VMPC ลุ้น ศก. ฟื้นปลุกกำลังซื้อตลาดอสังหาฯ ส่ง “แอสเทรา เบลส” ประชันมหกรรมบ้านฯ
ซีอีโอ VMPC จับตา NPL-หนี้ครัวเรือน ตัวแปรสำคัญเศรษฐกิจไทย ลุ้น! ปี 2561 ตลาดอสังหาฯกระเตื้อง ล่าสุด นำ “แอสเทรา เบลส” ทาวน์โฮม 3 ชั้นครึ่ง สไตล์โมเดิร์น ชูจุดเด่น “Free Space Design” บนทำเลทองติดถนนพระราม 2 ร่วมออกบูทงาน “มหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 37” พร้อมโปรโมชั่นเอาใจคนซื้อบ้าน! ลงทะเบียนออนไลน์ผ่านหน้าเว็บไซต์ และภายในงาน รับทันที! ส่วนลดเงินสด 100,000 บาท และสิทธิพิเศษอื่น ๆ อีกมากมาย
นายปริญญา เธียรวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วี.เอ็ม.พี.ซี. จำกัด (VMPC) ผู้นำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งเพื่อขาย และให้เช่า เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.ย. 2560) ในส่วนของอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่า โดยเฉพาะโรงแรมปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นมาก จากการท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง สำหรับอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายยังไม่ดีเท่าที่ควร เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังไม่มีสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจน วิเคราะห์ได้จากหนี้เสียในระบบ หรือหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ที่มีการปรับตัวขึ้น ๆ ลง ๆ ส่งผลให้สถาบันการเงินมีมาตรการเข้มงวดในเรื่องของการปล่อยสินเชื่อ รวมถึงหนี้ครัวเรือนที่ยังคงมีสัดส่วนอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ผู้บริโภคมีความสามารถในการกู้ลดลง
“อัตราหนี้เสียในระบบที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้แบงก์ระมัดระวังในเรื่องของการปล่อยกู้เพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ นอกจากนี้ ยังมีปัญหาในเรื่องของเพดานเงินกู้ของแต่ละบุคคล เนื่องจากบางคนมีหนี้เก่ามากพอสมควรอยู่แล้ว พอจะก่อหนี้ใหม่แบงก์ก็ลังเล ไม่กล้าปล่อยกู้ อย่างไรก็ตาม สำหรับสถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2560 ต่อเนื่องไปจนถึงปี 2561 ในฐานะผู้ประกอบการก็มีความหวังว่าจะค่อย ๆ ปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งจะต้องมีการประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เป็นระยะสั้น ๆ ไม่สามารถประเมินระยะยาวได้เหมือนเมื่อก่อน เพราะช่วงนี้เศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะที่อ่อนไหวพอสมควร”
นายปริญญา กล่าวว่า ในปี 2560 แผนการดำเนินงานของบริษัทฯ เป็นไปตามเป้าหมาย โดยปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย 70% และอีก 30% เป็นรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่า ซึ่งในการพัฒนาโครงการทุกโครงการ บริษัทฯ จะให้ความสำคัญกับเรื่องของทำเลที่มีศักยภาพ อย่างล่าสุด คือ โครงการ “แอสเทรา เบลส” (Astera Bless) ทาวน์โฮม 3 ชั้นครึ่ง ติดถนนพระราม 2 กม. 5 ซึ่งหลังจากเปิดตัวช่วงกลางเดือนมิถุนายน 2560 ปรากฏว่าได้รับการตอบรับที่ดีมาก สามารถปิดยอดขายในเฟส 1 ไปแล้วกว่า 90% จากจำนวน 51 ยูนิต มูลค่ากว่า 400 ล้านบาท ภายในระยะเวลาเพียง 2 เดือน พร้อมทั้งเตรียมเปิดแอสเทรา เบลส เฟส 2 อีก 69 ยูนิต
โดยล่าสุด บริษัทฯ ได้นำโครงการแอสเทรา เบลส ร่วมออกบูทภายในงาน “มหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 37” ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-8 ตุลาคม 2560 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
