อสังหาฯปรับตัวร่วมทุนต่างชาติลดเสี่ยงกู้แบงก์
ธุรกิจอสังหาฯ ระบุรายกลาง-เล็ก ขอสินเชื่อยาก เน้นเจรจาแบงก์รายโปรเจกต์ พร้อมเปิดทางพันธมิตร “ร่วมทุน”ลดความเสี่ยงเปิดโครงการใหม่ เสริมแกร่งธุรกิจ
ปัจจุบันการระดมทุนของผู้ประกอบการภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อพัฒนาโครงการ แหล่งเงินทุนหลักของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ และนอกตลาดฯ ยังคงเป็นการขอสินเชื่อผ่านธนาคาร รวมทั้งนิยมออกหุ้นกู้ ซึ่งปัญหาการผิดนัดชำระหุ้นกู้ในช่วงที่ผ่านมา และปัจจัยลบต่างๆในตลาดฯ ทำให้หุ้นกู้ค่อนข้างขายยาก ซึ่งอีกช่องทางสำคัญที่ได้รับความนิยม คือ การหาผู้ร่วมทุน ทั้งในและต่างประเทศร่วมพัฒนาโครงการ
นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บมจ.ศุภาลัย ระบุ ภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ทำให้การขอสินเชื่อเพื่อพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ยากขึ้น โดยดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่มีโอกาสในการขอสินเชื่อได้มากกว่ารายกลางและเล็ก ขณะที่การออกหุ้นกู้ก็ลำบากเช่นกัน ทำให้ซัพพลายใหม่ที่เข้ามาในตลาดปีนี้ไม่มากเหมือนก่อน
“การหาเงินทุนจากต่างชาติมาพัฒนาโครงการเป็นเรื่องยาก เพราะดอกเบี้ยไม่ได้ถูก ไม่คุ้มที่จะกู้เพื่อมาพัฒนาโครงการ หนทางเดียวคือการทำสินเชื่อโครงการ หรือ Project Financing ดีกว่า”
ในส่วนของศุภาลัยไม่มีปัญหาด้านการขอสินเชื่อ ซึ่งปีนี้มีการโอนเพิ่มขึ้นและภาระหนี้ต่ำอยู่แล้ว ธนาคารยังคงปล่อยสินเชื่อโครงการใหม่ แต่ในภาพรวมต้องยอมรับว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและอสังหาฯ ยังเป็น K-Shaped สะท้อนว่าตลาดยังไปได้ในส่วนของ “เค” ขาบน ส่วน “เค” ขาล่าง ค่อยๆ ฟื้นตัว ไม่ใช่ว่าดีหรือไม่ดีทั้งตลาด
เสนาฯดึงต่างชาติร่วมทุนลุยโครงการ
นางสาวเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ ระบุ ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เสนาฯ ได้ปรับตัวรับมือภาวะโลกผันผวนในทุกมิติ หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญคือการร่วมทุนกับพาร์ตเนอร์ในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโต โดยการเพิ่มสัดส่วนการร่วมทุนในโครงการใหม่ ทั้งคอนโดมิเนียม บ้านแนวราบ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 80-90% จึงสามารถพัฒนาโครงการได้ในจำนวนมากขึ้นแต่ใช้เงินลงทุนลดลง
สำหรับพันธมิตรหลัก คือ ฮัน คิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ป (HHP) ในการร่วมลงทุนในโครงการใหม่ๆ ทำให้เสนาฯ มีมูลค่า Asset ในปัจจุบันสูงถึง 51,239 ล้านบาท หรือเติบโต 43%”กลยุทธ์นี้เป็นการมองระยะยาว เพื่อกระจายความเสี่ยง และลดการลงทุน ซึ่งปีนี้ผู้ประกอบการอสังหาฯ ยังคงเผชิญความท้าทายจากปัจจัยลบที่รุมเร้าทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ จึงต้องระวังกระแสเงินสดให้ดี เพราะการขอสินเชื่อในรูปแบบ Project Lone ยากขึ้น เพราะธนาคารกังวลหนี้เสีย ขณะที่ตลาดหุ้นกู้ขาดความเชื่อมั่นจากนักลงทุน”
รายย่อยเข้าถึงสินเชื่อยาก
นายวัฒนพล ผลชีวิน นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ชลบุรี ระบุ ปัจจุบันการขอสินเชื่อมาพัฒนาโครงการยากขึ้น โดยเฉพาะบริษัทที่ไม่ได้อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพราะแหล่งที่มาของเงินทุนมาจากธนาคารเป็นหลัก ขึ้นอยู่กับว่าบริษัทใดมีผลประกอบการดีหรือไม่ดี และต้องยอมรับว่าผู้ประกอบการรายย่อยเข้าถึงสินเชื่อยาก ทำให้เสียเปรียบรายใหญ่ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งมีหลายช่องทางในการระดมทุน เช่น ออกหุ้นกู้ แต่แนวทางที่บริษัทนอกตลาดนิยมคือการร่วมทุน เพื่อหาผู้ร่วมทุนที่มีความแข็งแรงทางการเงินทั้งไทยและต่างชาติเข้ามาช่วยเหลือ ถือเป็นวิธีการเอาตัวรอดในช่วงเศรษฐกิจไม่ดี
ดึงต่างชาติร่วมทุนลดความเสี่ยง
นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ระบุ สถานการณ์ตลาดอสังหาฯปีนี้ถือเป็นปีปราบเซียน ผู้ประกอบการต้องระมัดระวังกระแสเงินสดเพื่อลดความเสี่ยงต่างๆ ขณะที่การพัฒนาโครงการเน้นร่วมทุนเพื่อลดความเสี่ยง ปัจจุบันกลุ่มบริษัทได้ร่วมทุนกับบริษัทจากญี่ปุ่น 3 ราย คิดเป็นมูลค่าโครงการรวม 28,120 ล้านบาท โดยมีรายได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ปีนี้ตั้งเป้ารายได้จากโครงการร่วมทุนเติบโต 24%
