สาระน่ารู้ประจำวันที่ 3 ตุลาคม 2566

บ้านเดี่ยวลักชัวรี‘ซื้อปล่อยเช่า’ขาขึ้น!ครึ่งปีแรกเปิดตัวใหม่205%

แม้ปัจจัยลบในตลาดฉุดภาพรวมอสังหาฯซบเซา แต่บ้านเดี่ยวลักชัวรีกลับอยู่ในขาขึ้น โดยช่วง 6 เดือนแรกปีนี้มีโครงการใหม่เปิดตัวเพิ่มขึ้น 205% โดยเฉพาะโซนโรงเรียนนานาชาติ ส่วนหนึ่งคน (รวย) ซื้อปล่อยเช่า! ทำเลวิภาวดี รังสิต-ดอนเมืองส่งผลราคาประเมินที่ดินพุ่งขึ้น 25%

ชาญวิชญ์ พสุวัต หัวหน้าแผนกพัฒนาการออกแบบโครงการ บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทที่ปรึกษาอสังหาฯ กล่าวว่า ภาพรวมตลาดบ้านเดี่ยวระดับลักชัวรีระดับราคา 30 ล้านบาทขึ้นไป และซูเปอร์ลักชัวรี ราคา 70 ล้านบาทขึ้นไป ขยายตัวสูง เปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มขึ้น 205% เทียบช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะทำเลกรุงเทพฯ ตอนเหนือ เปิดตัวโครงการใหม่สูงขึ้น 81% จากปี 2565

แม้ตลาดบ้านครึ่งแรกปี 2566 จำนวนยูนิต “ลดลง” 25% แต่มูลค่าโครงการกลับเพิ่มสูงขึ้น สะท้อนให้เห็นว่าผู้ประกอบการหลายรายหันมาพัฒนาโครงการแนวราบที่มีราคาสูงขึ้น 

“โควิด-19 ทำให้คนเปลี่ยนพฤติกรรมหันมาซื้อบ้านมากกว่าคอนโดมิเนียม เพราะต้องการพื้นที่อยู่อาศัยมากขึ้น ผู้ประกอบการพัฒนาแนวราบออกมาเยอะ ปี 2565 โครงการใหม่ของแนวราบพุ่งสูงขึ้น แต่ครึ่งแรกปี 2566 เทียบปี 2565 ขยับขึ้นสูงมาก จาก 3 โครงการเป็น 9-10 โครงการ จาก 200 เป็น 600 ยูนิต ซัพพลายพุ่ง 200% ในแง่กำลังซื้้อ หรือดีมานด์ มีกว่า 70% ของจำนวนซัพพลายที่ออกมาทำให้เซ็กเมนต์บ้านลักชัวรียังคงไปได้อยู่เรื่อยๆ ”

ตลาดบ้านลักชัวรีมีลักษณะคล้ายกับคอนโดสมัยก่อน กล่าวคือ เริ่มมีคนซื้อบ้านหลังที่ 2 หลังที่ 3 ขึ้นอยู่กับความต้องการใช้งาน บางรายซื้อเพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกหลานมาอยู่ใกล้โรงเรียนนานาชาติ หรือซื้อเพื่อลงทุนระยะยาว ในทำเลใกล้โรงเรียนนานาชาติ ซึ่งมีผลตอบแทนสูง 5-7% ยกตัวอย่าง โซนวิภาวดีรังสิต-ดอนเมือง ที่อยู่ติดโรงเรียนนานาชาติฮาร์โรว์ กรุงเทพฯ อย่าง “ไฮด์พาร์ค การ์เด้น วิภาวดี” ค่าเช่าเฉลี่ย 120,000-150,000 บาทต่อตารางวาต่อเดือน

ทั้งนี้ ทำเลกรุงเทพฯ ตอนเหนือ ย่านวิภาวดีรังสิต-ดอนเมือง มีศักยภาพและมีความสำคัญอย่างมาก เพราะเป็นทำเลที่มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานไว้แล้ว ทั้งเส้นทางคมนาคมทางรถยนต์ รถไฟฟ้า และอยู่ใกล้สนามบินดอนเมือง ที่มีแผนขยายสนามบินระยะที่ 3 มีโครงการพัฒนาพื้นที่ส่วนขยายศูนย์ราชการฯ ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ความต้องการที่อยู่อาศัยในพื้นที่ขยายตัว

อีกหนึ่งดัชนีชี้วัดศักยภาพของทำเลนี้คือ “ราคาประเมินที่ดิน” ในปัจจุบันปรับสูงขึ้นถึง 25%!! จาก 120,000 เป็น 150,000 บาทต่อตารางวา ขณะที่พื้นที่กรุงเทพฯ เฉลี่ยปรับขึ้น 2.8%

การทำตลาดและการขายบ้านระดับลักชัวรีของซีบีอาร์อีที่ผ่านมา พบว่าผู้บริโภคมีความต้องการบ้านเดี่ยวในทำเลกรุงเทพฯ ตอนเหนือเป็นอย่างมาก แต่ทำเลดังกล่าวมีซัพพลายน้อยมากเมื่อเทียบทำเลอื่น เนื่องจากที่ดินส่วนใหญ่ถูกพัฒนาในเชิงพาณิชย์ หรือ สถานที่ราชการ

ปีนี้มีเพียงโครงการ “ไฮด์พาร์ค การ์เด้น วิภาวดี” ทำให้อัตราการขายสูง 100% เพราะไม่มีคู่แข่งและโครงการตั้งอยู่ติดโรงเรียนนานาชาติฮาร์โรว์ กรุงเทพฯ เป็นการเพิ่ม “มูลค่า” ให้ผู้ซื้อเพื่อลงทุนเพราะมีตลาดเช่าที่พักอาศัยจากครอบครัวชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีลูกเรียนในโรงเรียนดังกล่าว สามารถ “ขายต่อ” ได้ในอนาคตเพราะมีดีมานด์ใหม่เข้ามาทุกปี

