สาระน่ารู้ประจำวันที่ 04 ธันวาคม 2567

เฟรเซอร์สฯสร้างมาตรฐานอสังหายั่งยืนชูศักยภาพกรุงเทพฯเทียบเมืองระดับโลก

ปณต สิริวัฒนภักดี ชูวิสัยทัศน์พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยั่งยืนสร้างมาตรฐานใหม่ยกระดับศักยภาพกรุงเทพฯ ทัดเทียมเมืองระดับโลก ตั้งเป้าบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนปี 2050 เผย 14 ปีพัฒนา 7 โครงการโซนพระราม 4 พื้นที่รวม 2.9 ล้าน ตร.ม. มูลค่ากว่า 1.5 แสนล้าน ชงรัฐหนุนแข่งสิงคโปร์

วานนี้ (3 ธ.ค.) “กรุงเทพธุรกิจ” จัดงาน “Sustainability Forum 2025 : Synergizing for Driving Business” ครั้งที่ 5 โดย “ปณต สิริวัฒนภักดี” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ด ได้กล่าวบรรยายในหัวข้อ “Sharing the Sustainable Society from the Experience”  

ทั้งนี้  เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ เป็นการลงทุนในเครือทีทีซี  มีการขยายงานตลอด 40 ปี ใน 4 ทวีป 20 ประเทศ มีการลงทุนใน 130 เมืองแบบครบวงจร ภายใต้วิสัยทัศน์มุ่งสร้างความยั่นยืนให้กับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาประเทศที่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับความยั่งยืนล่าสุดประเทศไทยมี SDGs SCORE ขึ้นเป็นอันดับที่ 45 ของโลกในปี 2567  ซึ่ง เฟรเซอร์สฯ ตั้งเป้าหมายเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2050 

“การทำงานของเราเชื่อในประสบการณ์ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แต่ความยั่งยืนจะสำเร็จได้ต้องเข้าใจในพื้นฐานของแต่ละเมืองก่อนจากประสบการณ์การเป็น Global experiences, Local practices ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาอาคารสำนักงาน ที่อยู่อาศัย การขนส่ง ที่มีการเชื่อมโยงกันนำสู่การพัฒนาชีวิตผู้คน ทำให้เมืองมีความโดดเด่นขึ้น”

ยกตัวอย่าง การพัฒนาโครงการ Central Park ซิดนีย์ ออสเตรเลีย มูลค่า 50,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาแบบมิกซ์ยูสในซิดนีย์ที่ได้รับการจัดอันดับ Green Star 5 ดาว และการรับรอง LEED Platinum เป็นการพัฒนาโครงการที่ทำให้เมืองน่าอยู่ขึ้น จากประสบการณ์โครงการนี้ได้นำมาประยุกต์ใช้กับการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยเพื่อเกิดความยั่งยืนอย่างแท้จริง และยกระดับความเป็นเมืองของกรุงเทพฯ เป็น “MEGA CITY” เฉพาะกรุงเทพฯ มีสัดส่วนรายได้ 33% ของจีดีพี เป็นเมืองที่มีศักยภาพ ที่ผู้คนนิยมเข้ามาเที่ยวมากที่สุดในโลก

“ความฝันจะเป็นส่วนหนึ่งของปัจจัยแห่งความสำเร็จ เรานำความคิดนี้มาพัฒนาเมืองกรุงเทพฯ ที่มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสาธารณูปโภคและการพัฒนาเมืองให้ยั่งยืน”

14ปี ปั้น 7 โครงการโซนพระราม 4

ปณต กล่าวต่อว่า ด้วยความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจประเทศไทยจะเติบโตกลายเป็นเซ็นเตอร์ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ช่วง 14 ปีที่ผ่านมา เฟรเซอร์สฯ จึงได้พัฒนา 7 โครงการ โซนพระราม 4 ซึ่งเป็นหัวใจของกรุงเทพฯ โดยใช้ประสบการณ์กว่า 20 ปี ในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในเมืองพื้นที่อาคารรวมกว่า 2,948,490 ตารางเมตร มูลค่าลงทุน 152,061 ล้านบาท ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า เสริมความแข็งแกร่งซึ่งกันและกัน รองรับดีมานด์ของผู้คนที่เข้ามาในพื้นที่นี้

“ศักยภาพของคอร์ริดอร์กลางเมืองที่มีการเติบโตที่ดี คือ วงแหวนสีน้ำเงิน หรือเส้นทางวิ่งของ MRT เปรียบเป็น Circle LINE ของกรุงเทพฯ และเป็นลูปที่เชื่อมต่อของเมืองทางฝั่งธนบุรีกับทางตอนเหนือของกรุงเทพฯ” 

 เซตมาตรฐานตอบโจทย์ความยั่งยืน

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่จะมีการเปลี่ยนแปลง นั่นคือ การสร้างแนวคิดในการสร้างอสังหาริมทรัพย์ที่ตอบโจทย์ “มาตรฐานใหม่” เชื่อว่า กรุงเทพฯ พร้อมแล้วที่เซตมาตรฐานทัดเทียมระดับโลก

“เราสร้างมาตรฐานใหม่ในการสร้างอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ ตอบโจทย์ความยั่งยืน โดยนำมาตรฐานที่ไม่เคยใช้มาใช้ เช่น LEED for Neighbourhood Development ซึ่ง วัน แบงค็อก เป็นโครงการแรกที่ได้รับการรับรอง LEED Neighbourhood ระดับ Platinum ซึ่งเป็นการรับรองประสิทธิภาพสูงในการใช้พลังงานและน้ำ การจัดการขยะ และคุณภาพอากาศภายในอาคาร รวมถึงผังเมือง พื้นที่สีเขียว”

นอกจากนี้ พยายามนำมาตรฐานใหม่มาพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ให้เกิดความยั่งยืนมากขึ้น เช่น WELL Building Standard คือ เกณฑ์การประเมินการสร้างอาคารที่มีสุขภาวะที่ดี อากาศ น้ำ สาธารณูปโภค แสง การออกกำลังกาย สภาพแวดล้อม และจิตใจให้กับอาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยใช้เครื่องมือและข้อมูลในการพัฒนาคุณภาพการใช้ชีวิตและลดต้นทุน

