สาระน่ารู้ประจำวันที่ 22 ตุลาคม 2567

อสังหาฯ กทม.-ปริมณฑล ความเชื่อมั่นดิ่ง 7 ไตรมาสติด ด้านรายย่อยส่อแววฟื้นตัว

ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ – ปริมณฑล ยังขาลง ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการลดลงต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 7 ทั้งด้านยอดขายและการลงทุน โดยเฉพาะบริษัทมหาชน ขณะที่รายกลาง-รายย่อย เริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัว

นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยผลการจัดทำดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการพัฒนาที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ – ปริมณฑล ไตรมาส 3 ปี 2567

พบว่า ค่าดัชนีความเชื่อมั่นในภาวะปัจจุบัน (Current Situation Index) อยู่ที่ระดับ 45.1 ลดลง 4.6 จุด เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 และลดลง 0.1 จุดจากไตรมาสก่อน โดยค่าดัชนีความเชื่อมั่นฯ ต่ำกว่าค่ากลางที่ 50.0 ติดต่อกันเป็นเวลา 7 ไตรมาส สะท้อนถึงความไม่มั่นใจในสถานการณ์ตลาดอสังหาฯ ของผู้ประกอบการ

การที่ดัชนีความเชื่อมั่นยังคงต่ำกว่าค่ากลาง มีปัจจัยสำคัญมาจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ภาระหนี้สินของครัวเรือน และภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้การแข็งค่าของเงินบาทและอัตราดอกเบี้ยที่ยังสูง

ยังคงส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง ผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับสภาพตลาดเพื่อเพิ่มโอกาสในการขายและการลงทุนในอนาคต

ผลกระทบต่อผู้ประกอบการ Listed และ Non-listed

เมื่อแยกตามผู้ประกอบการแต่ละประเภท ดัชนีความเชื่อมั่นของกลุ่ม Listed Companies หรือบริษัทมหาชน ในไตรมาสนี้ลดลงอย่างชัดเจน โดยยอดขายลดลงมากที่สุด 15.8 จุด มาอยู่ที่ระดับ 43.8 จากระดับ 59.6 ในไตรมาสก่อน ซึ่งเป็นผลจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจและอัตราดอกเบี้ยที่ยังคงสูง

นอกจากนี้ ความเชื่อมั่นด้านการลงทุนลดลงมาอยู่ที่ระดับ 52.1 และการเปิดโครงการใหม่ลดลงเช่นกัน มาอยู่ที่ระดับ 52.1 แต่ด้านต้นทุนการประกอบการผกผัน เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 39.6 สะท้อนว่าผู้ประกอบการต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น แม้ว่าภาวะตลาดจะยังไม่เอื้ออำนวย

ในทางกลับกัน กลุ่ม Non-listed Companies หรือผู้ประกอบการรายกลาง-รายย่อย กลับแสดงสัญญาณฟื้นตัวเล็กน้อย โดยค่าดัชนีความเชื่อมั่นในภาวะปัจจุบันเพิ่มขึ้นจาก 34.6 ในไตรมาสก่อน มาอยู่ที่ระดับ 41.0 โดยความเชื่อมั่นในด้านการเปิดโครงการใหม่เพิ่มขึ้นมากที่สุดอยู่ที่ 48.6 จากระดับ 36.3 ในไตรมาสก่อน

ขณะที่ความเชื่อมั่นในด้านผลประกอบการและยอดขายก็ฟื้นตัวเช่นกัน แม้ว่ายังคงต่ำกว่าค่ากลาง 50.0 ซึ่งบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวที่ยังไม่เต็มที่ แต่ทิศทางดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา

ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่าในอีก 6 เดือนข้างหน้า (Expectations Index) ค่าดัชนีความเชื่อมั่นโดยรวมเพิ่มขึ้นเล็กน้อย มาอยู่ที่ 51.6 ซึ่งแสดงถึงความคาดหวังของผู้ประกอบการต่อสถานการณ์ตลาดอสังหาฯ ที่อาจจะดีขึ้นเล็กน้อยในช่วงครึ่งปีหน้า

โดยเฉพาะด้านยอดขายที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 57.8 ตามการคาดการณ์ของตลาด ทั้งนี้ กลุ่ม Listed Companies ยังคงมีมุมมองที่ลดลงในเกือบทุกด้าน ขณะที่กลุ่ม Non-listed Companies กลับมีความคาดหวังเชิงบวกมากขึ้นจากยอดขายและผลประกอบการที่มีแนวโน้มปรับตัวดี

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


“วัน แบงค็อก” นับถอยหลัง  เปิด 25ต.ค. 67 ดัน พระราม4 แลนด์มาร์คระดับโลก  

นับถอยหลัง 25ต.ค.67 เปิด“วัน แบงค็อก” บิ๊กโปรเจ็กต์มิกซ์ยูส ดันพระราม4 แลนด์มาร์คระดับโลก พร้อมโชว์ ศิลปินกว่า 500 ชีวิต และโปรโมชันร้อนแรงตลอดทั้งปี

นับถอยหลังเหลือเวลาอีกไม่กี่วัน“วัน แบงค็อก”อภิมหาโปรเจ็กต์ บนพื้นที่ 108ไร่ มูลค่า1.2แสนล้านบาท  พร้อมเปิดอาณาจักรให้ได้ยลโฉมอย่างเป็นทางการในวันที่25 ตุลาคม 2567

จุดพลุ “ถนนพระราม4” ยกระดับกลายแลนด์มาร์คระดับโลก แหล่งรวมช้อปปิ้งขนาดใหญ่ ศูนย์รวมของแหล่งงานอาคารสำนักงาน สีเขียวทันสมัย เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นพลังดึงดูดให้คนรุ่นใหม่ ใช้ชีวิตการทำงานได้ตลอดทั้งวัน

ขณะปัจจุบัน มีการเปลี่ยนแปลงย้ายสถานที่ทำงานมาอยู่ภายในโครงการ “วัน แบงค็อก”กันมาก ส่งผลให้ เกิดการเปลี่ยนแกนย่านแหล่งงานศูนย์กลางธุรกิจสู่ โกลบอล เดสติเนชั่น บนถนนพระราม4 แห่งนี้ 

