ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ปรับเงินงวดผ่อนบ้าน ธอส. เปิดลงทะเบียน เช็กเงื่อนไข
อัปเดต ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เริ่มเปิดลงทะเบียนแล้ว โครงการปรับเงินงวดให้เหมาะกับความสามารถในการผ่อนชำระบ้านของลูกค้า ธอส. เช็กเงื่อนไขด่วน
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เริ่มแล้ว โครงการปรับเงินงวดให้เหมาะกับความสามารถในการผ่อนชำระของลูกค้า ธอส.
โครงการปรับเงินงวดให้เหมาะกับความสามารถในการผ่อนชำระของลูกค้า ธอส. ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 25 ธ.ค. 67
คุณสมบัติลูกค้าที่สามารถเข้าร่วมโครงการปรับเงินงวดผ่อนชำระของลูกค้า ธอส.
- ไม่อยู่ระหว่างใช้มาตรการพักชำระเงินต้นและพักชำระดอกเบี้ย หรือมาตรการช่วยเหลือใดๆของธนาคาร
- ไม่อยู่ในสถานะกฎหมายและสถานะประนอมหนี้
- เงินต้นคงเหลือไม่น้อยกว่า 100,000 บาท
- กู้มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ระยะเวลากู้คงเหลือไม่น้อยกว่า 10 ปี
ช่องทางการลงทะเบียนเพื่อปรับลดเงินงวด ธอส.
1. Mobile Application GHB ALL GEN
2. เว็บไซต์ธนาคาร https://www.ghbank.co.th คลิก
3. ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ
สอบถามเพิ่มเติมที่ G H BANK Call Center : 0-2645-9000
เจรจาขอประนอมหนี้ ธอส. ครบจบในวันเดียว แบบ One Stop Service
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานเปิดงานมหกรรมแก้ไขหนี้และไกล่เกลี่ยภาคครัวเรือน จัดโดยธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และสำนักงานศาลยุติธรรม เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกค้ากลุ่มเฝ้าระวังเป็นพิเศษ (SM) และลูกค้าสถานะ NPL ที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้ เข้าเจรจากับธนาคาร โดยมีบุคลากรจากศาลเป็นคนกลางในการประนีประนอม โดยการเจรจาขอประนอมหนี้กับเจ้าหน้าที่ ธอส. ครบจบในวันเดียว แบบ One Stop Service ลดขั้นตอนกระบวนการทางศาล ทำให้ลูกค้าสามารถรักษาบ้านของตนเองไว้ได้ต่อไป
พร้อมมอบนโยบายให้ ธอส. เร่งแก้ไขปัญหาหนี้ให้กับลูกค้า และปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยในช่วงครึ่งปีหลัง ปี 2567 กว่า 160,000 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ให้ขยายตัวเพิ่มมากขึ้น
ช่องทางการลงทะเบียนเพื่อปรับลดเงินงวด
1.Mobile Application GHB ALL GEN
2.เว็บไซต์ธนาคาร https://www.ghbank.co.th
3.ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ : http://bit.ly/2MkPK64
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด
ข้อมูล ณ วันที่ 28 มิ.ย. 67
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
อนันดาฯ ปิดดีลขายหุ้น 5 เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ รับเงินสด 2,540 ล้าน
อนันดาฯ ปิดดีลขายหุ้น 5 เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ รับเงินสด 2,540 ล้าน เพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนและลงทุนตามแผนธุรกิจในอนาคต
บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN ผู้นำแห่งวงการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับคนเมือง ครองตำแหน่งผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้า เตรียมความพร้อมรับโอกาสการกลับมาของเศรษฐกิจไทย
ล่าสุด รับเงินสด 2,540 ล้านบาท จากการจำหน่ายเงินลงทุนในกิจการเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ของบริษัทย่อยจำนวน 5 บริษัท ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งในการลงทุนของบริษัทฯ เพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนและลงทุนตามแผนธุรกิจในอนาคต และเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนต่อความสามารถในการบริหารงานของบริษัทฯ
นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจยังเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยมีแผนในการเสริมศักยภาพของบริษัทให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น เพื่อเพิ่มความมั่นคงของเงินทุน และ สามารถที่จะดำเนินงานตามแผนธุรกิจที่วางไว้ โดยล่าสุดได้มีการจำหน่ายเงินลงทุนในกิจการเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ของบริษัทย่อยจำนวน 5 บริษัท
ได้แก่ บริษัท เอเอ็มเอช รัชดา จำกัด บริษัท เอเอ็มเอช สุขุมวิท 8 จำกัด บริษัท เอเอ็มเอช สุขุมวิท 59 จำกัด บริษัท เอเอ็มเอช สาธร จำกัด และบริษัท เอเอ็มเอช พัทยา จำกัด ซึ่งบริษัทถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 51 ของทุนจดทะเบียนแต่ละบริษัท ให้แก่ บริษัท มิตซุย ฟุโดซัง เอเชีย ดีเวลลอปเมนท์ (ไทยแลนด์) จำกัด (MFADT) คิดเป็นมูลค่า 2,540 ล้านบาท ถือเป็นหนึ่งในแผนการลงทุนของบริษัทฯ ทั้งนี้ ยังคงมีการลงทุนในธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์อย่างต่อเนื่อง
สำหรับการจำหน่ายเงินลงทุนในกิจการเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ของบริษัทย่อยจำนวน 5 บริษัทในครั้งนี้ถือเป็นผลดี และเป็นประโยชน์ต่อบริษัทและผู้ถือหุ้นของบริษัท สำหรับแผนในการใช้เงินที่ได้รับครั้งนี้เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ขยายธุรกิจและลงทุนตามแผนดำเนินงานในอนาคต อย่างไรก็ดี วัตถุประสงค์การนำเงินไปใช้ดังกล่าวเป็นแผนการดำเนินงานของบริษัทฯ ณ ปัจจุบัน ซึ่งอาจมีการปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสมเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ณ ขณะนั้น
อนันดาฯ ยังคงยึดมั่นดำเนินงานภายใต้จุดยืน URBAN LIVING SOLUTIONS เพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัยทั้งช่วยในการแก้ปัญหาของชีวิตคนเมือง พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตของคนเมืองให้ดีขึ้น นำเสนอสินค้าที่ดีและมีคุณภาพพร้อมอยู่พร้อมโอนบนทำเลที่ดีที่สุดของกรุงเทพฯ สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้าจากอินไซด์ของคนเมือง เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าคนเมืองได้ครบทุกเซกเม้นท์
โดยมีสินค้าพร้อมโอนในปี 2567 มูลค่า 28,284 ล้านบาท และโครงการพร้อมส่งมอบในปี 2568 มูลค่า 11,929 ล้านบาท รวมทั้งหมดมูลค่า 40,213 ล้านบาท ทั้งนี้ ยังมีผลการดำเนินงานที่น่าพอใจ เป็นการส่งสัญญาณดีขึ้น ยืนยันได้จากผลดำเนินงานในไตรมาสแรก ปี 2567 โดยสามารถพลิกทำกำไรในรอบ 3 ปี สร้างกำไรสุทธิ 195 ล้านบาท เติบโตขึ้น 425% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
“อนันดาฯ ยืนยันในความแข็งแกร่งของศักยภาพการดำเนินธุรกิจ ยังคงวางเป้าหมายในการพัฒนาโครงการตอบรับความต้องการลูกค้าคนเมืองในทุกเซกเมนต์ แม้ที่ผ่านมาจะอยู่ในสถานการณ์ที่ผันผวนแต่ก็ยังคงมีดีมานด์หรือความต้องการที่อยู่อาศัยพร้อมอยู่พร้อมโอนอยู่อย่างต่อเนื่อง
ดังนั้นจึงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาที่อยู่อาศัยของคนเมืองให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตให้ลงตัวมากที่สุด และมุ่งเน้นสร้างการเติบโตให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้” นายชานนท์ กล่าวทิ้งท้าย
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 3 ก.ค. “แข็งค่า” ที่ระดับ 36.80 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทในช่วงระหว่างวัน อาจมีจังหวะอ่อนค่าลงบ้างจากความผันผวนของฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ – วันนี้ ตลาดรอประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 3ก.ค. 2567 ที่ระดับ 36.80 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 36.86 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาทเสี่ยงผันผวนในกรอบที่กว้างขึ้น ท่ามกลางรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญในฝั่งสหรัฐฯ ทั้ง ดัชนี ISM PMI ภาคการบริการ และยอดการจ้างงานภาคเอกชน ที่อาจช่วยสะท้อนแนวโน้มของยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) วันศุกร์นี้ได้