พร้อมกันนี้ มีการสร้างระบบทำความเย็นแบบรวมศูนย์ขนาดใหญ่กลางในเมือง ที่สามารถจ่ายน้ำเย็นได้ทั่วทั้งโครงการ ซึ่งช่วย ลดการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยน้ำเย็นที่มาจากระบบจะช่วยให้สภาพแวดล้อมภายในโครงการเย็นสบายสอดคล้องกับเป้าหมายด้านความยั่งยืน โดยระบบนี้ถูกดำเนินการและดูแลโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญของ Tokyo Gas พันธมิตรธุรกิจผู้มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี และระบบโครงการ

“เราพยายามสร้าง ESG Goals ในองค์กร  เป็นแนวทางในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างมาตรฐานความยั่งยืน โดยมีการศึกษาข้อมูลและแนวคิดในการพัฒนาโครงการในโซนพระราม4 ตอบโจทย์การลงทุน เชื่อมเมืองให้เกิดศักยภาพมากขึ้น จากการพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสใจกลางเมือง ทำให้เกิดประโยชน์ มูลค่าเพิ่มให้กับประเทศ”

กรุงเทพฯ มีโอกาสแข่งขันสิงคโปร์ได้

ปณต ยังระบุว่า แม้วันนี้อสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ จะมีมูลค่าน้อยกว่าสิงคโปร์ถึง 10 เท่า แต่รายได้กลับต่างกันเพียง 4 เท่า แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่ยังสามารถพัฒนาได้อีกมาก หากรัฐส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานและสร้างกลไกสนับสนุนที่เหมาะสม อสังหาริมทรัพย์ไทยจะสามารถเติบโตและแข่งขันในระดับสากลได้ แต่สิ่งที่สำคัญสุดคือการสร้างเมืองให้มีความยั่งยืน สร้างคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น

ในอดีตอสังหาริมทรัพย์สร้างขึ้นจากผู้ลงทุนหรือเจ้าของ แต่วันนี้เฟรเซอร์สฯ มองลูกค้าเป็นสำคัญ (Customer-centric) “ไม่ใช่” มองแค่มูลค่าเพิ่มขึ้น แต่ต้องใช้การออกแบบเพื่อต่อยอดมากกว่าการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ยกตัวอย่าง โครงการ วัน แบงค็อก จะมีพื้นที่สีเขียวมากถึง 50% ของพื้นที่ทั้งหมด เป็นต้น

“หัวใจสำคัญที่สุดของการเปลี่ยนแปลงสู่ความยั่งยืน คือการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ด้วยมาตรฐานใหม่ ด้วยศักยภาพของมหานครกรุงเทพไม่ได้ด้อยไปกว่าที่ใดในภูมิภาคนี้”

ดังนั้น การพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืนต้องเริ่มจากการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชาชน สร้างพื้นที่สีเขียว และความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งจะช่วยลดอุณหภูมิของเมือง และเพิ่มคุณภาพชีวิตในระยะยาว ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงเป้าหมายสำคัญในการสร้าง “คุณภาพ” และ “ความยั่งยืน” เป็นหัวใจของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แห่งอนาคต

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


“แสนสิริ”ชี้โมเดลยั่งยืนต้องบูรณาการซัพพลายเชน

“แสนสิริ” เผยโมเดลยั่งยืนต้องบูรณาการซัพพลายเชนแนะบริหารจัดการการมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้เสียแต่ละกลุ่มเพื่อกำหนดทิศทางดำเนินงานสร้างความยั่งยืนร่วมกันในระยะยาว โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

นายสมัชชา พรหมศิริ Chief of Staff บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวในงาน Sustainability Forum 2025 หัวข้อ Special Talk: Business on Sustainable Making Track ว่า แสนสิริ มีกรอบแนวคิดเรื่องความยั่งยืนเชิงกลยุทธ์ที่เน้นการ integrated แนวทางปฏิบัติ( framework) ทั้งด้านประเมิน ตั้งเป้าหมาย ดำเนินการ(execute) และติดตาม (tracking) แบบบูรณาการ 

“ความท้าทายก็คือการเข้าใจและ tailor เป้าหมายให้กับแต่ละ stakeholder ในการเดินไปข้างหน้า ​โดยแยกผู้มีส่วนได้ส่วนเสียออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกคือกลุ่มที่ไม่มีนัยยะในเชิง operation โดยตรง เช่น นักลงทุน ผู้ถือหุ้น หน่วยงานภายนอกต่างๆ กับอีกกลุ่มหนึ่งคือกลุ่มที่มีนัยยะต่อ operation โดยตรงเช่น พนักงานและคู่ค้า ซึ่งผมมองว่ากลุ่มหลังเป็นคนสำคัญในการช่วยผลักดันเรื่องความยั่งยืนให้กับองค์กร”

นายสมัชชา   กล่าวต่อว่า ระหว่างการปรับตัวจากเฟสแรกมาเฟสที่สอง เป็นช่วงที่เราได้เรียนรู้หลายๆ เรื่อง องค์กรที่กำลังเริ่มต้นเรื่องนี้ก็อาจจะนำไปปรับพิจารณาให้เข้ากับองค์กรของตัวเองได้ ยกตัวอย่างเรื่องของ Stakeholder engagement/management สำคัญมาก ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมีมากมาย พนักงาน ผู้บริหาร ผู้ถือหุ้น ลูกค้า คู่ค้า นักลงทุน ชุมชน ฯลฯ ที่เราต้องบริหารจัดการการมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้เสียแต่ละกลุ่ม เป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการกำหนดทิศทาง การดำเนินงานเพื่อพัฒนาความยั่งยืนในองค์กร ความท้าทายก็คือการเข้าใจและ tailor เป้าหมายให้กับแต่ละ stakeholder ในการเดินไปข้างหน้า

