สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 10 ตุลาคม 2560

ธุรกิจ‘รับสร้างบ้าน’ลุ้นตลาดฟื้น

สมาคมไทยรับสร้างบ้าน โดยฝ่ายวิชาการ ประเมินความต้องการสร้างบ้านของผู้บริโภคและประชาชนประเภท “บ้านเดี่ยวสร้างเอง” ไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ปรับตัวดีขึ้นเทียบไตรมาส 2

ส่งผลให้ปริมาณและมูลค่าตลาด “รับสร้างบ้าน” ขยายตัวไปในทิศทางเดียวกัน สำหรับผู้ประกอบการในกลุ่มสมาชิกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน ที่แข่งขันอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ยอดขายมีการเติบโต เป็นผลจาก การขอใช้สินเชื่อปลูกสร้างบ้านเริ่มกลับมาขยายตัว ความต้องการสร้างบ้านระดับราคา 5-10 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น ประการสำคัญ ผู้บริโภคมีความต้องการเฉพาะตามไลฟ์สไตล์มากขึ้น อาทิเช่น ความต้องการสร้างบ้านที่เหมาะกับผู้สูงวัย บ้านประหยัดพลังงาน บ้านพักผ่อนต่างจังหวัด ฯลฯ ขณะที่สัดส่วนการขอกู้ยืมเงินหรือสินเชื่อปลูกสร้างบ้านของผู้บริโภค พบว่าความต้องการเริ่มกลับมาขยายตัวอีกครั้ง หลังชะลอตัวมาระยะหนึ่ง รวมถึงความต้องการสร้างบ้านกลุ่มระดับราคา 5-10 ล้านบาท มีสัดส่วนเติบโตกว่าครึ่งปีแรก

สิทธิพร สุวรรณสุต นายกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน กล่าวว่า  สมาคมฯ คาดการณ์ภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านไตรมาสสุดท้ายขยายตัวใกล้เคียงกัน โดยเฉพาะจังหวัดในภาคอีสานและภาคเหนือจะกลับมาขยายตัวดีขึ้น เทียบไตรมาสก่อนที่กำลังซื้อซบเซา ในส่วนของตลาดรับสร้างบ้านในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล คาดว่ากำลังซื้อและความต้องการสร้างบ้านของผู้บริโภค “ทรงตัว” ประเมินว่าตลาดรวมตลาดรับสร้างบ้านปี 2560 มีมูลค่า 1.3-1.4 หมื่นล้านบาท

ปีนี้ภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้านแข่งขันด้านราคาดุเดือด โดยเฉพาะตลาดต่างจังหวัดในกลุ่มราคาบ้าน 1-2 ล้านบาท ผู้ประกอบการส่วนใหญ่เป็นรายใหม่ที่ยังขาดประสบการณ์ ขณะที่ตลาดรับสร้างบ้านในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีมูลค่ารวม 8,000 ล้านบาท มีผู้ประกอบการทำการตลาดและแข่งขันกันอยู่เกือบ 100 ราย เน้นเจาะตลาดราคาบ้าน 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.กลุ่มราคาบ้าน 2-10 ล้านบาท 2.กลุ่มราคาบ้านราคา 10-20 ล้านบาท และ 3.กลุ่มราคาบ้าน 20 ล้านบาทขึ้นไป

กลุ่มราคาบ้าน 2-10 ล้านบาท มีผู้เล่นมากที่สุด ขณะที่กลุ่มราคาบ้านต่ำกว่า 2 ล้านบาท แข่งขันต่ำสุด  ตลาดกลุ่มนี้จึงตกอยู่กับผู้รับเหมารายย่อยทั่วไป  สำหรับกลุ่มราคาบ้าน 20 ล้านบาทขึ้นไป แม้มีปริมาณและความต้องการปลูกสร้างบ้านต่อปีเพียงไม่กี่หน่วย แต่ผู้ประกอบการรับสร้างบ้านที่อยู่มานานและเป็นที่รู้จักของผู้บริโภคมากกว่า 10 ราย ต่างหันมารุกเจาะตลาดมากขึ้นในระยะ 4-5 ปีที่ผ่านมา เพราะต้องการหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคากับกลุ่มแรก

