สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2561

อสังหาฯลุยลงทุน‘อีอีซี’ชิงตลาดที่อยู่อาศัย 8 หมื่นล้าน

อสังหาฯ บุกทำเล“อีอีซี” ชี้มูลค่าตลาดที่อยู่อาศัยกว่า 8 หมื่นล้าน ประเมินการลงทุนเฉลี่ยปีละ 2-3 หมื่นล้าน “ออริจิ้น” ปั้นโปรเจคมิกซ์ยูส “ศรีราชา-ระยอง” พฤกษาลุยบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ กว่า 5,500 ล้าน “ศุภาลัย-แสนสิริ”ย้ำทำเลศักยภาพดันตลาดต่าง

โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก(อีอีซี) เป็นกลไกสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ โดยรัฐวางแผนเดินหน้าลงทุน 5 ปีแรก มูลค่ากว่า 1.5 ล้านล้านบาท เพื่อยกระดับพื้นที่ภาคตะวันออก 3 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา ให้กลายเป็น “เวิลด์คลาส อีโคโนมิค โซน”

ภายใต้การลงทุนระดับเมกะโปรเจค“อีอีซี”ของภาครัฐจะช่วยผลักดันและยกระดับเศรษฐกิจประเทศไทยให้เป็นเขตเศรษฐกิจชั้นนำของอาเซียน สร้างการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมและบริการ 1 แสนอัตราต่อปี

ส่งผลต่อโอกาสการขยายตัวในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และความต้องการที่อยู่อาศัยจำนวนมาก จากแรงงานที่หลั่งไหลเข้ามาทำงานในพื้นที่ดังกล่าว

อสังหาฯลงทุนอีอีซี 2-3หมื่นล้าน/ปี

นายสุรเชษฐ กองชีพ นักวิจัยตลาดอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่าแนวทางการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่อีอีซี ถือเป็นทำเลศักยภาพ ที่มีทั้งตลาดที่อยู่อาศัยและโครงการรูปแบบอื่นๆ ที่เกิดขึ้นมาเพื่อรองรับการขยายตัวของคนที่เข้ามาทำงาน รวมไปถึงชาวต่างชาติ ดังนั้นในทำเลอีอีซี จึงมีโครงการโรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเม้นต์ และอพาร์ตเม้นต์เกิดขึ้นต่อเนื่องแต่จำนวนอาจไม่มากนัก

ทั้งนี้ การพัฒนาโครงการที่เกิดขึ้นมากที่สุด คือ บ้านจัดสรรที่เข้ามารองรับคนทำงานในโรงงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่ ที่อาจจะมีอยู่ก่อนแล้วและมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอีก อีกทั้งสามารถพัฒนาเป็นเฟสหรือทยอยสร้างได้ ส่วนคอนโดมิเนียม อาจจะมีโครงการเกิดขึ้นค่อนข้างมากในบางทำเลของอีอีซีเท่านั้น เช่น บางแสน ศรีราชา พัทยา เป็นต้น

การลงทุนโครงการอสังหาฯในอีอีซี อาจจะมีมูลค่าปีละไม่ต่ำกว่า 2-3 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่ยังคงเป็นโครงการที่อยู่อาศัย โดยโรงแรมหรือเซอร์วิสอพาร์ตเม้นต์จะอยู่ในพื้นที่ศรีราชา บางแสนหรือบางทำเลของพัทยาเท่านั้น แต่เมื่อโครงการอีอีซีเดินหน้า เชื่อว่ามูลค่าการลงทุนอสังหาฯ จะเพิ่มมากนี้ตามการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม

หากไม่นับพื้นที่ปริมณฑล ถือได้ว่าพื้นที่อีอีซี ชลบุรีและระยองเป็นจังหวัดที่มีโครงการที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่มากเป็นลำดับต้นๆ ของประเทศไทย นอกพื้นที่กรุงเทพฯ จากปัจจัยนิคมอุตสาหกรรมที่ขยายตัวต่อเนื่องแม้ว่าจะมีอัตราการขยายตัวที่ลดลงในช่วงที่ผ่านมา แต่ยังมีโรงงานใหม่ๆ เปิดกิจการต่อเนื่อง แรงงานทุกระดับชั้นจึงเพิ่มขึ้นทุกปี

ที่ดิน“ชลบุรี”พุ่ง 50%

นายมีศักดิ์ ชุนหรักษ์โชติ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ชลบุรี เปิดเผยว่าหลังจากอุตสาหกรรมต่างๆ เริ่มเดินหน้าลงทุนตามโครงการอีอีซี จะเริ่มเห็นการลงทุนในตลาดที่อยู่อาศัยตามมาอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับผู้ที่ทำงานในอุตสาหกรรมต่างๆ

