อสังหาดักโอกาสตลาดรีโนเวตบูม!กำลังซื้อซึม ฉุดบ้านมือหนึ่งชะลอตัว
กำลังซื้อซึม ฉุดบ้านมือหนึ่งชะลอตัว หนุนตลาดรีโนเวตบูม ปลุกตลาดที่อยู่อาศัยมือสองโตต่อเนื่อง ส่งผลให้ค่ายอสังหาฯ บริษัทรับสร้างบ้าน วัสดุก่อสร้างแห่เข้ามารุกธุรกิจบริการรีโนเวตแบบครบวงจรหวังสร้างรายได้และเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน
สถานการณ์ภาพรวมตลาดบ้านเก่าทั่วประเทศที่มีอายุ 10 ปีขึ้นไป มีมากกว่า 23.4 ล้านหลังคาเรือน คิดเป็นมูลค่ากว่า 234,000 ล้านบาทเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 400,000 หลัง ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีในการรุกตลาดปรับปรุง ซ่อมแซม หรือ รีโนเวต (Renovate) ยิ่งในภาวะเศรษฐกิจไม่ฟื้น กำลังซื้อหดตัว ทำให้ดีมานด์ตลาดรีโนเวทเพิ่มขึ้นมหาศาล
วรวุฒิ กาญจนกูล กรรมการกิตติมศักดิ์ สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน กล่าวว่า ช่วงเศรษฐกิจดีเจ้าของบ้านส่วนใหญ่นิยมสร้างบ้านใหม่หรือ “ขายบ้านเก่า” ไปซื้อบ้านใหม่ในโครงการแทนที่จะรีโนเวต เนื่องจากไม่อยากเผชิญกับ 3 ปัญหาหลัก (Pain Point) ได้แก่ งบประมาณบานปลาย คุณภาพงานที่ไม่ดี หรือ ไม่ได้มาตรฐาน และปัญหาหาช่างยาก หรือช่างทิ้งงาน
ทว่าด้วยภาวะเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว รายได้ที่ลดลง ส่งผลให้ผู้บริโภคหันมาปรับปรุงบ้านแทนการสร้าง หรือซื้อบ้านใหม่มากขึ้น สังเกตได้จากตลาดบ้านมือสองขายดี ทำให้มีความต้องการรีโนเวตบ้านเพิ่มขึ้น เพราะอยู่ในทำเลเดียวกับบ้านมือหนึ่งราคาแพงขึ้น คนจึงหันมาซื้อบ้านมือสองแทนแล้วลงทุนปรับปรุง
“ที่ผ่านมามีหลายค่ายเตรียมรุกตลาดรีโนเวตบ้านแบบเต็มตัว โดยจะเดินหน้าสร้างการรับรู้ถึงจุดแข็งของการให้บริการแบบเซอร์วิสโซลูชั่น รองรับตลาดรีโนเวตที่คาดว่าจะยังคงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง”
นอกจากนี้ ยังมีดีมานด์มาจากกลุ่มที่สร้างบ้านไปแล้ว 5-10 ปี แล้วเริ่มมีปัญหาต้องการซ่อมแซม หรือครอบครัวขยายใหญ่ขึ้นจึงต้องการต่อเติมเพิ่ม ทำให้ตลาดรีโนเวตมีดีมานด์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผู้ประกอบการหลายกลุ่มมองเห็นถึง “โอกาส” ในการขยายธุรกิจบริการรีโนเวตบ้าน เพื่อสร้างรายได้และเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน
หนึ่งในนั้น “HOMERUN” บริษัทสตาร์ทอัปในเครือเอพี ไทยแลนด์ ที่เข้ามาบุกตลาดอสังหาริมทรัพย์มือสอง เพื่อเพิ่มสภาพคล่องและปลุกตลาดที่อยู่อาศัย โดยการรับซื้อบ้านมือสอง และขายบ้านรีโนเวทใหม่ เนื่องจากมองเห็นโอกาสทั้งในมุมของเจ้าของบ้านมือสองที่ไม่รู้ว่าจะสร้างมูลค่าให้กับบ้านเก่าได้อย่างไร และมุมมองของผู้ซื้อที่กำลังหาบ้านในทำเลกรุงเทพฯ ชั้นใน ด้วยงบประมาณที่เมื่อเปรียบเทียบกับการซื้อบ้านมือหนึ่งแล้วได้มากกว่า! ทั้งในเรื่องของ “ทำเล” และพื้นที่ใช้สอย
Homerun จึงเกิดขึ้นมาเพื่อช่วยแก้ปัญหาให้กับผู้ขายและผู้สนใจซื้อบ้านมือสองในเมืองนั่นเอง โดยนำคอนเซปต์ที่เรียกว่า แพลตฟอร์ม iBuyer (Instant Buyer) เข้ามาในประเทศไทยเป็นครั้งแรก
iBuyer (Instant Buyer) คือ แพลตฟอร์มให้บริการรับซื้อต่ออสังหาริมทรัพย์แบบทันที ช่วยให้ผู้ขายสามารถขายอสังหาริมทรัพย์ได้ทันทีไม่ต้องรอ มีการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่อย่าง Data Analytics & Artificial Intelligence (Ai) เข้ามาช่วยบริหารจัดการ วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อเสนอราคาขายได้รวดเร็ว และออกแบบการรีโนเวทบ้านให้ตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยสูงสุด
สอดคล้องกับ ธัญญ์กวิน บุดดีมี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี เอ็กซพีเรียนซ์ จำกัด ระบุว่า แนวโน้มตลาดรีโนเวตมีการขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญ บริษัทมองเห็นโอกาสทางธุรกิจ จึงร่วมกับ 3 พันธมิตรสำคัญที่มีความเชี่ยวชาญการรีโนเวต ต่อเติม และปรับปรุงบ้าน ประกอบด้วย บาวเอ้น บาย เอสซีจี โฮมสมายล์ และ ดูเดกโค่
ซึ่งมีสินค้า บริการ และนวัตกรรมที่รองรับความต้องการของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการใน SCG HOME Experience ตั้งแต่การออกแบบ ต่อเติมพื้นที่บ้าน ตกแต่งภายใน ตลอดจนรีโนเวตบ้านทั้งหลัง เพื่อสร้างการอยู่อาศัยที่ดีขึ้นสำหรับคนรักบ้าน โดยเจาะกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลเป็นหลัก
ขณะเดียวกัน แอล พี เอส โปรเจค มาเนจเมนท์ (LPS) หนึ่งในยูนิตของ บริษัท แอล พี พี พรอพเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ จำกัด หรือ LPP บริษัทลูก บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN เน้นธุรกิจบริการทาง “วิศวกรรม” เพื่อให้บริการแก่เจ้าของที่ต้องการพัฒนาโครงการเพื่อสร้างรายได้ในรูปแบบของการ “เทิร์นคีย์” แบบครบวงจร รวมทั้งการรับรีโนเวตอาคารสูงในกรุงเทพฯ ที่มีจำนวนมาก
เป็นโอกาสที่ดีของการสร้างรายได้เพิ่ม ในอนาคตสัดส่วนรายได้จะมาจากธุรกิจกลุ่มมากขึ้น ที่สำคัญ “ต้นทุนต่ำ“ แต่ ”มาร์จินสูง” สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสที่ดีของตลาดรีโนเวตอย่างแท้จริง
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ไทยเนื้อหอมเทียบชั้นสิงคโปร์ ‘ต่างชาติ’แห่ตั้งสำนักงาน-เวิร์คสเปซ
ไทยเนื้อหอมเทียบชั้นสิงคโปร์ ‘ต่างชาติ’แห่ตั้งสำนักงาน-เวิร์คสเปซ IWG ชี้ตลาดอาคารสำนักงานแข่งขันสูงเกิดสงครามราคา หั่นค่าเช่าลง 25% เพื่อดึงผู้เช่า พร้อมกระจายความเสี่ยงจับมือพันธมิตรCo-working Spaceเพื่อขยายฐานไปยังกลุ่มผู้เช่าใหม่
ไทยเนื้อหอมเทียบชั้นสิงคโปร์ ‘ต่างชาติ’แห่ตั้งสำนักงาน-เวิร์คสเปซ IWG ชี้ตลาดอาคารสำนักงานแข่งขันสูงเกิดสงครามราคา หั่นค่าเช่าลง 25% เพื่อดึงผู้เช่า พร้อมกระจายความเสี่ยงจับมือพันธมิตรCo-working Spaceเพื่อขยายฐานไปยังกลุ่มผู้เช่าใหม่
หลังวิกฤติโควิด-19 ตลาดอาคารสำนักงานได้รับผลกระทบจากรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนไป กล่าวคือเป็น Hybrid Working พนักงานสามารถเลือกทำงานได้ทั้งจากออฟฟิศ บ้าน Satelllite Office หรือจากที่ไหนก็ได้ (Remote Working) แทนการทำงานในออฟฟิศเพียงแห่งเดียว สวนทางกับซัพพลายใหม่ที่เข้ามามากขึ้น
ธิติวัฒน์ ธนาพรนิธินันท์ ผู้จัดการประเทศไทย IWG ผู้ให้บริการพื้นที่สำนักงานให้เช่าแบบยืดหยุ่น (Flexible Workspace) หรือ เวิร์คสเปซภายใต้ แบรนด์ Regus, Spaces, HQ สะท้อนสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของอาคารสำนักงานในประเทศไทยขณะนี้ แบ่งเป็น 2 ฝั่ง คือ “ซัพพลาย” และ “ดีมานด์”
ในมุมซัพพลายก่อนสถานการณ์โควิด ธุรกิจอาคารสำนักงานเป็นขาขึ้น! ของเจ้าของอาคาร มีอัตราผู้เช่า (Occupancy) กว่า 90% แต่หลังโควิด บริษัทและองค์กรต่างๆ มีการทำงานแบบไฮบริดมากขึ้น
ขณะเดียวกันอาคารสำนักงานที่เกิดขึ้นใหม่มีการพัฒนาออกแบบสำนักงานที่ตอบโจทย์ชีวิตการทำงานที่ดีขึ้น โดยเฉพาะอาคารสำนักงานเกรด A ตั้งแต่ ปี 2566-2567 มีพื้นที่อาคารสำนักงานเพิ่มขึ้นถึง 30% สวนทางกับดีมานด์หลังโควิด บริษัทและองค์กรต่างลดขนาดและเริ่มทำงานที่บ้าน (Work From Home) มากขึ้น มีการลดงบประมาณการเช่าพื้นที่อาคารสำนักงานลงเพื่อลดค่าใช้จ่าย เรียกได้ว่า เป็นข่าวร้ายของตลาดอาคารสำนักงาน!
