ธุรกิจ‘รับสร้างบ้าน’ลุ้นตลาดฟื้น
สมาคมไทยรับสร้างบ้าน โดยฝ่ายวิชาการ ประเมินความต้องการสร้างบ้านของผู้บริโภคและประชาชนประเภท “บ้านเดี่ยวสร้างเอง” ไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ปรับตัวดีขึ้นเทียบไตรมาส 2
ส่งผลให้ปริมาณและมูลค่าตลาด “รับสร้างบ้าน” ขยายตัวไปในทิศทางเดียวกัน สำหรับผู้ประกอบการในกลุ่มสมาชิกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน ที่แข่งขันอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ยอดขายมีการเติบโต เป็นผลจาก การขอใช้สินเชื่อปลูกสร้างบ้านเริ่มกลับมาขยายตัว ความต้องการสร้างบ้านระดับราคา 5-10 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น ประการสำคัญ ผู้บริโภคมีความต้องการเฉพาะตามไลฟ์สไตล์มากขึ้น อาทิเช่น ความต้องการสร้างบ้านที่เหมาะกับผู้สูงวัย บ้านประหยัดพลังงาน บ้านพักผ่อนต่างจังหวัด ฯลฯ ขณะที่สัดส่วนการขอกู้ยืมเงินหรือสินเชื่อปลูกสร้างบ้านของผู้บริโภค พบว่าความต้องการเริ่มกลับมาขยายตัวอีกครั้ง หลังชะลอตัวมาระยะหนึ่ง รวมถึงความต้องการสร้างบ้านกลุ่มระดับราคา 5-10 ล้านบาท มีสัดส่วนเติบโตกว่าครึ่งปีแรก
สิทธิพร สุวรรณสุต นายกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน กล่าวว่า สมาคมฯ คาดการณ์ภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านไตรมาสสุดท้ายขยายตัวใกล้เคียงกัน โดยเฉพาะจังหวัดในภาคอีสานและภาคเหนือจะกลับมาขยายตัวดีขึ้น เทียบไตรมาสก่อนที่กำลังซื้อซบเซา ในส่วนของตลาดรับสร้างบ้านในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล คาดว่ากำลังซื้อและความต้องการสร้างบ้านของผู้บริโภค “ทรงตัว” ประเมินว่าตลาดรวมตลาดรับสร้างบ้านปี 2560 มีมูลค่า 1.3-1.4 หมื่นล้านบาท
ปีนี้ภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้านแข่งขันด้านราคาดุเดือด โดยเฉพาะตลาดต่างจังหวัดในกลุ่มราคาบ้าน 1-2 ล้านบาท ผู้ประกอบการส่วนใหญ่เป็นรายใหม่ที่ยังขาดประสบการณ์ ขณะที่ตลาดรับสร้างบ้านในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีมูลค่ารวม 8,000 ล้านบาท มีผู้ประกอบการทำการตลาดและแข่งขันกันอยู่เกือบ 100 ราย เน้นเจาะตลาดราคาบ้าน 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.กลุ่มราคาบ้าน 2-10 ล้านบาท 2.กลุ่มราคาบ้านราคา 10-20 ล้านบาท และ 3.กลุ่มราคาบ้าน 20 ล้านบาทขึ้นไป
กลุ่มราคาบ้าน 2-10 ล้านบาท มีผู้เล่นมากที่สุด ขณะที่กลุ่มราคาบ้านต่ำกว่า 2 ล้านบาท แข่งขันต่ำสุด ตลาดกลุ่มนี้จึงตกอยู่กับผู้รับเหมารายย่อยทั่วไป สำหรับกลุ่มราคาบ้าน 20 ล้านบาทขึ้นไป แม้มีปริมาณและความต้องการปลูกสร้างบ้านต่อปีเพียงไม่กี่หน่วย แต่ผู้ประกอบการรับสร้างบ้านที่อยู่มานานและเป็นที่รู้จักของผู้บริโภคมากกว่า 10 ราย ต่างหันมารุกเจาะตลาดมากขึ้นในระยะ 4-5 ปีที่ผ่านมา เพราะต้องการหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคากับกลุ่มแรก
