สาระน่ารู้ประจำวันที่ 04 กันยายน 2567

‘สุริยะ’ สั่งปิดตำนานก่อสร้าง ‘พระราม 2’ ต้องเสร็จทั้งหมด มิ.ย.68

“สุริยะ” สั่งปิดตำนานงานก่อสร้างทุกโครงการก่อสร้างบนถนนพระราม 2 ต้องแล้วเสร็จ มิ.ย.2568 ดัน “ทางด่วนพระราม 3 – ดาวคะนอง และมอเตอร์เวย์ M82” พร้อมเปิดให้ประชาชนใช้บริการ สั่งทุกหน่วยงานรายงานความคืบหน้าทุกเดือน

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงโครงการก่อสร้างบนทางหลวงหมายเลข 35 (ถนนพระราม 2) โดยระบุว่า ปัจจุบันถนนพระราม 2 มีโครงการก่อสร้างที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ 3 โครงการ ประกอบด้วย

1.โครงการทางพิเศษ สายพระราม 3 – ดาวคะนอง – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก รับผิดชอบโดยการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ขณะนี้ภาพรวมโครงการมีความก้าวหน้า 80.92% คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในเดือน มิ.ย. 2568 ส่วนสะพานทศมราชัน หรือสะพานคู่ขนานสะพานพระราม 9 ขณะนี้การก่อสร้างเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในช่วงปลายปี 2567

2.โครงการก่อสร้างทางยกระดับ ทล. 35 ช่วงบางขุนเทียน – เอกชัย ระยะทาง 8.3 กิโลเมตร รับผิดชอบโดยกรมทางหลวง (ทล.) คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในเดือน พ.ย. 2567 และจะเปิดให้ประชาชนทดลองใช้บริการชั่วคราว ระหว่างด่านพันท้ายนรสิงห์ – ด่านมหาชัย ระยะทาง 4 กิโลเมตร ภายในปลายปีนี้ ในส่วนจุดเชื่อมต่อกับโครงการทางพิเศษสายพระราม 3 – ดาวคะนอง – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตกนั้น ได้เร่งรัดการดำเนินการก่อสร้างทางขึ้น – ลง เพื่อเปิดให้ประชาชนได้ใช้บริการต่อไป

3. โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 82 (M82) สายบางขุนเทียน – บ้านแพ้ว ช่วงเอกชัย – บ้านแพ้ว ระยะทาง 16.3 กิโลเมตร คาดว่าจะแล้วเสร็จตามแผนที่กำหนดไว้ภายในเดือน มิ.ย. 2568 และจะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบตลอดเส้นทางภายในปี 2570

นายสุริยะ กล่าวต่อว่า จากการรายงานของ กทพ. และ ทล. ยืนยันว่าทุกโครงการบนถนนพระราม 2 ยังอยู่ในแผนที่ควบคุมได้ ซึ่งจะแล้วเสร็จทั้งหมดภายในเดือน มิ.ย. 2568 ขณะนี้มีเวลาอีก 11 เดือนที่ต้องเร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จตามแผนที่วางไว้ ตนจึงได้มอบหมายให้ทั้ง 2 หน่วยงาน ต้องรายงานความคืบหน้าโครงการให้กระทรวงฯ ทราบทุกเดือน เพื่อเร่งแก้ไขทุกปัญหาให้แล้วเสร็จ

“จากการดูรายงานในช่วงที่ผ่านมา พบว่าทุกอย่างมีความพร้อมทั้งหมด ทั้งแผนการดำเนินงาน อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องจักร บุคลากร และอื่นๆ รวมทั้งก่อนหน้านี้ทั้ง 2 หน่วยงานได้ไปดูกระบวนการตั้งแต่การหล่อคานที่โรงงานว่าทำได้กี่ตัว แล้วเสร็จทันไหม ดังนั้น อีก 11 เดือนที่เหลือ เชื่อว่าทุกโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างบนถนนพระราม 2 จะแล้วเสร็จทั้งหมดภายในเดือน มิ.ย. 2568” นายสุริยะ กล่าว

สำหรับภาพรวมโครงการบนถนนพระราม 2 มีความคืบหน้า ดังนี้ โครงการทางพิเศษสายพระราม 3 – ดาวคะนอง – วงแหวนรอบนอกฯ ภายใต้การกับกำดูแลของ กทพ. จากการรายงานล่าสุดระบุว่า สัญญาที่ 1 มีความคืบหน้าการก่อสร้าง 70.19% สัญญาที่ 2 คืบหน้า 89.16% และสัญญาที่ 3 คืบหน้า 76.38%

ขณะที่โครงการภายใต้การกำกับดูแลของ ทล. ประกอบด้วย ทางยกระดับทางหลวงหมายเลข 35 ช่วงบางขุนเทียน – เอกชัย ระยะทาง 8.3 กิโลเมตร ความคืบหน้าโครงการแบ่งเป็น ตอนที่ 1 คืบหน้า 96.83% ตอนที่ 2 คืบหน้า 93.52% และตอนที่ 3 คืบหน้า 96%