แต่ในฝั่งราคาที่ดินพบว่าเริ่มปรับตัวสูง ตั้งแต่ก่อนประกาศโครงการอีอีซี และหลังประกาศโครงการอีอีซี ช่วงนี้เริ่มเห็นการเก็งกำไรที่ดินเช่นเดียวกับยุค อิสเทิร์นซีบอร์ด โดยมีนักลงทุนไปหาซื้อที่ดินเพื่อเปลี่ยนมือ เก็งกำไร ปีที่ผ่านมาพบว่าที่ดินที่สามารถพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยทั้งแนวราบและแนวสูง ราคาเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 50%

สำหรับที่ดินที่จะพัฒนาโครงการแนวราบ ราคาไร่ละ 5 ล้านบาท จากเดิม 2 ปีก่อนอยู่ที่ไร่ละ 2-3 ล้านบาท ทำให้บ้านแนวราบต้องปรับตัวเป็นบ้านแฝด หรือ ทาวน์โฮม สำหรับตลาดกลางและบน

นายมีศักดิ์ กล่าวว่าราคาที่ดินติดริมหาดปรับขึ้นสูงมาก ช่วง 5 ปีก่อนราคาหลักหมื่นต่อตร.ว. ขณะที่ 2 ปีก่อนอยู่ที่ 1 แสนบาทต่อตร.ว. ซึ่งถือว่าสูงมาก ปัจจุบันขยับไปที่ 2-2.5 แสนบาทต่อตร.ว. ส่วนหนึ่งมาจากปัจจัยอีอีซีเช่นกัน เพราะนักลงทุนเห็นว่าเป็นโครงการที่จะช่วยผลักดันการเติบโตในชลบุรี จึงเริ่มซื้อที่ดินไว้ตั้งแต่ปีก่อน เพื่อหวังผลตอบแทนเพิ่มขึ้นในอนาคต

ปัจจุบันตลาดอสังหาฯ ชลบุรี มีมูลค่าเป็นอันดับ 2 รองจากกรุงเทพฯ และเป็นอันดับ 1 ในพื้นที่อีอีซี 3 จังหวัด

ออริจิ้นผุดมิกซ์ยูสระยอง 2หมื่นล้าน

ปีที่ผ่านมาบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เป็นหนึ่งในบริษัทที่เข้าไปลงทุน โครงการอสังหาฯรูปแบบต่างๆ ในพื้นที่อีอีซี รวมมูลค่ากว่า 1.2 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นโครงการใน ศรีราชา จ.ชลบุรี มูลค่า 1 หมื่นล้านบาท และ จ.ระยอง 2,300 ล้านบาท โดยโครงการในศรีราชา ได้แก่ มิกซ์ยูส ชื่อ“ออริจิ้น ดิสทริค แหลมฉบัง-ศรีราชา” มูลค่า 5,000 ล้านบาท

นางจตุพร ผิวขาว กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออริจิ้น วัน จำกัด ในเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่า “อีอีซี”เป็นหนึ่งในทำเลที่มีศักยภาพเติบโต ที่ออริจิ้นเข้าไปปักหมุดลงทุนแล้วที่ แหลมฉบัง-ศรีราชา  โดยหลังจากนี้ยังมองโอกาสขยายโครงการมิกซ์ยูสครบวงจรที่ ระยอง อีก 2 ทำเล โดยมีที่ดินแล้ว 1 ทำเล และกำลังอยู่ระหว่างเจรจาซื้อที่ดินอีก 1 ทำเล การพัฒนาทั้ง 2 ทำเล ใช้เวลา 3-4 ปี มูลค่ารวม 2 หมื่นล้านบาท

โดยโรงแรมที่ระยอง จะเป็นระดับ 4 ดาวบวก รวมทั้งมีเซอร์วิส อพาร์ตเม้นต์ ในกลุ่มพรีเมียม โปรดักท์

“เรามอง อีอีซี ระยะ 10 ปีข้างหน้าที่จะเห็นการเติบโตต่อเนื่อง แนวทางการพัฒนาอสังหาฯ จึงเป็นรูปแบบวัน สต็อป เซอร์วิส ตอบโจทย์ตลาดที่อยู่อาศัย ทำงาน และท่องเที่ยว”

พฤกษาปักธงอีอีซีปีนี้ 5.5พันล้าน

นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าตลาดที่อยู่อาศัยต่างจังหวัดมีมูลค่ากว่า 3 แสนล้านบาท ในพื้นที่อีอีซี  มีสัดส่วนราว 30% หรือมูลค่า 8 หมื่นล้านบาท  อีกทั้งเป็นทำเลที่มีอัตราเติบโตสูง โดยเฉพาะชลบุรี, ส่วนระยองเป็นทำเลศักยภาพ  ขณะที่ฉะเชิงเทรา มีโอกาสขยายตัวในอนาคต

“พื้นที่อีอีซี เป็นทำเลที่มีทั้งการลงทุนของอุตสาหกรรมต่างๆ ทำให้มีดีมานด์ที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ”

