สาระน่ารู้ประจำวันที่ 03 สิงหาคม 2564

ศุภาลัย ผนึก True Health เปิดแพลตฟอร์มใหม่ ดูแลสุขภาพอัจฉริยะ

ศุภาลัย ผนึก True Health  เปิดแพลตฟอร์มใหม่ ดูแลสุขภาพอัจฉริยะ

บมจ.ศุภาลัย จับมือร่วมกับ ทรู เฮลท์ แพลตฟอร์มสุขภาพดีอัจฉริยะ เพิ่มนวัตกรรมสำหรับที่อยู่อาศัย ให้แก่ลูกบ้าน เสริมบริการช่วงโควิด ปรึกษาแพทย์ผ่านแอป พร้อมบริการส่งยาฟรี ประเดิมโครงการแรก ศุภาลัย ริวา แกรนด์

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้สร้างนวัตกรรมสำหรับที่อยู่อาศัยเพื่อมอบบริการให้ลูกบ้าน ร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจยักษ์ใหญ่ บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด กับแพลตฟอร์มดูแลสุขภาพอัจฉริยะ ทรู เฮลท์ บริการให้คำปรึกษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ สร้างความสะดวกสบาย และตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์คนเมืองในปัจจุบัน ซึ่งทางศุภาลัยนอกจากให้ความใส่ใจเรื่องที่อยู่อาศัยแล้ว ยังเล็งเห็นความสำคัญเรื่องสุขภาพกาย และสุขภาพใจของลูกบ้านเป็นอย่างมาก ในสถานการณ์ปัจจุบันที่ระบบสาธารณสุขของบ้านเราอาจไม่เอื้ออำนวยความสะดวกให้ใช้บริการที่โรงพยาบาลได้ 

จึงจัดแคมเปญ “ปรึกษาแพทย์ออนไลน์ผ่านแอปฯ True Health สบายกาย สบายใจ เหมือนมีหมอมาเป็นเพื่อนบ้าน” เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยตอบโจทย์ในสถานการณ์อันยากลำบากช่วงโควิด -19 ซึ่งเน้นสะดวกสบายใช้งานได้ง่ายๆ ผ่านสมาร์ทโฟนทั่วไป สำหรับคนที่อยากจะพูดคุยตรวจสุขภาพกับคุณหมอโดยไม่ต้องเดินทาง เพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อในช่วงนี้ ทางบริษัทฯ ประเดิมโครงการแรกที่ ศุภาลัย ริวา แกรนด์  คอนโดมิเนียมสร้างเสร็จพร้อมโอนฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งบริษัทฯ มุ่งหวังให้การบริการที่เป็นเลิศในทุก Customer Touchpoints และสามารถต่อยอดไปสู่โครงการต่างๆ ของศุภาลัยต่อไป

สำหรับรายละเอียดการร่วมมือระหว่างศุภาลัย กับ ทรู เฮลท์ เพื่อจัดแคมเปญ “ปรึกษาแพทย์ออนไลน์ผ่านแอปฯ True Health สบายกาย สบายใจ เหมือนมีหมอมาเป็นเพื่อนบ้าน” พิเศษสุดสำหรับลูกบ้าน โครงการศุภาลัย ริวา แกรนด์ ปรึกษาแพทย์ผ่านแอปฯ ทรู เฮลท์ ฟรี! (2 สิทธิ์/ห้องชุด) พร้อมบริการส่งยาฟรี! อีกทั้งสามารถใช้งานเครื่อง Body Analyzer ที่สามารถวิเคราะห์ร่างกายได้อย่างแม่นยํา เพื่อการดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่องที่ฟิตเนสโครงการดังกล่าว 

ศุภาลัย ผนึก True Health  เปิดแพลตฟอร์มใหม่ ดูแลสุขภาพอัจฉริยะ

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ปมคอนโดหรู “แอชตัน อโศก” ระวัง! ทุบอสังหาไทยพังครืน

ศาลปกครองกลาง สั่งเพิกถอน ใบอนุญาต ก่อสร้างอาคาร “แอชตัน อโศก”คอนโดมิเนียมหรู สูง50ชั้น 783ยูนิต ระวัง! ทุบอสังหาไทยพังครืน

ปมคอนโดหรู “แอชตัน อโศก”  ระวัง! ทุบอสังหาไทยพังครืน

หลังศาลปกครองกลาง ได้มีคำพิพากษาให้ “เพิกถอน” ใบอนุญาตก่อสร้างรวม 4 ฉบับที่สำนักงานโยธา กทม.ออกให้แก่  โครงการ  “Ashton Asoke “ คอนโดสุดหรู 50 ชั้น 783 ยูนิต ทื่ถือเป็น “แฟลกชีป” ที่ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางย่านธุรกิจแยกอโศก-สุขุมวิท

ศาลเห็นว่า ที่ดินที่ตั้งโครงการไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงที่ออกตามความใน พรบ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 เนื่องจากไม่มีด้านหนึ่งด้านใดของที่ดินยาวเกิน 12 เมตรติดถนนสาธารณะที่มีเขตทางกว้างไม่น้อยกว่า 18 เมตร จนไปเชื่อมต่อกับถนนสาธารณะที่มีเขตทางกว้างไม่น้อยกว่า 18 เมตร การที่ผู้อำนวยการสำนักการโยธา ปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร

อนุญาตให้บริษัททำการก่อสร้างดัดแปลงอาคารโครงการ เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงพิพากษาให้เพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างทุกฉบับ โดยให้มีผลย้อนหลังไปถึงวันที่ออกคำสั่งดังกล่าวนั้นคำสั่งของศาลปกครองข้างต้น ไม่เพียงจะทำให้ลูกบ้านในโครงการสุดหรูแห่งนี้ “อกสั่นขวัญกระเจิง” หายใจไม่ทั่วท้องไปตามๆ กันแล้ว

ด้วยเกรงว่าโครงการอาจจะเจริญรอยตามโครงการและอพาร์ทเมนต์หรูดิเอทัชในซอยร่วมฤดี ซึ่งก่อนหน้าได้ถูกศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้ กทม.ควบคุมการรื้อถอน เนื่องจากกระทำผิด พรบ.ควบคุมอาคารชุด พ.ศ.2522 ยังอาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ไทยโดยรวมในวงกว้าง เนื่องจากโครงการดังกล่าวเป็นโครงการร่วมลงทุนระหว่างประเทศระหว่าง บมจ.อนันดาฯ และกลุ่มมิตซุย ฟูโด้ซัง ยักษ์ใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์จากญี่ปุ่น

แหล่งข่าวในวงการอสังหาริมทรัพย์ ได้ตั้งข้อสังเกตุต่อโครงการนี้ว่า หากทุกฝ่ายจะย้อนกลับไปพิจารณาคำพิพากษาของศาลปกครองในกรณีนี้จะเห็นได้ว่า ศาลได้หยิบยกประเด็นในเรื่อง “ทางเข้า-ออก” โครงการที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ใน พรบ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522  โดยเฉพาะที่ดินอันเป็นที่ตั้งโครงการ ที่ต้องมีด้านใดด้านหนึ่งของที่ดินมีความกว้างไม่น้อยกว่า 12 เมตร และต้องยาวต่อเนื่องไปจนถึงทางสาธารณะที่มีขนาดความกว้างเกิน 18 เมตรขึ้นไป แต่ที่ดินอันเป็นที่ตั้งโครงการแอชตัน อโศก ไม่เป็นไปตามเกณฑ์ดังกล่าว เพราะมีความกว้างของถนนซอยเดิมเพียง 6.4 เมตรเท่านั้น 