ส่วน โครงการ M82 ช่วงเอกชัย – บ้านแพ้ว ระยะทาง 16.3 กิโลเมตร มีทั้งหมด 10 ตอน ระยะเวลาแล้วเสร็จส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงเดือน มิ.ย.2568 หรือเร็วกว่าแผนที่กำหนดไว้ โดยความคืบหน้าล่าสุดแบ่งเป็น ตอนที่ 1 คืบหน้า 67.759% ตอนที่ 2 คืบหน้า 55.815% ตอนที่ 3 คืบหน้า 50.413% ตอนที่ 4 คืบหน้า 46.415% ตอนที่ 5 คืบหน้า 70.512% ตอนที่ 6 คืบหน้า 41.111% ตอนที่ 7 คืบหน้า 35.851% ตอนที่ 8 คืบหน้า 63.190% ตอนที่ 9 คืบหน้า 82.885% และตอนที่ 10 คืบหน้า 61.092%

นอกจากนี้ โครงการทางต่างระดับบ้านแพ้ว ประกอบด้วย งานก่อสร้างทาง 1 แห่ง และสะพาน 2 แห่ง ล่าสุด ภาพรวมโครงการมีความก้าวหน้า 62.14% คาดว่าจะแล้วเสร็จช่วงเดือน มิ.ย. 2568 เช่นเดียวกัน

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


เปิดอาณาจักรอสังหาศุภาลัยในออสเตรเลีย5หมื่นล้าน กวาดยอดขายครึ่งแรกโต 70%

เปิดอาณาจักรศุภาลัยในออสเตรเลีย50,000 “Supalai Australia Holdings” บริษัทย่อย โชว์ยอดขาย 2 ไตรมาสแรกของปี 2024 1,700 ล้านบาท เติบโตเพิ่ม 70% เมื่อเทียบครึ่งปีแรก 2023 พร้อมเตรียมปิดการขาย 1 โครงการใหญ่ในเมืองเมลเบิร์นภายในปี 2025

ดร.ประศาสน์ ตั้งมติธรรม Director of Supalai Australia Holdings Pty Ltd เปิดเผยว่า ศุภาลัยเริ่มเข้าสู่ตลาดอสังหาฯ ออสเตรเลียตั้งแต่ปี 2014(ปี2557) จับมือพันธมิตรธุรกิจดำเนินการพัฒนาโครงการจำนวน 12 โครงการ ใน 4 เมือง

ได้แก่ เมือง Melbourne รัฐ Victoria เมือง Geelong รัฐ Victoria เมือง Brisbane รัฐ Queensland และเมือง Perth รัฐ Western Australia คิดเป็นมูลค่าโครงการทั้ง 12 โครงการในสัดส่วนของศุภาลัยกว่า 50,000 ล้านบาท และเมื่อปลายปี 2023(ปี2566) ที่ผ่านมา

ทั้งนี้”Supalai Australia Holdings Pty Ltd” ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบมจ.ศุภาลัยได้เข้าร่วมลงทุนกับStockland Communities Partnership HoldCo Pty Ltd ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ Stockland Corporation Ltd หนึ่งในบริษัทจดทะเบียนอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในออสเตรเลีย

จัดตั้งเป็นกิจการร่วมค้าใหม่ คือ “SSRCP HoldCo Pty Ltd” และมีการลงนามในสัญญากิจการร่วมค้าเพื่อลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศออสเตรเลียมูลค่ารวม 1,063 ล้านเหรียญออสเตรเลีย หรือราว 25,300 ล้านบาท

พร้อมทั้งได้เตรียมดำเนินการพัฒนาโครงการอีกจำนวน 12 โครงการใหม่ ใน 4 รัฐ 5 เมืองสำคัญ ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นเมืองที่ศุภาลัยไม่เคยขยายตลาดมาก่อน คือ ซิดนีย์ และวูลลองกอง  ในรัฐนิว เซาท์ เวลล์ โดยคิดเป็นมูลค่าโครงการทั้ง 12 โครงการในสัดส่วนของศุภาลัย 5,785 ล้านเหรียญออสเตรเลีย หรือกว่า 137,700 ล้านบาท

ปัจจุบันยอดขายสะสม (รวบรวมถึง 30 มิ.ย. 2024) จาก 12 โครงการดั้งเดิมที่ศุภาลัยถือหุ้นอยู่มีมูลค่าถึง 24,500 ล้านบาท โดยในครึ่งปี 2024 ที่ผ่านมา บริษัทได้มียอดขายสูงถึง 1,700 ล้านบาท เติบโตถึง 70%

เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2023 โดยหนึ่งในโครงการที่ได้รับเสียงตอบรับดีเยี่ยมคือโครงการ Arcadia Officer ทำยอดขายไปได้แล้วกว่า 96%

โดยโครงการ Arcadia Officer ซึ่งเป็นโครงการแรกที่บริษัทฯ ร่วมลงทุนนั้นเป็นที่ดินจัดสรรที่ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 800 ไร่ จำนวนแปลงที่ดินจัดสรรราว 1,800 แปลง

รวมมูลค่าโครงการ 551 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือประมาณ 13,000 ล้านบาท โดยศุภาลัยถือหุ้นในสัดส่วน 25% เป็นโครงการที่มีสภาพแวดล้อมสมบูรณ์ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครอบครัน

อาทิ สวนสาธารณะขนาดใหญ่, โรงเรียนประถม-มัธยมศึกษา, สนามกีฬาอเนกประสงค์ และสถานีรถไฟใกล้โครงการ 2 สถานี อีกทั้งยังได้รับรางวัล 2023 UDIA Victoria Master-planned Communities จาก Urban Development Institute of Australia (UDIA) ซึ่งคาดว่าจะปิดการขายได้ภายในปี 2025 นี้