ปี 2561 พฤกษามีแผนเปิดโครงการใหม่“แนวราบ”ในอีอีซี  รวม 8 โครงการ จำนวน 2,482 ยูนิต มูลค่า 5,529 ล้านบาท ประกอบด้วย ชลบุรี 3 โครงการ จำนวน 994 ยูนิต มูลค่า 2,539 ล้านบาท, ระยอง 3 โครงการ จำนวน 1,039 ยูนิต มูลค่า 2,084 ล้านบาท และ ฉะเชิงเทรา 2 โครงการ จำนวน 499 ล้านบาท มูลค่า 906 ล้านบาท กลุ่มเป้าหมายระดับกลางและล่าง ที่ทำงานในพื้นที่อีอีซีและกลุ่มทั่วไป

ศุภาลัยเดินเกมบุกอสังหาฯอีอีซี

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าในพื้นที่อีอีซี ศุภาลัย เป็นดีเวลลอปเปอร์ที่เปิดโครงการมากที่สุด ในชลบุรีและระยอง มีแลนด์แบงก์รวมกว่า 10 แปลง โดยปี 2561 ในชลบุรี ถือเป็นทำเลที่ศุภาลัยเปิดตัวโครงการในต่างจังหวัดมากที่สุด ประมาณ 4-5 โครงการ มูลค่า 3,000 ล้านบาท รูปแบบทาวน์โฮม 2 ล้านบาทถึงบ้านขนาดใหญ่ 10 ล้านบาท ทั้งกลางเมือง นอกเมือง

ส่วนที่ระยองมี 1-2 โครงการ มูลค่า 1,000 ล้านบาท

ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ชลบุรีมีแนวโน้มเติบโตไปในทิศทางที่ดีขึ้น ความต้องการที่อยู่อาศัย ยังมีอยู่มาก ประกอบกับในอนาคตจะมีโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงกรุงเทพ-ชลบุรี-ศรีราชา-ระยอง ทำให้เกิดการเชื่อมโยงด้านโครงสร้างพื้นฐาน คาดว่าจะสามารถดึงดูดนักลงทุนได้มากขึ้น

ปัจจุบันบริษัทมีโครงการทั้งบ้านเดี่ยว บ้านรุ่นใหม่ ทาวน์โฮม และคอนโด ในชลบุรี 7 โครงการ และล่าสุดได้เปิดตัวโครงการใหม่ “ศุภาลัย พรีโม่ บางแสน” ใกล้ชายหาดบางแสน  มูลค่าโครงการ 563 ล้านบาท

แสนสิริเล็งโซนตะวันออกเจาะญี่ปุ่น

นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่ามองการลงทุนในทำเลอีอีซี ซึ่งมีโครงการที่ร่วมมือกับบริษัท โตคิว คอร์ปอเรชั่น จำกัด จากญี่ปุ่น มั่นใจว่าการขยายธุรกิจไปยังโซนตะวันออกจะเป็นทำเลเชิงยุทธศาสตร์ เพราะเห็นว่านโยบายส่งเสริมการลงทุนจะช่วยทำให้ธุรกิจหลั่งไหลเข้ามามากขึ้น โดยเฉพาะตลาดญี่ปุ่นเอง

โครงการที่เตรียมพัฒนาเช่น พัทยา เป็นหนึ่งจังหวัดที่น่าสนใจ เพราะสังเกตได้ว่าคนที่ทำงานในระยอง ศรีราชา ชลบุรี มักจะเข้ามาพักอาศัยในพัทยาจำนวนมาก ดังนั้นจึงมั่นใจว่าอีอีซี จะทำให้ภาคธุรกิจอสังหาฯเติบโตได้แน่นอน

ปีนี้แสนสิริยังให้ความสำคัญกับการขยายธุรกิจไปยังต่างจังหวัดด้วย โดยมีทำเลใน 6 จังหวัดเตรียมเปิดโครงการใหม่ และในพื้นที่อีอีซีก็เป็นเป้าหมายในการเติบโตโครงการด้วย ขณะนี้ทุกโครงการมีที่ดินพร้อมพัฒนาโครงการไว้หมดแล้ว

http://www.bangkokbiznews.com


โกลเด้นแลนด์ต่อยอดธุรกิจ‘เฟรเซอร์ส’

โกลเด้นแลนด์ เผยตลาดอสังหาฯไทยยังโต ชี้แนวราบระดับกลางมาแรง ชูกลยุทธ์ต่อยอดธุรกิจ“เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้” สิงคโปร์ มุ่งพัฒนารีเทลระดับโลก

นายธนพล ศิริธนชัย ประธานอำนวยการ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ โกลเด้นแลนด์ เปิดเผยว่าปีนี้วางเป้าหมายให้เป็นปีแห่ง “การเพิ่มมูลค่า” (Adding Value) เน้นผสานองค์ความรู้ เทคโนโลยี และความชำนาญในการพัฒนาการลงทุน