นับเป็นอีกหนึ่ง หมุดหมายใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ  และพลิกโฉม กรุงเทพฯเป็นมหานครระดับโลก  ซึ่งล่าสุดเตรียม ความพร้อมสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหญ่กับพิธีเปิด สุดอลังการโชว์ระดับโลกบินตรงลัดฟ้าร่วมด้วยศิลปินชื่อดังทั้งไทยและต่างประเทศ ภายใต้ธีม “Let Our Hearts Beat as One” ส่งเสียงดังก้องไปทั่วโลก 

นอกจากนี้ ยังจัดโปรโมชันต่อเนื่องตลอดปีรวมงบประมาณทั้งหมดกว่า 1,200 ล้านบาท เพื่อมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจไม่รู้ลืมให้กับทุกคน

งาน “Let Our Hearts Beat as One”เปิดม่านการแสดงแสงเลเซอร์ แม๊บปิ้ง บนสถาปัตยกรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก (The World’s Largest Architectural Laser Mapping)พร้อมการฉายเลเซอร์สุดยิ่งใหญ่ ในคอนเซปต์ “New Signal” เนรมิตพื้นที่บนอาคารต่าง ๆ ในโครงการ วัน แบงค็อก ให้กลายเป็น “Canvas” ผืนใหญ่ ผสมผสานเทคโนโลยีเลเซอร์ที่ล้ำสมัยกว่า 40 ตัวครอบคลุมพื้นที่กว่า 25,000 ตร.ม. เป็นต้น 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้22ต.ค. “อ่อนค่า” ที่ระดับ 33.52 บาทต่อดอลลาร์ ค่า

ค่าเงินบาทหลังจากนี้อาจอ่อนค่าอย่างจำกัด เนื่องจากผู้เล่นในตลาดบางส่วน รอทยอยขายเงินดอลลาร์ ในจังหวะที่เงินบาทอ่อนค่าลงเหนือโซนแนวต้าน 33.50 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้22 ต.ค.2567 ที่ระดับ  33.52 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  33.44 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน  พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทยเปิดเผยว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท การอ่อนค่าลงต่อเนื่องของเงินบาท จนทดสอบโซนแนวต้าน 33.50 บาทต่อดอลลาร์ ทำให้เรายังคงมั่นใจต่อมุมมองเดิม ที่ประเมินแนวโน้มเงินบาททยอยอ่อนค่า (เรา call USDTHB bottom แถว 32 บาทต่อดอลลาร์ ณ วันที่ 2 ตุลาคม ที่ผ่านมา)

อย่างไรก็ดี การอ่อนค่าของเงินบาทหลังจากนี้ อาจเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากผู้เล่นในตลาดบางส่วน อาจรอทยอยขายเงินดอลลาร์ ในจังหวะที่เงินบาทอ่อนค่าลงเหนือโซนแนวต้าน 33.50 บาทต่อดอลลาร์ อีกทั้ง หากราคาทองคำมีจังหวะรีบาวด์ขึ้นได้บ้าง ก็อาจช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทได้ ซึ่งในช่วงนี้ ราคาทองคำก็ยังพอได้แรงหนุนจากความไม่แน่นอนของทั้งการเลือกตั้งสหรัฐฯ และสถานการณ์ในตะวันออกกลางอยู่

ทว่า การอ่อนค่าลงของเงินบาทในช่วงนี้ ที่มาพร้อมกับการปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ รวมถึงบรรยากาศในตลาดการเงินโลกที่ระมัดระวังตัวมากขึ้น ก็อาจทำให้บรรดานักลงทุนต่างชาติทยอยขายสินทรัพย์ไทยเพิ่มเติมได้ และแรงขายสินทรัพย์ไทยดังกล่าวก็อาจเป็นปัจจัยกดดันเงินบาทเพิ่มเติมในช่วงนี้

เราประเมินว่า หากเงินบาทสามารถอ่อนค่าทะลุโซน 33.50 บาทต่อดอลลาร์ ได้อย่างชัดเจน ก็อาจเปิดโอกาสให้เงินบาทสามารถอ่อนค่าลงต่อทดสอบโซนแนวต้านถัดไป 33.65 บาทต่อดอลลาร์

ขณะที่โซนแนวรับอาจขยับสูงขึ้นมาแถวโซน 33.30-33.40 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งจะมีโซนแนวต้านสำคัญแถว 33.00 บาทต่อดอลลาร์ หากเงินบาทสามารถพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องได้ ซึ่งเรามองว่า อาจยังไม่ได้เกิดขึ้นได้ในเร็ววันนี้

ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงในตลาด ลักษณะ Two-Way Volatility ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งสหรัฐฯ ความไม่แน่นอนของสถานการณ์ในตะวันออกกลาง รวมถึงการปรับมุมมองต่อแนวโน้มนโยบายการเงินของบรรดาธนาคารกลางไปมา

ทำให้เรายังคงแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.40-33.65 บาท/ดอลลาร์

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยอ่อนค่าลงต่อเนื่อง (กรอบการเคลื่อนไหว 33.40-33.53 บาทต่อดอลลาร์) หลังจากที่เงินบาทได้อ่อนค่าลงพอสมควรในวันก่อนหน้า จนทะลุแนวต้านที่เราประเมินไว้แถว 33.45 บาทต่อดอลลาร์

โดยเงินบาทยังคงเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่า ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ซึ่งได้แรงหนุนจากทั้ง มุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ทยอยปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด (จาก CME FedWatch Tool

ล่าสุด ผู้เล่นในตลาดมองว่า มีโอกาสราว 38% ที่เฟดจะคงดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคม หลังลดการลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพฤศจิกายน) พร้อมกันนั้น เงินดอลลาร์ยังได้แรงหนุนจากการเพิ่มสถานะ Long USD เพื่อเตรียมรับมือกับความไม่แน่นอนของการเลือกตั้งสหรัฐฯ ซึ่งในช่วงหลังผู้เล่นในตลาดต่างประเมินว่า โดนัลด์ ทรัมป์ มีโอกาสชนะการเลือกตั้งได้

นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าลงของบรรดาสกุลเงินหลัก โดยเฉพาะเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ที่ล่าสุดได้อ่อนค่าต่อเนื่อง ทะลุโซน 150 เยนต่อดอลลาร์ ตามส่วนต่างบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ และญี่ปุ่นที่เพิ่มสูงขึ้น และนอกเหนือจากการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์