นอกจากนี้ ยังมีผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างรายใหญ่ เอสซีจี ที่แตกไลน์มาสู่ธุรกิจรับสร้างบ้าน มาพร้อมกับเทคโนโลยีการก่อสร้างทันสมัย และร่วมแข่งขันชิงแชร์ราคาบ้านระดับบนกลุ่มนี้ด้วย จะเห็นได้ว่าทุกเซ็กเมนท์ของตลาดรับสร้างบ้านไม่อาจหนีพ้นการแข่งขันที่รุนแรงได้ โดยเฉพาะการแข่งขันตัดราคาหรือสงครามราคา

ผู้ประกอบการจะหลีกเลี่ยงสงครามราคาที่ดีที่สุดคือ การสร้างจุดเด่นหรือจุดแตกต่างของผลิตภัณฑ์และบริการ รวมทั้งจุดยืนองค์กรให้มีความชัดเจน ควรเลือกว่าจะเน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายกลุ่มใด ไม่ควรทำตลาดแบบครอบคลุมทุกตลาด เพราะในระยะยาวจะเสียเปรียบคู่แข่งที่มีความชัดเจน”

อย่างไรก็ตาม จะเห็นว่า กลุ่มผู้ประกอบการรับสร้างบ้าน อาทิ พีดีเฮ้าส์ ซีคอนโฮม แลนดี้โฮม รอแยลเฮ้าส์ มาสเตอร์แปลน ฯลฯ ต่างพยายามชูความเป็นผู้นำตลาดในกลุ่มเป้าหมาย ด้วยการวางตำแหน่งทางการตลาดในเซ็กเมนท์ที่มีความโดดเด่น เช่น ผู้นำสร้างบ้านระบบโครงสร้างสำเร็จรูป ผู้นำสร้างบ้านประหยัดพลังงาน ผู้นำรับสร้างบ้านต่างจังหวัด ผู้นำสร้างบ้านหรู ฯลฯ

ขณะที่ผู้ประกอบการรับสร้างบ้านรายเล็กและรายใหม่เน้นกลยุทธ์ “ตัดราคา” เพราะไม่อาจแข่งขันในเรื่องประสบการณ์หรือผลงานและความน่าเชื่อถือกับผู้ประกอบการชั้นนำได้ โดยมุ่งเจาะตลาดบ้านขนาดเล็กหรือราคา 1-2 ล้านบาทในต่างจังหวัด ผู้ประกอบการกลุ่มนี้จะเลือกใช้สื่อโฆษณาออนไลน์หรือโซเชียลมีเดีย เพื่อสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นหลัก เพราะใช้งบประมาณไม่สูง เจาะตรงกลุ่มเป้าหมาย

สมาคมฯ คาดการณ์ปริมาณบ้านเดี่ยวสร้างเองทั่วประเทศปีนี้มีจำนวน 6 หมื่นหน่วย คิดเป็นมูลค่า 1.2 – 1.3 แสนล้านบาท แบ่งเป็นปลูกสร้างในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 2 หมื่นหน่วย คิดเป็นมูลค่า 4.5-5 หมื่นล้านบาท ราคาเฉลี่ยต่อหน่วย 2.2-2.5 ล้านบาท และปลูกสร้างในต่างจังหวัด 4 หมื่นหน่วย คิดเป็นมูลค่า 7.5 – 8 หมื่นล้านบาท ราคาเฉลี่ยต่อหน่วย 1.8-2 ล้านบาท ขณะที่ธุรกิจรับสร้างบ้านมีมูลค่า 1.4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นมูลค่าตลาดในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 8,000 ล้านบาท ต่างจังหวัด 6,000 ล้านบาท

ทั้งนี้การขยายตัวของตลาดรับสร้างบ้าน 9 เดือนที่ผ่านมา ถือว่ายังไม่น่าพอใจเพราะฟื้นตัวต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะต่างจังหวัดตลาดฟื้นตัวค่อนข้างช้า แต่ช่วงไตรมาส 3 กำลังซื้อผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้น ถือเป็นสัญญาณบวกต่อตลาดรับสร้างบ้าน ที่จะมีโอกาสและแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่องในไตรมาส 4 นี้

http://www.bangkokbiznews.com


‘เอพี’ชูนวัตกรรมคอนโด ผสาน‘เทคโนฯ-ไอโอที’

