Q3 รับสร้างบ้านซึมกำลังซื้อหาย พีดีเฮ้าส์ เปิดสาขาเมืองรองดันยอด
พีดีเฮ้าส์แจงรับสร้างบ้านอีก 3 เดือนยังชะลอตัวต่อเนื่องฉุดกำลังซื้อไตรมาส 3 หาย หันขยายรับงานอินทีเรีย พร้อมเดินหน้าเปิดสาขาใหม่ราชบุรี ตั้งเป้าเจาะกำลังซื้อพื้นที่เมืองรอง รับการขยายตัวความต้องการสร้างบ้านตจว.
นายพิศาล ธรรมวิเศษ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป จำกัด หรือศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ ประเมินความต้องการสร้างบ้านใหม่ของประชาชนทั่วประเทศ ในช่วงไตรมาส 3 ชะลอตัวลง เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา คาดเป็นผลมาจากการประกาศล็อกดาวน์ของรัฐบาล และความไม่เชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 รอบใหม่ และทิศทางเศรษฐกิจในอนาคต กอปรกับความเชื่อของผู้บริโภคบางส่วนในต่างจังหวัด ที่ไม่นิยมปลูกสร้างบ้านในช่วงเข้าพรรษาหรือฤดูฝน ยิ่งส่งผลให้ภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านซบเซาลง
โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล สะท้อนได้จากผู้ประกอบการทั้งรายเล็กรายใหญ่ที่แข่งขันกันสูงมาก ต่างกระหน่ำโปรโมชั่น ลด แจก แถม กันดุเดือด ตัวอย่างเช่น ลดราคาสูงสุด 15-33% หรือต่อเติมฟรีมูลค่าสูงสุด 2 ล้านบาท ฯลฯ
“จากการรวบรวมข้อมูลพบว่า ผู้บริโภคที่เคยวางแผนจะสร้างบ้านในช่วงครึ่งปีหลัง ส่วนใหญ่เลือกที่ชะลอการตัดสินใจปลูกสร้างบ้านออกไปก่อน ด้วยเหตุผลรอดูความชัดเจนของนโยบายภาครัฐในการบริหารจัดการโรคระบาดโควิด-19 และมีความกังวลว่าเศรษฐกิจประเทศจะฟื้นตัวได้ช้า อย่างไรก็ตามความจำเป็นที่ต้องมีบ้านหลังใหม่ เพื่อใช้เป็นทั้งที่อยู่อาศัยและสถานที่ทำงาน (Work from home) หรือเป็นเซฟโซนในการใช้ชีวิตแบบ New Normal ที่พฤติกรรมของผู้คนในสังคมเปลี่ยนไป โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อมากพอ ความต้องการสร้างบ้านหลังที่ 2 ในต่างจังหวัด จึงเกิดขึ้นและขยายตัวขึ้นตามลำดับในช่วงปีนี้และในอนาคต”
พีดีเฮ้าส์เองก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงผลกระทบที่เกิดขึ้นและการแข่งขันที่รุนแรงดังกล่าว สังเกตได้จากจำนวนผู้บริโภคที่สนใจสร้างบ้านติดต่อเข้ามาลดลงถึง 30% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงไตรมาสก่อน ดังนั้นจึงต้องหันมาปรับกลยุทธ์การขายและการตลาด โดยมุ่งเน้นสื่อสารถึงความแตกต่างและมาตรฐานด้านการให้บริการก่อน-หลังการขาย กระบวนการก่อสร้าง คุณภาพผลงานเมื่อสร้างแล้วเสร็จ และทีมงานผู้เชี่ยวชาญ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าเป้าหมายเฉพาะกลุ่มมากขึ้น ภายใต้แบรนด์พีดีเฮ้าส์ ที่มีสาขาให้บริการทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมทั้งในต่างจังหวัด