ณัฐวัฒน์ คูวิจิตรสุวรรณ กรรมการบริหาร บริษัท คูน เอสเตท จำกัด ผู้พัฒนาโครงการ ไฮด์พาร์ค การ์เด้น วิภาวดี  กล่าวว่า ไฮด์พาร์ค การ์เด้น วิภาวดี มูลค่าโครงการกว่า 6,500 ล้านบาท เกิดจากความร่วมมือระหว่าง คูน เอสเตท กับ Asia International School Limited (AISL) ผู้บริหารโรงเรียนนานาชาติฮาร์โรว์ในภูมิภาคเอเชีย

โดยเฟสแรกยอดขายทะลุเป้ากว่า 50% รวม 32 ยูนิต มูลค่ากว่า 1,400 ล้านบาท โครงการประกอบด้วยบ้านเดี่ยว 3 ขนาด ตั้งแต่ 73-166 ตารางวา ราคา 38-81 ล้านบาท คาดสิ้นปีนี้ปิดการขาย และพร้อมพัฒนาโครงการเฟสสองในปี 2567

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


เผยโฉม“วันเวลา ณ เจ้าพระยา”คอนโดริมแม่น้ำเจ้าพระยาของแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์

ห้ามพลาด! เผยโฉม โครงการ “วันเวลา ณ เจ้าพระยา”คอนโดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ของแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เปิดให้ชมห้องตัวอย่าง 21-22 ต.ค.นี้

โครงการ “วันเวลา ณ เจ้าพระยา” จากแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์เป็นโครงการคอนโดใหม่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาออกแบบโดยได้รับแรงบันดาลใจจากสายน้ำและองค์ประกอบทางธรรมชาติ ด้วยแนวคิด LIVE. ONE OF A KIND. อยู่…ให้วันเวลามีความหมายโครงการตั้งอยู่ติดถนนสามเสน ใกล้โรงเรียนราชินีบน และสถานีศรีย่านรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ (อนาคต) เชื่อมต่อทุกการเดินทางตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนเมืองที่อยากเป็นเจ้าของบ้านริมน้ำท่ามกลางธรรมชาติ

โครงการตั้งอยู่บนที่ดินผืนงามขนาดใหญ่ 18 ไร่ซึ่งเป็นที่ดินที่หาได้ยากแล้วในปัจจุบัน มีพื้นที่สวนส่วนกลางขนาดใหญ่4.8 ไร่ที่ขนานไปกับแม่น้ำเจ้าพระยากว้างถึง 130 เมตรให้ความรู้สึกสดชื่น ผ่อนคลาย ท่ามกลางแมกไม้นานาพันธุ์​พิถีพิถันกับการออกแบบพื้นที่ Landscapeให้มีระดับลดหลั่นเหมือนขั้นบันได

ทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงบรรยากาศบ้านริมน้ำได้อย่างเต็มอิ่มและผ่อนคลาย มีจำนวนห้องทั้งหมด 1,512 ยูนิต จำนวน 5 อาคารมีแบบห้องให้เลือกถึง 5 แบบ ได้แก่ 1 Bedroom ขนาด 34.6 – 53.2
ตารางเมตร, 2 Bedroom ขนาด 86.7 – 103.5 ตารางเมตร, 3 Bedroomขนาด 185.4 – 186.1 ตารางเมตร, PENTHOUSE ขนาด 264.2ตารางเมตร และ VILLA ขนาด 174.4 – 178.7 ตารางเมตร

โดยจำกัดจำนวนยูนิตต่อพื้นที่เพียง 83 ยูนิตต่อ 1 ไร่เพื่อบรรยากาศความเป็นส่วนตัว คงความเงียบ สงบ ไม่วุ่นวายพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกริมน้ำครบครัน รองรับกิจกรรมทุกช่วงวัยเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตริมน้ำและสร้างสุขภาพที่ดีให้กับผู้พักอาศัย

วันที่ 21-22 ตุลาคมนี้ โครงการ “วันเวลา ณ เจ้าพระยา”จะเปิดให้ชมห้องตัวอย่างจริง ที่ Sales Gallery ของโครงการโดยมีห้องตัวอย่าง 2 แบบให้ชม คือ 1 ห้องนอน ขนาด 47 ตารางเมตรและ 2 ห้องนอน ขนาด 87 ตารางเมตร โดยแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 47 -53 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 7.5 ล้านบาท

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 3ต.ค. ที่ระดับ 37.07 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทยังมีความเสี่ยงผันผวนอ่อนค่าต่อได้ สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯฝั่งเอเชีย ตลาดจะรอจับตาผลการประชุมธนาคารกลางออสเตรเลีย

ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 3ต.ค. 2566 ที่ระดับ  37.07 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  36.96 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน  พานิชพิบูลย์  นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน  ธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทกลับไม่ได้ชะลอลงตามที่เราประเมินไว้ก่อนหน้า กดดันโดยโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว หลังราคาทองคำปรับตัวลดลงต่อเนื่อง (ทะลุโซนแนวรับที่เราประเมินไว้)

ซึ่งภาพดังกล่าวก็เกิดขึ้นในช่วงที่ทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ต่างปรับตัวขึ้น ทำให้ในวันนี้ เงินบาทยังมีความเสี่ยงผันผวนอ่อนค่าต่อได้ หลังจากที่เงินบาทได้อ่อนค่าทะลุโซนแนวต้านสำคัญ 36.85 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งจะเปิดโอกาสให้เงินบาทอ่อนค่าต่อทดสอบโซน 37.15-37.25 บาทต่อดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม เราคงมุมมองเดิมว่า จุดอ่อนค่าสุดของเงินบาทที่เป็นไปได้ใหม่ หากอ้างอิงการประเมิน Valuation ของเงินบาทจากดัชนีเงินบาท REER จะอยู่ที่ประมาณ 37.50 บาทต่อดอลลาร์ (ประเมินไว้ เมื่อวันที่ 26 กันยายน)

