ข้อกฎหมายและภาษีที่ควรรู้ ก่อนลงทุนคอนโดฯ ปล่อยเช่า
ผู้ให้เช่าบ้านหรือคอนโดมิเนียมนั้นต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามประโยชน์ที่ใช้งานจริง เช่น ให้เช่าบ้านหรือคอนโดฯ เพื่อพักอาศัย ในกรณีนี้ผู้ให้เช่าจะต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในอัตราที่อยู่อาศัย (อัตราภาษี 0.02%-0.1%)
การลงทุนในคอนโดมิเนียมเพื่อปล่อยเช่าถือเป็นรูปแบบการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบันที่สามารถสร้างโอกาสในการทำรายได้แบบ Passive Income ให้กับนักลงทุน แต่สิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลยนั่นก็คือข้อกฎหมายและการจัดการเรื่องภาษีที่เกี่ยวข้อง โดยทั่วไปผู้ให้เช่าสามารถกำหนดรายละเอียดเงื่อนไขระหว่างผู้ให้เช่าและผู้เช่าในสัญญาเช่าเองได้เพื่อให้แต่ละฝ่ายรู้สิทธิและหน้าที่ของตน เช่น กำหนดระยะเวลาเช่า/ค่าเช่าต่อเดือน/กำหนดเวลาชำระค่าเช่า, การห้ามต่อเติม, ห้ามนำคอนโดฯ ไปให้ผู้อื่นเช่าช่วง การต่ออายุการเช่า ฯลฯ เพื่อให้สัญญาเช่ามีผลบังคับระหว่างคู่สัญญา รวมทั้งสามารถใช้ฟ้องร้องตามกฎหมายในกรณีที่มีข้อพิพาทระหว่างกัน
สรุปข้อกฎหมายและภาษีที่ควรรู้ ก่อนปล่อยเช่าคอนโดฯ
1) การทำสัญญาเช่าและระยะเวลา ตามเงื่อนไขระยะเวลาดังนี้
- กรณีทำสัญญาเช่าไม่เกิน 3 ปี เช่น สัญญาเช่า 6 เดือนหรือ 1 ปี สัญญาจะต้องมีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรทำเป็นหนังสือสัญญาเช่าและมีการลงลายมือชื่อทั้งผู้ให้เช่าและผู้เช่า หากไม่มีการทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรจะไม่สามารถฟ้องร้องบังคับคดีกันได้
- กรณีทำสัญญาเช่าเกิน 3 ปีขึ้นไป นอกจากต้องมีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรทำเป็นหนังสือสัญญาเช่าและมีการลงลายมือชื่อทั้งผู้ให้เช่าและผู้เช่าแล้วนั้น จะต้องนำไปจดทะเบียนต่อเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน หากมิได้จดทะเบียนต่อเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน แม้จะมีหนังสือสัญญาเช่าก็ไม่สามารถฟ้องร้องบังคับคดีได้เกินกว่า 3 ปีแรก ระยะเวลาในการทำสัญญาเช่านั้นจะห้ามเกิน 30 ปี หากทำสัญญาเกินกว่านั้นก็จะบังคับใช้ได้เพียง 30 ปี
2) หากผู้เช่าเป็นชาวต่างชาติ ผู้ให้เช่ามีหน้าที่ต้องแจ้งที่พักอาศัยให้กับชาวต่างชาติ (แบบ ตม. 30)
ผู้ให้เช่ามีหน้าที่ต้องแจ้งที่พักอาศัยให้กับชาวต่างชาติภายใน 24 ชั่วโมงนับแต่เวลาที่ชาวต่างชาติเข้าพักอาศัยในคอนโดฯ ตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 หากไม่ทำการแจ้งจะมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท ซึ่งช่องทางในการแจ้งผู้ให้เช่าก็อาจจะแจ้งผ่านระบบออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์ www.immigration.go.th หรือจะนำเอกสารไปแจ้งด้วยตนเองหรือมอบอำนาจให้ผู้อื่นไปดำเนินการที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หรือแจ้งทางไปรษณีย์ลงทะเบียน ตามแต่ผู้ให้เช่าสะดวก
3) ภาษีที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยเช่าคอนโดฯ
สำหรับในมุมภาษีอากร รายได้จากการปล่อยเช่าถือเป็นเงินได้ที่ต้องนำมารวมคำนวณเพื่อยื่นภาษีด้วย กรณีเป็นบุคคลธรรมดาจะต้องนำรายได้ส่วนนี้นำมารวมคำนวณเพื่อยื่นแบบเพื่อเสียภาษีประจำปี (ภ.ง.ด.90) โดยค่าเช่าถือเป็นเงินได้พึงประเมินประเภทที่ 5 หรือเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(5) แห่งประมวลรัษฎากร สามารถเลือกหักค่าใช้จ่ายได้ 2 วิธี คือ เลือกหักในอัตราเหมาจ่าย 30% หรือหักค่าใช้จ่ายตามจริงได้
นอกจากนี้ ผู้ให้เช่าบ้านหรือคอนโดมิเนียมนั้นต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามประโยชน์ที่ใช้งานจริง เช่น ให้เช่าบ้านหรือคอนโดฯ เพื่อพักอาศัย ในกรณีนี้ผู้ให้เช่าจะต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในอัตราที่อยู่อาศัย (อัตราภาษี 0.02%-0.1%)
สำหรับสัญญาเช่า จะมีอากรแสตมป์ที่ผู้ให้เช่าต้องติดบนสัญญาเช่าจำนวนเท่ากับอัตราค่าเช่า 1,000 บาทต่ออากรแสตมป์ 1 บาท โดยต้องคำนวณจากค่าเช่าทั้งหมดในสัญญาเช่า เช่น ค่าเช่าเดือนละ 20,000 บาท สัญญาเช่ามีระยะเวลา 1 ปี ค่าเช่าทั้งหมดในสัญญาจะเป็น 240,000 บาท อากรแสตมป์ที่จะต้องติดบนสัญญาเช่าจะเท่ากับ 240 บาท
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ถอดสูตร ‘วุฒิพล ถาวรธวัช’ คว้าโรงเรียนวรรณวิทย์ปั้นโรงแรม เดอะ ควอเตอร์ นานา
วุฒิพล ถาวรธวัช ฉายา “เจ้าพ่อเช่าบริหารที่ดินและโรงแรม!” จากการแจ้งเกิดโรงแรม “เดอะ ควอเตอร์” และ อาคารสำนักงาน “ฮิลล์” สร้างการรับรู้ในกลุ่มคนไทยและต่างชาติจนมีลูกค้าประจำเข้ามาใช้บริการต่อเนื่อง
ท่ามกลางดีกรีการแข่งขันของสมรภูมิโรงแรมและอาคารสำนักงานที่รุนแรง วันนี้เขาพิสูจน์ฝีมือให้ทุกคนได้รับรู้ว่า แม้จะ “เล็ก” แต่ เจ๋ง! ด้วยแนวคิดที่สร้างความต่าง จนเป็น “จุดขาย” ที่ผลักดันให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างแข็งแรง
วุฒิพล ถาวรธวัช กรรมการผู้จัดการ บริษัท เออร์เบิน ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป จำกัด หรือ UHG ผู้บริหารอาคารสำนักงานแบรนด์ “ฮิลล์” พื้นที่ค้าปลีกและโรงแรม “เดอะ ควอเตอร์” เผยเคล็ดลับการดำเนินธุรกิจค้าปลีกให้ยืดหยัดอย่างแข็งแกร่ง แม้ต้องเผชิญกับภัยคุกคามรอบด้านว่า ต้องใส่ใจในรายละเอียดทุกมิติ ยิ่งในช่วงที่เกิดวิกฤติต้องปรับตัวให้ทันแบบเรียลไทม์ ใช้ศักยภาพช่องทางออนไลน์ในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าทั้งในและต่างประเทศได้อย่างรวดเร็ว ที่สำคัญต้องเข้าถึงความต้องการเชิงลึกของลูกค้าเพื่อพัฒนาสินค้าและบริการได้ตรงใจ