นายอธิป พีชานนท์ Director of Supalai Australia Holdings Pty Ltd กล่าวว่า จากการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในออสเตรเลียต่อเนื่อง 10 ปี ศุภาลัยมีผลงานโดดเด่นในตลาดอสังหาริมทรัพย์ออสเตรเลีย

สะท้อนถึงการเติบโตและความมั่นคงของบริษัท ออสเตรเลียเป็นตลาดที่น่าสนใจด้วยเศรษฐกิจแข็งแกร่ง ทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ และกำลังซื้อสูง

พร้อมกับการอพยพของชาวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น ทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีค่าเงินออสเตรเลียที่เสถียรเพิ่มความมั่นใจในการลงทุน

นอกเหนือจากนั้น บมจ.ศุภาลัยและเหล่าบริษัทพันธมิตรธุรกิจ ต่างมีความคล้ายคลึงกันในด้านความเป็นมืออาชีพ  ความถูกต้องทางกฎหมาย  จรรยาบรรณทางธุรกิจ  ความน่าเชื่อถือ  ความถูกต้องดีงาม ซึ่งสิ่งเหล่านี้ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่ดีและเพิ่มศักยภาพการเติบโตอย่างยั่งยืน

เนื่องจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ในออสเตรเลียยังคงเติบโตในทิศทางที่ดี ลูกค้ามีกำลังซื้อสูง และเศรษฐกิจมีความมั่นคง คาดว่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจให้กับบริษัทฯในอนาคตข้างหน้าต่อไป

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้4ก.ย. “อ่อนค่าเล็กน้อย” ที่ระดับ 34.27 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทยังมีโอกาสอ่อนค่าทดสอบโซนแนวต้านแถว 34.30 บาทต่อดอลลาร์ หากบรรยากาศปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินในช่วงนี้ มองกรอบวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.15-34.35 บาท/ดอลลาร์

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้4ก.ย. 2567 ที่ระดับ  34.27 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  34.24 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน  พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทยเปิดเผยว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า เงินบาทเริ่มเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่ามากขึ้น สอดคล้องกับสัญญาณเชิงเทคนิคัลที่ชี้ว่า โมเมนตัมฝั่งอ่อนค่านั้นมีกำลังมากขึ้น โดยเรามองว่า เงินบาทยังมีโอกาสอ่อนค่าทดสอบโซนแนวต้านแถว 34.30 บาทต่อดอลลาร์ ได้อีกครั้ง และอาจอ่อนค่าทะลุโซนดังกล่าวได้

หากบรรยากาศปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินในช่วงนี้ ได้กดดันให้บรรดานักลงทุนต่างชาติทยอยขายสินทรัพย์ไทยเพิ่มเติม (ในช่วง 3 วันทำการที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติได้ขายสุทธิหุ้นไทยราว -5.4 พันล้านบาท และขายสุทธิบอนด์ไทยราว -1.8 พันล้านบาท) ซึ่งหากเงินบาทอ่อนค่าทะลุโซน 34.30 บาทต่อดอลลาร์ได้ชัดเจน ก็จะเปิดโอกาสให้เงินบาทอาจอ่อนค่าลงต่อเนื่องทดสอบโซนแนวต้านสำคัญ 34.50 บาทต่อดอลลาร์ได้

นอกจากนี้ การปรับตัวลดลงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์อย่างน้ำมันดิบ ที่อ่อนไหวกับแนวโน้มการเติบโตเศรษฐกิจและประเด็นกำลังการผลิต ก็อาจกดดันเงินบาทเพิ่มเติมได้ จากโฟลว์ธุรกรรมซื้อน้ำมันดิบในช่วงการปรับฐาน (Correction)

อย่างไรก็ดี เรามองว่า เงินบาทก็อาจพอได้แรงหนุนอยู่บ้าง เนื่องจากภาวะปิดรับความเสี่ยงในช่วงนี้ ยังพอช่วยหนุนให้ราคาทองคำสามารถปรับตัวขึ้นต่อได้ หรืออย่างน้อยก็อาจแกว่งตัว sideways ไปก่อน

จนกว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม ซึ่งปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินในช่วงนี้ได้อย่างมีนัยสำคัญ คือ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะส่งผลต่อมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด

อนึ่ง ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานยอดตำแหน่งงานเปิดรับ (Job Openings) ของสหรัฐฯ ที่จะทยอยรับรู้ในช่วง 21.00 น. ตามเวลาประเทศไทย รวมถึงรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของบรรดาเฟดสาขาต่างๆ (Fed Beige Book) ในช่วง 01.00 น. ของเช้าวันพฤหัสฯ

เรายังคงมองว่า เงินบาทยังมีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวนไปตาม การเปลี่ยนแปลงไปมาของปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางค่าเงินบาท อย่าง มุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด หรือ การปรับสถานะถือครองเงินดอลลาร์

ทำให้ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.15-34.35 บาท/ดอลลาร์

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาทยังคงคลื่อนไหวในกรอบ sideways (แกว่งตัวในกรอบ 34.20-34.34 บาทต่อดอลลาร์) โดยเงินบาทมีจังหวะอ่อนค่าลงบ้าง ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์