อย่างไรก็ดี ควรจับตาทิศทางฟันด์โฟลว์ในช่วงระหว่างวัน เนื่องจากแรงขายสินทรัพย์ไทยจากนักลงทุนต่างชาติเริ่มชะลอลงบ้าง และมีโอกาสที่อาจจะเห็นการทยอยกลับเข้าซื้อสินทรัพย์ไทยได้บ้าง หลังดัชนี SET ก็ปรับตัวลงมาใกล้โซนแนวรับสำคัญ ทั้งนี้ ในระยะสั้น เรามองว่า แรงขายบอนด์ระยะยาวของไทยก็อาจยังพอมีอยู่บ้าง จนกว่าบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จะพลิกกลับมาย่อตัวลง

ทั้งนี้ ควรระมัดระวัง ความผันผวนของเงินบาทในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ในช่วงเวลา 21.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย เพราะหากยอดตำแหน่งงานเปิดรับปรับตัวลดลงต่อเนื่อง หรือ ออกมาแย่กว่าคาด ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดคลายกังวลแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อของเฟด หรือ

 แนวโน้มเฟดคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงได้นาน ในทางกลับกัน รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ดีกว่าคาด จะยิ่งหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์และการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ซึ่งอาจทำให้ราคาทองคำปรับตัวลงต่อได้ ส่งผลให้เงินบาทจะยังคงเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าต่อไปในช่วงนี้

เรายังคงมองว่า ทุกสินทรัพย์ยังอยู่ในช่วงเผชิญความผันผวนสูง จากทั้งความไม่แน่นอนของทิศทางนโยบายการเงิน ความกังวลแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ทำให้เราคงคำแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย

อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และนอกเหนือจากการใช้เครื่องมือดังกล่าว การเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ก็เป็นอีกแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.90-37.20 บาท/ดอลลาร์

โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทปรับตัวอ่อนค่าลง (แกว่งตัวในช่วง 36.91-37.05 บาทต่อดอลลาร์) หลังเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ต่างปรับตัวขึ้น ตามรายงานดัชนี ISM PMI สหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาด

รวมถึงถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดที่ยังคงสนับสนุนการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดต่อ จนกว่าเฟดจะมั่นใจว่าคุมเงินเฟ้อได้สำเร็จ ซึ่งภาพดังกล่าวยังได้ส่งผลให้ ราคาทองคำปรับตัวลงต่อเนื่อง และโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว ก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลง

ผู้เล่นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยงมากนัก ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มเฟดอาจคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงได้นาน (Higher for Longer) ทว่า หุ้นเทคฯ ใหญ่ (The Magnificent Seven) นำโดย Nvidia +3.0% สามารถปรับตัวขึ้น

แม้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จะทำจุดสูงสุดใหม่ทะลุระดับ 4.70% ก็ตาม โดย Nvidia และหุ้นเทคฯ ใหญ่ ได้รับแรงหนุนจากมุมมองของนักวิเคราะห์ที่ยังคงแนะนำการลงทุนในธีม AI ทำให้โดยรวมดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวขึ้น +0.67% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.01%

ส่วนในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี stoxx600 พลิกกลับมาลดลงกว่า -1.03% ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มการคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงได้นานของบรรดาธนาคารกลางหลัก ที่หนุนให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี ต่างปรับตัวสูงขึ้น รวมถึง ความกังวลแนวโน้มการชะลอตัวลงต่อเนื่องของเศรษฐกิจยูโรโซน

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังเผชิญแรงกดดันจากการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน (BP -2.3%) หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงแรง ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์และความกังวลว่า ซาอุฯ อาจกลับมาเพิ่มกำลังการผลิตได้

ในฝั่งตลาดบอนด์ ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดซึ่งยังคงสนับสนุนการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดต่อไป รวมถึงรายงานดัชนี ISM PMI ของสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาด ได้ส่งผลให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 4.70% อีกครั้ง

ทั้งนี้ การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ระยะยาวไม่ได้เหนือความคาดหมายของเรา ซึ่งเราคงมุมมองเดิมว่า นักลงทุนควรทยอยเข้าซื้อสะสมบอนด์ระยะยาว โดยเฉพาะในช่วงบอนด์ยีลด์ปรับตัวขึ้น เนื่องจาก Risk-Reward (มอง Total Return และ Real Yield) มีความคุ้มค่า

 นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดต่างมีสถานะ Short บอนด์ระยะยาวกันมาก ทำให้ หากมีปัจจัยที่ทำให้มุมมอง Higher for Longer เปลี่ยนไป เรามองว่า การทยอยปิดสถานะ Short อาจช่วยหนุนให้บอนด์ยีลด์ปรับตัวลงได้ไม่ยาก

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ตามการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ที่ได้แรงหนุนจากความกังวลแนวโน้มเฟดอาจคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงได้นาน ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวขึ้นทะลุโซน 107 จุด ได้สำเร็จ (กรอบ 106.4-107.2 จุด)

 ในส่วนของราคาทองคำ การปรับตัวขึ้นของทั้งบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ และเงินดอลลาร์ ได้กดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) ปรับตัวลงต่อเนื่อง สู่ระดับ 1,840 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งต่ำกว่ากรอบแนวรับที่เราประเมินไว้ในสัปดาห์นี้

อนึ่ง เรามองว่า การปรับตัวลงของราคาทองคำใกล้โซนแนวรับหลัก จะทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยเข้าซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลง

สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ อย่าง ยอดตำแหน่งงานเปิดรับ (Job Openings) ซึ่งอาจสะท้อนภาวะการจ้างงานในสหรัฐฯ ได้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ ประเมินว่า ยอดคำแหน่งงานเปิดรับอาจทรงตัวที่ระดับ 8.83 ล้านตำแหน่ง

ส่วนในฝั่งเอเชีย ตลาดจะรอจับตาผลการประชุมธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ซึ่งผู้เล่นในตลาดต่างประเมินว่า RBA อาจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 4.10% หลังกิจกรรมทางเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มชะลอตัวลงมากขึ้น

และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางหลัก ทั้ง เฟด และ ECB เพื่อประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินในระยะถัดไป

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ตะลึง! สาวเกาหลีเหนือ พังสถิติทุกอย่างบนโลก ผงาดซิวทองยกน้ำหนัก รุ่น 59 กิโลกรัม

การแข่งขันยกน้ำหนัก ในกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่เซียวฉาน สปอร์ต เซเตอร์ ยิมเนเซียม ประเทศจีน เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม ที่ผ่านมา

รุ่น 59 กิโลกรัมหญิง ธนพร แซ่เตีย จอมพลังสาวไทย เจองานหนักต้องดวลทั้ง  “ลู่ ชิ ฟาง” แชมป์โลกจากจีน และ “ฮิดิลิน ดิอาซ” แชมป์โอลิมปิกจากฟิลิปปินส์

ซึ่งผลการแข่งขันปรากฎว่า ธนพร สู้อย่างเต็มที่ คว้าอันดับ 5 มาครองด้วยสถิติน้ำหนักรวม 210 กิโลกรัม สแนตช์ยกได้ผ่าน 2 ครั้งแรก สถิติดีสุด 97 กิโลกรัม คลีนแอนด์เจิร์กยกผ่านครั้งที่ 2 และ 3 สถิติดีสุด 113 กิโลกรัม

ขณะที่เหรียญทอง สร้างความตกตะลึงให้โลกใบนี้ เมื่อ “คิม อิก ยอง” สาวน้อยวัยแค่ 20 ปี จากเกาหลีเหนือ ที่ระเบิดฟอร์มสุดยอด ยกท่าสแนตช์ ได้ 111  ทำลายสถิติเอเชีย, ทำลายสถิติเอเชียนเกมส์ และ  ทำลายสถิติโลก

ยังไม่พอ! ในท่าคลีนแอนด์เจิร์ก เธอยกได้ 135 กิโลกรัม ทำลายสถิติเอเชีย, ทำลายสถิติเอเชียนเกมส์ และ  ทำลายสถิติโลก

ขณะที่น้ำหนักรวม เธอทำได้ถึง 246 กิโลกรัม ซึ่งก็เป็นการทำลาย สถิติเอเชีย, ทำลายสถิติเอเชียนเกมส์ และ  ทำลายสถิติโลกแบบครบชุด

ส่วน เหรียญเงิน “ลู่ ชิ ฟาง” จากจีน สถิติ 240 กิโลกรัม และ เหรียญทองแดง “กั๊ว ชิง ชุน” สาวจาก ไชนีส ไทเป 227 กิโลกรัม

ด้าน “ฮิดิลิน ดิอาซ” จอมพลังสาวฟิลิปปินส์ เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกครั้งล่าสุด ไปไม่ถึงเหรียญ ทำน้ำหนักรวมได้ 223  กิโลกรัม จบในอันดับที่ 4 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


สัญญาณอันตราย “นอนไม่หลับ” แบบไหน ที่ควรรีบพบแพทย์

ปัญหาด้านการนอนหลับ นอนไม่ค่อยหลับ หลับยาก หลับๆ ตื่นๆ จนทำให้ตัวเองนั้นนอนหลับไม่เพียงพอ ปัญหาการนอนเหล่านี้อาจกลายมาเป็นปัญหาที่ส่งผลต่อสุขภาพต่างๆ มากมาย ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาในการนอนไม่หลับนั้นก็อาจจะมีจากปัจจัยที่แตกต่างกันออกไป เช่น ความเครียด ความวิตกกังวล ปัญหาจากโรคประจำตัว ซึ่งหลายคนที่มีปัญหาในการนอนหลับอาจจะชินกับปัญหาในการนอนที่เกิดขึ้นจนละเลยไป

Hello คุณหมอ มีสัญญาณมาให้ทุกคนตรวจสอบตัวเองกันว่าถึงเวลาแล้วหรือยังที่คุณควร ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับ


“ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับ” คือใคร?

ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับ เป็นผู้ที่คอยให้คำปรึกษาเกี่ยวกับปัญหาในการนอนหลับ หลายๆ ครั้งผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับก็อาจจะเป็นแพทย์หรือจิตแพทย์ ซึ่งจะเป็นผู้ที่เข้าร่วมการฝึกอบรมเกี่ยวกับการนอนหลับ (Sleep medicine) ซึ่งเป็นศาสตร์เฉพาะทางที่ศึกษาเกี่ยวกับความผิดปกติในการนอนหลับและปัญหาในการนอนหลับ เพื่อใช้ในการรักษาผู้ป่วยที่มีปัญหาในการนอนหลับ


สัญญาณที่บ่งบอกว่าควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับ

  • มีอาการนอนไม่หลับเรื้อรัง

หากคุณมีปัญหาในการนอนไม่หลับ นอนไม่หลับในตอนกลางคืน ตื่นระหว่างคืนบ่อย หรือบางคนอาจมีอาการตื่นเร็วในตอนเช้าและไม่สามารถกลับไปนอนได้อีก แม้ว่าคุณจะรู้สึกเหนื่อยล้า อ่อนเพลียขนาดไหนแต่ร่างกายกลับหลับไม่ลง การนอนไม่หลับเป็นครั้งคราวอาจทำให้ร่างกายคุณอ่อนล้า แต่หากมีอาการนอนไม่หลับเรื้อรังอาจจะต้องไปพบคุณหมอ ก่อนที่ร่างกายจะเกิดโรคอื่น ๆ ตามมา ซึ่งอาการนอนไม่หลับนั้นอาจมีสาเหตุมาจากปัญหาต่างๆ เหล่านี้