นอกจากนี้ ปริมาณธุรกรรมในตลาดการเงินก็อาจเบาบางลง โดยเฉพาะในฝั่งสหรัฐฯ เนื่องจากจะเริ่มเข้าสู่ช่วงวันหยุด 4th of July โดยหากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาแย่กว่าคาด หรือสะท้อนภาพการชะลอลงของเศรษฐกิจที่ชัดเจนขึ้น ก็อาจกดดันให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลงได้บ้าง ส่วนเงินบาทก็อาจแข็งค่าขึ้น พร้อมกับการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ
อย่างไรก็ดี ก่อนที่ตลาดจะรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ นั้น เรามองว่า ควรระวังความผันผวนจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจจีน อย่าง ดัชนี Caixin PMI ภาคการบริการ หลังเงินหยวนจีน (CNY) ได้ผันผวนอ่อนค่าลงทดสอบโซนแนวต้านระยะสั้น ทำให้ หากข้อมูลเศรษฐกิจจีนออกมาแย่กว่าคาด ก็อาจกดดันให้เงินหยวนอ่อนค่าทะลุแนวต้านระยะสั้น ซึ่งอาจส่งผลให้บรรดาสกุลเงินฝั่งเอเชียที่ภาพเศรษฐกิจมีการพึ่งพาเศรษฐกิจจีน ผันผวนอ่อนค่าลงตามได้
นอกจากนี้ ในช่วงระหว่างวัน เรามองว่า ความผันผวนของฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติก็อาจเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เงินบาทอาจมีจังหวะอ่อนค่าลงบ้าง หรือยังไม่สามารถแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องได้ ตราบใดที่นักลงทุนต่างชาติยังคงเทขายสินทรัพย์ไทย
เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทยังมีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวนไปตาม การเปลี่ยนแปลงไปมาของปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางค่าเงินบาท อย่าง มุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ทำให้ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.75-36.90 บาท/ดอลลาร์ ในช่วงก่อนตลาดรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯและประเมินกรอบ 36.60-37.00 บาท/ดอลลาร์ ในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา ค่าเงินบาททยอยแข็งค่าขึ้นบ้างในลักษณะ sideways down (แกว่งตัวในช่วง 36.78-36.87 บาทต่อดอลลาร์) หนุนโดยการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ ที่มาพร้อมกับการปรับตัวลดลงเล็กน้อยของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หลังถ้อยแถลงของประธานเฟด Jerome Powell ล่าสุด ที่แม้จะย้ำจุดยืนไม่รีบลดดอกเบี้ยจนกว่าเฟดจะมั่นใจว่าสามารถคุมเงินเฟ้อได้สำเร็จ แต่ก็มีการระบุว่า เฟดมีความคืบหน้ามากขึ้นในการทำให้เงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมาย
พร้อมกับระบุถึงความเสี่ยงในการลดดอกเบี้ยเร็วเกินไปและช้าเกินไป ทำให้ผู้เล่นในตลาดยังคงประเมินว่าเฟดมีโอกาสราว 81% ที่จะลดดอกเบี้ยได้ 2 ครั้งในปีนี้ นอกจากนี้ การรีบาวด์ขึ้นบ้างของราคาทองคำ (XAUUSD) สู่ระดับ 2,330 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก็มีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมา
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง หนุนโดยการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นกลุ่มเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth หลังถ้อยแถลงของประธานเฟดได้ทำให้ผู้เล่นในตลาดยังเชื่อว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยได้ราว 2 ครั้งในปีนี้ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นกว่า +10% ของหุ้น Tesla ตามรายงานยอดส่งมอบรถยนต์ที่สูงกว่าคาด ทำให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.62%
ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 พลิกกลับมาย่อตัวลง -0.42% หลังผู้เล่นในตลาดเริ่มทยอยขายหุ้นฝรั่งเศสออกมาบ้าง ก่อนเข้าสู่ช่วงการเลือกตั้งรอบสองของฝรั่งเศส นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังเผชิญแรงกดดันจากการปรับตัวลงของบรรดาหุ้นกลุ่ม Healthcare โดยเฉพาะ Novo Nordisk -1.1% หลังประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ ได้เรียกร้องให้ทางบริษัทปรับลดราคายาเบาหวานและยาลดน้ำหนัก
ส่วนในฝั่งตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลงบ้างสู่ระดับ 4.44% หลังถ้อยแถลงของประธานเฟดได้ทำให้ผู้เล่นในตลาดยังคงคาดหวังว่า เฟดอาจปรับลดดอกเบี้ยได้ราว 2 ครั้งในปีนี้ อย่างไรก็ดี บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังพอได้แรงหนุนอยู่บ้างจากรายงานยอดตำแหน่งงานเปิดรับ (Job Openings) ล่าสุด ที่ออกมาสูงกว่าคาด เราประเมินว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจผันผวนใกล้ระดับ 4.40%-4.50% ในช่วงนี้ จนกว่าตลาดจะมั่นใจว่าเฟดจะสามารถเริ่มลดดอกเบี้ยได้จริง ถึงจะเห็นการปรับตัวลงชัดเจนของบอนด์ยีลด์
ซึ่งเราคงย้ำมุมมองเดิมว่า ในทุกๆ จังหวะการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จะเป็นโอกาสในการทยอยเข้าซื้อบอนด์ระยะยาวที่น่าสนใจ เนื่องจากแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดในระยะข้างหน้ามีเพียงแค่ “คง” หรือ “ลง” และหากบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ สามารถปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 4.50% ได้อีกครั้ง ก็จะเป็นจังหวะที่ดีในการเพิ่มสถานะการลงทุนในบอนด์ระยะยาว
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ทยอยอ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับบรรดาสกุลเงินหลัก ท่ามกลางภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินสหรัฐฯ และมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ยังคงเชื่อว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยได้ราว 2 ครั้งในปีนี้ หลังรับรู้ถ้อยแถลงของประธานเฟดล่าสุด ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวลงสู่ระดับ 105.7 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 105.6-106.1 จุด) ในส่วนของราคาทองคำ จังหวะการปรับตัวลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้ช่วยหนุนให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค.) สามารถรีบาวด์ขึ้นสู่ระดับ 2,340 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้อีกครั้ง ซึ่งการรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำดังกล่าวก็เปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยขายทำกำไรออกมาบ้าง และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วยช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยของเงินบาท
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด ผ่านรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ อย่าง ดัชนี ISM PMI ภาคการบริการ ในเดือนมิถุนายน รวมถึง ยอดการจ้างงานภาคเอกชน โดย ADP พร้อมกับรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด
ส่วนในฝั่งเอเชีย ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานดัชนี Caixin PMI ภาคการบริการของจีน ในเดือนมิถุนายน หลังจากที่ในช่วงต้นสัปดาห์ ดัชนี Caixin PMI ภาคการผลิตล่าสุดออกมาดีกว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดเริ่มกลับมามีความหวังต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนมากขึ้น ซึ่งเราประเมินว่า รายงานดัชนี Caixin PMI ภาคการบริการ อาจส่งผลให้ค่าเงินหยวนของจีน (CNY) ทยอยกลับมาแข็งค่าขึ้นได้บ้าง หากข้อมูลดังกล่าวออกมาดีกว่าคาดและสะท้อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ดีขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ได้ครบแล้ว! สรุปผลการประกบคู่ “ฟุตบอล ยูโร 2024” รอบ 8 ทีมสุดท้าย