แม้ทางโครงการจะนำเอาหนังสือรับรองการอนุญาตจาก “การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)”  ที่อนุญาตให้โครงการใช้ทางผ่าน เข้า-ออก สถานีรถไฟฟ้าสุขุมวิท ของ รฟม.มาแสดง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างกรมโยธาธิการและผังเมือง พิจารณาให้ความเห็นชอบว่า สามารถกระทำได้ตามกฎหมาย

อีกทั้ง หากโครงการมีปัญหาในเรื่องของความกว้างเขตทางเข้า-ออกไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของกฎหมาย คงเป็นเรื่องยากที่โครงการจะได้รับอนุมัติรายงานศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมหรือ EIA ออกมาได้  แต่ดูเหมือนศาลจะไม่ได้พิจารณาประเด็นนี้ รวมไปถึงการที่ รฟม.นำเอาที่ดินเวนคืนก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้า มาให้เอกชนใช้เป็นทางผ่านเข้า-ออก เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เอื้อประโยชน์ต่อเอกชนหรือไม่ ด้วยเหตุที่ศาลเห็นว่า ผู้ฟ้องคดีไม่ได้มีส่วนได้ ส่วนเสีย หรือมีนิติสัมพันธ์ใด ๆ กับ รฟม.หรือโครงการ

ขณะที่นายชานนท์ เรืองกฤตยา ซีอีโอ บมจ.อนันดาฯเจ้าของโครงการยืนยันว่า บริษัทฯได้ดำเนินการอย่างระมัดระวัง และให้ความสำคัญอย่างยิ่งในเรื่องการซื้อที่ดินอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีการศึกษาข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับการใช้ทางผ่านเข้า-ออก ของ รฟม.จากโครงการอื่นๆ  ซึ่งหากทุกฝ่ายได้ย้อนกลับไปพิจารณา โครงการคอนโด หรือโครงการพัฒนาอสังหาฯ รายรอบสถานีรถไฟฟ้า หรือโครงข่ายระบบขนส่งมวลชนอื่น ๆ ของรัฐ จะพบว่า ไม่ได้มีแต่โครงการ “แอชตัน อโศก” แห่งนี้ที่มีการขอใช้ที่ดินเป็นทางผ่านเข้า-ออกโครงการ แต่ยังมีโครงการพัฒนาอสังหาฯอื่นๆอีกนับสิบโครงการ มีการขอใช้ที่ดินของ รฟม.และหน่วยงานรัฐเจ้าของโครงข่ายระบบขนส่งมวนอื่น ๆ  เป็นทางเข้า-ออก เช่นเดียวกันอยู่

                อาทิโครงการ Noble Revolve Ratchada 1-2 ที่ทางเข้าโครงการตัดผ่านที่ดินของ รฟม.หรือโครงการ Whizdom Avenue รัชดา-ลาดพร้าว ติดสถานี MRT ลาดพร้าว ก็ใช้ที่ดินของรฟม.ในการทำทางเข้าเช่นเดียวกัน หรือโครงการ The Base Garden พระราม 9 ที่ทางด่วน กทพ.ตัดผ่านหน้าโครงการ มีการขออนุญาตทำทางเข้า-ออกใต้ทางด่วนเข้ามายังโครงการเพื่อสร้างตึกสูง เช่นเดียวกับการขอใช้ที่ดินเป็นทาง เข้า-ออก ของโครงการ “แอชตัน อโศก”  

“ข้อพิพาทเรื่องใบอนุญาตก่อสร้างโครงการนี้  บริษัทยืนยันว่า ที่ผ่านมาบริษัทดำเนินงานพัฒนาโครงการ อย่างระมัดระวังรอบคอบ และให้ความสำคัญอย่างยิ่งในเรื่องของการซื้อที่ดินอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีการศึกษาข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับการใช้ทางเข้า-ออก ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จากโครงการอื่นๆ โดยมีใบอนุญาติ 9 ฉบับ จาก 8 หน่วยงาน และผ่านคณะกรรมการพิจารณาชุดต่างๆ ถึง 5 ชุดด้วยกัน  จึงมั่นใจว่าได้ดำเนินการตามครรลองที่กำหนดไว้ในกฎหมายในทุกขั้นตอนอยู่แล้ว”

ดังนั้น “โครงการ แอชตัน อโศก ไม่ใช่รายแรกที่ใช้ทางผ่านเข้า-ออกของ รฟม.ปัจจุบันมีโครงการในลักษณะคล้ายกันนี้กว่า 13 โครงการ เฉพาะของรฟม. ก็มีประมาณ 6 โครงการ และในการขออนุมัติผ่านทางเข้า-ออกของรฟม.นั้นทางอนันดาฯยังรับผิดชอบทางผ่านให้รฟม.เกือบ 100 ล้านบาท ทำให้บริษัทฯมั่นใจอย่างยิ่งว่า ในกระบวนการดำเนินโครงการแอชตัน อโศก ที่ผ่านมาทั้งหมด ตั้งอยู่บนพื้นฐานความถูกต้องและสุจริต ชอบด้วยกฎหมายทุกขั้นตอน

ขณะที่อดีตผู้บริหารการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย( รฟม.) สะท้อนว่า หากกรณีที่ รฟม.อนุมัติให้ผู้อาศัยในโครงการนี้ผ่านทางเข้า-ออกสถานีรถไฟฟ้า ถูกตีความว่า เป็นการทุจริตนำเอาที่ดินเวนคืนเพื่อก่อสร้างรถไฟฟ้า หรือสถานีรถไฟฟ้าไปเอื้อประโยชน์ต่อเอกชนในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แล้ว โครงการคอนโดฯ ห้างสรรพสินค้า หรือโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อื่น ๆ ที่ล้วนมีการดำเนินการในลักษณะเดียวกัน ก็คงมีสิทธิ์โดนลูกหลงตามมาอย่างแน่นอน 

 อีกทั้ง อนาคตการพัฒนาที่ดินรายรอบสถานีรถไฟฟ้า เพื่อนำรายได้มาชดเชยการก่อสร้างรถไฟฟ้า( TOD ) ที่จะสนับสนุนให้เอกชนพัฒนาโครงการโดยรอบสถานีเพื่อสร้างมูลค่า Value Added ให้กับเศรษฐกิจ นำรายได้จากการพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีมาเสริมรายได้ให้โครงข่ายรถไฟฟ้า เพื่อลดปัญหาจราจรคงเป็นได้แค่นโยบายที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้

ดังนั้น การที่โครงการ” แอชตัน อโศก” ได้เจรจากับ รฟม เพื่อขอใช้ทางเข้า-ออกเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกบ้านผู้อยู่อาศัยในโครงการ และเปิดทางให้สามารถพัฒนาโครงการได้เต็มศักยภาพของที่ดิน ถือเป็นการดำเนินการที่สอดคล้องกับนโยบาย TOD ของรัฐและเป็นไปตาม พรบ.เวนคืนที่ดินของ รฟม.ที่มีการวางหลักเกณฑ์รองรับเอาไว้อยู่แล้ว เพราะหากที่ดิน 3 ไร่เศษแปลงนี้ ทำโครงการได้แค่ 5-7 ชั้น คงจะไม่มีนักลงทุนให้ความสนใจ และคงปล่อยที่ดินทิ้งร้างเอาไว้

