สาระน่ารู้ประจำวันที่ 8 มกราคม 2568

5กูรู ชี้ ตลาดอสังหาฯ68 ยังเสี่ยง ชงแพทองธาร-ธปท.อัดยาแรงกระตุ้นต่อเนื่อง

5กูรูชี้ชัดตลาดอสังหาฯยังเสี่ยงชง “แพทองธาร-ธปท.”อัดยาแรงกระตุ้นต่อเนื่อง ภายในเดือนม.ค.โดย7สมาคมอสังหาฯ ต่ออายุลดโอนและจดจำนอง

วิกฤตอสังหาริมทรัพย์ปี2567 บทเรียนที่ผู้ประกอบการต้องปรับตัว และรับมือกับสถานการณ์ ที่อาจเกิดขึ้นในปี2568 ทั้งเศรษฐกิจภายในประเทศและทั่วโลกผันผวน เหตุการณ์ไม่คาดฝัน ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์จีดีพี ปี 2568 โต 2.9% ซึ่งขยายตัวมาจากปีที่ผ่านมาเล็กน้อยเท่านั้น ปมปัญหาใหญ่สิ่งที่ผู้ประกอบการเห็นตรงกันเมื่อปีที่ผ่านมา “ขายได้ แต่โอนไม่ได้” สะท้อน หนี้ครัวเรือน ตัวแปรสถาบันการเงินเข้มงวดสินเชื่อและปีนี้ก็เช่นกัน

เมื่อหันมองที่อยู่อาศัยรอการขายหรือสต๊อกยกยอด มาในปีนี้  ข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ณ ไตรมาสที่ 3 ปี2567 กรุงเทพมหานคร และปริมณฑลพบว่ามีหน่วยเหลือขายสูงถึง 215,800 หน่วย เพิ่มขึ้น 10.2% มูลค่า 1,313,487 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.3%  โดยเพิ่มขึ้นทุกระดับราคาเมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน

 คาดใช้เวลาในการขาย 49 เดือน ซึ่งมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ ลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองเหลือ 0.01% ที่มีการขยายเพดานราคาบ้านมือหนึ่งและมือสองไม่เกิน 7 ล้านบาท พบว่าทำให้กลุ่มระดับราคา ตํ่ากว่า 7.50 ล้านบาท ทั้งบ้านและคอนโดมิเนียม มีทิศทางลดลง   จึงเชื่อได้ว่ามาตรการดังกล่าวมีความจำเป็น

แต่ปัจจุบันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์สมัยรัฐบาลเศรษฐบางรายการได้หมดอายุลง  อย่างมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง ล่าสุด7สมาคมอสังหาฯเตรียมเสนอ มาตรการกระตุ้นอสังหาฯอีกระลอกเพื่อพยุงกำลังซื้อให้กลับมา

 “ฐานเศรษฐกิจ” สัมภาษณ์  5 กูรูธุรกิจอสังหาฯ ถึง ข้อเสนอ เหตุผลความจำเป็น และทิศทางเศรษฐกิจ ของปีนี้ ต่อนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อพิจารณาภายในเดือนมกราคมนี้

ชง4ข้อกระตุ้นกำลังซื้อ

 เริ่มจากนายอิสระ บุญยัง ประธานคณะกรรมการสมาคมการค้ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ออกแบบและก่อสร้าง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า  มาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองมีความจำเป็น มองว่าสถานการณ์เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว ต้นทุนต่างๆที่เกิดจากปัจจัยภายในและภายนอกไม่ลดลง ควรต้องมีมาตรการกระตุ้นตลาดอสังหาฯ อย่างต่อเนื่อง 

สำหรับมาตรการเสนอ นายกรัฐมนตรี มี 4 ข้อ ได้แก่ 1.ขยายอายุมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอน และจดจำนอง เหลือ 0.01%  2. สนับสนุนดอกเบี้ยตํ่าขอสินเชื่อง่ายขึ้นสำหรับคนที่พร้อม 3.ลดภาระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ปี2568 ลง 50%  จนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวดี 4. ลดขนาดที่ดินจัดสรรให้ประชาชนมีโอกาสอยู่ในเมือง

ส่วนมาตรการอื่นอย่างรับสร้างบ้านลดหย่อนภาษี “ล้านละหมื่น”  มาตรการ ยังไม่หมดอายุ  ตลอดจน การแก้กฎหมายอาคารชุดต่างชาติถือครองกรรมสิทธิ์ 75%  รัฐบาลให้ศึกษาและรับฟังความคิดเห็นชั่งนํ้าหนัก ขณะ เช่าที่ดิน 99 ปี รัฐบาล มีนโยบายโครงการบ้านเพื่อคนไทยใช้กฎหมายทรัพย์อิงสิทธิ์ ที่ดำเนินการอยู่แล้ว

สำหรับมาตรการ LTV ( Loan to Value Ratio)  หรือ อัตราส่วนที่ธนาคารสามารถให้สินเชื่อได้ เมื่อเทียบกับราคาบ้านที่ซื้อ ข้อนี้จะเสนอต่อธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อีกครั้ง เพื่อพิจารณาทบทวนหรือยกเลิกชั่วคราว เพื่อให้ผู้ที่มีความจำเป็นซื้อบ้านหลังที่สอง อยู่ใกล้แหล่งงาน  กู้ได้เต็ม100% เท่ากับบ้านหลังแรก  

ลดภาษีที่ดินลง50%-ไม่ต่ออายุโอน-จดจำนอง อสังหาฯโคม่า!

 สอดคล้องกับ นายอธิป พีชานนท์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรรระบุว่า ตลาดอสังหาฯยังมีปัจจัยเสี่ยง ดังนั้น  มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาฯ ต้องมีความต่อเนื่อง โดยเฉพาะ การขยายอายุมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง ที่หวังว่าจะได้ต่ออายุออกไป หากไม่ดำเนินการต่อเชื่อว่าตลาดอสังหาฯจะโคม่ามากกว่าปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกันสิ่งที่มองว่าจำเป็นและได้ผลักดัน ต่อเนื่อง คือการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างลงเหลือ 50% เนื่องจากเศรษฐกิจชะลอตัวหากเรียกเก็บเต็ม100% จะกระทบกับประชาชน และเกิดการค้างชำระภาษีตามมา 