สำหรับโครงการแอสเทรา เบลส มีพื้นที่โครงการรวมประมาณ 28 ไร่ จำนวน 221 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,100 ล้านบาท ออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ “ทาวน์โฮมแนวคิดใหม่ที่ไม่เหมือนใคร” เน้นความหรูหราในสไตล์โมเดิร์น พร้อมจุดเด่น “Free Space Design” ด้วยการดีไซน์ทุกพื้นที่ภายในบ้านที่พร้อมและสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของผู้อยู่อาศัย พร้อมฟังก์ชันใช้สอยสุดคุ้มค่า บนทำเลศักยภาพ ติดถนนพระราม 2 การเดินทางสะดวกสบาย ระบบสาธารณูปโภคครบครัน ตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่สมบูรณ์แบบของสมาชิกทุกคนในครอบครัว
https://mgronline.com
ในกระแส | คอนโดฯ “โซนทองหล่อ-เอกมัย” แรง
ในกระแส | นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร กล่าวถึงผลสำรวจภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ทำเล “ทองหล่อ-เอกมัย” พบว่า คอนโดมิเนียมเป็นที่อยู่อาศัยที่ได้รับความนิยมในย่านทองหล่อ-เอกมัย มีราคาปรับสูงขึ้นทั้งแบบไฮไรส์และโลว์ไรส์ ซึ่งประเภทไฮไรส์ราคาปรับขึ้นไปมากที่สุด พบใน “ซอยทองหล่อ (สุขุมวิท 55)” มีโครงการที่เปิดตัวในปี 2556 จำนวน 550 หน่วย สามารถปิดการขายได้ทั้งหมด ซึ่งเทรนด์ของอุปทานใหม่ที่เข้าสู่ตลาดส่วนใหญ่เป็นโครงการ High End
โดยในช่วงครึ่งปีแรก อุปสงค์ให้การตอบรับดี มียอดขาย 74% ราคาเฉลี่ยคอนโดมิเนียมแบบไฮไรส์บริเวณ “สุขุมวิท 55” จากปี 2556 ถึงช่วงครึ่งแรกปี 2560 มีราคาเปิดตัวโครงการใหม่ก้าวกระโดดถึง 159% เนื่องจากที่ดินในการพัฒนาจำกัด ขณะที่ ทำเลเอกมัยราคาเฉลี่ยคอนโดมิเนียมแบบไฮไรส์ มีแนวโน้มเติบโตในช่วง 5 ปี จากราคาเฉลี่ย 100,000 บาท/ตารางเมตร มาอยู่ที่ 1.75 แสนบาท/ตารางเมตร หรือเพิ่มขึ้นถึง 75% ทั้งนี้ ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา พบอุปทานคอนโดมิเนียมแบบไฮไรส์มากขึ้น เพราะได้รับอานิสงส์จากทองหล่อที่พื้นที่เริ่มหนาแน่น ราคาขยับสูงขึ้น ทำให้มีการพัฒนาโครงการในเอกมัยมากขึ้น โดยอุปสงค์ให้การตอบรับกว่า 80% หรือคิดเป็นอัตราดูดซับ 21 หน่วย/เดือน/โครงการ ทั้งนี้ ช่วงครึ่งแรกปี 2560 มีอุปทานในตลาดเพิ่มมากขึ้น รวมจำนวน 701 ยูนิต และอุปสงค์ให้การตอบรับดี โดยมียอดขาย 89% ส่วนครึ่งปีหลังมีการตอบรับดีเช่นกัน
http://www.thansettakij.com
กทม.รอลุ้นภาษีที่ดิน ดันรายได้พุ่ง30-50%
การที่ภาครัฐยังคงยืนยัน ร่างพ.ร.บ.ที่ดินและสิ่งปลูก สร้าง พ.ศ. … จะทันบังคับใช้ในปี 2562 กทม.ในฐานะหน่วยงานจัดเก็บภาษีท้องถิ่นรายใหญ่ เตรียมความพร้อมและประเมินผลต่อรายได้จัดเก็บอย่างไร
“ฐานเศรษฐกิจ” สัมภาษณ์พิเศษ นายกฤษฎา ศิริพิบูลย์ผู้อำนวยการสำนักการคลัง (สนค.) กรุงเทพมหานคร (กทม.) มีรายละเอียดดังนี้…
++ผลต่อรายได้จัดเก็บ
กทม.ได้ทำการสุ่มสำรวจสิ่งปลูกสร้างเขตชั้นในและชั้นนอก นำร่อง 5 สำนักงานเขต คือสำนักงานเขตคลองเตย บางแค บางขุนเทียน ลาดกระบัง และสาทร สำนักงานเขตละ 3-4 ราย ไปประเมินตามอัตราภาษีใหม่ที่ใช้ฐานราคาประเมินของกรมธนารักษ์ ผลปรากฏว่ารายได้เพิ่มกว่าปัจจุบันที่ใช้ฐานราคาปานกลางที่ดินของกระทรวงมหาดไทยปี 2524 ที่จัดเก็บจากภาษีโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง, ภาษีบำรุงท้องที่รวมกัน และคาดว่ากทม.จะมีรายได้เพิ่มจากภาษีตัวใหม่ 30-50% จากที่จัดเก็บภาษีในปัจจุบันได้ราว 1.5 หมื่นล้านบาท น่าจะเพิ่มเป็นไม่น้อยกว่า 2 หมื่นล้านบาท ในปี 2562
กฤษฎา ศิริพิบูลย์ผู้อำนวยการสำนักการคลัง (สนค.) กรุงเทพมหานคร (กทม.)
