สาระน่ารู้ประจำวันที่ 04 มิถุนายน 2567

สิวารมณ์ หนีรีเจกต์เรตรุกตลาดบ้านหรู

สิวารมณ์ พลิกกลยุทธ์หนีปัญหารีเจกต์เรตพุ่งครึ่งปีหลังเบนเข็มหันมารุกตลาดบ้านหรูเริ่มต้นราคาตั้งแต่ 16-20 ล้านหวังขยายฐานลูกค้าไฮเอนด์ดันยอดรายได้โตตามเป้า

นายรณฤทธิ์ ฐิติสุริยารักษ์ ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินอาวุโส บริษัท สิวารมณ์ เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เผยว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบกับทุกอุตสาหกรรมไปทั่วโลก บริษัทในฐานะผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ส่งผลให้บริษัทต้องปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกัน ภายใต้แนวคิดที่จะขยายกลุ่มลูกค้าใหม่โดยการพัฒนาสินค้าในระดับราคาที่สูงกว่า 2 ล้านบาทขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายการเติบโตให้กับธุรกิจ 

 โครงการแรกที่มีการขยายฐานลูกค้าใหม่ในปี 2564 แกรนด์ สิวารมณ์ จำนวน 222 ยูนิต ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวขนาด 40-60 ตารางวา ที่ระดับราคา 4-6 ล้านบาท ซึ่งได้การตอบรับที่ดีจากลูกค้า จากความสำเร็จดังกล่าว ส่งผลให้บริษัทได้มีการซื้อที่ดินรองรับโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการ สิวารมณ์ ปาร์ค (วงแหวน-ประชาอุทิศ 76) มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยว จำนวน 91 ยูนิต ที่ระดับราคา 6-7 ล้านบาท โดยโครงการดังกล่าวได้มีการเปิดขายตั้งแต่ต้นปี 2567ล่าสุดมียอดโอน12 ยูนิต และคาดว่าตั้งแต่ พ.ค. จะมีการโอนเฉลี่ยแต่ละเดือนละ 4-5 ยูนิตขึ้นไป

จากช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 สินค้าของบริษัทอยู่ที่ระดับราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท ซึ่งยอมรับว่าในช่วงวิกฤตโควิด-19 ลูกค้าในกลุ่มนี้ ได้รับผลกระทบสูงสุด เนื่องจากสถาบันการเงินมีการคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อ ส่งผลให้อัตราการถูกปฏิเสธสินเชื่อในลูกค้ากลุ่มดังกล่าวสูงเกินกว่า 50%  

ดังนั้นการยกระดับสินค้าเพื่อขยายฐานกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อมากยิ่งขึ้น และเพื่อเป็นการรักษาฐานลูกค้าใหม่ส่งผลให้บริษัทเร่งขยายโครงการในทำเลใหม่ เพื่อพัฒนาโครงการระดับ 4-6 ล้านบาท ล่าสุดบริษัทได้ซื้อที่ดินเพิ่มบริเวณติดกับโครงการแกรนด์ สิวารมณ์ เพื่อขยายโครงการแกรนด์ สิวารมณ์ เฟส 2 ในช่วงปลายปี 2567 นี้เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้ ที่มีกำลังซื้อและยังมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกันบริษัทก็ยังคงมองหาที่ดินในทำเลใหม่เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการในระดับราคา 6-7 ล้านบาทเพิ่ม หลังจากประสบความสำเร็จจากโครงการสิวารมณ์ ปาร์ค (วงแหวน-ประชาอุทิศ 76) มาแล้ว พร้อมทั้งยกระดับการพัฒนาโครงการสู่ระดับไฮเอนด์ในครึ่งปีหลังภายใต้โครงการสิวารมณ์ ไฮด์ (บางแค-สาทร) ซึ่งเป็นบ้านระดับราคา 16-20 ล้านบาทต่อยูนิต โดยจะเปิดขายในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 นี้ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการกลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์
มากขึ้น 

 “ 3 ปีต่อจากนี้ บริษัทฯ ได้กำหนดเป้าหมายอัตราการเติบโตของรายได้เฉลี่ย 35% ต่อปี ส่งผลให้บริษัทต้องเร่งเตรียมความพร้อมในการหาที่ดิน ซื้อที่ดิน โดยบริษัทจะมีการตัดสินใจซื้อที่ดินล่วงหน้าก่อนพัฒนาโครงการประมาณ 3 ปี เพื่อสร้างโครงการใหม่รองรับความต้องการของผู้อยู่อาศัย ”  

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


แสนสิริ ทุบสถิติ ขายเพนท์เฮ้าส์  500 ล้าน โครงการใหม่ชิดลม แม้ยังไม่เปิดตัว

“แสนสิริ” ทุบสถิติ สร้างเรคคอร์ดที่สุดแห่งปีลูกค้าเชื่อมั่น ซื้อเพนท์เฮ้าส์ มูลค่าเกือบ 500 ล้านบาทโครงการใหม่ทำเลชิดลม แม้ยังไม่เปิดตัว

นายอุทัย อุทัยแสงสุข กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ (SIRI) ผู้ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อันดับหนึ่งของประเทศไทย เปิดเผยว่า เป็นที่น่าภูมิใจว่าโครงการใหม่ในกลุ่ม Sansiri Luxury Collection (SLC) บนทำเลชิดลม มีกระแสตอบรับเป็นอย่างดี แม้จะยังไม่ได้เปิดตัวโครงการ

ล่าสุด ประสบความสำเร็จเกินคาด สามารถปิดการขายห้อง Penthouse พร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัว มูลค่าเกือบ 500 ล้านบาท โดยยูนิตดังกล่าวเป็นหนึ่งในระดับ Rare Item สะท้อนตัวตนและรสนิยมผู้อยู่อาศัย กับมาตรฐานลักซ์ชัวรี่ระดับเวิลด์คลาส ด้วยสเปซและฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ชีวิต และขอบคุณลูกค้าที่ให้การตอบรับที่ดีและเชื่อมั่นในแบรนด์แสนสิริ แม้โครงการยังไม่ได้เปิดตัว