บทสรุปของโครงการ “แอชตัน อโศก” แห่งนี้ จะกลายเป็น “น้ำผึ้งหยดเดียว” ที่ทำให้โครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แห่งอื่นๆ ที่ได้อานิสงจากโครงข่ายรถไฟฟ้าและทางด่วนของรัฐ จะพลอยถูกลูกหลงกระทบตามไปด้วย เพราะหากกรณีนี้ถูกตีความว่า หน่วยงานรัฐที่ทำหน้าที่กำกับดูแลบกพร่อง จนนำไปสู่การเพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างแล้ว ในอนาคตโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทุกโครงการในประเทศ ก็คงนั่งไม่ติดอีกแน่

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


แบงก์พาณิชย์ประกาศพักชำระหนี้2เดือน ลูกค้า29จังหวัดถูกล็อกดาวน์

แบงก์พาณิชย์ประกาศพักชำระหนี้2เดือน ลูกค้า29จังหวัดถูกล็อกดาวน์

สมาคมธนาคารไทย ขยายมาตรการพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยครอบคลุมพื้นที่สีแดงเข้ม 29 จังหวัด

สมาคมธนาคารไทย ประกาศแนวทางการให้บริการของสาขาตอบรับการยกระดับพื้นที่สีแดงเข้มอีก 16 จังหวัด เป็น 29 จังหวัด พร้อมประสานธนาคารสมาชิกขยายมาตรการพักชำระหนี้ 2 เดือนครอบคลุมพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และหล่อเลี้ยงสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการและลูกจ้าง

จากมติของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ปรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือพื้นที่สีแดงเข้ม จากเดิม 13 จังหวัด เพิ่มขึ้น 16 จังหวัด เป็น 29 จังหวัด ประกอบด้วย กาญจนบุรี ตาก นครนายก นครราชสีมา ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี เพชรบูรณ์ ระยอง ราชบุรี ลพบุรี สิงห์บุรี สมุทรสงคราม สระบุรี สุพรรณบุรี เพชรบุรี และอ่างทอง โดยใช้มาตรการล็อกดาวน์เช่นเดียวกับ 13 จังหวัดในปัจจุบัน มีผลตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม 2564

นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า เพื่อชะลอและลดการแพร่การระบาดของโควิด -19 ที่เกิดขึ้น ธนาคารมีความจำเป็นต้องปิดการให้บริการของสาขาในบางพื้นที่เสี่ยงที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดหรือสีแดงเข้ม 29 จังหวัด เป็นการชั่วคราว โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. ธนาคารจะปิดสาขาที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้า สาขาในศูนย์การค้า และสาขาในคอมมูนิตี้มอลล์ ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่สีแดงเข้ม 29 จังหวัด มีผลตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป

2. ลูกค้าสามารถใช้บริการที่สาขาทั่วไปที่เป็นสาขา Stand Alone ซึ่งเปิดให้บริการตามปกติ 5 วัน หรือ 7 วันทำการ ขึ้นกับการพิจารณาของแต่ละธนาคาร แต่จะเปิดให้บริการไม่เกินเวลา 15.30 น.

3. สาขาใน 3 จังหวัดภาคใต้ ประกอบด้วย ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส เปิดให้บริการไม่เกินเวลา 15.00 น

4. สำหรับสาขาในห้างสรรพสินค้า สาขาในศูนย์การค้า หรือ สาขาในคอมมูนิตี้มอลล์ ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดนอกเขตพื้นที่สีแดงเข้ม หรือพื้นที่ควบคุมอื่นๆ ยังคงเปิดให้บริการตามปกติ แต่จะต้องเปิดให้บริการไม่เกิน 17.00 น.

ทั้งนี้ ลูกค้าสามารถตรวจสอบรายชื่อสาขาใกล้เคียงที่เปิดให้บริการได้ทาง website ของแต่ละธนาคาร ซึ่งธนาคารสมาชิกพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือและคำแนะนำในการทำธุรกรรมผ่านช่องทาง Mobile Banking เช่น พร้อมเพย์ หรือการชำระเงินด้วย QR Code ที่ธนาคารสมาชิกเปิดให้บริการ เพื่อความสะดวก รวดเร็ว และ ลดความแออัดที่สาขา

สำหรับการให้ความช่วยเหลือเร่งด่วนที่ช่วยลูกค้าผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบและความเดือดร้อนจากคำสั่งของ ศบค. ได้แก่มาตรการพักชำระหนี้ 2 เดือน สมาคมธนาคารไทยและธนาคารสมาชิกจะดำเนินมาตรการดังกล่าวให้ครอบคลุม 29 จังหวัดที่อยู่ในพื้นที่สีแดงเข้ม โดยลูกค้าผู้ประกอบการสามารถแจ้งความประสงค์ขอรับความช่วยเหลือกับธนาคารเจ้าหนี้ ผ่านช่องทางต่างๆ ทาง Call Center Line@ Facebook Website และ Mobile Application ได้ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 15 สิงหาคม 2564

อย่างไรก็ตาม นายผยง ศรีวณิช กล่าวว่า การพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยภายใต้มาตรการพักชำระหนี้ 2 เดือนนี้ เป็นเพียงการเลื่อนการชำระออกไป ลูกหนี้ที่ยังมีศักยภาพและสามารถชำระหนี้ได้ควรจะชำระหนี้ต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้ภาระหนี้ในอนาคตเพิ่มขึ้นสูงเกินจำเป็น

“สมาคมธนาคารไทยและธนาคารสมาชิก พร้อมให้ความช่วยเหลือลูกค้าผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบให้มากที่สุด ซึ่งธนาคารแต่ละแห่งยังมีมาตรการอื่นๆ เพื่อช่วยเหลือลูกค้าแต่ละกลุ่มตามความเหมาะสม เพื่อลดภาระทางการเงินให้กับลกค้าผู้ประกอบการในช่วงที่ยังไม่มีรายได้หรือรายได้ลดน้อยลงและช่วยหล่อเลี้ยงสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการด้วย”

ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com


“ลามอนต์ มาร์เซลล์ จาค็อบส์” ม้ามืดผู้คว้าเหรียญทอง 100 ม. โตเกียว 2020

"ลามอนต์ มาร์เซลล์ จาค็อบส์" ม้ามืดผู้คว้าเหรียญทอง 100 ม. โตเกียว 2020

ลามอนต์ มาร์เซลล์ จาค็อบส์ หากพูดถึงชื่อนี้ก่อนที่การแข่งขัน โอลิมปิก เกมส์ 2020 จะเปิดฉากขึ้น เชื่อได้เลยว่า ผู้ที่ได้ยินเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ ต้องถามกลับว่าหมอนี่คือใครกัน เพราะแม้แต่นักวิ่งด้วยกันเองยังรู้จักเขาน้อยมาก และคงไม่มีใครคิดว่าชาวอิตาเลียนที่ชื่อออกทางอเมริกันจะเป็นที่มารับช่วงต่อ ยูเซน โบลต์ ตำนานชาวจาเมกา