ปี67อสังหาฯตกต่ำสุด คาดฟื้นตัวดีปี69 จากมาตรการอัดฉีด

เช่นเดียวกับนายสุนทร สถาพร นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่าภายในเดือนมกราคมนี้ สมาคมฯ มีแผนเสนอ ต่ออายุมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองเพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง ทั้งนี้มองว่าอสังหาฯ ปีที่ผ่านมาตกตํ่าที่สุดในรอบ 10 ปี และ ปี 2568 เริ่มฟื้นตัว คาดว่าปี 2569น่าจะฟื้นตัวกลับมายืนได้ตามปกติ  จาก อานิสงส์ มาตรการรัฐบาลที่อัดฉีด ทั้งโครงการแก้หนี้คุณสู้เราช่วย ฯลฯ , มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยตํ่าจากธอส. วงเงิน 1.2 แสนล้านบาทรวมถึงมาตรการใหม่ๆ ที่จะออกมา ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนและธุรกิจเอสเอ็มอี ลดภาระหนี้ลงและสามารถกลับมาขอสินเชื่อใหม่ได้

ดันต่อลดโอนและจดจำนอง-ผ่อนLTVคนจำเป็นบ้านหลัง2

ด้านนายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย ระบุว่าสมาคมฯเสนอขยายอายุลดค่าธรรมเนียมการโอนฯและจดจำนองต่อเนื่อง รวมถึง ความต้องการอยากให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผ่อนปรน มาตรการ LTV ให้คนที่มีความจำเป็นซื้อที่อยู่อาศัยหลังที่สองใกล้แหล่งงาน สถานศึกษาบุตรหลานกู้ได้ 100% เหมือนบ้านหลังแรก

เลิกLTVชั่วคราว -หนุนดอกเบี้ยต่ำปล่อยกู้

 นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวว่า สมาคมฯ เตรียมเสนอมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ต่อ รัฐบาล ซึ่งประกอบด้วย ต่ออายุมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอน และจดจำนอง , สถาบันการเงินสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยตํ่าและปล่อยสินเชื่อตามข้อเท็จจริง รวมถึงเสนอประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่และผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย พิจารณาทบทวนหรือยกเลิกLTV ชั่วคราว เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อให้เกิดการหมุนเวียนกลับมาได้

ทั้งนี้อสังหาฯเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์สำคัญที่ทุกรัฐบาลใช้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ และเชื่อว่า ไม่มีใครอยากเห็นเครื่องยนต์ตัวดังกล่าวต้องดับวูบลง!!!

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


เปิดแนวโน้มอสังหาฯ 68 ปัจจัยกดดันและโอกาสใหม่ ผ่านมุมมองแบงก์

ตลาดที่อยู่อาศัยในปี 68 อาจเผชิญความท้าทายจากการฟื้นตัวของกำลังซื้อที่ยังซบเซา ปัจจัยกดดันด้านเศรษฐกิจ-ต้นทุนที่สูงต่อเนื่อง ขณะที่การพัฒนาคู่กับสิ่งแวดล้อม เจาะตลาดต่างชาติยังมองเป็นโอกาสที่น่าสนใจ

จากการวิเคราะห์ของศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (SCB EIC) แนวโน้มอสังหาริมทรัพย์ในตลาดที่อยู่อาศัยปี 2568 ยังคงเผชิญความท้าทายต่อเนื่องจากปี 2567 โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลาง-ล่าง ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ ค่าใช้จ่ายสูง

และรวมถึงการเข้าถึงสินเชื่อที่ยากขึ้น ทำให้คาดว่าหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลจะลดลงราว 1%-3% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่มูลค่าโอนกรรมสิทธิ์อาจทรงตัวหรือหดตัวเล็กน้อยราว 0%-2%​

ในด้านการเปิดตัวโครงการใหม่ คาดว่าจะลดลงต่อเนื่องราว 2%-4% โดยเน้นพัฒนาโครงการระดับราคาปานกลาง-บน เพื่อตอบสนองกำลังซื้อที่มีศักยภาพ ขณะเดียวกัน โครงการระดับปานกลาง-ล่างยังคงถูกพัฒนาอย่างระมัดระวัง เน้นเฉพาะทำเลที่มีความต้องการสูง และการระบายสินค้าคงเหลือเป็นหลัก​

ความท้าทายและโอกาสใหม่ในปี 68

ความเข้มงวดของสถาบันการเงินและอัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับสูง เป็นปัจจัยกดดันหลักที่ส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคโดยเฉพาะกลุ่มรายได้ปานกลาง-ล่าง อย่างไรก็ตาม ตลาดต่างชาติยังคงเป็นกำลังสำคัญ โดยเฉพาะนักลงทุนจากจีน รัสเซีย และประเทศอื่น ๆ ที่มีความสนใจในทำเลสำคัญ เช่น กรุงเทพฯ ภูเก็ต ชลบุรี และเชียงใหม่​

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องปรับตัวด้วยการพัฒนาสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายอย่างตรงจุด พร้อมทั้งบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การดำเนินธุรกิจภายใต้กรอบ ESG และการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มความน่าสนใจในตลาดยุคใหม่​

ในภาพรวม แม้ตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2568 จะยังเผชิญแรงกดดันหลายประการ แต่การปรับกลยุทธ์ที่เหมาะสม การขยายตลาดต่างชาติ และการพัฒนาภายใต้กรอบ ESG จะเป็นปัจจัยสนับสนุนที่ช่วยให้ผู้ประกอบการยังสามารถสร้างโอกาสใหม่ ๆ ได้ในระยะยาว

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 8ม.ค. “อ่อนค่าเล็กน้อย” ที่ระดับ 34.57 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทมีความเสี่ยงที่จะทยอยอ่อนค่าลงต่อทดสอบโซนแนวต้านถัดไป 34.80 -35.00บาทต่อดอลลาร์ ไฮไลท์สำคัญวันนี้อยู่ที่รายงานข้อมูลเศรษฐกิจ อัตราการเติบโตของค่าจ้างในญี่ปุ่นและรายงานยอดสต็อกน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้  8ม.ค. 2568 ที่ระดับ  34.57 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย”

นายพูน  พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทยเปิดเผยว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท แม้ว่าในช่วงวันก่อนหน้า เงินบาทจะมีจังหวะแข็งค่าหลุดโซนแนวรับ 34.50 บาทต่อดอลลาร์ ตามที่เราประเมินไว้ ตามอานิสงส์ของแรงซื้อหุ้นไทยจากบรรดานักลงทุนต่างชาติและแรงขายเงินดอลลาร์จากฝั่งผู้ส่งออกบางส่วน