ความสำเร็จในครั้งนี้มาจากความเชื่อมั่นของลูกค้า ที่มั่นใจในแบรนด์ และประสบการณ์ที่เชี่ยวชาญ 40 ปี ในฐานะนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ได้เซ็ตมาตรฐานสร้างสรรค์ผลงานในระดับ World Class Design มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งมาตรฐานคุณภาพและดีไซน์โครงการ ที่รังสรรค์อย่างประณีตบรรจง ผสมผสานกับแนวคิดชิ้นงานต่าง ๆ จากดีไซเนอร์ชั้นนำระดับโลก

ทุกรายละเอียดล้วนแต่เป็นงานคราฟท์ที่ดีที่สุดจากวัสดุชั้นเลิศ ถ่ายทอดมาจากความเข้าใจในตัวตนและรสนิยมของกลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์ ตลอดจนการส่งมอบบริการ ที่มุ่งมั่นดูแลลูกบ้าน และรักษาสภาพโครงการให้สวยงามเสมือนวันแรก เพื่อส่งมอบประสบการณ์การอยู่อาศัยและตอบโจทย์วิถีชีวิตลูกค้าได้อย่างเหนือระดับ

สำหรับโครงการใหม่ในทำเลชิดลมนี้ แสนสิริได้ทำงานร่วมกับ International Designer ที่มีผลงานระดับโลก เพื่อส่งมอบโครงการที่ดีที่สุดในทำเลศักยภาพสุดไพร์ม ศูนย์กลางของ Luxury Market & Lifestyle และอีกหนึ่งความโดดเด่น ที่เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการปิดการขายห้อง Penthouse ในครั้งนี้ นั้นคือโลเคชั่นของโครงการ ที่มีซัพพลายใหม่จำกัด ตั้งอยู่บนที่ดิน Freehold ที่หาได้ยาก และโครงการนี้มีเพียงแค่ 158 ยูนิต พร้อม Private Lift ทุกห้อง โดยคาดว่าโครงการจะสร้างเสร็จประมาณกลางปี 2572  

นอกจากโครงการใหม่ในทำเลชิดลมนี้ แสนสิริมีอีกหนึ่งโครงการสำคัญแฟล็กชิพโปรเจ็กต์บนถนนสารสินที่ถูกจับตามองในกลุ่มนักพัฒนาอสังหาฯ และลูกค้าระดับ Ultra High Net Worth ที่สอบถามมาอย่างต่อเนื่องว่าแสนสิริจะพัฒนาโครงการในรูปแบบไหนหลังจากซื้อที่ดินขนาด 1 ไร่ ในราคา 3.9 ล้านบาทต่อตารางวา หรือไร่ละ 1,560 ล้านบาท เรียกได้ว่า ทั้ง 2 โครงการมีความโดดเด่น ได้รับการจับตาทุกความเคลื่อนไหว

แม้จะยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลและเปิดตัวอย่างเป็นทางการ นับเป็นบทพิสูจน์ที่ตอกย้ำความเป็นเบอร์หนึ่ง และ Taste-Maker Brand สะท้อนรสนิยมและไลฟ์สไตล์ โดดเด่นไม่เหมือนใคร เพื่อสร้างประสบการณ์เฉพาะบุคคล รวมถึงความภาคภูมิใจที่ลูกค้ามีต่อแบรนด์แสนสิริ

ตลอดระยะเวลา 40 ปี แสนสิริได้รังสรรค์ผลงานระดับมาสเตอร์พีซ Rare Item ในสไตล์เอกลักษณ์เฉพาะตัว ภายใต้พอร์ตโฟลิโอ Sansiri Luxury Collection (SLC) ที่ประสบความสำเร็จ เป็น Talk of the Town สร้างสถิติทุบประวัติศาสตร์อสังหาฯ และถูกกล่าวถึงมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ 98 WIRELESS (ไนน์ตี้เอท ไวร์เลส) แฟล็กชิพคอนโดซูเปอร์ลักชัวรีจากแสนสิริ หนึ่งในโครงการที่ดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้ทำสถิติครองแชมป์ราคารีเซลต่อตารางเมตรสูงสุดในประเทศไทยที่ 1 ล้านบาท (เปิดตัวเมื่อปี 2559 ราคาต่อตารางเมตรเริ่มต้นประมาณ 580,000 บาท) และ THE MONUMENT THONG LO (เดอะ โมนูเมนต์ ทองหล่อ)

สุดยอด Rare Item บน ‘ทองหล่อ’ ทำราคารีเซลพุ่งทะยานเฉียดตารางเมตรละ 1 ล้านบาท เป็นครั้งแรกของทำเล จากห้อง Penthouse ที่มีเพียง 1 ยูนิตในโครงการและหายากในทำเลนี้ ซึ่งภายในระยะเวลา 3 ปี ทำราคาขายเปลี่ยนมือสูงถึงราว 3 เท่าตัว และ KHUN by YOO (คุณ บาย ยู) 1st Design Branded Residence คอนโดมิเนียมระดับลักซ์ชัวรี่แห่งแรกในไทย และแห่งแรกของ YOO Studio ในไทย ที่ประสบความสำเร็จปิดการขาย Sold Out แล้ว 100% และล่าสุดกับ โครงการ BuGaan Rama 9-Meng Jai (บูก้าน พระราม 9 – เหม่งจ๋าย) เอ็กซ์คลูซีฟ เรสซิเดนท์ เพียง 8 ครอบครัว มูลค่ารวมกว่า 800 ล้านบาท ประสบความสำเร็จ Sold Out! ทันทีภายใน 1 วันที่เปิดให้ชมบ้านตัวอย่าง