การแข่งขัน ฟุตบอลยูโร 2024 หรือ ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2024 ที่จัดขึ้นที่ประเทศเยอรมนี ระหว่าง 14 มิถุนายน – 14 กรกฎาคม 2567
โดยถึงตอนนี้ได้ทีมที่จะผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศ ครบทั้ง 8 ชาติ เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งแน่นอนบรรดาทีมตัวเต็งยักษ์ใหญ่สามารถผ่านเข้ามาได้ตามความคาดหมาย
นำโดย “เจ้าภาพ” เยอรมนี, ฝรั่งเศส, สเปน,โปรตุเกส, อังกฤษ, สวิตเซอร์แลนด์, เนเธอร์แลนด์ และ ตุรกี
ซึ่งในรอบนี้จะเป็นระบบน็อกเอาต์เหมือนเดิม หากยังเสมอกันในเวลา 90 นาที ก็จะต่อเวลาพิเศษออกไปอีก 30 นาที และหากยังไม่มีผลแพ้ชนะ ก็จะไปตัดสินที่การยิงจุดโทษ
โปรแกรมการแข่งขัน ฟุตบอลยูโร 2024 รอบ 8 ทีม
วันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม 2567
23.00 น. สเปน พบ เยอรมนี
02.00 น. โปรตุเกส พบ ฝรั่งเศส
วันเสาร์ที่ 6 กรกฎาคม 2567
23.00 น. อังกฤษ พบ สวิตเซอร์แลนด์
02.00 น. เนเธอร์แลนด์ พบ ตุรกี
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
“เดินย่อยหลังอาหาร” ต้องเดินอย่างไร นานแค่ไหน ถึงดีต่อสุขภาพองค์รวม
“การเดินย่อยหลังอาหาร” ได้รับการพิสูจน์มาแล้วว่าดีต่อสุขภาพ และการเดินย่อยหลังมื้ออาหารก็เป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มคนรักสุขภาพ โดยเฉพาะเมื่อการเดินย่อยหลังมื้ออาหารส่งผลดีต่อสุขภาพในหลายๆ ด้าน
ประโยชน์ของการเดินย่อยหลังกิน
- ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด: การเดินช่วยกระตุ้นการหลั่งอินซูลิน ซึ่งช่วยนำน้ำตาลในเลือดไปใช้เป็นพลังงาน ลดความเสี่ยงของโรคเบาหวาน
- ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ: การเดินช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิต ลดความดันโลหิต ลดระดับไตรกลีเซอไรด์ และคอเลสเตอรอล ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจ
- ระบบย่อยอาหารดีขึ้น: การเดินช่วยกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น ลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย
- เผาผลาญแคลอรี่: การเดินช่วยเผาผลาญแคลอรี่ ช่วยควบคุมน้ำหนัก ลดความเสี่ยงโรคอ้วน
- ผ่อนคลายความเครียด: การเดินช่วยลดฮอร์โมนความเครียด เพิ่มฮอร์โมนแห่งความสุข ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย อารมณ์ดี
- สมองทำงานดี: การเดินช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิตไปเลี้ยงสมอง ช่วยให้สมองทำงานได้ดี ความจำดี มีสมาธิ
คำแนะนำ
- ช่วงเวลา: ควรเดินย่อย หลังมื้ออาหาร ประมาณ 15-30 นาที หรือ จนกว่าจะรู้สึกอิ่มสบาย
- ระยะเวลา: ควรเดิน อย่างน้อย 10 นาที ต่อครั้ง
- ความเร็ว: ควรเดิน ด้วยความเร็วปานกลาง สามารถพูดคุยได้ แต่ไม่หอบแฮ่ก
- ท่าทาง: ควรยืดตัวตรง มองไปข้างหน้า หายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ
- สถานที่: ควรเลือกสถานที่ที่ปลอดภัย ร่มรื่น อากาศถ่ายเทสะดวก
การเดินย่อยหลังกิน เป็นวิธีง่ายๆ ที่ทุกคนสามารถทำได้ โดยไม่ต้องเสียเวลา เสียเงิน หรืออุปกรณ์พิเศษใดๆ เพียงแค่ลุกขึ้นยืน และเดิน ก็สามารถสร้างประโยชน์ดีๆ ต่อสุขภาพ ได้มากมาย
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
สีควันจากท่อไอเสียทั้ง 3 สี แตกต่างกันอย่างไร?
อาการควันออกจากท่อไอเสียของรถยนต์ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์เบนซินหรือดีเซล บ่งบอกถึงความผิดปกติของระบบเผาไหม้ ซึ่งอาจจำแนกตามลักษณะควันได้ 3 แบบ คือ ควันขาว, ควันดำ และควันฟ้า แต่ละแบบบ่งบอกอาการผิดปกติอย่างไรบ้าง บทความนี้ Sanook Auto จะพาไปหาคำตอบกัน
สีควันจากท่อไอเสียทั้ง 3 แบบ บ่งบอกอาการผิดปกติอะไรบ้าง?