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางวิกฤติก็มีโอกาส เมื่อเกิดดีมานด์กลุ่มใหม่จากบริษัทข้ามชาติเข้ามาเนื่องจากเล็งเห็นศักยภาพของประเทศไทยในการตั้งเป็นสำนักงานใหญ่เทียบเท่ากับประเทศสิงคโปร์ เนื่องจากได้รับการสนับสนุนทางด้านภาษีให้กับชาวต่างชาติที่มาทำงานในประเทศไทย (Expat)
ผนวกกับสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน คนในประเทศสามารถใช้ภาษาอังกฤษที่พัฒนาได้ สามารถทำงานออนไลน์ได้ ค่าแรงไม่สูงมากทำให้เกิดดีมานด์จากกลุ่มบริษัทข้ามชาติสนใจย้ายสำนักงานใหญ่เข้ามาในประเทศไทย
ธิติวัฒน์ กล่าวว่า จากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ตลาดอาคารสำนักงานแข่งขันสูงเกิดสงครามราคา อาคารสำนักงานบางแห่งยอมลดราคาค่าเช่าลง 25% หลังอัตราผู้เช่าลดลงเหลือ 70% สะท้อนให้เห็นว่า เจ้าของอาคารมีความยืดหยุ่นมากขึ้นพร้อมที่จะเสนอเงื่อนไขพิเศษมากขึ้นเพื่อดึงผู้เช่าและเกิดการกระจายความเสี่ยงในรูปแบบต่างๆ รวมถึงการมีการจัดทำสัญญาเช่าเป็นระยะสั้นมากขึ้น ต่างจากในอดีตที่เป็นการระยะยาว ราย 3 ปี อีกทั้งมีพันธมิตรกับ Co-working Space ต่างๆ เพื่อขยายฐานไปยังกลุ่มผู้เช่าใหม่
ถือเป็น “โอกาสทอง” ของธุรกิจสำนักงานพร้อมใช้อย่าง IWG เข้ามาเติมเต็มความต้องการของผู้ประกอบการอาคารสำนักงานให้เช่าและตอบโจทย์พฤติกรรมของบริษัทยุคใหม่ ด้วยรูปแบบการให้บริการออฟฟิศสำเร็จรูปและพื้นที่สำนักงานแบบยืดหยุ่น เพราะรูปแบบการให้บริการลักษณะนี้สามารถทำได้หลากหลายสเกล ตั้งแต่ 2-3 ตารางเมตร ไปจนถึง 2,000-3,000 ตารางเมตร ก็สามารถให้บริการรูปแบบนี้ได้
“แม้แต่เวอร์ชวลออฟฟิศ ไม่มีพื้นที่จริง แต่ใช้เป็นที่อยู่สำหรับจดทะเบียนบริษัทอย่างเดียว และมีเบอร์โทรศัพท์ซัพพอร์ต แต่เรามีโลเคชั่นให้เช็คอินได้ทั่วโลก เนื่องจากมีหลายธุรกิจที่ต้องการบริการรูปแบบนี้ไม่น้อย เช่น ทนายที่ทำงานนอกสถานที่ ไม่ต้องการออฟฟิศ แต่มีไว้เป็นสถานที่ดร็อปเอกสาร”
ดังนั้น แนวโน้มของดีมานด์ในอนาคตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ คือ “แพลตฟอร์มธุรกิจไอที” บริษัทเทคโนโลยีที่เติบโตขึ้นสูงจะต้องการออฟฟิศมากขึ้น ซึ่งอาคารสำนักงานในประเทศไทยจะกลายเป็นฮับที่ดี เนื่องจากมีความความได้เปรียบด้านโลเคชัน ต้นทุนการใช้ชีวิต ค่าครองชีพที่ต่ำกว่าประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์
ที่สำคัญประเทศไทยมีความได้เปรียบในแง่ของเดสติเนชั่นที่ชาวต่างชาติอยากมาพำนัก ล่าสุดประเทศไทย คว้า “อันดับ 1 ของโลก” ในการเป็นประเทศที่ควรมาเยี่ยมชมที่สุดปี 2024 จากเว็บไซต์นิตยสาร CEOWORLD Magazine ประกอบด้วยความเห็นจากผู้อ่านกว่า 295,000 ราย
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้2พ.ค. “แข็งค่าเล็กน้อย” ที่ระดับ 37.00 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทอาจเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าบ้าง ขณะที่เงินดอลลาร์อาจเผชิญแรงกดดันเพิ่มเติม จากการแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วของเงินเยน มองกรอบวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.90-37.15 บาท/ดอลลาร์
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้2พ.ค. 2567 ที่ระดับ 37.00 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 37.06 บาทต่อดอลลาร์ (ระดับปิดวันอังคารที่ 30 เมษายน)
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทได้ชะลอลงมากขึ้น โดยเฉพาะหลังผู้เล่นในตลาดได้คลายกังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดลงบ้าง ทำให้เงินบาทอาจแกว่งตัว sideways ใกล้ระดับ 37 บาทต่อดอลลาร์ นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดอาจยังคงรอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ ทั้งยอดการจ้างงานและดัชนี ISM PMI ภาคการบริการ ทำให้ผู้เล่นในตลาดอาจยังไม่รีบปรับสถานะถือครองมากนัก
อย่างไรก็ดี เงินบาทอาจเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าได้บ้าง ตามโฟลว์ธุรกรรมจ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุนต่างชาติที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ไปจนถึงช่วงปลายเดือนพฤษภาคม ทำให้เงินบาทจะยังไม่สามารถกลับมาแข็งค่าได้ชัดเจน จนกว่าตลาดจะมีการรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม
อาทิ ธีม US Exceptionalism ได้อ่อนกำลังลดชัดเจน จากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาแย่กว่าคาดทำให้เราประเมินว่า โซนแนวรับของเงินบาทอาจยังอยู่แถวช่วง 36.80-36.90 บาทต่อดอลลาร์ (แนวรับถัดไป 36.60 บาทต่อดอลลาร์) ขณะที่ หากเงินบาทผันผวนอ่อนค่าลงบ้าง การอ่อนค่าของเงินบาทก็อาจจำกัดอยู่ในโซนแนวต้าน 37.15-37.25 บาทต่อดอลลาร์ ตามที่ได้ประเมินไว้ก่อนหน้า
อนึ่ง ตลอดทั้งสัปดาห์นี้ เรายังคงมองว่า ควรระวังความผันผวนในตลาดการเงิน จากการเข้าแทรกแซงค่าเงินเยนของทางการญี่ปุ่น เนื่องจากเป็นช่วงที่ตลาดการเงินญี่ปุ่นปิดทำการในช่วงสัปดาห์หยุดยาว Golden Week ทำให้สภาพคล่องในตลาดนั้นเบาบางลงชัดเจน และเหมาะต่อการเข้าแทรกแซงค่าเงิน โดยเฉพาะล่าสุด โมเมนตัมเงินดอลลาร์ได้แผ่วลง จากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ไม่ได้ออกมาดีกว่าคาดชัดเจน ส่วนผู้เล่นในตลาดก็เริ่มคลายกังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดลงบ้าง
เรามองว่า เงินบาทยังคงเคลื่อนไหวผันผวนสูง ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงไปมาของปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางค่าเงินบาท ทำให้ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.90-37.15 บาท/ดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันอังคารที่ 30 เมษายน ค่าเงินบาทได้ผันผวนในกรอบที่กว้างพอสมควร (แกว่งตัวในช่วง 36.94-37.25 บาทต่อดอลลาร์) โดยในช่วงวันหยุด วันแรงงานของไทยและหลายประเทศ ด้วยสภาพคล่องในตลาดการเงินที่เบาบาง อีกทั้งเงินดอลลาร์ก็ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงก่อนตลาดรับรู้ผลการประชุมเฟด