นายพงศ์ศักดิ์ สวาทยานนท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เพลินพัฒน์ แอสเสท จำกัด ผู้ประกอบการขนาดกลาง ระบุ การระดมทุนพัฒนาโครงการโดยหลักมาจากธนาคาร ซึ่งไม่กังวลเพราะบริษัทมีเครดิตดีมาตลอด รวมทั้งมีพันธมิตรที่ดี และมีญาติพี่น้องที่สามารถสนับสนุนได้ หากโปรเจกต์ไม่ใหญ่มากสามารถหยิบยืมได้แต่ต้องให้ดอกเบี้ยดี
“ในสายตาคนภายนอกอาจคิดว่ารายเล็กอยู่ยาก เพราะรายใหญ่เข้ามาชิงส่วนแบ่งตลาด แต่จากประสบการณ์หากสินค้ามีคุณภาพ ราคาคุ้มค่า สามารถแข่งขันกับรายใหญ่ได้ ไม่ได้ใช้กลยุทธ์ราคาขายถูกกว่ามาสู้กับรายใหญ่ แต่ต้องมีแบบบ้าน ฟังก์ชันการใช้งานตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า”
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ส่อง 10 อันดับ บริษัทอสังหาฯ เปิดตัวโครงการใหม่ ปี 67 ‘เอพี’ นำโด่ง 48 โครงการ
ส่อง 10 อันดับ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ ที่เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ ปี 2567 โดยปีนี้ “เอพี (ไทยแลนด์)” ขึ้นแท่นเป็นอันดับหนึ่ง ด้วยจำนวน 48 โครงการ คิดเป็นมูลค่ากว่า 58,000 ล้านบาท ตามมาด้วย “แสนสิริ” ที่เตรียมเปิดตัวอีก 46 โครงการ พร้อมเช็กทั้ง 10 อันดับได้ที่นี่
10 อันดับ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ ที่เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ ปีนี้ 2567 “เอพี (ไทยแลนด์)” รุกหนักทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ 48 โครงการ โดยแบ่งเป็นบ้าน 42 โครงการ คอนโดมิเนียม 6 โครงการ มูลค่ารวม 58,000 ล้านบาท มีแผนลุยตลาดในจังหวัดใหม่ ๆ อย่าง สงขลา สุพรรณบุรี และระยอง
ขณะที่ “แสนสิริ” วางแผนลุยหนักทั้งตลาดบ้านและคอนโด โดยปีนี้เตรียมเปิดตัวคอนโดมิเนียมถึง 20 โครงการ เน้นขยายฐานลูกค้าในกลุ่มต่างชาติ และพื้นที่ต่างจังหวัดมากขึ้น พร้อมทั้งโครงการบ้านอีก 26 โครงการ มูลค่ารวม 61,000 ล้านบาท
10 อันดับ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ ที่เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ ปี 2567
อันดับ 1 : AP Thailand บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) 48 โครงการ แบ่งเป็นบ้าน 42 โครงการ คอนโดมิเนียม 6 โครงการ มูลค่ารวม 58,000 ล้านบาท
อันดับ 2 : Sansiri บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) 46 โครงการ แบ่งเป็นบ้าน 26 โครงการ คอนโดมิเนียม 20 โครงการ มูลค่ารวม 61,000 ล้านบาท
อันดับ 3 : Supalai บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) 42 โครงการ แบ่งเป็นบ้าน 38 โครงการ คอนโดมิเนียม 4 โครงการ มูลค่ารวม 50,000 ล้านบาท
อันดับ 4 : Origin บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) 37 โครงการ แบ่งเป็นบ้าน 20 โครงการ คอนโดมิเนียม 15 โครงการ มูลค่ารวม 37,000 ล้านบาท
อันดับ 5 : SC Asset บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) 17 โครงการ แบ่งเป็นบ้าน 15 โครงการ คอนโดมิเนียม 2 โครงการ มูลค่า 30,000 ล้านบาท
อันดับ 6 : SENA บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) 17 โครงการ แบ่งเป็นบ้าน 5 โครงการ คอนโดมิเนียม 12 โครงการ มูลค่ารวม 28,000 ล้านบาท
อันดับ 7 : Asset Wise บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) 12 โครงการ แบ่งเป็นบ้าน 3 โครงการ คอนโดมิเนียม 9 โครงการ มูลค่ารวม 25,920 ล้านบาท
อันดับ 8 : Ananda บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด(มหาชน) 7 โครงการ แบ่งเป็นบ้าน 5 โครงการ คอนโดมิเนียม 2 โครงการ มูลค่ารวม 18,608 ล้านบาท
อันดับ 9 : Noble บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) 7 โครงการ แบ่งเป็นบ้าน 3 โครงการ คอนโดมิเนียม 4 โครงการ มูลค่ารวม 14,310 ล้านบาท
อันดับ 10 : Lumpini บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) 6 โครงการ แบ่งเป็นบ้าน 5 โครงการ คอนโดมิเนียม 1 โครงการ มูลค่ารวม 6,520 ล้านบาท
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 1เม.ย. “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย”ที่ระดับ 36.37 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทยังมีโอกาสอ่อนค่าจากปัจจัยหนุนเพิ่มเติม หากเงินหยวนชะลอการอ่อนค่าและแข็งค่าขึ้นได้ ส่วนเงินดอลลาร์อาจแข็งค่าต่อ หากตลาดพลิกกลับมาปิดรับความเสี่ยง