เงินบาทยังเผชิญแรงกดดันจากโฟลว์ธุรกรรมซื้อสินค้าโภคภัณฑ์ ทั้งทองคำและน้ำมันดิบ หลังราคาสินค้าโภคภัณฑ์ดังกล่าวได้ปรับตัวลดลงในช่วงคืนที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี การอ่อนค่าของเงินบาทก็ถูกชะลอลงบ้างแถวโซนแนวต้าน 33.50 บาทต่อดอลลาร์ ตามแรงขายเงินดอลลาร์ของผู้เล่นในตลาดบางส่วน ทั้งฝั่งผู้ส่งออกและฝั่งผู้เล่นที่มีสถานะ Short THB (มองเงินบาทอ่อนค่าลง)

มุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด ได้กดดันบรรยายในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังพอได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของ Nvidia +4.1% ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากความคาดหวังต่อรายงานผลประกอบการของ Nvidia ที่ผู้เล่นในตลาดประเมินว่าจะยังคงเห็นการเติบโตของรายได้และกำไรที่แข็งแกร่ง ทำให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.18%

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 กลับมาปรับตัวลง -0.66% กดดันโดยการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ระยะยาวฝั่งยุโรป ซึ่งสอดคล้องกับการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หลังผู้เล่นในตลาดปรับลดความคาดหวังการลดดอกเบี้ยของเฟด

และเริ่มปรับสถานะถือครองสินทรัพย์ให้สอดคล้องกับความเสี่ยงที่โดนัลด์ ทรัมป์ อาจชนะการเลือกตั้งสหรัฐฯ ส่งผลให้บรรดาหุ้นที่อ่อนไหวกับแนวโน้มดอกเบี้ย ต่างปรับตัวลดลง อาทิ หุ้นเทคฯ (ASML -1.0%)และหุ้นสไตล์ Growth (LVMH -2.0%)

ในฝั่งตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเข้าใกล้โซน 4.20% หลังผู้เล่นในตลาดทยอยปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด และเริ่มปรับสถานะถือครองสินทรัพย์ให้สอดคล้องกับธีม Trump Trades มากขึ้น ตามมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่เพิ่มโอกาสโดนัลด์ ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งสหรัฐฯ สูงขึ้น

อนึ่ง เราคงมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนในบอนด์ระยะยาว ตามแนวโน้มการทยอยลดดอกเบี้ยของบรรดาธนาคารกลางส่วนใหญ่และบอนด์ยีลด์ที่อยู่ในระดับสูงพอสมควร เมื่อเทียบกับอดีต ทว่า เราขอเน้นย้ำให้ ผู้เล่นในตลาดทยอยเข้าซื้อบอนด์ระยะยาวในจังหวะบอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้น (เน้นกลยุทธ์ Buy on Dip) เพื่อให้ได้ Risk-Reward ที่คุ้มค่าและเหมาะสม

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ทยอยแข็งค่าขึ้น สอดคล้องกับการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ตามการทยอยปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดและการปรับสถานะถือครองสินทรัพย์ให้สอดคล้องกับธีม Trump Trades ตามมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่เพิ่มโอกาส โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งสหรัฐฯ

นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินหลัก โดยเฉพาะเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ที่อ่อนค่าลงทะลุโซน 150 เยนต่อดอลลาร์ ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวขึ้นใกล้โซน 104 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 103.5-104 จุด)

ในส่วนของราคาทองคำ การปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ รวมถึงแรงขายทำกำไรของผู้เล่นในตลาด ได้กลับมากดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.)

ปรับตัวลดลงสู่โซน 2,730-2,740 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำยังพอได้แรงหนุนจากความต้องการถือของผู้เล่นในตลาด ท่ามกลางความไม่แน่นอนของสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง รวมถึงความไม่แน่นอนของการเลือกตั้งสหรัฐฯ

สำหรับวันนี้ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจอาจมีไม่มากนัก ทำให้ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของบรรดาธนาคารกลางหลัก ผ่านถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด BOE และ ECB ซึ่งการปรับมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ย เฟด BOE และ ECB จะส่งผลกระทบต่อทิศทางเงินดอลลาร์ รวมถึงบรรดาสกุลเงินหลัก ทั้งเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) และเงินยูโร (EUR) ได้ในช่วงระยะสั้น

และนอกเหนือจากปัจจัยดังกล่าว เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน  พร้อมทั้งติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง และแนวโน้มการเลือกตั้งสหรัฐฯ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 33.46-33.48 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.39 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 33.42 บาทต่อดอลลาร์ฯ

โดยเงินบาทขยับอ่อนค่าลงตามภาพรวมของสกุลเงินอื่นๆในเอเชีย และเงินหยวน ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ขยับแข็งค่าขึ้นตามทิศทางบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ที่ปรับตัวขึ้นท่ามกลางการคาดการณ์ว่า เฟดจะทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป และตลาดบางส่วนเพิ่มการคาดการณ์ถึงโอกาสความเป็นไปได้ที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ อาจชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในครั้งนี้ 

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 33.40-33.65 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติและสกุลเงินในภูมิภาค และสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ จากถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


“ส้ม“​ สรัลรักษ์ วิทิตศานต์ พร้อมท่องยุทธจักรแบดมินตันโลก

ต้องบอกว่าน่าเสียไม่น้อยสำหรับ “ส้ม” สรัลรักษ์ วิทิตศานต์ นักแบดมินตันหน้าใสวัย 18 ปี น้องสาวคนเก่งของ “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ ชายเดี่ยวเจ้าของเหรียญเงิน โอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่ไม่สามารถตามรอยพี่ชายก้าวขึ้นไปคว้าเหรียญทองในการแข่งขันแบดมินตันเยาวชนโลก 2024 ที่จีนได้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้

แต่อย่างไรก็ตาม ก็ต้องบอกว่าน่าชื่นชมและต้องปรบมือให้ดังๆเช่นกัน ที่เจ้าตัวคว้าเหรียญรางวัลจากแมตช์ดังกล่าวมาครองได้ ซึ่งแมตช์นี้ถืองานยากงานหิน เพราะต้องลงแข่งขันที่จีน ชาติเบอร์ 1 ในวงการลูกขนไก่โลก 

ในทัวร์นาเมนต์ดังกล่าว “ส้ม” สรัลรักษ์ ในฐานะมือ 1 ของรายการ และมือ 2 เยาวชนโลก ไปได้ไกลสุดที่รอบรองชนะเลิศ หลังต้องพ่ายให้กับมือตบเจ้าถิ่น ซู เหวินจิง เต็ง 3 ของรายการ และมือ 8 เยาวชนโลก ไป 0-2 เกม 12-21, 22-24 