หลังผู้เล่นในตลาดบางส่วนต่างกังวลว่า เฟดอาจส่งสัญญาณในโทน Hawkish มากขึ้น ซึ่งภาพดังกล่าว กอปรกับความกังวลสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่คลี่คลายลงยังได้กดดันให้ ราคาทองคำปรับฐานหนักราว -40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่งผลให้ เงินบาทผันผวนอ่อนค่าทดสอบโซนแนวต้าน 37.25 บาทต่อดอลลาร์
อย่างไรก็ดี เงินบาทได้ทยอยกลับมาแข็งค่าขึ้นบ้าง หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาผสมผสาน กดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง นอกจากนี้ การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ยังได้ดำเนินต่อไปในช่วงหลังตลาดรับรู้ผลการประชุมเฟด ที่ไม่มีการส่งสัญญาณในโทน Hawkish อย่างที่ตลาดกังวล อีกทั้งประธานเฟดก็ย้ำว่า เฟดยังไม่มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
ทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างคลายกังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดลงบ้าง (ทั้งนี้ ผู้เล่นในตลาดยังคงคาดการณ์ว่าเฟดมีโอกาส 36% ที่จะลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้) และภาพดังกล่าวก็หนุนให้ ราคาทองคำรีบาวด์ขึ้นไม่น้อยกว่า +40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดทยอยขายทำกำไรทองคำบ้าง และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยหนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เคลื่อนไหวผันผวน โดยในช่วงแรกตลาดปรับตัวขึ้นได้ดี หลังผู้เล่นในตลาดต่างคลายกังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ทว่า บรรยากาศในตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับถูกกดดันจากแรงขายหุ้นกลุ่ม Semiconductor อาทิ AMD -8.9%, Nvidia -3.9% ทำให้โดยรวม ดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.34%
ในฝั่งตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวลดลง ตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาผสมผสาน และความกังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดของผู้เล่นในตลาดที่คลี่คลายลงบ้าง แต่โดยรวมบอนด์ยีลด์ 10 ปี ยังคงแกว่งตัวแถวโซน 4.64% เนื่องจากผู้เล่นในตลาดส่วนใหญ่ยังคงรอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ
ทั้ง ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมและดัชนี ISM PMI ภาคการบริการ ในวันศุกร์นี้ อย่างไรก็ดี เราคงมองว่า บอนด์ 10 ปี สหรัฐฯ นั้นมีความน่าสนใจในทุกจังหวะการปรับตัวขึ้น (เน้นกลยุทธ์ทยอย Buy on Dip) โดยมี Risk-Reward ที่คุ้มค่าเมื่อประเมินจากคาดการณ์ผลตอบแทนรวมในอีก 1 ปี ข้างหน้า และความเสี่ยงในกรณีที่บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจกลับไปแตะระดับ 5.00% ได้อีกครั้ง
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ทยอยอ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับบรรดาสกุลเงินหลัก ตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาผสมผสาน ขณะเดียวกันผู้เล่นในตลาดก็คลายกังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด หลังประธานเฟดส่งสัญญาณว่า เฟดยังไม่มีแนวโน้มจะขึ้นดอกเบี้ย
นอกจากนี้ เงินดอลลาร์อาจเผชิญแรงกดดันเพิ่มเติม จากการแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วของเงินเยน (JPY) จากระดับ 157.5 เยนต่อดอลลาร์ สู่ระดับ 153 เยนต่อดอลลาร์ อย่างรวดเร็ว (ก่อนที่เงินเยนจะอ่อนค่าลงเข้าใกล้ระดับ 156 เยนต่อดอลลาร์) ซึ่งอาจเป็นการเคลื่อนไหวที่มีผลมาจากการเข้าแทรกแซงค่าเงินโดยทางการญี่ปุ่น ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) แกว่งตัวแถว 105.7 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 105.5-106.5 จุด)
ในส่วนของราคาทองคำ การทยอยปรับตัวลงของเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หลังผู้เล่นในตลาดคลายกังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดลงบ้าง ได้หนุนให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย.) สามารถรีบาวด์ขึ้นจากโซน 2,290 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สู่โซน 2,330 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้อีกครั้ง ทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างใช้จังหวะการรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำ ในการทยอยขายทำกำไรและโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยให้เงินบาททยอยแข็งค่าขึ้น
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) ซึ่งจะช่วยในการประเมินแนวโน้มตลาดแรงงานสหรัฐฯ ได้
และนอกเหนือจากปัจจัยดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินช่วงนี้ได้พอสมควร
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 36.93-36.95 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (10.08 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดในประเทศเมื่อ 30 เม.ย. ที่ 37.06 บาทต่อดอลลาร์ฯ
…โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นสอดคล้องกับสกุลเงินเอเชียอื่นๆ หลังผลการประชุมเฟดเมื่อคืนที่ผ่านมา ที่แม้จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่กรอบ 5.25-5.50% ตามเดิม แต่ก็มีการประกาศรายละเอียดของกระบวนการชะลอการลดงบดุล ซึ่งปัจจัยนี้กดดันบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ให้ปรับตัวลง และกดดัน Sentiment ของค่าเงินดอลลาร์ฯ
นอกจากนี้ ท่าทีของประธานเฟดที่ย้ำถึงการรอจังหวะลดดอกเบี้ยเมื่อเงินเฟ้อสหรัฐฯ กลับลงไปอยู่ในระดับที่เฟดสบายใจ และปฏิเสธโอกาสการขึ้นดอกเบี้ย ถูกตีความว่าเป็นท่าทีในเชิงแข็งกร้าว (Hawkish remarks) น้อยกว่าที่ตลาดคาดด้วยเช่นกัน
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 36.90-37.10 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ การเคลื่อนไหวของค่าเงินเยนและราคาทองคำในตลาดโลก รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนมี.ค.