ควันดำ – ควันสีดำสามารถพบเห็นได้บ่อยที่สุด ซึ่งเกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ อันมีสาเหตุมาจากส่วนผสมของไอดีไม่เหมาะสม อาจมีน้ำมันมาก หรืออากาศน้อยเกินไป อีกทั้งยังมีโอกาสเกิดได้หากเจ้าของรถทำการโมดิฟายเครื่องยนต์ด้วยการติดตั้งกล่องดันรางเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิง หรืออุดอุปกรณ์กำจัดเขม่าที่เรียกว่า Exhaust Gas Recirculation หรือ EGR ก็จะทำให้เกิดควันดำผิดปกติได้
ควันขาว – ควันสีขาวมักเกิดจากการเครื่องยนต์มีอาการหลวมเนื่องจากผ่านการใช้งานมายาวนาน อันเป็นผลจากการมีน้ำมันเครื่องเล็ดลอดเข้าไปยังห้องเผาไหม้ ผ่านแหวนลูกสูบที่ถูกใช้งานอย่างหนักจนเสื่อมสภาพ ซึ่งโดยปกติแล้วจะมีอาการน้ำมันเครื่องหายควบคู่กันไปด้วย
ควันฟ้า – ควันสีฟ้า หรือสีเทาอมฟ้า เป็นควันที่พบเห็นได้ไม่บ่อยนัก ซึ่งสาเหตุการเกิดควันฟ้าจะคล้ายกับกรณีควันขาว แต่เป็นขั้นที่เครื่องยนต์เสื่อมสภาพอย่างหนัก จนกระทั่งมีน้ำมันเครื่องจำนวนมากเล็ดลอดเข้าไปยังห้องเผาไหม้นั่นเอง ทางที่ดีควรนำรถเข้าอู่เพื่อหาแนวทางการซ่อมแซมต่อไป
ทั้งนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดควันออกจากปลายท่อไอเสีย ซึ่งถือเป็นมลพิษที่ก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายโดยเฉพาะระบบหายใจ ควรนำรถเข้ารับการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะเสมอ เพื่อรักษาสภาพเครื่องยนต์ให้สมบูรณ์ยาวนานที่สุด และหลีกเลี่ยงการดัดแปลงเครื่องยนต์ โดยเฉพาะระบบไอเสียที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเอง
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
รูปแบบวิธีปฏิเสธ ภาษาอังกฤษแบบคนชิค แบบไม่ต้องพูดว่า No
ในหลาย ๆ ครั้งที่เรานั้นได้รับคำเชิญหรือคำร้องขอจากคนอื่น ๆ หรือมีการมีบทสนทนาร่วม บางครั้งเราก็ตอบตกลงไป แต่บางครั้งเราก็ต้องอยากที่อยากจากตอบปฏิเสธ หรือ Say No ไป แต่ด้วยสถานการ์ต่าง ๆ อาจจะทำให้เรานั้นคิดคำศัพท์หรือนึกคำที่เราจะปฏิเสธแบบสุภาพไม่ออก เพราะบางครั้งบางสถานการณ์แค่คำว่า No ก็อาจจะไม่เข้าหรือไม่เหมาะกับสถานการณ์นั้น ๆ แต่ในบทความนี้ที่ Engduo Thailand จะพาไปดูว่านอกจากคำว่า No แล้ว เราสามารถที่จะพูดคำหรือประโยคอื่น ๆ ที่ใช้ในการปฏิเสธได้อีกหรือไม่
การพูดปฏิเสธกรณีที่มีคนชวนเราไปไหนมาไหน แต่เราไม่สะดวก
- That sounds great, but…
ฟังดูดีนะ แต่ว่า…(ตามด้วยเหตุผล)
- I wish I could come, but unfortunately…
ฉันหวังว่าจะไปได้ แต่น่าเสียดายที่…(ตามด้วยเหตุผล)
- I really appreciate the invitation, but…
ฉันรู้สึกซาบซึ้งที่ได้รับคำเชิญนั้น แต่ว่า…(ตามด้วยเหตุผล)
- I wish I could come, but unfortunately, I won’t be able to be there. Have a great party.
ฉันหวังว่าฉันจะไปได้ แต่น่าเสียดายที่ฉันไม่สามารถไปได้ ขอให้สนุกนะ
- I’m honored that you would ask me, but my answer is no.
ฉันรู้สึกเป็นเกียรติมาก ๆ ที่คุณเอ่ยปากชวน แต่ว่าฉันคงต้องขอปฏิเสธ
การพูดปฏิเสธกรณีที่มีคนต้องการเสนออะไรให้เรา แต่เราไม่ต้องการ
- Thank you for the offer, but…
ขอบคุณสำหรับข้อเสนอ แต่ว่า…(ตามด้วยเหตุผล)
- I appreciate the offer, but…
ฉันรู้สึกทราบซึ้งกับข้อเสนอ แต่ว่า…(ตามด้วยเหตุผล)
- That would be great, but…
มันก็จะดีมากเลยนะ แต่ว่า…(ตามด้วยเหตุผล)
- Thank you for asking, but that isn’t going to work out for me.
ขอบคุณที่ถามนะ แต่มันคงไม่เหมาะกับฉันเท่าไหร่
- Thank you so much for your support. but I’m sorry I can’t accept your offer this time.