อย่างไรก็ตามเจ้าตัวยังได้เหรียญทองแดงปลอบใจในการแข่งขันครั้งนี้ ส่วน ซู เหวินจิง นั้น ท้ายที่สุด เจ้าตัวเข้าไปคว้าเหรียญทองหญิงเดี่ยว ในทัวร์นาเมนต์นี้มาครองได้ด้วย หลังเอาชนะเพื่อนร่วมชาติ อย่าง หยิน ยี่ฉิง ในรอบชิงชนะเลิศ 

ความพ่ายแพ้ที่เกิดขึ้นอาจมีเหตุผลมาจากปัจจัยหลายๆอย่าง ทั้งคู่แข่งขันที่ “ส้ม” เจอ อย่าง เหวินจิง เล่นได้แข็งแกร่งมากๆในเกมดังกล่าว และบรรยาการและเสียงเชียร์ในสนามยามต้องเล่นกับนักกีฬาเจ้าถิ่น 

เรื่องเหล่านี้คือสิ่งที่ สรัลรักษ์ ต้องเรียนรู้และสัมผัส เพราะแน่นอนว่านี่เป็นประสบการณ์ที่จะทำให้เจ้าตัวแข็งแกร่งต่อไปยามลงสนามในภายภาคหน้า 

สำหรับ “ส้ม” นี่คือการแข่งขันแมตช์เยาวชนโลกครั้งสุดท้ายของตัวเอง เพราะปีหน้า เจ้าตัวจะอายุเกินเกณฑ์ที่กำหนดไว้แล้ว ทำให้หลังจากนี้แฟนๆจะได้เห็น “ส้ม” ขยับขึ้นมาแข่งขันในรุ่นประชาชน และเทิร์นโปรแข่งอาชีพตามรอยพี่ชาย กุลวุฒิ วิทิตศานต์

เส้นทางสู่การเป็นนักกีฬาแบดมินตันของ “ส้ม” เริ่มจากการตามติดพี่ชายไปสนามแบดมินตันตั้งแต่วัยเด็ก ประกอบกับมีคุณพ่อเป็นโค้ชแบดมินตันด้วย ซึ่งก็กลายเป็นการจุดประกายให้เธออยากเล่นกีฬาแบดมินตัน 

หลังได้เล่นได้ฝึกอย่างจริงจัง ก็มีทั้งช่วงเวลาที่ดีและไม่ดี เคยมีช่วงที่เกือบะถอดใจเลิกเล่น แต่ก็ได้แรงบันดาลใจจากพี่ที่คอยเป็นที่ปรึกษาและทำให้เห็นตลอด จนฮึดกลับมาสู้ใหม่และเล่นมาจนถึงวันนี้ 

“ส้ม” พัฒนาฟอร์มของตัวเองขึ้นมาเป็นนักกีฬาแบดมินตันในระดับแถวหน้าของรุ่นเยาวชน กวาดแชมป์เป็นว่าเล่น ซึ่งก็รวมถึงแชมป์ประเทศไทย และยังได้แชมป์เยาวชนในระดับนานาชาติและระดับทวีปเอเชียด้วย 

ด้วยความสนิทกับพี่ชายและพี่ชายก็เป็นนักกีฬาที่เก่งกาจเบอร์ต้นของระดับโลก ทำให้บ่อยครั้งเจ้าตัวมักจะนำได้รับคำแนะนำที่ดีในการเล่นจากพี่ชายอยู่เสมอ อย่างไรก็ตามนี่จึงอาจนำมาซึ่งความกดดัน เพราะก็การเปรียบเทียบศักยภาพและความสามารถของทั้งสองคน 

เจ้าตัวเคยให้สัมภาษณ์กับบีดับเบิลยูเอฟว่า “ก่อนหน้านี้หนูรู้สึกกดดัน และคิดว่าเราต้องเป็นเหมือนพี่ชาย  แต่ว่าในตอนนี้ไม่ได้คิดแบบนั้นแล้ว และไม่รู้สึกถึงความกดดัน หนูไม่อยากไปเปรียบเทียบตัวเองกับพี่ชาย หนูคิดว่าพี่เป็นแรงบันดาลใจให้อยากเล่นแบดมินตันและทำให้ดีขึ้นเรื่อยๆ”

สำหรับ “ส้ม” สรัลรักษ์ มีผลงานในการแข่งขันระดับเยาวชนที่ยอดเยี่ยมมากๆคนหนึ่ง ที่ผ่านมามักจะผ่านเข้ารอบลึกๆรวมถึงเข้าไปคว้าแชมป์ได้อยู่เรื่อยๆ ซึ่งในปีนี้ ปี 2024 เจ้าตัวคว้าแชมป์ในระดับเยาวชนได้ถึง 3 รายการ ประกอบด้วย ศึก โยเน็กซ์ เยอรมัน จูเนียร์ 2004, เอฟซี ฟอร์ซ่า อัลเพส อินเตอร์เนชั่นแนล ยู19 2024 และ โครเอเชีย วาลามาร์ จูเนียร์ โอเพ่น 2024 นอกจากนี้ยังได้รองแชมป์อีก 1 รายการ ในศึกโยเน็กซ์ ดัตช์ จูเนียร์ อินเตอร์เนชั่นแนล 2024 

ปัจจุบัน “ส้ม” สรัลรักษ์ วิทิตศานต์ ขยับขึ้นมารั้งมือ 1 เยาวชนโลก ในการประกาศอันดับ ของสหพันธ์แบดมินตันโลก เมื่อวันที่ 15 ต.ค.2024 ซึ่งก็แน่นอนว่าผลงานพร้อมฝีมือในระดับเยาวชน เจ้าตัวคือนักกีฬาเบอร์ท็อปของรุ่น 

เส้นทางหลังจากนี้ของ “ส้ม” สรัลรักษ์ วิทิตศานต์ คือการมุ่งไปข้างหน้าขยับขึ้นไปเล่นในระดับที่สูงกว่าอย่างการแข่งขันในรุ่นประชาชน ซึ่งในฤดูกาลหน้า 2025 แฟนๆกีฬาจะได้เห็นสาวน้อยหน้าใสรายนี้บ่อยมากขึ้นในการแข่งขันระดับทัวร์อาชีพ ซึ่งเราอาจจะได้เห็นเจ้าตัวเริ่มต้นจากการลงสนามในรายการเล็กๆเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์และคะแนนสะสมอันดับโลกไปก่อน

ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th


8 สิ่งที่ต้องหยุดทำก่อนอายุ 40 เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น

เมื่ออายุ 40 ปี ผู้คนมักคาดหวังว่าชีวิตจะเข้าสู่ภาวะที่มั่นคงแล้ว อย่างไรก็ตามหากคุณยังรู้สึกว่าชีวิตยังไม่ลงตัวเท่าที่ควร ข้อความเหล่านี้อาจเป็นแรงบันดาลใจให้คุณพัฒนาตนเองต่อไป

8 สิ่งที่ต้องหยุดทำก่อนอายุ 40

1.การดื่มหนัก ที่เคยดูสนุกสนานในวัย 20 และพอรับได้ในวัย 30 นั้น กลับกลายเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้อย่างสิ้นเชิงเมื่ออายุ 40 ถ้าคุณยังคงดื่มหนักในวัยนี้ อาจหมายความว่าคุณกำลังติดสุรา และจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือ นอกจากคนรอบข้างจะมองคุณในแง่ลบแล้ว ร่างกายของคุณก็จะเริ่มส่งสัญญาณเตือนถึงผลเสียที่เกิดขึ้นจากการดื่มหนัก

2.การโทษคนอื่น สำหรับปัญหาของตัวเองเป็นเรื่องง่าย โดยเฉพาะเมื่อชีวิตไม่ค่อยราบรื่น แต่รู้ไหมว่าแทบทุกคนต่างก็เคยเจอช่วงเวลาที่ยากลำบากกันทั้งนั้น เราทุกคนต้องผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายมาบ้าง แน่นอนว่าบางครั้งปัญหาเหล่านั้นอาจเกิดจากการกระทำที่ผิดของคนอื่น แต่การเอาแต่โทษคนอื่นไปตลอดชีวิตก็ไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นแต่อย่างใด

3.การออกกำลังกายแบบหนักๆ อาจไม่เหมาะสำหรับคุณ โดยเฉพาะผู้หญิง “กระดูก ข้อต่อ เอ็น และเส้นเอ็น เริ่มเสื่อมสภาพและสูญเสียความยืดหยุ่นและความหนาแน่น” อันเดรส ฮรูบี ผู้ฝึกสอนฟิตเนสที่ได้รับการรับรองในห้าวิชาอธิบาย “แม้ว่าการออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรง การออกกำลังกายแบบแอโรบิก และการยืดตัวเป็นสิ่งดีเยี่ยม แต่การออกกำลังกายแบบ CrossFit, P90X และสเต็ปแอโรบิกส์อย่างหนักเกินไปอาจทำให้ร่างกายเสียสมดุลและเกิดความกดดันมากเกินไปกับส่วนต่างๆ ของร่างกายที่เสื่อมสภาพ การสร้างกล้ามเนื้อเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันการเพิ่มน้ำหนักในวัยหมดประจำเดือน แต่การกระโดดจากสเต็ปหรือห้อยจากเชือกเป็นวิธีที่ดีในการบาดเจ็บ

4.การยึดติดกับอดีต มักเกี่ยวข้องกับความพยายามที่จะยึดติดกับช่วงเวลาที่ผ่านไปแล้ว ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่ออนาคต หลายคนยังคงคิดถึงช่วงเวลาในอดีตและปรารถนาว่าตนเองได้ทำสิ่งที่แตกต่างออกไป แทนที่จะมุ่งเน้นไปที่สิ่งที่อาจเป็นไปได้ ช่วงอายุ 40 ของคุณเป็นช่วงเวลาที่จะมุ่งเน้นไปที่ปัจจุบันและอนาคต การมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในชีวิตของคุณจะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จและมีความสุขมากขึ้น

5.การพยายามเป็นคนที่ตนเองไม่ใช่ เพื่อปรับตัวเข้ากับความคาดหวังของผู้อื่น เป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมและอาจส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์ การยอมรับและรักตัวเองเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน

6.การโทษตัวเอง หากคุณเป็นบุคคลที่มีคุณธรรมและปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างสม่ำเสมอ คุณไม่จำเป็นต้องขอโทษใครสำหรับตัวตนของคุณเอง การยอมรับและเคารพในตัวตนของตนเองเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน

7.การหลีกเลี่ยงการจัดการหนี้สิน เป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมและอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต การระบุและแก้ไขปัญหาทางการเงินเป็นสิ่งสำคัญในวัย 40 ปี การวางแผนการเงินที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณสามารถจัดการหนี้สินและสร้างความมั่นคงทางการเงินได้

8.การกลัวที่จะใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ อาจนำไปสู่ความเสียใจในภายหลัง การยอมรับและเรียนรู้จากประสบการณ์ทั้งที่ดีและไม่ดีเป็นสิ่งสำคัญในการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า ช่วงเวลาในชีวิตของคุณมีจำกัด การใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าและสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งเป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การมุ่งมั่น

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


มติบอร์ด กสทช. “ไทยคม” รับสิทธิวงโคจรดาวเทียม 50.5 องศาตะวันออก

บอร์ด กสทช.ลงมติ 5:2 เห็นชอบให้ ทีซี สเปซ คอนเน็ค บริษัทในเครือไทยคม ได้รับสิทธิการใช้งานดาวเทียมวงโคจรประจำที่ ตำแหน่ง 50.5 องศาตะวันออก 1 วงโคจร พร้อมจ่ายผลตอบแทนรัฐ 0.25% ต่อปี

จากกรณีที่ ประชุมบอร์ด กสทช. เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมาปรากฏว่า บอร์ด กสทช. ยังไม่มีการบรรจุวาระและการรับรองการขอใช้สิทธิวงโคจรดาวเทียม โดย บมจ.ไทยคม ได้มอบให้บริษัทในเครือยื่นขอการใช้สิทธิการใช้งานดาวเทียม ณ ตำแหน่งวงโคจร  50.5,51 และ  142 องศาตะวันออก ในลักษณะจัดชุด (Package) โดยในวันนี้ 21 ตุลาคม 2567 บอร์ด กสทช.นัดประชุมวาระพิเศษ   