“จุดแข็งของเราคือการปรับตัวเร็ว มี Economies of Scale ทำให้สามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ดี โดยเฉพาะต้นทุนหลัก เงินเดือน ค่าเช่า ค่าไฟ”
ทั้งนี้ ช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ผลการดำเนินงานของยูเอชจีโดดเด่นจนทำให้เจ้าของที่ดินและโรงแรมหลายรายติดต่อมาให้ “เช่า” และ “บริหาร” เพราะเป็นโมเดลที่ตอบโจทย์ความต้องการของทายาทเจ้าของที่ดิน หรือ โรงแรมนั้นๆ สามารถมีรายได้ประจำ รักษาที่ดินและสินทรัพย์ของครอบครัวให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นได้ในอนาคต ยิ่งเมื่อภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง มีผลบังคับใช้ 100% ทำให้ทายาทเจ้าของที่ดินและโรงแรมต่างต้องการ “ผู้ช่วย” ที่เข้ามาดูแลสินทรัพย์มากขึ้น ถือเป็น “win-win situation”
ล่าสุด คว้าสิทธิการเช่าระยะยาว 30 ปี ที่ดิน 3 ไร่ โรงเรียนวรรณวิทย์ ซึ่งโรงเรียนเก่าแก่ใจกลางสุขุมวิทซอย8 โดยเริ่มขอการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment) หรือ EIA หลังจากเช็นสัญญาเช่าเมื่อปลายปี 2566 ที่ผ่านมา เพื่อพัฒนาเป็นโรงแรม “เดอะ ควอเตอร์ นานา” สูง 8 ชั้น มูลค่าประมาณ 800 ล้านบาท ซึ่งมีจำนวนห้องพักกว่า 300 ห้อง ราคาเฉลี่ย 2,500-3,000 บาท คาดว่าแล้วเสร็จ ในปี 2570 สามารถคืนทุนภายในระยะเวลา 6-7 ปี
“ถือเป็นทำเลทองรองรับกลุ่มลูกค้าทั้งคนไทยและต่างชาติที่เข้ามาทำงานในย่านนี้ เพราะทำเลใกล้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส นานา ซึ่งมีอาคารสำนักงานขนาดใหญ่หลายแห่ง อาทิ โอเนส ทาวเวอร์ (O-NES Tower) เจแอลเค ทาวเวอร์ (JLK Tower) อาคารทู แปซิฟิค เพลส เป็นต้น”
นอกจากนี้ ยังได้รับสิทธิจากทายาทรุ่น 2 ของโรงแรมกานต์มณี ย่านประดิพัทธ์ ดำเนินการรีโนเวท! โดยใช้งบประมาณ 200 ล้านบาท ปรับโฉมให้เป็นโรงแรม “เดอะ ควอเตอร์ สะพานควาย” จำนวน 208 ห้อง อัตราค่าห้องพัก 1,800-2,400 บาท รองรับลูกค้าทำเลลาดพร้าว จตุจักร อารีย์ ยาวไปถึงรัฐสภา เกียกกาย คาดเปิดบริการปลายปี 2567
“โครงสร้างของโรงแรมดีอยู่แล้ว เหมือนผู้หญิงสวยแค่มาทาปาก ทาสีตกแต่งเล็กน้อยก็สามารถเปิดให้บริการได้ เน้นโทนขาว เทา ดำ ตามคาแรกเตอร์ของแบรนด์ เดอะ ควอเตอร์ ประกอบกับตัวอาคารมีความเป็นวินเทจจึงดีไซน์แนวเรโทร ซึ่งทำเลดังกล่าวกำลังได้รับนิยม ส่วนหนึ่งมาจากสตรีทฟู้ดที่ขยายตัวจากทำเลอารีย์มายังสะพานควาย”
ปัจจุบัน โรงแรมเดอะ ควอเตอร์ ได้การตอบรับจากนักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทยอย่างต่อเนื่อง หลังได้รับผลกระทบอย่างหนักในช่วงวิกฤติโควิด-19 ขณะนี้สามารถปรับขึ้นราคาห้องพักได้สูงกว่าก่อนโควิดแล้ว 20% ทั้งย่าน ลาดพร้าว อารีย์ สีลม
สำหรับแนวทางการลงทุนหลักๆ ยังคงให้ความสำคัญกับทำเลกลางเมือง และติดรถไฟฟ้า เพื่อรองรับลูกค้าที่เข้ามาพักได้รับความสะดวกในการเดินทาง
วุฒิพล กล่าวต่อว่า จากประสบการณ์ในมุมมองผู้พัฒนาโรงแรม เชื่อว่าตลาดโรงแรมในกรุงเทพฯ ยังมีศักยภาพสูง! ด้วยสถานะเมืองหลวงติดอันดับหนึ่งเมืองที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกชื่นชอบมากที่สุด จากมาตรฐานบริการ อาหารอุดมสมบูรณ์ สามารถรองรับฐานลูกค้าที่มีความหลากหลายไม่ว่าเป็นการพักผ่อน การทำงาน ทำให้ตลาดโรงแรมในกรุงเทพฯ ยังคงได้รับความสนใจจากนักลงทุนไทยและต่างชาติ
อย่างไรก็ดี แนวคิดที่รัฐบาลจะขยายระยะเวลาเช่าที่ดินจาก 30 ปี เป็น 99 ปีนั้น วุฒิพล มองว่า น่าจะตอบโจทย์สำหรับโครงการขนาดใหญ่ หรือ เมกะโปรเจกต์ ในแง่การลงทุนที่คุ้มค่ามากขึ้น ไม่ต้องกังวลการต่อสัญญาหลังครบ 30 ปี ซึ่งมีผลต่อการตัดสินใจลงทุน โดยเฉพาะต่างชาติ เพราะหากเช่าได้ยาวขึ้นจะกล้าลงทุนมากขึ้น ยกตัวอย่าง หากลงทุนคาสิโน 30 ปี ไม่น่าจะคุ้มทุน เพราะต้องใช้เวลานาน และระหว่างทางมีความเสี่ยงที่ธุรกิจล้มลุกคลุกคลานพอสมควรกว่าจะลงตัว ซึ่งแนวทางเช่าระยะยาวทำให้นักลงทุนมีทางเลือกมากขึ้น
แต่ไม่มีผลต่อธุรกิจของยูเอชจีมากนัก เพราะสเกลการลงทุนไม่ใหญ่ และที่ผ่านมาได้ดีลกับลูกค้าเจ้าของที่ดิน สามารถยืดระยะเวลาการเช่าได้นานขึ้นถึง 50 ปี ในระดับราคาค่าเช่าที่ลูกค้าพอใจ ขึ้นอยู่กับการเจรจาและความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้เช่าและผู้ให้เช่า ระบุเป็นสัญญาชัดเจนถึงการให้เช่าต่อตามระยะเวลาที่ตกลงกันไว้ โดยไม่มีการเก็บค่าเช่าหน้าดินใหม่อีก
“ในฐานะผู้ประกอบการรายเล็กยอมรับว่ามีความกังวล หากขยายระยะเวลาในการเช่ายาวนานขึ้นจะทำให้มีคู่แข่งที่เป็นชาวต่างชาติ รวมทั้งคนไทยที่มีสายป่านยาวเข้ามาแข่งขันมากขึ้น”
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้1ส.ค. “แข็งค่า” ที่ระดับ 35.48 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้1ส.ค. “แข็งค่า” ที่ระดับ 35.48 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทอาจเริ่มชะลอการแข็งค่าลง หากตลาดรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม ไฮไลท์สำคัญวันนี้อยู่ที่ผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ ส่วนในฝั่งสหรัฐฯ ตลาดรอประเมินแนวโน้มตลาดแรงงานผ่านรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้1ส.ค.2567 ที่ระดับ 35.48 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 35.63 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทยเปิดเผยว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า โมเมนตัมการแข็งค่าของเงินบาทนั้นมีกำลังมากกว่าที่เราประเมินไว้มาก ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเป็นผลมาจากการทยอยปิดสถานะ Short THB (มองเงินบาทอ่อนค่า) หรือ Stop Loss ของผู้เล่นในตลาดบางส่วน หลังเงินบาทได้แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง
ตามการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ ที่เผชิญแรงกดดันจากการแข็งค่าขึ้นของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) หลังผลการประชุม BOJ มีความ Hawkish มากกว่าที่ตลาดประเมินไว้ (BOJ ขึ้นดอกเบี้ย และลดปริมาณการซื้อบอนด์ พร้อมส่งสัญญาณ อาจขึ้นดอกเบี้ยได้เพิ่มเติม)
นอกจากนี้ ผลการประชุมเฟดและถ้อยแถลงของประธานเฟดล่าสุด ก็ยังส่งสัญญาณว่า เฟดมีโอกาสที่จะเริ่มลดดอกเบี้ยได้ในการประชุมเดือนกันยายน ทำให้ เงินดอลลาร์ก็อ่อนค่าลงเพิ่มเติม
อย่างไรก็ดี เราประเมินว่า การอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ อาจเริ่มชะลอลงบ้าง หลังตลาดได้รับรู้และคาดหวัง แนวโน้มการลดดอกเบี้ยราว 3 ครั้งของเฟดในปีนี้ ไปมากแล้ว และหากการประชุม BOE ในวันนี้ มีการลดดอกเบี้ยจริงตามคาด
อีกทั้ง BOE ก็ส่งสัญญาณพร้อมทยอยลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม ก็อาจกดดันให้เงินปอนด์อังกฤษ (GBP) ผันผวนอ่อนค่าลง และช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ได้บ้าง ทำให้เราประเมินว่า การแข็งค่าของเงินบาทอาจเริ่มชะลอลงแถวโซนแนวรับ 35.50 บาทต่อดอลลาร์ ได้
แต่หากเงินบาทแข็งค่าหลุดโซนดังกล่าวชัดเจน ก็อาจแข็งค่าทดสอบโซนแนวรับ 35.30 บาทต่อดอลลาร์ ได้ไม่ยาก ซึ่งเรามองว่า การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงนี้ ในเชิงเทคนิคัลอาจทำให้เงินบาท (USDTHB) เข้าสู่โซน RSI Oversold ทำให้มีโอกาสที่อาจเห็นการกลับมาอ่อนค่าลงได้บ้างของเงินบาทในระยะสั้น หากตลาดรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม
อนึ่ง จากการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เราประเมินใหม่ว่า แนวต้านของเงินบาทอาจขยับลงมาแถวโซน 35.85 บาทต่อดอลลาร์ และมีโซนแนวต้านถัดไปแถว 36.00 บาทต่อดอลลาร์
เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทยังมีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวนไปตาม การเปลี่ยนแปลงไปมาของปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางค่าเงินบาท อย่าง มุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด
ทำให้ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.40-35.70 บาท/ดอลลาร์ (ระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุม BOE และรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ)
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาททยอยแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง (แกว่งตัวในช่วง 35.48-35.69 บาทต่อดอลลาร์) หลังเงินดอลลาร์ทยอยอ่อนค่าลง พร้อมกับการปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ
ตามการส่งสัญญาณของประธานเฟดในช่วง Press Conference ที่ระบุว่า การลดดอกเบี้ยของเฟดในเดือนกันยายนนั้น อาจเกิดขึ้นได้ หากแนวโน้มการชะลอลงของทั้งอัตราเงินเฟ้อและการจ้างงานในช่วงที่ผ่านมา ยังคงดำเนินต่อไป
โดยมุมมองดังกล่าวของประธานเฟดยังคงทำให้ ผู้เล่นในตลาดต่างคาดหวังว่า เฟดมีโอกาสราว 78% ที่จะสามารถลดดอกเบี้ยได้ 3 ครั้งในปีนี้ (จาก CME FedWatch Tool ล่าสุด)
นอกจากนี้ เงินบาทยังได้แรงหนุนจากโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ หลังราคาทองคำ (XAUUSD) ได้ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องทดสอบโซนแนวต้านที่เราประเมินไว้ต้นสัปดาห์แถว 2,450 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ตามจังหวะการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์และการปรับตัวลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ (นอกจากนี้ ราคาทองคำก็ยังพอได้แรงหนุนจากสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่กลับมาร้อนแรงขึ้นในช่วงนี้)
บรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ พลิกกลับมาอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) หลังบรรดาหุ้นธีม AI/Semiconductor ต่างปรับตัวขึ้น นำโดย Nvidia +12.8% ซึ่งได้อานิสงส์จากการรายงานคาดการณ์ยอดขายชิป AI ของ AMD +4.4% (คู่แข่ง Nvidia) ที่มีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่ง
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังได้แรงหนุนจากผลการประชุมเฟดล่าสุด ที่ทำให้ผู้เล่นในตลาดยังคงเชื่อว่าเฟดอาจทยอยลดดอกเบี้ยได้ราว 3 ครั้งในปีนี้ ส่งผลให้โดยรวมดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq พุ่งขึ้น +2.64%% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด +1.58%
ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง +0.80% หนุนโดยรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ที่ออกมาสดใส นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นธีม AI/Semiconductor นำโดย ASML +5.6% จากรายงานข่าวว่า ASML อาจได้รับการยกเว้นจากข้อจำกัดของทางการสหรัฐฯ ในการส่งออกชิปไปยังจีน