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“ส้ม สรัลรักษ์” ตบผงาดแชมป์ขนไก่เยาวชนโตโยต้าประเทศไทย
“ส้ม” สรัลรักษ์ วิทิตศานต์ น้องสาวของ “วิว” กุลวุฒิ แชมป์โลกชายเดี่ยว 2023 คว้าแชมป์หญิงเดี่ยว ขนไก่เยาวชนประเทศไทย รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี หลังตบเอาชนะรุ่นน้องร่วมสังกัดบ้านทองหยอด อัญพัชร์ พิชิตปรีชาศักดิ์ 2-0 เกม คว้าสิทธิ์เป็นตัวแทนทีมชาติไทยไปแข่งขันศึกเยาวชนโลก 2024 ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 30 ก.ย. -13 ต.ค. นี้ ที่เมืองหนานชาง สาธารณรัฐประชาชนจีน ได้สำเร็จ
การแข่งขันแบดมินตันในศึก ” โตโยต้า แบดมินตันเยาวชนชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ประจำปี 2567″ ทัวร์นาเมนต์เก็บคะแนนสะสมเยาวชนของสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ ในระดับ LEVEL 1 ชิงเงินรางวัลทุนการศึกษารวม 718,000บาท บาท ที่เซ็นทรัลพลาซ่า เวสต์เกตฮอลล์ อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี เมื่อวันพุธที่ 1พ.ค. 2567 เป็นการลงสนามแข่งขันวันที่หกในรอบชิงชนะเลิศ
สำหรับการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ นี้ ได้รับเกียรติจาก คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการคณะกรรมการโอลิมปิกสากล รองประธานสหพันธ์แบดมินตันโลก และ นายกสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูถัมภ์ , นายทัศนะ พฤกษาไพศาลศิลป์ อุปนายกฯและนายทะเบียนสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทย คุณไพรัช ธัญญเจริญ ผู้ช่วยผู้จัดการ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และ คุณสุรเดช สนธิอรุณทัต ผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท ฟาร์อีสท์สเปเชียลลิตี้ จำกัด (โยเน็กซ์ ประเทศไทย) ร่วมมอบรางวัลให้กับนักแบดมินตัน
นอกจากนั้นทางสมาคมกีฬาแบดมินตันฯ ร่วมกับ โตโยต้า จัดกิจกรรม “โตโยต้า แบดมินตัน คลีนิค” เสริมทักษะเยาวชนไทย ซึ่งเป็นกิจกรรมสร้างแรงบันดาลใจ เลือกเป็นกีฬาออกกำลังกาย และเพื่อความเป็นเลิศ โดยมีโค้ชระดับแนวหน้า และอดีตนักแบดมินตันทีมชาติมาเปิดคลินิกสอนเยาวชนให้สนใจแบดมินตัน อาทิ “โค้ชไบรท์” ภูมิพัฒน์ ดีกรีโค้ชระดับ “A- License” , “โค้ชเอ” มณีพงษ์ จงจิตร, “โค้ชเอ็มเอ็ม” สาวิตรี อมิตรพ่าย, “โค้ชโอ๊ต” สิทธิคมน์ ธรรมศิลป์ และ “โค้ชไก่” ศุภฤกษ์ จันทรพิศาล มาร่วมถ่ายทอดทักษะ และ ฝึกสอนทักษะแบดมินตันขั้นพื้นฐาน ทักษะต่างๆ ให้กับน้องๆเยาวชนที่ได้เข้าร่วมกิจกรรม
รวมไปถึงทางศูนย์การค้า เซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต จะมีการมอบผลิตภัณฑ์ Amino Viltal ให้กับสโมสรและนักกีฬาระดับเยาวชนที่เข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ด้วย
คู่ไฮไลท์สำคัญอยู่ในประเภทหญิงเดี่ยวรุ่นอายุ ยู-19 ปี “ส้ม” สรัลรักษ์ วิทิตศานต์ จากบ้านทองหยอด พบกับ อัญพัชร์ พิชิตปรีชาศักดิ์ บ้านทองหยอด เกมนี้ ส้ม สรัลรักษ์ โชว์ฟอร์มได้ดีเกินคาด เอาชนะไปแบบสนุก 2-0 เกม 21-14,21-15
คว้าแชมป์ในรุ่นนี้ไปครองพร้อมเป็นตัวแทนเยาวชนทีมชาติไทยไปแข่งขันในแบดมินตันเวิลด์ จูเนียร์ แชมเปี้ยนชิพ หรือ ศึกเยาวชนชิงแชมป์โลก 2024 ระหว่างวันที่ 30 ก.ย. -13 ต.ค.67 นี้ ที่เมืองหนางชาง สาธารณรัฐประชาชนจีน
สำหรับผลการแข่งขันคู่อื่นๆในรอบชิงชนะเลิศมีดังนี้ รุ่นอายุ ยู 13 ปี ชายเดี่ยว เตชพัฒน์ ซิ้มยินดี(พลสนะแบดมินตัน) ชนะ ทรงภูมิ วงศ์ศิริอำนวย(ศูนย์ฝึกแบดมินตันเชียงใหม่) 14-21,21-17,21-9 , หญิงเดี่ยว นภัทชา โชคสกุลพร(บ้านทองหยอด) ชนะ ณัฐฎา เกริกกฤตยา(เจพีอะคาร์เดมี่) 21-16,16-21,21-19 , ชายคู่ จิรภัทร คุมพล กับ เตชพัฒน์ ซิ้มยินดี (บ้านทองหยอด/พลสนะแบดมินตัน) ชนะ รวิณ ชูชัยศรี กับ สุวิจักขณ์ มีชัย(เกษมศักดิ์แบดฯ/บอยคลับ) 21-15,21-18 , หญิงคู่ ชณิฏภ์ษฎาฌ์ แหวนทองคำ กับ ณัฐฎา เกริกกฤตยา(สมาคมกีฬาแบดมินตันจังหวัดปทุมธานี/เจพีอะคาร์เดมี่) ชนะ นภัทชา โชคสกุลพร กับ สาริสา แสงบรรจง(บ้านทองหยอด) 21-12,21-16 , คู่ผสม เตชพัฒน์ ซิ้มยินดี กับ พิชญานิน จำเนียร(พลสนะแบดมินตัน/@ซีเอ็นเอ๊กซ์) ชนะ ฐเดชา อุดมหรรษากุล กับ ณัฐฎา เกริกกฤตยา(ศิริภูล/เจพีอะคาร์เดมี่) 21-15,21-18
รุ่นอายุ ยู 15 ปี ชายเดี่ยว วรดร สกุลปักษ์(ซีอาร์แบดฯ) ชนะ ปริญญา พุฒิไพรสกุล(บ้านทองหยอด) 21-12,21-16 , หญิงเดี่ยว ญาดาวีมินทร์ เกตุเกลี้ยง(ที ไทยแลนด์) ชนะ ณธิดา บุระมาศ(สมาคมกีฬาแบดมินตันจังหวัดปทุมธานี) 21-18,21-9 , ชายคู่ ธนภัทร เกิดศรีพันธุ์ กับ ศุภวิชญ์ เพชรวารินทร์(แกรนนูลาร์/เทศบาลเมืองท่าข้าม) ชนะ ธนัชเดช กลีบมาลัย กับ อัครินทร์ องค์วิศิษฐ์(ยูนิตี้&รวิน/เอ็มพี นครสวรรค์) 21-11,21-15 , หญิงคู่ ณธิดา บุระมาศ กับ ศาริสา จันทร์แพง(สมาคมกีฬาแบดมินตันจังหวัดปทุมธานี) ชนะ กานต์ หลุยยะพงศ์ กับ ณัฎฐ์วริน สมานราษฏร์(บ้านทองหยอด) 21-12,21-11 , คู่ผสม ยุทธศักดิ์ นาดี กับ กุ้งแก้ว กากะนิก(แกรนนูลาร์) ชนะ ธนภัทร เกิดศรีพันธุ์ กับ พิมพ์ณภา ธนัทอนันตพงศ์(แกรนนูลาร์/@ซีเอ็นเอ๊กซ์) 21-19,21-11
รุ่นอายุ ยู 17 ปี ชายเดี่ยว ปัณณทัต เปรมพันธ์พงษ์ (สมาคมกีฬาแบดมินตันจังหวัดปทุมธานี) ชนะ ธนิก ฟู(ที ไทยแลนด์) 21-10,21-11 , หญิงเดี่ยว จรรยพร มีพานทอง (ทีดับบลิวแบดฯ) ชนะ ลลิตา สัตยธาดากูล(เอสเอ็มแบดฯ) 22-20,18-21,21-10 , ชายคู่ กุลพัทธ์ โล่ห์ทอง กับ ธีธัช จินตมุทธา(สมาคมกีฬาแบดมินตันจังหวัดปทุมธานี/ภคภัทร์) ชนะ ลูคัส เอกรัฐ เวดเลอร์ กับ วรณัน แสงวณิช(เอสไอเอสบี แบดฯ/ที ไทยแลนด์) 21-15,21-16 , หญิงคู่ คณภร ดีอารมย์ กับ ธนภร ดีอารมย์(สมาคมกีฬากรุงเก่า) ชนะ ณปภากร ตุงคะสถาน กับ พัทธรินทร์ เอี่ยมวารีศรีสกุล(กุลชลาแบดฯ/สมาคมกีฬาแบดมินตันจังหวัดปทุมธานี) 21-16,11-21,21-19 , คู่ผสม ลูคัส เอกรัฐ เวดเลอร์ กับ ชัญญพัชร์ ชาติวีระชัยศรี(เอสไอเอสบี แบดฯ/ที ไทยแลนด์) ชนะ ธีธัช จินตมุทธา กับ คณภร ดีอารมย์ (ภคภัทร์/สมาคมกีฬากรุงเก่า) 16-21,21-15,21-18
รุ่นอายุ ยู 19 ปี ชายเดี่ยว เอกณัฏฐ์ กิจกวินโรจน์(บ้านทองหยอด) ชนะ พัชรกิตติ์ อภิรัชตะเศรษฐ์(บ้านทองหยอด) 21-17,22-20 , ชายคู่ ชยพัทธ์ พิบูลย์ กับ สิทธิศักดิ์ นาดี(แกรนนูลาร์) ชนะ เอกณัฏฐ์ กิจกวินโรจน์ กับ แทนคุณ เศรษฐประเสริฐ(บ้านทองหยอด) 21-11,28-30,21-18 , หญิงคู่ ณภชนก อุตสานนท์ กับ สาบริน่า โสภิตา เวดเลอร์(สมาคมกีฬากรุงเก่า/เอสไอเอสบี แบดฯ) ชนะ กชพร ชัยชนะ กับ ปัณณวีร์ พลเยี่ยม(บ้านทองหยอด) 21-14,21-14 , คู่ผสม แทนคุณ เศรษฐประเสริฐ กับ พิชญ์นาฏ ไชยวรรณะ(บ้านทองหยอด) ชนะ อรรถวุฒิ ศรีแผ้ว กับ สาบริน่า โสภิตา เวดเลอร์(สมาคมกีฬากรุงเก่า/เอสไอเอสบี แบดฯ) 21-15,21-13
คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการคณะกรรมการโอลิมปิกสากล , รองประธานสหพันธ์แบดมินตันโลก และนายกสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทย ในพระบรมชูปถัมถ์ กล่าวว่า ” ต้องขอแสดงความยินดีกับนักกีฬา และผู้ฝึกสอนทุกๆท่านที่ประสบความสำเร็จในการแข่งขันแบดมินตัน โตโยต้า เยาวชน ชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ประจำปี 2567 หรือ ศึกเยาวชนชิงแชมป์ประเทศไทย ในปีนี้
“โดยนักกีฬาที่ครองแชมป์ในรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี จะได้สิทธิ์เป็นตัวแทนเยาวชนทีมชาติไทยไปแข่งขันในแบดมินตันเวิลด์ จูเนียร์ แชมเปี้ยนชิพ หรือ ศึกเยาวชนชิงแชมป์โลก 2024 ระหว่างวันที่ 30 ก.ย. -13 ต.ค.67 นี้ ที่เมืองหนานชาง สาธารณรัฐประชาชนจีน ส่วนแชมป์ในรุ่นยู-15 และ ยู-17 ปี จะได้สิทธิ์เป็นตัวแทนเยาวชนทีมชาติไทยไปแข่งขันแบดมินตันเยาวชนชิงแชมป์เอเชีย 2024 ระหว่างวันที่ 28 มิ.ย. – 7 ก.ค.นี้ ที่เมืองยอกจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย”
กับความสำเร็จในการจัดการแข่งขันแบดมินตัน โตโยต้า เยาวชน ชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ประจำปี 2567 สมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทย ต้องขอขอบคุณ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด, โยเน็กซ์ ประเทศไทย , การกีฬาแห่งประเทศไทย และทีมงานฝ่ายจัดการแข่งขันที่ร่วมแรงร่วมใจกันทำงานอย่างหนักไปด้วยกันจนบรรลุสู่เป้าหมาย“
คุณหญิงปัทมา ได้กล่าวเสริมอีกว่า “การจัดการแข่งขันครั้งนี้ เพื่อให้เด็กและเยาวชนไทยฝึกซ้อมอย่างมีเป้าหมายสุงสุดของตัวเอง ความภาคภูมิใจ และฝีมือของเพื่อนๆที่เข้ามาแข่งขัน เพื่อนำมาพัฒนาตนเองให้ไปสู่ความเป็นเลิศในระดับประเทศ และระดับโลกต่อไป การพัฒนาของนักแบดมินตันเยาวชนเหล่านี้ คือการสร้างนักแบดมินตันคลื่นลูกใหม่ มาแทนรุ่นพี่ในปัจจุบัน ในอนาคตของวันข้างหน้า ซึ่งเป็นไปตามทุกชนิดกีฬารวมไปถึงแบดมินตันด้วย ซึ่งเป็นสื่งที่สำคัญและละเลยไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว”
ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th
“เบื่ออาหาร” อาจเป็นสัญญาณอันตรายโรคร้ายที่คาดไม่ถึง
ภาวะเบื่ออาหาร (Loss of Appetite) เป็นอาการที่ไม่รู้สึกอยากอาหาร ความต้องการกินอาหารลดลง ในบางครั้งอาจจะรู้สึกหิวแต่กลับไม่รู้สึกอยากกินอะไร อาการนี้เกิดได้ทั้งจากปัญหาสุขภาพกายและสุขภาพจิต โดยเฉพาะภาวะการเบื่ออาหารอย่างรุนแรงโดยที่ไม่ได้เกิดจากการเบื่ออาหารที่รู้สึกว่ากินซ้ำ กินบ่อย หรือจำเจจนไม่อยากกิน
อย่างไรก็ตาม อาการเบื่ออาหารเป็นอาการที่ไม่ควรมองข้ามหรือไม่ใส่ใจ เพราะนี่อาจไม่ใช่เรื่องเล็ก และไม่ใช่อาการผิดปกติทั่วไป ถ้าจู่ ๆ คุณเกิดเบื่ออาหารทั้งที่ปกติเป็นคนชอบกิน
ลักษณะอาการของการเบื่ออาหาร
อาการเบื่ออาหารนี้จะทำให้ผู้ที่ประสบปัญหามีความรู้สึกไม่เจริญอาหาร ไม่อยากกินอาหาร อยากอาหารน้อยลง รวมถึงปฏิเสธอาหารที่เคยชอบ หรือปฏิเสธการกินอาหารในปริมาณปกติ ในบางครั้ง ผู้ที่ประสบปัญหานี้สามารถอยู่ได้ทั้งวันโดยที่ไม่กินอะไรเลยแม้ว่าจะรู้สึกหิวก็ตาม สิ่งที่ตามมาก็คือ น้ำหนักตัวลดลง
ส่วนใหญ่แล้วผู้ที่รู้สึกเบื่ออาหารแบบที่ผิดปกติก็มักจะเกิดอาการอื่นร่วมด้วย เช่น รู้สึกคลื่นไส้ตลอดเวลา ท้องผูก ท้องอืด อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ เบื่อหน่ายกับสิ่งต่าง ๆ รอบตัว หรือไม่มีแรงจูงใจในการดำเนินชีวิต รู้สึกมีความทุกข์กับชีวิต หรืออาจรุนแรงจนถึงขั้นมีความคิดอยากฆ่าตัวตาย
โดยทั่วไป หากสาเหตุเกิดจากความเครียด อาการก็มักจะหายได้เองใน 2-3 วัน เต็มที่คือ 1 สัปดาห์ หรือภาวะเครียดดีขึ้น แต่ถ้าหากเริ่มมีอาการรุนแรงลักษณะนี้ต้องรีบไปพบแพทย์ เพราะอาจมีสาเหตุมาจากปัญหาสุขภาพกายที่เป็นอาการป่วยจากโรคภัยไข้เจ็บ อาทิ
- ไม่สามารถพยายามกินอาหารได้เลยในช่วงเวลามากกว่า 3 วัน และรู้สึกคลื่นไส้ตลอดเวลา
- ไม่สามารถดื่มน้ำหรือแม้แต่พยายามกินของเหลวได้
- อาเจียนมากกว่า 1 วัน
- น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วโดยไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด
- รู้สึกเจ็บขณะพยายามกินอาหาร
- ไม่รู้สึกอยากขับถ่าย ปัสสาวะน้อย มีกลิ่นแรง และมีสีเข้ม รวมถึงมีอาการท้องผูก
นอกจากนี้ ยังอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้หากไม่ได้รับการรักษาให้หาย ก็จะทำให้มีอาการรุนแรงขึ้น เช่น มีอาการอ่อนเพลีย น้ำหนักตัวลดลง หัวใจเต้นผิดจังหวะ เป็นไข้ และขาดสารอาหาร
ปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการเบื่ออาหาร
ผู้ที่เกิดอาการเบื่ออาหารจะกลับมากินอาหารได้ตามปกติเมื่อมีการเปลี่ยนอาหารที่กิน หรือเปลี่ยนบรรยากาศในการกินอาหาร แต่หากเริ่มแน่ใจว่าอาการเบื่อที่ว่าไม่ได้เกิดขึ้นจากการกินอาหารเดิม ๆ จนรู้สึกเบื่อ นั่นแปลว่ามีสาเหตุมาจากสุขภาพ โดยอาการเบื่ออาหารเกิดขึ้นได้จากปัจจัยหลัก ๆ 3 อย่าง
ปัญหาสุขภาพกาย เป็นอาการป่วยที่เกิดขึ้นกับร่างกาย ซึ่งมักจะเกิดมาจากการติดเชื้อได้ทั้งเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย จึงมักจะมีอาการป่วยแบบชั่วคราวร่วมด้วย เช่น ป่วยเป็นไข้หวัด อย่างไรก็ตามผู้ป่วยจะกลับมากินอาหารได้ตามปกติหากอาการป่วยนี้หายเป็นปกติแล้ว
แต่สิ่งที่ต้องระวังคือหากผู้ป่วยมีอาการรุนแรง นั่นอาจมีสาเหตุมาจากโรคประจำตัว ซึ่งหากไม่เคยรู้ตัวมาก่อนหรือมีอาการอื่นร่วมด้วยจนสงสัยว่าอาจเป็นโรคร้ายแรงก็ต้องรีบไปพบแพทย์ เพื่อการวินิจฉัยทั้งจากการวินิจฉัยทางคลินิกและการวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการต่อไป
ส่วนใหญ่แล้ว โรคที่เป็นปัจจัยให้เกิดอาการเบื่ออาหาร เช่น มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ใหญ่ โรคมะเร็งตับอ่อน ตับวาย ไตวาย ตับอักเสบ ติดเชื้อเอชไอวี ไข้เลือดออก เป็นต้น
ปัญหาสุขภาพจิต มักมาจากความเครียด ความวิตกกังวล และความรู้สึกเป็นทุกข์ มีอารมณ์เศร้า เสียใจ เบื่อหน่าย ทำให้เกิดความรู้สึกไม่อยากอาหารได้ อย่างไรก็ตามมักจะปรากฏร่วมกับอาการที่บ่งบอกชัดเจนว่ามาจากความผิดปกติทางสุขภาพจิต เช่น อ่อนเพลีย ขาดแรงจูงใจในการดำเนินชีวิต และอาจมีภาวะคิดฆ่าตัวตาย
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา การใช้ยารักษาโรคบางชนิดมีผลข้างเคียงให้เกิดอาการเบื่ออาหารได้ อย่างยาปฏิชีวนะ การให้เคมีบำบัด รวมถึงการใช้สารเสพติดก็ส่งผลให้เกิดอาการเบื่ออาหารได้เช่นกัน
การรักษาอาการเบื่ออาหาร
การรักษาอาการเบื้องต้นจะแตกต่างกันตามสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการเบื่ออาหาร
จากปัญหาสุขภาพกาย หากเป็นโรคชั่วคราวอย่างไข้หวัด สามารถรักษาได้ด้วยการกินยาและดูแลสุขภาพให้แข็งแรง รวมถึงพยายามกินอาหารบ้าง อาจแบ่งเป็นมื้อเล็ก ๆ แต่กินบ่อย ๆ เลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ ให้พลังงานมาก เพื่อที่จะได้ไม่ต้องกินปริมาณมากแต่ได้รับพลังงานเพียงพอ และดื่มน้ำให้มาก อย่างไรก็ตามหากเป็นโรคประจำตัว การรักษาอาการเบื่ออาหารจะเป็นไปได้ยาก แต่สามารถดูแลไม่ให้อาการแย่ลง และประคับประคองไปตามอาการ