– ความเครียด

– ความแปรปรวนทางอารมณ์ เช่น มีความวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้า

– โรคหอบหืด

– อาการปวดเรื้อรัง

– ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ

– รู้สึกง่วงนอนมากผิดปกติในตอนกลางวัน

อาการรู้สึกง่วงนอนผิดปกติในตอนกลางวัน (Excessive daytime sleepiness หรือ EDS) เป็นอาการที่คุณจะรู้สึกง่วงนอนมากในตอนกลางวัน แม้ในตอนกลางคืนจะนอนมากขนาดไหน แต่ยังสามารถเกิดอาการง่วงได้ ซึ่งอาการง่วงนอนในตอนกลางวันนั้นอาจส่งผลทำให้คุณไม่มีสมาธิในการทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเรียน การทำงาน หรืออาจทำให้เกิดอันตรายต่อการทำกิจกรรมบางอย่างเช่น การขับรถ การทำงานกับเครื่องจักร นอกจากนี้การง่วงในตอนกลางวันยังทำให้คุณรู้สึกหงุดหงิด

  • มีอาการกรนขณะนอนหลับ

การนอนกรนเสียงดังในเวลากลางคืนนั้นเป็นอาการที่พบได้บ่อยในผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ซึ่งเป็นความผิดปกติของการนอนหลับที่เป็นอันตราย ผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับนั้นมักจะมีภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมา เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง บางร้ายอาจอันตรายจนเสียชีวิตได้

  • ประสบกับโรคขาอยู่ไม่สุข (Restless legs syndrome)

โรคขาอยู่ไม่สุข (Restless legs syndrome หรือ RLS) เป็นโรคที่ผู้ป่วยมักจะขยับขาอยู่บ่อย ๆ เพื่อบรรเทาอาการที่ไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้นที่ขา อย่างอาการปวดเมื่อย ปวดขาช่วงล่าง ซึ่งอาจทำให้คุณนอนหลับได้ยากในเวลากลางคืน ซึ่งโรคขาอยู่ไม่สุขนั้นยังมีความเกี่ยวข้องกับการขาดสารโดปามีน (Dopamine) ในสมอง ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับโรคทางระบบประสาทอย่างโรคพาร์กินสัน (Parkinson) ซึ่งส่งผลให้หลับได้ยากในเวลากลางคืนหากใครที่มีอาการเช่นนี้ควรรีบเข้าปรึกษากับคุณหมอทันที


ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับ ช่วยอะไรได้บ้าง?

การนอนไม่หลับไม่เพียงพอนั้นมีผลต่อการทำงานของร่างกายในส่วนต่าง ๆ เมื่อคุณเข้ารับการปรึกษาการนอนหลับกับผู้เชี่ยวชาญ จะเริ่มต้นด้วยการวินิจฉัยถึงสาเหตุของการเกิดปัญหาในการนอนไม่หลับ ซึ่งความผิดปกติที่ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่เจอนั้นมาจากปัญหาการหยุดหายใจขณะหลับ โรคขาไม่อยู่สุข เมื่อคุณไม่ได้รับการนอนที่มีประสิทธิภาพและไม่เพียงพอ จะทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยล้า เครียด และไม่มีพลังในการทำกิจกรรมระหว่างวัน การเข้าพบผู้เชี่ยวชาญนั้นจะทำให้คุณรู้สาเหตุและรักษาได้ตรงจุด จนสามารถนอนหลับได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่กระทบกับการใช้ชีวิต

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ใช้ยังไงให้หายงง สรุปความแตกต่างของ i.e. กับ e.g. แบบกระชับ

เวลาที่เราเขียนอธิบายงานอะไรบางอย่าง เรามักจะยกตัวอย่างโดยใช้คำว่า “เช่น, ตัวอย่างเช่น” ขึ้นมาให้คนอ่านได้เห็นภาพและเข้าใจได้มากยิ่งขึ้นใช่มั้ยล่ะคะ แต่ทีนี้ปัญหาในการเขียนงานในภาษาอังกฤษก็คือ หลายๆคนมักจะสับสนกับการใช้คำย่อว่า มันต้องใช้ตัวไหนกันแน่นะ สับสน ระหว่าง i.e. กับ e.g. ตลอดเลย ทั้งที่จริงๆแล้วทั้งคู่มีความหมายและใช้งานต่างกันชัดเจนเลยล่ะ

วันนี้แอดจะมาสรุปให้ทุกคนแบบกระชับสั้นๆ และให้มันจบแค่เราที่ตรงนี้พอ!

i.e.

อ่านว่า id est (อิด’เอสทฺ) แปลว่า “กล่าวคือ” หรือมีความหมายว่า “That is, In other words”

ใช้เพื่ออธิบายหรือขยายความเพิ่มเติมของสิ่งหรือประโยคที่กล่าวไปก่อนหน้าให้มีความชัดเจน เข้าใจได้ง่ายมากยิ่งขึ้น  ทำหน้าที่เชื่อมประโยค มักพบในงานเขียนภาษาอังกฤษระดับกลางขึ้นไป เวลาอ่านให้อ่านไปเลยว่า that is

การใช้งาน 

  1. เขียนจุด full stop ให้ครบทั้ง 2 จุด 2 ตำแหน่งทุกครั้ง 
  2. ใช้วางไว้ระหว่างประโยค หรือ ระหว่างประโยคกับคำ/วลี
  3. ใส่เครื่องหมาย “จุลภาค” (comma) คั่นด้านหน้า และด้านหลังหากเป็นงานเขียนแบบอังกฤษ หรือใช้ “วงเล็บ”
  4. ไม่ต้องเขียนตัวเอียงใดๆ และเขียนเป็นตัวอักษรพิมพ์เล็กเท่านั้น
  5. เว้นวรรคด้านหลัง

ตัวอย่าง

  • To cure and treat animals is my job, i.e., I’m a vet.
    (รักษาและดูแลสัตว์คืองานของฉัน กล่าวคือ ฉันคือสัตวแพทย์)
  • We do not open the store during summer, i.e. from March to May.
    (เราไม่เปิดในช่วงฤดูร้อน ซึ่งก็คือเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม)

e.g.