ทว่า เงินบาทยังมีความเสี่ยงที่จะทยอยอ่อนค่าลงบ้าง หลังโมเมนตัมการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์มีกำลังมากขึ้นอีกครั้ง จากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาดในคืนที่ผ่านมา ทำให้เราคงมุมมองเดิมก่อนว่า เงินบาทมีความเสี่ยงที่จะทยอยอ่อนค่าลงต่อทดสอบโซนแนวต้านถัดไป 34.80 บาทต่อดอลลาร์ (แนวต้านสำคัญถัดไป 35.00 บาทต่อดอลลาร์) ได้

 อย่างไรก็ดี เงินบาทจะสามารถอ่อนค่าถึงโซนดังกล่าวได้หรือไม่นั้น อาจจะขึ้นกับรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ในคืนนี้ และรายงานการประชุม FOMC ล่าสุด ในช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสฯ ราว 2.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

โดยในกรณีที่ ยอดการจ้างงานภาคเอกชนโดย ADP และยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน ล้วนออกมาดีกว่าคาด

อีกทั้ง รายงานการประชุม FOMC ของเฟดล่าสุด ก็สะท้อนความกังวลต่อแนวโน้มเงินเฟ้อ จากความไม่แน่นอนของนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล Trump 2.0 ก็อาจยิ่งหนุนให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อได้บ้าง ตามการปรับลดโอกาสที่เฟดจะสามารถลดดอกเบี้ยได้ 2 ครั้ง ในปีนี้

อย่างไรก็ดี หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาผสมผสาน โดยยอดการจ้างงานภาคเอกชนออกมาแย่กว่าคาด แม้ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานอาจทรงตัวใกล้เคียงเดิม หรือดีกว่าคาม และบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดต่างก็แสดงความกังวลต่อแนวโน้มเงินเฟ้อในรายงานการประชุม FOMC

เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดอาจมีความกังวลมากขึ้นว่า รายงานยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) ในวันศุกร์นี้ อาจเห็นการชะลอตัวลงมากขึ้นของการจ้างงานได้ ซึ่งภาพดังกล่าวอาจกดดันให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ เสี่ยงย่อตัวลง

ทั้งนี้ ในช่วงระหว่างวัน เงินบาทก็อาจผันผวนไปตามทิศทางฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ ที่ในช่วงนี้ อาจกลับมาซื้อหุ้นไทยได้บ้าง แต่ยังคงเดินหน้าขายบอนด์ไทยอย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน แนวโน้มราคาทองคำและราคาน้ำมันดิบก็ยังคงมีผลกับการเคลื่อนไหวของเงินบาท นอกจากนี้ เรามองว่า ผู้ส่งออกบางส่วนอาจรอจังหวะเงินบาทอ่อนค่าในการทยอยขายเงินดอลลาร์ในช่วงนี้ ทำให้การอ่อนค่าของเงินบาทอาจมีลักษณะค่อยเป็นค่อยไปได้

ท่ามกลางความผันผวนในตลาดการเงินที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะในช่วงปีหน้าที่จะเผชิญกับ Trump’s Uncertainty ทำให้เรายังคงแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้

มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.45-34.70 บาท/ดอลลาร์

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) พลิกกลับมาอ่อนค่าลง ในลักษณะ Sideways Up (แกว่งตัวในกรอบ 34.41-34.58 บาทต่อดอลลาร์) แม้ว่าในช่วงแรกเงินบาทจะทยอยแข็งค่าขึ้น ตามการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ (XAUUSD) ทว่า การแข็งค่าดังกล่าวของเงินบาทก็อยู่ได้ไม่นาน หลังเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ต่างปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ล้วนออกมาดีกว่าคาด

 ทั้ง ยอดตำแหน่งงานเปิดรับ (Job Openings) เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 8.098 ล้านตำแหน่ง ส่วนดัชนี ISM PMI ภาคการบริการ ก็ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 54.1 จุด (ดัชนีเกิน 50 จุด สะท้อนภาวะขยายตัว)

ทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างมั่นใจว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้ไม่ถึง 2 ครั้ง ตามที่ได้ระบุไว้ใน Dot Plot ล่าสุด (โอกาสลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง ลดลง เหลือราว 50%) นอกจากนี้ การปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังได้กดดันให้ราคาทองคำพลิกกลับมาปรับตัวลดลงต่อเนื่อง สร้างแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าเพิ่มเติมให้กับเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมา

บรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ พลิกกลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) ท่ามกลางแรงขายบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่

อาทิ Nvidia -6.2%, Tesla -4.1% (Tesla เจอนักวิเคราะห์ปรับลดคำแนะนำเป็น “Neutral” จาก “Buy” )

หลังบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 4.70% ตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ล้วนออกมาดีกว่าคาด หนุนมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่เชื่อว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้น้อยกว่าที่ระบุไว้ใน Dot Plot ทำให้โดยรวมดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ดิ่งลง -1.89% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด -1.11%

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง +0.32% หนุนโดยการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นสไตล์ Growth อย่าง SAP +1.7%, LVMH +1.6% หลังผู้เล่นในตลาดคงมองว่า

ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะสามารถเดินหน้าลดดอกเบี้ยต่อเนื่องได้ราว 4 ครั้ง หรือ 100bps ในปีนี้ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน อาทิ Shell +1.5% ตามการทยอยปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบในช่วงนี้

ส่วนในฝั่งตลาดบอนด์นั้น บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวสูงขึ้นเข้าใกล้โซน 4.70% หลังผู้เล่นในตลาดต่างมั่นใจมากขึ้นว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้น้อยกว่าที่ระบุไว้ใน Dot Plot จากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาด

นอกจากนี้ การปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบในช่วงนี้ก็มีส่วนหนุนการเคลื่อนไหวของบอนด์ยีลด์ระยะยาวด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ดังกล่าวก็เป็นไปตามที่เราประเมินไว้ในวันก่อนหน้า ในกรณีที่ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด อย่างไรก็ตาม เราคงมองว่า ผู้เล่นในตลาดก็สามารถรอจังหวะทยอยเข้าซื้อบอนด์ระยะยาวได้ หากบอนด์ยีลด์มีการปรับตัวสูงขึ้นบ้าง เนื่องจากผลตอบแทนรวม (Total Return) ของการถือบอนด์ระยะยาวนั้น ยังมีความน่าสนใจอยู่ ตราบใดที่เฟดไม่ได้กลับมาขึ้นดอกเบี้ย และคาดการณ์ของเราที่มองว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ นั้นถูกต้อง นอกจากนี้ หากประเมินจาก Break-Even yield ที่อาจสูงเกิน 5% จากระดับปัจจุบัน เรามองว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจไม่ได้ปรับตัวขึ้นทะลุโซนดังกล่าวได้ง่ายนัก ทำให้การถือครองบอนด์ระยะยาวยังมีความน่าสนใจอยู่ แม้ผลตอบแทนรวมอาจไม่ได้สูงมาก แต่ก็สามารถเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย เพื่อรับมือความผันผวนของสินทรัพย์เสี่ยง อย่าง หุ้นสหรัฐฯ ได้

