทบกับรายได้และเศรษฐกิจของประเทศ ขณะที่ตลาดรถยนต์รวมปีนี้คาดว่าจะทำได้ 6.8 แสนคัน ในจำนวนนี้เป็นรถยนต์นั่ง 3.04 แสนคัน และฮอนด้าตั้งเป้าหมายไว้ 9.5 หมื่นคัน ลดลง 25% เมื่อเทียบกับปี 2562” นายพิทักษ์ กล่าว

สำหรับ 6 เดือนแรกของปี (ม.ค.- มิ.ย. 63) ฮอนด้า ขายรวมทุกรุ่น 41,326 คัน ครองส่วนแบ่งการตลาด 29.2% โดย “ฮอนด้า ซิตี้” มียอดขายมากที่สุด 16,950 คัน

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


สารพัดประโยชน์ เห็ดนานาชนิด

เห็ด

 เป็นแหล่งอาหารโปรตีนจากธรรมชาติ ที่มีวิวัฒนาการมาจากการประสานเส้นใยจำนวนมากของเชื้อราชั้นสูง และถึงแม้เห็ด จะขาดกรดอะมิโนบางตัวไปบ้าง แต่ในเรื่องของรสชาติและเนื้อสัมผัสนั้น รับรองว่าเห็ดไม่เป็นรองใคร ในยุทธจักรอาหารอย่างแน่นอน ที่สำคัญเห็ดยังให้คุณค่าทางโภชนาการและมีสรรพคุณทางยา ซึ่งมีคุณสมบัติที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันในร่างกาย และช่วยลดอัตราความเสี่ยงจากโรคร้ายต่างๆ เช่น โรคมะเร็ง เบาหวาน อัลไซเมอร์ ความดันโลหิตสูงและหลอดเลือดหัวใจอุดตัน เป็นต้น

จุดเด่นของเห็ด

เห็ดจัดเป็นอาหารประเภทผักที่ปราศจากไขมัน มีปริมาณน้ำตาลและเกลือค่อนข้างต่ำ และยังเป็นแหล่งโปรตีนที่ดี เมื่อเทียบกับผักอีกหลายชนิด อีกทั้งยังมีรสชาติและกลิ่นที่ชวนรับประทาน ซึ่งรสชาติที่โดดเด่นนี้ มาจากการที่เห็ด มีกรดอะมิโนกลูตามิค เป็นองค์ประกอบ โดยกรดอะมิโนตัวนี้จะทำหน้าที่ช่วยกระตุ้นประสาทการรับรู้รสอาหารของลิ้นให้ไวกว่าปกติ และทำให้มีรสชาติคล้ายกับเนื้อสัตว์

นอกจากนี้เห็ดยังอุดมไปด้วยวิตามิน โดยเฉพาะวิตามินบีรวม(ไรโบฟลาวิน) และไนอาซิน ซึ่งจะช่วยควบคุมการทำงานของระบบย่อยอาหาร ในส่วนของเกลือแร่ เห็ดจัดเป็นแหล่งเกลือแร่ที่สำคัญ โดยมีเกลือแร่ต่างๆ เช่น ซิลิเนียม ทำหน้าที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน โปแตสเซียม ทำหน้าที่ควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจ สมดุลของน้ำในร่างกาย การทำงานของกล้ามเนื้อและระบบประสาทต่างๆ ลดการเกิดโรคความดัน-โลหิตสูง อัมพฤกษ์ และอัมพาต ส่วนทองแดง ทำหน้าที่ช่วยเสริมสร้างการทำงานของธาตุเหล็ก

สรรพคุณของเห็ด

เห็ดมีองค์ประกอบของพฤกษเคมีที่ชื่อว่า “โพลีแซคคาไรด์” (Polysaccharide) จะทำงานร่วมกับแมคโครฟากจ์ (macrophage) ซึ่งเป็นเซลล์คุ้มกันขนาดใหญ่ที่ออกจากหลอดเลือดเข้าสู่เนื้อเยื่อและจะไป จับกับโพลีแซคคาไรด์ที่บริเวณกระเพาะอาหาร และนำไปส่งยังเซลล์คุ้มกันตัวอื่นๆ โดยจะช่วยกระตุ้นวงจรการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย    เสริมและช่วยเพิ่มปริมาณและประสิทธิภาพของเซลล์คุ้มกันธรรมชาติ ให้ทำหน้าที่ทำลายเซลล์แปลกปลอมที่เข้ามาในร่างกาย รวมถึงพวกไวรัส  และแบคทีเรียอื่นๆ ด้วย เห็ดที่มีปริมาณสารโพลีแซคคาไรด์สูง คือ เห็ดหอมหรือเห็ดชิตาเกะ เห็ดนางรม เห็ดหูช้าง และเห็ดกระดุม เป็นต้น และเห็ดอื่นๆ ที่นิยมนำมารับประทาน ได้แก่ เห็ดฟาง เห็ดหลินจือ เห็ดฟาง เห็ดหูหนู เห็ดกระดุมหรือแชมปิญอง เห็ดโคน และเห็ดเข็มทอง เป็นต้น นอกจากนี้ยังสามารถใช้เห็ดเป็นยาได้อีกด้วยซึ่งสรรพคุณทางยาของเห็ดมีมากมาย เช่น ช่วยควบคุมการทำงานของอวัยวะสำคัญต่างๆ เช่น สมอง หัวใจ ปอด ตับ และระบบไหลเวียนของโลหิต เนื่องจากชาวจีนจัดเห็ดเป็นยาเย็น เพราะมีสรรพคุณช่วยลดไข้ เพิ่มพลังชีวิต ดับร้อนใน แก้ช้ำใน บำรุงร่างกาย ลดระดับน้ำตาล และคอเลสเตอรอลในหลอดเลือด ลดความดัน ขับปัสสาวะ ช่วยให้หายหงุดหงิด บำรุงเซลล์ประสาท รักษาอาการอัลไซเมอร์ และที่สำคัญ คือ ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง

ขอบคุณข้อมูลจาก  webdb.dmsc.moph.go.th


ชนิดทอง ราคารับซื้อ กรัมละ ราคารับซื้อ บาทละ ราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5% n/a 28,900.00 29,000.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,872.00 28,379.52 29,500.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,684.80 25,541.57 n/a
ทองรูปพรรณ 80% 1,497.60 22,703.62 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 842.00 12,764.72 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 655.00 9,929.80 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,940.00 29,410.40 n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 31/07/2563

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันซัสโก้
ซัสโก้ดีลเลอร์
แก๊สโซฮอล์ 95 21.55 21.55 21.55 21.55 21.95 21.55 21.55 21.55 21.55 21.55
แก๊สโซฮอล์ 91 21.28 21.28 21.28 21.28 21.68 21.28 21.28 21.28 21.28 21.28
แก๊สโซฮอล์ E20 20.04 20.04 20.04 20.04 20.44 20.04 20.04 20.04 20.04
แก๊สโซฮอล์ E85 17.99 17.99
เบนซิน 95 28.96 29.81 29.46 28.96 28.96
ดีเซล 22.59 22.59 22.59 22.59 22.59 22.59 22.59 22.59 22.59 22.59
ดีเซล B10 19.59 19.59 19.59 19.59 19.59 19.59 19.59 19.59 19.59 19.59
ดีเซล B20 19.34 19.34 19.34 19.34 19.34 19.34 19.34 19.34
ดีเซลพรีเมี่ยม 27.04 27.06 29.04 29.04
แก๊ส NGV 15.31 15.31
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า