    โดยแยกผู้มีส่วนได้ส่วนเสียออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกคือกลุ่มที่ไม่มีนัยยะในเชิง operation โดยตรง เช่น นักลงทุน ผู้ถือหุ้น หน่วยงานภายนอกต่างๆ กับอีกกลุ่มหนึ่งคือกลุ่มที่มีนัยยะต่อ operation โดยตรงเช่น พนักงานและคู่ค้า ซึ่งผมมองว่ากลุ่มหลังนี่แหละที่เป็นคนสำคัญในการช่วยผลักดันเรื่องความยั่งยืนให้กับองค์กร 

นายสมัชชา แนะว่า สิ่งที่ต้องสร้าง benefit ให้กับคนบางกลุ่มที่อยู่ใกล้เรื่องพวกนี้ เพื่อทำให้ง่ายสำหรับการเข้าใจและ empower ให้มีส่วนร่วมยกตัวอย่าง มีการตั้งรางวัลอาคารที่จัดการขยะได้ดี กับการแข่งขันแยกขยะ ให้วันหยุดเพิ่ม 2 วันเป็นรางวัลกับพนักงานทั้งอาคาร หรือการจัด workshop เรื่องของ anti-harassment ให้รับรู้ถึงการ identify case การปฏิบัติป้องกันตัวจากเรื่องพวกนี้ และการมอบรางวัลให้กับทีมงานที่ส่งเสริมเรื่องการสนับสนุนสิทธิแรงงานต่างด้าวในไซต์ก่อสร้าง เป็นต้น ในส่วนของคู่ค้า พันธมิตร ต้องช่วยขับเคลื่อนความยั่งยืนไปด้วยกัน

​“ความยั่งยืนในมุมมองของแสนสิริ ต้องบาลานซ์ให้ดีกับการปรับตัวเองไปพร้อมๆ กับการนำพาคู่ค้าไปด้วยกัน เพื่อที่สุดท้ายแล้วจะได้ไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง”

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 4ธ.ค. “แข็งค่าเล็กน้อย” ที่ระดับ 34.36 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.20-34.55 บาท/ดอลลาร์ ส่วนการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ถูกชะลอลงบ้าง ตามการรีบาวด์ขึ้นของบรรดาสกุลเงินหลัก

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 4ธ.ค.2567 ที่ระดับ  34.36 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  34.43 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน  พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai  Global Market ธนาคารกรุงไทยเปิดเผยว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท แม้ว่า เงินบาทจะทยอยแข็งค่าขึ้นมากกว่าที่เราประเมินไว้ แต่เราประเมินว่า การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทก็อาจเป็นไปอย่างจำกัด
เนื่องจากเงินดอลลาร์ก็ยังพอได้แรงหนุนฝั่งแข็งค่าอยู่บ้าง ตราบใดที่รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงออกมาดีกว่าคาด หรือ สะท้อนภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สดใส (ทำให้ธีม US Exceptionalism ยังคงอยู่) 

นอกจากนี้ ราคาทองคำก็ยังขาดปัจจัยใหม่ๆ เข้ามาหนุน ทำให้ราคาทองคำก็ดูจะยังคงอยู่ในภาวะปรับฐาน (Correction) ไปก่อน
อย่างไรก็ดี เงินบาทยังพอได้แรงหนุนฝั่งแข็งค่าบ้าง ตามโฟลว์ธุรกรรมขายเงินดอลลาร์ของบรรดาผู้ส่งออก (ซึ่งเราประเมินว่า น่าจะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นมากกว่าที่เราประเมินไว้)
รวมถึงการทยอยกลับเข้าซื้อสินทรัพย์ไทยของบรรดานักลงทุนต่างชาติ

ตามที่เราประเมินไว้ โดยรวมเงินบาทก็อาจแกว่งตัว Sideways ไปก่อน เพื่อรอรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ และมีโซนแนวรับแถว 34.20-34.30 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่โซนแนวต้านอาจอยู่ในช่วง 34.50-34.60 บาทต่อดอลลาร์  

ทั้งนี้ ควรระวังความผันผวนของเงินบาท ในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลดัชนี ISM PMI ภาคการบริการของสหรัฐฯ รวมถึงยอดการจ้างงานภาคเอกชนโดย ADP
เนื่องจากสถิติในรอบ 1 ปี ที่ผ่านมา สะท้อนว่า เงินบาทสามารถแกว่งตัวเกือบ +/-0.2% ได้ในช่วง 30 นาที หลังรับรู้รายงานข้อมูลดังกล่าว 

ท่ามกลางความผันผวนในตลาดการเงินที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะในช่วงปีหน้าที่จะเผชิญกับ Trump’s Uncertainty
ทำให้เรายังคงแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.20-34.55 บาท/ดอลลาร์ (ระวังความผันผวนในช่วงตลาดรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ)เงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.20-34.55 บาท/ดอลลาร์ (ระวังความผันผวนในช่วงตลาดรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ)


โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยแข็งค่าขึ้น ในลักษณะ Sideways Down (กรอบการเคลื่อนไหว 34.32-34.48 บาทต่อดอลลาร์) ทั้งนี้ เงินบาทมีจังหวะอ่อนค่าลงบ้าง
โดยเฉพาะในช่วงเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ที่มาพร้อมกับการปรับตัวลงของราคาทองคำ หลังรายงานยอดตำแหน่งงานเปิดรับ (JOLTS Job Openings) ของสหรัฐฯ ได้เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 7.744 ล้านตำแหน่ง ดีกว่าที่ตลาดประเมินไว้ราว 7.5 ล้านตำแหน่ง
ทั้งนี้ การแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ก็ถูกชะลอลงด้วยแรงขายทำกำไรสถานะ Long USD ของบรรดาผู้เล่นในตลาด และการรีบาวด์ขึ้นบ้างของบรรดาสกุลเงินหลัก อย่าง เงินยูโร (EUR) ที่สามารถกลับมาแข็งค่าขึ้นทะลุระดับ 1.05 ดอลลาร์ต่อยูโร ได้
หลังผู้เล่นในตลาดประเมินว่า ความวุ่นวายของการเมืองฝรั่งเศสอาจใกล้คลี่คลายลงได้ โดยนายกฯ Michel Barnier อาจพ่ายแพ้ในการโหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจ (No-Confidence Vote) ที่ฝ่ายค้านได้ยื่นญัตติเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ เงินบาทยังพอได้แรงหนุนอยู่บ้างตามโฟลว์ธุรกรรมขายเงินดอลลาร์จากบรรดาผู้ส่งออกในช่วงนี้
 