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ล้วนออกมาดีกว่าคาด หนุนให้ผู้เล่นในตลาดยิ่งมั่นใจว่า ในปีนี้ เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้ไม่ถึง 2 ครั้ง ตามที่ระบุไว้ใน Dot Plot ล่าสุด ทำให้โดยรวมเงินดอลลาร์ปรับตัวขึ้นสู่โซน 108.7 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 107.8-108.7 จุด)

ในส่วนของราคาทองคำ จังหวะปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้กดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. 2025) พลิกกลับมาย่อตัวลงสู่โซน 2,660 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งการปรับตัวลงของราคาทองคำในช่วงคืนที่ผ่านมา ก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทพลิกกลับมาอ่อนค่าลง

สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ฝั่งสหรัฐฯ ซึ่งจะมีรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจ อย่าง ยอดการจ้างงานภาคเอกชน โดย ADP ในเดือนธันวาคม ที่อาจพอใช้ประกอบการประเมิน ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) ซึ่งจะรายงานในวันศุกร์นี้ได้

รวมถึง ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด รวมถึง รายงานการประชุม FOMC ล่าสุด (FOMC Meeting Minutes) เพื่อประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด ที่ล่าสุด ผู้เล่นในตลาดมองว่า เฟดมีโอกาสราว 50% ในการลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง หรือ 50bps ในปีนี้ ตามที่ระบุไว้ใน Dot Plot ล่าสุด

ส่วนในฝั่งเอเชีย ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานอัตราการเติบโตของค่าจ้างในญี่ปุ่น ซึ่งจะทยอยรับรู้ในช่วงราว 6.30 น. ตามเวลาประเทศไทยของวันพฤหัสบดีที่ 9 มกราคม นี้ โดยหากอัตราการเติบโตของค่าจ้างยังคงสอดคล้องกับคาดการณ์ของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ก็อาจเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้เล่นในตลาดว่า BOJ ยังมีโอกาสทยอยขึ้นดอกเบี้ยได้ในปีนี้ อย่างน้อย 1 ครั้ง ซึ่งล่าสุด ผู้เล่นในตลาดมองว่า BOJ มีโอกาสราว 89% ที่จะขึ้นดอกเบี้ย 2 ครั้ง หรือ 50bps ในปีนี้

และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานยอดสต็อกน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบได้

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


“เมย์ รัชนก” ต้อนสาวฮ่องกงเขารอบสองแบดมินตันมาเลเซีย โอเพ่น

“เมย์” รัชนก อินทนนท์ มืออันดับ 17 ของโลก อดีตแชมป์ 2 สมัย ประเดิมสนามในแบดมินตันมาเลเซีย โอเพ่น 2025 ได้อย่างสวยงามด้วยการเอาชนะ โล ซิน ยาน แฮปปี้ มืออันดับ 51 ของโลกจากฮ่องกง 2 เกมรวด ผานเข้ารอบสองไปได้สำเร็จ

การแข่งขันแบดมินตันรายการแรกของปี 2025 รายการ ปิโตรนาส มาเลเซีย โอเพ่น รายการระดับเวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 1000 ชิงเงินรางวัลรวม 1,450,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 49,300,000 บาท ที่เอเซียต้า อารีน่า กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันอังคารที่ 7 ม.ค.68 เป็นการแข่งขันในรอบแรก 

โดยระหว่างการแข่งขันในวันแรกก็เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น เมื่อมีฝนตกหลังคาสนามขอบสนามเอเซียต้า อารีน่า รั่ว ทำให้โปรแกรมแข่งขันบางคู่ล่าช้าไปจากเดิมหลายชั่วโมง ซึ่งทำให้  “หมิว” พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ มือวางอันดับ 8 ของรายการ มืออันดับ 13 ของโลก ที่จะลงสนามพบกับ อานูพาม่า อูพัชดาย่า มืออันดับ 46 ของโลกจากอินเดีย ก็ต้องเลื่อนการแข่งขันไปเป็นวันพุธที่ 8 ม.ค.68 แทน 

ไฮไลท์อยู่ที่ ประเภทหญิงเดี่ยว รอบแรก “เมย์” รัชนก อินทนนท์ มืออันดับ 17 ของโลก และอดีตแชมป์ 2 สมัย พบกับ โล ซิน ยาน แฮปปี้ มืออันดับ 51 ของโลกจากฮ่องกง  เกมนี้ เมย์ รัชนก เล่นได้อย่างยอดเยี่ยม เอาชนะไปแบบขาดลอย 2-0 เกม  21-11 และ 21-6 ผ่านเข้าสู่รอบสองไปรอพบผู้ชนะระหว่าง  “หมิว” พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ มือวางอันดับ 8 ของรายการ พบกับ อานูพาม่า อูพัชดาย่า มืออันดับ 46 ของโลกจากอินเดีย

ด้านประเภทหญิงคู่ รอบแรก “มุก” อรณิชา จงสถาพรพันธุ์ กับ “แอนฟิล” สุกฤตา สุวะไชย คู่มือ 42 ของโลก พบกับ เทสซ่า โจลลี่ กับ กายาตรี พูลเลล่า โกปีชาน  คู่มือวางอันดับ 6 ของรายการ คู่มืออันดับ 11 ของโลกจากอินเดีย เกมนี้ มุก กับ แอนฟิลด์ ต้านความแกร่งของคู่อินเดียไม่ไหว แพ้ไป 0-2 เกม 10-21 , 10-21 

ประเภทชายคู่ รอบแรก “พี” พีรัชชัย สุขพันธ์ กับ “โอโม่” พรรคพล ธีระรัตน์สกุล คู่มืออันดับ 30 ของโลก แพ้ให้กับ เฉิน โบ๋หยาง กับ หลิว ยี่ คู่มืออันดับ 18 ของโลกจากจีน ไปอย่างน่าเสียดาย 1-2 เกม 11-21 ,21-17,18-21 

ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th


มองข้ามขอบฟ้า: ทิศทางโลกในศตวรรษที่ 21

เมื่อเราก้าวเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 มากว่าสองทศวรรษ โลกที่เชื่อมโยงกันในหลายมิติได้เผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่หลากหลายและซับซ้อน อนาคตของศตวรรษนี้ดูเหมือนจะขึ้นอยู่กับความสามารถของมนุษย์ในการปรับตัวและบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี สิ่งแวดล้อมและการเมือง 

การวิเคราะห์แนวคิดของผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ เช่น โยฮัน ร็อกสตรอม เรย์ เคิร์ซเวลล์ ยูวัล โนอาห์ แฮรารี และมิจิโอะ คากุ ช่วยให้เราเห็นภาพรวมของโลกอนาคตที่เต็มไปด้วยความท้าทาย ความเสี่ยงและโอกาสที่น่าตื่นเต้น

โยฮัน ร็อกสตรอม นักวิทยาศาสตร์ชาวสวีเดน ผู้เชี่ยวชาญด้านความยั่งยืนของโลกและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ชี้ให้เห็นถึงขีดจำกัดของดาวเคราะห์และความสำคัญของการป้องกันจุดเปลี่ยนผัน (Tipping Points) ที่อาจนำไปสู่ “ความล่มสลายของระบบนิเวศและสังคม” 

หากเราไม่สามารถควบคุมการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิให้ต่ำกว่า 1.5 องศาเซลเซียส ระบบธรรมชาติที่สำคัญ เช่น ป่าฝนอเมซอนและแนวปะการัง อาจเปลี่ยนแปลงไปในลักษณะที่ไม่สามารถฟื้นฟูได้ ส่งผลต่อความมั่นคงทางอาหาร น้ำ และการดำรงชีวิตของมนุษย์ ความไม่สมดุลของทรัพยากรยังอาจนำไปสู่ความขัดแย้งและวิกฤติในระดับโลกที่รุนแรงขึ้น

ในด้านเทคโนโลยี เรย์ เคิร์ซเวลล์ ทำนายว่าโลกจะเข้าสู่ยุคของ “ซิงกูลาริตี้” (Singularity) ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะมีความฉลาดเหนือกว่ามนุษย์ ในช่วงทศวรรษ 2030 เทคโนโลยีเชื่อมต่อสมองมนุษย์กับคลาวด์ผ่านนาโนบอทจะเปลี่ยนวิธีที่มนุษย์เรียนรู้และสื่อสารอย่างสิ้นเชิง มนุษย์จะสามารถสำรองความทรงจำหรือขยายขีดความสามารถของสมองได้อย่างไร้ขีดจำกัด

นาโนเทคโนโลยียังคาดการณ์ว่าจะช่วยยืดอายุขัยของมนุษย์และรักษาโรคที่ปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษา อย่างไรก็ตาม การพัฒนาเทคโนโลยีเหล่านี้อาจสร้างความเหลื่อมล้ำระหว่างกลุ่มคนที่เข้าถึงเทคโนโลยีและผู้ที่ไม่ได้รับประโยชน์ อีกทั้งยังเพิ่มความต้องการแร่หายากและพลังงาน ซึ่งอาจส่งผลต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

ยูวัล โนอาห์ แฮรารี มองเห็นผลกระทบทางสังคมและจริยธรรมของการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์และเทคโนโลยีชีวภาพในอนาคตที่จะเป็นเรื่องที่สำคัญมาก การสร้างระบบอัลกอริทึมที่มีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจอาจลดทอนความเป็นอิสระของการตัดสินใจมนุษย์ และเกิด “ชนชั้นที่ไร้งานทำ” (useless class) เนื่องจากระบบอัตโนมัติแทนที่แรงงานมนุษย์จำนวนมหาศาลให้กลายเป็นคนที่ไม่มีงานทำในตลาดแรงงานตลอดไป 

การเปลี่ยนแปลงนี้อาจนำไปสู่ความขัดแย้งทางสังคมที่รุนแรงหากไม่มีนโยบายรองรับ นอกจากนี้ระบบข้อมูลนิยม (Dataism) ในฐานะระบบคุณค่าใหม่ อาจเปลี่ยนวิธีที่มนุษย์มองโลกและตนเอง นำมาซึ่งคำถามทางจริยธรรมเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวและการควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล

มิจิโอะ คากุ นักฟิสิกส์ทฤษฎีที่มีชื่อเสียง มองอนาคตในเชิงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยเน้นถึงความก้าวหน้าทางปัญญาประดิษฐ์ เทคโนโลยีชีวภาพ และการสำรวจอวกาศ เขาคาดการณ์ว่าเทคโนโลยี Brain-Computer Interfaces (BCI) จะทำให้มนุษย์สามารถควบคุมอุปกรณ์หรือสื่อสารด้วยความคิดได้โดยตรง ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงวิธีที่มนุษย์ทำงานและใช้ชีวิตอย่างมาก การตั้งถิ่นฐานบนดาวเคราะห์ เช่น ดวงจันทร์หรือดาวอังคาร จะกลายเป็นก้าวสำคัญของมนุษยชาติในการเป็นเผ่าพันธุ์ที่ดำรงชีวิตในหลายดวงดาว

ในมิติสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นความท้าทายที่สำคัญที่สุด การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกทำให้เกิดภัยธรรมชาติที่รุนแรง เช่น พายุ น้ำท่วม และไฟป่า ซึ่งส่งผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศ 

การพัฒนาเทคโนโลยี เช่น นาโนเทคโนโลยีและพลังงานหมุนเวียน สามารถช่วยบรรเทาปัญหาเหล่านี้ได้ แต่ยังต้องมีการกำกับดูแลที่เข้มงวดเพื่อป้องกันผลกระทบที่ไม่พึงประสงค์ การพัฒนานโยบายระหว่างประเทศเพื่อความร่วมมือในด้านการจัดการทรัพยากรและการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการบังคับใช้อย่างจริงจังเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อป้องกันวิกฤติในอนาคต

การเมืองระดับโลกจะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดอนาคตของศตวรรษนี้ ความร่วมมือระหว่างประเทศในการแก้ปัญหาระดับโลก เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความเสี่ยงทางเทคโนโลยี จะต้องเพิ่มความโปร่งใส ความเป็นธรรมและลดความขัดแย้ง และหลีกเลี่ยงสงครามนิวเคลียร์