ในส่วนตลาดบอนด์ แม้ว่า บรรยากาศในตลาดการเงินสหรัฐฯ จะกลับมาอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง และ เฟดก็ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 5.25-5.50% ตามคาด ทว่า ท่าทีของประธานเฟดที่ดูเหมือนจะส่งสัญญาณว่า เฟดก็พร้อมทยอยลดดอกเบี้ยลงได้ในการประชุมเดือนกันยายน ก็ทำให้ผู้เล่นต่างยังคงคาดหวังว่า เฟดจะสามารถทยอยลดดอกเบี้ยได้ราว 3 ครั้งในปีนี้ กดดันให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวลดลงสู่ระดับ 4.05%
อย่างไรก็ดี เราประเมินว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจไม่ได้ปรับตัวลดลงไปต่ำกว่าระดับ 4% ได้อย่างชัดเจน หลังตลาดได้รับรู้แนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดราว 3 ครั้งในปีนี้ ไปพอสมควรแล้ว และมีโอกาสที่อาจเห็นการรีบาวด์ขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้บ้าง หากตลาดเริ่มกลับมากังวลประเด็นการเมืองสหรัฐฯ หรือ ปรับมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ซึ่งเราคงมองว่า หากบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ มีจังหวะรีบาวด์ขึ้นบ้าง ก็อาจเปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดทยอยเข้าซื้อได้เช่นกัน (Risk-Reward ยังดูมีความคุ้มค่าอยู่)
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ทยอยอ่อนค่าลงต่อเนื่อง ตามท่าทีของประธานเฟดที่ส่งสัญญาณว่า เฟดอาจพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายนได้ หากแนวโน้มการชะลอลงของอัตราเงินเฟ้อและการจ้างงานสหรัฐฯ ยังคงดำเนินต่อไป ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 104 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 104-104.4 จุด)
ในส่วนของราคาทองคำ ในช่วงก่อนรับรู้ผลการประชุมเฟด ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) ยังพอได้แรงหนุนจากสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ทวีความร้อนแรงมากขึ้นในช่วงนี้
และได้แรงหนุนเพิ่มเติม จากการปรับตัวลดลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ตามการส่งสัญญาณพร้อมลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายนของประธานเฟด ทำให้โดยรวมราคาทองคำปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2,490 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยขายทำกำไรทองคำออกมาบ้าง และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมา
สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) โดยผู้เล่นในตลาดต่างประเมินว่า BOE อาจตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง -25bps สู่ระดับ 5.00% และอาจส่งสัญญาณพร้อมทยอยลดดอกเบี้ยลงต่อเนื่องได้ ในการประชุมที่เหลือของปีนี้ ซึ่งภาพดังกล่าวก็อาจกดดันให้เงินปอนด์อังกฤษ (GBP) ผันผวนอ่อนค่าลงได้บ้าง
ส่วนในฝั่งสหรัฐฯ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มตลาดแรงงานสหรัฐฯ ผ่านรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) พร้อมรอลุ้น รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรม (ISM Manufacturing PMI) เดือนกรกฎาคม โดยเราคาดว่า ผู้เล่นในตลาดจะให้ความสำคัญกับ รายงานภาวะการจ้างงานในภาคการผลิต จากรายงานดัชนี PMI ดังกล่าว เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มตลาดแรงงานสหรัฐฯ
และนอกเหนือจากปัจจัยดังกล่าว รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะหุ้นเทคฯ ใหญ่ (Amazon และ Apple) จะยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้เล่นในตลาดจะติดตามอย่างใกล้ชิด และเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินได้พอสมควรในช่วงนี้
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 4 เดือนครึ่งครั้งใหม่ ที่ 35.43 บาทต่อดอลลาร์ฯ ก่อนจะกลับมาปรับตัวที่ 35.47-35.49 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.45 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 35.65 บาทต่อดอลลาร์ฯ
เงินบาทขยับแข็งค่าขึ้นสอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของสกุลเงินในภูมิภาคในภาพรวม โดยยังคงได้รับอานิสงส์ต่อเนื่องจากการแข็งค่าของเงินเยน (หลังจากที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเมื่อวานนี้
พร้อมกับให้แนวทาง สำหรับการทยอยลดวงเงินการซื้อพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นในระยะข้างหน้า ซึ่งนับเป็นสัญญาณในเชิงคุมเข้มต่อเนื่อง) ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ เผชิญแรงขาย และอ่อนค่าลงตามการปรับตัวลงของบอนด์ยิลด์สหรัฐฯ หลังจากที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่งสัญญาณเมื่อคืนที่ผ่านมาถึงความเป็นไปได้ของการเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม FOMC ในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ นอกจากนี้เงินบาทยังได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากสัญญาณสะท้อนการซื้อสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติต่อเนื่องด้วยเช่น
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 35.40-35.60 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การตอบรับของตลาดต่อผลการประชุม Fed ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ ข้อมูล PMI ภาคการผลิตเดือนก.ค. ของยูโรโซน และสหรัฐฯ รวมถึงข้อมูลจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