บรรดาผู้เล่นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังไม่รีบเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้นชัดเจน เพื่อรอลุ้นรายงานข้อมูลการจ้างงาน รวมถึงถ้อยแถลงของประธานเฟด
อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังพอได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ อาทิ Meta +3.5%, Amazon +1.3%
ขณะที่ Tesla -1.6% จากรายงานยอดขายในจีนที่ยังคงลดลง ทำให้โดยรวมดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวขึ้น +0.40% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.05%

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง +0.37% โดยตลาดหุ้นยุโรปยังคงได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นกลุ่มเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth อาทิ ASML +2.1%, Hermes +1.3% ท่ามกลางมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่คงมั่นใจว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะเดินหน้าลดดอกเบี้ยต่อเนื่องได้พอสมควร อย่างไรก็ดี ผู้เล่นในตลาดยังไม่กล้าเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงมากนัก เพื่อรอติดตามสถานการณ์การเมืองของฝรั่งเศส

ในฝั่งตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ เคลื่อนไหวผันผวนพอสมควร โดยมีทั้งจังหวะปรับตัวลดลงต่ำกว่าระดับ 4.20% ก่อนที่จะรีบาวด์ขึ้นต่อเนื่องและทรงตัวแถวระดับ 4.23% หลังรายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ล่าสุด (Job Openings) นั้นออกมาดีกว่าคาด
อีกทั้งถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดในช่วงนี้ ต่างก็ไม่ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า เฟดจะเดินหน้าลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคม

ทำให้ผู้เล่นในตลาดยังคงให้โอกาสราว 74% ที่เฟดจะเดินหน้าลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคมนี้ ทั้งนี้ เรามองว่า หากบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ สามารถทยอยปรับตัวสูงขึ้นต่อได้ ก็อาจเป็นจังหวะในการทยอยเข้าซื้อ (Buy on Dip) บอนด์ระยะยาว เนื่องจาก Risk-Reward ของผลตอบแทนรวม (Total Return) ของบอนด์ระยะยาวนั้นยังมีความน่าสนใจอยู่

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวในกรอบ Sideways โดยเงินดอลลาร์มีจังหวะแข็งค่าขึ้นบ้าง ตามรายงานข้อมูลยอดตำแหน่งงานเปิดรับ (Job Openings) ของสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาด
ทว่าการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ก็ถูกชะลอลงบ้าง ตามการรีบาวด์ขึ้นของบรรดาสกุลเงินหลัก โดยเฉพาะเงินยูโร (EUR) หลังผู้เล่นในตลาดประเมินว่า ความวุ่นวายของการเมืองฝรั่งเศสอาจใกล้คลี่คลายลงบ้าง
นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังคงถูกกดดันจากการทยอยขายทำกำไรสถานะ Long USD ของผู้เล่นในตลาด ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) แกว่งตัวแถวโซน 106.3 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 106.0-106.4 จุด)
ในส่วนของราคาทองคำ จังหวะการปรับตัวขึ้นบ้างของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ รวมถึงภาพรวมของตลาดการเงินที่เดินหน้าเปิดรับความเสี่ยง ยังคงเป็นปัจจัยกดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. 2025) ไม่สามารถปรับตัวขึ้นต่อเนื่องได้ และยังคงแกว่งตัวแถวโซน 2,660 ดอลลาร์

สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่าง ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการบริการ (ISM Services PMI) และยอดการจ้างงานภาคเอกชนโดย ADP ในเดือนพฤศจิกายน
รวมถึงถ้อยแถลงของประธานเฟด Jerome Powell และรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจจากบรรดาเฟดสาขาต่างๆ (Fed Beige Book) ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดได้ อนึ่ง ถ้อยแถลงของประธานเฟดและรายงาน Fed Beige Book จะทยอยรับรู้ในช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสฯ นี้

ส่วนในฝั่งเอเชีย ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานข้อมูลดัชนี Caixin PMI ภาคการบริการของจีน ในเดือนพฤศจิกายน เพื่อประเมินแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน หลังดัชนี Caixin PMI ภาคการผลิตอุตสาหกรรมที่รายงานก่อนหน้านั้น ออกมาดีกว่าคาด

และในฝั่งไทย เราประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อ CPI ของไทยในเดือนพฤศจิกายน อาจปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 1.08% (แทบไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบจากเดือนก่อนหน้า)
ตามอานิสงส์ของฐานราคาสินค้าและบริการในปีก่อนหน้าที่อยู่ในระดับต่ำ โดยเฉพาะในส่วนของราคาน้ำมัน ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI อาจทรงตัวแถวระดับ 0.7%-0.8%

นอกจากนี้ เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตา สถานการณ์การเมืองฝรั่งเศส โดยหากความวุ่นวายเริ่มคลี่คลายลงบ้าง ก็อาจช่วยลดทอนแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าต่อเงินยูโร (EUR) ในระยะสั้นนี้

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 34.34-34.36 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (8.53 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 34.39 บาทต่อดอลลาร์ฯ

ทั้งนี้ เงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย (แม้ในภาพรวมยังเป็นการแกว่งตัวในกรอบแคบๆ) ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ยังไม่ได้รับแรงหนุนมากนักจากรายงาน JOLTS ที่สะท้อนว่า มีการเปิดรับสมัครงานเพิ่มขึ้นในเดือนต.ค. ที่ผ่านมา เนื่องจากตลาดยังอยู่ระหว่างรอติดตามสัญญาณของมาตรการกีดกันทางการค้า และตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ในช่วงที่เหลือของสัปดาห์

โดยเฉพาะตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์เพื่อประเมินแนวโน้มดอกเบี้ยสำหรับการประชุมเฟดเดือนธ.ค. นี้ 

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 34.25-34.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของไทยเดือนพ.ย. ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สกุลเงินเอเชีย

และราคาทองคำในตลาดโลก ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนพ.ย. ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนต.ค. และรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของเฟด 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ไฮพาสดึง “โมเม-ธนัชชา” กลับแดนโสม ลงสนามนัดแรก 7 ธ.ค.นี้

นักตบลูกยางสาวทีมชาติไทย “โมเม” ธนัชชา สุขสด ที่ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในการแข่งขันวอลเลย์บอลอาชีพ โรมาเนีย ฤดูกาล 2024-2025

 โดย “โมเม” ลงเล่นให้กับทีม ราปิดบูคาเรสต์ ทีมเก่าของ “ชมพู่” พรพรรณ เกิดปราชญ์ เซตเตอร์ทีมชาติไทย ที่เคยไปเล่นเมื่อฤดูกาล 2022-2023  และ “โมเม” ทำผลงานติดท็อป 5 ของลีก ล่าสุด ทางเอเจนซี่ GT Sports ออกมาโพสต์ ว่า “โมเม” ธนัชชา สุขสด บีหลังวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย เปิดตัวย้ายกลับไปร่วมทีมโคเรีย เอ็กซ์เพรสเวย์ คอร์ปอเรชัน ไฮพาส อีกครั้ง สโมสรในศึกวอลเลย์บอลลีกเกาหลีใต้ ฤดูกาล 2024-2025 อย่างเป็นทางการ 

 โดยอินสตาแกรมทางการของสโมสร  Korea Expressway Corporation Hi-pass Volleyball Team ได้โพสต์ต้อนรับบีหลัง วัย 24 ปี พร้อมระบุข้อความ ยินดีต้อนรับกลับมาของ ธนัชชา รอติดตามผลงานของนักตบสาวไทยในฤดูกาล 2024-2025 

 ขณะที่ “โมเม” ธนัชชา กล่าวว่า “ตัวเองอยากกลับมาลีกเกาหลีอีกครั้ง และดีใจมากที่ได้รับโอกาสนี้ จะพยายามปรับตัวให้ดีที่สุดอย่างรวดเร็วและช่วยเหลือทีมจากที่เคยฝึกซ้อมเมื่อฤดูกาลที่แล้วกับ โคเรีย เอ็กซ์เพรสเวย์ คอร์ปอเรชัน”

  สำหรับนักตบสาวไทย มีกำหนดการเดินทางมาประเทศเกาหลีใต้ ในช่วงบ่ายของวันที่ 3 ธันวาคมนี้  และคาดว่าจะได้ลงเล่นในเกมแรก ของรอบที่ 3 ที่จะพบกับ เรด สปอร์คส์ ในวันที่ 7 ธ.ค. นี้ ส่วนการดึงโมเม กลับมาเล่นของ ไฮพาส  เป็นการดึงตัวกลับมในฐานะนักกีฬาโควต้าเอเชีย โดยมาแทนนักกีฬาคนเดิมอย่าง Yuni

ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th


7 วิธีลดน้ำหนักอย่างเหมาะสม ฟิตร่างให้เป๊ะ และสุขภาพดี

จำนวนผู้ชายที่มีน้ำหนักเกินเกณฑ์ล้วนต้องเผชิญกับโรคอ้วนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการทำงานที่เร่งรีบ การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง และการใช้ชีวิตในสังคมที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะในกลุ่มหนุ่ม ๆ ที่รับประทานอาหารไม่ดีต่อสุขภาพเป็นประจำ ปาร์ตี้สุดเหวี่ยง และขาดการออกกำลังกาย หากปล่อยทิ้งไว้ อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพร้ายแรง จึงขอแนะนำ 7 วิธีพาร่างคุณผู้ชายให้กลับมาฟิต! ลดน้ำหนักอย่างเหมาะสมต่อรูปร่างผู้ชาย แถมมีสุขภาพดีอยู่เสมอมาฝาก ทำตามได้เลยดังนี้

1.ควบคุมแคลอรี

การเข้าใจวิธีควบคุมปริมาณแคลอรี่ที่ร่างกายได้รับจากอาหารในแต่ละวัน เป็นองค์ประกอบสำคัญในการลดน้ำหนัก  โดยหลักการคือบริโภคให้น้อยกว่าที่ร่างกายต้องการ โดยทั่วไป ร่างกายของผู้ชายควรได้รับแคลอรีอยู่ที่ 1,500-2,000 กิโลแคลอรีต่อวัน หากบริโภคเกินปริมาณดังกล่าว พลังงานส่วนเกินจากอาหารจะถูกเปลี่ยนให้เป็นไขมันแทน ซึ่งจะส่งผลให้มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นไปด้วย

2.งดกินหวาน

กฎในการรับประทานอาหารสุขภาพ เริ่มต้นด้วยการหลีกเลี่ยงขนมหวานทุกประเภท ฟังแล้วอาจดูง่ายสำหรับคุณผู้ชายบางคนที่ไม่ค่อยชอบทานของหวานมาอยู่แล้ว แต่อย่าลืมว่าเครื่องดื่มอย่างโซดา ชา กาแฟ และน้ำผลไม้ ล้วนมีน้ำตาลแอบแฝงอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้น ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว ควรหลีกเลี่ยงอาหารและขนมที่มีน้ำตาลเป็นส่วนผสม และควรบริโภคน้ำตาลไม่เกิน 6 ช้อนชาต่อวัน

3.มีเป้าหมายชัดเจน

ตั้งเป้าหมายการลดน้ำหนักที่สมจริง เป็นไปได้ จะช่วยให้คุณมีสมาธิและมีแรงจูงใจที่จะประสบความสำเร็จ เริ่มต้นด้วยการตั้งเป้าหมายที่สามารถบรรลุได้ เช่น ลดน้ำหนัก 1-2 กิโลกรัมต่อเดือน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ควบคุมได้ ไม่มากเกินไป ไม่สร้างแรงกดดัน และสามารถทำได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว การกำหนดเป้าหมายที่ทำได้ จะทำให้คุณรู้สึกมีพลังและมั่นใจในความสามารถของตัวเองมากขึ้น