ในภาพรวม โลกในศตวรรษที่ 21 มีศักยภาพในการสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกอย่างมหาศาล แต่ก็เต็มไปด้วยความท้าทายและความเสี่ยง ซึ่งขึ้นอยู่กับการตัดสินใจในปัจจุบันและความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

การเตรียมตัวรับมือกับอนาคตสามารถเริ่มจากการเสริมสร้างความรู้ ทักษะ ความเข้าใจในแนวโน้มและความไม่แน่นอนในโลก พร้อมทั้งพัฒนาทักษะใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลง เช่น การปรับตัวต่อเทคโนโลยี การจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืน การบริหารความเสี่ยงและการสร้างความร่วมมือกัน จะเป็นกุญแจสำคัญในการใช้ชีวิตในศตวรรษที่แสนท้าทายนี้

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


9 คำถามสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ สัมภาษณ์ทีไร เจอแน่นอน

ต้องไปสัมภาษณ์งานโดยต้องใช้ภาษาอังกฤษ คำถามสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ ที่เราต้องเจอจะมีอะไรบ้าง มีวิธีการรับตอบคำถามอย่างไร และต้องเตรียมตัวในการสัมภาษณ์อย่างไร มาดูกันได้เลย

เชื่อว่าหลายๆคนก่อนสัมภาษณ์งานจริงๆคงมีความกังวลกันทุกคนไม่ว่าจะสัมภาษณ์งานเป็นภาษาอังกฤษหรือสัมภาษณ์เป็นภาษาไทย และ เราควรจะเตรียมความพร้อมอย่างไรหล่ะ? เมื่อต้องเจอกับคำถามต่างๆที่เราอาจจะคาดเดาไม่ถูก

การสัมภาษณ์งานกับชาวต่างชาติไม่ว่าจะเป็น ฝรั่ง หรือ เอเชีย สิ่งที่ผู้สัมภาษณ์ (interviewer) คาดหวังและมองหาจากผู้ถูกสัมภาษณ์ (candidate) คือ

  • Smart and Professional look = การแต่งกายที่สุภาพตามแบบธุรกิจสากลให้เกียรติสถานที่ทำงาน และ ผู้สัมภาษณ์
  • Confidence = ความมั่นใจ บุคลิกภาพ และ ที่สำคัญมากๆคือแววตาครับเดินให้สง่ากระชับกระเฉงแววตามุ่งมั่นเวลาพูดให้สบตาเข้าไปในแนวตาของผู้สัมภาษณ์เพื่อสื่อให้ถึงความจริงใจและมุ่นมั่น
  • Skill and work experience = ความสามารถ และ ประสบการณ์ของเราครับ ซึ่งข้อนี้แอดมินอยากให้เพื่อนๆRole play หรือเป็นการณ์แสดงบทบาทสมมุติเป็น Sale ที่จะพรีเซนต์ขายตัวเองให้บริษัทเกิดความชอบเรา อยากที่จะจ้างเรา ตามค่าจ้างที่เราร้องขอครับ

9 คำถามยอดฮิตที่เราจะถูกผู้สัมภาษณ์ (interviewer) ถามแน่ๆ100%

1. Tell me a little bit about yourself. – บอกฉันสักเล็กน้อยเกี่ยวกับตัวคุณ

เป็นการที่ผู้สัมภาษณ์เกี่ยวกับตัวเรามากยิ่งขึ้นโดยคือการให้เราแนะนำตัวเองนั่นเอง ซึ่งการแนะนำตัวเองของเราในที่นี้สิ่งที่ผู้สัมภาษณ์ต้องการรู้ก็คือ ตัวเราในมุมมองของการทำงาน จะไม่ใช่การแนะนำตัวเองแบบทั่วๆไป ตัวอย่างการแนะนำตัวเอง เช่น

ตัวอย่างการตอบคำถาม

  • I studied Communication Arts at Bangkok University. – ฉันเรียนนิเทศศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
  • I enjoy creating and publishing content on social media. – ฉันสนุกกับการสร้างสรรค์และ เผยแพร่เนื้อหาต่างๆบนโซเชียลมีเดีย
  • I have been an internship in a marketing company for 6 months. – ฉันเคยฝึกงานในบริษัทการตลาดเป็นเวลา 6 เดือน

2. How did you hear about this position? – คุณรู้หรือได้ยินเกี่ยวกับตำแหน่งนี้ได้อย่างไร

ตัวอย่างการตอบคำถาม

  • I found an advertisement for the job on the internet. – ฉันเจอโฆษณาเกี่ยวกับการสมัครงานนี้บทอินเทอร์เน็ต
  • I found this position on the company website. – ฉันเจองานตำแหน่งนี้อยู่บนเว็ปไซต์ของบริษัท

3. Why are you interested in this position? – ทำไมคุณถึงสนใจในตำแหน่งงานนี้

สิ่งที่ผู้สัมภาษณ์อยากจะรู้จากคำถามนี้ก็คือ ตัวเราเหมาะกับตำแหน่งนี้ขนาดไหน ทำไมเราถึงเหมาะกับตำแหน่งงานนี้ ซึ่งสิ่งที่เพื่อนๆควรจะบอกผู้สัมภาษณ์ก็คือ ความสามารถที่เรามี มันตรงกับตำแหน่งนี้นะ หรือว่า เราอาจจะบอกว่าตำแหน่งนี้แหละคือตำแหน่งที่เราถนัดที่สุดในการที่จะทำงาน

ตัวอย่างการตอบคำถาม

  • I have always been interested to work in this field for a long time. – ฉันมีความสนใจที่จะทำงานในตำแหน่งนี้/ในด้านนี้ เป็นเวลานานแล้ว *(เพื่อจะให้ผู้สัมภาษณ์รู้ว่าเราสนใจด้านนนี้โดยเฉพาะ และ เราเตรียมตัวเพื่อที่จะมาทำงานด้านนี้โดยเฉพาะ)
  • I think this position fits with my ability and my goal in this company. – ฉันคิดว่าตำแหน่งงานนี้ตรงกับความสามารถที่ฉันมี และ ตรงกับเป้าหมายที่ฉันตั้งใจไว้ในบริษัทนี้ *(เพื่อที่จะทำให้ผู้สัมภาษณ์เชื่อว่าเราสามารถที่จะทำงานนี้ได้)