 แต่หลังจบการแข่งขันวิ่ง 100 เมตรชายรอบชิงชนะเลิศในวันที่ 1 สิงหาคม ที่เขาหักปากกาเซียนวิ่งเข้าเส้นชัยเป็นคนแรกด้วยเวลา 9.80 วินาที การรับรู้ของทั่วโลกต่อลมกรดชาวอิตาเลียนได้เปลี่ยนสถานะไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือ 

 แล้ว ลามอนต์ มาร์เซลล์ จาค็อบส์ เป็นใครมาจากไหน เขารู้สึกอย่างไรหลังสร้างประวัติศาสตร์ได้สำเร็จ ติดตามได้ที่นี่ เพราะหลังจากนี้คุณจะได้ยินชื่อเขาจนเบื่อไปเลยทีเดียว

เกิดสหรัฐฯ โตที่อิตาลี

จาค็อบส์ เกิดในเอลปาโซ รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี 1994 โดยมีแม่เป็นชาวอิตาเลียนและพ่อเป็นชาวอเมริกัน ก่อนต้องย้ายไปอยู่ที่ประเทศอิตาลีบ้านเกิดของแม่ตั้งแต่อายุได้ไม่ถึงเดือน เพราะพ่อของเขาซึ่งเป็นทหารต้องไปประจำการที่ประเทศเกาหลีใต้

วิเวียน่า แม่ของเขา เปิดเผยความหลังก่อนให้กำเนิดจาค็อบส์ว่า “ฉันพบพ่อของมาร์เซลล์ในเมืองวิเซนซ่า เขาเป็นทหารในกองทัพสหรัฐฯ ซึ่งตอนนั้นฉันอายุ 16 ส่วนเขา 18 เราได้แต่งงานกันก่อนย้ายไปเท็กซัส”  

“หลังจากนั้น 3 ปี ฉันก็คลอดมาร์เซล แต่ 20 วันต่อมาพ่อของเขากลับต้องย้ายไปประจำการที่เกาหลีใต้ มันเป็นเรื่องยากที่จะตามไปอยู่ด้วย ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจย้ายกลับอิตาลีทั้งที่มาร์เซลล์อายุยังไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ”

จุดเริ่มของ ลามอนต์ มาร์เซลล์ จาค็อบส์ กับกรีฑา

 กว่าจะมุ่งมั่นกับเส้นทางนักกรีฑา ในวัยเด็ก จาค็อบส์ ลองเล่นกีฬามาแล้วหลายชนิด ซึ่งแม่ของเขาเปิดเผยว่า แม้จะเป็นครอบครัวนักแข่งมอเตอร์ไซค์ แต่เธอคัดค้านตัวเลือกนี้อย่างเด็ดขาด จาค็อบส์จึงเล่นเกือบทุกอย่างที่เหลือตั้งแต่ว่ายน้ำถึงบาสเกตบอล

 ส่วนจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เขาหันมาเล่นกรีฑานั้น จาค็อบส์ เปิดเผยว่า “ด้วยความที่ผมไม่ได้มีทักษะทางฟุตบอลมากนัก แต่วิ่งได้เร็วกว่าคนอื่น ๆ โค้ชเลยแนะนำให้ลองเล่นกรีฑา”

 อย่างไรก็ตามเมื่อเลือกเส้นทางกรีฑาเต็มตัว สิ่งที่สร้างชื่อระดับชาติให้กับเขาไม่ใช่การวิ่งระยะสั้น แต่เป็นการแข่งกระโดดไกล

 ในศึกชิงแชมป์แห่งชาติปี 2016 จาค็อบส์ คว้าเหรียญทองจากการทำสถิติได้ 7.89 เมตร และมีสถิติดีที่สุดอยู่ที่ 7.95 เมตร รวมทั้งเคยกระโดดได้ 8.48 เมตรในปีเดียวกัน แต่มีแรงลมหนุนถึง 2.8 เมตรต่อวินาที

 ขณะที่เส้นทางเจ้าลมกรดนั้น มาเป็นรูปร่างอย่างจริงจังในปี 2018 หลังจากที่เขาคว้าแชมป์ของอิตาลีเป็นครั้งแรก และเกือบทำลายกำแพง 10 วินาทีอีกด้วย

ก่อนที่จะถึง โตเกียว 2020 จาค็อบส์ เริ่มพอกพูนความสำเร็จและชื่อเสียงของตัวเองมาเรื่อย ๆ เริ่มจากศึกอินดอร์ชิงแชมป์ยุโรป ที่เขาคว้าเหรียญทองระยะ 60 เมตร ด้วยสถิติ 6.47 วินาที เร็วที่สุดของโลกปีนี้ และเป็นสถิติใหม่ของอิตาลี จากนั้นเขาได้ลงแข่งกรีฑากลางแจ้งครั้งแรกของปีที่ซาโวน่า และทำสถิติประเทศขึ้นมาใหม่ในระยะ 100 เมตร ด้วยเวลา 9.95 วินาที

หลังจากนั้น เขาได้บอกกับ คอร์ริเอเร่ เดลลา เซร่า สื่อในอิตาลีว่า “ผมจะไปคว้าเหรียญที่กรุงโตเกียว (ยูเซน)โบลต์ไม่ได้ไปแข่งที่นั่น (คริสเตียน)โคลแมนก็เช่นกัน ดังนั้นจึงไม่มีใครเป็นตัวเต็งที่ชัดเจน มันจะเป็นการต่อสู้ที่สูสี และผมไม่สามารถหยุดฝันถึงมันได้ในตอนนี้”

จากภาพของ คาร์ล ลูอิส ในห้องนอน สู่เหรียญทอง โตเกียว 2020

 ความจริง จาค็อบส์ ทำเป้าหมายแรกของตัวเองได้สำเร็จไปแล้ว นั่นคือการทำลายสถิติของอิตาลี แต่เขายังมีเป้าหมายอย่างต่อมาที่รอการเติมเต็มนั่นคือการลงแข่งโอลิมปิก เกมส์

 “นับตั้งแต่ตอนอายุ 9 ขวบที่ผมก้าวลงลู่วิ่งครั้งแรก ผมฝันถึงโอลิมปิกมาตลอด ถึงขั้นที่ผมเอาหน้าหนังสือพิมพ์ที่มีรูป คาร์ล ลูอิส (ตำนานลมกรดอเมริกัน) ติดไว้ในห้องนอน แต่ไอดอลของผมในวัยเด็กคือ แอนดรูว์ ฮาว ที่เป็นลูกครึ่งอิตาเลียน-อเมริกันเหมือนกัน”

 สำหรับ แอนดรูว์ ฮาว ที่เกิดในแอลเอ คว้าแชมป์ยุโรปประเภทกระโดดไกลให้อิตาลีในปี 2006 และคว้ารองแชมป์โลกในปีเดียวกัน