สรุปเหรียญโอลิมปิก 2024 วันที่ 1 ส.ค. 67, จีน ผงาดนำ,ไทยลุ้นคืนนี้
โอลิมปิก 2024 หรือ ปารีสเกมส์ 2024 เป็นมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก จัดขึ้นที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 26 กรกฎาคม – 11 สิงหาคม 2567
โดยหลังผ่านการแข่งขันมาแล้วทั้งหมด 5 วัน จากการชิงชัยทองทั้งหมด 57 เหรียญ บรรดาประเทศผู้นำในตารางคะแนนเหรียญ ยังไม่ทิ้งห่างกันมากนัก
สรุปเหรียญโอลิมปิก 2024 ล่าสุด วันพฤหัสบดีที่ 1 สิงหาคม 2567
อันดับที่ 1 : จีน ทำไป 9 เหรียญทอง, 7 เหรียญเงิน, 3 เหรียญทองแดง
อันดับที่ 2 : ฝรั่งเศส เจ้าภาพ ทำไป 8 เหรียญทอง, 10 เหรียญเงิน, 8 เหรียญทองแดง
อันดับที่ 3 : ญี่ปุ่น ทำไป 8 เหรียญทอง, 3 เหรียญเงิน, 4 เหรียญทองแดง
อันดับที่ 4 : ออสเตรเลีย ทำไป 7 เหรียญทอง, 6 เหรียญเงิน, 3 เหรียญทองแดง
อันดับที่ 5 : สหราชอาณาจักร ทำไป 6 เหรียญทอง, 6 เหรียญเงิน, 5 เหรียญทองแดง
อันดับที่ 6 : เกาหลีใต้ ทำไป 6 เหรียญทอง, 3 เหรียญเงิน, 3 เหรียญทองแดง
อันดับที่ 7 : สหรัฐอเมริกา ทำไป 5 เหรียญทอง, 13 เหรียญเงิน, 12 เหรียญทองแดง
ส่วน ไทย ยังต้องรอคอยเหรียญแรกจากการแข่งขันในโอลิมปิกหนนี้ ซึ่งในคืนนี้เรามีลุ้นเหรียญแรกจาก บรรจง สินศิริ กำปั้นไทยที่หากชนะได้จะการันตีทองแดงทันที
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
รู้จักโรค RSV โรคทางเดินหายใจ เด็กเล็ก-คนชราเสี่ยงอาการหนัก
โรค RSV หรือ โรคติดเชื้อทางเดินหายใจจากเชื้อไวรัส อาจก่อให้เกิดอาการรุนแรงได้ในเด็กเล็ก เด็กที่คลอดก่อนกำหนด และผู้สูงอายุมากกว่า 65 ปี รวมทั้งผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว ในช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง หมั่นทำความสะอาดเครื่องใช้และอุปกรณ์ภายในบ้าน ล้างมือบ่อยๆ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารปรุงสุกใหม่ ใช้ช้อนกลาง และใส่หน้ากากอนามัยเพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อจากโรคทางเดินหายใจ
โรค RSV คืออะไร
นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า โรคติดเชื้อทางเดินหายใจจากเชื้อไวรัส RSV เป็นโรคที่สามารถพบได้มาก ในช่วงปลายฤดูฝนไปจนถึงฤดูหนาว โรคชนิดนี้เป็นหนึ่งในโรคที่มีอาการคล้ายไข้หวัด แต่อาจก่อให้เกิดอาการรุนแรงได้ในเด็กเล็ก เด็กที่คลอดก่อนกำหนด และผู้สูงอายุมากกว่า 65 ปี รวมทั้งผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหอบหืด โรคหัวใจ
โรค RSV เกิดจากอะไร
การติดเชื้อของเชื้อไวรัส RSV เกิดจากการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ สามารถเข้าสู่ร่างกายได้ทั้งทางม่านตา จมูก ปาก หรือสัมผัสเชื้อโดยตรงจากการจับมือ และแพร่กระจายได้ง่ายผ่านการไอหรือจาม สำหรับผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัส RSV มักมีอาการ 4-6 วัน หลังได้รับเชื้อ
อาการของโรค RSV
อาการโดยทั่วไปคล้ายไข้หวัดธรรมดา เช่น
- มีไข้
- ไอ
- เจ็บคอ
- มีน้ำมูก
- ปวดศีรษะ
หากพบว่าเชื้อลงไปสู่ระบบหายใจส่วนล่าง ผู้ป่วยจะมีอาการรุนแรง หายใจเร็ว หอบเหนื่อย ไอรุนแรง ทำให้เกิดภาวะปอดอักเสบบางรายรุนแรงเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวได้
กลุ่มเสี่ยงอาการหนักจาก RSV
นายแพทย์เอนก กนกศิลป์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า โรคชนิดนี้เกิดได้หลายช่วงอายุ แต่ในวัยผู้ใหญ่พบว่าจะมีอาการไม่รุนแรง และจะเกิดอาการที่รุนแรงในผู้ป่วยเด็กที่มีอายุน้อยกว่า 15 ปี มีโรคประจำตัวหรือโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ หรือปอด หรือผู้ป่วยที่มีภาวะภูมิคุ้มกันของร่างกายต่ำ เป็นต้น
การตรวจวินิจฉัย RSV
สำหรับการตรวจรักษาในผู้ป่วยที่พบว่ามีอาการบ่งชี้แพทย์จะทำการตรวจหาเชื้อไวรัส RSV จากสารคัดหลั่งในจมูก การรักษาโรคติดเชื้อทางเดินหายใจจากเชื้อไวรัส RSV ในปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกัน และไม่มียารักษา แพทย์จะดำเนินการรักษาตามอาการของผู้ป่วย แต่หากพบว่าอาการไม่ดีขึ้นหรือมีอาการรุนแรงต้องรีบไป พบแพทย์ทันที
วิธีป้องกัน RSV
เพื่อป้องกันการติดโรคติดเชื้อทางเดินหายใจจากไวรัส RSV เราควรดูแลตัวเองให้ดี ตามวิธีเหล่านี้
- หลีกเลี่ยงไปในที่ชุมชนแออัด
- รักษาความอบอุ่นให้แก่ร่างกายในช่วงอากาศเย็น
- หมั่นทำความสะอาดเครื่องใช้และอุปกรณ์ภายในบ้านที่สัมผัสบ่อยๆ เช่น ลูกบิด ราวบันได รีโมท
- รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่
- ใช้ช้อนกลางเมื่อต้องรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
- ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์
- ทุกคนในบ้านควรชำระร่างกายให้สะอาด เพื่อลดความเสี่ยงการเป็นพาหะนำเชื้อโรคมาแพร่กระจายให้บุคคลภายในบ้าน
- ควรใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ
หากเรารู้จักป้องกันตนเอง เพียงเท่านี้เราก็จะสามารถลดโอกาสของการติดเชื้อจากโรคทางเดินหายใจได้
ขอบคุณข้อมูลจาก .sanook.com
Linking Verb คืออะไร ต่างจาก Verb to be อย่างไร
หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า Linking Verb หรือกริยาเชื่อม แล้วเกิดข้อสงสัยว่ากริยาเชื่อมคืออะไร ให้เชื่อมระหว่างอะไร มีอะไรบ้าง และต่างจาก Verb to be อย่างไร เรียนภาษาอังกฤษเรื่อง Linking Verb ไปกับบทความนี้กัน
Linking Verb คืออะไร?
