สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 8 กันยายน 2560

รับเหมาไทยผนึกฮ่องกง รุกอสังหาฯ ผุดโปรเจกต์แรกแบรนด์ “นิวาติ” บนทำเลทองหล่อ

นายดักลาส เฉิง

กระแสร่วมทุนอสังหาฯ ในไทยมาแรง กลุ่มรับเหมาก่อสร้างไทย ผนึกทุนฮ่องกง ขยายตลาดในไทย วางเป้า 5 ปี หว่านเม็ดเงินเปิด 10-15 โครงการ รวมมูลค่าโครงการ 6,000-8,000 ล้านบาท นำร่องเปิดโปรเจกต์คอนโดฯ ระดับ Super Luxury ภายใต้แบรนด์ “นิวาติ” บนทำเลทองหล่อ สนนราคา 17-65 ล้านบาท

นายดักลาส เฉิง ประธานเจ้าหน้าที่บริษัท เซวาส พรอพเพอตี้ส จำกัด กล่าวว่า ตนและผู้ร่วมทุนคนไทย ซึ่งทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ได้ตั้งบริษัทดังกล่าวเพื่อลงทุนและพัฒนาโครงการอสังหาฯ ระดับ Super Luxury ในไทย โดยเป็นการร่วมทุนระหว่างนักลงทุนไทย และฮ่องกง สัดส่วนการถือหุ้น 79:21 การพัฒนาโครงการในช่วง 5 ปีแรก จะเน้นทำเลอโศก-เอกมัย ครอบคลุมทั้งคอนโดฯ และวิลลา เจาะกลุ่มระดับบนเป็นหลัก ตั้งเป้าพัฒนาปีละ 2-3 โครงการ ขึ้นอยู่กับสภาพตลาด หรือรวมตามแผน 5 ปี จะเปิด 10-15 โครงการ เฉลี่ยมูลค่าโครงการละประมาณ 1,500-3,000 ล้านบาท รวมมูลค่าประมาณ 6,000-8,000 ล้านบาท 
สำหรับโครงการแรก ได้ตั้งบริษัทขึ้นมาอีกบริษัท ภายใต้ชื่อ บริษัท 888 ทองหล่อ จำกัด เพื่อพัฒนาโครงการคอนโดฯ ระดับ Super Luxury ภายใต้แบรนด์ “นิวาติ” อาคารสูง 7 ชั้น เพียง 52 ยูนิต ราคา 17-65 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท บนทำเลทองหล่อ 23 พร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่งาน VIP Sales วันที่ 16 กันยายน 2560 ณ โรงแรม Grande Centre Point ทองหล่อ คาดว่า ยอดขายจนถึงปลายปี 2560 จะสามารถทำยอดขายได้ 60% ส่วนที่เหลือจะสามารถปิดการขายได้ในปี 2561

นายวิวัฒน์ พิภักดิ์สมุทร

นายวิวัฒน์ พิภักดิ์สมุทร

นายวิวัฒน์ พิภักดิ์สมุทร ประธานเจ้าหน้าที่บริการ บริษัท 888 ทองหล่อ จำกัด ผู้ร่วมทุนฝ่ายไทยทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างภายใต้ชื่อ บริษัท เพชรเกษมการโยธา จำกัด มากว่า 17 ปี กล่าวว่า ขณะนี้ตลาดคอนโดราคาระดับ 1 ล้านบาทขึ้นไป มีตัวลือกเป็นจำนวนมาก และคิดว่า ผู้เล่นรายใหม่คงไม่ลงไปเล่นในตลาด Red Ocean และจากผลการศึกษาจากบริษัท เน็กซัส พรอพเพอร์ตี้ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาด้านการตลาดและการขาย พบว่า อุปทานในปี 60 มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จนถึงไตรมาส 3 ของปีนี้ มีอุปทานทั้งหมด 1,130 หน่วย ขณะที่อุปสงค์ช่วง 2 ปีจนถึงไตรมาส 3 ของปีนี้ คอนโดฯ ที่เปิดขายใหม่ในทองหล่อ มียอดขาย 671 ยูนิต หรือ 59% จากทั้งหมด 1,130 ยูนิต มียอดขายเฉลี่ยต่อเดือน 16 หน่วย