ท่ามกลางภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) ของตลาดการเงิน หลังผู้เล่นในตลาดกลับมากังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ เสี่ยงชะลอตัวลงหนักอีกครั้ง จากรายงานดัชนี ISM PMI ภาคการผลิต เดือนสิงหาคม ที่แม้จะปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 47.2 จุด (ต่ำกว่าที่ตลาดคาด 47.5 จุด) แต่ก็ยังต่ำกว่าระดับ 50 จุด

สะท้อนภาวะหดตัวต่อเนื่องของภาคการผลิตสหรัฐฯ เป็นเดือนที่ 5 อย่างไรก็ดี การอ่อนค่าของเงินบาทก็ชะลอลงบ้าง หลังราคาทองคำ (XAUUSD) สามารถรีบาวด์ขึ้นได้บ้างเกือบ +20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หนุนโดยการปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ  และความต้องการถือสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven Assets) ท่ามกลางภาวะผันผวนและปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงิน

บรรยากาศในตลาดหุ้นสหรัฐฯ พลิกกลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) ชัดเจน จากทั้งความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ เสี่ยงชะลอตัวลงหนัก รวมถึงแรงขายบรรดาหุ้นธีม AI/Semiconductor

นำโดย Nvidia -9.5% ซึ่งมาจากทั้งแรงขายทำกำไรลดความเสี่ยงพอร์ต ความกังวลปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างไต้หวันกับจีน ซึ่งอาจกระทบต่อการผลิตชิพโดย TSMC รวมถึงรายงานข่าว Nvidia เสี่ยงถูกดำเนินคดีผูกขาดตลาด ทำให้โดยรวมดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ดิ่งลง -3.26% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด -2.12%

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวลดลงกว่า -0.97% กดดันโดยแรงเทขายบรรดาหุ้นธีม AI/Semiconductor เช่นเดียวกันกับฝั่งสหรัฐฯ นำโดย ASML -4.4% นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังถูกกดดันจากแรงขายหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่

อาทิ Shell -2.7%, Rio Tinto -2.2% หลังราคาน้ำมันดิบและราคาแร่โลหะต่างปรับตัวลดลงต่อเนื่องในช่วงนี้ จากความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจจีน รวมถึงล่าสุดความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ และความเสี่ยงที่กลุ่ม OPEC+ อาจเริ่มเพิ่มกำลังการผลิตในเดือนตุลาคม 

ในฝั่งตลาดบอนด์ ภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินโดยรวม ได้หนุนให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 3.83% อีกครั้ง หลังในช่วงก่อนตลาดรับรู้รายงานดัชนี ISM PMI ภาคการผลิตของสหรัฐฯ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้ปรับตัวขึ้นทะลุระดับ 3.90%

ทั้งนี้ เรามองว่า ตลาดการเงินในช่วงนี้จะอยู่ในช่วงเผชิญความเสี่ยงผันผวนสองด้าน หรือ Two-Way Volatility ขึ้นกับรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ โดยเฉพาะข้อมูลเศรษฐกิจฝั่งสหรัฐฯ ซึ่งในช่วงที่เหลือของสัปดาห์นี้

เรามองว่า ควรรอจับตารายงานดัชนี ISM PMI ภาคการบริการ (ภาคการบริการคิดเป็นสัดส่วนราว 70% ของเศรษฐกิจสหรัฐฯ) และข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ที่จะส่งผลต่อทิศทางบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้อย่างมีนัยสำคัญ 

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์โดยรวมเคลื่อนไหวในกรอบ sideways โดยมีจังหวะแข็งค่าขึ้นบ้าง ตามความต้องการถืองเงินดอลลาร์เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงตลาดการเงินเผชิญภาวะปิดรับความเสี่ยง

ทว่า เงินดอลลาร์ก็ยังไม่สามารถแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องได้ชัดเจน เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ เพิ่มเติม อาทิ ดัชนี ISM PMI ภาคการบริการ และข้อมูลการจ้างงาน ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงแกว่งตัวแถวระดับ 101.7 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 101.6-101.9 จุด)

ในส่วนของราคาทองคำ แม้ว่าเงินดอลลาร์จะมีจังหวะแข็งค่าขึ้น ทว่า ภาวะปิดรับความเสี่ยงที่มาพร้อมกับการปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้ช่วยหนุนให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) สามารถทยอยรีบาวด์ขึ้นเกือบ +20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สู่ระดับ 2,525 ดอลลาร์ต่อออนซ์

สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ ยอดตำแหน่งงานเปิดรับ (JOLTs Job Openings) ของสหรัฐฯ รวมถึง รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจโดยบรรดาเฟดสาขาต่างๆ หรือ Fed Beige Book ซึ่งจะช่วยสะท้อนถึงแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะในส่วนของตลาดแรงงานได้ 

ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะยังคงรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB เพื่อประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของ ECB

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 34.25-34.27 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.13 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 34.23 บาทต่อดอลลาร์ฯ

โดยเงินบาทขยับอ่อนค่าลงเล็กน้อยในช่วงเช้าวันนี้ แต่ในภาพรวมยังเป็นการเคลื่อนไหวเป็นกรอบ เนื่องจากตลาดยังคงรอติดตามข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ โดยเฉพาะตัวเลขในฝั่งตลาดแรงงานซึ่งจะทยอยประกาศออกมาในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ หลังจากที่ตัวเลขดัชนี PMI และ ISM ภาคการผลิตเดือนส.ค. ของสหรัฐฯ ยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งสะท้อนภาพการหดตัวของภาคการผลิต 