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 1เม.ย.2567ที่ระดับ 36.37 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย” จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ 36.39 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่า ตั้งแต่ช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา เงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ sideways (แกว่งตัวในกรอบ 36.30-35.45 บาทต่อดอลลาร์) เนื่องจากในช่วงวันศุกร์ เป็นวันหยุด Good Friday ทั้งในฝั่งตลาดการเงินสหรัฐฯและยุโรป แม้ว่าจะมีรายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ ก็ตาม
อย่างไรก็ดี รายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ ที่ออกมาตามคาด ก็พอช่วยลดความกังวลของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดได้บ้าง ทำให้เงินดอลลาร์ชะลอการแข็งค่าขึ้น นอกจากนี้ รายงานข้อมูลดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการของจีนล่าสุด ที่ออกมาดีกว่าคาด ก็ช่วยให้เงินหยวนจีนแข็งค่าขึ้นบ้าง และ
มีส่วนชะลอการอ่อนค่าของบรรดาสกุลเงินฝั่งเอเชีย นอกเหนือจากปัจจัยดังกล่าว เงินบาทยังได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นทำ All-time High ของราคาทองคำ ทำให้ผู้เล่นในตลาดอาจทยอยขายทำกำไรทองคำเพิ่มเติมในช่วงนี้ได้
สัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้เล่นในตลาดยังคงกังวลว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยน้อยกว่าคาด/ชะลอการลดดอกเบี้ย ตามแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังขยายตัวได้ดี อีกทั้งเจ้าหน้าที่เฟดก็ย้ำจุดยืนไม่รีบลดดอกเบี้ย
ในสัปดาห์นี้ เรามองว่าควรรอลุ้นรายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ และถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด ส่วนในฝั่งไทย ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI
มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก
▪ ฝั่งสหรัฐฯ – ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ทั้งยอดตำแหน่งงานเปิดรับ (Job Openings) ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) อัตราการว่างงาน (Unemployment) และอัตราการเติบโตของค่าจ้าง (Average Hourly Earnings) โดยหากข้อมูลดังกล่าว ยังคงสะท้อนภาพตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่ง เช่น จ้างงานราว 2.5 แสนราย สูงกว่าที่ตลาดมองไว้ที่ 2 แสนราย หรือ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆ
เช่น ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการบริการ (ISM Manufacturing & Services PMIs) เดือนมีนาคม ออกมาดีกว่าคาดชัดเจน สะท้อนภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังแข็งแกร่ง ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดยิ่งกังวลว่า เฟดอาจชะลอการลดดอกเบี้ย จนทำให้ เฟดอาจลดดอกเบี้ยน้อยกว่า 3 ครั้งในปีนี้ ส่งผลให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องได้
นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินของเฟด ซึ่งต้องจับตาว่า โทนการสื่อสารของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดโดยรวมมีทิศทางอย่างไร โดยเฉพาะการสื่อสารมีความ Hawkish มากขึ้นหรือไม่ ซึ่งการสื่อสารดังกล่าว อาจมีข้อความประมาณว่า เฟดย้ำจุดยืนไม่รีบลดดอกเบี้ย หรือ ลดดอกเบี้ยไม่ถึง 3 ครั้ง เพราะเศรษฐกิจยังคงขยายตัวได้ดี อัตราเงินเฟ้อชะลอลงช้า เป็นต้น
▪ ฝั่งยุโรป – ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ผ่านรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ในเดือนมีนาคม และดัชนีราคาผู้ผลิต PPI ในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งหากรายงานข้อมูลดังกล่าว สะท้อนถึงแนวโน้มการชะลอตัวลงมากขึ้นของราคาสินค้าและบริการ ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดมั่นใจมากขึ้นว่า ECB จะทยอยลดดอกเบี้ยได้ในการประชุมเดือนมิถุนายน แต่หากอัตราเงินเฟ้อชะลอลงมากกว่าคาด
รวมถึงรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ อย่าง ยอดค้าปลีก (Retail Sales) ออกมาแย่กว่าคาด ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดเริ่มมองว่า ECB อาจลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพฤษภาคมได้ ซึ่งเร็วกว่าเฟด ส่งผลให้เงินยูโร (EUR) อาจอ่อนค่าลงได้ ในกรณีดังกล่าว