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้4มิ.ย. “แข็งค่า” ที่ระดับ 36.61 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทเสี่ยงผันผวนสูงตามทิศทางเงินดอลลาร์ ราคาทองคำ ควรจับตาแนวโน้มฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.50-36.70 บาท/ดอลลาร์

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้4มิ.ย. 2567 ที่ระดับ  36.61 บาทต่อดอลลาร์“แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ  36.79 บาทต่อดอลลาร์ (ระดับปิด ณ วันที่ 31 พฤษภาคม)

นายพูน  พานิชพิบูลย์   นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน  ธนาคารกรุงไทยระบุว่า  แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า โมเมนตัมการอ่อนค่าได้ชะลอลงบ้าง หลังผู้เล่นในตลาดได้คลายกังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ทว่า เงินบาทเสี่ยงผันผวนสูงไปตามทิศทางเงินดอลลาร์ รวมถึงทิศทางราคาทองคำ (ซึ่งจะผันผวนไปตามการเคลื่อนไหวของเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้)

นอกจากนี้ ควรจับตาแนวโน้มฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติที่อาจเริ่มกลับมาซื้อสินทรัพย์ไทยได้อีกครั้ง หากบรรยากาศในตลาดการเงินกลับมาเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) มากขึ้น อนึ่ง ในส่วนแนวรับของเงินบาทนั้นจะอยู่ในโซน 36.50 บาทต่อดอลลาร์ (แถวเส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน) ซึ่งหากเงินบาทสามารถแข็งค่าทะลุระดับดังกล่าวได้ก็อาจเปิดโอกาสแข็งค่าขึ้นต่อทดสอบโซน 36.25 บาทต่อดอลลาร์ อีกครั้ง ส่วนแนวต้านสำคัญจะอยู่ในช่วง 37 บาทต่อดอลลาร์ (แนวต้านถัดไป คือ 37.25 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งใกล้จุดอ่อนค่าสุดในปีนี้)

ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า ทิศทางเงินดอลลาร์จะขึ้นกับรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะข้อมูลตลาดแรงงาน ว่าจะออกมา “ดีกว่าคาด” หรือ “แย่กว่าคาด” นอกจากนี้ เงินดอลลาร์อาจผันผวนไปตามเงินยูโร (EUR) ซึ่งจะขึ้นกับมุมมองของผู้เล่นในตลาดว่า ECB จะลดดอกเบี้ยได้กี่ครั้งในปีนี้

เราคงคำแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรเลือกใช้เครื่องมือในการปิดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น ท่ามกลางความผันผวนของเงินบาท รวมถึงสกุลเงินอื่นๆ ที่สูงขึ้นกว่าช่วงอดีตที่ผ่านมาพอสมควร โดยผู้เล่นในตลาดอาจเลือกใช้เครื่องมือเพิ่มเติม อาทิ Options หรือ Local Currency ควบคู่ไปกับการปิดความเสี่ยงผ่านการทำสัญญา Forward

มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 36.25-37.00 บาท/ดอลลาร์

ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.50-36.70 บาท/ดอลลาร์

โดยนับตั้งแต่ช่วงวันศุกร์ ที่ผ่านมา (รวมถึงช่วงวันจันทร์ที่เป็นวันหยุดของไทย) เงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนพอสมควร (แกว่งตัวในกรอบ 36.58-36.92 บาทต่อดอลลาร์) ตามทิศทางเงินดอลลาร์ และโฟลว์ธุรกรรมทองคำ

โดยล่าสุด รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ (ISM Manufacturing PMI) เดือนพฤษภาคม ที่ปรับตัวลดลง สู่ระดับ 48.7 จุด (ดัชนีต่ำกว่า 50 จุด หมายถึง ภาวะหดตัว) แย่กว่าที่ตลาดคาดพอสมควร ได้ทำให้ผู้เล่นในตลาดคลายกังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดลงบ้าง

โดยผู้เล่นในตลาดกลับมาเชื่อว่าเฟดมีโอกาสราว 65% ในการลดดอกเบี้ย “2 ครั้ง” ในปีนี้ (จากเดิมตลาดให้โอกาสราว 40% หลังรายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE ชะลอลงตามคาดในวันศุกร์ที่ผ่านมา) ซึ่งภาพดังกล่าวได้ส่งผลให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวลดลง

ส่วนราคาทองคำก็ปรับตัวขึ้นราว +20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หนุนให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยขายทำกำไรทองคำออกมาบ้าง และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าของเงินบาท

สัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้เล่นในตลาดคลายกังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดลงบ้าง หลังอัตราเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ ชะลอลงตามคาด

สำหรับสัปดาห์นี้ เราประเมินว่า ควรเตรียมรับมือความผันผวน จากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ อย่าง ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) รวมถึง ผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB)

มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก

▪ ฝั่งสหรัฐฯ – ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ ทั้ง ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตและภาคการบริการโดย ISM รวมถึงข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ ยอดตำแหน่งงานเปิดรับ (Job Openings) ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) ไปจนถึงข้อมูลที่ผู้เล่นในตลาดจะให้ความสำคัญอย่าง

ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) อัตราการว่างงาน (Unemployment) และ อัตราการเติบโตของค่าจ้าง (Average Hourly Earnings) โดยจากสถิติในรอบ 1 ปี ที่ผ่านมา พบว่า เงินดอลลาร์อาจผันผวนแข็งค่าขึ้นได้พอสมควร +0.3% หากรายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ออกมา “ดีกว่าคาด” (แข็งค่าราว +0.2% หากข้อมูลอื่นๆ ที่จะรายงานในสัปดาห์นี้ ออกมาดีกว่าคาด)