4. Why should we hire you? – ทำไมเราถึงต้องจ้าง หรือ เลือกคุณเข้ามาทำงาน

คำถามนี้เป็นอีกหนึ่งคำถามที่ถ้าทายมากๆ ซึ่งเพื่อนๆจะต้องเตรียมตัวให้พร้อม และ ต้องมั่นใจกับคำตอบของเราว่า ใช่คุณต้องจ้างฉันสิ เพราะฉันมีความสามารถแบบนี้นะ และ ฉันเหมาะกับงานตำแหน่งนี้มากๆ ซึ่งจุดประสงค์ของผู้สัมภาษณ์คือ ต้องการที่จะเห็นว่าเร่ามั่นใจแค่ไหน กับการทำงานในตำแหน่งนี้ เรามั่นใจในตัวเองแค่ไหนว่าเรามีความสามารถที่จะทำงานในตำแหน่งนั้นจริงๆ

ตัวอย่างการตอบคำถาม

  • I have the experience and I assure you that I will give my best for the job. – ฉันมีประสบการณ์ และ ฉันขอให้คุณมั่นใจได้เลยว่าฉันจะทำอย่างสุดความสามารถเพื่องานนนี้
  • I believe that my experience with technology, specifically in the web design space, make me the best match for this position. In my previous job, I was responsible for maintaining and updating our company website. This required keeping employee profiles updated and continuously posting information regarding upcoming events. I truly enjoyed what I was doing, which is what drew me to this position with your company. I would love to bring the coding and content skills I learned there to this position.

– ฉันเชื่อว่าประสบการณ์ของฉันกับเทคโนโลยี โดยเฉพาะในด้านการออกแบบเว็บ ทำให้ฉันเหมาะสมกับตำแหน่งนี้มากที่สุด ในงานก่อนหน้านี้ ฉันมีหน้าที่ดูแลและปรับปรุงเว็บไซต์ของบริษัท เกี่ยวกับการทำให้โปรไฟล์พนักงานอัพเดตอยู่ตลอด และ โพสต์ข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมต่างๆที่จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ฉันสนุกกับสิ่งที่ฉันทำมากๆ ซึ่งมันดึงดูดให้ฉันมาสนใจอยู่ในตำแหน่งนี้กับบริษัทของคุณ ฉันจึงอยากที่จะนำทักษะการเขียนโค้ด และ ทักษะการเขียนเนื้อหา และ คอนเทนต์ ที่ฉันได้เรียนรู้มาสู่ตำแหน่งนี้

5. What are your strengths and weaknesses? – อะไรคือจุดแข็ง และ จุดด้อยของคุณ

ตัวอย่างการตอบคำถาม

  • I am a proactive person and a problem solver. – ฉันเป็นคนที่มีความกระตือรือร้น และ เป็นคนที่ชอบแก้ไขปัญหาต่างๆ
  • Sometimes I focus too much on details and it takes more time to get the job done. – บางครั้งฉันโฟกัสในดีเทลในรายละเอียดของงานมากเกินไป และ มันทำให้ใช้เวลานานในการที่จะทำให้งานๆนึงเสร็จสมบูรณ์

6. Where do you see yourself in 5 years? – คุณเห็นตัวเองอยู่ในจุดไหนในอีก 5 ปีข้างหน้า

ตัวอย่างการตอบคำถาม

  • By then I will have improved a lot and will have become a team leader. – ในตอนนั้นฉันก็คงจะพัฒนาขึ้นมาก และ ฉันก็คงจะกลายเป็นหัวหน้าทีม

7. Why do you want to work here? – ทำไมคุณถึงอยากมาทำงานที่นี่

ตัวอย่างการตอบคำถาม

  • I have always wanted to work here because I believe I will have achieved my goal here and grow together with the company. – ฉันต้องการจะทำงานที่นี่มาตลอดเลยเพราะว่าฉันเชื่อว่าฉันจะสามารถบรรลุเป้าหมายของฉันที่นี่ได้ และ เติบโตไปพร้อมๆกับบริษัทได้

8. Why Did You Leave Your Last Job? – ทำไมคุณถึงออกจากงานที่เก่า

ตัวอย่างการตอบคำถาม

  • There isn’t room for growth with my current employer, and I’m ready to move on to a new challenge. – ฉันไม่มีโอกาสได้ก้าวหน้าในที่ทำงานเดิมเลย และฉันเองพร้อมแล้วที่จะเจอความท้าทายใหม่ๆ
  • I found myself bored with the work and looking for more challenges. I am an excellent employee, and I didn’t want my unhappiness to have any impact on the job I was doing for my employer. – ฉันพบว่าฉันเบื่องานเดิมและต้องการมองหาความท้าทายใหม่ๆ ฉันเป็นลูกจ้างที่ดีนะ และฉันไม่ต้องการให้ “ความรู้สึกไม่มีความสุข” ของฉันนั้นมากระทบกับงานที่ทำที่บริษัทเดิม

9. Do you have any questions for me? – คุณมีคำถามอะไรจะถามฉันไหม

ตัวอย่างการตอบคำถาม

  • Can you tell me about the job? – คุณช่วยพูดเกี่ยวกับงานนี้ให้ฉันฟังได้ไหม
  • What is the most enjoyable part about working here? – อะไรคือส่วนที่สนุกที่สุดเกี่ยวกับการทำงานที่นี่
  • What kind of tasks will be my primary concern? – งานประเภทใดที่เราต้องให้ความสนใจเป็นอันดับแรก
  • Can you tell me a little bit about the team I will work with? – คุณช่วยบอกเกี่ยวกับทีมงานที่ฉันจะร่วมงานด้วยได้ไหม

ขอบคุณข้อมูลจาก engduothailand.com


รู้ทันภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ป้องกันวูบกลางวง

สำหรับหนุ่มๆ ที่รักการออกกำลังกาย การดูแลสุขภาพถือเป็นเรื่องสำคัญ แต่รู้หรือไม่ว่า การออกกำลังกายอย่างหนัก หรือออกกำลังกายนานเกินไป อาจทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ หรือที่เรียกกันว่า “ขาดน้ำตาล” ได้ ซึ่งส่งผลต่อร่างกาย ทำให้รู้สึกไม่สบาย และอาจเป็นอันตรายได้

ทำไมออกกำลังกายแล้วน้ำตาลต่ำ?