▪ ฝั่งเอเชีย – ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจจีนผ่านรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการบริการ โดย Caixin (Manufacturing & Services PMIs) เดือนมีนาคม ที่จะสะท้อนภาพธุรกิจขนาดเล็ก-ขนาดกลางเป็นหลัก โดยหากดัชนี PMI ออกมาสูงกว่าระดับ 50 จุด ตามที่นักวิเคราะห์ประเมิน จะเป็นสัญญาณที่ดีว่า เศรษฐกิจจีนมีการฟื้นตัวที่ดีขึ้นในหลายภาคส่วน หลังดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ
โดยทางการจีน ที่เน้นภาคธุรกิจขนาดใหญ่ ก็ออกมาดีกว่าคาดและสะท้อนการขยายตัวต่อเนื่องของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคการผลิตและภาคการบริการ ทำให้ผู้เล่นในตลาดมีความหวังต่อแนวโน้มเศรษฐกิจจีนมากขึ้น ซึ่งอาจช่วยให้เงินหยวนจีน (CNY) ทยอยแข็งค่าขึ้นได้
ในส่วนนโยบายการเงิน ตลาดยังคงมองว่า ธนาคารกลางอินเดีย (RBI) อาจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 6.50% จนกว่าจะเห็นการชะลอตัวลงที่ชัดเจนของอัตราเงินเฟ้อ และค่าเงินรูปีไม่ได้เผชิญแรงกดดันอ่อนค่ามากนัก (ซึ่งอาจต้องหลังเฟดเริ่มลดดอกเบี้ย)
▪ ฝั่งไทย – นักวิเคราะห์ต่างประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อ CPI ของไทยในเดือนมีนาคม อาจเร่งขึ้นสู่ระดับ -0.40% ตามการปรับตัวขึ้นของราคาพลังงาน และการฟื้นตัวต่อเนื่องของการบริโภคในประเทศ ซึ่งหากอัตราเงินเฟ้อไทยปรับตัวขึ้นได้จริงตามคาดและมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดเริ่มมองว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยยังไม่รีบลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนเมษายนนี้
สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า เงินบาทยังมีโอกาสอ่อนค่าทดสอบโซนแนวต้าน 36.50 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งต้องจับตามุมมองผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดที่ส่งผลต่อทิศทางเงินดอลลาร์ บอนด์ยีลด์สหรัฐฯ และราคาทองคำ
ล่าสุดราคาทองคำปรับตัวขึ้นทำ All-time High จึงเสี่ยงที่จะเผชิญการปรับฐาน หากไร้ปัจจัยหนุนเพิ่มเติม ทั้งนี้ หากเงินหยวนจีน (CNY) ชะลอการอ่อนค่าและแข็งค่าขึ้นได้ หลังรายงานดัชนี PMI ล่าสุดที่ดีกว่าคาดมาก ก็อาจช่วยหนุนเงินบาทได้
ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า เงินดอลลาร์อาจชะลอการแข็งค่าบ้าง หลังอัตราเงินเฟ้อ PCE ออกมาตามคาด แต่เงินดอลลาร์อาจแข็งค่าขึ้นต่อได้ หากตลาดพลิกกลับมาปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) หรือรายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ อย่าง ยอดการจ้างงานฯ (Nonfarm Payrolls) ออกมาดีกว่าคาด
เราคงคำแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรเลือกใช้เครื่องมือในการปิดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น ท่ามกลางความผันผวนของเงินบาท รวมถึงสกุลเงินอื่นๆ ที่สูงขึ้นกว่าช่วงอดีตที่ผ่านมาพอสมควร โดยผู้เล่นในตลาดอาจเลือกใช้เครื่องมือเพิ่มเติม อาทิ Options หรือ Local Currency ควบคู่ไปกับการปิดความเสี่ยงผ่านการทำสัญญา Forward
มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 36.00-36.60 บาท/ดอลลาร์
ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.25-36.45 บาท/ดอลลาร์
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 36.35-36.37 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.27 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาที่ 36.39 บาทต่อดอลลาร์ฯ
โดยเงินบาทแกว่งตัวเป็นกรอบเช่นเดียวกับสกุลเงินเอเชียอื่นๆ เพราะแม้จะมีแรงหนุนจากราคาทองคำในตลาดโลกที่ยังคงพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่เงินดอลลาร์ฯ ก็ยังคงมีแรงประคองกลับจากการคาดการณ์ว่า เฟดอาจจะยังไม่รีบลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในรอบการประชุมใกล้ๆ นี้ เช่นกัน
ทั้งนี้ ประธานเฟดยังคงย้ำสัญญาณว่า เฟดต้องการมั่นใจว่าอัตราเงินเฟ้อจะกลับเข้าสู่ระดับเป้าหมายที่ 2% ก่อนที่จะปรับแนวทางการดำเนินนโยบายการเงินมาเป็นในเชิงผ่อนคลายหรือพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 36.25-36.45 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สัญญาณเงินทุนต่างชาติ และทิศทางของค่าเงินเอเชีย ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI/ISM ภาคการผลิตเดือนมี.ค. และตัวเลขรายจ่ายด้านการก่อสร้างเดือนก.พ.