ในด้านราคานั้น ทำเลทองหล่อช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ผู้พัฒนาโครงการมุ่งนำเสนอโครงการระดับ Super Luxury ซึ่งมีการแข่งกันอย่างสูง แต่สำหรับปี 2560 เริ่มมีผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่ และรายใหม่ให้ความสนใจพัฒนาโครงการโลว์ไรส์ระดับ Luxury และโครงการไฮไรส์ระดับพรีเมียม โดยนำเสนอความแปลกใหม่ จุดขายที่แตกต่าง และราคาเสนอขายที่ดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภคในตลาดทำเลทองหล่อ ซึ่งมีราคาขายเฉลี่ย 275,000 บาทต่อตารางเมตร (ตร.ม.) 

สำหรับตลาดคอนโดมิเนียมทำเลทองหล่อ กับด้านการลงทุนนั้น ยังมีศักยภาพในการปล่อยเช่าสูง โดยให้ค่าเช่าเฉลี่ยสำหรับคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี 1,000 ถึง 1,200 บาทต่อ ตร.ม. ต่อเดือน หรือห้องขนาด 1 ห้องนอน ปล่อยเช่าในราคา 60,000 บาทต่อเดือน และขนาด 2 ห้องนอน ปล่อยเช่าในราคา 80,000 บาทต่อเดือน โดยให้ผลตอบแทนการลงทุนปีละ 4% ซึ่งหลายโครงการนำมาใช้เพื่อกระตุ้นยอดขายห้องชุดบางส่วน ซึ่งถือว่าสามารถช่วยผู้ซื้อที่ต้องการลงทุนได้มาก โดยผู้เช่าหลักเป็นครอบครัวชาวญี่ปุ่น ที่มาประกอบอาชีพในกรุงเทพมหานคร.

https://mgronline.com


“ดิ เอเจ้นท์”แนะกระจายพอร์ตลงทุน ลดความเสี่ยงสร้างรายได้เพิ่ม

ดิ เอเจ้นท์ ผนึก เบิร์กลีย์ กรุ๊ป รุกตลาดต่างประเทศ แนะลงทุนอสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศ กระจายความเสี่ยง เผยลอนดอน เป็นประเทศที่น่าลงทุน เหตุมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจสูง รวมถึงด้านการเงินและการเมือง

นายอัณณพ วงศ์ชุมพิศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่และผู้บริหารสูงสุด บริษัท ดิ เอเจ้นท์ (พร็อพเพอร์ตี้ เอ๊กซ์เพิร์ท) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้ร่วมมือกับThe Berkeley Group (เบิร์กลีย์ กรุ๊ป) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศอังกฤษ นำเสนอโครงการคุณภาพในลอนดอน ซึ่งเป็นการแนะนำโอกาสดีสำหรับนักลงทุนไทยในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศ เพื่อขยายโอกาสการลงทุนสู่ต่างประเทศ 

ดิ เอเจ้นท์ มีฐานลูกค้าที่เป็นนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ต่างชาติกว่า 500 ราย ในภูมิภาคเอเชียร่วม 6 ประเทศ มีประสบการณ์การสนออสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศมากว่า 2 ปี ซึ่งพบว่า มีลูกค้าเป็นนักลงทุนต่างชาติจำนวนมากที่เริ่มเข้ามาลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย เนื่องจากต้องการขยายโอกาสการลงทุนให้สินทรัพย์ในพอร์ทมีความหลากหลายมากขึ้น จึงเป็นที่มาให้ ดิ เอเจ้นท์ เห็นโอกาสที่จะนำเสนอบริการ ที่จะช่วยเพิ่มช่องทางการลงทุนให้กับนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ไทยขยายพอร์ทอสังหาริมทรัพย์ไปยังประเทศต่างๆ โดยรูปแบบนำเสนอโครงการสำหรับนักลงทุนระยะยาว ซื้ออสังหาริมทรัพย์ เพื่อรอเวลาสร้างผลตอบแทน 5-7 ปี ไม่เน้นการลงทุนระยะสั้น
โดยประเทศแรกที่ทาง ดิ เอเจ้นท์ ได้เลือกโครงการที่มีศักยภาพสูงนำเสนอลูกค้าในประเทศไทย คือ โครงการคอนโดมิเนียมในประเทศอังกฤษ ซึ่ง The Berkeley Group ที่จะเข้ามาเปิดสาขาแรกในไทย ให้ ดิ เอเจ้นท์ พร็อพเพอร์ตี้ เอ๊กซ์เพิร์ท เป็นตัวแทนขายในประเทศไทยเป็นรายแรก