4.เน้นกินโปรตีนเป็นหลัก

ผู้ชายสามารถลดน้ำหนักได้เร็ว เพราะร่างกายสร้างกล้ามเนื้อได้ง่าย สารอาหารสำคัญที่ใช้สร้างกล้ามเนื้อ คือ โปรตีน ดังนั้น เมื่อพยายามลดน้ำหนัก สิ่งสำคัญคือต้องไม่เพียงแต่บริโภคคาร์โบไฮเดรตในปริมาณที่เหมาะสมเท่านั้น แต่ยังต้องเพิ่มปริมาณผักและผลไม้ด้วย นอกจากนี้ การเพิ่มปริมาณโปรตีนคุณภาพสูง ไม่มีไขมัน หรือไขมันต่ำ เช่น ไก่ ปลา ไข่ นม ถั่ว หรือธัญพืช ล้วนเป็นแหล่งโปรตีนที่ดีทั้งหมด

5.เลี่ยงอาหารสะสมไขมัน

อาหารทอด ขนมขบเคี้ยวแบบทอด ไขมันเสีย หมูกรอบ ขาหมู หนังไก่ และมันฝรั่งทอด ล้วนเป็นศัตรูตัวฉกาจที่ทำให้ร่างกายได้รับไขมันมากเกินไปและน้ำหนักขึ้นได้ หนุ่ม ๆ จึงควรหลีกเลี่ยงอาหารเหล่านี้ โดยเลือกทานเป็นอาหารต้ม นึ่ง หรือสลัดแทน เพราะจะให้พลังงานน้อยกว่าและช่วยลดน้ำหนักได้ดีจริง

6.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

ออกกำลังกายสม่ำเสมออย่างน้อย 3-5 วันต่อสัปดาห์ ใช้เวลาอย่างน้อย 30-60 นาทีต่อครั้ง ไม่จำเป็นต้องออกแรงมากเกินไป เพราะคุณสามารถเริ่มด้วยกิจกรรมเบา ๆ เช่น เดินเล่นหรือวิ่งบนลู่วิ่ง เน้นการออกกำลังกายแบบทั้งร่างกายแทนที่จะเน้นเฉพาะส่วนใดส่วนหนึ่ง และค่อย ๆ เพิ่มการออกกำลังกายแบบเข้มข้นขึ้น ซึ่งต้องสลับกันระหว่างการออกกำลังกายแบบหนักและแบบเบา หรือใช้อุปกรณ์ออกกำลังกายประเภทใดก็ได้ วิธีนี้จะช่วยให้ร่างกายของคุณเผาผลาญพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

7.ลดกินแป้ง

ผู้ที่พยายามลดน้ำหนักมักกลัวที่จะรับประทานคาร์โบไฮเดรตมากเกินไป และอาจหลีกเลี่ยงโดยสิ้นเชิง แต่อาจลืมว่าร่างกายยังคงต้องการอาหารครบทั้ง 5 หมู่ เพื่อให้ทำงานอย่างเหมาะสม ดังนั้น จึงให้ลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตลงแทนที่จะงดไปเลย แล้วเพิ่มผัก ผลไม้ เพื่อให้รู้สึกอิ่มและลดน้ำหนักได้ดีจริง ไม่เช่นนั้นให้เลือกคาร์โบไฮเดรตคุณภาพ เช่น ข้าวกล้อง ควินัว หรือขนมปังโฮลวีต เป็นต้น

การลดน้ำหนักสำหรับผู้ชายเป็นขั้นตอนทำตามง่าย ถ้าทำได้ก็มีประสิทธิภาพในการลดที่ดี ซึ่งเป็นธรรมชาติและยั่งยืน การนำวิธีการเหล่านี้มาใช้ในชีวิตประจำวัน จะช่วยให้คุณผู้ชายบรรลุเป้าหมายในการลดน้ำหนักได้ โดยไม่รู้สึกว่าขาดอะไรไป  หากคุณจริงจังกับการเริ่มต้นเส้นทางการลดน้ำหนัก ให้เตรียมตัวทั้งทางจิตใจและร่างกาย รวมถึงเตรียมเครื่องมือที่จำเป็นให้พร้อม จากนั้นก็สร้างหุ่นที่ฟิตและเฟิร์มกันได้เลย

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


คำอวยพรเพื่อนภาษาอังกฤษ ความหมายสุดซึ้ง

ในวันเกิดของเพื่อน ชาวต่างชาติมักเขียน หรือกล่าวอวยพรที่มีความหมายลึกซึ้ง วัยรุ่นสมัยใหม่ในไทยเอง ก็นิยมเขียนอวยพรเป็นภาษาอังกฤษให้เพื่อนบนโซเชียลมีเดีย ในการเขียนหรือกล่าวคำอวยพรภาษาอังกฤษ สามารถใช้ประโยคไหนได้บ้างเพื่อให้ได้ความหมายสุดซึ้ง ตามบทความของเราไปดูกัน

อวยพรเพื่อนในวันเกิด แบบสั้น ความหมายดี

  • “Cheers to another fabulous year! Happy birthday!”

(ยินดีด้วยกับอีกปีที่น่าทึ่ง! สุขสันต์วันเกิด!)

  • “Happy birthday, buddy! Let’s celebrate your awesomeness!”

(สุขสันต์วันเกิด เพื่อน! มาฉลองความเยี่ยมยอดของคุณกัน!)

  • “Happy birthday! May your day be as bright as your smile.”

(สุขสันต์วันเกิด! ขอให้วันนี้สดใสเหมือนรอยยิ้มของคุณ)

  • “Happy birthday! Wishing you a day filled with joy and laughter.”

(สุขสันต์วันเกิด! ขอให้วันนี้เต็มไปด้วยความสุขและการหัวเราะ)

  • “Happy birthday, buddy! Let’s make today unforgettable!”