จากปัญหาสุขภาพจิต หากเป็นอาการเครียดชั่วคราว อาการจะดีขึ้นเองเมื่อภาวะความเครียดลดลง แต่ถ้าหากสัมพันธ์กับอาการป่วยทางจิตเวช เช่น โรคซึมเศร้า ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการรักษาจากจิตแพทย์เพื่อให้ยาในการรักษาโรค หรือปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต เพื่อบำบัดอาการ
จากผลข้างเคียงจากการใช้ยา หากเป็นผลข้างเคียงจากยาที่ใช้รักษาโรค ต้องปรึกษาแพทย์เพื่อเปลี่ยนหรือปรับปริมาณยา แต่ถ้าเป็นผลข้างเคียงจากการใช้สารเสพติด ก็ต้องได้รับการบำบัดที่ถูกวิธี เพื่อรักษาอาการติดสารเสพติดด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
Microsoft ประกาศพันธสัญญา พร้อมขับเคลื่อนประเทศไทยด้วย AI และ Cloud
ไมโครซอฟท์ประกาศพันธสัญญาสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคลาวด์และ AI ในประเทศไทย เดินหน้าเสริมทักษะด้าน AI ให้กับคนไทยกว่า 100,000 คน พร้อมสนับสนุนชุมชนนักพัฒนาในประเทศไทย ต่อยอดจากบันทึกข้อตกลงความร่วมมือที่ไมโครซอฟท์ได้ลงนามกับรัฐบาลไทย ภายใต้จุดมุ่งหมายเพื่อนำประเทศไทยมุ่งสู่อนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมดิจิทัลและ AI
ประธานกรรมการและซีอีโอของไมโครซอฟท์ นายสัตยา นาเดลลา เผยถึงแผนงานทั้งหมดนี้ภายในงาน Microsoft Build: AI Day ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงเทพฯ ต่อหน้านักพัฒนาและผู้นำจากภาคธุรกิจและเทคโนโลยีในประเทศไทยกว่า 2,000คน โดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้เกียรติมาร่วมกล่าวเปิดงาน
“วิสัยทัศน์ ‘IGNITE THAILAND จุดพลัง รวมใจ ไทยต้องเป็นหนึ่ง’ มีเป้าหมายที่จะยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางเมืองแห่งเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพของประเทศในการสรรค์สร้างนวัตกรรม งานวิจัยและพัฒนา ตลอดจนยกระดับขีดความสามารถแรงงานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น” นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน กล่าว “การประกาศความร่วมมือกับไมโครซอฟท์ในวันนี้ เป็นก้าวสำคัญของเราบนเส้นทางสู่วิสัยทัศน์ IGNITE THAILAND มุ่งสร้างโอกาสให้คนไทยทุกคนได้เติบโต สร้างสรรค์นวัตกรรม และมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น”
นายนาเดลลา กล่าวว่า “ประเทศไทยมีศักยภาพโดดเด่นและโอกาสในการสร้างอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมดิจิทัลและ AI การเปิดดาต้าเซ็นเตอร์ระดับภูมิภาคแห่งใหม่ ควบคู่ไปกับการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ สำหรับคลาวด์และ AI รวมถึงการเสริมสร้างทักษะด้าน AI ล้วนเป็นแผนงานที่ต่อยอดพันธกิจของไมโครซอฟท์ เพื่อช่วยให้องค์กรไทย ทั้งในภาครัฐและภาคเอกชนเติบโต ร่วมกันสร้างความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ให้กับประเทศไทย”
นายธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด เสริมว่า “ไมโครซอฟท์มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะร่วมพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยให้แข็งแรงและโดดเด่นยิ่งขึ้น ให้คนไทยทุกคนได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากศักยภาพของเทคโนโลยีอย่างคลาวด์และ AI ที่จะเข้ามาช่วยสร้างการเติบโตและชีวิตที่ดียิ่งขึ้น ความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยวางรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับอนาคตของประเทศไทย ไม่เพียงแค่มีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย แต่ยังมอบโอกาสให้ทุกคนอย่างเท่าเทียม และส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนอีกด้วย”
เติมศักยภาพ เสริมปัจจัยสู่ความสำเร็จในยุค AI
แผนงานของไมโครซอฟท์ในด้านโครงสร้างพื้นฐาน ครอบคลุมถึงการจัดตั้งดาต้าเซ็นเตอร์ระดับภูมิภาคแห่งใหม่ในประเทศไทย เพื่อขยายการให้บริการคลาวด์ในสเกลใหญ่ของไมโครซอฟท์ให้กว้างขวางและทั่วถึงยิ่งขึ้น มอบเสถียรภาพและสมรรถนะที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานระดับองค์กรมากยิ่งขึ้น ทั้งยังรองรับมาตรฐานของประเทศไทยด้านการจัดเก็บและรักษาความปลอดภัยของข้อมูลอย่างครบถ้วน
แผนการขยายโครงสร้างพื้นฐานนี้ สอดรับกับแนวโน้มความต้องการใช้งานบริการคลาวด์ที่เพิ่มสูงขึ้นในประเทศไทย ทั้งจากบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก และหน่วยงานของภาครัฐ และยังจะช่วยให้ประเทศไทยสามารถคว้าโอกาสในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการเสริมประสิทธิภาพในการทำงานของทุกภาคส่วนด้วยเทคโนโลยี AI ล่าสุด
ทั้งนี้ งานวิจัยโดยบริษัทที่ปรึกษา Kearney คาดการณ์ว่า AI จะช่วยเพิ่มมูลค่า GDP ของประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ถึง 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 37,000 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2030 โดยในจำนวนนี้ คิดเป็นยอด GDP ของประเทศไทยที่จะเพิ่มขึ้นถึง 117,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 4.3 ล้านล้านบาท)
ติดอาวุธทักษะบุคลากรไทย พร้อมทำงานผสาน AI
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ยังได้ประกาศเป้าหมายที่จะช่วยสนับสนุนให้ประชากรกว่า 2.5 ล้านคนจากประเทศสมาชิกอาเซียนได้มีโอกาสเรียนรู้และฝึกฝนทักษะด้าน AI โดยการฝึกอบรมและมาตรการสนับสนุนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด จะจัดขึ้นภายใต้ความร่วมมือกับรัฐบาล องค์กรที่ไม่แสวงหากำไร ภาคเอกชน รวมถึงชุมชนและกลุ่มผู้สนใจในประเทศไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม
สำหรับในประเทศไทย แผนงานด้านการเสริมทักษะของไมโครซอฟท์ในระยะแรกจะช่วยยกระดับความสามารถด้าน AI ให้กับคนไทยกว่า 100,000 คน
โครงการ AI Skills for the AI-enabled Tourism Industry มุ่งเสริมทักษะด้าน AI ให้กับผู้ประกอบการและบุคลากรในภาคการท่องเที่ยวโดยเฉพาะ โครงการนี้จัดทำขึ้นภายใต้ความร่วมมือระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงแรงงาน สถาบันฝึกอบรมอาชีวศึกษาด้านเทคโนโลยี และไมโครซอฟท์ ด้วยจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับผู้ประกอบการรุ่นใหม่และเยาวชนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการท่องเที่ยวในเมืองรองทั่วประเทศ
โครงการนี้มุ่งเน้นเพิ่มขีดความสามารถด้านการใช้งาน AI เพื่อภาคการท่องเที่ยวของผู้ฝึกสอน 500 คนจากสถาบันฝึกอบรมอาชีวศึกษาด้านเทคโนโลยี โดยผู้ฝึกสอนเหล่านี้จะนำความรู้และทักษะที่ได้รับไปเผยแพร่ให้กับเยาวชนและคนทำงานรุ่นใหม่ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการโรงแรม ผู้เข้าอบรมสามารถเข้าถึงเนื้อหาในหลักสูตรได้อย่างสะดวกรวดเร็วผ่านแพลตฟอร์มเพื่อการเรียนรู้ที่ดูแลโดยพันธมิตรของไมโครซอฟท์ ทั้งยั้งสามารถขยายโครงการและการเรียนรู้ได้ในระยะยาวต่อไป