ทั้งนี้ นักลงทุนไทยให้ความสนใจลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศเพิ่มขึ้น เนื่องจากดอกเบี้ยเงินฝากของไทยอยู่ในระดับต่ำ ประกอบกับตลาดหุ้นมีความผันผวนสูง แม้ว่าการลงทุนในประเทศไทยยังให้ผลตอบแทนที่ดี แต่นักลงทุนในประเทศที่มีเงินสดอยู่ในมือยังมีความต้องการขยายโอกาสการลงทุนสู่ตลาดใหม่ๆที่มีศักยภาพสูง ซึ่งตลาดอสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศก็เป็นตลาดที่จับตามอง เนื่องจากให้ผลตอบแทนสูงและมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา สัญญาณการลงทุนของนักลงทุนไทยในตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษเพิ่มขึ้น โดยอังกฤษถือเป็นหนึ่งในประเทศเศรษฐกิจสำคัญของโลก ในปีที่ผ่านมาอังกฤษติดอันดับประเทศที่มีอัตราการลงทุนสูงสุดเป็นอันดับ 6 ของโลก หลังสามารถฟื้นตัวจากภาวะถดถอยที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2552 ด้วยการปรับกฎข้อบังคับ รวมถึงเงื่อนไขการลงทุนให้ง่ายขึ้น และมีเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกมากกว่าในอดีต ทำให้อังกฤษกลับมาเป็นประเทศที่น่าลงทุนอสังหาริมทรัพย์อีกครั้ง ส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศอังกฤษเติบโตเร็วเป็นอันดับต้นๆของกลุ่มประเทศในทวีปยุโรป ที่ถือว่ามีความมั่งคั่งสูง โดย ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ผลตอบแทนการลงทุนในตลาดหุ้น London สูงกว่าในตลาดหุ้น New York เฉลี่ยปีละประมาณ 2% ไม่รวมเงินปันผล 

เหตุผลสำคัญที่สามารถดึงดูดให้กลุ่มการลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศอังกฤษ นั้นก็คือการเป็น Safe Heaven หรือประเทศที่มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจสูง รวมถึงด้านการเงินและการเมืองด้วย ทำให้การลงทุนในประเทศอังกฤษมีความปลอดภัยอยู่ในอันดับต้นๆของโลก ตรงตามสเปคนักลงทุนในปัจจุบัน ที่ต้องการเพิ่มโอกาสในการลงทุนที่มีความปลอดภัยสูง ซึ่งการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ส่วนใหญ่จะเป็นการซื้อเพื่อลงทุนที่พิจารณาผลตอบแทนจากกำไรในการขาย หรือ แคปปิตอล เกน (Capital Gain) ควบคู่กับผลตอบแทนรายปีจากการปล่อยเช่า แต่ในการลงทุนอสังหริมทรัพย์ต่างประเทศ นักลงทุนจะมีโอกาศได้กำไรจากการแข็งค่าของเงินบาทอีกต่อหนึ่ง

ทั้งนี้ ความเสี่ยงของการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศคืออัตราแลกเปลี่ยน ขึ้นกับการซื้อขายเกิดขึ้นในอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราเท่าใด ขณะที่ปัจจัยการลงทุนของนักลงทุนในต่างประเทศ พบว่าในช่วง 3 ปีเติบโตอย่างมาก แหล่งลงทุนคือ ฮ่องกง สิงคโปร์ อังกฤษ อเมริกา ญี่ปุ่น