“คือเรารู้ว่าราคาประเมินของกรมธนารักษ์ ไม่ใช่ราคาซื้อขาย เพียงแต่ยังไม่รู้ชัดว่าจะตํ่ากว่าราคาซื้อขายสักเท่าไร แต่สูงกว่าปี 2524 แน่ๆ ซึ่งต้องรอให้มีการวัดพื้นที่ทั้งที่ดิน-ตัวอาคารอย่างละเอียด และคำนวณการใช้ประโยชน์ของพื้นที่ ส่วนจะกระทบประชาชนมากน้อยหรือไม่ ต้องดูว่ากฎหมายเคาะออกมาจะมีข้อยกเว้นอะไร เช่นเดิมระบุ ยกเว้นภาษีกรณีบ้านรวมที่ดินหลังแรกมูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท ล่าสุดขยับเป็นว่าไม่เกิน 20 ล้านบาทไม่ต้องเสียภาษี ผล กระทบแน่ๆ จะเป็นกลุ่มบ้านเช่า และอาคารพาณิชย์ที่ต้องเสียมากกว่าปัจจุบัน
++งบอุดหนุนลด?
ช่วง 3 ปีงบประมาณ 2558, 2559 และ 2560 กทม.ได้รับงบอุดหนุนอยู่ที่ 15,068 ล้านบาท, 16,589 ล้านบาท และ 19,975 ล้านบาทตามลำดับ วงเงินตรงนี้จะเปลี่ยนแปลงไปตามมติของคณะกรรมการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่น (มีนายวิษณุ เครืองาม เป็นประธาน)
“คำถามที่ว่ารายได้ของ กทม.เพิ่มงบอุดหนุนที่ได้รับจัดสรรจะถูกหั่นหรือไม่ คือเราคาดว่าปีงบประมาณ 2561 ยัง ได้ใกล้เคียงของเดิมประมาณ 2 หมื่นล้านบาท แต่ปีงบประมาณ 2562 อาจมีการวางหลักเกณฑ์ใหม่ให้กับท้องถิ่น อย่างไรก็ดี การที่กทม.ได้รับงบอุดหนุนเพิ่มแต่ละปี ก็มาจากภารกิจที่รัฐมอบหมายเพิ่ม เช่นเบี้ยยังชีพ, เบี้ยผู้พิการ เงินเดือนครู ฯลฯ ทุกปีกทม.ไม่พออยู่แล้วต้องเอางบกทม.มาจ่ายสมทบ และยังมีโครงการที่กทม.ต้องพัฒนาอีกมาก โดยเฉพาะรถไฟฟ้าที่รัฐบาลโอนภารกิจมาให้ ซึ่งก็ต้องเตรียมการรองรับ”
งบรายจ่ายประจำปี 2560 ของกทม.อยู่ที่ 95,033 ล้านบาท จำนวนนี้เป็นงบอุดหนุน 19,975 ล้านบาทและงบกทม.75,058 ล้านบาท ตั้งเป้ารายได้ที่ 76,000 ล้านบาท ตัวเลข ณ วันที่ 20 กันยายน 2560 (1 ต.ค.59-20 ก.ย. 60) จัดเก็บได้ 75,337 ล้านบาท
แยกเป็นรายได้ที่ส่วนราชการอื่นจัดเก็บให้ 56,875 ล้านบาท (จากเป้า 56,000 ล้านบาท) รายได้จากภาษีที่กทม.จัดเก็บเอง 14,492 ล้านบาท (เป้า 15,820 ล้านบาท และรายได้จากภาษีค่าธรรมเนียม-สาธารณูปโภค ที่กทม.จัดเก็บอีก 3,971 ล้านบาท (เป้า 4,180 ล้านบาท)
++เตรียมการ 1 ปีอย่างไร
หากพ.ร.บ.ภาษีที่ดินฯบังคับใช้ปี 2562 กทม.จะมีเวลาเตรียมการ 1 ปี งานที่ต้องทำคือปี 2561 เราต้องสำรวจที่ดินประมาณกว่า 2 ล้านแปลง และอาคารอีก 2.8 ล้านหลัง ปัจจุบันกทม.ยังเข้าสำรวจไม่ได้ เพราะการจะขอข้อมูลจากกรมที่ดิน เราต้องจ่ายค่าธรรมเนียมในอัตราเดียวกับคนทั่วไป ประเมินค่าใช้จ่ายกว่า 10 ล้านบาท จึงต้องรอให้กฎหมายคลอดเสียก่อน กฎหมายได้ให้อำนาจ กทม.ในฐานะหน่วยงานผู้จัดเก็บภาษี ซึ่งกรมที่ดินมีหน้าที่ต้องให้ข้อมูล