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
เทคนิคเริ่มต้นเรียนภาษาอังกฤษสำหรับคนที่ไม่มีพื้นฐาน
กำหนดเป้าหมายในการเรียนให้ชัดเจน
ก่อนจะเริ่มต้นเรียน คุณควรกำหนดวัตถุประสงค์ หรือเป้าหมายในการเรียนกับตัวเองให้ชัดเจน เป้าหมายที่ชัดเจนจะทำให้คุณมีความมุ่งมั่น และมีแรงใจที่แข็งแรงต่อความท้าทายต่างๆในการเรียนภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะสำหรับคนที่ไม่มีพื้นฐานมักจะท้อเอาได้ง่ายๆ แต่จงจำไว้ทุกอย่างย่อมมีครั้งแรกเสมอ
เรียนรู้ภาษาอังกฤษจากงานอดิเรกและสิ่งรอบตัว
เริ่มฝึก และเรียนรู้ภาษาอังกฤษจากกิจกรรมที่ตนเองชอบทำ เช่น การเล่นเกมพร้อมทำความเข้าใจเนื้อเรื่องภาษาอังกฤษ การฟังเพลงสากล การอ่าน Blog หรือนิตยสารภาษาอังกฤษ การดูหนังหรือซีรี่ในรูปแบบซัพไตเติ้ล เป็นต้น การเรียนรู้ภาษาอังกฤษจากกิจกรรมเหล่านี้จะช่วยให้คุณมีคลังคำศัพท์ที่มากขึ้นสำหรับการไปต่อยอดในเรื่องอื่นๆได้เป็นอย่างดี และมีความความเพลินเพลินทำให้คุณไม่รู้สึกเบื่อไปซะก่อน
ใช้แหล่งเรียนรู้ออนไลน์เป็นตัวช่วย
ปัจจุบันมีแหล่งเรียนรู้ภาษาอังกฤษออนไลน์มากมาย เช่น คอร์สเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ แอปภาษาอังกฤษ คลิปเทคนิคต่างๆบน Social ที่จะช่วยให้คุณสามารถเข้าดูบทเรียนและการฝึกทักษะได้อย่างสะดวกสุดๆ
อย่ากลัวที่จะใช้ภาษาอังกฤษ
กล้าที่จะใช้ภาษาอังกฤษที่คุณเรียนในการพูดและเขียน อย่ากลัวว่าคุณจะใช้คำศัพท์ผิด หรือใช้ไวยกรณ์ไม่ถูกต้อง ความผิดพลาดถือว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับการเรียนภาษา ดังนั้นจุดที่ผิดพลาดจะทำให้เราจำจุดนั้นได้เป็นอย่างดีเพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไขในอนาคต การพูด และการเขียนภาษาอังกฤษบ่อยๆ เป็นหนึ่งส่วนสำคัญที่จะช่วยให้คุณเก่งได้ไวยิ่งขึ้น
หมั่นฝึกฝน และใช้งานภาษาอังกฤษให้บ่อย
พยายามใช้งานภาษาอังกฤษในสถานการณ์จริงจากชีวิตประจำวัน เช่น การสื่อสารพูดคุยกับชาวต่างชาติ การสั่งอาหารในร้าน รวมไปถึงการทำแบบทดสอบภาษาอังกฤษต่างๆ เพื่อทบทวนบทเรียนอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณมีความแม่นยำในการใช้ภาษาอังกฤษยิ่งขึ้น
ภาษาอังกฤษเป็นเรื่องง่ายๆ คนไม่มีพื้นฐานก็เรียนได้กับ Wall Street English
ขอบคุณข้อมูลจาก wallstreetenglish.in.th
“เมย์ รัชนก” ตบรุ่นน้องขาดลอยซิวแชมป์แบดมินตันสเปน มาสเตอร์ส
“เมย์” รัชนก อินทนนท์ หญิงเดี่ยวมือ 14 ของโลก โชว์ฟอร์มอย่างง่ายดาย ไล่ต้อนรุ่นน้องอย่าง “เม” ศุภนิดา เกตุทอง มือ 18 ของโลกไปแบบง่ายดาย 2-0 เกม คว้าแชมป์แบดมินตันมาดริด สเปน มาสเตอร์ส 2024
การแข่งขันแบดมินตันรายการมาดริด สเปน มาสเตอร์ส 2024 ทัวร์นาเมนต์ระดับเวิลด์ทัวร์ 300 ชิงเงินรางวัลรวม 210,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 7,560,000 บาท ที่กรุงมาดริด ประเทศสเปน เมื่อวันอาทิตย์ที่ 31 มี.ค.67 ที่ผ่านมา เป็นการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ
ไฮไลท์อยู่ที่ ประเภทหญิงเดี่ยว รอบชิงชนะเลิศ เป็นการพบกันระหว่างของ 2 นักแบดมินตันไทยอย่าง “เมย์” รัชนก อินทนนท์ มือวางอันดับ 4 ของรายการ มืออันดับ 14 ของโลก พบกับ “เม” ศุภนิดา เกตุทอง มือวางอันดับ 6 ของรายการ มืออันดับ 17 ของโลก สถิติการพบกันมา 5 ครั้ง เป็น “เมย์” รัชนกทำได้ดีกว่าเอาชนะไปได้ทั้งหมด
เกมแรก ช่วงต้นทั้วสองฝั่งเปิดเกมแรกกันสนุกเสมอกัน 5-5 แล้วเมย์ รัชนก ใช้จังหวะฟาดตบตรงได้แม่นยำกว่านำ 11-9 จากนั้น เมย์ รัชนกทำได้ดีกว่า โดยอาศัยจังหวะเก๋าของตัวเองนำ 18-11 แล้ว เมย์ รัชนก ปิดเกมไปอย่างง่ายดายที่ 21-12
เกมสอง เมย์ รัชนก ยังเป็นฝ่ายคุมเกมบุกได้น้ำได้เนื้อกว่าและทำแต้มได้ตลอดนำ 11-6 จากนั้น เม ศุภนิดา พยายามเปลี่ยนจังหวะแต่ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นแต้มได้ทำให้เมย์ รัชนก นำห่าง 17-7 แล้วเมย์ รัชนก ปิดแมตช์ไปอย่างง่ายดายที่ 21-9 ทำให้เอาชนะไปได้ 2 เกมรวด
“เมย์” รัชนก อินทนนท์ คว้าแชมป์แบดมินตัน มาดริด สเปน มาสเตอร์สไปครองได้สำเร็จ และเป็นการคว้าแชมป์แรกของปี 2024 โดยแชมป์ล่าสุดก็คือ มาเลเซีย โอเพ่น เมื่อปี 2022 พร้อมรับเงินรางวัล 15,750 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 567,000 บาท ส่วน “เม” ศุภนิดา เกตุทอง ก็คว้ารองแชมป์เป็นรายการที่สองของปีนี้ ต่อจากรายการ ปรินเซส สิริวัณณวรี ไทยแลนด์ มาสเตอร์ส เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พร้อม รับเงินรางวัล 7,980 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 287,280 บาท