ภายใต้ความร่วมมือเป็นพันธมิตรเพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัย ระหว่าง เอพี (ไทยแลนด์) และ มิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป (MECG) ประเทศญี่ปุ่น เป็นปีที่ 4 ได้ร่วมลงทุนคอนโดมิเนียมไปแล้ว 11 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 5 หมื่นล้านบาท

วิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจคอนโดมิเนียม บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวคิดสร้างสรรค์นวัตกรรมการออกแบบคอนโดมุ่งตอบโจทย์การพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ครอบคลุมทุกมิติในอนาคต ทั้งด้านคุณภาพ บริการ การอำนวยความสะดวก และความปลอดภัย ให้ผู้พักอาศัย โดยได้รับความร่วมมือจาก มิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป ประเทศญี่ปุ่น ในการส่งต่อแนวคิดในการบริหารจัดการคุณภาพ สู่การพัฒนาคอนโดมิเนียม เอพี ด้วยคอนเซปต์ “AP INNOVATION FOR QUALITY LIVING” นวัตกรรมเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีในการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน ที่ผสมผสานประสบการณ์ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เข้ากับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่

โดยเฉพาะแนวคิดเรื่อง IoT (Internet of Thing) ตลอดจนระบบจักรกลอุตสาหกรรม เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายในการเป็น เจ้าแห่งนวัตกรรม คอนโดมิเนียม” เพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัยในทุกมิติ

การพัฒนานวัตกรรมที่อยู่อาศัย เอพี วางกลยุทธ์ 3 ด้าน 1.Space Innovation & Technology นวัตกรรมสเปซและเทคโนโลยี วิธีคิดในการออกแบบพื้นที่ใช้สอยให้เป็นมากกว่าที่อยู่อาศัย โดยทุกพื้นที่เชื่อมต่อเทคโนโลยี ตอบโจทย์การใช้ชีวิตคนรุ่นใหม่ ซึ่งคอนโดที่เปิดตัวใหม่ปีนี้ทั้ง 3 โครงการ ได้แก่ ไลฟ์ ลาดพร้าว, ไลฟ์ วัน ไวร์เลส และ ไลฟ์ อโศก-พระราม 9 ได้ผสานเทคโนโลยีภายใต้แนวคิด IoT  เข้ากับการออกแบบสเปซ เพื่อให้ทุกพื้นที่เชื่อมต่อโลกไซเบอร์และควบคุมผ่านสมาร์ทโฟนได้ 24 ชั่วโมง

การนำ ไอโอที มาพัฒนานวัตกรรมที่อยู่อาศัย เอพี นำแนวทางการพัฒนาจากมิตซูบิชิ ด้วยการนำมาใช้งานตั้งแต่ระดับโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งออกแบบอาคาร การวางระบบ การก่อสร้าง เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตในยุคนี้ และพัฒนาระบบไอโอทีสำหรับผู้อยู่อาศัยไปพร้อมกัน”

2.Durable Homes เป็นนวัตกรรมบ้านที่มีความยั่งยืนในการอยู่อาศัย เริ่มต้นตั้งแต่กระบวนการออกแบบ “AP Check List” เป็นแนวคิดจากมิตซูบิชิที่นำมาประยุกต์ใช้นวัตกรรมในการก่อสร้างสำเร็จรูประบบโมดูลาร์ ดำเนินการไปแล้ว คือ “ห้องน้ำสำเร็จรูป” ทำให้ปัญหาความผิดพลาดในการก่อสร้าง (Defect) มีค่าเท่ากับศูนย์ หลังจากนี้จะพัฒนาดีไซน์ ฟังก์ชั่นการใช้งาน และวัสดุระบบห้องน้ำสำเร็จรูปให้มีความหลากหลายตอบไลฟ์สไตล์ของคนเมืองที่แตกต่างกัน