 จากเป้าหมายเดิมที่เป็นเพียงแค่การได้ร่วมแข่งขันโอลิมปิก กลายมาเป็นเจ้าของเหรียญทองประวัติศาสตร์ เป็นนักกรีฑายุโรปคนแรกที่คว้าเหรียญทองโอลิมปิก 100 เมตร นับตั้งแต่ ลินฟอร์ด คริสตี้ ของสหราชอาณาจักรทำเอาไว้ในปี 1992 ที่บาร์เซโลน่า และเป็นนักวิ่งระยะสั้นชาวอิตาลีคนแรกที่คว้าเหรียญทองโอลิมปิกนับตั้งแต่ ปิเอโตร เมนเนีย คว้าเหรียญทอง 200 เมตร ที่กรุงมอสโกปี 1980 ดังนั้นเรียกได้ว่า จาค็อบส์ มาได้ไกลกว่าสิ่งที่เขาฝันไว้มากเลยทีเดียว

 “ผมมีความสุขมาก เพราะนี่คือเหรียญทองที่จะคงอยู่ไปตลอดกาล” จาค็อบส์กล่าวหลังจบการแข่งขัน

 “การได้เห็น จานมาร์โก ตัมเบรี่ เพื่อนร่วมชาติคว้าเหรียญทองกระโดดสูงถือเป็นแรงกระตุ้นอย่างดี ทุกอย่างเป็นเรื่องมหัศจรรย์ เพราะความตั้งใจแรกของผมคือการได้เข้ารอบชิงฯ, ตั้งสมาธิให้เต็มที่ และวิ่งในทางของตัวเอง ผมคิดว่าอิตาลีควรเฉลิมฉลองครั้งใหญ่เหมือนกับที่ทีมฟุตบอลคว้าแชมป์ยูโรได้เลยทีเดียว”

 ทั้งนี้ ก่อนที่ จาค็อบส์ จะคว้าเหรียญทอง 100 เมตร จานคาร์โล ตัมเบรี่ เพื่อนร่วมชาติเพิ่งจะคว้าเหรียญทองจากประเภทกระโดดสูง เท่ากับอิตาลีคว้า 2 เหรียญทองติดต่อกัน และเมื่อรวมกับทีมฟุตบอลชายที่คว้าแชมป์ยูโร 2020 เท่ากับว่านี่เป็นปีที่อิตาลีประสบความสำเร็จด้านกีฬาอย่างต่อเนื่อง

สำหรับ จาค็อบส์ ในวัยเพียง 26 ปี สามารถลงแข่งโอลิมปิกครั้งต่อไปที่กรุงปารีสปี 2024 ได้สบาย ๆ หากรักษาฟอร์มปัจจุบันเอาไว้ได้ ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น คงไม่มีใครมองข้ามเขาอีกต่อไป
—————————-
ติดตามการถ่ายทอดสดโอลิมปิกเกมส์ 2020 ได้ทุกวันทาง T-Sports ร่วมด้วย Thai PBS, NBT, PPTV, JKN 18, ทรูโฟร์ยู 24, GMMTV 25 และ AIS PLAY ระหว่างวันที่ 23 กรกฎาคม – 8 สิงหาคม 2564

ดูตารางถ่ายทอดสดฟรีทีวี คลิก https://stadiumth.com/olympic
ดูตารางถ่ายทอดสด AIS PLAY คลิก https://m.ais.co.th/fbapOlympic

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


13 สัญญาณโรคแพนิค (Panic Disorder) ภาวะทางจิตที่อันตรายและพบได้บ่อยกว่าที่คิด

13 สัญญาณโรคแพนิค (Panic Disorder) ภาวะทางจิตที่อันตรายและพบได้บ่อยกว่าที่คิด

เคยไหมกับการเตรียมตัวเต็มพิกัดก่อนออกไปเผชิญโลกภายนอก แต่พอกลับมาจู่ๆ ก็มีอาการระคายคอ ไอแห้งๆ จากร่างกายสบายเต็มร้อยกลับรู้สึกอ่อนเพลียไม่มีเหตุผล จนอดคิดไม่ได้ว่าเราออกไปเจออะไรมา หรือ #เราติดยังน้า

แม้ว่าจริงๆ แล้วสภาพร่างกายของเรายังสามารถโต้รุ่งดูซีรีส์ได้ทั้งคืนเหมือนปกติ แต่ความกังวลที่ก่อเกิดนั้นมันบอกให้เราอุดอู้อยู่แต่บนเตียง พร้อมนึกไปสารพัดว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ อาการนี้อธิบายตามภาษาโรคได้ง่ายๆ ว่าเรากำลังเกิดภาวะ โรคแพนิค (Panic Disorder) อยู่นั่นเอง

โรคแพนิค (Panic Disorder) คืออะไร?

โรคแพนิคไม่ใช่โรคที่ทำให้เกิดอาการน่ากังวล แต่ความกังวลต่างหากที่เป็นสาเหตุให้เกิดโรคนี้ขึ้น ปฏิกิริยาแรกที่เกิดคืออาการตื่นตระหนก ตกใจกลัว ทั้งโรคนี้ยังเกิดได้จากหลายสาเหตุ ใกล้ตัวหลายคนที่สุดคงเป็นบรรดาความเครียดที่ถาโถมเข้ามาต่อเนื่องไม่หยุดพัก ตัวอย่างเช่น ความเร่งรีบในชีวิต การอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือจอมือถือเป็นเวลานาน พักผ่อนน้อย ไม่ออกกำลัง หรือแม้แต่คำสั่งล็อกดาวน์ ก็อาจมีส่วนเป็นเหตุของโรคแพนิคได้เช่นกัน และถ้าไม่นับสาเหตุจากความเครียดแล้ว ผลกระทบที่เกิดกับจิตใจอย่างรุนแรง เช่นการสูญเสีย ความผิดหวัง หรือเหตุการณ์รุนแรงอื่นๆ ที่มากพอจะเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนได้ จนส่งผลต่อสารเคมีในสมองเสียสมดุลการทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติผิดปกติไป ก็เป็นส่วนที่ก่อให้เกิดอาการแพนิคฉับพลันขึ้นได้เช่นกัน และอาจนับรวมถึงเหตุไกลๆ ในปัจจัยด้านพันธุกรรม ที่ผู้ป่วยบางคนมีโอกาสเกิดโรคแพนิคได้มากกว่า เนื่องจากคนในครอบครัวมีประวัติเป็นโรควิตกกังวล

แล้วสรุปว่าอาการที่เป็นอยู่นี้ คือโรคแพนิคหรือโรคระบาดล่ะ? จริงๆ แล้วในทางการแพทย์ก็มีแบบประเมินเบื้องต้นให้ลิสต์ดูว่าที่เป็นแพนิคอยู่หรือเปล่า แต่ก่อนที่จะเช็คก็ขอแนะนำให้ผ่อนคลายร่างกายลงบ้างเล็กน้อย เพื่อไม่เพิ่มความกังวลให้กัดกินใจมากที่กว่าที่เป็น

13 สัญญาณโรคแพนิค (Panic Disorder) 