ขอบคุณมากที่คอยสนับสนุน แต่ต้องขอโทษด้วย ฉันไม่สามารถรับข้อเสนอของคุณในครั้งนี้ได้
- I appreciate you asking me, but I can’t do it.
ขอบคุณมากที่ถาม แต่ฉันไม่สะดวกทำจริง ๆ
การพูดปฏิเสธกรณีที่มีคนขอร้องให้ช่วย แต่เราไม่สะดวก
- I wish I could help you, but…
ฉันหวังว่าฉันจะช่วยเธอได้ แต่…(ตามด้วยเหตุผล)
- I would love to help you, but…
ฉันอยากที่จะช่วยมาก ๆ เลย แต่…(ตามด้วยเหตุผล)
- Unfortunately now is not a good time for me, I have to…
น่าเสียดายที่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาสะดวกของฉัน ฉันต้อง…
ประโยคตัวอย่างเหล่านี้ จะเห็นว่าเราจะไม่ปฏิเสธไปตรงๆ เนื่องจากอาจทำให้เกิดความข้องใจระหว่างกัน หรือเกิดความขุ่นเคืองในใจ เราอาจใช้การปฏิเสธแบบนุ่มนวลและตามด้วยเหตุผลว่าทำไมเราถึงต้องปฏิเสธ จึงจะเป็นวิธีปฏิเสธที่ดีกว่าการพูดว่า No เฉยๆ
ขอบคุณข้อมูลจาก engduothailand.com
“4 พืช ผัก” อุดมไปด้วย “โอเมก้า-3” เบื่อเนื้อปลาทานได้
โอเมก้า-3 กรดไขมันจำเป็นที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ เปรียบเสมือนขุมพลังอันล้ำค่าที่มอบประโยชน์มากมายต่อสุขภาพ โอเมก้า-3 ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจ ปรับสมดุลไตรกลีเซอไรด์ และคอเลสเตอรอล ช่วยให้เลือดไหลเวียนสะดวก หัวใจทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ โอเมก้า-3 มีบทบาทสำคัญต่อพัฒนาการของระบบประสาทและสมอง ช่วยเสริมสร้างความจำ ป้องกันโรคอัลไซเมอร์ และโรคเสื่อมของสมอง โดยองค์กรด้านสุขภาพชั้นนำหลายแห่งแนะนำให้ผู้ใหญ่ที่แข็งแรง บริโภคกรดไขมันอีพีเอ (EPA) และดีเอชเอ (DHA) ในปริมาณ 250-500 มิลลิกรัม (มก.) ต่อวัน ซึ่งสามารถได้รับได้จากการทานปลาทะเลน้ำลึก 2 ครั้งต่อสัปดาห์ แต่คนส่วนใหญ่ยังคิดว่าโอเมก้า-3 นั้นพบได้ในปลาเป็นหลัก แต่จริงๆ แล้วยังมีพืช ผักบางชนิดที่อุดมไปด้วยโอเมก้า-3
พืช ผักที่อุดมไปด้วยโอเมก้า-3
1.เมล็ดแฟล็กซ์
เมล็ดแฟล็กซ์สีน้ำตาลหรือเหลืองขนาดเล็กเหล่านี้ มักถูกนำไปบด อัด หรือสกัดน้ำมัน จัดเป็นหนึ่งในอาหารจากธรรมชาติที่อุดมไปด้วย กรดไขมันโอเมก้า-3 ชนิดอัลฟา-ไลโนเลนิก (ALA) มากที่สุด ด้วยเหตุนี้ น้ำมันเมล็ดแฟล็กซ์จึงนิยมนำมาใช้เป็นอาหารเสริมโอเมก้า-3 นอกจากโอเมก้า-3 แล้ว เมล็ดแฟล็กซ์ยังเป็นแหล่งของ เส้นใยอาหาร แมกนีเซียม และสารอาหารอื่นๆ อีกด้วย สัดส่วนของโอเมก้า-6 ต่อโอเมก้า-3 ในเมล็ดแฟล็กซ์นั้นดีกว่าเมล็ดพืชน้ำมันชนิดอื่น ๆ ส่วนใหญ่
เคล็ดลับ: เนื่องจากลำไส้ของเราไม่สามารถย่อยสลายเปลือกนอกที่แข็งของเมล็ดแฟล็กซ์แบบเต็มเมล็ดได้ การรับประทานเมล็ดแฟล็กซ์แบบบด หรือการนำเมล็ดแฟล็กซ์แบบเต็มเมล็ดไปบดในเครื่องบดกาแฟจึงเป็นวิธีที่แนะนำมากกว่า
ปริมาณโอเมก้า-3:
- เมล็ดแฟล็กซ์แบบเต็มเมล็ด 1 ช้อนโต๊ะ (10.3 กรัม) ให้ ALA 2,350 มิลลิกรัม
- น้ำมันเมล็ดแฟล็กซ์ 1 ช้อนโต๊ะ (13.6 กรัม) ให้ ALA 7,260 มิลลิกรัม
2.เมล็ดเจีย
เมล็ดเจียเต็มไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ อุดมไปด้วย แมงกานีส ซีลีเนียม แมกนีเซียม และสารอาหารอื่นๆ อีกมากมาย เพียง 1 ออนซ์ (28 กรัม) ของเมล็ดเจีย มาพร้อมโปรตีน 5 กรัม ประกอบด้วยกรดอะมิโนจำเป็นทั้ง 8 ชนิด
ปริมาณโอเมก้า-3: เมล็ดเจีย 1 ออนซ์ (28 กรัม) ให้ ALA 5,050 มิลลิกรัม