ล่าสุด นายสมภพ ภูริวิกรัยพงศ์ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า  ที่ประชุมบอร์ด กสทช. มีมติ 5: 2 เสียงเห็นชอบให้ บริษัท ทีซี สเปซ คอนเน็ค จำกัด บริษัทลูกของ บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ได้รับสิทธิการใช้งานดาวเทียมประจำที่ ตำแหน่ง 50.5 องศาตะวันออก เพียง 1 วงโคร โดยเสนอผลตอบแทนให้รัฐ ต่อปี อยู่ที่ 0.25% ของรายได้ จากเดิมที่ยื่นมา 3 วงโคจร เนื่องจาก ทีซี สเปซ คอนเน็ค ไม่ได้ยื่นหลักประกันวงโคจร 51 และ 142 องศาตะวันออก

อีกทั้ง บริษัทยังได้ระบุเงื่อนไขว่า จะใช้บริษัทใหม่ของไทยคมเข้ามาดำเนินการแทน ซึ่ง กสทช.เห็นว่าควรให้เฉพาะบริษัทที่ยื่นเข้ามาคือ ทีซี สเปซ คอนเน็ค เท่านั้น เพราะบอร์ด กสทช.ยังไม่มีประกาศการโอนสิทธิของดาวเทียมไปให้บริษัทอื่น เหมือนการโอนคลื่นของผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ

สำหรับดาวเทียมวงโคจรประจำที่ ตำแหน่ง 50.5 องศาตะวันออก จะสิ้นสุดการรักษาสิทธิวงโคจรกับสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ไอทียู) วันที่ 27 พ.ย.2567 กสทช.จึงต้องการให้เอกชนรักษาสิทธิวงโคจรเป็นหลัก ดังนั้นเงินหลักประกันที่ไทยคมยื่นมา กสทช. ต้องส่งคืนให้ ไทยคม 

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังได้ระบุอีกว่า จะใช้ดาวเทียม 9A ซึ่งเป็นดาวเทียมต่างประเทศที่อยู่บนวงโคจรอยู่แล้ว และมีอายุทางวิศวกรรมอีก 3 ปี ลากมาเพื่อใช้สิทธิวงโคจร 50.5 องศาตะวันออก จากเดิมที่มีแผนอยู่ในแผนเยียวยาดาวเทียมไทยคม 4 วงโคจรประจำที่ 119.5 องศาตะวันออก ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ซึ่งล่าสุดดีอีขอขยายอายุทางวิศวกรรมไปถึงเดือน ก.ค. 2569 กสทช.จึงเห็นชอบ และขอให้ไทยคม ยื่นแผนเยียวยามาใหม่ เพื่อทดแทนดาวเทียม 9A ที่ถูกโยกออกไปใช้วงโคจร 50.5 องศาตะวันออก

สำหรับราคาหุ้น ไทยคม เปิดตลาดในช่วงบ่ายปรากฏว่า ราคาอยู่ที่ 15.50 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น +0.20(+1.31%).

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


Phrasal Verb คืออะไร แปลตรงตัวความหมายเปลี่ยน

ฝึกพูดภาษาอังกฤษให้เหมือนเจ้าของภาษา ด้วยเคล็ดลับการใช้ Phrasal verb หรือสำนวนภาษาอังกฤษที่เจ้าของภาษามักใช้กัน ช่วยทำให้การพูดภาษาอังกฤษดูเป็นธรรมชาติ และเป็นกันเองมากขึ้น มาเริ่มทำความเข้าใจก่อนว่า Phrasal verb คืออะไร ทำไมแปลตรงตัวแล้ว ความหมายเปลี่ยนในบทความนี้กันเลย

Phrasal verb คืออะไร ทำไมแปลตรงตัว ความหมายเปลี่ยน

คำกริยาภาษาอังกฤษที่มีสองคำขึ้นไป ประกอบด้วยคำกริยา (Verb) และคำบุพบท (Preposition/ Adverb) รวมกัน เรียกว่า Phrasal verb ทำให้เกิดความหมายใหม่ขึ้น ซึ่งน้อง ๆ อาจเคยเจอมาบ้างแล้ว แต่รู่หรือไม่ว่าคำเหล่านั้นเป็น Phrasal verb เช่น account for, look out, put down, clean up, hand in, take after และ keep off

โครงสร้าง Phrasal verb ประกอบด้วยอะไรบ้าง

Phrasal verb เป็นคำวลีที่นิยมใช้พูดคุยกันแบบไม่เป็นทางการ เมื่อคุณได้เข้าเรียนในโรงเรียนนานาชาติ เรียนต่างประเทศ หรือท่องเที่ยวต่างประเทศ ก็จะพบว่ามีเจ้าของภาษามักใช้ Phrasal verb กันบ่อยในชีวิตประจำวัน โดยมีโครงสร้างง่าย ๆ ดังนี้

Verb + Adverb = Phrasal verb
ตัวอย่าง Catch (Verb) + on (Adverb) แปลว่า ทำความเข้าใจ
Pay (Verb) + for (Adverb) แปลว่า ชำระเงิน, ชดเชยสำหรับบางสิ่งบางอย่าง

Verb + Preposition = Phrasal verb
ตัวอย่าง Ask (Verb) + around (Preposition) แปลว่า ถามคำถามเดียวกันกับหลาย ๆ คน
Bring (Verb) + somebody + down (Preposition) แปลว่า ทำให้เสียใจ

Verb + Preposition + Preposition = Phrasal verb
ตัวอย่าง Add (Verb) + up (Prepositon) + to (Preposition) แปลว่า มีค่าเท่ากับ, ค่าใช้จ่ายทั้งหมดเท่ากับ
Do (Verb) + away (Preposition) + with (Preposition) แปลว่า