กทม.ยังได้ประสานกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยขอข้อมูลรหัสประจำบ้าน ชื่อเจ้า ของบ้านเพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลในการจัดเก็บภาษีและตรวจสอบความเป็นเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูก สร้าง การจัดโครงการสัมมนาให้ความรู้เจ้าหน้าที่/ผู้บริหารงานจัดเก็บรายได้ และจากการที่กรรมาธิการวิสามัญสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ตั้งคณะอนุกรรมาธิการศึกษาผลกระทบร่างพ.ร.บ. ฉบับนี้ ยังเป็นครั้งแรกที่ได้เชิญให้ กทม.ร่วมเป็นหนึ่งในอนุกรรมาธิการฯ โดยได้ประชุมแล้ว 4 ครั้ง
“ทันทีที่กฎหมายออกกทม. ต้องจ้างบริษัทมาทำการสำรวจวัดพื้นที่ โดยจะใช้บริษัทประเมินรายเดียวกับที่กรมธนารักษ์ว่าจ้าง งบประมาณ 300 ล้านบาท หากให้ทำเองคงไม่ทันเพราะต้องใช้เจ้าหน้าที่จำนวนมาก ดังนั้นภายในสิ้นปีนี้กฎหมายต้องออกให้ได้”
http://www.bkkcitismart.com
แอร์เอเชียเพิ่ม “บินเช้า” ดอนเมือง – เชียงใหม่และภูเก็ต รับประกัน “คุ้มชัวร์” ทุกที่นั่ง เริ่มต้นที่ 390 บาท*!
สายการบินแอร์เอเชีย ชวนตื่นเช้าแลกบินคุ้ม เพิ่มความถี่บิน 2 เส้นทางภายในประเทศยอดนิยม ดอนเมือง-เชียงใหม่ เป็น 13 เที่ยวบินต่อวัน และดอนเมือง-ภูเก็ต เป็น 18 เที่ยวบินต่อวัน ให้คุณบินเช้ากว่าใคร ออกจากดอนเมืองเริ่มต้นตั้งแต่ตี 3 ครึ่ง แต่รับประกันได้ว่าถูกชัวร์[SS1] ทุกวัน ทุกที่นั่ง ราคารวมเริ่มต้นเพียง 390 บาท* ต่อเที่ยว จองได้เลยตั้งแต่ 18 กันยายน 2560 เพื่อเดินทางตั้งแต่ 29 ตุลาคม 2560 เป็นต้นไป
นายสันติสุข คล่องใช้ยา ผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์ สายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า ปัจจุบันความต้องการเดินทางในเส้นทางยอดนิยมยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง เราจึงเพิ่มโอกาสใหม่สำหรับคนที่เลือกจะตื่นเช้า ซึ่งจะได้รับความสะดวกมากขึ้น ทั้งหลีกเลี่ยงการจราจรที่แออัดและความคับคั่งของผู้โดยสารที่สนามบิน รวมทั้งการได้รับบัตรโดยสารในราคาที่คุ้มชัวร์ทุกที่นั่งกับแอร์เอเชีย โดยเราเริ่มต้นเพิ่มความถี่บินเช้าใน 2 เส้นทางภายในประเทศก่อน คือ ดอนเมือง-เชียงใหม่ จาก 12 เป็น 13 เที่ยวบินต่อวัน และดอนเมือง-ภูเก็ต จาก 17 เป็น 18 เที่ยวบินต่อวัน และคาดว่าจะขยายความถี่บินเช้าเส้นทางอื่นๆ ในอนาคต
“มั่นใจได้ว่าตารางบินเช้าที่เพิ่มความถี่ขึ้นมา ผู้โดยสารจะได้รับราคาที่คุ้มค่าที่สุด เฉลี่ยราคาในทุกที่นั่งจะประหยัดกว่าเที่ยวบินอื่นๆ โดยเรามองว่าเที่ยวบินเช้าจะเป็นการเพิ่มโอกาสและเปิดตลาดนักท่องเที่ยวใหม่ๆได้ดี รองรับทั้งผู้โดยสารกลุ่มต่อเที่ยวบิน และการท่องเที่ยวเดินทางเพื่อธุรกิจแบบไปเช้ากลับเย็น” นายสันติสุขกล่าว