Linking Verb หรือที่เรียกกันว่า กริยาเชื่อม เป็นกริยาที่ใช้เชื่อมคำนามที่เป็นประธานของประโยค กับคำคุณศัพท์ที่ทำหน้าที่ขยายคำนาม เพื่อบอกสภาพของประธาน ช่วยให้ประโยคมีความสมบูรณ์ขึ้น โดยไม่ทำให้ความหมายของกริยาเปลี่ยนไป
Linking Verb ต่างจาก Verb to be อย่างไร?
Linking Verb ส่วนใหญ่นำมาจาก Verb to be แต่ไม่ได้หมายความว่า Verb to be ทั้งหมดจะสามารถเป็น Linking Verb เนื่องจากทั้งสองมีหน้าที่ต่างกัน คือ Linking Verb ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้เชื่อมประโยค แต่ Verb to be นอกจากจะมาเป็นกริยาเชื่อมได้ อาจมีหน้าที่อื่นๆ อีกในประโยค
Linking Verb มีอะไรบ้าง?
- appear (ปรากฏ) ใช้เป็นกริยาเชื่อมในประโยคจะแปลได้ว่า ดูเหมือน
- become (กลาย) ใช้เป็นกริยาเชื่อมในประโยคจะแปลได้ว่า เริ่ม
- come (กลาย) ใช้เป็นกริยาเชื่อมในประโยคจะแปลได้ว่า เป็น
- feel (คลำ) ใช้เป็นกริยาเชื่อมในประโยคจะแปลได้ว่า รู้สึก
- get (ได้รับ) ใช้เป็นกริยาเชื่อมในประโยคจะแปลได้ว่า เริ่ม
- go (ไป) ใช้เป็นกริยาเชื่อมในประโยคจะแปลได้ว่า เกิด
- grow (ปลูก,โต) ใช้เป็นกริยาเชื่อมในประโยคจะแปลได้ว่า เริ่ม
- look (มอง) ใช้เป็นกริยาเชื่อมในประโยคจะแปลได้ว่า ดูเหมือน
- remain (อยู่) ใช้เป็นกริยาเชื่อมในประโยคจะแปลได้ว่า ยังคง
- seem ใช้เป็นกริยาเชื่อมในประโยคจะแปลได้ว่า ดูเหมือน
- smell (ดม) ใช้เป็นกริยาเชื่อมในประโยคจะแปลได้ว่า ส่งกลิ่น
- sound (ส่งเสียง) ใช้เป็นกริยาเชื่อมในประโยคจะแปลได้ว่า ดูเหมือน
- stay (พัก) ใช้เป็นกริยาเชื่อมในประโยคจะแปลได้ว่า ยังคง
- taste (ชิม) ใช้เป็นกริยาเชื่อมในประโยคจะแปลได้ว่า มีรส
- turn (หมุน) ใช้เป็นกริยาเชื่อมในประโยคจะแปลได้ว่า กลาย
ตัวอย่างประโยคที่ใช้ Linking Verb
feel
feel แปลว่า สัมผัส,คลำ หากใช้เป็นกริยาเชื่อมในประโยคจะแปลได้ว่า รู้สึก เช่น
- Linking Verb: She feels sad about leaving her friends. (เธอรู้สึกเศร้าที่ต้องจากเพื่อนไป)
- Verb to be: The fabric feels soft. (ผ้าให้สัมผัสที่นุ่ม)
look
look แปลว่า มอง หากใช้เป็นกริยาเชื่อมในประโยคจะแปลได้ว่า ดูเหมือน เช่น
- Linking Verb: She looks happy today. (เธอดู(เหมือน)มีความสุขในวันนี้)
- Verb to be: I felt shy when he looked at me. (ฉันรู้สึกเขินเมื่อเขามองมาที่ฉัน)
turn
turn แปลว่า หมุน หากใช้เป็นกริยาเชื่อมในประโยคจะแปลได้ว่า กลาย เช่น
- Linking Verb: Iron turns to rust in the presence of air and water. (เหล็กกลายเป็นสนิมเมื่ออยู่ในอากาศและน้ำ)
- Verb to be: We had to turn back because of the storm. (เราต้องหันกลับเพราะพายุ)
get
get แปลว่า ได้รับ หากใช้เป็นกริยาเชื่อมในประโยคจะแปลได้ว่า เริ่ม เช่น
- Linking Verb: Let’s get started on our project right away. (มาเริ่มโครงการของเรากันตอนนี้เลย)
- Verb to be: She got her strength from adversity. (เธอได้รับความเข้มแข็งจากความทุกข์ยาก)
ขอบคุณข้อมูลจาก engduothailand.com
สปายแวร์ ‘Mandrake’ รีเทิร์น ซ่อนตัวนานสองปีบน ‘Google Play’
นักวิจัย “แคสเปอร์สกี้” พบแคมเปญสปายแวร์ใหม่ล่าสุดที่แพร่กระจายมัลแวร์แมนเดรก หรือ “Mandrake” ผ่าน Google Play
หลอกว่าเป็นแอปที่ถูกกฎหมายเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล ดาราศาสตร์ และเครื่องมือยูทิลิตี้ต่างๆ
ผู้เชี่ยวชาญของแคสเปอร์สกี้ค้นพบแอปพลิเคชัน Mandrake จำนวน 5 แอปบน Google Play ซึ่งเปิดให้ใช้งานนานสองปีแล้ว
โดยมียอดดาวน์โหลดมากกว่า 32,000 ครั้ง มีฟีเจอร์และเทคนิคการหลบเลี่ยงขั้นสูง ทำให้ผู้ให้บริการรักษาความปลอดภัยไม่สามารถตรวจพบแอปพลิเคชันเหล่านี้ได้
Mandrake เป็นสปายแวร์ที่ค้นพบครั้งแรกในปี 2563 เป็นแพลตฟอร์มจารกรรมระบบแอนดรอยด์ที่ซับซ้อนและดำเนินงานมาตั้งแต่ปี 2559 เป็นอย่างน้อย
แทตยาน่า ชิชโกวา หัวหน้านักวิจัยความปลอดภัยของทีม GReAT (Global Research and Analysis Team) แคสเปอร์สกี้ กล่าวว่า หลังจากหลบเลี่ยงการตรวจจับเป็นเวลาสี่ปีในเวอร์ชันเริ่มต้น แคมเปญ Mandrake ล่าสุดยังคงไม่ถูกตรวจพบบน Google Play เป็นเวลาสองปี
แสดงให้เห็นถึงทักษะขั้นสูงของผู้ก่อภัยคุกคามที่เกี่ยวข้อง ทั้งยังเน้นย้ำถึงแนวโน้มที่น่าวิตกกังวลอีกด้วย เนื่องจากข้อจำกัดที่เข้มงวดยิ่งขึ้นและการตรวจสอบความปลอดภัยมีความเข้มงวดมากขึ้น ความซับซ้อนของภัยคุกคามที่แทรกซึมเข้ามาในแอปสโตร์อย่างเป็นทางการจึงเพิ่มมากขึ้น ทำให้ตรวจจับได้ยากขึ้น