หลังจากจบการแข่งขันรายการนี้จะพักกัน 1 สัปดาห์ก่อนที่จะมีโปรแกรมการแข่งขันในศึกแบดมินตัน เอเชีย แชมเปี้ยนชิพ หรือ ศึกชิงแชมป์เอเชีย 2024 ชิงเงินรางวัลรวม 450,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 16,200,000 บาท ที่เมืองหนิงโบ สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งจะเป็นรายการสุดท้ายที่จะเก็บคะแนนไปโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้
ซึ่ง เม ศุภนิดา ยังมีลุ้นตั๋วไปโอลิมปิกเกมส์อีกครั้ง โดยจะต้องให้โนโซมิ โอกูฮาระ จากญี่ปุ่น ตกรอบแรกศึกชิงแชมป์เอเชีย 2024 ที่จะแข่งขันในวันที่ 8-14 เม.ย.67 นี้
คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการคณะกรรมการโอลิมปิกสากล , รองประธานสหพันธ์แบดมินตันโลก และนายกสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทย ในพระบรมชูปถัมถ์ กล่าวหลังจบการแข่งขันนี้ว่า ต้องขอแสดงความยินดี “เมย์” รัชนก อินทนนท์ ที่สามารถกลับมาคว้าแชมป์ได้อีกครั้งหลังในรอบ 2 ปี และ เป็นการสร้างความมั่นใจและเป็นขวัญกำลังใจให้เมย์ ก่อนที่จะถึงการแข่งขันรายการใหญ่ของปีอาทิ ศึกชิงแชมป์เอเชีย และ ศึกทีมหญิงชิงแชมป์โลกอย่างอูเบอร์ คัพ ไฟนอลส์ 2024″ ที่เมืองเฉินตู สาธารณรัฐประชาชนจีน ที่สำคัญที่สุดก็คือศึกโอลิมปิกเกมส์ 2024 เชื่อว่า เมย์ รัชนก ยังคงเป็นความหวังของแฟนแบดมินตันไทยกับโอลิมปิกเกมส์ สมัยที่ 4 ต่อจากปี 2012 ,2016 และ 2020
ด้าน “เม” ศุภนิดา เกตุทอง ก็ขอเป็นกำลังใจให้พัฒนาฝีมือให้ดีมากขึ้น ที่สำคัญที่สุด ยังมีโอกาส ที่คว้าตั๋วโอลิมปิกใบที่ 2 ของหญิงเดี่ยวไทย ซึ่งจะรู้ผลอย่างเป็นทางการการหลังจบศึกชิงแชมป์เอเชีย ระหว่างวันที่ 8-14 เม.ย.67 นี้ ฝากแฟนๆช่วยเป็นกำลังใจให้กับทัพนักแบดมินตันไทยด้วย
ซึ่งหลังจากจบการแข่งขันรายการนี้จะพักกัน 1 สัปดาห์ก่อนที่จะมีโปรแกรมการแข่งขันในศึกแบดมินตัน เอเชีย แชมเปี้ยนชิพ หรือ ศึกชิงแชมป์เอเชีย 2024 ชิงเงินรางวัลรวม 450,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 16,200,000 บาท ที่เมืองหนิงโบ สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 8-14 เม.ย.67 นี้ ซึ่งจะเป็นรายการสุดท้ายที่จะเก็บคะแนนไปโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้
ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th
เออาร์วี เปิดพลัง “AI-หุ่นยนต์” ยกระดับเศรษฐกิจชายฝั่ง
เออาร์วี เปิด“พลัง AI และหุ่นยนต์” กับบทบาทเศรษฐกิจชายฝั่ง พร้อมอวด 3 นวัตกรรมสุดล้ำ “Spotlight on New Technology Award” จากเวทีงาน OTC Asia 2024 เฉิดฉายเทคฯ ของคนไทยที่พร้อมเปิดประสบการณ์ให้กับคนทั่วโลก
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา AI เติบโตและแพร่หลายเป็นอย่างมาก ซึ่งได้แทรกซึมอยู่ในชีวิตดิจิทัลของมนุษย์แทบทุกเรื่อง โดยทำหน้าที่เป็นสมองอันชาญฉลาด เช่น การสั่งงานด้วยเสียงของโทรศัพท์มือถือ การจดจำใบหน้าผู้เป็นเจ้าของโทรศัพท์ แม้กระทั่งหุ่นยนต์ทำความสะอาดบ้าน ตู้เย็น ทีวี ต่างก็เริ่มมีปัญญาประดิษฐ์มาเป็นหนึ่งในองค์ประกอบแล้วทั้งนั้น
ไม่เพียงแต่ Gadget ในชีวิตประจำวัน แต่ AI ยังมีบทบาทต่อเศรษฐกิจที่หลาย ๆ ประเทศเร่งพยายามผลักดันโมเดล “เศรษฐกิจ AI” และกำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ นำมาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในหลาย ๆ มิติ ซึ่งในวันนี้ AI ได้เข้ามามีบทบาทแล้วในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐานใต้ทะเล ต่อเนื่องไปถึงการทำงานแทนมนุษย์ที่แต่เดิมอาจมีความเสี่ยงหรือเผชิญอันตราย และทำให้วิกฤตที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วนคลี่คลายได้อย่างรวดเร็ว
AI กับบริบทการพัฒนาอุตสาหกรรมชายฝั่ง
หากพูดถึงแนวโน้มและความจำเป็นต่อการนำ AI มาใช้กับการปฏิบัติงานชายฝั่งทะเล และนอกชายฝั่งทะเลในประเทศไทยก็มีความน่าสนใจไม่น้อย โดยบริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด หรือ เออาร์วี (ARV) ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และหุ่นยนต์ และพัฒนาโซลูชัน AI เพื่อใช้พัฒนาบริบทเศรษฐกิจและสังคมในไทยได้ให้ข้อมูลว่า AI มีความจำเป็นต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมทางทะเลในมิติดังนี้
• การสำรวจและซ่อมแซมความผิดปกติโครงสร้างพื้นฐานใต้ทะเล เช่น ท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ที่ปัจจุบันไทยก็เป็นประเทศที่มีผลประโยชน์ทางทะเลในหลายด้าน ซึ่งทำให้ AI มีบทบาทอย่างมากต่อการเข้าไปสำรวจ ตรวจสอบ รายงานความผิดปกติให้กับหน่วยงานได้รับทราบ และทำการซ่อมบำรุงแทนมนุษย์
• AI สำหรับป้องกันการถูกทำลาย ทั้งในมิติความเสี่ยงต่อการถูกทำลายโดยภัยธรรมชาติ จากการใช้ AI ที่มาจากการรวมข้อมูลดาวเทียม สถานีตรวจอากาศ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการรู้สถานการณ์ล่วงหน้า และช่วยให้สามารถออกแบบกลไกการป้องกันหรือตอบสนองได้ทันท่วงที ทำให้จากเดิมที่เคยสูญทรัพย์สิน ทรัพยากรมนุษย์ มีแนวโน้มลดลงและสามารถนำโซลูชันที่ได้จากการดีไซน์ของ AI ไปใช้ได้ในอนาคต
• การสำรวจแหล่งทรัพยากร หรือแหล่งพลังงาน ที่ปัจจุบัน AI มีความแม่นยำอย่างมากในการนำข้อมูลจากภาพลักษณะภูมิประเทศ หรืออัตราความสมบูรณ์ของพื้นที่มาวิเคราะห์ได้ว่าพื้นที่ชายฝั่ง หรือพื้นที่ทางทะเลส่วนไหนที่ยังสามารถนำทรัพยากรมาใช้
โอกาส – การพัฒนา – การเป็นที่ยอมรับในเวทีโลก
เออาร์วี (ARV) ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และหุ่นยนต์ เป็นผู้ที่เล็งเห็นความสำคัญด้านเทคโนโลยีช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดยได้ใช้ความเชี่ยวชาญเรื่องเทคฯ ต่อยอดหลอมรวมกับระบบ AI หุ่นยนต์, Big Data และการสื่อสาร 5G ให้ประสานการทำงานร่วมกันอย่างครบวงจร อีกทั้งต่อยอดสร้างหุ่นยนต์อัตโนมัติเต็มรูปแบบที่สามารถปฏิวัติการดำเนินงานนอกชายฝั่งได้ และเกิดเป็นพลังแห่งนวัตกรรมที่เพิ่มขีดความสามารถที่ชาญฉลาดในการดำเนินงาน
โดยล่าสุดเออาร์วี ได้ตอกย้ำความสำเร็จด้านนวัตกรรมที่น่าทึ่งและพร้อมเผยความสำเร็จระดับโลกด้วยการนำ 3 กลุ่มสุดยอดนวัตกรรมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานนอกชายฝั่ง ได้แก่ หุ่นยนต์ปฏิบัติการบนแท่นขุดเจาะน้ำมันนอกชายฝั่ง หรือ “Wellhead Robot” เทคโนโลยีโดรนอัตโนมัติไร้คนขับ หรือ “Horrus” และหุ่นยนต์ใต้ทะเลอัจฉริยะ Subsea robotics ecosystem คว้ารางวัล “Spotlight on New Technology Award” สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นเลิศในการผสมผสานระหว่างปัญญาประดิษฐ์ (AI) และโรโบติกส์ ที่ล้ำสมัยที่สุดและมีศักยภาพในการผลักดันให้ภาคอุตสาหกรรมไทยพัฒนาไปสู่อนาคต ที่งาน OTC Asia 2024 งานประชุมสัมมนาระดับนานาชาตินัดสำคัญของอุตสาหกรรมสำรวจและผลิตปิโตรเลียมของเอเชีย
Wellhead Robot (Main Deck) หุ่นยนต์ปฏิบัติการบนแท่นขุดเจาะน้ำมันนอกชายฝั่งในอุตสาหกรรมน้ำมันและแก๊ส สามารถควบคุมและใช้งานหุ่นยนต์จากระยะไกล ให้ปฏิบัติงานในส่วนของการตรวจสอบ หรือการทำงานต่าง ๆ เช่น การหมุนวาล์ว โดยตัวหุ่นยนต์จะมีระบบเคลื่อนที่แบบอัตโนมัติ ระบบการควบคุมแขน ระบบปัญญาประดิษฐ์ และซอฟต์แวร์ โปรแกรมประยุกต์บนเว็บสำหรับใช้ควบคุมหุ่นยนต์ ที่ถูกออกแบบให้มีความทนทานสูงและใช้งานได้ในพื้นที่เสี่ยงอันตราย เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการปฏิบัติงานนอกชายฝั่ง
Horrus & Delivery Drone (Upper Deck) โดรนอัตโนมัติไร้คนขับ ออกแบบมาสำหรับภารกิจตรวจสอบทางอากาศและเฝ้าระวังทางอากาศยานไร้คนขับในพื้นที่ห่างไกลและเป็นอันตราย Horrus เป็นอากาศยานไร้คนขับหรือยูเอวี (Unmanned Aerial Vehicle: UAV) แบบอัตโนมัติพร้อมสถานีชาร์จด้วยตัวเอง อีกทั้งสามารถจัดเก็บข้อมูลและส่งข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ ผ่านโครงข่าย 5G
หุ่นยนต์ใต้ทะเลอัจฉริยะ ซึ่งประกอบด้วย 1. Xgateway เรือยนต์อัตโนมัติแบบไร้คนขับ (Autonomous Surface Vehicle) ใช้ในการสำรวจอุทกศาสตร์และการเฝ้าระวังมหาสมุทรผ่านการสื่อสารผ่านระบบดาวเทียม สามารถทำงานได้มากกว่า 40 ชั่วโมง
2. Xplorer ยานยนต์ตรวจสอบท่อใต้น้ำอัตโนมัติไร้สาย พร้อมด้วยเซนเซอร์ตรวจสอบท่อเพื่อประเมินความสึกกร่อนและความผิดปกติของท่อใต้น้ำ และสำรวจแผนที่ใต้น้ำ อีกทั้งสามารถตรวจสอบและเก็บข้อมูลเพื่อนำมาวิเคราะห์ ดำเนินงานได้รวดเร็วขึ้นร้อยละ 50 ตลอดจนการประเมินสภาพและทำแผนการบำรุงรักษาของอุปกรณ์ได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ
3. Nautilus หุ่นยนต์ซ่อมบำรุงท่อใต้น้ำ ด้วยเทคโนโลยี AI แบบครบวงจรตัวแรกของโลก พร้อมการปฏิบัติงานเร็วขึ้น 2 เท่า ในขณะที่ลดต้นทุนได้กว่าร้อยละ 30 – 50