นอกจากนี้ ยังเพิ่มการให้บริการออกแบบ-ตกแต่งภายในและจัดสวนแบบครบวงจร ซึ่งจากการปรับกลยุทธ์แข่งขันดังกล่าว ส่งผลให้สามารถทำยอดขายบ้านในไตรมาส 3 คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 210 ล้านบาทเศษ เติบโตสวนทางกับตลาดที่ซบเซาและทำให้ยอดขาย 9 เดือนที่ผ่านมา มีมูลค่ารวมทุกสาขาเกือบ 800 ล้านบาท โดยลูกค้าที่ใช้บริการสร้างบ้านจำแนกออกเป็นกลุ่มราคาบ้าน 2-3 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 18% กลุ่มราคาบ้าน 3-5 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 38% กลุ่มราคา 5-10 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 36% และกลุ่มราคาบ้าน 10 ล้านบาทขึ้นไป คิดเป็น 8%
ด้าน น.ส.ถิรพร สุวรรณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท พีดี เฮ้าส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ในฐานะผู้บริหารสิทธิ์และมาตรฐานธุรกิจรับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาพรวมของตลาดรับสร้างบ้าน 9 เดือนแรกที่ชะลอตัว ทำให้บริษัทฯ ต้องหันมาปรับกลยุทธ์การขายและการตลาด เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์และพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบัน ทั้งการปรับวิธีการสื่อสารกับลูกค้าที่เน้นสร้างความรู้ความเข้าใจต่อผลิตภัณฑ์และบริการ เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสีย-ข้อแตกต่าง พร้อมให้คำปรึกษาในรายละเอียดการก่อสร้างที่คนอยากสร้างบ้านต้องรู้ เพื่อให้ลูกค้าคลายความกังวลใจและป้องกันการเกิดข้อขัดแย้งหรือความเข้าใจผิดในอนาคต โดยไม่เลือกใช้วิธีตั้งราคาสูงแล้วหั่นราคาหรือลดราคาเกินจริง หรือกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจด้วยราคา ไม่ใช่ที่ตัวผลิตภัณฑ์และบริการอย่างแท้จริง
สำหรับ ไตรมาสสุดท้ายยอมรับว่าคาดการณ์ตลาดรับสร้างบ้านได้ยาก เนื่องจากยังคงมีปัจจัยลบอยู่รอบด้าน ทั้งเรื่องของเศรษฐกิจ การเมือง และการแพร่ระบาดของโควิด19 แม้ภาครัฐจะพยายามเร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชนแต่ก็ยังไม่ครอบคลุมมากพอทำให้ผู้บริโภคยังมีความกังวล รวมถึงปัญหาน้ำท่วมขังจากอิทธิพลของพายุโซนร้อน “เตี้ยนหมู่” ทำให้เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่ภาคอีสาน ส่งผลกระทบจนทำให้ได้รับความเสียหาย เช่น น้ำท่วมบริเวณโดยรอบหรือใกล้เคียงไซต์งานก่อสร้าง ต้นทุนค่าขนส่ง หรือการขนส่งวัสดุที่ล่าช้าออกไป และคาดการณ์จะทำให้สถานการณ์ตลาดรับสร้างบ้านชะลอตัวต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามพีดีเฮ้าส์เองก็คงต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค ตามแผนปลุกกำลังซื้อในช่วงโค้งสุดท้ายปีนี้ พร้อมกันนี้เตรียมเปิดสาขาใหม่จังหวัดราชบุรี ซึ่งเป็นการขยายสาขาในพื้นที่เมืองรอง เพื่อสามารถเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายได้มากที่สุด รองรับความต้องการของลูกค้าในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง
นอกจากนี้ ในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ ได้เตรียมเปิดตัวแบบบ้านใหม่อีก 1 ซีรีส์ จำนวน 4 แบบ ระดับราคา 5-8 ล้านบาท พร้อมรายการวัสดุ-อุปกรณ์ก่อสร้างภายใต้คอนเซ็ปต์บ้านประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะมีความแตกต่างจากบริษัทรับสร้างบ้านรายอื่น
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ONE CITY CENTRE คว้ารางวัล OFFICE DEVELOPMENT OF THE YEAR 2021 โครงการอาคารสำนักงานระดับลักชัวรี่ บนทำเลศักยภาพสูง ใจกลางกรุงเทพฯ
One City Centre คว้ารางวัล Office Development of the Year – Thailand จาก Real Estate Asia Awards 2021 ด้านนวัตกรรมการจัดการโครงการที่มีประสิทธิภาพโดดเด่นที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตอกย้ำความเป็นผู้นำอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรี่ของไรมอน แลนด์ ด้วยโครงการอาคารสำนักงานที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์การทำงานของคนรุ่นใหม่บนพื้นที่ทำเลศักยภาพสูงบนถนนเพลินจิต
นายกรณ์ ณรงค์เดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) (RML) ผู้นำการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรี่ของประเทศไทย เปิดเผยว่า ไรมอน แลนด์ เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่โครงการ “One City Centre” (OCC) ได้รับรางวัล Office Development of the Year – Thailand ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้กับโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีนวัตกรรมด้านการบริหารจัดการโครงการที่มีประสิทธิภาพโดดเด่นที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งจัดโดย Real Estate Asia Awards 2021
One City Centre (OCC) โครงการอาคารสำนักงานเกรดเอ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างบริษัทกับมิตซูบิชิ เอสเตท (Mitsubishi Estate) บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่น เป็นอาคารที่มีความสูง 61 ชั้น สามารถตอบสนอง และเติมเต็มไลฟ์สไตล์การทำงานของคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง ตั้งอยู่บนพื้นที่รวม 6 ไร่ 28 ตารางวา บนถนนเพลินจิต ซึ่งเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูง แวดล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ติดกับสถานีรถไฟฟ้าเพลินจิต ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ อาทิ เซ็นทรัล เอ็มบาสซี่ (Central Embassy) และโรงแรมระดับ 5 ดาว มูลค่าการลงทุนทั้งโครงการรวม 8,800 ล้านบาท เป็นโครงการที่สมบูรณ์แบบ สามารถตอบสนองความต้องการหน่วยงานหรือองค์กร ที่กำลังมองหาที่ทำการสำนักงานใหม่ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การทำงานยุคใหม่ของผู้เช่าทั้งในประเทศและต่างประเทศ อีกทั้งรางวัลที่ได้รับในครั้งนี้เป็นการการันตีในประสิทธิภาพในการบริหารจัดการโครงการได้เป็นอย่างดี