รวมทั้งการบริหารโครงการตั้งแต่ที่อยู่อาศัย พื้นที่รีเทล เชิงพาณิชย์ อุตสาหกรรม และโลจิสติกส์ ในสิงคโปร์ ออสเตรเลีย ยุโรป จีน และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงธุรกิจฮอสพิทอลลิตี้ ที่ประกอบด้วยโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ในมากกว่า 80 เมือง ทั่วทวีปเอเชีย ออสเตรเลีย ยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกาจาก “เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้” เข้ากับความชำนาญในการพัฒนา และบริหารอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทยจากโกลเด้นแลนด์มากยิ่งขึ้น

ภายใต้ความร่วมมือ “โกลเด้นแลนด์- เฟรเซอร์ส ซินเนอร์จี้” เพื่อเพิ่มศักยภาพสู่การเติบโตเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ 5 อันดับแรกของประเทศ หลังจากเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ได้เข้าเป็นผู้ถือหุ้นของโกลเด้นแลนด์ ตั้งแต่ปี 2559 ปัจจุบันบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ถือหุ้นคิดเป็นสัดส่วน 39.9% ความร่วมมือระหว่างกันเริ่มเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ทั้งด้านการร่วมลงทุนและการร่วมพัฒนาโครงการต่างๆ

“ในระดับนานาชาติให้การยอมรับการพัฒนาเมือง และการพัฒนาอสังหาฯของสิงคโปร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการเชิงพาณิชย์ใจกลางเมือง เนื่องจากราคาที่ดินที่สูงมาก ทำให้ต้องใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่าที่สุด จึงเกิดเป็นนวัตกรรมการใช้พื้นที่ที่น่าสนใจ”

นายธนพล กล่าวว่าโกลเด้นแลนด์สามารถนำนวัตกรรมจากเฟรเซอร์สฯ มาปรับใช้กับการพัฒนาโครงการในกรุงเทพฯ ที่มีราคาที่ดินขึ้นเฉลี่ยปีละ 10-15% รวมทั้งอสังหาฯ เช่น ที่พักอาศัยและอาคารสำนักงานเกรดเอ ซึ่งได้รับความสนใจจากนักลงทุนสิงคโปร์และนิยมลงทุนผ่านการซื้อหน่วยลงทุนในทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) การนำความรู้ความชำนาญด้านการบริหารทรัสต์ฯ ระดับโลกของเฟรเซอร์สฯ มาประยุกต์เข้ากับรูปแบบของประเทศไทย จะช่วยเพิ่มศักยภาพการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของบริษัท

ปีนี้วางเป้าหมายรายได้รวม 17,800 ล้านบาท โดยสินค้าแนวราบระดับกลางยังมีแนวโน้มเติบโต  ได้แก่ บ้านเดี่ยว ราคา 7-10 ล้านบาท บ้านแฝดราคา 4-7 ล้านบาท และทาวน์โฮมราคา 2-4 ล้านบาท จะเป็นสินค้าหลักของบริษัท พร้อมเดินหน้าพัฒนาโครงการสามย่านมิตรทาวน์ ที่คาดว่าปี 2561 งานก่อสร้างจะคืบหน้ากว่า 60%

http://www.bangkokbiznews.com


ราคาที่ดินเปล่าก่อนพัฒนา พื้นที่กทม.-ปริมณฑล ปี60 ปรับเพิ่มขึ้น4.6%

ศขอ. ชี้ดัชนีราคาที่ดินเปล่าก่อนพัฒนา พื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ปี 2560 ปรับเพิ่มขึ้น 4.6% เมื่อเทียบปี 2559

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (ศขอ.) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ทำการศึกษาดัชนีแสดงการเปลี่ยนแปลงของราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนาในพื้นที่กรุงเทพฯ – ปริมณฑล ประกอบด้วย กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร และนครปฐม โดยกำหนดให้ปี 2555 เป็นปีฐาน และจัดทำดัชนีเป็นรายไตรมาส

ในการศึกษา ศขอ. ได้ใช้ข้อมูลการโอนกรรมสิทธิ์ของกรมที่ดิน โดยจะคัดเลือกเฉพาะที่ดินเปล่าไม่รวมสิ่งปลูกสร้าง โดยมีขนาดที่ดินตั้งแต่ 200 ตารางวาขึ้นไป และจะใช้ข้อมูลเฉพาะการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินที่ผู้โอนหรือผู้รับโอนที่เป็น “นิติบุคคล” เท่านั้น เนื่องจากส่วนใหญ่จะเป็นราคาซื้อขายจริง ซึ่งบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จะต้องบันทึกค่าใช้จ่ายหรือรายได้ให้ถูกต้องเพื่อสามารถคำนวณภาษี และค่าใช้จ่ายในแต่ละปีได้อย่างถูกต้อง ส่วนข้อมูลที่ผู้โอนกรรมสิทธิ์หรือผู้รับโอนกรรมสิทธิ์เป็น “บุคคลธรรมดา” ไม่นำมาคำนวณค่าดัชนี เนื่องจากส่วนใหญ่จะเป็นราคาที่ผู้โอนอาจแจ้งต่ำกว่าราคาที่แท้จริง เพื่อประโยชน์ในการลดภาระค่าธรรมเนียมการโอนและภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