ในทางกลับกัน ยอดการจ้างงานที่ “แย่กว่าคาด” จะกดดันให้เงินดอลลาร์ผันผวนอ่อนค่าลงเกือบ -0.4% และหากใช้การประเมินเชิงเทคนิคัลประกอบด้วย เรามองว่า ควรจับตาการเคลื่อนไหวของดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ที่อาจมีลักษณะคล้ายรูปแบบ Head and Shoulders สำหรับ กราฟ DXY ใน Time Frame รายวัน ซึ่งจะมีแนวรับหลักอยู่ที่ระดับ 104 จุด

และการอ่อนค่าหลุดแนวรับดังกล่าวอาจเปิดโอกาสให้ เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงต่อได้ โดยอาจมีเป้าของดัชนี DXY ในช่วง 101.5-102 จุด ขณะที่ หากดัชนี DXY ปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 105 จุด ก็อาจสะท้อนว่า เงินดอลลาร์ยังมีโมเมนตัมการแข็งค่าที่ดี และอาจแกว่งตัวในกรอบ sideways ต่อหรือ แข็งค่าขึ้นได้บ้าง โดยมีโอกาสลุ้น ดัชนี DXY ปรับตัวขึ้นทดสอบโซน 106 จุด (ดัชนี DXY อาจยังอยู่ในกรอบขาขึ้น ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา)  

ฝั่งยุโรป – ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) โดยบรรดานักวิเคราะห์และผู้เล่นในตลาดต่างคาดหวังว่า ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย -25bps ในการประชุมครั้งนี้ (เราคาดว่ามีโอกาสที่ ECB อาจคงอัตราดอกเบี้ยได้) ทั้งนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตา ถ้อยแถลงของประธาน ECB เพื่อประเมินแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายในอนาคต

โดยล่าสุดผู้เล่นในตลาดต่างคาดว่า ECB อาจทยอยลดดอกเบี้ยราว 3 ครั้งในปีนี้ ซึ่งหาก ECB ส่งสัญญาณชัดเจนว่า พร้อมลดดอกเบี้ยต่อเนื่องและมากกว่าที่ตลาดประเมินไว้ ก็อาจกดดันให้เงินยูโร (EUR) ผันผวนอ่อนค่าลงได้ ในทางกลับกัน หาก ECB ไม่ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ย ก็อาจพอช่วยพยุงเงินยูโรได้บ้าง

ฝั่งเอเชีย – ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจจีน จากรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการบริการ (Caixin Manufacturing & Services PMIs) เดือนพฤษภาคม ซึ่งจะเน้นบริษัทขนาดเล็ก-กลาง มากกว่ารายงานดัชนี PMI โดยทางการจีน ซึ่งได้รายงานในสัปดาห์ก่อนหน้า

พร้อมกันนั้น ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตารายงานยอดการส่งออกและนำเข้าของจีน ส่วนในฝั่งญี่ปุ่น ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานอัตราการเติบโตของค่าจ้าง (Average Cash Earnings) ซึ่งจะมีผลต่อการตัดสินใจปรับนโยบายการเงินของทางธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้

โดยหากค่าจ้างมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ก็อาจทำให้ BOJ มั่นใจในแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อที่จะได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของค่าจ้าง และอาจนำไปสู่การทยอยใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นในปีนี้

▪ ฝั่งไทย – เราประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไป CPI เดือนพฤษภาคม อาจอยู่ที่ระดับ 1.50% (+0.56%m/m) หนุนโดยการปรับตัวขึ้นของราคาพลังงาน โดยเฉพาะราคาน้ำมันดีเซล ขณะเดียวกัน ราคาเนื้อสัตว์ อย่าง เนื้อหมูก็มีการปรับตัวขึ้นพอสมควร

และในช่วงที่เหลือของปีนี้ อัตราเงินเฟ้อก็มีแนวโน้มอยู่ในกรอบเป้าหมาย 1%-3% ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ทำให้เราคงมุมมองเดิมว่า ธปท. อาจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 2.50% ในปีนี้ ยกเว้นภาพเศรษฐกิจจะชะลอลงกว่าคาด (จับตาการเบิกจ่ายภาครัฐ) และอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มต่ำกว่ากรอบเป้าหมายชัดเจน

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


เช็กอันดับโลกวอลเลย์บอลหญิงไทย หลังจบเนชั่นลีก สนาม2, ตุรกียังเบอร์1 ,บราซิลไล่จี้ติด

ความเคลื่อนไหวทีมวอลเลย์บอลหญิงไทย ที่เพิ่งเสร็จภารกิจวอลเลย์บอลเนชั่นลีก 2024 สัปดาห์ที่ 2 ที่มาเก๊า ด้วยผลงาน ชนะ 2 แพ้ 2 (ชนะ โดนมินิกัน 3-1 เซต, ชนะ ฝรั่งเศส 3-2 เซต, แพ้ จีน 0-3 เซต, แพ้ บราซิล 0-3 เซต)

จากผลงานดังกล่าวของวอลเลย์บอลหญิงไทย ทำให้รั้งอันดับ 13 ของโลกเหมือนเดิมมี 209.11 คะแนน หลังจาก เยอรมนี ที่เอาชนะ บัลแกเรียได้ในแมตช์สุดท้ายแซงกลับไปรั้งอันดับ 12 อีกครั้งมี 217.83 คะแนน

โดยอันดับ 1 โลกยังคงเป็นสาวตุรกี มี 388.69 คะแนน ขณะที่ บราซิล ที่เก็บชัย 8 แมตช์รววดยังรั้งเบอร์ 2 ตามเดิมแต่ขยับแต้มบี้ติดมากขึ้นมี 382.13 คะแนน ตามมาด้วย โปแลนด์ ที่ฮอตสุดๆในปีนี้เก็บชัย 8 แมตช์รวดและเสียไปเพียง 2 เซตมี 373.16 คะแนน อันดับ 4 อิตาลี 358.51คะแนน และ สหรัฐ อันดับ 5 มี 346.78 คะแนน