ตัวอย่างประโยค Phrasal verb ที่ใช้แล้วดูเก่งอังกฤษ

1. Do your coat up before you go outside. It’s snowing!
หิมะกำลังตก! คุณต้องแต่งตัวให้มิดชิดก่อนออกไปข้างนอก

2. It’s a fancy restaurant so we have to dress up.

นั่นเป็นภัตตาคารหรู ดังนั้นพวกเราควรแต่งตัวให้ดูดี

3. It’s time to do away with all of these old tax records.
ถึงเวลาที่จะต้องทิ้งบัญชีภาษีเก่า ๆ พวกนี้แล้วล่ะ

4. I am counting on you to make dinner while I am out.
ฉันรอคุณทำอาหารเย็นให้เสร็จ ระหว่างที่ฉันออกไปข้างนอก

5. The money must have fallen out of my pocket.
เงินของฉันต้องร่วงหล่นออกจากกระเป๋าสตางค์ของฉันแน่ ๆ

6. We don’t know where he lives. How can we find out?
พวกเราไม่รู้ว่าเขาอาศัยอยู่ที่ไหน แล้วเราจะหาเขาเจอได้ยังไง?

7. Jason always gets away with cheating in his maths tests.
เจสันมักรอดจากการโกงข้อสอบวิชาคณิตได้ทุกครั้ง

8. My father gave me away at my wedding.
พ่อเป็นคนพาฉันเดินเข้าไปในแต่งงานของฉัน

9. When I was young, we went without winter boots.
เมื่อตอนฉันยังเด็ก พวกเราออกไปข้างนอกโดยไม่ใส่รองเท้าบูทในช่วงหน้าหนาว

10. If you keep those results up you will get into a great college.
ถ้าคุณพยายามทำคะแนนให้ได้สูง ๆ คุณจะสามารถสอบเข้าวิทยาลัยดี ๆ ได้

สรุปการใช้ Phrasal verb

อยากพูดภาษาอังกฤษเก่ง ไม่ยากอย่างที่คิดใช่ไหมล่ะ? เพียงเท่านี้คุณก็เข้าใจที่มา และโครงสร้างของ Phrasal verb มากขึ้นว่า ซึ่งมีหลักการง่าย ๆ แค่ 3 โครงสร้างเท่านั้น ได้แก่ Verb + Adverb, Verb + Preposition และ Verb + Preposition + Preposition ก็จะได้คำที่มีความหมายใหม่ เอาไว้ใช้พูดกับเพื่อน ๆ และชาวต่างชาติได้อย่างมั่นใจแล้ว

นอกจากนี้ อย่าลืมเลือกใช้ Phrasal verb ให้เหมาะสมกับสถาณการณ์ เพื่อให้ตรงบกับความหมายที่คุณอยากสื่อออกไปด้วยล่ะ จะได้พูดคุยกันได้สนุก และอาจได้เพื่อนใหม่เพิ่มด้วย เราขอแนะนำให้คุณฝึกพูดบ่อย ๆ จะได้ไม่เขิน และใช้ Phrasal verb ได้อย่างคล่องแคล่ว คุณสามารถเข้าร่วมกิจกรรม Social Club ซึ่งไม่จำเป็นว่า ต้องเป็นนักเรียนของเรา ก็เข้ามาฝึกภาษาอังกฤษในหัวข้อที่สนใจได้ ฟรี!

เรียนรู้เคล็ดลับการใช้ Phrasal verb ช่วยพัฒนาการพูดภาษาอังกฤษให้เก่งขึ้น

ทดลองเรียนภาษาอังกฤษกับ วอลล์สตรีท อิงลิช สถาบันสอนภาษาอันดับ 1 ที่สาขาใกล้บ้านคุณได้เล้ยย เรามีอาจารย์เจ้าของภาษาผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำทั้งแบบ Face to face และออนไลน์ในคอร์สเรียนภาษาอังกฤษ All Access ที่พร้อมช่วยคุณพัฒนาทักษะฟัง พูด อ่าน เขียนให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ขอบคุณข้อมูลจาก wallstreetenglish.in.th


“คอมบูชา” กับผลข้างเคียง ที่นักโภชนาการแนะนำให้หลีกเลี่ยง

คอมบูชา เป็นเครื่องดื่มที่มีฟองและมีการหมักจากชา น้ำตาลหรือน้ำผึ้ง และส่วนผสมของโพรไบโอติกส์และยีสต์ มักแต่งกลิ่นด้วยผลไม้ สมุนไพร หรือส่วนผสมอื่นๆ เพื่อให้มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์และช่วยลดความเปรี้ยว ผู้ที่ชื่นชอบคอมบูชาต่างยกย่องประโยชน์ต่อสุขภาพที่อาจเกิดขึ้น เช่น การเสริมสร้างสุขภาพลำไส้ ลดการอักเสบ และลดระดับน้ำตาลในเลือด

อย่างไรก็ตาม คอมบูชาอาจมีผลข้างเคียง ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้บางส่วนเนื่องจากกระบวนการผลิตที่ไม่เป็นมาตรฐานเสมอไป นอกจากนี้คอมบูชายังมีแบคทีเรียและยีสต์ที่มีชีวิตอยู่ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดผลข้างเคียงได้เช่นกัน

“คอมบูชา” กับผลข้างเคียง

1.เครื่องดื่มคอมบูชาอาจมีส่วนผสมที่คุณแพ้ได้ ควรตรวจสอบฉลากและหลีกเลี่ยงส่วนผสมที่ก่อให้เกิดอาการแพ้

2.ความเสี่ยงของการปนเปื้อนในคอมบูชาที่ทำเอง คอมบูชาที่ทำเองมีความเสี่ยงสูงต่อการปนเปื้อนด้วยจุลินทรีย์ที่เป็นอันตราย เนื่องจากวิธีการฆ่าเชื้อที่แตกต่างกันและการขาดมาตรฐานในการผลิต น้ำที่ใช้ทำคอมบูชาอาจมีสารปนเปื้อน แบคทีเรียและจุลินทรีย์อื่นๆ เช่น ยีสต์ อาจสร้างสารพิษในผลิตภัณฑ์คอมบูชาขั้นสุดท้าย สารปนเปื้อนอาจเป็นอันตรายต่อหญิงตั้งครรภ์และผู้ให้นมบุตร เด็ก และผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ

ภาชนะบางชนิด (เช่น โลหะ ดินเหนียว หรือพลาสติก) อาจเพิ่มความเสี่ยงของการปนเปื้อน ภาชนะดินเหนียวและเคลือบอาจทำให้เกิดพิษตะกั่วเนื่องจากการรั่วซึม

3.ความเสี่ยงจากการติดเชื้อและเจ็บป่วยจากการดื่มคอมบูชา

เนื่องจากขาดการควบคุมคุณภาพ การผลิตคอมบูชามักมีส่วนผสมที่ไม่ทราบและอาจมีจุลินทรีย์ที่เป็นอันตรายปนเปื้อนอยู่ ซึ่งอาจนำไปสู่การติดเชื้อและเจ็บป่วยได้ ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอควรหลีกเลี่ยงการดื่มคอมบูชา มีรายงานผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บป่วยรุนแรงหลังจากดื่มคอมบูชา เช่น กรดแลคติกในเลือดสูง ตับอักเสบ และไตวาย⁵