การคำนวณค่าดัชนีฯ ใช้วิธีการวิเคราะห์แบบ Chain Laspeyres โดยราคาที่ดินเปล่าที่นำมาคำนวณคือ ราคาเฉลี่ยต่อตารางวา ซึ่งถ่วงน้ำหนักด้วยมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ตั้งแต่ปี 2555-2559 โดยปัจจัยที่นำมาวิเคราะห์การถดถอยเชิงพหุคูณ (Multiple Regression Analysis) ได้แก่ 1) ปัจจัยทำเลที่ตั้งของที่ดิน 2) ปัจจัยแผนผังกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดิน และ 3) ปัจจัยเส้นทางรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนผ่าน โดยค่าดัชนีราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนา มีดังนี้

ผลการศึกษาพบว่า ดัชนีราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนาในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ปี 2560 มีค่าดัชนีเท่ากับ 165.6 จุด ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 65.6 เมื่อเทียบกับปีฐาน (ปี 2555 = 100) และปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.2 เมื่อเทียบกับปี 2559 ซึ่งมีค่าดัชนีเท่ากับ 146.3 จุด ทั้งนี้ดัชนีราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนา มีการปรับเพิ่มขึ้นมากที่สุดในปี 2556 คือ ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.9% ส่วนในปี 2559
มีการปรับเพิ่มขึ้นน้อยที่สุด คือ ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.6% (ดูแผนภูมิที่ 1)

สำหรับไตรมาส 4 ปี 2560 ดัชนีราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนาในพื้นที่ กรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีค่าดัชนีเท่ากับ 168.3 จุด ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2560 ซึ่งมีค่าดัชนีเท่ากับ 166.5 จุด และปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.5 เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2559 ซึ่งมีค่าดัชนีเท่ากับ 149.6 จุด ทั้งนี้ดัชนีราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนา มีการปรับเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดในไตรมาส 1 ปี 2559 คือ ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.7 และช่วงเวลาที่มีการปรับเพิ่มขึ้นมากที่สุดคือ ไตรมาส 1 ปี 2557 โดยปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.0 (แผนภูมิที่ 2)

ดัชนีราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนาในพื้นที่ กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ ปี 2555 โดยผลการศึกษาพบว่า ในภาพรวมปัจจัยแผนผังกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดิน มีผลต่อราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนาในพื้นที่ กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ประมาณร้อยละ 22.8 กล่าวคือ ถ้าหากมีการการเปลี่ยนแปลงกฎหมายเกี่ยวกับผังเมือง ราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนาในพื้นที่ กรุงเทพฯ-ปริมณฑล จะมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 22.8

นอกจากนี้ ผลการศึกษายังพบว่า ในภาพรวมปัจจัยเส้นทางรถไฟฟ้า มีผลต่อราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนาในพื้นที่ กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ประมาณร้อยละ 24.6 กล่าวคือ ถ้าหากมีข่าวสารเกี่ยวกับแผนการพัฒนาเส้นทางรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนเกิดขึ้น เช่น การเริ่มโครงการ หรือการก่อสร้าง หรือการเปิดให้บริการ ราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนาในพื้นที่ กรุงเทพฯ-ปริมณฑล จะมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 24.6 (ดูตารางที่ 1)
การปรับราคาเพิ่มขึ้น 5 อันดับแรกของราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนา ตามแนวเส้นรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน ในไตรมาส 4 ปี 2560 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2555 พบว่า ทำเลที่มีเส้นทางรถไฟฟ้าสาย MRT ผ่านจะมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นมากที่สุด ร้อยละ 173.7 หรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 29.0 ต่อปี อันดับสอง สายสีแดงเข้ม (ช่วงบางซื่อ-หัวลำโพง) มีการปรับราคาเพิ่มขึ้นร้อยละ 169.5 หรือเฉลี่ยร้อยละ 28.2 ต่อปี
อันดับสาม สายสีทอง (ช่วงธนบุรี-ประชาธิปก) มีปรับราคาเพิ่มขึ้นร้อยละ 148.9 หรือเฉลี่ยร้อยละ 24.8 ต่อปี อันดับสี่ สายสีเขียว (ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) มีการปรับราคาเพิ่มขึ้นร้อยละ 148.1 เฉลี่ยร้อยละ 24.7 ต่อปี และอันดับห้า สายสีแดงเข้ม (ช่วงบางซื่อ-มธ.รังสิต) มีการปรับราคาเพิ่มขึ้นร้อยละ 144.3 หรือเฉลี่ยร้อยละ 24.1 ต่อปี (ดูตารางที่ 2)

http://www.bangkokbiznews.com


เครื่องสำอางมะไฟจีน วิทย์เพิ่มค่าพืชท้องถิ่น

เครื่องสำอางจากสารสกัดมะไฟจีน เป็นต้นแบบของนวัตกรรมเชิงพาณิชย์ในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับพืชท้องถิ่นบนพื้นฐานความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ทั้งยังจุดประกายไอเดียให้กับคนรุ่นใหม่เหลียวมองทรัพยากรท้องถิ่น