  1. มีอาการใจสั่น ใจเต้นแรง หรือใจเต้นเร็วมาก
  2. เหงื่อออก
  3. ตัวสั่น มือเท้าสั่น
  4. หายใจไม่อิ่ม หรือหายใจติดขัด
  5. รู้สึกอึดอัด หรือแน่นอยู่ข้างใน
  6. เจ็บหน้าอก หรือแน่นหน้าอก
  7. คลื่นไส้ ท้องไส้ปั่นป่วน
  8. วิงเวียน โคลงเคลง มึนตื้อ หรือจะเป็นลม
  9. ครั่นเนื้อครั่นตัว หนาวสั่น ร้อนวูบวาบ เหมือนจะเป็นไข้
  10. รู้สึกชา หรือรู้สึกซ่าๆ (paresthesia)
  11. รู้สึกเหมือนสิ่งรอบตัวเปลี่ยนแปลงไป (derealization หรือ depersonalization)
  12. กลัวคุมตัวเองไม่ได้ หรือกลัวเป็นบ้า
  13. กลัวว่าตนเองกำลังจะตาย

ในตอนต้นเราเล่าว่าโรคแพนิคไม่ใช่โรคที่ทำให้เกิดอาการน่ากังวล แต่มันจะเป็นอีกกรณีหนึ่ง หากผู้ป่วยมีอาการข้างต้นมากกว่า 4 อาการขึ้นไป รวมถึงอาการยังเกิดขึ้นซ้ำๆ โดยคาดการณ์ไม่ได้ และตามมาด้วยพฤติกรรมทางลบในหลายๆ ด้านเช่น ควบคุมตัวเองไม่ได้ ไม่กล้าอยู่คนเดียว ไม่กล้าใช้ชีวิตประจำวันที่เคยทำเป็นประจำ

PANIC ATTACK

ความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้คืออาการของ PANIC ATTACK และที่น่ากังวลที่สุดคือสิ่งนี้มักมาพร้อมกับอาการที่น่าเป็นห่วงอื่นๆ ซ้ำยังมีแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้นต่อเนื่องเป็นระยะเวลาราว 1 เดือน (หรือมากกว่านั้น) เช่น โรคกลัวที่ชุมชน (Agoraphobia), โรคกลัวเฉพาะอย่าง (Specific Phobia), โรคกลัวสังคม (Social Phobia) รวมถึงโรคทางจิตเวชอื่นๆ เช่น โรคย้ำคิดย้ำทำ หรือแม้แต่กับโรคซึมเศร้า

แม้อาการครึ่งหลังของโรคแพนิคจะเป็นสิ่งที่น่ากังวล (แบบน่ากังวลจริงๆ) แต่ใช่ว่าโรคนี้จะไม่มีทางรักษา แพทย์หญิงพรทิพย์ ศรีโสภิต ผู้ชำนาญการด้านจิตเวชศาสตร์ โรงพยาบาลพระรามเก้า ให้ข้อมูลว่าโดยทั่วไป โรคแพนิคจะแบ่งการรักษาออกเป็น 2 วิธี หนึ่งคือการรักษาด้วยยา โดยใช้ตัวยาเข้าไปปรับสมดุลสารสื่อประสาทในสมอง ใช้เวลารักษาประมาณ 8-12 เดือน ขึ้นกับปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดโรคในแต่ละตัวบุคคล

อีกวิธีหนึ่งคือการรักษาทางใจ หรือการทำจิตบำบัดประเภทปรับความคิดและพฤติกรรม สามารถทำได้หลากหลายแบบ เช่นพยายามรู้เท่าทันอารมณ์และมีสติบอกกับตัวเองว่าอาการดังกล่าวเป็นเรื่องชั่วคราว สามารถหายได้ หรือใช้วิธีการฝึกฝนเพื่อรักษาอาการในรูปแบบต่างๆ ทั้งการฝึกคลายกล้ามเนื้อ การฝึกสมาธิ การฝึกคิดในทางบวก และฝึกหายใจในกรณีผู้มีอาการหายใจไม่อิ่ม โดยให้หายใจเข้า-ออก ลึกๆ ช้าๆ เพื่อเบนความสนใจของอาการ และทำให้ร่างกายค่อยๆ ปรับตัวจนเริ่มผ่อนคลายและอาการค่อยๆ ดีขึ้น

“โดยการรักษาโรคแพนิคให้ได้ผลลัพธ์ดีที่สุด คือใช้วิธีการสองด้านทั้งตัวยาและการรักษาจิตใจควบคู่กันไป พร้อมกับมีสติไม่แตกตื่นกับโรคมากเกินไป เพื่อให้ผู้ป่วยหลังการรักษากลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ และไม่ต้องกังวลใจกับอาการนั้นๆ อีกต่อไป” 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ใช้ผิดหน้าแตก… มารู้จักศัพท์ภาษาอังกฤษ ที่เด็กไทยมักจะใช้สลับกัน..!

ภาษาอังกฤษไม่ใช่เรื่องยากนะครับ แต่หลายต่อหลายครั้ง ที่มันเป็นเรื่องทำให้เราสับสน และใช้คำศัพท์ผิด เพราะบางศัพท์มันดูคล้ายๆกันซะงั้น

วันนี้พี่เลยจะมาแนะนำเรื่องศัพท์ภาษาอังกฤษ ที่มักจะใช้กันผิดอยู่เป็นประจำ คิดว่าน้องๆชาว WeGoInter ต้องเคยใช้ผิดมาบ้างแหละ

eng-word

เริ่มจากคำแรกสุดฮิต Angel / Angle
คำนี้เห็นบ่อยครั้งมากเลยยยยย  ซึ่งที่จริงแล้วแม้จะเขียนคล้ายๆกัน แต่ความหมายก็คนละเรื่องเลยนะครับ อย่าง Angel นี่แปลว่านางฟ้า ส่วนคำว่า Angle นั้นแปลว่า มุม นั่นเอง

อย่าเผลอไปใช้ผิดหล่ะ โดยเฉพาะเวลาจะบอกสาวๆว่า You’re my angel เธอคือนางฟ้าของฉัน…. แต่ไปบอกว่า เธอคือมุมของฉัน มันจะหน้าแหกนะจ๊ะ

eng-word3

คำต่อมาคือ TIRED และ TRIED
คำแรกนั้นแปลว่าเหนื่อยนั่นเองล่ะจ้า โดยจะใช้ในประโยคเช่น I’m tired บอกว่าตอนนี้ฉันรู้สึกเหนื่อย

ส่วนอีกคำมาจากคำว่า TRY ที่แปลว่าพยายาม พอใส่รูปอดีตเข้าไปก็ตัด Y เปลี่ยนเป็น I แล้วเติม ED เป็น TRIED นั่นเอง

อย่าลืมสังเกตดีๆนะครับ ว่าตำแหน่งของตัว R จะอยู่สลับกัน และทำให้ความหมายต่างกันมากเลย

eng-word4

สุดท้ายคือคำสำคัญ ที่ขนาดเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว หลายคนก็ยังเขียนไม่ถูกคือ BATH กับ BAHT นั่นล่ะจ้า
BATH คำแรกนั้นแปลว่าอาบน้ำ หรือการอาบน้ำ อย่างประโยคว่า Take a bath ที่เราได้ยินกันบ่อยๆ

ส่วนคำหลังนั้นก็คือ บาท BAHT หรือเงินบาทของไทยเรานี่เอง ซึ่งจะเขียนคล้ายๆกันโดยสลับตำแหน่งตัวหลัง ทำให้เข้าใจผิดกันมาเยอะแล้วนะ… แต่ต้องจำง่ายๆว่า ถ้าอาบน้ำ T จะมาก่อนนั่นเอง