สำหรับ 2 ความถี่บินเช้าที่เพิ่มขึ้น เส้นทางดอนเมือง-ภูเก็ต จะออกจากดอนเมือง ตั้งแต่เวลา 3.35 น. และดอนเมือง-เชียงใหม่ จะออกจากดอนเมืองในเวลา 5.10 น. ให้บริการทุกวัน โดยมีโปรโมชั่นราคารวมทุกอย่าง เริ่มต้นที่ 390 บาท* ต่อเที่ยวบินเท่านั้น สามารถสำรองที่นั่งได้แล้วตั้งแต่วันที่ 18 กันยายน 2560 โดยความถี่บินเช้านี้จะเริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2560 นี้เป็นต้นไป สามารถสำรองที่นั่งและดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.airasia.com
*ราคาเริ่มต้นต่อเที่ยวบินขาเดียว รวมค่าภาษีสนามบินแล้ว ทั้งนี้ยังไม่รวมค่าบริการเสริม และค่า processing fee สำหรับการชำระผ่านบัตรเครดิต บัตรเดบิตและชาร์จการ์ด และเป็นไปตามข้อกำหนดและเงื่อนไขที่สายการบินฯ กำหนด
http://www.ryt9.com
“ธรรมะกับชีวิต” ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ตอน ถ้วยกาแฟ
“ธรรมะกับชีวิต” ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ตอน ถ้วยกาแฟ … ในงานเกษียณอายุของอาจารย์ใหญ่ท่านหนึ่ง บรรดาศิษย์เก่าที่จบการศึกษาได้ถือโอกาสกลับมาพบปะชุมนุมกันเป็นจำนวนมาก หลังจากการสังสรรค์ผ่านไปพักใหญ่ เมื่อวงสนทนาเปลี่ยนมาเป็นเรื่องการครองชีพ ความเครียดก็เกิดขึ้น บางคนบ่นน้อยใจในโชควาสนา บางคนก็พูดถึงภาระค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นทุกวัน บางคนโหมงานหนักจนสุขภาพย่ำแย่ บางคนก็อับอายเรื่องฐานะไม่กล้าพูดคุยกับเพื่อนฝูง ฝ่ายอาจารย์ใหญ่ได้แต่ยืนฟังอย่างสงบ ครั้นถึงเวลาเลี้ยงกาแฟ ท่านเดินเข้าไปในห้องครัว แล้วออกมาพร้อมกับกาแฟเหยือกโตและถ้วยกาแฟหลายใบ มีทั้งแบบพื้น ๆ ธรรมดาราคาถูก และที่สวยงามราคาแพง แล้วบอกให้ลูกศิษย์เลือกถ้วยกาแฟจัดการรินกาแฟดื่มกันตามใจชอบ
ทุกคนต่างพากันเลือกถ้วยกาแฟที่สวย ๆ ราคาแพง ไม่มีใครอยากได้แบบที่เป็นธรรมดาราคาถูกสักคนเดียว เมื่อลูกศิษย์ต่างมีถ้วยกาแฟอยู่ในมือครบแล้ว อาจารย์ใหญ่จึงพูดขึ้นว่า “คนเรามักจะเลือกสิ่งที่เห็นว่าดีที่สุด โดยลืมคิดถึงความต้องการที่แท้จริง และนี่คือที่มาของความเครียดและปัญหาทั้งหลายในชีวิต ความจริงขณะนี้สิ่งที่พวกเธอต้องการแท้จริงคือกาแฟ ไม่ใช่ถ้วยกาแฟ แต่จิตสำนึกกลับทำให้พวกเธอยึดติดกับถ้วย ชีวิตก็เช่นกัน หากตระหนักในความต้องการแท้จริงของชีวิต ไม่หลงติดแค่ส่วนประกอบก็จะไม่ต้องเป็นทุกข์ เพราะส่วนประกอบแม้จะขาดหายไปบ้าง ก็ไม่ทำให้เนื้อหาจริง ๆ ของชีวิตเปลี่ยนไป”