เครื่องสำอางจากสารสกัดมะไฟจีน เป็นต้นแบบของนวัตกรรมเชิงพาณิชย์ในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับพืชท้องถิ่นบนพื้นฐานความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ทั้งยังจุดประกายไอเดียให้กับคนรุ่นใหม่เหลียวมองทรัพยากรท้องถิ่นในแง่มุมใหม่ก่อนนำมาต่อยอดใช้ประโยชน์ในรูปแบบใหม่ๆ ที่แตกต่างจากการแปรรูปเดิมๆ

จ.น่านเป็นแหล่งปลูกมะไฟจีนใหญ่ที่สุดของประเทศไทย มีพื้นที่ปลูกประมาณ 70 ไร่ ส่วนใหญ่ปลูกตามสวนหลังบ้าน แม้ไม่ใช่พืชเศรษฐกิจที่ทำรายได้หลักแต่ก็เป็นผลไม้ที่เป็นเอกลักษณ์ของน่าน ทั้งยังถูกนำมาแปรรูปเป็นของฝากประจำจังหวัดในรูปแบบผลไม้เชื่อมแห้ง บ๊วย แยม น้ำผลไม้พร้อมดื่มและไวน์

เซรั่มจากสารสกัดมะไฟจีน

วิสาหกิจชุมชนขวัญธารา จ.น่าน เป็นกลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่เพิ่งเรียนจบและต้องการกลับมาพัฒนาท้องถิ่นบ้านเกิด จึงรวมตัวกันจดทะเบียนเป็นวิสาหกิจชุมชนเพื่อผลิตและจำหน่ายเครื่องสำอางสมุนไพรแบรนด์ “ขวัญธารา”

ธารารัตน์ ศรีจันทร์ดี ผู้ร่วมก่อตั้งวิสาหกิจชุมชนขวัญธารา มองเห็นโอกาสที่พัฒนาผลไม้เอกลักษณ์ของน่านให้เป็นเซรั่มบำรุงผิวหน้า ตามมาด้วยผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางรูปแบบอื่นๆ ที่สร้างความแปลกใหม่และมีคุณค่าแตกต่างโดยมีงานวิจัยรองรับ แทนที่จะนำไปแปรรูปเป็นผลไม้เชื่อมแห้งและบ๊วย ซึ่งจำหน่ายในราคา 3 กล่อง 100 บาท สามารถเพิ่มมูลค่าเป็น 690 บาทต่อขวดขนาด 30 มิลลิลิตร

“ขวัญธาราจึงเป็นแบรนด์แรกที่ทำเครื่องสำอางจากมะไฟจีน โดยสกัดสารสำคัญทั้งจากใบและผลแล้วแต่งกลิ่นด้วยน้ำมันหอมระเหย ทำให้สามารถแข่งขันในตลาดได้ นอกจากนี้ยังได้พัฒนาเป็น มูสโฟมล้างหน้า แชมพู ครีมนวดและสบู่เหลว”

1 ปีที่ผ่านมาหลังจากทดลองทำตลาดผ่านทางออนไลน์ พบว่า ได้รับการตอบรับอย่างดี คาดว่าปีนี้จะมีรายได้เดือนละ 2 แสนบาทพร้อมเน้นการสร้างการรับรู้ให้เกิดขึ้นในพื้นที่รวมทั้งผู้บริโภคในประเทศเป็นหลัก ด้วยการนำเสนอจุดขายที่เป็นวัตถุดิบจากพืชท้องถิ่นที่นำมาสร้างคุณค่าและมูลค่าจากนวัตกรรมเชิงพาณิชย์ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและมาตรฐานทัดเทียมกับต่างประเทศ โดยเป็นผลิตภัณฑ์ธรรมชาติที่มาจากภูมิปัญญาไทย ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยแม่โจ้และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในการถ่ายทอดความรู้ด้านงานวิจัย

นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์เจลว่านหางจระเข้ ใบบัวบกสเปรย์น้ำแร่ผสมว่านหางจระเข้ สบู่ว่านหางจระเข้ สบู่รังไหม สบู่นมแพะ มาร์คมะขาม เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า ขณะเดียวกันนี้ยังรับจ้างผลิตผลิตภัณฑ์แบรนด์อื่นเพื่อลดความเสี่ยง ปัจจุบันมีสัดส่วน 50% จากเดิมสัดส่วนของการรับจ้างผลิต 70% แต่หลังจากที่เริ่มสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์ของตัวเองสัดส่วนการรับจ้างผลิตลดลง