ขณะที่อันดับของทีมเอเชียที่ลงเล่นในเนเชั่นส์ลีกมีดังนี้ ญี่ปุ่น (ชนะ 6 แพ้ 2 ) รั้งอันดับ 6 มี 329.62 คะแนน, จีน (ชนะ 5 แพ้ 3) อันดับ 7 มี 327.57 คะแนน และ เกาหลีใต้ ที่ชนะ 1 แพ้ 7 อยู่อันดับ 39 99.22 คะแนน

สำหรับการแข่งขันสัปดาห์ที่ 3 วอลเลย์บอลหญิงไทย จะแข่งขันที่ฮ่องกง ระหว่างวันที่ 11-16 มิถุนายน 2024 มีโปรแกรมพบ พบ ตุรกี, บัลแกเรีย, โปแลนด์ และ เยอรมนี ช่อง 7HD ถ่ายทอดสดให้ชมเช่นเคย

ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th


แผลในปากอาจไม่ใช่ร้อนใน แต่เป็น “มะเร็งช่องปาก”

นอกจากมะเร็งที่เราได้ยินกันบ่อยๆ อย่างมะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งตับ และมะเร็งปอด เชื่อว่าหลายคนน่าจะไม่ค่อยคุ้นหูกับ “มะเร็งช่องปาก” และอาจไม่ทราบด้วยซ้ำว่าเป็นโรคนี้ได้ยังไง อะไรคือสาเหตุ และอาการเป็นอย่างไร Sanook! Health จึงนำข้อมูลมาฝากกันค่ะ

มะเร็งช่องปาก ติด 1 ใน 10 โรคมะเร็งที่คร่าชีวิตคน

มะเร็งช่องปาก เป็นส่วนหนึ่งของโรคมะเร็งในกลุ่มโรคมะเร็งศีรษะและลำคอ มีทั้งชนิด สะความัส (Squamous cell carcinoma) หรือ SCC และชนิดอะดีโนคาร์ซิโนมา (Adenocarci noma) หรือ มะเร็งต่อมน้ำเหลือง แต่ชนิดหลังพบได้น้อยมาก ส่วนใหญ่จะเป็นชนิด SCC

มะเร็งช่องปาก พบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป

มะเร็งช่องปาก มีสาเหตุจากอะไร?

เหมือนโรคมะเร็งอื่นๆ ที่ไม่สามารถหาสาเหตุที่แน่ชัดได้ แต่จะมีปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงให้เป็นโรคมะเร็งช่องปากมากขึ้น

  1. ดื่มแอลกอฮอลล์
  2. สูบบุหรี่
  3. เคี้ยวหมากพลู เพราะมีสารก่อมะเร็งเจือปนอยู่
  4. มีแผลที่เกิดจากการระคายเคืองเยื่อเมือกบุช่องปาก ฟันแหลมคม/บิ่น ขูดจนผนังปากเป็นแผล และไม่รับการรักษาจนเป็นแผลมีหนอง แผลเรื้อรัง ซึ่งสุดท้ายอาจกลายเป็นเซลล์มะเร็งได้
  5. ติดเชื้อไวรัสบางชนิด เช่น เชื้อ HPV ที่เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งปากมดลูก โดยติดต่อมาที่ปากผ่านการมีเพศสัมพันธ์โดยใช้ปาก
  6. มีประวัติเคยเป็นโรคมะเร็งบริเวณศีรษะ และลำคอมาก่อน

อาการเบื้องต้นของโรคมะเร็งช่องปาก

  1. พบฝ้าสีขาว หรือสีแดง ในเยื่อบุช่องปาก กระพุ้งแก้ม หรือลิ้น
  2. มีแผลในช่องปากที่รักษาไม่หายนาน 2-3 สัปดาห์
  3. มีตุ่ม หรือก้อนในช่องปาก และขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แต่มักไม่มีอาการเจ็บใดๆ
  4. ฟันโยก ฟันหลุด หรือสวมใส่ฟันปลอมไม่ได้ เป็นเพราะมีก้อนเนื้องอกขึ้นมาบริเวณเหงือก
  5. เคี้ยว และกลืนอาหารได้ไม่สะดวก มีความยากลำบากในการเคี้ยว และกลืน
  6. พบแผลที่รักษาไม่หาย และมีเลือดไหลออกมาจากแผลอย่างผิดปกติ
  7. พบก้อนที่ลำคอ ซึ่งอาจจะเป็นต่อมน้ำเหลืองโตจากมะเร็งลุกลาม แต่มักไม่มีอาการเจ็บปวดใดๆ

แผลในปากอาจไม่ใช่ร้อนใน แต่เป็น “มะเร็งช่องปาก”

วิธีจำแนกว่าเป็นแผลร้อนใน หรือแผลมะเร็งช่องปาก ง่ายๆ คือ แผลร้อนในสามารถหายได้เอง หรือมีอาการดีขึ้นภายในไม่กี่วัน หรือไม่เกิน 1 อาทิตย์ แผลจะค่อยๆ เจ็บแสบน้อยลง และแห้ง เนื้อประสานกันได้ในที่สุด ยิ่งใช้ยาช่วยจะยิ่งหายเร็วขึ้น

แต่แผลจากมะเร็งช่องปาก จะเป็นแผลที่สดตลอดเวลา ไม่มีทีท่าว่าจะหาย และอาจมีเลือดออกมาในบางครั้ง ใช้เวลา 2-3 สัปดาห์ก็ยังไม่ดีขึ้น