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 34.15-34.35 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลก ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนส.ค. ของจีน ญี่ปุ่น อังกฤษ และยูโรโซน รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ ข้อมูลการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.ค. ของสหรัฐฯ และรายงาน Beige Book ของเฟด

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


สรุปเหรียญพาราลิมปิก 2024 วันที่ 4 ก.ย. 67, จีน ยังนำโด่ง, ไทย ขยับอันดับขึ้น

พาราลิมปิก 2024 หรือ ปารีสเกมส์ 2024 ถือเป็นมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกของนักกีฬาคนพิการ จัดขึ้นที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 28 สิงหาคม – 8 กันยายน 2567

โดยหลังผ่านการแข่งขันมาแล้วทั้งหมด 6 วัน จากการชิงชัยทองทั้งหมด 277 เหรียญ ประเทศจีน ยังคงเดินหน้าโกยเหรียญรางวัลทิ้งห่างคู่แข่งจากนานาชาติต่อเนื่อง

สรุปเหรียญพาราลิมปิก 2024 วันจันทร์ที่ 2 กันยายน 2567

อันดับที่ 1 : จีน ทำไป 53 เหรียญทอง, 40 เหรียญเงิน, 22 เหรียญทองแดง

อันดับที่ 2 : สหราชอาณาจักร ทำไป 30 เหรียญทอง, 18 เหรียญเงิน, 13 เหรียญทองแดง

อันดับที่ 3 : สหรัฐอเมริกา ทำไป 20 เหรียญทอง, 22 เหรียญเงิน, 11 เหรียญทองแดง

อันดับที่ 4 : บราซิล ทำไป 14 เหรียญทอง, 11 เหรียญเงิน, 23 เหรียญทองแดง

อันดับที่ 5 : ฝรั่งเศส เจ้าภาพ ทำไป 11 เหรียญทอง, 12 เหรียญเงิน, 15 เหรียญทองแดง

อันดับที่ 6 : อิตาลี ทำไป 10 เหรียญทอง, 8 เหรียญเงิน, 17 เหรียญทองแดง

อันดับที่ 7 : ยูเครน ทำไป 9 เหรียญทอง, 15 เหรียญเงิน, 21 เหรียญทองแดง

อันดับที่ 8 : ออสเตรเลีย ทำไป 9 เหรียญทอง, 9 เหรียญเงิน, 14 เหรียญทองแดง

อันดับที่ 9 : เนเธอร์แลนด์ ทำไป 9 เหรียญทอง, 5 เหรียญเงิน, 4 เหรียญทองแดง

ส่วน ไทย ขยับขึ้นมาอยู่อันดับที่ 16 หลังทำไป 4 เหรียญทอง, 4 เหรียญเงิน และ 6 เหรียญทองแดง

โดย “ทัพนักกีฬาไทย” สามารถเก็บเพิ่มได้อีก 1 เหรียญทอง จาก “แวว” สายสุนีย์ จ๊ะนะ นักวีลแแชร์ฟันดาบสาวไทย ทำได้จากประเภท เซเบอร์ บุคคลหญิง คลาสบี

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


6 สัญญาณเตือนภูมิคุ้มกันตก ร่างกายอ่อนแอ พร้อมวิธีรับมือ

ช่วงที่ผ่านมา การระบาดของโควิด-19 ทำให้เราตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพมากขึ้น การปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน เช่น การล้างมือบ่อยๆ และการเว้นระยะห่างทางสังคม เป็นสิ่งจำเป็นในการป้องกันการติดเชื้อ แต่สิ่งสำคัญไม่แพ้กันคือการมี ระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง เพื่อต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ และเราจะรู้ได้อย่างไรว่าขณะนี้ภูมิคุ้มกันของเรากำลังตก ร่างกายอ่อนแอ พร้อมวิธีรับมือ

6 สัญญาณเตือนภูมิคุ้มกันตก

1.ความเครียดเรื้อรัง ทำให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ

เคยสังเกตไหมว่าหลังจากผ่านช่วงเวลาที่เครียดมากๆ เช่น ทำงานหนัก หรือเจอปัญหาส่วนตัว ร่างกายมักจะอ่อนแอลงและป่วยง่ายขึ้น นั่นไม่ใช่เรื่องบังเอิญเลย ความเครียดเรื้อรังส่งผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกันของเราโดยตรงตามที่สมาคมจิตวิทยาอเมริกันได้ระบุไว้ ความเครียดที่ยาวนานจะทำให้ร่างกายตอบสนองต่อการต่อสู้กับเชื้อโรคได้ลดลง

เหตุผลก็คือความเครียดจะทำให้จำนวนลิมโฟไซต์ ซึ่งเป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ทำหน้าที่ต่อสู้กับการติดเชื้อลดลง เมื่อลิมโฟไซต์ลดลง ร่างกายก็จะอ่อนแอลงและเสี่ยงต่อการติดเชื้อต่างๆ เช่น ไข้หวัดมากขึ้น ดังที่ ดร.นาเดีย ฮาซัน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรศาสตร์ได้อธิบายไว้