หากคุณมีความกังวลเกี่ยวกับการติดเชื้อ แม้ว่าคุณจะมีสุขภาพแข็งแรง ก็ควรเลือกซื้อคอมบูชาที่ผ่านการพาสเจอร์ไรส์

4.คอมบูชาและคาเฟอีนผลกระทบต่อร่างกาย

ชนิดของชาที่นำมาหมักคอมบูชามีผลต่อปริมาณคาเฟอีน ชาเขียวบางชนิด เช่น เยร์บาแมท และชาดำ จะทำให้คอมบูชามีปริมาณคาเฟอีนสูงขึ้น

กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA) ระบุว่า คอมบูชาขนาด 12 ออนซ์ อาจมีคาเฟอีนสูงสุดถึง 41 มิลลิกรัม ในขณะที่องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) แนะนำให้ผู้ใหญ่ที่แข็งแรงบริโภคคาเฟอีนไม่เกิน 400 มิลลิกรัมต่อวัน หากคุณเป็นคนที่ร่างกายใช้เวลาในการย่อยสลายคาเฟีนนาน คุณอาจรู้สึกถึงผลข้างเคียงของคาเฟอีนได้มากขึ้น

หากคุณไวต่อคาเฟอีน กำลังรับประทานยาที่อาจมีปฏิกิริยากับคาเฟอีน หรือมีโรคประจำตัวที่คาเฟอีนอาจส่งผลกระทบ ควรพิจารณาผลข้างเคียงของคาเฟอีนจากการดื่มคอมบูชา

5.คอมบูชาและการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

มีการศึกษาพบว่าคอมบูชาอาจมีประโยชน์ต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด อย่างไรก็ตามน้ำตาลเป็นส่วนผสมที่จำเป็นในการทำคอมบูชา ชนิดของน้ำตาลที่ใช้และวิธีการหมักก็มีผลต่อปริมาณน้ำตาลในผลิตภัณฑ์คอมบูชาขั้นสุดท้าย

6.คอมบูชาและแอลกอฮอล์ผลกระทบต่อสุขภาพ

กระบวนการหมักตามธรรมชาติในการผลิตคอมบูชาอาจทำให้เกิดการผลิตแอลกอฮอล์ การควบคุมปริมาณแอลกอฮอล์ในคอมบูชาที่ทำเองนั้นท้าทาย ปริมาณและชนิดของน้ำตาลที่ใช้และระยะเวลาการหมักมีผลต่อปริมาณแอลกอฮอล์การวิเคราะห์คอมบูชาโดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) พบว่าปริมาณแอลกอฮอล์ต่อหนึ่งหน่วยบริโภคอยู่ที่ 0.7% ถึง 1.3% ซึ่งอาจสูงกว่าในคอมบูชาที่ทำเอง

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC) กำหนดการดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณปานกลางว่าเป็นการดื่มหนึ่งแก้วต่อวันสำหรับผู้หญิงและสองแก้วต่อวันสำหรับผู้ชาย ควรหลีกเลี่ยงการดื่มคอมบูชาในระหว่างตั้งครรภ์และให้นมบุตร สำหรับเด็ก ผู้ที่มีปัญหาการดื่มแอลกอฮอล์ ผู้ที่มีโรคตับ หรือผู้ที่กำลังรับประทานยาบางชนิด

7.คอมบูชาและปัญหาทางระบบย่อยอาหาร

มีรายงานว่าการดื่มคอมบูชาอาจทำให้เกิดปัญหาทางระบบย่อยอาหาร อาการท้องอืด เวียนศีรษะ และปวดศีรษะ การดื่มคอมบูชาในปริมาณมาก การหมักที่ไม่ถูกต้อง ชนิดของน้ำตาลที่ใช้ และ/หรือการปนเปื้อนของแบคทีเรียที่เป็นอันตรายหรือจุลินทรีย์อื่นๆ ที่ถูกนำเข้ามาโดยไม่ตั้งใจระหว่างการเตรียมอาจมีส่วนทำให้เกิดผลข้างเคียงเหล่านี้

การนำแบคทีเรียเข้าสู่ระบบจุลินทรีย์ในลำไส้ไม่แนะนำสำหรับผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอหรือผู้ที่ป่วยหนัก นอกจากนี้ คอมบูชายังอาจมีซูโครส กลูโคส และฟรุกโตส¹¹ ผู้ที่หลีกเลี่ยงน้ำตาลบางชนิด (เช่น ผู้ที่มีอาการลำไส้ระคายเคืองหรือ IBS หรือผู้ที่รับประทานอาหาร FODMAP ต่ำ) อาจต้องระมัดระวังในการบริโภค

ควรระมัดระวังเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อระบบย่อยอาหารที่อาจเกิดขึ้นเมื่อดื่มคอมบูชา โดยเฉพาะคอมบูชาที่ทำเอง

8.คอมบูชาและปัญหาฟัน

ผลกระทบของคอมบูชาต่อสุขภาพฟันยังไม่ชัดเจน อย่างไรก็ตามคอมบูชามีน้ำตาลและมีความเป็นกรด ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพช่องปากได้

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 22/10/2567

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a43,300.0043,400.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,805.0042,523.8043,900.00
ทองรูปพรรณ 90%2,524.5038,271.42n/a
ทองรูปพรรณ 80%2,244.0034,019.04n/a
ทองรูปพรรณ 50%1,262.0019,131.92n/a
ทองรูปพรรณ 40%982.0014,887.12n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,907.0044,070.12n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 22/10/2567


ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9535.4535.4536.3535.4535.4535.4535.4535.4535.4535.45
แก๊สโซฮอล์ 9135.0835.0835.9835.0835.0835.0835.0835.0835.0835.08
แก๊สโซฮอล์ E2033.3433.3434.2433.3433.3433.3433.3433.3433.34
แก๊สโซฮอล์ E8533.0933.0933.09
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม44.0449.8449.8449.8444.04
เบนซิน 9543.6449.8144.1443.7943.64
ดีเซล32.9432.9433.4432.9432.9432.9432.9432.9432.9432.94
ดีเซลพรีเมี่ยม44.9447.1449.8447.1447.1444.94
แก๊ส NGV18.5918.5918.59
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า