3.วอลนัท
วอลนัทอัดแน่นไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ เต็มไปด้วยใยอาหาร ทองแดง แมงกานีส และวิตามินอี รวมไปถึงสารประกอบจากพืชที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
เคล็ดลับ: อย่าลืมทานวอลนัทพร้อมกับเปลือก เพราะเปลือกวอลนัทอุดมไปด้วย สารต้านอนุมูลอิสระฟีนอล ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพ
ปริมาณโอเมก้า-3: วอลนัท 1 ออนซ์ (28 กรัม) หรือประมาณ 14 ซีก ให้ ALA 2,570 มิลลิกรัม
4.ถั่วเหลือง
ถั่วเหลืองเป็นแหล่งสำคัญของ เส้นใยอาหาร และโปรตีนจากพืช นอกจากนี้ยังมีสารอาหารอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น ไรโบฟลาวิน โฟเลต วิตามินเค แมกนีเซียม และโพแทสเซียม
ถั่วเหลืองมีกรดไขมันโอเมก้า-6 สูงมากในอดีต นักวิจัยเคยแนะนำว่าการบริโภคโอเมก้า-6 มากเกินไปอาจทำให้เกิดการอักเสบ แต่การวิจัยปัจจุบันชี้ให้เห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างกรดไขมันโอเมก้า-6 กับการอักเสบนั้นมีความซับซ้อน
กรดไขมันโอเมก้า-6 อาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายด้าน รวมถึงลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
ปริมาณโอเมก้า-3:
- ถั่วเหลืองแห้งคั่ว 1/2 ถ้วยตวง (47 กรัม) ให้ ALA 670 มิลลิกรัม
- ถั่วเหลืองแห้งคั่ว 3.5 ออนซ์ (100 กรัม) ให้ ALA 1,440 มิลลิกรัม
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 03/07/2567
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 40,500.00 | 40,600.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,623.00 | 39,764.68 | 41,100.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 2,360.70 | 35,788.21 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 2,098.40 | 31,811.74 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 1,180.00 | 17,888.80 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 918.00 | 13,916.88 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,718.00 | 41,204.88 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 03/07/2567
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 38.75 | 38.75 | 39.55 | 38.75 | 38.75 | 38.75 | 38.75 | 38.75 | 38.75 | 38.75 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 38.38 | 38.38 | 38.98 | 38.38 | 38.38 | 38.38 | 38.38 | 38.38 | 38.38 | 38.38 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 36.64 | 36.64 | 37.44 | 36.64 | 36.64 | – | 36.64 | 36.64 | 36.64 | 36.64 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 36.39 | 36.39 | – | – | – | – | – | – | – | 36.39 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 47.34 | 49.84 | 49.84 | 49.84 | – | – | – | – | – | 47.34 |
เบนซิน 95 | 46.64 | – | – | – | 49.41 | – | 47.14 | 46.79 | – | 46.64 |
ดีเซล | 32.94 | 32.94 | 33.74 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 44.94 | 47.14 | 49.84 | 47.14 | 47.14 | – | – | – | – | 44.94 |
แก๊ส NGV | 19.59 | 19.59 | – | – | – | – | – | – | – | 19.59 |