หากพบแผลดังกล่าว ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


แคปชั่นหวานซึ้งใช้บอก คิดถึง มากกว่าแค่ I MISS YOU

สายอ้อน สายหวาน ที่อยากบอก ‘คิดถึง’ คนสนิท คนรู้ใจ แต่ไม่อยากใช้แค่คำว่า I MISS YOU ตามมาดูทางนี้เลย เพราะจริง ๆ แล้วการจะบอกใครสักคนว่าคิดถึง ยังมีอีกหลายคำหลายประโยคที่สามารถหยิบมาใช้แทนใจได้อีกเพียบ ไต่ระดับตั้งแต่คิดถึง คิดถึงมากกกก ไปจนถึงคิดถึงจนจะขาดใจตายอยู่แล้วววววว รับรองว่าหวานซึ้งจนมดไต่ คนได้รับต้องแอบยิ้มหวานแน่นอน >,<

  1. I miss you so badly. = ฉันคิดถึงคุณมาก ๆ
  2. I miss you madly. = ฉันคิดถึงคุณจนแทบบ้า
  3. I miss you more than words can say. = ฉันคิดถึงคุณจนบรรยายไม่ถูก
  4. I wish you were here. = ฉันปรารถนาให้คุณอยู่ตรงนี้
  5. All I do is thinking of you. = สิ่งเดียวที่ฉันทำคือคิดถึงคุณ
  6. I can’t get you out of my mind. = ฉันไม่สามารถลบคุณออกจากความคิดได้เลย
  7. I think of you day and night. = ฉันคิดถึงคุณทั้งวันทั้งคืน
  8. I hope I see you again soon. = หวังว่าจะได้เจอเธออีกเร็ว ๆ นี้
  9. I can’t stop thinking about you. = ฉันหยุดคิดถึงคุณไม่ได้เลย
  10. I can’t wait to see you again. = ฉันอยากเจอเธอจนรอแทบไม่ไหว
  11. I only miss you when I’m breathing. = ฉันคิดถึงคุณทุกลมหายใจ
  12. I’m counting the days until I talk to you again. = ฉันนับวันรอที่จะได้คุยกับเธออีกครั้ง
  13. Without you here, the sun forgets to shine. = พระอาทิตย์ลืมส่องแสงเมื่อปราศจากคุณ
  14. I was thinking about you and it’s made me smile. = การคิดถึงคุณทำให้ฉันยิ้มได้
  15. My first thought in the morning is always you. = ความคิดแรกในตอนเช้าของฉันคือคุณ
  16. You have been running through my head all time. = เธอวิ่งวนอยู่ในความคิดฉันตลอดเวลา
  17. Things are not the same when you are not around. = สิ่งต่าง ๆ ไม่เหมือนเดิมเมื่อไม่มีคุณอยู่ใกล้ ๆ
  18. I will stop missing you when we are together again. = ฉันจะหยุดคิดถึงคุณได้ต่อเมื่อเราได้อยู่ด้วยกัน
  19. My heart never knew loneliness until you went away. = หัวใจฉันไม่เคยรู้สึกเหงา จนกระทั่งคุณจากไป
  20. When I close my eyes, I see you. When I open my eyes, I miss you. = เวลาหลับตาฉันเห็นหน้าคุณ เวลาลืมตาฉันคิดถึงคุณ

ขอบคุณข้อมูลจาก wallstreetenglish.in.th


วิธีสังเกต มิจฉาชีพหลอกผ่าน LINE OA แบบไหนที่ปลอดภัย

มิจฉาชีพออนไลน์ ยังคงเป็นภัยคุกคามอยู่รอบตัวผู้ใช้ ด้วยรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้นในปัจจุบัน  ถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากที่คนไทยต้องใช้งานโซเชียลมีเดียต่างๆ อย่างมีสติ ไม่หลงเชื่อง่าย สังเกตให้เป็น เพื่อรู้เท่าทันกลลวงที่อาจเข้ามาถึงตัวได้ทุกเวลา LINE ถือเป็นหนึ่งแพลตฟอร์มยอดนิยมสำหรับคนไทย

ด้วยฐานผู้ใช้ที่มากกว่า 54 ล้านราย โดยมี LINE Official Account หรือ LINE OA บัญชีทางการของ LINE เป็นช่องทางสำคัญสำหรับธุรกิจ องค์กร ร้านค้า ในการสื่อสาร ค้าขาย ทำการตลาด ในขณะเดียวกัน ยังเป็นช่องทางให้มิจฉาชีพฉวยโอกาสใช้ LINE OA ในทางที่ผิด เพื่อหลอกลวงผู้ใช้ สร้างความเสียหาย LINE จึงให้ความสำคัญกับการใช้งานแพลตฟอร์มอย่างปลอดภัย โดยแนะนำข้อควรระวังที่ผู้ใช้ต้องใส่ใจ เพื่อป้องกันภัยจากมิจฉาชีพบน LINE OA

สังเกตประเภท LINE OA ให้มั่นใจก่อนเพิ่มเพื่อน

LINE OA แบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท คือ บัญชีทางการทั่วไป บัญชีรับรอง และบัญชีพรีเมี่ยม โดยจะมีสัญลักษณ์โล่อยู่หน้าชื่อบัญชีแตกต่างกันออกไปตามแต่ละประเภท ทั้งนี้ หากเป็นบัญชี LINE OA ที่มีโล่สีน้ำเงินและสีเขียวนำหน้า ถือเป็นบัญชีที่สามารถไว้ใจได้ โล่สีน้ำเงิน คือ สัญลักษณ์ของ “บัญชีรับรอง” ที่ได้รับการยืนยันจาก LINE ว่าร้านค้าหรือแบรนด์ดังกล่าวมีตัวตนจริง ด้วยการส่งเอกสารยืนยันตัวตนกับ LINE ส่วนโล่สีเขียว คือ “บัญชีพรีเมียม” มักเป็นธุรกิจหรือองค์กรขนาดใหญ่ที่ได้รับการยืนยันตัวตนจาก LINE ด้วยแล้วเช่นกัน