เอพี วางแผนนำนวัตกรรมก่อสร้าง ห้องน้ำสำเร็จรูป มาใช้กับทุกแบรนด์คอนโดในทุกเซ็กเมนท์ ซึ่งช่วยให้การก่อสร้างโครงการเสร็จเร็วขึ้น 2 เดือน แม้ปัจจุบันต้นทุนห้องน้ำสำเร็จรูปอยู่ที่ 60,000-65,000 บาทต่อห้อง มีราคาสูงกว่าการก่อสร้างปกติ(ก่ออิฐฉาบปูน)ที่ราคา 30,000-40,000 บาทต่อห้อง แต่หลังจากนี้หากมีการสั่งผลิตด้วยปริมาณมากขึ้น จะทำให้ราคาต่อหน่วยลดลง

กลยุทธ์สุดท้าย 24/7 Safety & Convenient Assurance นวัตกรรมความปลอดภัยและความสะดวก 24 ชั่วโมง อาทิ นวัตกรรมที่ควบคุมทุกอย่างได้แบบเรียลไทม์ ผ่าน แอพพลิเคชั่น ที่เอพีพัฒนาขึ้น สำหรับการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ในคอนโด เช่น นวัตกรรมการรับ-ส่งสินค้าผ่านตู้ฝากของอัจฉริยะ i-Locker ที่ผู้ส่งและผู้รับสามารถเข้าถึงการใช้งานด้วยตนเอง 24 ชั่วโมง ปัจจุบัน i-Locker เริ่มติดตั้งในคอนโดเอพีแล้วที่โครงการ RHYTHM สุขุมวิท 42 และมีแผนติดตั้งในทุกโครงการใหม่ หรือการเปิด-ปิดระบบไฟฟ้าในห้องพัก การจองใช้พื้นที่ส่วนกลาง การเชื่อมต่อระบบรักษาความปลอดภัย การชำระค่าสาธารณูปโภคอัตโนมัติ ซึ่งทั้งหมดจะถูกเชื่อมต่อผ่าน เอพี แอพพลิเคชั่น

วิทการ กล่าวว่า บริษัทให้ความสำคัญเรื่องการให้บริการ และมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่การดีไซน์ ด้วยการบริหารจัดการพื้นที่ใช้สอย ทำเลที่ดี รวมไปถึงคุณภาพในการก่อสร้าง การบำรุงรักษา บริการหลังการขาย และบริการขายหรือให้เช่า ที่สำคัญ มุ่งนำเสนอนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัยแห่งอนาคต

เอพีและ MECG เป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งพร้อมแบ่งปันองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญด้านต่างๆ เพื่อยกระดับอสังหาฯ ไทย

ทางด้านยอดขายของเอพี ถึงสิ้นไตรมาส 3 ทั้งคอนโดและสินค้าแนวราบ อยู่ที่ 28,300 ล้านบาทสูงกว่าเป้าหมาย ที่คาดว่าจะมียอดขายปี 2560 อยู่ที่ 26,000 ล้านบาท เป็นยอดขายคอนโด 16,615 ล้านบาท ส่วนบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม อยู่ที่ 11,685 ล้านบาท ดังนั้นถึงสิ้นปีนี้ เอพี จะมียอดขายรวม 32,000 ล้านบาท

http://www.bangkokbiznews.com


ประชาชนแห่ร่วมงาน บ้านและคอนโด คึกคัก กระตุ้นอสังหาปี 60 โต 5-10%

ประชาชนทยอยร่วมงาน บ้านและคอนโ ครั้งที่ 37 ต่อเนื่อง ผู้จัดคาดช่วยกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ปี 60 โต 5-10%

บรรยากาศงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 37 จัดโดยสมาคมอาคารชุดไทย สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย และสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Living Solution มิติใหม่แห่งพื้นที่ ที่อยู่อาศัย” ซึ่งวันนี้เป็นวันสุดท้ายของการจัดงาน ประชาชนต่างทยอยเดินทางเข้าร่วมชมงานอย่างคึกคัก

โดยส่วนใหญ่จะเดินทางมาพร้อมครอบครัว เนื่องจากตรงกับช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ซึ่งภายในงานได้รวบรวมผู้ประกอบการ สถาบันการเงินและโบรกเกอร์ อสังหาฯ ริมทรัพ์กว่า 200 ราย นำโครงการทั้งที่เปิดตัวไปแล้วและโครงการใหม่มากกว่า 1,000 โครงการมาร่วมออกบูธ จัดโปรโมชั่นพิเศษกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคที่มาร่วมงานในครั้งนี้