2.เป็นหวัดบ่อยเกินไป อาจเป็นสัญญาณว่าร่างกายอ่อนแอ

เป็นเรื่องปกติที่ผู้ใหญ่จะเจอไข้หวัดปีละ 2-3 ครั้ง โดยเฉลี่ยแล้วอาการจะทุเลาลงภายใน 7-10 วัน ดร.ฮาซันอธิบายว่า “ในช่วงเวลานั้น ระบบภูมิคุ้มกันจะใช้เวลาประมาณ 3-4 วันในการสร้างแอนติบอดีเพื่อต่อสู้กับเชื้อโรค” แต่ถ้าคุณเป็นหวัดบ่อยมาก หรือหวัดไม่หายสักที นั่นอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าระบบภูมิคุ้มกันของคุณกำลังทำงานหนักเกินไปและอ่อนล้า

3.ปัญหาเกี่ยวกับท้องบ่อยๆ อาจเป็นสัญญาณเตือนสุขภาพ

หากคุณมีอาการท้องเสีย ท้องอืด หรือท้องผูกบ่อยๆ นั่นอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าระบบภูมิคุ้มกันของคุณกำลังอ่อนแอลง

จากการวิจัยพบว่าระบบภูมิคุ้มกันของเรากว่า 70% อยู่ในระบบทางเดินอาหาร แบคทีเรียดีและจุลินทรีย์ชนิดอื่นๆ ที่อาศัยอยู่ในลำไส้ของเรา ช่วยปกป้องลำไส้จากการติดเชื้อและสนับสนุนระบบภูมิคุ้มกัน เมื่อปริมาณแบคทีเรียดีเหล่านี้ลดลง คุณจะมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัส การอักเสบเรื้อรัง และโรคภูมิต้านทานตัวเอง

4.แผลหายช้า อาจเป็นสัญญาณว่าร่างกายอ่อนแอ

เมื่อผิวหนังของเราเกิดบาดแผล ไม่ว่าจะเป็นจากการถูกไฟไหม้ บาดเจ็บ หรือการถลอก ร่างกายจะทำหน้าที่ซ่อมแซมตัวเองโดยอัตโนมัติ โดยการส่งเลือดที่อุดมไปด้วยสารอาหารไปยังบริเวณที่บาดเจ็บเพื่อช่วยสร้างเนื้อเยื่อใหม่ขึ้นมาทดแทน

กระบวนการรักษาแผลนี้จะทำงานได้ดีก็ต่อเมื่อระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง เซลล์ภูมิคุ้มกันเหล่านี้มีหน้าที่สำคัญในการต่อสู้กับเชื้อโรคและช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น หากระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เซลล์เหล่านี้จะทำงานได้ไม่เต็มที่ ทำให้การสร้างเนื้อเยื่อใหม่เป็นไปอย่างช้าๆ หรืออาจไม่สามารถสร้างขึ้นมาใหม่ได้เลย ส่งผลให้แผลหายช้าและอาจติดเชื้อได้ง่าย

5.ติดเชื้อบ่อย อาจเป็นสัญญาณเตือนสุขภาพ

หากคุณสังเกตว่าตัวเองติดเชื้อบ่อยๆ อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าระบบภูมิคุ้มกันของคุณกำลังทำงานไม่เต็มที่ สมาคมภูมิแพ้ หอบหืด และภูมิคุ้มกันแห่งสหรัฐอเมริกา ได้ระบุสัญญาณเตือนของการที่ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอในผู้ใหญ่ ดังนี้

  • ติดเชื้อในหูมากกว่า 4 ครั้งต่อปี: การติดเชื้อในหูบ่อยครั้งอาจบ่งบอกว่าระบบภูมิคุ้มกันไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • เป็นปอดบวม 2 ครั้งภายใน 1 ปี: การเป็นปอดบวมซ้ำๆ ในระยะเวลาอันสั้น เป็นสัญญาณที่น่ากังวลเกี่ยวกับสุขภาพของปอดและระบบภูมิคุ้มกัน
  • เป็นไซนัสอักเสบเรื้อรัง หรือมีอาการไซนัสอักเสบจากแบคทีเรียมากกว่า 3 ครั้งต่อปี: การติดเชื้อในโพรงไซนัสบ่อยครั้ง อาจบ่งบอกว่าระบบภูมิคุ้มกันไม่สามารถกำจัดเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ต้องใช้ยาปฏิชีวนะมากกว่า 2 คอร์สต่อปี: การต้องใช้ยาปฏิชีวนะบ่อยครั้งบ่งบอกว่าร่างกายมีการติดเชื้อบ่อย และระบบภูมิคุ้มกันอาจไม่แข็งแรงพอที่จะต่อสู้กับเชื้อโรคได้เอง

หากคุณมีอาการดังกล่าวข้างต้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรับคำแนะนำในการดูแลสุขภาพ

6.เหนื่อยล้าตลอดเวลา อาจเป็นสัญญาณเตือนจากร่างกาย

เราต่างก็รู้ดีว่าการทำงานหนักเกินไปหรือพักผ่อนไม่เพียงพอจะทำให้รู้สึกเหนื่อยล้า แต่ถ้าคุณนอนหลับพักผ่อนเพียงพอแล้ว ยังรู้สึกอ่อนล้าอยู่ตลอดเวลา นั่นอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าระบบภูมิคุ้มกันของคุณกำลังส่งสัญญาณเตือน