(สุขสันต์วันเกิด เพื่อน! มาทำให้วันนี้เป็นวันที่จำไม่ลืมกัน!)

  • “Wishing you all the best on your birthday. Have a blast!”

(ขอให้คุณสมปรารถนาทุกสิ่งในวันเกิดของคุณ ขอให้สนุกสนานนะ!)

อวยพรเพื่อนในวันเกิด แบบยาว ลึกซึ้งกินใจ

  • “To my amazing friend, happy birthday! You deserve all the happiness in the world.”

(สุขสันต์วันเกิด! เพื่อนที่น่าทึ่งของฉัน เธอควรได้รับความสุขทุกอย่างในโลก)

  • “Happy birthday! Thank you for being an amazing friend. Here’s to many more years of friendship!”

(สุขสันต์วันเกิด! ขอบคุณที่เป็นเพื่อนที่น่าทึ่ง ต่อไปนี้ก็จะมีมิตรของเราอีกหลายปี!)

  • “To my dear friend, happy birthday! May your day be as amazing as you are!”

(สุขสันต์วันเกิด เพื่อนที่รัก! ขอให้วันนี้เป็นวันที่น่าอัศจรรย์เช่นเดียวกับคุณ!)

  • “Wishing you endless happiness and success on your birthday. Enjoy!”

(ขอให้คุณมีความสุขและมีประสบความสำเร็จอย่างไม่สิ้นสุดในวันเกิดของคุณ ขอให้สนุกนะ!)

  • “Sending you lots of love and hugs on your special day. Happy birthday!”

(ส่งความรักและการกอดมาให้คุณในวันพิเศษของคุณ สุขสันต์วันเกิดนะ!)

  • “Happy birthday to the most amazing friend! Your presence brings joy and warmth to my life every day.”

(สุขสันต์วันเกิดสำหรับเพื่อนที่น่ารักที่สุด! ความเป็นมิตรของคุณนำความสุขและความอบอุ่นมาสู่ชีวิตของฉันทุกวัน)

  • “As you celebrate another year of life, I want you to know how much your friendship means to me. Happy birthday, dear friend!”

(ในขณะที่คุณฉลองอีกก้าวหนึ่งของชีวิต ฉันอยากให้คุณรู้ว่ามิตรภาพของคุณมีความหมายสำหรับฉันแค่ไหน สุขสันต์วันเกิดนะเพื่อนที่รัก!) 

  • “To my closest friend, may your birthday be as special as you are to me. Thank you for being an extraordinary friend.”

(สำหรับเพื่อนสนิทที่สุดของฉัน ขอให้วันเกิดของคุณเป็นวันพิเศษเหมือนที่คุณเป็นคนพิเศษของฉัน ขอบคุณสำหรับการเป็นเพื่อนที่น่าทึ่ง)

ขอบคุณข้อมูลจาก engduothailand.com


จีเอเบิล จัดโซลูชัน Cloud-Cybersecurity รับย้ายฐาน Data Center เข้าไทย

จีเอเบิล เผยความพร้อมด้านไอทีโซลูชัน Cloud และ Cybersecurity ขั้นสูง เตรียมรับการย้ายฐาน Data Center เทคโนโลยีขับเคลื่อนอนาคตเศรษฐกิจและภาคธุรกิจองค์กรไทย

จากกระแสการลงทุน Data Center ในประเทศไทยที่ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การตัดสินใจลงทุน Data Center ขนาดใหญ่ของบริษัทระดับโลก ถือเป็นการตอกย้ำศักยภาพของประเทศไทยว่าเป็นประเทศที่มีความแข็งแกร่งด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลและมีความพร้อมรองรับการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคดิจิทัล ทั้งภาคธุรกิจและองค์กรภาครัฐที่โดดเด่นมากที่สุดในอาเซียน

นายอุกฤษฏ์ วงศราวิทย์ ประธานบริหารสายงานปฏิบัติการ และ ประธานบริหารสายงานโซลูชันและเทคโนโลยี บริษัท จีเอเบิล จำกัด (มหาชน) ได้เผยถึงข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับการย้ายฐาน Data Center มายังประเทศไทย ไว้ว่า “การเข้ามาของ Data Center ที่จะมาพร้อมกับแอปพลิเคชัน และการใช้งาน Data Analytics ในการย้ายข้อมูลจาก on premise สู่ on cloud จะส่งผลให้มีโอนถ่ายข้อมูลไปไว้บนคลาวด์กันมากขึ้นในวงกว้าง หมายรวมถึงภาคธุรกิจองค์กรไทยทั้งภาครัฐและภาคเอกชน

ด้วยคุณสมบัติของคลาวด์ที่มีความยืดหยุ่น ปลอดภัย สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามการใช้งาน และควบคุมต้นทุนได้ตามการใช้งาน ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางข้อมูลของ Gartner ที่เผยให้เห็นว่าองค์กรในประเทศไทยมีการลงทุนด้านคลาวด์สูงถึง 592 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีการเติบโตเฉลี่ยมากกว่า 30% จนถึงปี 2026 ประกอบกับปัจจัยการย้ายฐาน Data Center มาที่ประเทศไทย ทำให้การใช้งานคลาวด์ภายในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในส่วนของ Platform-as-a-Service (PaaS)

ซึ่งในมุมของ จีเอเบิล ในฐานะบริษัท Tech Enabler สัญชาติไทย ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของพันธมิตรในหลายภาคธุรกิจองค์กรขนาดใหญ่ของประเทศไทยมาตลอด 35 ปี ด้วยบริการที่ครบวงจรแบบ One Stop Service จีเอเบิล เชื่อมั่นในความพร้อมของทีมงาน IT Developer ที่มี Technical Skill ในระดับสูงกว่า 1,000 คน มีความเชี่ยวชาญด้านโครงสร้างพื้นฐานไอทีระดับองค์กรขนาดใหญ่ ระบบคลาวด์ ระบบ Data Analytics เพื่อให้ข้อมูลพร้อมใช้งานได้จริง รวมถึงระบบการป้องกันความปลอดภัยของข้อมูล Cybersecurity ขั้นสูง ฯลฯ ในการรองรับ Workload ที่จะมาพร้อมกับการย้ายฐาน Data Center ด้วยมาตรฐานการให้บริการระดับสากล