นอกจากนี้ ยังมีผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างรายใหญ่ เอสซีจี ที่แตกไลน์มาสู่ธุรกิจรับสร้างบ้าน มาพร้อมกับเทคโนโลยีการก่อสร้างทันสมัย และร่วมแข่งขันชิงแชร์ราคาบ้านระดับบนกลุ่มนี้ด้วย จะเห็นได้ว่าทุกเซ็กเมนท์ของตลาดรับสร้างบ้านไม่อาจหนีพ้นการแข่งขันที่รุนแรงได้ โดยเฉพาะการแข่งขันตัดราคาหรือสงครามราคา
“ผู้ประกอบการจะหลีกเลี่ยงสงครามราคาที่ดีที่สุดคือ การสร้างจุดเด่นหรือจุดแตกต่างของผลิตภัณฑ์และบริการ รวมทั้งจุดยืนองค์กรให้มีความชัดเจน ควรเลือกว่าจะเน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายกลุ่มใด ไม่ควรทำตลาดแบบครอบคลุมทุกตลาด เพราะในระยะยาวจะเสียเปรียบคู่แข่งที่มีความชัดเจน”
อย่างไรก็ตาม จะเห็นว่า กลุ่มผู้ประกอบการรับสร้างบ้าน อาทิ พีดีเฮ้าส์ ซีคอนโฮม แลนดี้โฮม รอแยลเฮ้าส์ มาสเตอร์แปลน ฯลฯ ต่างพยายามชูความเป็นผู้นำตลาดในกลุ่มเป้าหมาย ด้วยการวางตำแหน่งทางการตลาดในเซ็กเมนท์ที่มีความโดดเด่น เช่น ผู้นำสร้างบ้านระบบโครงสร้างสำเร็จรูป ผู้นำสร้างบ้านประหยัดพลังงาน ผู้นำรับสร้างบ้านต่างจังหวัด ผู้นำสร้างบ้านหรู ฯลฯ
ขณะที่ผู้ประกอบการรับสร้างบ้านรายเล็กและรายใหม่เน้นกลยุทธ์ “ตัดราคา” เพราะไม่อาจแข่งขันในเรื่องประสบการณ์หรือผลงานและความน่าเชื่อถือกับผู้ประกอบการชั้นนำได้ โดยมุ่งเจาะตลาดบ้านขนาดเล็กหรือราคา 1-2 ล้านบาทในต่างจังหวัด ผู้ประกอบการกลุ่มนี้จะเลือกใช้สื่อโฆษณาออนไลน์หรือโซเชียลมีเดีย เพื่อสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นหลัก เพราะใช้งบประมาณไม่สูง เจาะตรงกลุ่มเป้าหมาย
สมาคมฯ คาดการณ์ปริมาณบ้านเดี่ยวสร้างเองทั่วประเทศปีนี้มีจำนวน 6 หมื่นหน่วย คิดเป็นมูลค่า 1.2 – 1.3 แสนล้านบาท แบ่งเป็นปลูกสร้างในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 2 หมื่นหน่วย คิดเป็นมูลค่า 4.5-5 หมื่นล้านบาท ราคาเฉลี่ยต่อหน่วย 2.2-2.5 ล้านบาท และปลูกสร้างในต่างจังหวัด 4 หมื่นหน่วย คิดเป็นมูลค่า 7.5 – 8 หมื่นล้านบาท ราคาเฉลี่ยต่อหน่วย 1.8-2 ล้านบาท ขณะที่ธุรกิจรับสร้างบ้านมีมูลค่า 1.4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นมูลค่าตลาดในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 8,000 ล้านบาท ต่างจังหวัด 6,000 ล้านบาท
ทั้งนี้การขยายตัวของตลาดรับสร้างบ้าน 9 เดือนที่ผ่านมา ถือว่ายังไม่น่าพอใจเพราะฟื้นตัวต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะต่างจังหวัดตลาดฟื้นตัวค่อนข้างช้า แต่ช่วงไตรมาส 3 กำลังซื้อผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้น ถือเป็นสัญญาณบวกต่อตลาดรับสร้างบ้าน ที่จะมีโอกาสและแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่องในไตรมาส 4 นี้
http://www.bangkokbiznews.com
‘เอพี’ชูนวัตกรรมคอนโด ผสาน‘เทคโนฯ-ไอโอที’
ภายใต้ความร่วมมือเป็นพันธมิตรเพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัย ระหว่าง เอพี (ไทยแลนด์) และ มิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป (MECG) ประเทศญี่ปุ่น เป็นปีที่ 4 ได้ร่วมลงทุนคอนโดมิเนียมไปแล้ว 11 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 5 หมื่นล้านบาท
วิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจคอนโดมิเนียม บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวคิดสร้างสรรค์นวัตกรรมการออกแบบคอนโดมุ่งตอบโจทย์การพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ครอบคลุมทุกมิติในอนาคต ทั้งด้านคุณภาพ บริการ การอำนวยความสะดวก และความปลอดภัย ให้ผู้พักอาศัย โดยได้รับความร่วมมือจาก มิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป ประเทศญี่ปุ่น ในการส่งต่อแนวคิดในการบริหารจัดการคุณภาพ สู่การพัฒนาคอนโดมิเนียม เอพี ด้วยคอนเซปต์ “AP INNOVATION FOR QUALITY LIVING” นวัตกรรมเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีในการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน ที่ผสมผสานประสบการณ์ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เข้ากับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่
โดยเฉพาะแนวคิดเรื่อง IoT (Internet of Thing) ตลอดจนระบบจักรกลอุตสาหกรรม เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายในการเป็น “เจ้าแห่งนวัตกรรม คอนโดมิเนียม” เพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัยในทุกมิติ
การพัฒนานวัตกรรมที่อยู่อาศัย เอพี วางกลยุทธ์ 3 ด้าน 1.Space Innovation & Technology นวัตกรรมสเปซและเทคโนโลยี วิธีคิดในการออกแบบพื้นที่ใช้สอยให้เป็นมากกว่าที่อยู่อาศัย โดยทุกพื้นที่เชื่อมต่อเทคโนโลยี ตอบโจทย์การใช้ชีวิตคนรุ่นใหม่ ซึ่งคอนโดที่เปิดตัวใหม่ปีนี้ทั้ง 3 โครงการ ได้แก่ ไลฟ์ ลาดพร้าว, ไลฟ์ วัน ไวร์เลส และ ไลฟ์ อโศก-พระราม 9 ได้ผสานเทคโนโลยีภายใต้แนวคิด IoT เข้ากับการออกแบบสเปซ เพื่อให้ทุกพื้นที่เชื่อมต่อโลกไซเบอร์และควบคุมผ่านสมาร์ทโฟนได้ 24 ชั่วโมง
“การนำ ไอโอที มาพัฒนานวัตกรรมที่อยู่อาศัย เอพี นำแนวทางการพัฒนาจากมิตซูบิชิ ด้วยการนำมาใช้งานตั้งแต่ระดับโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งออกแบบอาคาร การวางระบบ การก่อสร้าง เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตในยุคนี้ และพัฒนาระบบไอโอทีสำหรับผู้อยู่อาศัยไปพร้อมกัน”
2.Durable Homes เป็นนวัตกรรมบ้านที่มีความยั่งยืนในการอยู่อาศัย เริ่มต้นตั้งแต่กระบวนการออกแบบ “AP Check List” เป็นแนวคิดจากมิตซูบิชิที่นำมาประยุกต์ใช้นวัตกรรมในการก่อสร้างสำเร็จรูประบบโมดูลาร์ ดำเนินการไปแล้ว คือ “ห้องน้ำสำเร็จรูป” ทำให้ปัญหาความผิดพลาดในการก่อสร้าง (Defect) มีค่าเท่ากับศูนย์ หลังจากนี้จะพัฒนาดีไซน์ ฟังก์ชั่นการใช้งาน และวัสดุระบบห้องน้ำสำเร็จรูปให้มีความหลากหลายตอบไลฟ์สไตล์ของคนเมืองที่แตกต่างกัน
เอพี วางแผนนำนวัตกรรมก่อสร้าง ห้องน้ำสำเร็จรูป มาใช้กับทุกแบรนด์คอนโดในทุกเซ็กเมนท์ ซึ่งช่วยให้การก่อสร้างโครงการเสร็จเร็วขึ้น 2 เดือน แม้ปัจจุบันต้นทุนห้องน้ำสำเร็จรูปอยู่ที่ 60,000-65,000 บาทต่อห้อง มีราคาสูงกว่าการก่อสร้างปกติ(ก่ออิฐฉาบปูน)ที่ราคา 30,000-40,000 บาทต่อห้อง แต่หลังจากนี้หากมีการสั่งผลิตด้วยปริมาณมากขึ้น จะทำให้ราคาต่อหน่วยลดลง