เมื่อระบบภูมิคุ้มกันทำงานหนัก ระดับพลังงานของคุณก็จะลดลงตามไปด้วย ดร.ฮาซันอธิบายว่า “นั่นเป็นเพราะร่างกายกำลังพยายามเก็บรักษาพลังงานเพื่อส่งไปยังระบบภูมิคุ้มกัน เพื่อให้สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคได้

วิธีเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง

หากคุณมีอาการที่กล่าวมาข้างต้น นั่นหมายความว่าระบบภูมิคุ้มกันของคุณต้องการการดูแลเป็นพิเศษ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและสร้างนิสัยใหม่ๆ เพียงเล็กน้อย จะช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของคุณแข็งแรงขึ้นได้เองตามธรรมชาติ ดังนี้

  • รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่: อาหารที่มีประโยชน์ครบถ้วนจะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็นในการสร้างภูมิคุ้มกัน
  • นอนหลับให้เพียงพอ: การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอจะช่วยให้ร่างกายได้ซ่อมแซมตัวเองและเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
  • ล้างมือบ่อยๆ: การล้างมือเป็นประจำจะช่วยป้องกันการติดเชื้อ
  • ฉีดวัคซีนตามกำหนด: วัคซีนช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อโรคต่างๆ
  • ควบคุมน้ำหนัก: น้ำหนักตัวที่เหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ และเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
  • เลิกสูบบุหรี่: บุหรี่เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำลายระบบภูมิคุ้มกัน
  • จัดการความเครียด: ความเครียดเรื้อรังส่งผลเสียต่อระบบภูมิคุ้มกัน

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


7 C’s of communication สื่อสารภาษาอังกฤษ ให้ประสบความสำเร็จ

หลักการสื่อสารภาษาอังกฤษ

องค์ประกอบหรือคุณสมบัติของการสื่อสารภาษาอังกฤษที่ดี มีอะไรบ้าง?

การสื่อสารภาษาอังกฤษ

7 C’s of Communication คือ รายการตรวจสอบ (checklist) ที่ช่วยพัฒนาทักษะการสื่อสารและเพิ่มโอกาสให้ผู้รับข้อมูลได้เข้าใจข้อมูลที่ถูกต้อง ตรงตามความตั้งใจของผู้สื่อสาร

เอ็ด ดู เฟิร์สท์ จึงนำเคล็ดลับที่ช่วยให้คุณสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้

7 C’s of Communication

สื่อสารภาษาอังกฤษ ให้ประสบความสำเร็จ

1. ชัดเจน (Clear)
ในการสื่อสารไม่ว่าจะด้วยการพูดหรือการเขียน ข้อมูลที่สื่อสารต้องมีความชัดเจน เข้าใจง่าย ชัดในเนื้อหาสาระ ใช้คำที่มีความหมายตรงตัว ไม่ต้องตีความจนอาจเกิดความเข้าใจผิด

2. ถูกต้อง (Correct)
ความถูกต้องของข้อมูล หมายถึงเป็นข้อเท็จจริง (fact) ตรวจสอบได้ สร้างความมั่นใจแก่ผู้รับข้อมูลว่าไม่ได้ถูกหลอกให้หลงเชื่อ ใช้ภาษาได้อย่างถูกต้องเหมาะสม ถูกต้องทั้งไวยากรณ์และตัวสะกด

3. ครบถ้วน (Complete)
การสื่อสารควรเป็นการส่งข้อมูลซึ่งเป็นข้อเท็จจริงทั้งหมดที่ผู้รับข้อมูลควรทราบ ความครบถ้วนนี้จะต่างกันไปในแต่สถานการณ์ ไม่ตกหล่นเนื้อหาสาระที่สำคัญ เป็นข้อมูลที่สร้างแรงจูงใจ

4. หนักแน่นมีสาระ (Concrete)
ข้อมูลควรมีความจำเพาะเจาะจง หนักแน่น มีสาระ ไม่คลุมเครือหรือกว้างจนเกินไป มีข้อเท็จจริง ไม่ใช้คำที่ลดความน่าเชื่อถือ จำเพาะเจาะจงในประเด็นที่สื่อสาร มีความเป็นรูปธรรมในเรื่องที่สื่อสาร

5. กระชับ (Concise)
ข้อมูลควรกระชับ ตรงประเด็น ไม่เยิ่นเย้อ ชูเนื้อหาสาระหลักได้ชัดเจน ไม่กล่าววนเวียนซ้ำแล้วซ้ำอีก

6. สมเหตุสมผล (Coherent)
ข้อมูลที่สื่อสารควรมีตรรกะ มีความเป็นเหตุเป็นผล เชื่อมโยงและสอดคล้องสัมพันธ์กับประเด็นหลัก สร้างมุมมองแนวคิดที่เป็นประโยชน์แก่ผู้รับเพื่อให้ได้รับการตอบสนองที่เป็นบวก มองโลกในแง่ดี เน้นไปในสิ่งที่เป็นไปได้