ทั้ง 3 คู่ 6 คำศัพท์ที่ยกตัวอย่างมาในวันนี้ เป็นคำที่มักจะพบเจอบ่อยๆ และความหมายต่างกันมาก ซึ่งน้องๆต้องสังเกตและสะกดให้ถูก ไม่งั้นแล้วจะสื่อสารเข้าใจผิดได้นะ

ใครที่มักจะใช้ผิดเป็นประจำ ก็ลองดูเอาไว้นะครับ คราวหน้าจะได้ไม่หน้าแตกกันอีก… ส่วนใครที่อยากรู้เรื่องอะไรเพิ่มเติม ก็เสนอแนะกันมาได้ แล้วพี่จะหาข้อมูลดีๆมานำเสนอให้เลยจ้า ^^

ขอบคุณข้อมูลจาก wegointer.com


วัสดุใหม่ให้ความรู้สึกสัมผัสที่ ”ผิว” ของมือหุ่นยนต์

วัสดุใหม่ให้ความรู้สึกสัมผัสที่ ”ผิว” ของมือหุ่นยนต์

วัสดุดังกล่าวเป็นโฟมชนิดหนึ่ง โดยเป็นสารซึ่งเป็นของแข็งที่เต็มไปด้วยอากาศและมีความอ่อนนุ่ม และโฟมนี้ก็มีคุณสมบัติที่มีประโยชน์อีกอย่างคือสามารถซ่อมแซมตัวเองได้เมื่อได้รับความเสียหาย เหมือนกับผิวหนังของมนุษย์

วัสดุที่ว่านี้เรียกว่า AiFoam ซึ่งย่อมาจาก artificially innervated foam หรือโฟมเส้นประสาทประดิษฐ์ ทั้งนี้ AiFoam ในมือหุ่นยนต์จะทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลจากบริเวณใกล้เคียงและส่งต่อไปยังคอมพิวเตอร์ที่ควบคุมหุ่นยนต์อยู่

AiFoam เป็นสารพอลิเมอร์ที่มีความยืดหยุ่นโดยมีส่วนผสมซึ่งช่วยลดแรงตึงที่พื้นผิว ซึ่งหมายความว่าหากตัดหรือวัสดุนี้ฉีกขาด วัสดุดังกล่าวก็จะสามารถกลับมารวมเป็นเนื้อเดียวกันได้อย่างง่ายดาย

Benjamin Tee หัวหน้านักวิจัยเกี่ยวกับวัสดุใหม่นี้ที่ National University of Singapore หรือ มหาวิทยาลัยแห่งชาติของสิงคโปร์กล่าวว่าวัสดุดังกล่าวมีประโยชน์มากมายหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหุ่นยนต์และสำหรับอุปกรณ์อวัยวะเทียมต่างๆ ซึ่งหุ่นยนต์จำเป็นต้องฉลาดขึ้นมากเมื่อทำงานร่วมกับมนุษย์

ในการลอกเลียนความรู้สึกสัมผัสของมนุษย์ นักวิจัยได้ผสมโลหะที่มีขนาดเล็กจิ๋วมากๆ ลงในวัสดุดังกล่าว จากนั้นจึงเพิ่มจุดเชื่อมต่อไฟฟ้าขนาดเล็กมากไว้ที่ใต้พื้นผิวของโฟมซึ่งใช้เป็นผิวของมือหุ่นยนต์

Tee กล่าวว่าเมื่อมีแรงกดบนพื้นผิวของวัสดุ อนุภาคโลหะในเนื้อวัสดุจะเข้ามาใกล้กันมากขึ้นและการเคลื่อนที่ดังกล่าวจะเปลี่ยนคุณสมบัติทางไฟฟ้า โดยจุดเชื่อมต่อของระบบไฟฟ้าจะรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้และส่งข้อมูลไปยังคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะออกคำสั่งบอกหุ่นยนต์ว่าต้องทำอะไรบ้าง เขายกตัวอย่างว่าเมื่อเขาขยับนิ้วเข้าไปใกล้เซ็นเซอร์ จะเห็นว่าเซ็นเซอร์ได้วัดความเปลี่ยนแปลงของสนามไฟฟ้าและตอบสนองต่อการสัมผัสนั้น

นอกจากนี้ มือหุ่นยนต์ที่ทำจากวัสดุพิเศษนี้ไม่เพียงแต่รับรู้ปริมาณของแรงสัมผัสเท่านั้น แต่ยังรับรู้ทิศทางของแรงที่กดลงไปบนมืออีกด้วย ซึ่งเรื่องนี้อาจทำให้หุ่นยนต์ฉลาดขึ้นและมีการตอบสนองมากยิ่งขึ้นได้

Tee กล่าวด้วยว่า AiFoam เป็นวัสดุชนิดแรกที่รวมคุณสมบัติในการซ่อมแซมตัวเองเข้ากับการรับรู้เกี่ยวกับระยะใกล้และแรงกด และหลังจากใช้เวลากว่าสองปีในการพัฒนาวัสดุนี้ Tee กับทีมวิจัยของเขาคาดว่าจะสามารถนำวัสดุดังกล่าวมาใช้ได้ภายในห้าปี และหวังว่าวัสดุอัจฉริยะนี้จะช่วยให้ ผู้ใช้อวัยวะเทียมสามารถใช้แขนหุ่นยนต์ที่ตอบสนองต่อสถานการณ์ต่างๆ ได้ใกล้เคียงกับอวัยวะจริง

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


เลิกหวานไม่ได้ แนะใช้ “น้ำตาลดอกมะพร้าว” แทน

เมื่อ “น้ำตาล” ยังคงส่วนประกอบสำคัญของอาหารเกือบทุกชนิด แล้วเราจะลดน้ำตาลลงได้อย่างไร เพราะอาหารหลายประเภทก็ต้องมีรสหวานเป็นรสประกอบ ขณะเดียวกัน “น้ำตาล” ก็ตกเป็นวายร้ายที่ก่อให้เกิดโรคภัยต่างๆ MIRROR มุ่งหวังอยากให้สาวๆ มีสุขภาพดีในแบบที่คุณเลือกที่จะเป็น เราจึงมีทางเลือกที่ดีกว่ามานำเสนอ หนึ่งในนั้นคือเรื่องราวของน้ำตาลกับความลับของ “น้ำตาลดอกมะพร้าว” น้ำตาลจากธรรมชาติที่กำลังได้รับความนิยมในขณะนี้ ล่าสุดร้านเครื่องดื่มและอาหารหลายแห่ง รวมถึงร้านอาหารเพื่อสุขภาพ ก็สนใจและหันมาใช้วัตถุดิบอย่าง “น้ำตาลดอกมะพร้าว” กันมากขึ้น ซึ่งล่าสุดเรามีโอกาสได้คุยกับ คุณถิรดา เอกแก้วนำชัย ประธานวิสาหกิจชุมชน บ้านริมคลองโฮมสเตย์ อัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำตาลดอกมะพร้าว ภายในงานเวิร์กช็อปชงกาแฟพันธุ์ไทยด้วยน้ำตาลดอกมะพร้าว จึงนำความรู้เกี่ยวกับ “น้ำตาลดอกมะพร้าว” มาฝากทุกคน