กลยุทธ์สุดท้าย 24/7 Safety & Convenient Assurance นวัตกรรมความปลอดภัยและความสะดวก 24 ชั่วโมง อาทิ นวัตกรรมที่ควบคุมทุกอย่างได้แบบเรียลไทม์ ผ่าน แอพพลิเคชั่น ที่เอพีพัฒนาขึ้น สำหรับการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ในคอนโด เช่น นวัตกรรมการรับ-ส่งสินค้าผ่านตู้ฝากของอัจฉริยะ i-Locker ที่ผู้ส่งและผู้รับสามารถเข้าถึงการใช้งานด้วยตนเอง 24 ชั่วโมง ปัจจุบัน i-Locker เริ่มติดตั้งในคอนโดเอพีแล้วที่โครงการ RHYTHM สุขุมวิท 42 และมีแผนติดตั้งในทุกโครงการใหม่ หรือการเปิด-ปิดระบบไฟฟ้าในห้องพัก การจองใช้พื้นที่ส่วนกลาง การเชื่อมต่อระบบรักษาความปลอดภัย การชำระค่าสาธารณูปโภคอัตโนมัติ ซึ่งทั้งหมดจะถูกเชื่อมต่อผ่าน เอพี แอพพลิเคชั่น
วิทการ กล่าวว่า บริษัทให้ความสำคัญเรื่องการให้บริการ และมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่การดีไซน์ ด้วยการบริหารจัดการพื้นที่ใช้สอย ทำเลที่ดี รวมไปถึงคุณภาพในการก่อสร้าง การบำรุงรักษา บริการหลังการขาย และบริการขายหรือให้เช่า ที่สำคัญ มุ่งนำเสนอนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัยแห่งอนาคต
“เอพีและ MECG เป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งพร้อมแบ่งปันองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญด้านต่างๆ เพื่อยกระดับอสังหาฯ ไทย“
ทางด้านยอดขายของเอพี ถึงสิ้นไตรมาส 3 ทั้งคอนโดและสินค้าแนวราบ อยู่ที่ 28,300 ล้านบาทสูงกว่าเป้าหมาย ที่คาดว่าจะมียอดขายปี 2560 อยู่ที่ 26,000 ล้านบาท เป็นยอดขายคอนโด 16,615 ล้านบาท ส่วนบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม อยู่ที่ 11,685 ล้านบาท ดังนั้นถึงสิ้นปีนี้ เอพี จะมียอดขายรวม 32,000 ล้านบาท
http://www.bangkokbiznews.com
ประชาชนแห่ร่วมงาน บ้านและคอนโด คึกคัก กระตุ้นอสังหาปี 60 โต 5-10%
ประชาชนทยอยร่วมงาน บ้านและคอนโด ครั้งที่ 37 ต่อเนื่อง ผู้จัดคาดช่วยกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ปี 60 โต 5-10%
บรรยากาศงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 37 จัดโดยสมาคมอาคารชุดไทย สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย และสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Living Solution มิติใหม่แห่งพื้นที่ ที่อยู่อาศัย” ซึ่งวันนี้เป็นวันสุดท้ายของการจัดงาน ประชาชนต่างทยอยเดินทางเข้าร่วมชมงานอย่างคึกคัก
โดยส่วนใหญ่จะเดินทางมาพร้อมครอบครัว เนื่องจากตรงกับช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ซึ่งภายในงานได้รวบรวมผู้ประกอบการ สถาบันการเงินและโบรกเกอร์ อสังหาฯ ริมทรัพ์กว่า 200 ราย นำโครงการทั้งที่เปิดตัวไปแล้วและโครงการใหม่มากกว่า 1,000 โครงการมาร่วมออกบูธ จัดโปรโมชั่นพิเศษกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคที่มาร่วมงานในครั้งนี้