โครงการ AI Skills for the AI-enabled Tourism Industry เป็นอีกหนึ่งโครงการต่อยอดกิจกรรมด้านทักษะและการเรียนรู้ที่ไมโครซอฟท์ได้จัดขึ้นในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นโครงการ Accelerating Thailand, ASEAN Cyber Security Programme, Code; Without Barriers และ Junior Software Developer Program
นอกจากนี้ ไมโครซอฟท์ยังจะทำงานร่วมกับรัฐบาลไทยอย่างใกล้ชิดในการสนับสนุนนโยบาย “Cloud First” ของภาครัฐ ด้วยโครงการพัฒนาทักษะด้าน AI สำหรับข้าราชการและนักพัฒนาที่ทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ
หนุนนักพัฒนาทั่วไทยพร้อมใช้ AI อย่างเต็มศักยภาพ
ในโอกาสนี้ นายสัตยา นาเดลลา ยังได้เน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของนักพัฒนาในการกำหนดทิศทางของประเทศไทย เพื่อมุ่งสู่อนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมดิจิทัลและ AI
ไมโครซอฟท์ยังคงมีบทบาทอย่างต่อเนื่องในการขับเคลื่อนการเติบโตของชุมชนนักพัฒนาในประเทศไทย ผ่านโครงการและกิจกรรมอย่าง AI Odyssey ที่มุ่งสนับสนุนให้นักพัฒนาชาวไทยกว่า 6,000 คน ยกระดับทักษะความสามารถขึ้นมาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ที่ครบเครื่องด้วยทักษะใหม่ๆ และการรับรองจากไมโครซอฟท์
ประเทศไทยนับว่าเป็นตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็วสำหรับ GitHub แพลตฟอร์มที่มีไมโครซอฟท์เป็นเจ้าของ ออกแบบมาเพื่อรองรับนักพัฒนาทั้งในการเขียนโค้ด ประสานงาน และสร้างสรรค์นวัตกรรม โดยในปี 2566 ที่ผ่านมา มีนักพัฒนาในประเทศไทยรวมกว่า 900,000 รายที่ใช้งาน GitHub หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตถึง 24% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
นอกจากนี้ หลายองค์กรในไทยยังได้นำนวัตกรรม Generative AI จากไมโครซอฟท์มาปรับใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ทางธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น:
- บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส ผู้นำด้าน digital life service provider ได้นำผู้ช่วย AI อย่าง Copilot for Microsoft 365 มาประยุกต์ใช้เพื่อให้พนักงานทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเข้ามามีบทบาทในหน่วยงานต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะในฝ่ายกฎหมาย นอกจากนี้ เอไอเอสยังได้นำ GitHub Copilot บริการ AI สำหรับช่วยเขียนโค้ด และ Azure OpenAI Service แพลตฟอร์มเพื่อการพัฒนา AI ในองค์กร มาใช้งานต่อยอดเพื่อสร้างสรรค์แอปพลิเคชันและผู้ช่วย AI ด้วยตนเอง
- สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้พัฒนาแพลตฟอร์มใหม่ที่นำนวัตกรรม AI มาขับเคลื่อนภารกิจเพื่อสุขภาพที่ดีกว่าของคนไทย โดยแพลตฟอร์มดังกล่าวนำบริการ Azure OpenAI Service, Azure Machine Learning และเทคโนโลยีอื่นๆ ของไมโครซอฟท์มาพัฒนาเป็นช่องทางให้ประชาชนทั่วไปสามารถทำความเข้าใจนโยบายด้านสาธารณสุขได้ง่ายขึ้น ทั้งยังสามารถให้คำแนะนำด้านการดูแลรักษาสุขภาพที่ตรงกับความต้องการของแต่ละคน พร้อมด้วยข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิการรักษาพยาบาลและบริการทางการแพทย์ที่เหมาะสม เพื่อให้คนไทยกว่า 66 ล้านคนมีโอกาสเข้าถึงข้อมูลการรักษาพยาบาลได้ทั่วถึงมากยิ่งขึ้น
- บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCBX กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีทางการเงินชั้นนำของประเทศไทย ได้นำบริการ Azure OpenAI Service มาเป็นรากฐานของการสร้างสรรค์นวัตกรรมในองค์กร เพื่อมุ่งสู่การเป็น AI-first organization โดยธุรกิจหลักของกลุ่มอย่างธนาคารไทยพาณิชย์ ได้นำ Azure OpenAI Service มาใช้สนับสนุนการทำงานของแชทบอท “มณี” ให้ทำความเข้าใจคำถามของลูกค้าได้ชัดเจนและแม่นยำยิ่งขึ้น ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านการบริการลูกค้าได้ถึง 400,000 เหรียญสหรัฐ (ราว 14.8 ล้านบาท) ต่อปี ขณะที่อีกหนึ่งธุรกิจในเครืออย่าง InnovestX ก็ได้นำ Azure OpenAI Service มาใช้รวบรวมข้อมูลผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในต่างประเทศ พร้อมด้วยบทวิเคราะห์จากหลากหลายแหล่ง มาสรุปเป็นรายงานที่อ่านง่ายและแม่นยำ นอกจากนี้ SCBX ยังได้พัฒนาระบบวิเคราะห์ข้อความในโซเชียลมีเดียที่มีความเข้าใจภาษาไทยอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น เพื่อใช้งานภายในองค์กรโดยเฉพาะ จึงสามารถมอนิเตอร์บทสนทนาต่างๆ รวมถึงบริหารจัดการชื่อเสียงขององค์กรในโลกออนไลน์ได้ด้วยระบบอัตโนมัติที่มีถูกต้อง แม่นยำ และทันท่วงทียิ่งขึ้น
- สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา หน่วยงานในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีที่มีภารกิจในการร่วมพิจารณาและจัดทำร่างกฎหมาย ให้ความเห็นเชิงกฎหมายกับหน่วยงานของรัฐ ได้ประกาศว่าจะนำ Copilot for Microsoft 365 เข้ามาสนับสนุนการทำงานของนักกฎหมายที่ทำงานให้กับภาครัฐ รวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านอื่นๆ ภายในองค์กร
ทั้งนี้ ยังมีองค์กรและหน่วยงานอื่นๆ อีกมากมายในประเทศไทยที่กำลังทำงานร่วมกับไมโครซอฟท์อย่างใกล้ชิดเพื่อสำรวจความเป็นไปได้ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นจาก AI ไม่ว่าจะเป็นเครือเจริญโภคภัณฑ์ บริษัทเอกชนรายใหญ่ที่สุดของประเทศ หรือบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTGC) ผู้นำด้านธุรกิจปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์
ไมโครซอฟท์ยังทำงานร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ในด้านการแบ่งปันแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัยในโลกออนไลน์ ภัยไซเบอร์ จุดอ่อนในระบบและเทคโนโลยีต่างๆ พร้อมด้วยคำแนะนำในด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อยกระดับการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ของประเทศไทยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น พร้อมรับมือกับความเสี่ยงในโลกยุค AI นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยังได้นำ AI มาใช้เสริมประสิทธิภาพการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานภายใน ซึ่งจะนำไปสู่ความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นในข้อมูลเชิงเศรษฐกิจ และปูทางไปสู่การวางนโยบายที่มุ่งพัฒนาเศรษฐกิจไทยอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมยิ่งขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
Prefix Suffix เทคนิคจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษ ขั้นเทพ!