“ขณะนี้การก่อสร้างโดยรวมของตัวอาคารแล้วเสร็จไปกว่า 60% และนอกจากนี้เรากำลังดำเนินการก่อสร้างในส่วนของพื้นที่สำนักงานตัวอย่าง (Show Unit) ขึ้น เพื่อเป็นการจำลองการตกแต่งออฟฟิศในบรรยากาศจริงไว้รองรับกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาเยี่ยมชมโครงการ โดยคาดว่าแล้วเสร็จในช่วงเดือนธันวาคมนี้ ทั้งนี้ในส่วนของการขายพื้นที่เช่า เราได้มี ซีบีอาร์อี (CBRE) เป็นตัวแทนในการขายเช่า และมีลูกค้าให้ความสนใจติดต่อเข้ามาหลายราย ซึ่งอยู่ในกระบวนการพูดคุย” นายกรณ์ กล่าว
ขอบคุณข้อมูลจาก ryt9.com
คาดขาดดุลงบประมาณปี 65 สูงต้องกู้ชดเชย 1 ล้านล้านบาท
คาดขาดดุลงบประมาณปี 65 สูง ต้องกู้ชดเชย 1 ล้านล้านบาท แตะระดับสูงสุดในรอบหลายทศวรรษ
ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ม. รังสิต กล่าวถึง ผลกระทบจากน้ำท่วมครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 29-30 จังหวัด คิดเป็น 28-32% ของจีดีพีประเทศ ผลกระทบดังกล่าวฉุดการกระเตื้องขึ้นทางเศรษฐกิจจากการเปิดประเทศที่คาดว่าจะมีรายได้จากการท่องเที่ยวเข้ามาในช่วงไตรมาสสี่ไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท
อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์น้ำท่วมสามารถบริหารจัดการได้ไม่ให้ท่วมในส่วนที่เป็นเขตนิคมอุตสาหกรรม หรือ ย่านศูนย์กลางทางเศรษฐกิจในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล คาดว่า ผลกระทบจากน้ำท่วมยังอยู่ในวงจำกัดไม่สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจมากนัก
ส่วนประชาชนฐานรากและภาคเกษตรกรรมเสียหายอย่างหนักนั้น รัฐบาลต้องจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อชดเชยความเสียหายในทรัพย์สินและอุปกรณ์ในการประกอบอาชีพ รวมทั้งชดเชยรายได้บางส่วน
ดร. อนุสรณ์ คาดว่า งบประมาณปี 65 จะมีการขาดดุลงบประมาณสูงที่สุดในรอบหลายทศวรรษ โดยจะมีการขาดดุลไม่ต่ำกว่า 1 ล้านล้านบาทเพิ่มจากที่ประมาณการเดิมไว้ที่ 7 แสนล้านบาท เนื่องจากรายได้จากเก็บภาษีจะพลาดเป้าค่อนข้างมากและโอกาสในการเก็บภาษีได้สูงกว่า 2.563 ล้านบาทในระดับเดียวกับปี 2562 นั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลย
สำหรับ เรื่องการขยับเพดานหนี้สาธารณะต่อจีดีพีจากระดับ 60% ไปเป็น 70% นั้นมีความจำเป็น เพราะหากไม่ขยับโดยฐานะทางการคลังในปัจจุบันและอนาคตอีก 1 ปีข้างหน้า สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีพุ่งเกิน 60% อยู่แล้ว รัฐบาลต้องพยายามควบคุมการก่อหนี้ในแต่ละปีและต้องทำให้การขาดดุลงบประมาณลดลง และ รัฐบาลในอนาคตต้องทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจเกิดขึ้นอย่างเต็มศักยภาพในระดับ 5-6% จึงจะทำให้ หนี้สาธารณะต่อจีดีพีปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับ 60% ของจีดีพีในอีก 10 ปีข้างหน้า