เรียกว่าเป็นอีกก้าวสำคัญของประเทศไทยในการพัฒนา AI ให้ทวีความสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ รวมทั้งกิจกรรมทางชายฝั่งของไทยที่จะถูกยกระดับให้มีทั้งมูลค่า ความยั่งยืน และก้าวไปสู่ความล้ำใหม่ ๆ ที่เราจะได้เห็นเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
วิธีทำน้ำหมักพริกไทย สูตรสมุนไพรไล่แมลงเกลี้ยงทั้งสวน
จะว่าไปแล้วสูตรสมุนไพรสำหรับไล่แมลงนั้นมีหลากหลาย แต่จะทราบกันหรือไม่ว่า “พริกไทย” นั้นเป็นวัตถุดิบทำอาหารที่สามารถนำมาทำน้ำหมักเพื่อขับไล่ศัตรูพืชได้ด้วย โดยวิธีทำน้ำหมักพริกไทยนั้นนอกจากจะไล่แมลงต่างๆ แล้ว ยังเป็นสูตรน้ำหมักจากวัตถุดิบธรรมชาติ ปลอดสารเคมีซึ่งใช้ได้ผลกับพืชทุกชนิด เรามาดูวิธีทำน้ำหมักพริกไทย แล้วทดลองทำเพื่อนำไปใช้ในสวนที่บ้านกันดีกว่า
วิธีทำน้ำหมักพริกไทยไล่แมลง
วัตถุดิบ
- เมล็ดพริกไทยดำ หรือเมล็ดพริกไทยขาว 4 ช้อนโต๊ะ
- น้ำสะอาด 1 ลิตร
ขั้นตอนการทำ
- ตำพริกไทยดำและพริกไทยขาวให้ละเอียด (การตำจะช่วยให้สารที่ให้รสเผ็ด และสารให้กลิ่นฉุนในพริกไทยออกมาได้ดีขึ้น)
- จากนั้นนำพริกไทยที่ตำละเอียดดีแล้ว กรอกใส่ขวดที่บรรจุน้ำสะอาดไว้แล้วหมักทิ้งไว้ 1 คืน ก็สามารถนำไปใช้ได้เลย
นอกจากนี้ยังมีสูตรอื่นๆ อีกคือ
วัตถุดิบ
- เมล็ดพริกไทยดำ หรือเมล็ดพริกไทยขาว 4 ช้อนโต๊ะ
- น้ำสะอาด 500 มิลลิลิตร
- น้ำยาล้างจาน 1 ช้อนชา
- มะนาว 1 ผล
ขั้นตอนการทำ
- ตั้งหม้อบนเตา ใส่น้ำ 250 มิลลิลิตรลงไป จากนั้นนำพริกไทยที่ตำละเอียดดีแล้วใส่ตามลงไป ต้มน้ำให้เดือดจนได้กลิ่นพริกไทยที่ฉุนมากลอยออกมา แล้วน้ำกลายเป็นสีน้ำตาลเข้ม ทิ้งไว้ให้เย็น (การต้มให้เดือดนั้นจะช่วยสกัดน้ำมันหอมระเหยจากพริกไทยออกมาได้มากที่สุด โดยไม่ต้องหมักทิ้งไว้)
- เมื่อน้ำเย็นดีแล้วให้กรองเศษพริกไทยออก แล้วกรอกใส่ขวดพร้อมเติมน้ำตามลงไป 250 มิลลิลิตร (น้ำต้มพริกไทยมีปริมาณเท่าไร ให้ใส่น้ำสะอาดตามลงไปเท่านั้น ในอัตราส่วน น้ำพริกไทย 1 ส่วนต่อน้ำสะอาด 1 ส่วน)
- จากนั้นนำน้ำยาล้างจาน และน้ำมะนาวใส่ตามลงไป เขย่าให้ส่วนผสมเข้ากัน
- เมื่อส่วนผสมเข้ากันดีแล้ว สามารถนำไปใช้ได้เลย น้ำพริกไทยสูตรนี้ไม่ต้องหมักทิ้งไว้ เพราะลัดขั้นตอนด้วยการนำไปต้มแล้ว
วิธีนำไปใช้
ทั้ง 2 สูตรมีวิธีการใช้เหมือนกันคือ ไม่ต้องผสมน้ำใดๆ สามารถกรอกใส่ขวดแล้วฉีดพ่นได้เลยโดยสามารถฉีดพ่นในบริเวณที่มีเพลี้ย หรือมด แมลงต่างๆ ที่มากวนต้นพืช เช่นบริเวณที่พบแมลงศัตรูพืชบ่อยครั้งบริเวณยอด หรือบริเวณรากพืช
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 01/04/2567
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 38,900.00 | 39,000.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,520.00 | 38,203.20 | 39,500.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 2,268.00 | 34,382.88 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 2,016.00 | 30,562.56 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 1,134.00 | 17,191.44 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 882.00 | 13,371.12 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,611.00 | 39,582.76 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 01/04/2567
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 39.15 | 39.15 | 40.15 | 39.15 | 39.15 | 39.15 | 39.15 | 39.15 | 39.15 | 39.15 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 37.68 | 37.68 | 38.68 | 37.68 | 37.68 | 37.68 | 37.68 | 37.68 | 37.68 | 37.68 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 37.04 | 37.04 | 38.04 | 37.04 | 37.04 | – | 37.04 | 37.04 | 37.04 | 37.04 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 36.79 | 36.79 | – | – | – | – | – | – | – | 36.79 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 46.84 | 49.44 | 49.44 | 49.44 | – | – | – | – | – | 46.84 |
เบนซิน 95 | 47.04 | – | – | – | 48.21 | – | 47.54 | 47.19 | – | 47.04 |
ดีเซล B7 | 29.94 | 29.94 | 30.44 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล | 29.94 | 29.94 | – | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล B20 | 29.94 | 29.94 | – | – | 29.94 | – | – | – | – | 29.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 41.54 | 43.64 | 44.84 | 43.64 | 43.64 | – | – | – | – | 41.54 |
แก๊ส NGV | 19.59 | 19.59 | – | – | – | – | – | – | – | 19.59 |