ในขณะที่โล่สีเทา คือสัญลักษณ์ของบัญชีทางการทั่วไป ที่ยังไม่ได้มีการรับรองจากทาง LINE ผู้ใช้ควรสังเกต ศึกษาให้มั่นใจว่าเป็นบัญชีจริงจากทางแบรนด์ ร้านค้าหรือหน่วยงาน องค์กรต่างๆ จริงก่อนเพิ่มเพื่อนทุกครั้ง ล่าสุด LINE ได้ยกระดับการเตือนภัยจากมิจฉาชีพออนไลน์ ด้วยข้อความเตือนใจผู้ใช้ ในทุกครั้งที่มีการเพิ่มเพื่อนบัญชี LINE OA ใหม่ที่ไม่ใช่บัญชีรับรอง โดยจะปรากฎอยู่ในหน้าโปรไฟล์ของบัญชี LINE OA ดังกล่าว ก่อนที่ผู้ใช้จะกดเพิ่มเพื่อน เพื่อแจ้งเตือนให้แน่ใจว่าการเพิ่มเพื่อนกับ LINE OA ใหม่ในแต่ละครั้งไม่ได้ถูกล่อลวงโดยมิจฉาชีพ

ไม่หลงเชื่อจำนวนเพื่อนบนหน้าโปรไฟล์

ในกรณีที่ไม่มีโล่ใดๆ ปรากฏเลย ควรยิ่งต้องระวังให้ขึ้นใจ ไม่ควรหลงเชื่อจำนวนเพื่อนบนหน้าโปรไฟล์ เพราะมิจฉาชีพอาจปลอมแปลงตัวเลขผู้ติดตามขึ้นมาจากบัญชี LINE ส่วนตัวให้คล้ายกับ LINE OA ของจริงได้ โดยอาศัยการพิมพ์ตัวเลขตรงช่องสถานะให้มีจำนวนมากเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ทั้งนี้ LINE OA ของจริงจะไม่สามารถแก้ไขจำนวนผู้ติดตามได้

รายงานแจ้งปัญหาให้ไว เมื่อเจอ LINE OA ที่ไม่น่าไว้ใจ

การหลอกลวงในปัจจุบัน อาจมาในรูปแบบของการขายสินค้าปลอม ไม่ตรงปก แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่องค์กรหรือสถาบันต่างๆ มากมาย เพื่อหลอกขอข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ หรือหลอกให้ดำเนินธุรกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การเงิน การลงทุน เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม หากเผลอเพิ่มเพื่อนไปแล้ว รู้สึกไม่ไว้วางใจ สงสัยว่า LINE OA ที่เพิ่มเพื่อนไปนั้นเป็นของมิจฉาชีพ ให้กดปุ่มรายงานปัญหาในทันที โดยเลือกเมนู (สามขีด) ตรงมุมขวาบนของห้องแชต -> เลือก ‘ตั้งค่า’ -> กด ‘รายงานปัญหา’ และผู้ใช้สามารถบล็อกบัญชีนั้นได้ เพื่อไม่ให้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเราได้อีกในอนาคต

สำหรับผู้ใช้งานทุกคน ทั้งประกาศคำเตือนก่อนการเพิ่มเพื่อน หลักการในการดูสีโล่ และขั้นตอนการ Report แจ้งปัญหาผ่าน LINE จะเป็นเครื่องช่วยป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ! หากพบปัญหาการใช้งานบน LINE สามารถแจ้งได้ที่ contact-cc.line.me และติดตาม LINE OA: @linehelpth

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ปลูกป่ากับ Tea for Trees ชุดน้ำชายามบ่ายที่ได้แรงบันดาลใจจากความเขียวชอุ่ม

Tea for Trees ชุดน้ำชายามบ่าย โปรเจคต์ใหม่ของ ดิ ออเธอร์ส เล้าจน์ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล ที่จะชวนทุกคนไปปลูกป่าและรู้จักต้นไม้ไทยที่หลายคนลืมเลือน

Focus

  • ชุดน้ำชายามบ่าย Tea for Trees คือโปรเจคต์ของ ดิ ออเธอร์ส เล้าจน์ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล ที่คิดหาวิธีว่าจะทำอย่างไรให้แขกสามารถมีส่วนร่วมในการส่งเสริมและรักษาสิ่งแวดล้อมไปด้วยกันได้
  • ทุกการสั่งชุดน้ำชายามบ่าย Tea for Trees 1 ชุด เราจะได้รับ QR Code ที่เปรียบได้กับต้นไม้ 1 ต้น หรือพูดง่ายๆ ก็คือการได้ร่วมสมทบทุนให้กับเกษตรกรในการปลูกต้นไม้เพิ่มขึ้นอีก 1 ต้น
  • ต้นไม้จากการปลูกในโครงการ Tea for Trees จะได้รับการปลูกขึ้นจริงที่ ตำบลหนองทะเล จังหวัดกระบี่

จะเป็นอย่างไร หากการจิบน้ำชายามบ่ายเท่ากับการปลูกต้นไม้ 1 ต้น ก่อนอื่นนี่ไม่ใช่สมการหรือปริศนาทายคำแต่อย่างใด เพราะตอนนี้ทาง ดิ ออเธอร์ส เล้าจน์ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กำลังรันโปรเจคต์ด้านสิ่งแวดล้อมไปอีกขั้น ด้วยการเปิดตัวชุดน้ำชา Tea for Trees ได้แรงบันดาลใจมาจากป่าไม้สีเขียวชอุ่ม โปรเจ็กต์ที่นอกจากเราจะได้รื่นรมย์กับการจิบชาและขนมน้ำชาหน้าตาสุดน่ารัก ยังเป็นโอกาสที่จะได้ร่วมเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับประเทศไทยด้วยการปลูกต้นไม้อีกหนึ่งต้นระหว่างมื้อพิเศษนี้อีกด้วย