โดยทางผู้จัดงานคาดว่า การจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 37 จะมียอดคนร่วมงานกว่า 100,000 คน และมียอดขายในงานมากกว่า 4 พันล้านบาท และยอดขายต่อเนื่องตามหลังงานอีกอย่างน้อย 8 พันล้านบาท รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะช่วยกระตุ้นภาพรวมของอสังหาฯ ให้มีอัตราการขยายตัวในปีนี้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 5-10 และจะส่งผลในทิศทางที่เป็นบวกถึงปี2561
https://new.mthai.com
ศุลกากรย้ำกฎหมายใหม่เริ่มมีผลบังคับใช้ 13 พ.ย. นี้
“กรมศุลกากร” ย้ำ เริ่มบังคับใช้กฎหมายศุลกากรฉบับใหม่ 13 พ.ย. นี้ ระบุ ได้ตั้งอนุกรรมการ 9 ชุด ยกร่างกฎหมายลูกเพื่อใช้เป็นแนวทางปฎิบัติ “กุลิศ” เผยเตรียมหารือร่วมจีน หลังข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-จีน เริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค.61 โดยไทยต้องลดภาษีนำเข้าจาก 20-30% เหลือ 5% จากสินค้าจำนวน 700 รายการ หวัง ลดผลกระทบในกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์-สินค้าเกษตร คาด ไทยจะสูญเสียรายได้ภาษีราว 800 ล้านบาท
นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในฐานะประธานเปิดงาน “การรับฟังคำชี้แจงการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560” ว่า เพื่อเป็นการชี้แจงให้กับภาคเอกชนให้เข้าใจการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวที่จะมีผลในวันที่ 13 พ.ย. 60 โดยจากเดิมจัดเก็บภาษีอัตราสูงร้อยละ 20-30 ลดเหลือไม่เกินร้อยละ 8-9 เพื่อเน้นอำนวยความสะดวกให้กับภาคเอกชน และสร้างแรงจูงใจไม่ให้หลีกเลี่ยงภาษี นอกจากนี้ยังต้องประสานกระทรวงการต่างประเทศหารือกับเพื่อนบ้านร่วมกำหนดระเบียบให้ชัดเจนในการนำเข้าส่งออกสินค้าต่างๆ
ด้านนายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า หลังจาก พ.ร.บ.กรมศุลกากร ฉบับใหม่เตรียมบังคับใช้เดือนพฤศจิกายนนี้ ได้ตั้งอนุกรรมการ 9 ชุด ยกร่างกฎหมายลูกมายังคับใช้ในทางปฎิบัติ จึงต้องชี้แจงกับเอกชนแนวทางปฎิบัติ โดยเฉพาะการจัดทำเขตฟรีโซนปลอดอากร เพื่อไม่ให้กระจายอยู่ทั่วประเทศ จนทำให้ควบคุมไม่ทั่วถึง จึงได้เน้นการจัดทำเขตปลอดอากรเฉพาะพื้นที่สนามบินหลัก เช่น สนามบินสุวรรณภูมิ ท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือคลองเตย ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เขตเศรษฐกิจพิเศษตามที่รัฐบาลกำหนด เพื่อเน้น 5 พื้นที่หลัก โดยต้องมีระบบไอทีใช้ระบบตรวจปล่อยสินค้า เช่น หากส่งออกสินค้า เมื่อเครื่องบินกำลังจะออกเดินทางหรือกำลังบินเข้าประเทศ ส่งรายการสินค้ามาให้ทำการตรวจสอบ หากมีความเสี่ยงจะได้นำเข้าเครื่องเอ็กเรย์ และใช้ระบบคีย์ล็อกเป็นแบบอัตโนมัติ