ปลุกสำนึกกลับบ้านเกิด

ธารารัตน์ กล่าวว่า ปัจจุบันมีสมาชิก 12 คนที่เข้ามาร่วมลงทุน 1 ล้านบาทใช้สร้างอาคาร 7 แสนบาทที่เหลือ 3แสนบาทเป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยมีแนวคิดที่จะสร้างจุดขายด้วยนวัตกรรมซึ่งแตกต่างจากคู่แข่งในตลาด พร้อมกันนี้ยังนำเรื่องราวของวัตถุดิบในจังหวัดมาเป็นจุดขายทำให้ผลิตภัณฑ์ดูมีเสน่ห์เมื่อลูกค้าได้สัมผัสถึงเรื่องราวเหล่านั้น รวมถึงกระแสท้องถิ่นนิยมหรือสำนึกรักบ้านเกิดที่เข้ามาช่วยทำให้ผลิตภัณฑ์ของขวัญธาราได้รับการสนับสนุนจากประชาชนในจังหวัด ส่งผลให้สามารถนำเข้าไปวางจำหน่ายตามโรงแรม รีสอร์ท ทำให้นักท่องเที่ยวมีโอกาสทดลองใช้ผลิตภัณฑ์จากสารสกัดมะไฟจีน

“ทางห้างเซ็นทรัลติดต่อมาให้นำไปวางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าที่เชียงใหม่ แต่ยังไม่ตัดสินใจเนื่องจากกังวลว่าทุนจะจม เพราะเรามีนโยบายไม่กู้เงินเพื่อทำธุรกิจ แม้ว่าจะมีผู้ประกอบการจีนและเวียดนามติดต่อเข้ามา เนื่องจากมีแนวคิดว่า ต้องการสร้างการรับรู้ผลิตภัณฑ์ในจังหวัดน่านแล้วขยายไปในประเทศไทยก่อน จึงยังไม่ขยายตลาดไปต่างประเทศที่ต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก”

ทั้งนี้ เนื่องจากเป้าหมายสำคัญคือ ต้องการให้ชุมชนอยู่ได้ คนในชุมชนมีงานทำ มีรายได้ จากการเป็นฐานผลิตวัตถุดิบที่นำมาใช้ทำผลิตภัณฑ์แบรนด์ขวัญธารา ที่สร้างมูลค่าและคุณค่าเพิ่มได้มากกว่าการแปรรูปในแบบเดิมๆ เพื่อส่งเสริมเด็กเยาวชนคนรุ่นใหม่ในจังหวัดให้เกิดความภาคภูมิใจในการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มาจากชุมชน และพร้อมที่จะกลับมาพัฒนาบ้านเกิดในอนาคต

http://www.bangkokbiznews.com


‘กรมสุขภาพจิต’ แนะ 5 เทคนิคสร้างสุขขณะทำงาน

“กรมสุขภาพจิต” เปิด 5 เทคนิคสร้างความสุขขณะทำงาน แนะประเมินความสุขตนเองก่อนกลายเป็นปัญหาเรื้อรัง

น.ต.นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า กรมสุขภาพจิตมีนโยบายเสริมสร้างความสุขประชาชนวัยทำงานอายุ 15-59 ปี ซึ่งมีประมาณ 37 ล้านคน เนื่องจากเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีความสำคัญและเป็นกำลังหลักในการพัฒนาประเทศ เป็นผู้ที่รับภาระรับผิดชอบดูแลทั้งตนเองและครอบครัว เมื่อเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์เศรษฐกิจ สังคม จะทำให้เกิดความเครียดได้ง่าย ซึ่งส่งผลต่อปัญหาสุขภาพตามมา รวมทั้งทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง และความสุขในการดำเนินชีวิตประจำวันลดลงไปด้วย

ทั้งนี้ วิธีการเสริมสร้างความสุขในการทำงานนั้น ประการสำคัญให้เริ่มต้นจากตนเอง โดยมีข้อแนะนำให้ปฏิบัติ 5 ประการดังนี้ 1. เตรียมตัวให้พร้อมก่อนไปทำงานแต่ละวัน เช่น นอนให้พอ ทานมื้อเช้าให้อิ่ม และบอกตัวเองทุกครั้งว่า “ฉันพร้อมแล้วที่จะทำงาน” 2. ผูกมิตรกับเพื่อนร่วมงานด้วยการใจกว้าง รับฟัง รู้จักพูดให้เป็น เช่น พูดชื่นชมเมื่อเพื่อนทำดี ขอโทษเมื่อทำผิด รับฟังและให้กำลังใจเมื่อเพื่อนร่วมงานเกิดความท้อแท้ และยอมรับความคิดต่าง 3. เปิดใจรับฟังเมื่อหัวหน้าให้คำแนะนำหรือตักเตือนและชี้แจงด้วยเหตุผลมากกว่าการใช้อารมณ์ 4. พัฒนาตนเองให้ประสบความสำเร็จในการทำงาน โดยหมั่นฝึกฝนหาความรู้เพิ่มเติมในงานที่ทำ รวมทั้งถ้าได้รับมอบหมายงานใหม่ๆให้คิดว่าเป็นโอกาสในการพัฒนาตนเอง ซึ่งจะทำให้เราเกิดความภาคภูมิใจและมีความสุขกับการทำงาน และ 5. หาที่ปรึกษาที่ไว้ใจได้เมื่อมีปัญหา เช่นเพื่อนสนิท เพื่อช่วยกันคิดแก้ปัญหา