เบื้องหลังแนวคิดชุดน้ำชาล่าสุดนี้ เกิดจากไอเดียที่ทาง โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล คิดหาวิธีว่าจะทำอย่างไรให้แขกสามารถมีส่วนร่วมในการส่งเสริมและรักษาสิ่งแวดล้อมไปด้วยกันได้ โดยเฉพาะไลฟ์สไตล์ของคนเมืองที่เร่งรีบและอาจมีเวลาจำกัด จึงเป็นที่มาของโปรเจคต์ Tea for Trees จากความร่วมมือของโรงแรมกับมูลนิธิ Conserve Natural Forests (CNF) และแอปพลิเคชัน EcoMatcher เกิดเป็นกิจกรรมเล็กๆ ที่จุดประกายให้เรารู้สึกใกล้ชิดกับการส่งเสริมสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น

หากใครกำลังสงสัยว่าทำอย่างไร คำตอบอยู่ที่ปลายนิ้วแค่นี้เอง เพราะทุกการสั่งชุดน้ำชายามบ่าย Tea for Trees 1 ชุด เราจะได้รับ QR Code ที่เปรียบได้กับต้นไม้ 1 ต้น หรือพูดง่ายๆ ก็คือการได้ร่วมสมทบทุนให้กับเกษตรกรในการปลูกต้นไม้เพิ่มขึ้นอีก 1 ต้นนั่นเอง วิธีการก็ง่ายมากแค่ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน EcoMatcher แล้วสแกน QR Code เพื่อรับต้นไม้ก็เป็นอันเรียบร้อย ซึ่งต้นไม้ที่ว่านี้ได้รับการปลูกขึ้นจริงที่ ตำบลหนองทะเล จังหวัดกระบี่ โดยที่เราสามารถตั้งชื่อและเข้าไปดูข้อมูลของต้นไม้ รวมไปถึงเกษตรกรที่ลงมือปลูกต้นไม้ให้กับเราได้ และแม้มื้อนี้จะจบลงไปแล้ว เราก็ยังสามารถเข้าไปติดตามการเติบโตของต้นไม้ที่เราปลูกได้อยู่ตลอด ว่าเขาเติบโตไปแค่ไหนแล้ว สภาพอากาศที่เป็นอยู่ตอนนี้เป็นอย่างไร อย่างต้นที่เราปลูกคือ “กระบาก” เป็น 1 ในต้นไม้ทั้งหมด 8 ชนิดในแคมเปญนี้ ได้แก่ ไม้กฤษณา ยางนา มะลูด ไม้กระบาก มะหาด เคี่ยม พะยูง และพะยอม ซึ่งทางมูลนิธิ CNF ได้เริ่มต้นปลูกเพื่อช่วยปรับสภาพสิ่งแวดล้อมและฟื้นฟูระบบนิเวศในบริเวณนั้น โดยตั้งเป้าตลอดระยะเวลาแคมเปญ 1,000 ต้น ภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2567

ในส่วนของชุดน้ำชา เชฟได้รังสรรค์เมนูขนม 13 ชิ้นจากแรงบันดาลใจเมื่อนึกถึงป่าไม้ที่เขียวชอุ่มอย่างเช่น ขนมฟินองเซียสอดไส้มูสวานิลลาและมิกซ์เบอรีที่เชฟนำเสนอออกมาเป็นรูปเห็ดสีแดงสดใส หรือแม้แต่ชั้นอาหารว่างอย่าง แซนวิชตับไก่บดและเห็ด เชฟได้ครีเอทเป็นทรงขอนไม้ประดับด้วยดอกไม้เล็กๆ เพื่อแฝงปรัชญาเอาไว้ว่าเมื่อชีวิตหนึ่งดับสูญ ย่อมมีชีวิตใหม่เกิดขึ้นเสมอ หรืออีกชิ้นที่น่ารักไม่แพ้กันคือแซนวิชแตงกวาและครีมชีส ที่เสิร์ฟมาในรูปใบไม้และมีหยดน้ำเล็กๆ เกาะอยู่ ชวนให้คิดถึงป่าที่ชุ่มชื้นหลังฝนตก บอกเลยว่าแค่มองหน้าตาขนมก็เพลินสุดๆ แล้ว

Fact File

• จัดเสิร์ฟแล้วตั้งแต่วันนี้ – 31 กรกฎาคม 2567 ดิ ออเธอร์ส เล้าจน์ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล ในราคาคนละ 2,250++ บาทต่อเซ็ต สำรองที่นั่งโทร. 02-659-9000

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 04/06/2567

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a40,550.0040,650.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,627.0039,825.3241,150.00
ทองรูปพรรณ 90%2,364.3035,842.79n/a
ทองรูปพรรณ 80%2,101.6031,860.26n/a
ทองรูปพรรณ 50%1,182.0017,919.12n/a
ทองรูปพรรณ 40%919.0013,932.04n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,722.0041,265.52n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 04/06/2567


ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9537.8537.8539.1537.8537.8537.8537.8537.8537.8537.85
แก๊สโซฮอล์ 9137.4837.4838.5837.4837.4837.4837.4837.4837.4837.48
แก๊สโซฮอล์ E2035.7435.7437.0435.7435.7435.7435.7435.7435.74
แก๊สโซฮอล์ E8535.4935.4935.49
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม46.4449.8450.2449.8446.44
เบนซิน 9545.7448.0146.2445.8945.74
ดีเซล32.9432.9433.6432.9432.9432.9432.9432.9432.9432.94
ดีเซลพรีเมี่ยม44.9447.1450.2447.1447.1444.94
แก๊ส NGV19.5919.5919.59
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า