อ่านว่า exempli gratia (เอ็กเซ็มพลิ เกรเชียะ) หรือมีความหมายว่า “for example”

ใช้เพื่อยกตัวอย่างรายการหรือสิ่งที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่กล่าวไปข้างต้น โดยการยกตัวอย่างคือยกมาบางรายการเท่านั้น ไม่ต้องเอามาทั้งหมด

การใช้งาน

  1. เขียนจุด full stop ให้ครบทั้ง 2 จุด 2 ตำแหน่งทุกครั้ง 
  2. ใช้วางไว้ระหว่างประโยค หรือ ระหว่างประโยคกับคำ/วลี
  3. ใส่เครื่องหมาย “จุลภาค” (comma) คั่นด้านหน้า และด้านหลังหากเป็นงานเขียนแบบอังกฤษ หรือใช้ “วงเล็บ”
  4. ไม่ต้องเขียนตัวเอียงใดๆ และเขียนเป็นตัวอักษรพิมพ์เล็กเท่านั้น
  5. เว้นวรรคด้านหลัง
  6. (จริงๆคือทำเหมือนกันกับ i.e.เลยค่ะ)

ตัวอย่าง 

  • To cure and treat animals is my job, e.g., body check, operation, and diagnosis.
    (รักษาและดูแลสัตว์คืองานของฉัน ตัวอย่างเช่น ตรวจร่างกาย, ผ่าตัด, และตรวจวินิจฉัย)
  • We do not open the store during summer, e.g. March and April.
    (เราไม่เปิดร้านในช่วงฤดูร้อน เช่นในเดือน มีนาคมและเมษายน)

สรุปสั้นๆง่ายๆกันอีกที i.e. คือ that is ส่วน e.g. คือ example สังเกตที่ e.g. -> e แทน example แค่นี้เอง เอาไปใช้ในงานเขียนให้สุดปังกันนะคะ เกร๋กว่าใช้แค่คำว่า example แน่นอน 

ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th


ถ่ายทอดสดดาวเทียม THEOS-2 “จิสด้า” เตรียมส่งขึ้นวงโคจร 7 ต.ค.66

ถ่ายทอดสดดาวเทียม THEOS-2 ขึ้นสู่วงโคจร เวลา 08:36 น. ตามเวลาในประเทศไทย จากท่าอวกาศยานเฟรนช์เกียนา ในทวีปอเมริกาใต้ “จิสด้า” ปักหมุดทำการถ่ายทอดผ่านเฟซบุ๊ก และ ยูทูบ วันที่ 7 ตุลาคม 2566

ถ่ายทอดสดดาวเทียม THEOS-2 นับถอยหลังเหลืออีกเพียง 6 วันเท่านั้น ประเทศไทยพร้อมส่งดาวเทียม THEOS-2 (ธีออส 2) ทะยาน ขึ้นสู่ท้องฟ้าในวันที่ 7 ตุลาคม 2566

ล่าสุดเพจสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ จิสด้า แจ้งว่า 7 ตุลาคม 2566 ดาวเทียม THEOS-2 (ธีออส 2) พร้อมทะยาน THEOS-2 พร้อมผสานข้อมูลบนแผ่นดินและข้อมูลความเป็นอยู่ของมนุษย์ที่มีคุณค่ามหาศาล เข้าไว้ด้วยกันเพื่อให้ทุกเหตุการณ์ได้รับการมองเห็น และนำไปสู่การตัดสินใจ เพื่อบรรเทา เพื่อการแก้ไขปัญหา เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างเท่าเทียม และนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของคนไทย

7 ตุลาคม 2566 จะเป็นวันที่น่าจดจำกับภารกิจด้านกิจการอวกาศอีกวันหนึ่ง ในการนำส่งดาวเทียมสำรวจโลก THEOS-2 ขึ้นสู่วงโคจร เวลา 08:36 น. ตามเวลาในประเทศไทย จากท่าอวกาศยานเฟรนช์เกียนา ในทวีปอเมริกาใต้

ช่องทางถ่ายทอดสดดังนี้

ข้อมูลจำเพาะดาวเทียม THEOS-2

นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวว่า ดาวเทียม THEOS-2 เป็นดาวเทียมสำรวจโลก หรือ Earth observation satellite หนึ่งในสองดวงที่อยู่ภายใต้โครงการระบบดาวเทียมสำรวจเพื่อการพัฒนาดาวเทียม THEOS-2 เป็นดาวเทียมสำรวจโลก หรือ Earth observation satellite หนึ่งในสองดวงที่อยู่ภายใต้โครงการระบบดาวเทียมสำรวจเพื่อการพัฒนา ที่ดำเนินการโดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA

ศักยภาดดาวเทียม THEOS-2

ถ่ายภาพและผลิตภาพสีรายละเอียดสูงมากในระดับ 50 เซนติเมตร สามารถถ่ายภาพและส่งข้อมูลกลับมายังสถานีภาคพื้นดินได้ไม่ต่ำกว่า 74,000 ตารางกิโลเมตรต่อวันและข้อมูลจากดาวเทียมจะถูกใช้ในการปรับปรุง (Update) ข้อมูลในทุกพื้นที่ของไทยให้เป็นปัจจุบันอย่างละเอียดและถูกต้อง ช่วยให้การวางแผนบริหารจัดการพื้นที่ที่ตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถนำมาใช้ในการจัดการเกษตร การบริหารจัดการน้ำ การจัดการภัยธรรมชาติ การจัดการเมือง และทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึงยังช่วยพัฒนาและยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีอวกาศของประเทศ โดยเฉพาะด้านทรัพยากรมนุษย์และการพัฒนาอุตสาหกรรมอวกาศ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ

เปิดให้ภาครัฐ –เอกชน และ สถาบันการศึกษา เข้าถึงข้อมูล

 ​สำหรับข้อมูล THEOS-2 นี้ GISTDA จะเปิดโอกาสให้ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา ได้เข้าถึงข้อมูล เพื่อจะได้นำไปต่อยอดหรือการบริการเชิงพาณิชย์ได้ ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมการพัฒนาระบบเศรษฐกิจภายในประเทศ รวมถึงจะเป็นแรงผลักดันเพื่อขับเคลื่อนด้านการศึกษา การวิจัยและนวัตกรรมในการใช้ข้อมูลเชิงพื้นที่ และเทคโนโลยีอวกาศในการพัฒนาองค์ความรู้ สร้างนักพัฒนานวัตกรรมทุกระดับตั้งแต่ระดับเยาวชน startup  SMEs และบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ ตามนโยบายของ อว. ที่มุ่งเน้นในการสร้างคน สร้างความรู้ สร้างนวัตกรรม เพื่อพัฒนาประเทศ

ดาวเทียม THEOS-2 ในรอบ 15 ปี 

​ด้าน ดร.ปกรณ์ อาภาพันธุ์ ผู้อำนวยการ GISTDA กล่าวว่า การส่งดาวเทียม THEOS-2 ขึ้นสู่อวกาศในครั้งนี้ถือเป็นการส่งดาวเทียมระดับปฏิบัติการที่สามารถนำไปใช้งานได้จริงตามภารกิจของประเทศดวงที่ 2 ของไทยในรอบ 15 ปี หลังจากส่งไทยโชตเมื่อปี 2551 ทั้งนี้ การที่ประเทศไทยมีดาวเทียม THEOS-2 จะเป็นการตอบโจทย์การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การใช้ข้อมูลจากดาวเทียมเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในมิติต่างๆโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่ประเทศไทยกำลังเผชิญ เพราะ “เศรษฐกิจ” คือปากท้องของประชาชน จะเป็นกลไกหลักที่สำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ GISTDA ในฐานะหน่วยงานภายใต้กระทรวง อว. พร้อมสนับสนุนและส่งเสริมให้เกิดการใช้ประโยชน์จากข้อมูลดาวเทียมดวงนี้ในการแก้ไขปัญหา ทั้งในมิติของการแก้ไขปัญหาเชิงพื้นที่และมิติของการพัฒนาพื้นที่เพื่อก่อให้เกิดการพัฒนาแบบยั่งยืนของประเทศไทยต่อไป.

ขอบคุณข้อมูล thansettakij.com


“แมกนีเซียม” บรรเทาอาการ “ไมเกรน” ได้จริงหรือ?

เมื่ออาการปวดหัวไมเกรน เข้าโจมตีคุณเมื่อไร อาการปวดนั้นก็จะทำให้คุณทุกข์ทรมาน หลายๆ คนก็อาจจะหาวิธีในการบรรเทาอาการปวดหัวไมเกรนว่าควรทำอย่างไร และแน่นอนว่าการใช้ แมกนีเซียมบรรเทาอาการไมเกรน อาจจะผ่านตาหลายๆ คนมาบ้างแล้ว แต่หลายคนคงมีคำถามในใจว่า แล้วแมกนีเซียมนั้นมีส่วนช่วยในการป้องกันและบรรเทาอาการปวดไมเกรนได้จริงหรือไม่

Hello คุณหมอ ได้รวบรวมข้อมูลที่มีความน่าสนใจนี้มาให้อ่านกัน

ประเภทของแมกนีเซียม

แมกนีเซียมเป็นแร่ธาตุชนิดหนึ่ง ที่มีส่วนช่วยในการสร้างกระดูกและกล้ามเนื้อ นอกจากนี้แมกนีเซียมยังมีบทบาทและประโยชน์อื่นๆ ต่อร่างกายอีกด้วย แมกนีเซียมเป็นแร่ธาตุที่มีหลายประเภท ดังนี้

  • แมกนีเซียมออกไซด์ (magnesium oxide) เป็นแมกนีเซียมในปริมาณสูง มักใช้ในการรักษาไมเกรน และใช้เพื่อเสริมในผู้ที่มีภาวะแมกนีเซียมในเลือดต่ำ
  • แมกนีเซียมซัลเฟต (magnesium sulfate) เป็นอาหารเสริมที่สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้
  • แมกนีเซียมคาร์บอเนต (magnesium carbonate) เป็นเกลืออนินทรีย์ที่มีระดับแมกนีเซียมสูง ส่วนใหญ่แล้วต้องผ่านกระบวนการเผาเพื่อให้ได้ แมกนีเซียมออกไซด์
  • แมกนีเซียมคลอไรด์ (magnesium chloride) เป็นสารตั้งต้นที่มักจะนำมาผลิตสารประกอบแมกนีเซียมอื่นๆ แมกนีเซียมซิเตรต (magnesium citrate) เป็นแร่ธาตุที่สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ในปริมาณมาก มักใช้เพื่อกระตุ้นในการขับถ่าย มีคุณสมบัติเป็นยาระบายอ่อนๆ