โดยทางผู้จัดงานคาดว่า การจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 37 จะมียอดคนร่วมงานกว่า 100,000 คน และมียอดขายในงานมากกว่า 4 พันล้านบาท และยอดขายต่อเนื่องตามหลังงานอีกอย่างน้อย 8 พันล้านบาท รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะช่วยกระตุ้นภาพรวมของอสังหาฯ ให้มีอัตราการขยายตัวในปีนี้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 5-10 และจะส่งผลในทิศทางที่เป็นบวกถึงปี2561

https://new.mthai.com


ศุลกากรย้ำกฎหมายใหม่เริ่มมีผลบังคับใช้ 13 พ.ย. นี้

“กรมศุลกากร” ย้ำ เริ่มบังคับใช้กฎหมายศุลกากรฉบับใหม่ 13 พ.ย. นี้ ระบุ ได้ตั้งอนุกรรมการ 9 ชุด ยกร่างกฎหมายลูกเพื่อใช้เป็นแนวทางปฎิบัติ “กุลิศ” เผยเตรียมหารือร่วมจีน หลังข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-จีน เริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค.61 โดยไทยต้องลดภาษีนำเข้าจาก 20-30% เหลือ 5% จากสินค้าจำนวน 700 รายการ หวัง ลดผลกระทบในกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์-สินค้าเกษตร คาด ไทยจะสูญเสียรายได้ภาษีราว 800 ล้านบาท

นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในฐานะประธานเปิดงาน “การรับฟังคำชี้แจงการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560” ว่า เพื่อเป็นการชี้แจงให้กับภาคเอกชนให้เข้าใจการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวที่จะมีผลในวันที่ 13 พ.ย. 60 โดยจากเดิมจัดเก็บภาษีอัตราสูงร้อยละ 20-30 ลดเหลือไม่เกินร้อยละ 8-9 เพื่อเน้นอำนวยความสะดวกให้กับภาคเอกชน และสร้างแรงจูงใจไม่ให้หลีกเลี่ยงภาษี นอกจากนี้ยังต้องประสานกระทรวงการต่างประเทศหารือกับเพื่อนบ้านร่วมกำหนดระเบียบให้ชัดเจนในการนำเข้าส่งออกสินค้าต่างๆ

ด้านนายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า หลังจาก พ.ร.บ.กรมศุลกากร ฉบับใหม่เตรียมบังคับใช้เดือนพฤศจิกายนนี้ ได้ตั้งอนุกรรมการ 9 ชุด ยกร่างกฎหมายลูกมายังคับใช้ในทางปฎิบัติ จึงต้องชี้แจงกับเอกชนแนวทางปฎิบัติ โดยเฉพาะการจัดทำเขตฟรีโซนปลอดอากร เพื่อไม่ให้กระจายอยู่ทั่วประเทศ จนทำให้ควบคุมไม่ทั่วถึง จึงได้เน้นการจัดทำเขตปลอดอากรเฉพาะพื้นที่สนามบินหลัก เช่น สนามบินสุวรรณภูมิ ท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือคลองเตย ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เขตเศรษฐกิจพิเศษตามที่รัฐบาลกำหนด เพื่อเน้น 5 พื้นที่หลัก โดยต้องมีระบบไอทีใช้ระบบตรวจปล่อยสินค้า เช่น หากส่งออกสินค้า เมื่อเครื่องบินกำลังจะออกเดินทางหรือกำลังบินเข้าประเทศ ส่งรายการสินค้ามาให้ทำการตรวจสอบ หากมีความเสี่ยงจะได้นำเข้าเครื่องเอ็กเรย์ และใช้ระบบคีย์ล็อกเป็นแบบอัตโนมัติ