“ในกรณีที่เศรษฐกิจเติบโตได้น้อยกว่า 1% หนี้สาธารณะต่อจีดีพีจะทะลุ 80% และ รัฐบาลในอนาคตในช่วงปี พ.ศ. 2570 อาจจะขยายเพดานหนี้อีกครั้งหนึ่ง” ดร. อนุสรณ์ กล่าว
ดร. อนุสรณ์ กล่าวว่า หากตั้งสมมติฐานจากข้อมูลในอดีต การตั้งงบประมาณรายจ่ายประเทศอยู่ที่ 20-22% และรายได้รัฐบาลสามารถจัดเก็บได้ 17-18% ของ GDP ทำให้ต้องทำงบประมาณขาดดุลมาตลอดนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548-2549 และรัฐบาลต้องกันเงินงบประมาณอย่างน้อย 3.5-4% ของงบประมาณเพื่อชำระคืนเงินกู้และต้องพยายามทำให้งบประมาณสมดุลให้ได้ภายในปี พ.ศ. 2573-2574 การใช้จ่ายจากงบประมาณต้องดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใส
นอกจากนี้ ควรต้องปฏิรูประบบภาษีให้ประเทศสามารถหารายได้จากภาษีทรัพย์สิน ภาษีบาป ได้เพิ่มขึ้นอีกและทยอยลดการค้ำประกันให้กับรัฐวิสาหกิจ ปฏิรูปรัฐวิสาหกิจให้เป็นภาระต่องบประมาณน้อยลง กิจการใดที่เอกชนสามารถทำได้ดีกว่ารัฐวิสาหกิจให้เพิ่มบทบาทภาคเอกชน
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
ต้านไม่ไหว! สุพรีม ชลบุรี พ่าย อัลทาย 0-3 เซต ลูกยางชิงแชมป์เอเชีย
การแข่งขันวอลเลย์บอลสโมสรหญิง ชิงชนะเลิศแห่งเอเชีย ครั้งที่ 21 “พีพีทีวี วอลเลย์บอลสโมสรหญิง เอสโคล่า 2021” ที่ จังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย เป็นเจ้าภาพ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 3 ตุลาคม 2564
สุพรีม ชลบุรี-อี.เทค สโมสรจากไทย ลงสนามเกมที่สามในรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มบี พบกับ อัลทาย ทีมแกร่งจาก คาซัคสถาน โดยทั้งคู่ต่างเก็บชัยมาได้ในสองเกมด้วยกัน ทำให้เกมนี้ถือเป็นการแย่งแชมป์กลุ่ม
เกมนี้ “โลมาสีชมพู” จัดทัพนำโดย ปลื้มจิตร์ ถินขาว, โสรยา พรมหล้า, สุทัตตา เชื้อวู้หลิม, วิภาวี สีทอง, วรัญญา ศรีละออง, วัชรียา นวลแจ่ม และ ปิยะนุช แป้นน้อย ลงสนามก่อน
เปิดเซตแรก รูปเกมสูสีทีเดียวแต่ในช่วงท้าย อัลทาย เป็นฝ่ายทำได้ดีกว่าเอาชนะไปก่อน 25–23 เซตสอง ทีมดังจากคาซัคสถาน เร่งเกมทำแต้มออกนำก่อนเอาชนะไปได้ขาด 25-12 เข้าสู่เซตสาม สุพรีม ชลบุรี-อี.เทค จะพลาดอีกไม่ได้ แต่สุดท้ายก็มาแพ้ไปอีก 14-25 ทำให้แพ้ไป 0-3 เซต
ทำให้ สุพรีม ชลบุรี-อี.เทค จบเป็นอันดับที่ 2 ของกลุ่มบี ผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศไปพบกับ โชโก มูโซ สโมสรจาก ฟิลิปปินส์ ทีมอันดับ 3 ของกลุ่มเอ ขณะที่ อัลทาย แชมป์กลุ่มเอ ได้สิทธิ์ผ่านเข้าสู่รอบรองฯ ทันที
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
วิธีทำ “โซเชียลดีท็อกซ์” จากสื่อสังคมออนไลน์ พักสมอง-ลดเครียด
การใช้งานสื่อสังคมออนไลน์อาจทำให้ร่างกายและจิตใจได้รับผลกระทบ เช่น การรับข้อมูลข่าวสารมากเกินไปการถูกกระตุ้นทางอารมณ์อย่างรุนแรง รวมทั้งการถูกกลั่นแกล้งหรือถูกวิพากษ์วิจารณ์ จึงควรทำโซเชียลดีท็อกซ์ (Social Detox) เพื่อบำบัดการได้รับผลของสื่อสังคมออนไลน์ โดยลดการใช้ให้น้อยลง เพื่อลดการรับข้อมูลข่าวสารล้างสารพิษจากสื่อสังคมออนไลน์ และฟื้นฟูสภาพจิตใจ