นายอัณณพ กล่าวว่า เหตุผลสำคัญที่ต้องการให้นักลงทุนไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่ประเทศอังกฤษ มาจาก 1.การเป็นศูนย์กลางทางการเงิน แม้จะมีเบร็กซิตภายในปี 2561 แต่ก็ยังเป็นฮับการเงินของยุโรปต่อไป 2.เป็นแหล่งสถาบันการศึกษาชั้นนำระดับโลก 3.ฮับการท่องเที่ยว เห็นได้จากมีสนามบินมากถึง 3 แห่ง โดยการลงทุนควรเลือกลงทุนในพื้นที่ที่ภาครัฐจะลงทุนอินฟราสตรัคเจอร์ เน้นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักส่วนหนึ่งมาจากผู้ปกครองส่งลูกไปเรียนหนังสือ 

โอกาสที่ดีในการลงทุนในอังกฤษ เพราะขณะที่มีดีมาน์มากถึง 49,000 ยูนิต แต่มีซัปพลายเพียง 21,379 ยูนิต เพราะมีกฎหมายควบคุมการลงทุนโครงการใหม่ โดยการถือครองมีเพียง 70% เทียบกับไทยมีอัตราการถือครองทรัพย์สิน 90% ผลของการถือครองในอังกฤษมีเพียง 70% แปลว่าอีก 30% เป็นการเช่า

ทั้งนี้ โอกาสในการลงทุนอสังหาฯ ในต่างประเทศ เพราะไม่จำเป็นต้องลงทุนในประเทศไทยเพียงอย่างเดียว การเข้าถึงเทคโนโลยีทำให้การซื้อขายอสังหาฯ ง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อน โดยมองผลตอบแทนการลงทุน ได้แก่ ค่าเช่า ค่าแลกเปลี่ยน แคปปิตอลเกน

ล่าสุด เตรียมจัดงานสัมมนา “Exclusive London Property Seminar with The Berkeley Group, A Leading Developer from England” อัพเดทการลงทุนอสังหาริมทรัพย์แบบเจาะลึกในกรุงลอนดอน เกี่ยวกับแหล่งการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ที่เป็น Safe heaven ที่นิยมของเหล่านักลงทุน พร้อมโครงการน่าลงทุนอย่างโครงการ Royal Arsenal Riverside โดยมีตัวแทนจาก The Berkeley Group Co Agent ประเทศอังกฤษ มาให้ความรู้เกี่ยวกับการลงทุนแก่นักลงทุนชาวไทย ในวันอาทิตย์ที่ 20 สิงหาคม 2560 โดยแบ่งรอบการเข้าฟังสัมมนาออกเป็น 2 รอบ รอบเช้าเวลา 09.30 – 12.00 น. และ รอบบ่าย 13.30 – 16.00 น. ณ Siam Kempinski Hotel Bangkok

https://mgronline.com


คนไทยก่อหนี้เสียพุ่ง ผ่อนไม่ไหว ทิ้ง “รถยนต์-มอเตอร์ไซค์” มากสุด

หนี้

 เอกซเรย์หนี้คนไทย พบสินเชื่อรถจักรยานยนต์ ก่อหนี้เสียสูงถึง 37% เหตุคนยอมทิ้งรถเพราะผ่อนไม่ไหว พร้อมจับตากลุ่มวัยรุ่น-วัยชรา มีหนี้เสียพุ่ง

วันที่ 6 กันยายน 2560 สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ ธนาคารแห่งประเทศไทย รายงานผลการวิจัย เรื่อง “X-Ray พฤติกรรมการกู้ของคนไทยผ่าน Big Data ของเครดิตบูโร” จากการเก็บข้อมูลตั้งแต่ปี 2552 ถึงเดือนกรกฎาคม 2559 พบว่า พฤติกรรมการกู้เงินของคนไทยมีความหลากหลาย โดยเฉลี่ยแล้วจะมีสัญญากู้เงิน 3 สัญญา และมีจำนวนสถาบันการเงิน 2 แห่ง แต่มีผู้กู้ 1 ใน 6 ที่มีสินเชื่อมากกว่า 5 สัญญา และกว่า 1 ใน 10 ที่ใช้สถาบันการเงินมากกว่า 5 แห่ง