ทั้งนี้ ในเดือนเม.ย.2567 นักวิจัยกี้ได้ค้นพบตัวอย่างที่น่าสงสัย ซึ่งบ่งชี้ว่าเป็น Mandrake เวอร์ชันใหม่ที่มีฟังก์ชันการทำงานที่ได้รับการปรับปรุง ตัวอย่างใหม่เหล่านี้มีเทคนิคการบดบังและหลีกเลี่ยงขั้นสูง รวมถึงการเปลี่ยนฟังก์ชันที่เป็นอันตรายไปยังไลบรารีเนทีฟที่ปิดบัง
โดยใช้ OLLVM การใช้ใบรับรองสำหรับการสื่อสารที่ปลอดภัยกับเซิร์ฟเวอร์คำสั่งและการควบคุม (command and control – C2) และการดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อตรวจจับว่า Mandrake กำลังทำงานบนอุปกรณ์ที่รูทหรือภายในสภาพแวดล้อมจำลอง
สำหรับคุณสมบัติที่โดดเด่นของ Mandrake เวอร์ชันใหม่คือ การเพิ่มเทคนิคปิดบังขั้นสูงที่ออกแบบมาเพื่อข้ามการตรวจสอบความปลอดภัยของ Google Play และขัดขวางการวิเคราะห์
ผู้เชี่ยวชาญระบุ แอปพลิเคชันที่มีสปายแวร์ Mandrake เหล่านี้เผยแพร่บน Google Play ในปี 2565 พร้อมให้ดาวน์โหลดอย่างน้อยหนึ่งปี เปิดตัวในรูปแบบแอปแชร์ไฟล์ผ่าน Wi-Fi แอปบริการดาราศาสตร์ แอป Amber สำหรับเกม Genshin แอปสกุลเงินดิจิทัล และแอปที่มีเกมปริศนา จนถึงเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ตามข้อมูลของ VirusTotal ยังไม่มีแอปใดที่ถูกตรวจพบว่าเป็นมัลแวร์โดยผู้จำหน่ายใดๆ
แม้ว่าแอปพลิเคชันที่เป็นอันตรายเหล่านี้จะไม่อยู่ใน Google Play แล้ว แต่แอปพลิเคชันเหล่านี้เคยเปิดให้ดาวน์โหลดในหลายประเทศ โดยการดาวน์โหลดส่วนใหญ่อยู่ในแคนาดา เยอรมนี อิตาลี เม็กซิโก สเปน เปรู และสหราชอาณาจักร
เมื่อพิจารณาถึงความคล้ายคลึงกันของแคมเปญปัจจุบันและแคมเปญก่อนหน้ากับโดเมน C2 ที่จดทะเบียนในรัสเซีย แคสเปอร์สกี้สันนิษฐานด้วยความมั่นใจสูงว่า ผู้ก่อภัยคุกคามจะเป็นรายเดียวกับที่ระบุไว้ในรายงานการตรวจจับครั้งแรกของ Bitdefender
ผู้เชี่ยวชาญของแคสเปอร์สกี้แนะนำเคล็ดลับเพื่อความปลอดภัยจากภัยคุกคามอย่างสปายแวร์ Mandrake ดังต่อไปนี้
- ใช้ Marketplace ที่เป็นทางการ: ดาวน์โหลดแอปและซอฟต์แวร์จากแหล่งที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ หลีกเลี่ยงแอปสโตร์ของเธิร์ดปาร์ตี้ เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงที่แอปและซอฟต์แวร์ดังกล่าวอาจโฮสต์ได้ แม้แต่แพลตฟอร์มที่เป็นทางการก็อาจโฮสต์แอปที่เป็นอันตรายได้ ควรตรวจสอบรีวิวและคะแนนก่อนดาวน์โหลดเสมอ
- ใช้ซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยที่มีชื่อเสียง: ติดตั้งและบำรุงรักษาซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสและแอนตี้มัลแวร์ที่มีชื่อเสียงบนอุปกรณ์ สแกนอุปกรณ์เป็นประจำเพื่อหาภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น และอัปเดตซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยให้ทันสมัยอยู่เสมอ
- เรียนรู้เพิ่มเติมเรื่องกลโกงหลอกลวง: คอยติดตามข้อมูลเกี่ยวกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ เทคนิค และกลวิธีล่าสุด ระวังคำขอและข้อเสนอที่น่าสงสัย หรือคำขอข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลทางการเงินแบบด่วนๆ
- พึงระมัดระวัง : ซอฟต์แวร์ของเธิร์ดปาร์ตี้จากแหล่งยอดนิยมมักไม่มีการรับประกัน เนื่องจากแอปดังกล่าวอาจมีข้อมูลที่เป็นอันตราย เช่น การโจมตีซัพพลายเชน
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
พริกหยวก กินยังไงให้เผ็ดจัดจ้านแต่ดีต่อสุขภาพ
พริกหยวก ถึงแม้จะมีรสชาติหวานแต่ก็สามารถปรับให้มีรสเผ็ดขึ้นได้ตามต้องการค่ะ ลองนำเคล็ดลับเหล่านี้ไปปรับใช้ดูนะคะ
วิธีทำให้พริกหยวกมีรสชาติจัดจ้าน
1. เลือกพันธุ์พริกหยวก:
- พันธุ์เผ็ด: พริกหยวกบางพันธุ์มีรสเผ็ดมากกว่าพันธุ์อื่น ๆ ลองเลือกพันธุ์ที่ระบุว่าเผ็ดหรือมีรสชาติจัดจ้าน
- สีสัน: พริกหยวกสีแดงมักจะมีรสเผ็ดมากกว่าสีเขียว
2. วิธีการปรุง:
- คั่ว: การคั่วพริกหยวกจะช่วยให้รสชาติเข้มข้นขึ้น รวมถึงความเผ็ดก็จะเพิ่มขึ้นด้วย
- ผัด: การผัดพริกหยวกกับน้ำมันร้อน ๆ จะช่วยดึงรสชาติและความเผ็ดออกมาได้ดี
- ปั่น: ถ้าต้องการความเผ็ดแบบละเอียด ลองนำพริกหยวกไปปั่นรวมกับส่วนผสมอื่น ๆ เช่น พริกขี้หนู หรือเครื่องเทศอื่น ๆ
- หมัก: การหมักพริกหยวกกับเครื่องปรุงรส เช่น น้ำปลา พริกป่น หรือน้ำมะขามเปียก จะช่วยเพิ่มรสชาติและความเผ็ดได้
3. เพิ่มเครื่องปรุงรส:
- พริกขี้หนู: เพิ่มพริกขี้หนูลงไปในอาหารหรือเครื่องปรุงรสที่ใช้ปรุงพริกหยวก
- พริกป่น: โรยพริกป่นเพื่อเพิ่มความเผ็ดร้อน
- ซอสพริก: ใช้ซอสพริกที่มีความเผ็ดสูง
- เครื่องเทศ: เครื่องเทศบางชนิด เช่น พริกไทยดำ หรือปาปริก้า ก็สามารถเพิ่มความเผ็ดได้เช่นกัน
4. ส่วนผสมอื่น ๆ:
- กระเทียม: การผัดกระเทียมกับพริกหยวกจะช่วยเพิ่มความหอมและเผ็ดร้อน
- หอมแดง: หอมแดงจะช่วยเพิ่มรสชาติและความเผ็ดให้กับอาหาร