วิธีทำโซเชียลดีท็อกซ์ด้วยตนเอง
อ. นพ.ชาวิท ตันวีระชัยสกุล โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ระบุวิธีทำโซเชียลดีท็อกซ์ด้วยตนเองเอาไว้ ดังนี้
- ปิดแจ้งเตือนในช่วงพัก
สมองจะเกิดการตอบสนองต่อเสียงและการสั่นแจ้งเตือน ทำให้ร่างกายต้องตรวจเช็กการแจ้งเตือนของโทรศัพท์อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งอาจกระตุ้นความกังวลและเพิ่มความกลัวการอยู่คนเดียว - กำหนดเวลาใช้งานโทรศัพท์
กำหนดเวลาการใช้โทรศัพท์และสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ เช่น พักการใช้งานทุก 30 นาที หรือกำหนดการใช้งานครั้งละ 5-10 นาที - ทำโซเชียลดีท็อกซ์ทุกวันหยุด
วันหยุดเป็นช่วงเวลาพักผ่อนซึ่งเหมาะกับการใช้ชีวิตโดยปราศจากอินเทอร์เน็ตสื่อสังคมออนไลน์ หรือใช้ให้น้อยที่สุด เพื่อให้ร่างกายและสมองได้ผ่อนคลาย - ซึมซับบรรยากาศแบบออฟไลน์
การปิดโทรศัพท์ การใช้ชีวิตแบบออฟไลน์ การไม่ลงภาพหรือสถานะในสื่อสังคมออนไลน์และการทำกิจกรรมนอกหน้าจอ เช่น อ่านหนังสือ ท่องเที่ยว สนทนากับเพื่อน ใช้เวลาร่วมกับญาติหรือครอบครัว เพื่อรับประสบการณ์นอกสื่อสังคมออนไลน์อย่างเต็มที่ - จัดการเนื้อหาของข้อมูลที่ได้รับ
เลือกรับข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ ลดการติดตามผู้มีอิทธิพลบนสื่อสังคมออนไลน์ (Infuencer) ที่ไม่ได้ประโยชน์ และเลือกติดตามเฉพาะคนที่ทำให้เรารู้สึกดีและมีความสุข - งดเล่นโทรศัพท์ก่อนนอน
แสงไฟจากหน้าจออุปกรณ์ หรือโทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟนจะกระตุ้นให้สมองทำงานมากขึ้นและลดการทำงานของสารเมลาโทนินที่ช่วยในการนอนหลับ ทำให้นอนหลับได้ยากขึ้น
คำแนะนำจากแพทย์
หากทำโซเชียลดีท็อกซ์แล้วยังมีความรู้สึกว่าตนเองได้รับผลกระทบจากการใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ เช่น รู้สึกเครียด เศร้า หรือหดหู่ติดต่อกันเป็นเวลานาน ควรรีบปรึกษานักจิตวิทยา หรือจิตแพทย์
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
จะบอกว่าไม่เชื่อพูดอย่างไรในภาษาอังกฤษ
แอดละปวดหั๊ว ปวดหั๊ว ในโลกนี้คงไม่มีคำพูดไหนที่เชื่อถือไม่ได้มากสุดเท่าเราจะทำตามสัญญา… เอ่อ หมายถึงเพื่อนน่ะค่ะ มันสัญญาเดี๋ยวพรุ่งนี้จะคืนตังค์ พรุ่งนี้มาหลายอาทิตย์และ สงสัยพรุ่งนี้ของเรามันไม่เท่ากัน ฮ่าๆ เมื่อเพื่อนๆต้องมาฟังคำพูดหลอกลวงได้ยินทีไรก็รู้สึกไม่เชื่อ แล้วควรจะตอบกลับอย่างไรในภาษาอังกฤษดี? วันนี้แอดจึงมีประโยคที่น่าสนใจในการบอกว่าไม่เชื่อมาให้ได้อ่านกัน บางข้อมีตัวอย่างการใช้ด้วยน้า จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย…
เริ่มต้นกันที่ประโยคพื้นฐานอย่าง I don’t believe you. จะใช้ในกรณีที่เราไม่เชื่อกับสิ่งที่ที่คนคนนั้นพูดออกมา หรือ I don’t trust you ที่เป็นการไม่เชื่อในตัวคนพูดคนนั้น อีกทั้งยังมี
You’re kidding. และ You’re pulling my leg.