ทั้งนี้ พบว่าสินเชื่อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ เป็นกลุ่มที่มีหนี้เสียสูง โดยรถยนต์เป็นหนี้เสีย 24% ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากนโยบายรัฐบาล ที่กระตุ้นให้ผู้กู้ที่ยังไม่พร้อมเข้าสู่ตลาดรถยนต์ ส่วนสินเชื่อรถจักรยานยนต์มีหนี้เสียมากถึง 37% เนื่องจากผู้กู้มีรายได้ที่ไม่แน่นอน เพราะรายได้ขึ้นอยู่กับราคาสินค้าเกษตร รวมถึงสินเชื่อรถจักรยานยนต์เงินดาวน์ต่ำ ทำให้เมื่อไม่มีเงินผ่อนผู้กู้ก็ยอมทิ้งรถ ขณะเดียวกันกลุ่มวัยรุ่นอายุน้อยกว่า 25 ปี และกลุ่มวัยหลังเกษียณ ก็เป็นกลุ่มที่น่าเป็นห่วง เพราะมีสัดส่วนหนี้เสียมากขึ้น โดยผู้กู้ส่วนมากจะมีสินเชื่อกับ non-banks ซึ่งมีคุณภาพหนี้ต่ำกว่าสถาบันการเงิน 

อย่างไรก็ตาม ในส่วนสินเชื่อบัตรเครดิตกลับพบว่า ที่ผู้มีบัตรเครดิต 1 ใบ กับสถาบันการเงินเพียงแห่งเดียว เป็นกลุ่มที่น่าห่วงมากที่สุด เพราะสะท้อนว่าศักยภาพในการหารายได้และการชำระเงินต่ำ จึงไม่สามารถทำบัตรเครดิตได้หลายใบ ต่างจากผู้ที่มีบัตรเครดิตหลายใบหรือจากหลายสถาบันการเงิน ที่สะท้อนให้เห็นว่าผู้กู้มีคุณภาพการชำระเงินที่ดี เพราะฉะนั้นนโยบายการจำกัดจำนวนบัตรและจำนวนสถาบันการเงิน จึงไม่มีนัยยะสำคัญต่อการกำกับสินเชื่อบัตรเครดิต

ดังนั้น จึงแนะนำให้ให้ภาพรัฐส่งเสริมการเข้าถึงสินเชื่อบัตรเครดิตในชนบท เพราะเป็นสินเชื่อคุณภาพดีแต่คนในชนบทยังมีเข้าถึงได้น้อย ซึ่งหากทำได้สำเร็จจะเป็นการเพิ่มศักยภาพในการบริโภค การทำธุรกิจ และจะเป็นโอกาสในการเติบโตทางเศรษฐกิจ  

https://money.kapook.com


ททท. เปิดตัว 7 ชุมชนต้นแบบการท่องเที่ยวชุมชนสำหรับเด็กและเยาวชน THE VILLAGE EXPLORER

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดโครงการ The Village Explorer (เดอะ วิลเลจ เอ็กซ์โพเรอร์) เปิดตัว 7 ชุมชนต้นแบบการท่องเที่ยวสำหรับเด็ก School & Family outing (สคูล แอนด์ แฟมิลี่ เอ้าท์ติ้ง) เพื่อส่งเสริมให้โรงเรียนและครอบครัวคนรุ่นใหม่ พาเด็ก ๆ ไปเปิดโลกการเรียนรู้นอกห้องเรียนในพื้นที่ชุมชน และเพื่อช่วยสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนท้องถิ่นของไทย

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ททท. ให้ความสำคัญกับภารกิจในการยกระดับและเพิ่มมูลค่าทางการท่องเที่ยวให้กับชุมชนทั่วประเทศ เพื่อสร้างรายได้ให้กับเศรษฐกิจชุมชนตามนโยบายของรัฐบาล และสำหรับปีนี้ ททท. ได้จัดทำโครงการ The Village Explorer เปิดตัว 7 ชุมชนต้นแบบท่องเที่ยวสำหรับเด็กและเยาวชน ในรูปแบบ School & Family outing เพื่อส่งเสริมให้โรงเรียนและครอบครัวคนรุ่นใหม่พาเด็ก ๆ ไปทัศนศึกษาหรือออกค่ายใน ชุมชนท่องเที่ยว โดยชุมชนทั้ง 7 แห่ง ได้แก่
1. ศูนย์การเรียนรู้ตำบลกระแชง อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
2. ชุมชนบ้านบางพลับ อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม
3. ชุมชนบ้านน้ำทรัพย์ อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี
4. ศูนย์การเรียนรู้บ้านทุ่งกระโปรง อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก
5. บุไทรโฮมสเตย์ อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา
6. ศูนย์การเรียนรู้มหาวิทยาลัยบ้านนอกโฮมสเตย์บ้านจำรุง อำเภอแกลง จังหวัดระยอง
7. โฮมสเตย์บ้านท่าขันทอง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย

และ ททท. ได้จัดแคมเปญการแข่งขันโปรโมตชุมชน โดยมีโรงเรียนนานาชาติและเอกชนชื่อดัง 7 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนร่วมฤดีวิเทศศึกษา โรงเรียนแม่พระฟาติมา โรงเรียนนานาชาติเซนต์สตีเฟ่นส์ โรงเรียนดรุณสิกขาลัย โรงเรียนเซนต์คาเบรียล โรงเรียนอาร์บิส รัศมีนานาชาติ โรงเรียนเชียงรายวิทยาคม มาร่วมกิจกรรมแข่งขันโดยพานักเรียนไปทัศนศึกษาในชุมชนและช่วยกันโปรโมตชุมชนท่องเที่ยวผ่านสื่อออนไลน์ ซึ่งโรงเรียนที่เป็นผู้ชนะในการแข่งขันโปรโมตชุมชนที่มียอด View Like & Share สูงสุดได้แก่ โรงเรียนเชียงรายวิทยาคม ซึ่งจะได้รับโล่รางวัลและเงินรางวัล รวมมูลค่า 100,000 บาท มอบให้กับชุมชนโฮมสเตย์บ้านท่าขันทอง จังหวัดเชียงราย นอกจากนี้ ททท. ได้จัดกิจกรรมเชิญชวนพ่อแม่ ผู้ปกครองร่วมโหวตวิดีโอ ชุมชนที่อยากพาลูกไปเที่ยวมากที่สุด โดยชุมชนที่ได้รับการโหวตมากที่สุดได้แก่ วิดีโอมหาวิทยาลัยบ้านนอกโฮมสเตย์บ้านจำรุง จังหวัดระยอง

นางสาวจันทร์ฉาย ไทยรัตน์ ผู้อำนวยการโรงเรียนเชียงรายวิทยาคม กล่าวว่า “โครงการ The Village Explorer เป็นการเปิดโลกมหัศจรรย์ ณ ห้องเรียนชุมชน เด็ก ๆ ได้สัมผัสชีวิตเรียบง่าย เรียนรู้ วิถีชีวิตภูมิปัญญาชุมชน ได้ลองทำนา หัดสีข้าวกล้องแบบดั้งเดิม ตามล่าหาดาวอินคา ตกปลา เก็บไข่เป็ดไข่ไก่ ทำข้าวจี่ ทำขนมเทียน เด็ก ๆ ทุกคนสนุกและประทับใจมาก กิจกรรมทัศนศึกษานอกห้องเรียนในชุมชน ทำให้นักเรียนได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกัน การเข้าสังคม ได้พบเพื่อนใหม่ ขอเชิญโรงเรียนจากทั่วประเทศพาเด็ก ๆ มาทัศนศึกษาที่ดินแดนมหัศจรรย์ ชุมชนบ้านท่าขันทอง จังหวัดเชียงราย นะคะ”

ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวสรุปว่า “ขอเชิญโรงเรียนและครอบครัวคนรุ่นใหม่ที่สนใจ หรือกำลังมองหากิจกรรมการเรียนรู้นอกห้องเรียนสำหรับเด็กและเยาวชนรูปแบบใหม่ ๆ ไปทัศนศึกษาเปิดโลกการเรียนรู้นอกห้องเรียนที่แสนสนุกใน 7 ชุมชน โครงการ The Village Explorer รับรองได้ว่าเด็ก ๆ จะได้ทำกิจกรรม สนุกสนานกับการเรียนรู้วัฒนธรรมวิถีชีวิตแบบชนบทไทยในชุมชน เปิดโลกใบใหม่และเป็นประสบการณ์พิเศษ เป็นความทรงจำดี ๆ ที่จะไม่มีวันลืม ที่สำคัญเป็นการกระจายรายได้ช่วยเหลือชุมชนของไทยอีกด้วย”