เรื่องข้างต้นนี้เป็นอุทาหรณ์ในประเด็นของเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี คือถ้าเป็นเศรษฐกิจแบบพอเพียงจะเป็นเศรษฐกิจที่คำนึงถึงความต้องการที่แท้จริงของชีวิตว่าต้องการอะไร เมื่อได้มาตามนั้นก็สร้างความรู้สึกว่าพอเพียงแล้ว พอเหมาะพอสมแล้ว ชีวิตก็เป็นสุข เหมือนเมื่อความต้องการที่แท้จริงอยู่ที่การดื่มกาแฟ เมื่อได้ถ้วยกาแฟที่พอเหมาะพอสม ก็พอเพียงแล้วสำหรับการดื่มกาแฟให้มีความสุข ไม่ต้องไปดิ้นรนให้เดือดร้อนวุ่นวายไปอีกเปล่า ๆ
http://tammastory.blogspot.com
ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 6/10/2560
ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง
|
ราคารับซื้อต่อกรัม
|
ราคารับซื้อ/บาท
|
ราคาขายออก/บาท
|
ทองคำแท่ง 96.5% |
n/a |
20,050.00 |
20,150.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% |
1,299.00 |
19,692.84 |
20,650.00 |
ทองรูปพรรณ 90% |
1,169.10 |
17,723.56 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 50% |
585.00 |
8,868.60 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 40% |
455.00 |
6,897.80 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% |
1,346.00 |
20,405.36 |
n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 6/10/2560
ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ปตท
PTT |
บางจาก
BCP |
เชลล์
Shell |
เอสโซ่
Esso |
คาลเท็กซ์
Caltex |
ไออาร์พีซี
IRPC |
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG |
ซัสโก้
Susco |
ระยองเพียว
Pure |
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers |
แก๊สโซฮอล 95 |
27.45 |
27.85 |
– |
27.45 |
27.45 |
27.45 |
27.45
|
27.45
|
27.45
|
27.45
|
แก๊สโซฮอล E-20 |
24.94
|
25.34
|
24.94
|
24.94
|
24.94
|
– |
24.94
|
24.94
|
24.94
|
24.94
|
แก๊สโซฮอล E-85 |
20.24 |
20.44 |
– |
– |
– |
– |
– |
20.24 |
20.24 |
– |
แก๊สโซฮอล 91 |
27.18 |
27.58 |
27.18 |
27.18 |
27.18 |
27.18 |
27.18 |
27.18 |
27.18 |
27.18 |
เบนซิน 95 |
34.56 |
– |
– |
– |
35.01 |
– |
35.06 |
34.56 |
34.56 |
34.56 |
ดีเซลหมุนเร็ว |
26.19 |
26.19 |
26.19 |
26.19 |
26.19 |
26.19 |
26.19 |
26.19 |
26.19 |
26.19 |
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม |
29.19 |
29.19 |
29.19 |
29.19 |
29.19 |
– |
– |
– |
– |
– |
มีผลตั้งแต่ |
05 Oct 05:00 |
05 Oct 05:00 |
05 Oct 05:00 |
05 Oct 05:00 |
05 Oct 05:00 |
05 Oct 05:00 |
05 Oct 05:00 |
05 Oct 05:00 |
05 Oct 05:00 |
05 Oct 05:00 |