ปกติแล้ว ร่างกายจะใช้พลังงานจากน้ำตาลกลูโคส ซึ่งได้จากการย่อยอาหาร เมื่อออกกำลังกาย ร่างกายจะดึงน้ำตาลกลูโคสมาใช้มากขึ้น หากร่างกายได้รับพลังงานไม่เพียงพอ หรือใช้น้ำตาลกลูโคสมากเกินไป ก็จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำลง

สัญญาณเตือนภัย ร่างกายกำลังขาดน้ำตาล

  • เหงื่อออกมากผิดปกติ ทั้งที่ไม่ได้อยู่ในที่อากาศร้อน
  • ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว
  • รู้สึกหิวมาก อยากอาหาร
  • อ่อนเพลีย ไม่มีแรง
  • หน้ามืด ตาลาย
  • มือสั่น ตัวสั่น
  • ปากชา ลิ้นชา
  • สับสน มึนงง

หนุ่มๆ สายฟิต ป้องกันน้ำตาลต่ำ ทำได้อย่างไร?

  1. กินก่อนออกกำลังกาย: เลือกรับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีต ผลไม้ ประมาณ 1-2 ชั่วโมงก่อนออกกำลังกาย
  2. พกของว่าง: เตรียมของว่างติดตัว เช่น กล้วย ลูกเกด ธัญพืช เพื่อรับประทานระหว่างออกกำลังกาย หรือเมื่อรู้สึกว่าน้ำตาลในเลือดต่ำ
  3. ดื่มน้ำให้เพียงพอ: ควรดื่มน้ำเปล่า หรือเครื่องดื่มเกลือแร่ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ ซึ่งอาจทำให้อาการน้ำตาลต่ำรุนแรงขึ้น
  4. ฟังสัญญาณร่างกาย: หากรู้สึกว่ามีอาการผิดปกติ เช่น เวียนหัว ใจสั่น ควรงดออกกำลังกาย และรีบหาอะไรที่มีน้ำตาลทาน
  5. ตรวจสุขภาพประจำปี: ควรตรวจสุขภาพเป็นประจำ เพื่อเช็คระดับน้ำตาลในเลือด และปรึกษาแพทย์ หากมีข้อสงสัย

ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ อาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ การรู้จักสัญญาณเตือน และวิธีป้องกัน จะช่วยให้หนุ่มๆ สายฟิต ออกกำลังกายได้อย่างปลอดภัย และมีสุขภาพแข็งแรง

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ชาเขียว สามารถช่วยลดน้ำหนักได้จริงหรือไม่

ชาเขียว เป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมมายาวนาน ไม่เพียงแต่มีรสชาติอร่อย แต่ยังอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ หนึ่งในนั้นคือ สรรพคุณในการช่วยลดน้ำหนัก ซึ่งเป็นเรื่องจริงหรือไม่ วันนี้ Sanook Men มีคำตอบ

ชาเขียวลดน้ำหนักได้จริงไหม? 

จริงๆ แล้วในตัวชาเขียวมีสารสำคัญ 2 ชนิด ที่มีบทบาทในการช่วยลดน้ำหนัก ได้แก่

  • คาเฟอีน: ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงาน กระตุ้นระบบประสาท และลดความรู้สึกเหนื่อยล้า
  • แคททีชิน (Catechins): โดยเฉพาะ EGCG (Epigallocatechin gallate) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่มีส่วนช่วยในการ
    • เพิ่มการเผาผลาญไขมัน
    • ลดการดูดซึมไขมัน
    • ควบคุมความอยากอาหาร

กลไกการทำงานของชาเขียวในการลดน้ำหนัก

  • เพิ่มการเผาผลาญ: คาเฟอีนและแคททีชิน ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบเผาผลาญ ทำให้ร่างกายใช้พลังงานมากขึ้น
  • สลายไขมัน: EGCG ช่วยกระตุ้นการสลายไขมันสะสม และเปลี่ยนเป็นพลังงาน
  • ลดการดูดซึมไขมัน: EGCG ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ lipase ซึ่งมีหน้าที่ย่อยไขมัน ทำให้ร่างกายดูดซึมไขมันจากอาหารได้น้อยลง
  • ควบคุมความอยากอาหาร: คาเฟอีน ช่วยลดความอยากอาหาร และใยอาหารในชาเขียว ช่วยให้อิ่มท้องนานขึ้น

ข้อแนะนำในการดื่มชาเขียวเพื่อลดน้ำหนัก

ชาเขียวจะมีประสิทธิภาพในการช่วยลดน้ำหนักได้ดีกว่าชาเขียวเย็น ควรดื่มก่อนอาหารประมาณ 30 นาที ช่วยลดความอยากอาหาร หลีกเลี่ยงน้ำตาล ซึ่งจะเพิ่มแคลอรี และส่งผลเสียต่อสุขภาพ และควรดื่มประมาณ 2-3 แก้วต่อวัน เพื่อสุขภาพของคุณเอง

อย่างไรก็ตามควรที่จะออกกำลังกายและคุมอาหารเพราะการเพิ่งชาเขียวอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอ และคนที่มีโรคประจำตัวเช่น โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนดื่มชาเขียว และไม่ควรเพราะปริมาณคาเฟอินนั่นเอง

โดยสรุปแล้ว ชาเขียว เป็นเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ และมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนัก แต่ไม่ได้เป็น “ยาวิเศษ” ที่จะทำให้ผอมได้ในทันที การดื่มชาเขียวควบคู่กับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น การควบคุมอาหาร และการออกกำลังกาย จึงเป็นกุญแจสำคัญในการลดน้ำหนักอย่างได้ผล และมีสุขภาพที่ดีในระยะยาว

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 08/01/2567

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a43,250.0043,350.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,802.0042,478.3243,850.00
ทองรูปพรรณ 90%2,521.8038,230.49n/a
ทองรูปพรรณ 80%2,241.6033,982.66n/a
ทองรูปพรรณ 50%1,261.0019,116.76n/a
ทองรูปพรรณ 40%981.0014,871.96n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,904.0044,024.64n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 08/01/2567


ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9535.9535.9536.4535.9535.9535.9535.9535.9535.9535.95
แก๊สโซฮอล์ 9135.5835.5836.0835.5835.5835.5835.5835.5835.5835.58
แก๊สโซฮอล์ E2033.8433.8434.3433.8433.8433.8433.8433.8433.84
แก๊สโซฮอล์ E8533.5933.5933.59
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม44.5449.8449.8449.8444.54
เบนซิน 9544.2449.8144.7444.3944.24
ดีเซล32.9432.9432.9432.9432.9432.9432.9432.9432.9432.94
ดีเซลพรีเมี่ยม44.9447.1449.8447.1447.1444.94
แก๊ส NGV17.9017.9017.90
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า