สำหรับการอำนวยความสะดวกทางการค้า เพื่อสนับสนุนการลงทุนทำธุรกิจในประเทศไทย หรือ East of Doing Business เมื่อศุลกากรได้นำระบบ IT เข้ามาใช้งานมากขึ้นได้คะแนนเพิ่มจากร้อยละ 66 เพิ่มเป็นร้อยละ 86.25 เพื่อต้องการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน และการสร้างความโปร่งใสในการทำงานของเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร ได้แก้ไขกฎหมายศุลกากรด้วยการปรับลดเงินสินบนรางวัล จากอัตราร้อยละ 55 ของเงินค่าขายของกลางหรือเงินค่าปรับ เหลือร้อยละ 20 สำหรับการกระทำผิดซึ่งหน้า และให้เงินรางวัลร้อยละ 20 สำหรับการตรวจพบการกระทำผิด ทั้งคดียาเสพติด หลีกเลี่ยงภาษี โดยไม่ใช่ความผิดจากงานด้านเอกสาร กำหนดวงเงินไว้ไม่เกินคดีละ 5 ล้านบาท รวมถึงมีการลดระยะเวลาในการประเมินอากรให้เหลือ 3 ปี การลดดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ให้น้อยลง การปรับลดกระบวนการทางกฎหมายดำเนินคดีต้องส่งฟ้องสรุปสำนวนให้ไม่เกิน 3 ปี เพื่อป้องกันเลี้ยงให้อ้วนทอดเวลาคดีให้นานทำให้เงินรางวัลค่าปรับสูง จากเดิมต้องใช้เวลาตรวจสอบนานถึง 20 ปี
ส่วนผลการจัดเก็บภาษีในปีงบประมาณ 2560 จัดเก็บได้ 104,780 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายของรัฐบาลกำหนด 104,000 ล้านบาท กระทรวงคลังจึงกำหนดเป้าหมายในปี 61 ให้สูงกว่าเดิมยอด 110,000 ล้านบาท กรมศุลกากรจึงเตรียมการรองรับนโยบายใหม่ ด้วยการนัดประชุมติดตามผลการจัดเก็บภาษีทุก 2 สัปดาห์ เพื่อเน้นผลจัดเก็บให้มีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม กรมศุลลกากรยังเตรียมหารือร่วมกับประเทศจีน หลังจากข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-จีนจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค.61 ซึ่งไทยต้องลดภาษีนำเข้าจากร้อยละ 20-30 ลดเหลือร้อยละ 5 หรือยกเว้น จำนวน 700 รายการ ทั้งนี้ เพื่อช่วยลดผลกระทบในกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เช่น เตารีด เครื่องใช้ไฟฟ้า ไมโครเวฟ ทีวี สินค้าเกษตร เช่น ข้าวสาลี มะเขือเทศ เพราะหากผู้นำเข้าใช้สิทธิ์การนำเข้าตามข้อตกลงอาเซียน-จีน ดังกล่าว ไทยจะสูญเสียรายได้อากรนำเข้าประมาณ 800 ล้านบาท.
https://mgronline.com
ประโยชน์ของการคิดบวก
1. คิดบวกขจัดความเครียด ปัญหาและอุปสรรคมีอิสระ มันสามารถเข้าถึงคนได้ทุกคนแต่เราต้องไม่ยอมเสียเวลาจมปลักกับปัญหานานจนเกินไป ซึ่งพอไม่เครียด จิตใจก็จะผ่องใส และร่างกายก็จะแข็งแรงตามไปด้วย
2. ไม่ปล่อยตัวเองให้ว่างจนฟุ้งซ่าน กิจกรรมฆ่าเวลาประเภทนอนดูทีวีอยู่บ้าน หรือจมตัวเองอยู่กับที่นอนทั้งวันไม่ใช่แนวของคนที่มีความสุข เพราะคนที่มีความสุขจะมีกำลังใจไปทำสิ่งต่าง ๆ มากมาย เรียกได้ว่าแทบไม่มีเวลาว่างมานั่งคิดฟุ้งซ่านให้วุ่นวายใจ ซึ่งการได้ออกไปทำกิจกรรมต่าง ๆ เหล่านี้จะทำให้ร่างกายแอคทีฟ เป็นผลให้มีสุขภาพที่ดี แถมยังได้เบิร์นไขมันส่วนเกินอีกด้วยนะ
3. ไม่ต้องกลุ้มกับค่ารักษาพยาบาล เจ็บป่วยแต่ละทีก็มีเรื่องให้กลุ้มไม่น้อย ไหนจะค่ารักษา ค่ายา และอาการเจ็บป่วยที่เป็นอยู่อีก ฉะนั้นคนที่มีสุขภาพจิต รวมไปถึงสุขภาพกายที่ดีก็ไม่จำเป็นต้องเครียดกับเรื่องเหล่านี้ แถมมีเงินเหลือไว้กินและเที่ยวเพื่อสุขภาพจิตได้อีกเยอะ ส่งผลให้ระดับความสุขในร่างกายเพิ่มขึ้นด้วยค่ะ