7. มีมารยาท (Courteous)
ข้อมูลที่สื่อสารควรมีลักษณะที่เป็นมิตร เปิดเผย ตรงไปตรงมา ไม่มีประเด็นซ่อนเร้นหรือเหน็บแนมก้าวร้าว เลือกใช้คำพูดที่สุภาพ ให้เกียรติ ไม่นำอคติใด ๆ มาบิดเบือนข้อมูลให้ผิดไปจากข้อเท็จจริง คำนึงถึงความคิดเห็น มุมมอง ทัศนคติ ของผู้รับข้อมูล ไม่หักหาญหรือฝืนความรู้สึกนึกคิดของผู้รับ ใช้คำในเชิงบวก

ขอบคุณข้อมูลจาก edufirstschool.com


กิน “ไข่ต้มยางมะตูม” ประโยชน์สูงกว่า “ไข่ต้มสุก” จริงหรือ

ไข่ต้ม อาหารเช้าที่หลายคนเลือกทานเพราะความสะดวก รวดเร็ว และเชื่อว่าดีต่อสุขภาพ แต่ก็มีคำถามตามมาว่า ไข่ต้มสุกๆ ดีต่อสุขภาพที่สุดจริงหรือ? เพราะไข่ต้มยางมะตูม กลายเป็นอีกหนึ่งชนิดไข่ที่มีการกล่าวว่าดีกว่าการกินไข่ต้ม แถมยังให้คุณค่าอาหารสูงกว่าไข่ต้ม

การบริโภคไข่ยางมะตูมนั้นให้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่า เนื่องจาก

  • ไข่ขาว: หากรับประทานดิบ จะย่อยยากและอาจมีเชื้อโรคปนเปื้อนจากเปลือกไข่
  • ไข่แดง: อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย

ดังนั้นการรับประทานไข่ขาวสุก ๆ คู่กับไข่แดงสุกแต่ยังเนื้อนิ่มอยู่เล็กน้อย หรือที่เรียกว่าไข่ยางมะตูม จึงเป็นวิธีการบริโภคไข่ไก่ที่เหมาะสมที่สุด

วิธีทำไข่ยางมะตูม

  1. เตรียมน้ำ: ตั้งน้ำให้เดือด แล้วลดไฟลงให้เหลือไฟอ่อน ๆ จากนั้นเติมเกลือลงไปเล็กน้อย เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้ไข่แตก
  2. ต้มไข่: นำไข่ไก่ใส่ลงไปในน้ำเดือด ต้มประมาณ 10 นาที
  3. พักไข่: หลังจากต้มเสร็จแล้ว นำไข่ออกจากหม้อ แล้วนำไปแช่ในน้ำร้อนอีกประมาณ 2 นาที เพื่อให้ไข่แดงสุกพอดี

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


วิธีทำให้คอมพิวเตอร์ของคุณเปิดเร็วขึ้น ทำแค่นี้ได้ผลแล้ว

ใครที่สงสัยเปิดคอมพิวเตอร์แล้วช้า โดยเฉพาะระบบปฏิบัติการ Windows ที่ส่วนใหญ่เลือกใช้งานอยู่ วันนี้ Sanook Hitech จะมาบอกวิธีทำให้คอมพิวเตอร์ของคุณเปิดไม่อืดอีกต่อไป

วิธีทำให้คอมพิวเตอร์เปิดเร็วขึ้น

  • เข้าไปที่ Task Manager หรือกดปุ่ม CTRL + Shift + ESC
  • เลือกไปที่รูป เข็มความเร็ว หรือ Startup Apps
  • คลิกขวาที่โปรแกรมที่ไม่ต้องการให้ปิด แล้วเลือก Disable
  • จากนั้นลองรีสตาร์ทเครื่องครับ

แค่นั้นก็อาจจะทำให้คอมพิวเตอร์เร็วขึ้นได้ไม่มากก็น้อย แต่จริงๆ แล้วถ้าอยากให้เร็วกว่านี้อาจจะต้องช่วยตัวช่วยอื่นๆ เช่นการความจำแคช (Cache Memory) หรือ ลบขยะออก รวมถึงการลบโปแกรมที่ไม่ใช้ออกแล้ว และอัปเดตระบบปฏิบัติให้ใหม่อยู่เสมอก็ช่วยได้ครับ

ครั้งหน้า Sanook Hitech จะมีทริคการใช้อุปกรณ์อะไรมาบอกเล่าให้คุณฟังอีกอย่าลืมติดตามกันนะครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 04/09/2567

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a40,350.0040,450.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,614.0039,628.2440,950.00
ทองรูปพรรณ 90%2,352.6035,665.42n/a
ทองรูปพรรณ 80%2,091.2031,702.59n/a
ทองรูปพรรณ 50%1,176.0017,828.16n/a
ทองรูปพรรณ 40%915.0013,871.40n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,709.0041,068.44n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 04/09/2567



ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9536.3536.3536.6536.3536.3536.3536.3536.3536.3536.35
แก๊สโซฮอล์ 9135.9835.9836.2835.9835.9835.9835.9835.9835.9835.98
แก๊สโซฮอล์ E2034.2434.2434.5434.2434.2434.2434.2434.2434.24
แก๊สโซฮอล์ E8533.9933.9933.99
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม44.9449.8449.8449.8444.94
เบนซิน 9544.2449.8144.7444.3944.24
ดีเซล32.9432.9433.2432.9432.9432.9432.9432.9432.9432.94
ดีเซลพรีเมี่ยม44.9447.1449.8447.1447.1444.94
แก๊ส NGV19.5919.5919.59
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า