โดย จีเอเบิล สามารถส่งมอบ Customizable Cloud Solutions ที่เหมาะสมกับธุรกิจ, Data Security and Compliance การสร้างระบบความปลอดภัยให้เป็นไปตามมาตรฐาน, Scalability & Cost Efficiency ความสามารถในการรองรับการขยายตัวของธุรกิจและการบริหารจัดการต้นทุนที่เหมาะสม รวมถึง Integrated Cloud Ecosystem การสร้างระบบที่สนับสนุนการทำงานร่วมกันของเทคโนโลยีต่างๆ ฯลฯ

อีกทั้งจีเอเบิลยังได้วาง Business Model ที่มุ่งใส่ใจถึงประโยชน์ของผู้ใช้งานในเรื่องการลดต้นทุนเป็นหลัก เพื่อตอบสนองความยั่งยืนเรื่องรายได้ทางธุรกิจของพันธมิตร (Sustainable Growth) โดยโฟกัส 4 เรื่อง ดังนี้ 1. Automation การทำระบบที่สามารถทำซ้ำได้โดยลดความผิดพลาดของคน 2. Resilience การวางระบบที่สามารถใช้งานได้ในระยะยาวและมีความปลอดภัย 3. Flexible มีความยืดหยุ่นในการใช้งาน สามารถปรับเพิ่ม / ลดทรัพยากรตามการใช้งานได้ 4. Cost Optimization สามารถควบคุมและจัดการค่าใช้จ่ายให้เหมาะสม

นอกจากนี้จีเอเบิลยังมีทีมงานที่เชี่ยวชาญ PaaS ทั้งด้าน Cybersecurity, AI & Analytics และ Cloud Applications Modernization ที่ทำงานร่วมกับลูกค้าอย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากระบบคลาวด์ได้สูงสุด ซึ่งถือเป็นจุดที่แตกต่างจากผู้ให้บริการจากต่างประเทศ และเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญในการให้บริการของจีเอเบิล

“เพราะในยุคที่เทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนอนาคตเศรษฐกิจและภาคธุรกิจองค์กรไทย จีเอเบิลในฐานะผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของธุรกิจองค์กรมากมายของประเทศ ยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าพัฒนาด้านเทคโนโลยีอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อเพิ่มโอกาสที่ไร้ขีดจำกัดและปลดล็อกข้อจำกัดทางเทคโนโลยี เคียงข้างธุรกิจองค์กรไทยสู่การเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน”

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


วิธีเลือกส้มให้รสหวานฉ่ำ เนื้อแน่น ซื้อกินสบายใจ ซื้อฝากไม่ขายหน้า

การเลือกซื้อส้มสักลูก อาจดูเป็นเรื่องง่ายๆ แต่ถ้าอยากได้ส้มที่หวานฉ่ำ เนื้อแน่น อร่อยถูกใจ ก็ต้องมีเคล็ดลับกันบ้างนะคะ เพราะส้มแต่ละลูกก็มีความแตกต่างกันออกไป ทั้งรสชาติ สีสัน และความหวาน วันนี้เราจะพาคุณไปไขปริศนา วิธีเลือกส้มให้ได้ส้มที่อร่อยถูกปาก รับรองว่าหลังจากอ่านบทความนี้แล้ว คุณจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในการเลือกส้มไปเลย

วิธีเลือกส้มให้ได้ส้มรสหวานฉ่ำ

1.ผิวส้มด้านนอก หรือเปลือกส้มจะต้องเรียบ เต่งตึง
2.ผิวเปลือกส้มต้องมีสีส้มมากกว่าสีเขียวเพราะส้มที่เปลือกเป็นสีเขียวมากเกินไปรสชาติจะเปรี้ยว
3.สังเกตผิวส้มจะมีรอยจุดดำหรือที่เรียกว่าขี้มด ซึ่งแตกต่างจากจุดเน่า
4.ผลส้มกลมสวยไม่มีรอยบุ๋ม หรือเบี้ยวผิดรูป
5.ส้มเปลือกบางเรียบ ไม่หนาเกินไป
6.ส้มที่ดีต้องมีน้ำหนักไม่เบาจนเกินไป เพราะหากส้มเบาแสดงว่าส้มลูกนั้นน้ำน้อย ไม่มีรสชาติ
7.เมื่อลองกดลูกส้มแล้วเนื้อไม่ตึง หรือนิ่มยวบจนเกินไป
8.ด้านก้นของผลส้มจะต้องตึง ไม่บุ๋มลึก หรือนูน
9.ขั้วส้มต้องไม่หลุดหรือนูน เพราะหากเป็นเช่นนั้นหมายความว่าส้มผลนั้นอาจจืด น้ำน้อย เนื้อกระด้าง

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 04/12/2567

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a42,950.0043,050.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,782.0042,175.1243,550.00
ทองรูปพรรณ 90%2,503.8037,957.61n/a
ทองรูปพรรณ 80%2,225.6033,740.10n/a
ทองรูปพรรณ 50%1,252.0018,980.32n/a
ทองรูปพรรณ 40%974.0014,765.84n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,883.0043,706.28n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 04/12/2567


ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9536.0536.0536.6536.0536.0536.0536.0536.0536.0536.05
แก๊สโซฮอล์ 9135.6835.6836.2835.6835.6835.6835.6835.6835.6835.68
แก๊สโซฮอล์ E2033.9433.9434.5433.9433.9433.9433.9433.9433.94
แก๊สโซฮอล์ E8533.6933.6933.69
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม44.6449.8449.8449.8444.64
เบนซิน 9544.3449.8144.8444.4944.34
ดีเซล32.9432.9432.9432.9432.9432.9432.9432.9432.9432.94
ดีเซลพรีเมี่ยม44.9447.1449.8447.1447.1444.94
แก๊ส NGV17.9017.9017.90


About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า