- ขิง: ขิงมีรสเผ็ดร้อนและช่วยดับกลิ่นคาวได้ดี
เคล็ดลับเพิ่มเติม:
- ความสดใหม่: พริกหยวกสดใหม่จะมีรสชาติที่ดีกว่าพริกหยวกที่เก็บไว้นาน
- ปริมาณ: ปรับปริมาณพริกหยวกและเครื่องปรุงรสตามความชอบส่วนตัว
ตัวอย่างเมนู:
- พริกหยวกผัดกุ้ง
- แกงเขียวหวานใส่พริกหยวก
- ยำพริกหยวก
- น้ำพริกหนุ่มใส่พริกหยวก
คำแนะนำ: ควรค่อย ๆ เพิ่มปริมาณพริกหยวกหรือเครื่องปรุงรส เพื่อไม่ให้เผ็ดเกินไป และสังเกตอาการของตัวเอง หากรู้สึกว่าเผ็ดเกินไป ให้ดื่มน้ำเย็นหรือทานอาหารรสเปรี้ยวเพื่อบรรเทาความเผ็ด
หมายเหตุ: การรับประทานอาหารเผ็ดมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการแสบร้อนในปากและกระเพาะอาหารได้ ควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ
ข้อดีของพริกหยวกต่อสุขภาพ
- อุดมไปด้วยวิตามินซี: ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันหวัด และช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
- มีเบต้าแคโรทีนสูง: เมื่อร่างกายนำไปใช้จะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ ซึ่งดีต่อสายตาและผิวพรรณ
- มีวิตามินบี 6: ช่วยในการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง และมีส่วนสำคัญในการทำงานของระบบประสาท
- มีโพแทสเซียม: ช่วยควบคุมความดันโลหิต และรักษาสมดุลของน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย
- มีสารต้านอนุมูลอิสระ: ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ และลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเรื้อรัง เช่น โรคมะเร็ง
- มีเส้นใยอาหาร: ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดี ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคท้องผูก และช่วยให้อิ่มนานขึ้น
- มีแคปไซซิน: สารให้ความเผ็ดที่ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญ และช่วยลดความอยากอาหาร
ประโยชน์อื่นๆ ของพริกหยวก
- ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ: เนื่องจากมีโพแทสเซียมสูง ซึ่งช่วยควบคุมความดันโลหิต
- ช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง: สารต้านอนุมูลอิสระในพริกหยวกช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหาย
- ช่วยบรรเทาอาการปวด: แคปไซซินในพริกหยวกมีฤทธิ์ลดอาการปวด
- ช่วยเพิ่มรสชาติอาหาร: ทำให้อาหารมีรสชาติอร่อยและน่ารับประทานมากขึ้น
ข้อควรระวัง
- ผู้ที่มีอาการแพ้พริกหยวก ควรหลีกเลี่ยง
- ผู้ที่มีโรคกระเพาะ หรือลำไส้อักเสบ ควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ
สรุป
พริกหยวกเป็นผักที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย การนำพริกหยวกไปประกอบอาหารนอกจากจะช่วยเพิ่มสีสันและรสชาติให้อาหารแล้วยังช่วยบำรุงสุขภาพของคุณได้อีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 01/08/2567
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 40,900.00 | 41,000.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,649.00 | 40,158.84 | 41,500.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 2,384.10 | 36,142.96 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 2,119.20 | 32,127.07 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 1,192.00 | 18,070.72 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 927.00 | 14,053.32 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,745.00 | 41,614.20 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 01/08/2567
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 38.05 | 38.05 | 38.65 | 38.05 | 38.05 | 38.05 | 38.05 | 38.05 | 38.05 | 38.05 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 37.68 | 37.68 | 38.28 | 37.68 | 37.68 | 37.68 | 37.68 | 37.68 | 37.68 | 37.68 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 35.94 | 35.94 | 36.64 | 35.94 | 35.94 | – | 35.94 | 35.94 | 35.94 | 35.94 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 35.69 | 35.69 | – | – | – | – | – | – | – | 35.69 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 46.64 | 49.84 | 49.84 | 49.84 | – | – | – | – | – | 46.64 |
เบนซิน 95 | 45.94 | – | – | – | 49.81 | – | 46.44 | 46.09 | – | 45.94 |
ดีเซล | 32.94 | 32.94 | 33.24 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 44.94 | 47.14 | 49.84 | 47.14 | 47.14 | – | – | – | – | 44.94 |
แก๊ส NGV | 19.59 | 19.59 | – | – | – | – | – | – | – | 19.59 |