4. ไม่ป่วยบ่อย สภาวะเจ็บออด ๆ แอด ๆ เป็นสิ่งที่คนมีความสุขไม่ค่อยจะได้เจอ ฉะนั้นพยายามทำจิตใจให้ร่าเริงเข้าไว้นะคะ ร่างกายจะได้แข็งแรง ไม่ป่วยบ่อย ๆ ให้ต้องเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น
5. มีความพยายามสร้างสุขภาพดีให้ตัวเอง หากเรามีความสุขกับทุกสิ่งในชีวิต ก็จะพยายามดูแลตัวเองรวมไปถึงคนรอบข้างให้มีสุขภาพที่แข็งแรงไม่ว่าจะเป็นชวนกันไปออกกำลังกาย หรือทานอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ ซึ่งพอมีร่างกายที่แข็งแรง ก็จะส่งผลให้สุขภาพจิตแข็งแรงสดใสตามไปด้วยนั่นเอง
6. สร้างความสุขให้ตัวเองอย่างถาวร ยิ่งมีความสุขกับดูแลตัวเองแล้วได้ผลลัพธ์ที่ดีเท่าไร ก็จะยิ่งมีแรงบันดาลใจให้ทำต่อไปอีกเรื่อย ๆ เช่นหันมารับประทานผักและผลไม้มากขึ้น กินเนื้อสัตว์น้อยลง หรือออกกำลังกายอยู่เสมอ
ซึ่งนอกจากจะมีสุขภาพจิตดี เพราะได้ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำแล้ว ก็จะมีร่างกายที่แข็งแรงเป็นของแถมด้วย
https://th-th.facebook.com
ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 10/10/2560
ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง
|
ราคารับซื้อต่อกรัม
|
ราคารับซื้อ/บาท
|
ราคาขายออก/บาท
|
ทองคำแท่ง 96.5% |
n/a |
20,250.00 |
20,350.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% |
1,312.00 |
19,889.92 |
20,850.00 |
ทองรูปพรรณ 90% |
1,180.80 |
17,900.93 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 50% |
590.00 |
8,944.40 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 40% |
459.00 |
6,958.44 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% |
1,360.00 |
20,617.60 |
n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 10/10/2560
ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ปตท
PTT |
บางจาก
BCP |
เชลล์
Shell |
เอสโซ่
Esso |
คาลเท็กซ์
Caltex |
ไออาร์พีซี
IRPC |
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG |
ซัสโก้
Susco |
ระยองเพียว
Pure |
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers |
แก๊สโซฮอล 95 |
27.45 |
27.45 |
– |
27.45 |
27.45 |
27.45 |
27.45
|
27.45
|
27.45
|
27.45
|
แก๊สโซฮอล E-20 |
24.94
|
24.94
|
24.94
|
24.94
|
24.94
|
– |
24.94
|
24.94
|
24.94
|
24.94
|
แก๊สโซฮอล E-85 |
20.24 |
20.44 |
– |
– |
– |
– |
– |
20.24 |
20.24 |
– |
แก๊สโซฮอล 91 |
27.18 |
27.18 |
27.18 |
27.18 |
27.18 |
27.18 |
27.18 |
27.18 |
27.18 |
27.18 |
เบนซิน 95 |
34.56 |
– |
– |
– |
35.01 |
– |
35.06 |
34.56 |
34.56 |
34.56 |
ดีเซลหมุนเร็ว |
26.19 |
26.19 |
26.19 |
26.19 |
26.19 |
26.19 |
26.19 |
26.19 |
26.19 |
26.19 |
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม |
29.19 |
29.87 |
29.87 |
29.87 |
29.87 |
– |
– |
– |
– |
– |
มีผลตั้งแต่ |
05 Oct 05:00 |
05 Oct 05:00 |
05 Oct 05:00 |
05 Oct 05:00 |
05 Oct 05:00 |
05 Oct 05:00 |
05 Oct 05:00 |
05 Oct 05:00 |
05 Oct 05:00 |
05 Oct 05:00 |