สำหรับผู้ที่ไม่มีความสุขในการทำงาน มีข้อสังเกตได้จากการมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปจากเดิม ดังนี้ 1.เบื่อ ไม่อยากทำงาน ขาดความกระตือรือร้น ทำงานผิดพลาดบ่อย หรือขาดงานเป็นประจำ 2. ไม่อยากพูดกับใคร โกรธง่าย น้อยใจง่าย ไม่รู้สึกสนุกสนานเหมือนเดิม 3. สูบบุหรี่จัดขึ้น หรือดื่มเหล้าจัดขึ้น หรือหาทางออกด้วยการเล่นการพนัน 4. เจ็บป่วยบ่อยๆ โดยไม่มีสาเหตุ เช่นปวดหัวเป็นประจำ ปวดหลัง ปวดไหล่ อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ อยากนอนตลอดเวลา หากพบว่าตัวเองหรือเพื่อนร่วมงานมีอาการที่กล่าวมา สามารถขอรับบริการปรึกษาที่สถานบริการสาธารณสุขที่อยู่ใกล้บ้าน หรือโทรปรึกษาสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อหาทางแก้ไขที่เหมาะสม

ทางด้านนางสุดา วงศ์สวัสดิ์ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมและพัฒนาสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ขณะนี้สำนักฯได้พัฒนาแบบประเมินความสุขคนไทยออนไลน์ซึ่งมีทั้งหมด 15 ข้อเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนวัยทำงานอายุ 15-59 ปี ทั่วประเทศ ทุกอาชีพ สามารถประเมินความสุขของตนเองได้ทางอินเตอร์เน็ต สมาร์ทโฟน การประเมินความสุขตนเองจะเป็นผลดี ทำให้เรารู้เท่าทันสภาพจิตใจตนเอง และจะได้พัฒนาแก้ไขให้ถูกต้องตามคำแนะนำ ไม่ให้เกิดสะสมจนกลายเป็นปัญหาเรื้อรังหรือการเก็บกดไว้ โดยสามารถประเมินความสุขออนไลน์หรือดาวน์โหลดแบบประเมินได้ ทางเวปไซต์ของสำนักส่งเสริมและพัฒนาสุขภาพจิต www.sorporsor.com และสามารถสแกน QR code แบบประเมินนี้ได้ทางสมาร์ทไฟนเช่นกัน

http://www.bangkokbiznews.com


ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 06/02/2561

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง

ราคารับซื้อต่อกรัม

ราคารับซื้อ/บาท

ราคาขายออก/บาท

ทองคำแท่ง 96.5% n/a 20,050.00 20,150.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,299.00 19,692.84 20,650.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,169.10 17,723.56 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 585.00 8,868.60 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 455.00 6,897.80 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,346.00 20,405.36 n/a

ราคาน้ำมัน  ประจำวันที่  06/02/2561

ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร
ปตท. บางจาก เชลล์ เอสโซ่ ไออาร์พีซี / ทีพีไอ ภาคใต้เชื้อเพลิง ซัสโก้ ระยองเพียว ซัสโก้
ปตท
PTT
บางจาก
BCP
เชลล์
Shell
เอสโซ่
Esso
คาลเท็กซ์
C
altex
ไออาร์พีซี
IRPC
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG
ซัสโก้
Susco
ระยองเพียว
Pure
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers
แก๊สโซฮอล 95 28.45 28.45 28.45 28.45 28.45
28.45
28.45
28.45
28.45
แก๊สโซฮอล E-20
25.94
25.94
25.94
25.94
25.94
25.94
25.94
25.94
25.94
แก๊สโซฮอล E-85 20.94 20.94 20.94 20.94
แก๊สโซฮอล 91 28.18 28.18 28.28 28.18 28.18 28.18 28.18 28.18 28.18 28.18
เบนซิน 95 35.56 36.01 36.06 35.56 35.06 35.56
ดีเซลหมุนเร็ว 27.59 27.59 27.89 27.59 27.59 27.59 27.59 27.59 27.89 27.59
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม 30.59 31.46 31.76 31.46 31.46
มีผลตั้งแต่ 03 Feb 05:00 03 Feb 05:00 03 Feb 05:00 03 Feb 05:00 03 Feb 05:00 03 Feb 05:00 03 Feb 05:00 03 Feb 05:00 03 Feb 05:00 03 Feb 05:00

 

 

 

Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า