แมกนีเซียมบรรเทาอาการไมเกรนได้อย่างไร

จากการวิจัยบางชิ้นแสดงให้เห็นว่าผู้ที่มีปัญหาไมเกรนนั้นมีระดับแมกนีเซียมในร่างกายที่ต่ำกว่าผู้ที่ไม่มีปัญหาไมเกรน นอกจากนี้ยังมีการศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่าการบริโภคแมกนีเซียมเป็นประจำนั้นมีส่วนช่วยลดความถี่ในการเกิดไมเกรนได้ถึงร้อยละ 41.6 นอกจากนี้ยังมีการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่าการได้รับอาหารเสริมแมกนีเซียมมีส่วนช่วยป้องกันการเกิดไมเกรนที่มาจากประจำเดือนได้อีกด้วย

อาหารที่อุดมไปด้วยแมกนีเซียม

สำหรับผู้ที่มีปริมาณแมกนีเซียมต่ำ และต้องการเสริมแมกนีเซียมให้ร่างกาย อาหารเหล่านี้เป็นอาหารที่มีแมกนีเซียมอยู่ตามธรรมชาติ ส่วนใหญ่แล้วเรามักจะพบแมกนีเซียมในผักใบเขียว เช่น ผักโขม ผักใบเขียวหนึ่งถ้วยให้แมกนีเซียมมากถึงร้อยละ 38-40 ของปริมาณที่แนะนำต่อวันเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีอาหารอื่นๆ ที่มีปริมาณแมกนีเซียมอีกมากมาย ดังนี้

  • เมล็ดพืช เช่น เมล็ดฟักทอง
  • อัลมอนด์
  • ปลาทูน่า
  • โยเกิร์ตไขมันต่ำ
  • ถั่วดำและพืชตระกูลถั่ว
  • อะโวคาโด
  • มะเดื่อ
  • กล้วย
  • ดาร์กช็อกโกแลต

หากคุณต้องการเพิ่มปริมาณแมกนีเซียม ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีแมกนีเซียมตามธรรมชาติจะช่วยเพิ่มพลังที่ดีกว่า นอกจากร่างกายจะได้รับปริมาณแมกนีเซียมแล้ว ยังได้วิตามินและแร่ธาตุอื่นๆ ที่ดีต่อร่างกายอีกด้วย

ข้อควรระวังในการรับประทานแมกนีเซียม

แม้แมกนีเซียมจะมีประโยชน์ต่อร่างกาย ช่วยบรรเทาอาการไมเกรนได้ แต่สำหรับบางคนที่มีอาการป่วยเหล่านี้ อาจจะต้องหลีกเลี่ยงการรับประทานแมกนีเซียม หรือควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้แมกนีเซียม

  • ผู้ที่มีความผิดปกติในการไหลของเลือด เพราะแมกนีเซียมอาจทำให้เลือดแข็งตัวได้ช้า
  • มีโรคเบาหวาน
  • ภาวการณ์สูบฉีดโลหิตของหัวใจห้องล่างและบนไม่ประสานกัน (heart block)
  • ปัญหาไตหรือไตวาย
  • มีปัญหาทางเดินอาหาร เช่น ลำไส้อักเสบ ติดเชื้อในกระเพาะอาหาร

ปัญหาข้างต้นที่ได้กล่าวมานั้น อาจส่งผลต่อการดูดซึมปริมาณแมกนีเซียมเข้าสู่ร่างกาย นอกจากนี้แมกนีเซียมยังทำปฏิกิริยากับยาบางชนิดอีกด้วย หากคุณกำลังอยู่ในระหว่างที่ใช้ยาเหล่านี้ควรหลีกเลี่ยงการใช้แมกนีเซียม

  • ยาปฏิชีวนะ
  • ยาขับปัสสาวะ
  • ยาคลายกล้ามเนื้อ
  • ยารักษาโรคหัวใจ

นอกจาก หากอยู่ในระหว่างตั้งครรภ์ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการรับประทานแมกนีเซียม

การรับประทานแมกนีเซียมในปริมาณที่มีความปลอดภัยต่อร่างกายนั้น มีส่วนช่วยในการป้องกันการเกิดไมเกรนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากการรับประทานแมกนีเซียมนั้นมีผลข้างเคียงน้อยกว่าการใช้ยาในการรักษาไมเกรน แต่อย่างไรก็ตามไม่ใช่ทุกคนที่จะรับประทานแมกนีเซียมแล้วมีอาการไมเกรนดีขึ้น อย่างไรก็ตามก่อนที่จะใช้แมกนีเซียมควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้เสมอ เพื่อความปลอดภัย

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 03/10/2566

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a31,900.0032,000.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,066.0031,320.5632,500.00
ทองรูปพรรณ 90%1,859.4028,188.50n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,652.8025,056.45n/a
ทองรูปพรรณ 50%930.0014,098.80n/a
ทองรูปพรรณ 40%723.0010,960.68n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,141.0032,457.56n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 03/10/2566



ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9539.1539.1540.1539.1539.4539.1539.1539.1539.1539.15
แก๊สโซฮอล์ 9138.8838.8839.8838.8839.1838.8838.8838.8838.8838.88
แก๊สโซฮอล์ E2036.8436.8437.8436.8437.1436.8436.8436.8436.84
แก๊สโซฮอล์ E8536.4936.4936.49
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม44.9449.3449.9449.3444.94
เบนซิน 9546.9448.4147.4447.0946.94
ดีเซล B729.9429.9430.4429.9429.9429.9429.9429.9429.9429.94
ดีเซล29.9429.9430.4429.9429.9429.9429.9429.9429.9429.94
ดีเซล B2029.9429.9430.4429.9429.94
ดีเซลพรีเมี่ยม40.2442.3449.4442.3441.6440.24
แก๊ส NGV17.5917.5917.59

About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า