สนใจข้อมูลโครงการเพิ่มเติมดูได้ที่ www.TheVillageExplorer.com

สอบถามข้อมูลได้ที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์โครงการ คุณธชาษร อัสดาธร (เกล้า) โทรศัพท์ 09 8635 6365, 09 8263 9393 อีเมล 9@ninetynine99.com

https://thai.tourismthailand.org


เปิดเทรนด์บ้านแห่งอนาคต

cozy living room

เมื่อเดือนที่แล้วได้มีโอกาสไปดูบ้านแห่งนวัตกรรมของ SCG ที่เขาบอกว่ามุ่งตอบโจทย์การก้าวเข้าสู่สังคมแห่งผู้สูงอายุ เพราะฟังก์ชั่นการทำงานของบ้านในปัจจุบันอาจจะไม่สามารถตอบทุกความต้องการที่จำเป็นสำหรับรุ่น คุณพ่อ คุณแม่ หรือกระทั่งรุ่นเราเองที่กำลังเดินหน้าเข้าสู่ Aging Society กันแล้ว

จะว่าไป “สังคมผู้สูงอายุ” เป็นเรื่องที่เราได้ยินกันบ่อยขึ้น ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศพัฒนาแล้วมาก่อนสักระยะเวลาหนึ่งแล้ว เมื่อโครงสร้างประชากรเปลี่ยนไป การที่ประชากรในวัยชราสูงขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่ประชากรวัยทำงานเริ่มมีแนวโน้มลดลง ส่งผลอะไรบ้างกับ “วิถีชีวิต – รายได้ – ลักษณะของที่อยู่อาศัย” ของพวกเราในอนาคตบ้าง วันนี้ผมมีข้อมูลที่น่าสนใจมาแบ่งปันกันครับ

วิถีชีวิต

“อัตราการเกิดที่ลดลง – อัตราการเสียชีวิตที่ลดลงมากกว่า = จำนวนประชากรเพิ่มขึ้นในระยะหนึ่ง”

เราคงไม่ปฏิเสธว่า ทุกวันนี้คุณภาพชีวิต และวิทยาการทางการแพทย์ที่เจริญก้าวหน้าทำให้ผู้สูงอายุในครอบครัวสามารถอยู่กับลูกหลานได้ยาวนานขึ้นมาก (อายุเฉลี่ย 60-85 ปี) คนทำงานจึงสามารถฝากบุตรหลานให้ท่านดูแลเลี้ยงดูได้ ไม่ต้องจ้างแม่บ้านหรือพี่เลี้ยงเด็ก สามารถออกไปทำงานหารายได้อย่างเต็มที่

และนอกจากนั้น ครอบครัวมีลักษณะ “ครอบครัวเดี่ยวเชิงลึก” คือ ในรุ่นคนทำงานมักเป็นลูกคนเดียว และมีลูกคนเดียว แต่มีคนรุ่นพ่อแม่ รวมถึงปู่ย่าตายาย อาจมีรุ่นทวด อาศัยในบ้านบริเวณเดียวกัน ทำให้เกิดสภาพความซับซ้อนในการใช้ชีวิตในบ้าน เพราะคนแต่ละรุ่นย่อมมีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน ทั้งรสนิยม ความชอบ พฤติกรรม ฯลฯ

Multi-generation family

ลักษณะของที่อยู่อาศัย

ดังนั้น ถ้าสังเกต จะเห็นบ้านในสังคมผู้สูงอายุจะมีลักษณะร่วมกันอย่างชัดเจน ดังนี้

• ขนาดเล็กลง แต่ปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยได้ง่าย: ลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการทำความสะอาดลงได้ ลดภาระในการสร้าง – ซ่อมแซม – ดูแลรักษาในระยะยาว และความสามารถการปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้งานได้ง่ายก็เหมาะกับความซับซ้อนของช่วงวัยต่างๆ ที่อาศัยร่วมกันในบ้านหลังเดียวกันอีกด้วย

• ต่อเติมได้ง่าย: เพราะคนสูงอายุมีความเสี่ยงทางด้านกายภาพมากกว่าปกติ เช่น เดินเหินลำบาก, มีภาวะทุพพลภาพชั่วคราวหรือถาวร, เจ็บป่วยเรื้อรัง จึงอาจต่อเป็นห้องเฉพาะ (ห้องปลอดเชื้อ) เพื่อให้ดูแลท่านได้ง่ายและถูกสุขลักษณะที่สุด