ทั้งนี้ “น้ำตาลดอกมะพร้าว” คือ “น้ำตาล” ที่ได้จากช่อดอกของมะพร้าว ปัจจุบันผลิตภัณฑ์จากน้ำตาลดอกมะพร้าว จะมีให้เลือกอยู่หลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาลปึก น้ำหวานจากน้ำตาลดอกมะพร้าวหรือที่เราเรียกว่า “ไซรัป” และยังมีน้ำตาลเกล็ด น้ำตาลผง ซึ่งแต่ละอย่างล้วนได้มาจากดอกมะพร้าวทั้งสิ้น ทั้งนี้ประโยชน์หรือสรรพคุณทางโภชนาการของวัตถุดิบเพื่อสุขภาพอย่าง “น้ำตาลดอกมะพร้าว” ถือเป็นน้ำตาลจากธรรมชาติและมีประโยชน์มากที่สุด รวมทั้งอุดมไปด้วยแร่ธาตุต่างๆ มากมาย

5 เหตุผลที่ต้องใช้ “น้ำตาลดอกมะพร้าว” แทนความหวาน

1. หวานเท่าเดิม แต่ดัชนีน้ำตาลน้อย

“น้ำตาลดอกมะพร้าว” เป็น “น้ำตาล” ที่มีระดับความหวานเทียบเท่ากับน้ำตาลทรายและน้ำผึ้ง แต่ “น้ำตาลดอกมะพร้าว” มีค่าดัชนีน้ำตาลที่น้อยกว่า คือมีเพียง 35% เท่านั้นเมื่อเทียบกับน้ำตาลทั่วไป ซึ่งมีค่าดัชนีความหวานอยู่ที่ 85% ดังนั้นการบริโภคน้ำตาลดอกมะพร้าว จะทำให้สาวๆ ได้รับความหวานเท่าเดิม แต่ได้รับน้ำตาลน้อยลงนั่นเอง

2. แคลอรีต่ำช่วยลดน้ำหนัก

“น้ำตาลดอกมะพร้าว” จะให้แคลอรีต่ำ ทำให้ร่างกายได้รับน้ำตาลในปริมาณที่น้อยกว่า เหมาะสำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนัก เนื่องจากมีการวิจัยแล้วพบว่า น้ำตาลดอกมะพร้าวมีส่วนช่วยในการกระตุ้นระบบเผาพลาญให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น ทำให้ช่วยลดไขมันส่วนเกินได้เป็นอย่างดี และคุณสมบัติพิเศษคือ เมื่อเรารับประทานน้ำตาลดอกมะพร้าวเข้าไป ร่างกายจะค่อยๆ ดูดซึมน้ำตาลดอกมะพร้าวเข้าสู่กระแสเลือดอย่างช้าๆ ทำให้สาวๆ รู้สึกหิวน้อยลง แะลดความอยากอาหารได้อย่างดีด้วย เป็นเหตุผลในการช่วยลดน้ำหนักของเจ้าสาวเนื้อเลย

3. อุดมไปด้วยสารอาหาร

นอกจากความหวานจากธรรมชาติที่เราได้จาก “น้ำตาลดอกมะพร้าว” แล้วยังมีสารอาหารที่มีประโยชน์ ซึ่งไม่มีอยู่ในน้ำตาลทรายอีกด้วย โดยแร่ธาตุดังกล่าวประกอบไปด้วยวิตามินบี วิตามินซี แต่ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงคือ โพแทสเซียม เหล็ก ทองแดง

– โพแทสเซียม สารอาหารที่มีส่วนช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและคอเลสเตอรอลโดยตรง แถมยังช่วยควบคุมความดันให้อยู่ในระดับที่ปกติ

– ธาตุเหล็ก เสริมภูมิต้านทานให้ร่างกายมีความแข็งแรง เพิ่มความกระปรี้กระเปร่า ลดอาการเหนื่อยล้าอ่อนเพลียได้เป็นอย่างดี และช่วยกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดงอีกด้วย

– ทองแดงในน้ำตาลดอกมะพร้าว จะช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมธาตุเหล็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ เสริมพลังงาน และปรับระบบการขับถ่ายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น 

4. ลดคอเลสเตอรอลในเลือด

เมื่อสาวๆ ได้รับประทาน “น้ำตาลดอกมะพร้าว” จะช่วยในการลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดให้ต่ำลง จึงสามารถป้องกันและบรรเทาอาการให้กับคนที่มีปัญหาคอเลสเตอรอลสูงได้เช่นกัน เพียงแค่รับประทานบ่อยๆ และเป็นประจำเท่านั้น แถมยังเหมาะสำหรับคนที่เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตันด้วย

5. ป้องกันโรคเบาหวาน สวนทางทฤษฎี

แน่นอนการบริโภค “น้ำตาล” ย่อมส่งผลให้คนที่เป็นโรคเบาหวานมีอาการที่รุนแรงขึ้น แต่การบริโภค “น้ำตาลดอกมะพร้าว” กลับช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดให้ต่ำลง ซึ่งคนที่เป็นโรคอย่างเบาหวานเหมาะที่จะรับประทานน้ำตาลดอกมะพร้าวเป็นอย่างมาก เพราะยังช่วยบรรเทาอาการได้ในระดับหนึ่ง นอกจากนี้ยังสามารถป้องกันโรคเบาหวานสำหรับคนที่ยังไม่เป็นได้โรคด้วย

เอาละ…เมื่อได้รู้ข้อมูลแบบนี้แล้ว สาวๆ รีบไปจัดหา “น้ำตาลดอกมะพร้าว” มารับประทานกัน เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวเรา ซึ่งเงินก็ไม่สามารถซื้อสุขภาพได้ แต่สามารถซื้อวัตถุดิบแทนความหวานเพื่อสุขภาพได้ อ่านบทความ 9 ข้อดีของการลด “น้ำตาล” ก่อนดีท็อกซ์ความหวานออกจากร่างกาย หรืออ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ “สุขภาพ” อื่นๆ ได้.

ขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 03/08/2564

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a28,150.0028,250.00
ทองรูปพรรณ 96.5%1,823.0027,636.6828,750.00
ทองรูปพรรณ 90%1,640.7024,873.01n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,458.4022,109.34n/a
ทองรูปพรรณ 50%820.0012,431.20n/a
ทองรูปพรรณ 40%638.009,672.08n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%1,889.0028,637.24n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 02/08/2564



ปตท.
ราคาน้ำมัน บางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ Caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9529.9529.9529.9529.9529.9529.9529.9529.9529.9529.95
แก๊สโซฮอล์ 9129.6829.6829.6829.6829.6829.6829.6829.6829.6829.68
แก๊สโซฮอล์ E2028.4428.4428.4428.4428.4428.4428.4428.4428.44
แก๊สโซฮอล์ E8522.9422.9422.94
เบนซิน 9537.3637.8137.8637.3637.36
ดีเซล B729.4929.4929.4929.4929.4929.4929.4929.4929.4929.49
ดีเซล26.4926.4926.4926.4926.4926.4926.4926.4926.4926.49
ดีเซล B2026.2426.2426.4426.2426.2426.2426.24
ดีเซลพรีเมี่ยม34.2634.2635.9435.6634.26
แก๊ส NGV13.9913.9913.99

About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า