สองประโยคนี้มีความหมายคล้ายกันประมาณว่า ชั้นไม่เชื่อหรอก แกกำลังล้อเล่นแน่ๆ เช่น
- A : He’s obviously falling in love with you.
- B : You’re kidding. No way!
แกก็ว่าไป ไม่มีทาง0.0 แต่ในใจฝันถึงวันแต่งงานของเราไปแล้วเรียบร้อย ฮ่า ๆ
That’s a bit of an exaggeration.
คำว่า exaggeration มีความหมายว่า การกล่าวเกินจริง ดังนั้น ประโยคนี้จึงใช้พูดถึงสิ่งที่ได้ฟังมาว่า มันเว่อร์ไปหน่อยนะนั่น เชื่อไม่ได้หรอกนั่นเอง เช่น
- A : I’ve heard that our boss’s house is like a palace, and there is a huge fountain at the front.
- B : That’s a bit of an exaggeration. I saw it. It’s just a small one.
You’re stretching the truth.
เราอาจจะเคยเห็นคำว่า stretch กันบ่อยๆ เพราะ คำนี้เป็นกริยา มีความหมายว่า ยืดออก ประโยคนี้ก็เหมือนกับการยืดขยายความจริงออกไป โดยใส่สีตีไข่เพิ่มเรื่องโกหก เป็นอีกวิธีพูดที่แสดงถึงว่า คนพูดคิดว่าสิ่งที่ได้ฟังมาเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ
You’re not telling the whole truth.
ประโยคนี้ความหมายค่อนข้างตรงตัว นั่นคือ “แกไม่ได้กำลังพูดความจริงทั้งหมด” ก็สามารถแสดงถึงความไม่เชื่อได้เช่นกัน ชั้นรู้ทันนะจ๊ะพส
Yeah, right.
การตอบกลับแบบนี้ค่อนข้างใส่ความจิกกัด เสียดสีเข้าไปด้วย ในเชิงว่า จ้า ๆ ชั้นไม่เชื่อเธอหรอก หรือชั้นไม่สนใจหรอกก็ได้ เช่น
- A : I am the most popular student in this school.
- B : Yeah, right.
(อือ จ้า แต่ในใจก็คิดว่าไม่เชื่อหรอกย่ะ)
Your story is fishy.
เจอคำว่า fishy ที่ไร กลิ่นลอยมาเลยทีเดียว >< เพราะน้องมีความหมายว่ามีกลิ่นคาวนั่นเอง ประโยคด้านบนจึงสามารถแปลได้ในเชิงว่า แหม เรื่องของแกนี่มันมีกลิ่นตุ ๆ ไม่น่าไว้วางใจ น่าสงสัยนะเนี่ย ชั้นไม่เชื่อหรอก
That’s an outright lie.
การใช้คำว่า outright มีความหมายว่า โดยสมบูรณ์ จะค่อนข้างเป็นวิธีการตอบกลับที่ตรงตัว และรุนแรงมาก ถ้าเราใช้คำนี้พูดตอบกลับไป ก็จะมีความหมายในเชิงว่า แกโกหก ชั้นไม่เชื่อ สิ่งที่ฟังมานี่มันไม่มีความจริงอะไรเลย
That’s a pack of lies.
ถ้าเราได้ยินสิ่งใดมาแล้วคิดว่ามันเต็มไปด้วยเรื่องโกหก ก็สามารถใช้ประโยคนี้ตอบกลับไปได้ เช่น
- A : I heard that your country is very peaceful and people live happily without poverty.
- B : Oh, that’s a pack of lies. เป็นต้น หึหึ
You could have fooled me.
การใช้คำว่า fool ก็เป็นกริยาแปลว่า หลอกได้เช่นกัน ดังนั้น ประโยคนี้ก็สามารถใช้พูดเวลาเราไม่เชื่อในสิ่งที่ใครกำลังพูดได้ เช่น
- A : He’s a nice guy.
- B : You could have fooled me! I’ve heard he cheated on his ex.