• ประหยัดพลังงาน: บ้านรุ่นใหม่ต้องสามารถลดค่าไฟฟ้าอย่างมีนัยสำคัญ เพราะรายจ่ายในครัวเรือนที่สูงขึ้น คนจึงให้ความสำคัญในการลดใช้พลังงาน เพื่อเอาไปชดเชยรายจ่ายที่สูงขึ้นทางอื่น ๆ (ค่ารักษาพยาบาล, ค่าใช้จ่ายในการบริโภคต่อครัวเรือน เป็นต้น)

• Universal Design (การออกแบบให้ทุกคนใช้งานได้สะดวก): เช่น มีทางลาดแทนบันได เพื่อให้รถเข็นขึ้นลงสะดวก หรือลดการเกิดอุบัติเหตุได้ หรือการเพิ่มระบบอำนวยความสะดวกเพื่อความปลอดภัย อาทิ ระบบไฟส่องสว่างแบบอัตโนมัติ, ระบบรดน้ำต้นไม้แบบตั้งเวลา ฯลฯ

Aging society

 

• Edible Garden (สวนกินได้): เพื่อเป็นกิจกรรมสำหรับผู้สูงอายุ, เป็นการลดค่าใช้จ่ายอาหารของครัวเรือน

• บ้านต้านแผ่นดินไหว: ในอนาคต เรามีความเสี่ยงที่ต้องเผชิญกับภัยพิบัติสารพัดรูปแบบ โดยเฉพาะภัยจากแผ่นดินไหว ดังนั้น รูปแบบของบ้านอนาคตต้องพร้อมรับมือกับสิ่งที่ไม่คาดฝันให้ลดการสูญเสียมากที่สุด
หากเทรนด์บ้านแห่งอนาคตทั้งหมดนี้ สามารถตอบโจทย์สังคมผู้สูงอายุได้ คงต้องถึงเวลาที่เราจะมานั่งศึกษารายละเอียด เพื่อให้ที่อยู่อาศัยของเราเป็นบ้านแห่งอนาคตได้จริงๆ ครับ

http://www.ddproperty.com


ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 8/09/2560

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง

ราคารับซื้อต่อกรัม

ราคารับซื้อ/บาท

ราคาขายออก/บาท

ทองคำแท่ง 96.5% n/a 21,000.00 21,100.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,360.00 20,617.60 21,600.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,224.00 18,555.84 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 612.00 9,277.92 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 476.00 77,216.16 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,409.00 21,360.44 n/a

 

ราคาน้ำมัน  ประจำวันที่  8/09/2560

ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร
ปตท. บางจาก เชลล์ เอสโซ่ ไออาร์พีซี / ทีพีไอ ภาคใต้เชื้อเพลิง ซัสโก้ ระยองเพียว ซัสโก้
ปตท
PTT
บางจาก
BCP
เชลล์
Shell
เอสโซ่
Esso
คาลเท็กซ์
C
altex
ไออาร์พีซี
IRPC
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG
ซัสโก้
Susco
ระยองเพียว
Pure
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers
แก๊สโซฮอล 95 27.45 27.45 27.45 27.45 27.45
27.45
27.45
27.45
27.45
แก๊สโซฮอล E-20
24.94
24.94
24.94
24.94
24.94
24.94
24.94
24.94
24.94
แก๊สโซฮอล E-85 20.24 20.24 20.24 19.94
แก๊สโซฮอล 91 27.18 27.18 27.18 27.18 27.18 27.18 27.18 27.18 27.18 27.18
เบนซิน 95 34.56 34.56 34.56 34.56 34.56 34.56
ดีเซลหมุนเร็ว 25.49 25.49 25.49 25.49 25.49 25.49 25.49 25.49 25.49 25.49
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม 28.49 29.17 29.17 29.17 29.17
มีผลตั้งแต่ 07 Sep 05:00 07 Sep 05:00 07 Sep 05:00 07 Sep 05:00 07 Sep 05:00 07 Sep 05:00 07 Sep 05:00 07 Sep 05:00 07 Sep 05:00 07 Sep 05:00

 

 

 

Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า