สำหรับการอำนวยความสะดวกทางการค้า เพื่อสนับสนุนการลงทุนทำธุรกิจในประเทศไทย หรือ East of Doing Business เมื่อศุลกากรได้นำระบบ IT เข้ามาใช้งานมากขึ้นได้คะแนนเพิ่มจากร้อยละ 66 เพิ่มเป็นร้อยละ 86.25 เพื่อต้องการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน และการสร้างความโปร่งใสในการทำงานของเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร ได้แก้ไขกฎหมายศุลกากรด้วยการปรับลดเงินสินบนรางวัล จากอัตราร้อยละ 55 ของเงินค่าขายของกลางหรือเงินค่าปรับ เหลือร้อยละ 20 สำหรับการกระทำผิดซึ่งหน้า และให้เงินรางวัลร้อยละ 20 สำหรับการตรวจพบการกระทำผิด ทั้งคดียาเสพติด หลีกเลี่ยงภาษี โดยไม่ใช่ความผิดจากงานด้านเอกสาร กำหนดวงเงินไว้ไม่เกินคดีละ 5 ล้านบาท รวมถึงมีการลดระยะเวลาในการประเมินอากรให้เหลือ 3 ปี การลดดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ให้น้อยลง การปรับลดกระบวนการทางกฎหมายดำเนินคดีต้องส่งฟ้องสรุปสำนวนให้ไม่เกิน 3 ปี เพื่อป้องกันเลี้ยงให้อ้วนทอดเวลาคดีให้นานทำให้เงินรางวัลค่าปรับสูง จากเดิมต้องใช้เวลาตรวจสอบนานถึง 20 ปี

ส่วนผลการจัดเก็บภาษีในปีงบประมาณ 2560 จัดเก็บได้ 104,780 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายของรัฐบาลกำหนด 104,000 ล้านบาท กระทรวงคลังจึงกำหนดเป้าหมายในปี 61 ให้สูงกว่าเดิมยอด 110,000 ล้านบาท กรมศุลกากรจึงเตรียมการรองรับนโยบายใหม่ ด้วยการนัดประชุมติดตามผลการจัดเก็บภาษีทุก 2 สัปดาห์ เพื่อเน้นผลจัดเก็บให้มีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม กรมศุลลกากรยังเตรียมหารือร่วมกับประเทศจีน หลังจากข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-จีนจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค.61 ซึ่งไทยต้องลดภาษีนำเข้าจากร้อยละ 20-30 ลดเหลือร้อยละ 5 หรือยกเว้น จำนวน 700 รายการ ทั้งนี้ เพื่อช่วยลดผลกระทบในกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เช่น เตารีด เครื่องใช้ไฟฟ้า ไมโครเวฟ ทีวี สินค้าเกษตร เช่น ข้าวสาลี มะเขือเทศ เพราะหากผู้นำเข้าใช้สิทธิ์การนำเข้าตามข้อตกลงอาเซียน-จีน ดังกล่าว ไทยจะสูญเสียรายได้อากรนำเข้าประมาณ 800 ล้านบาท.