Prefix Suffix คำศัพท์
“ เดาศัพท์ ให้ดูเซียน ช่วยให้คุณจดจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษได้ง่ายมากขึ้น”
Prefix แปลว่า อุปสรรค
เมื่อนำ Prefix ไว้ด้านหน้าคำศัพท์ใด ทำให้ความหมายของคำนั้นเปลี่ยนไป เช่น เปลี่ยนไปในทางตรงกันข้าม, เปลี่ยนไปในทางที่แย่ลง, หรือช่วยบอกตำแหน่ง, เวลา, และจำนวนก็ได้
ตัวอย่าง
1. เปลี่ยนไปในทางตรงกันข้าม , ความหมายเชิงปฎิเสธ (a-, im-, in-, ir- , un-, dis-) เช่น amoral, impossible , inconvenient , irreparable , unfair , dislike
2. ความหมายเกี่ยวกับสถานที่ , ตำแหน่ง (super- , sub- , inter-) เช่น superstructure , subway , international
3. ความหมายเกี่ยวกับเวลา (pre- , fore- , post-) เช่น prehistory , foretell , post-war
4. ความหมายเกี่ยวกับจำนวน (mono- , bi- ,tri- , multi-) เช่น monopoly , bicycle , triangle , multimedia
Prefix a-
meaning : not, without (แปลว่า ไม่)
- amoral (adj) ไร้ศีลธรรม
- anonymous (adj) นิรนาม, ไม่เปิดเผย
- atypical (adj) ผิดแบบ, ผิดพวก, ผิดปกติ
- achromatic (adj) ไม่มีสี
- asymmetrical (adj) ไม่สมดุล, ไม่สมมาตร, ไม่ได้ส่วนสัด
- asymmetry (n.)ไม่สมส่วนกัน
Prefix annu-, enni-
meaning : year (แปลว่า ปี)
- annual (adj.) ประจำปี
- anniversary (n.) วันครบรอบปี
- biannual (adj.) สองครั้งต่อปี
- annals (n.) บันทึกเหตุการณ์ประจำปี
- millennium (n.) วันครบรอบพันปี
Sufflix แปลว่า ปัจจัย
เมื่อนำ Sufflix วางไว้ด้านหลังคำศัพท์ แล้วทำให้ความหมายชัดเจนขึ้น และส่วนใหญ่จะทำให้หน้าที่ของคำเปลี่ยนไปด้วย เช่น เปลี่ยนกริยาเป็นคำนาม, เปลี่ยนคำนามเป็นคำคุณศัพท์ เป็นต้น
ตัวอย่าง
1. Noun suffixes คือ suffixes ที่เติมแล้วเปลี่ยนให้เป็นคำนาม ( -ee, -er/-or , -ness , -sion/tion) เช่น employee , singer, director , happiness , expression , collection
2. Adjective suffixes คือ suffixes ที่เติมแล้วเปลี่ยนให้เป็นคุณศัพท์ (-able/-ible , -ful , -less , -ly , -ous) เช่น comfortable , horrible , beautiful , hopeless , daily , fabulous
3. Verb suffixes คือ suffixes ที่เติมแล้วเปลี่ยนให้เป็นคำกริยา (-ate , -en ,-ify , -ise/-ize) เช่น passionate , soften , identify , realise , categorize
4. Adverb suffixes คือ suffixes ที่เติมแล้วเปลี่ยนให้เป็นกริยาวิเศษณ์ (-ly, -ward(s), -wise) เช่น quickly , forwards , lengthwise
Suffix -ful
meaning : full of (เต็มไปด้วย)
- hopeful มีความหวัง
- useful มีประโยชน์
- careful ระมัดระวัง
- painful เจ็บปวด
- thoughtful รอบคอบ
- mindful ให้ความสนใจ
- powerful มีพลัง
- restful ผ่อนคลาย
Suffix -less
meaning : without (แปลว่า ปราศจาก)
- hopeless สิ้นหวัง
- useless ไร้ประโยชน์
- careless ไม่ใส่ใจ
- painless ไม่เจ็บปวด
- thoughtless สะเพร่า
- mindless ไม่สนใจ
- powerless อ่อนแอ
- restless ร้อนใจ
ขอบคุณข้อมูลจาก edufirstschool.com
ผลกระทบต่อสุขภาพของ “กาแฟส้ม” ที่ไม่มีใครเคยบอกคุณ
“กาแฟส้ม” เป็นหนึ่งในเมนูฮิตประจำคาเฟ่ หรือร้านกาแฟในปัจจุบัน แต่บางสิ่งก็ไม่เหมาะสมที่จะจับคู่กัน ซึ่งก็ไม่มีใครเคยบอกว่า “กาแฟส้ม” นั้นส่งผลกระทบต่อสุขภาพมากกว่าที่คิด และนี่คือผลกระทบด้านสุขภาพของ “กาแฟส้ม” ที่อาจจะเป็นเครื่องดื่มแก้วโปรดของใครต่อใคร
การผสมกาแฟกับน้ำส้มนั้นนอกจากจะเป็นการลดทอนรสชาติอันยอดเยี่ยมของกาแฟที่ผ่านการคั่วอย่างพิถีพิถันแล้ว น้ำส้มยังเปลี่ยนรสชาติของกาแฟไปโดยสิ้นเชิง และนอกจากนั้นผู้เชี่ยวชาญด้านกาแฟยังบอกอีกว่าการผสมเครื่องดื่มทั้งสองชนิดที่มีค่า pH ต่างกันอย่างมากอาจส่งกระทบต่อองค์ประกอบทางเคมีของแต่ละอย่างอย่างรุนแรงอีกด้วย
อย่างไรก็ตามการผสมกาแฟกับน้ำส้มส่งผลต่อร่างกายมากกว่าแค่รสชาติ เพราะมันอาจทำให้ปวดท้องได้ ทั้งน้ำส้มและกาแฟเป็นอาหารที่มีความเป็นกรดสูง กาแฟยังกระตุ้นการผลิตกรดในกระเพาะอาหารอีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้อาจนำไปสู่ภาวะกรดไหลย้อน หรืออาการแสบร้อนกลางอก
นอกจากนี้ การผสมกาแฟกับน้ำส้มยังอาจส่งผลต่อการดูดซึมสารอาหารได้อีกด้วย “แทนนิน (สารประกอบฟีนอลละลายน้ำที่มีอยู่ในพืชหลายชนิด) ที่พบในกาแฟสามารถยับยั้งการดูดซึมวิตามินซีจากน้ำส้มได้ ดังนั้น หากคุณต้องการวิตามินซีอย่างเต็มที่ ควรเว้นระยะห่างระหว่างการดื่มเครื่องดื่มทั้งสองชนิดนี้ประมาณ 1 ชั่วโมง
สำหรับใครที่ต้องการเติมกลิ่นส้มให้กับกาแฟโดยไม่เปลี่ยนองค์ประกอบเดิมคือการใช้สารสกัดดอกส้ม ด้วยการทำกาแฟเย็นหรือนำไปแช่เย็น (flash-chilled) ที่บ้าน แล้วเติมวิปครีมกึ่งตั้งยอดผสมกับวานิลลาแท้ สารสกัดดอกส้ม และน้ำตาลทรายแดงหรือน้ำเชื่อมเมเปิ้ลหรือสารสกัดจะไม่ไปรบกวนค่า pH ของกาแฟ เพราะมันเข้ากันได้อย่างยอดเยี่ยม ช่วยคงรสชาติธรรมชาติของกาแฟไว้ แต่ก็ยังเพิ่มเลเยอร์บางเบาของกลิ่นส้มที่เข้ากันได้ดีและอร่อยมาก
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 02/05/2567
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 40,450.00 | 40,550.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,620.00 | 39,719.20 | 41,050.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 2,358.00 | 35,747.28 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 2,096.00 | 31,775.36 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 1,179.00 | 17,873.64 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 917.00 | 13,901.72 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,715.00 | 41,159.40 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 02/05/2567
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 40.35 | 40.35 | 41.55 | 40.35 | 40.35 | 40.35 | 40.35 | 40.35 | 40.35 | 40.35 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 39.28 | 39.28 | 40.48 | 39.28 | 39.28 | 39.28 | 39.28 | 39.28 | 39.28 | 39.28 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 38.24 | 38.24 | 39.44 | 38.24 | 38.24 | – | 38.24 | 38.24 | 38.24 | 38.24 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 37.99 | 37.99 | – | – | – | – | – | – | – | 37.99 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 48.04 | 49.84 | 49.94 | 49.84 | – | – | – | – | – | 48.04 |
เบนซิน 95 | 48.24 | – | – | – | 49.41 | – | 48.74 | 48.39 | – | 48.24 |
ดีเซล | 30.94 | 30.94 | 31.44 | 30.94 | 30.94 | 30.94 | 30.94 | 30.94 | 30.94 | 30.94 |
ดีเซลหมุนเร็ว | 30.94 | 30.94 | – | – | 30.94 | – | – | – | – | 30.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 42.94 | 45.14 | 46.94 | 45.14 | 45.14 | – | – | – | – | 42.94 |
แก๊ส NGV | 19.59 | 19.59 | – | – | – | – | – | – | – | 19.59 |