https://mgronline.com


ประโยชน์ของการคิดบวก

1. คิดบวกขจัดความเครียด ปัญหาและอุปสรรคมีอิสระ มันสามารถเข้าถึงคนได้ทุกคนแต่เราต้องไม่ยอมเสียเวลาจมปลักกับปัญหานานจนเกินไป ซึ่งพอไม่เครียด จิตใจก็จะผ่องใส และร่างกายก็จะแข็งแรงตามไปด้วย
2. ไม่ปล่อยตัวเองให้ว่างจนฟุ้งซ่าน กิจกรรมฆ่าเวลาประเภทนอนดูทีวีอยู่บ้าน หรือจมตัวเองอยู่กับที่นอนทั้งวันไม่ใช่แนวของคนที่มีความสุข เพราะคนที่มีความสุขจะมีกำลังใจไปทำสิ่งต่าง ๆ มากมาย  เรียกได้ว่าแทบไม่มีเวลาว่างมานั่งคิดฟุ้งซ่านให้วุ่นวายใจ ซึ่งการได้ออกไปทำกิจกรรมต่าง ๆ เหล่านี้จะทำให้ร่างกายแอคทีฟ เป็นผลให้มีสุขภาพที่ดี แถมยังได้เบิร์นไขมันส่วนเกินอีกด้วยนะ
3. ไม่ต้องกลุ้มกับค่ารักษาพยาบาล เจ็บป่วยแต่ละทีก็มีเรื่องให้กลุ้มไม่น้อย ไหนจะค่ารักษา ค่ายา และอาการเจ็บป่วยที่เป็นอยู่อีก ฉะนั้นคนที่มีสุขภาพจิต รวมไปถึงสุขภาพกายที่ดีก็ไม่จำเป็นต้องเครียดกับเรื่องเหล่านี้  แถมมีเงินเหลือไว้กินและเที่ยวเพื่อสุขภาพจิตได้อีกเยอะ ส่งผลให้ระดับความสุขในร่างกายเพิ่มขึ้นด้วยค่ะ
4. ไม่ป่วยบ่อย สภาวะเจ็บออด ๆ แอด ๆ เป็นสิ่งที่คนมีความสุขไม่ค่อยจะได้เจอ ฉะนั้นพยายามทำจิตใจให้ร่าเริงเข้าไว้นะคะ ร่างกายจะได้แข็งแรง ไม่ป่วยบ่อย ๆ ให้ต้องเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น
5. มีความพยายามสร้างสุขภาพดีให้ตัวเอง หากเรามีความสุขกับทุกสิ่งในชีวิต ก็จะพยายามดูแลตัวเองรวมไปถึงคนรอบข้างให้มีสุขภาพที่แข็งแรงไม่ว่าจะเป็นชวนกันไปออกกำลังกาย หรือทานอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ  ซึ่งพอมีร่างกายที่แข็งแรง ก็จะส่งผลให้สุขภาพจิตแข็งแรงสดใสตามไปด้วยนั่นเอง
6. สร้างความสุขให้ตัวเองอย่างถาวร ยิ่งมีความสุขกับดูแลตัวเองแล้วได้ผลลัพธ์ที่ดีเท่าไร ก็จะยิ่งมีแรงบันดาลใจให้ทำต่อไปอีกเรื่อย ๆ เช่นหันมารับประทานผักและผลไม้มากขึ้น กินเนื้อสัตว์น้อยลง หรือออกกำลังกายอยู่เสมอ
ซึ่งนอกจากจะมีสุขภาพจิตดี เพราะได้ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำแล้ว ก็จะมีร่างกายที่แข็งแรงเป็นของแถมด้วย

https://th-th.facebook.com


ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 10/10/2560​

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง

ราคารับซื้อต่อกรัม

ราคารับซื้อ/บาท

ราคาขายออก/บาท

ทองคำแท่ง 96.5% n/a 20,250.00 20,350.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,312.00 19,889.92 20,850.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,180.80 17,900.93 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 590.00 8,944.40 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 459.00 6,958.44 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,360.00 20,617.60 n/a

 

ราคาน้ำมัน  ประจำวันที่  10/10/2560

ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร
ปตท. บางจาก เชลล์ เอสโซ่ ไออาร์พีซี / ทีพีไอ ภาคใต้เชื้อเพลิง ซัสโก้ ระยองเพียว ซัสโก้
ปตท
PTT
บางจาก
BCP
เชลล์
Shell
เอสโซ่
Esso
คาลเท็กซ์
C
altex
ไออาร์พีซี
IRPC
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG
ซัสโก้
Susco
ระยองเพียว
Pure
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers
แก๊สโซฮอล 95 27.45 27.45 27.45 27.45 27.45
27.45
27.45
27.45
27.45
แก๊สโซฮอล E-20
24.94
24.94
24.94
24.94
24.94
24.94
24.94
24.94
24.94
แก๊สโซฮอล E-85 20.24 20.44 20.24 20.24
แก๊สโซฮอล 91 27.18 27.18 27.18 27.18 27.18 27.18 27.18 27.18 27.18 27.18
เบนซิน 95 34.56 35.01 35.06 34.56 34.56 34.56
ดีเซลหมุนเร็ว 26.19 26.19 26.19 26.19 26.19 26.19 26.19 26.19 26.19 26.19
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม 29.19 29.87 29.87 29.87 29.87
มีผลตั้งแต่ 05 Oct 05:00 05 Oct 05:00 05 Oct 05:00 05 Oct 05:00 05 Oct 05:00 05 Oct 05:00 05 Oct 05:00 05 Oct 05:00 05 Oct 05:00 05 Oct 05:00
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า