จะบ้าเหรอ โกหกแล้ว
Tell me another (one)
เป็นการตอบกลับแนวจิกกัด เสียดสีอีกเช่นกัน แต่จะให้ความหมายในเชิงเล่น ๆ ว่า สิ่งที่ได้ยินนั้นมันไม่จริงแน่ๆ ไม่มีทางจะเกิดขึ้น จนทำให้คนพูดเนี่ย ยิ่งพูดยิ่งดูตลก เช่น
- Mommy : I was at the library and worked all day, I swear!
- Son : Yeah, right, tell me another one.
แต่ชั้นเห็นแกที่ร้านเกมส์ไง เจ้าลูกรัก!
Come on
สุดท้าย จริงๆเราสามารถพูด come on ได้กับหลายสถานการณ์มากๆเลยนะคะ โดยส่วนใหญ่เช่นเวลาที่เราจะกระตุ้นใครให้ทำอะไร ก็ใช้ได้ เช่น Come on! You can do it. แต่ในสถานการณ์นี้ เราก็สามารถใช้คำพูดนี้ในการตอบกลับเชิงไม่เชื่อในสิ่งที่ใครกำลังพูดได้ เช่น
- A : I’m gonna give your money back tomorrow.
- B : Come on! Only a fool would believe you! You’ve told me ten times.
ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th
Big Data ตัวหลักในการขับเคลื่อนกลยุทธ์องค์กร ให้รอดได้ในยุคโควิด-19
สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยืดเยื้อมาเป็นระยะเวลามากกว่า 1 ปีแล้ว และดูแนวโน้มยังไม่มีทีท่าว่าจะกลับสู่ภาวะปกติได้เมื่อไร แต่ที่แน่ๆ ผลกระทบของการแพร่ระบาดครั้งนี้ ได้เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของผู้คน สภาพสังคม และสภาพเศรษฐกิจจากก่อนหน้าอย่างมากมาย ผู้คนส่วนใหญ่ต้องกักตัวอยู่กับบ้าน หรือที่พัก ใช้เวลาเกือบทั้งหมดอยู่แต่ในที่พัก บ้านจึงเป็นทั้งที่อยู่อาศัย ที่เรียนออนไลน์ หรือแม้แต่ที่ทำงาน เป็นยุคที่ผู้คนส่วนใหญ่ทำงานจากที่บ้าน (Work from Home)
เมื่อผู้คนส่วนใหญ่อยู่ภายในบ้าน ช่องทางหลักในการสื่อสารหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ จึงต้องใช้ช่องทางออนไลน์ ด้วยอุปกรณ์การสื่อสารไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ ซึ่งแต่ละวันผู้คนใช้เวลาอยู่บนโลกออนไลน์หลายชั่วโมง โดยเฉพาะแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียประเภทต่างๆ
โควิด-19 คนสื่อสารกว่า 6 พันล้านข้อความ
แต่การสื่อสารในโลกออนไลน์ที่มีความรวดเร็ว และมีปริมาณข้อมูลมหาศาล แน่นอนว่ามีโอกาสที่การสื่อสารจะผิดพลาด ผิดวัตถุประสงค์ ถูกตีความผิด หรือแม้แต่การสื่อสารจากฐานข้อมูลที่ไม่ถูกต้องได้ ไม่ว่าจะตั้งใจหรือเกิดจากความผิดพลาดของข้อมูลก็ตาม ผลกระทบจากความผิดพลาดดังกล่าว นำมาซึ่งความ
เสียหายมหาศาล โดยเฉพาะปัจจุบันมีการสร้างข่าวปลอม หรือ เฟกนิวส์ (Fake News) เกิดขึ้นมากมายบนโลกออนไลน์
นายภูกิจ ดิศธรานนท์ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรียล สมาร์ท จำกัด ผู้เชี่ยวชาญการบริหารจัดการ Real-time Online Data และวิเคราะห์ข้อมูลบนโลกออนไลน์ เล่าว่า ปัญหาเฟกนิวส์ เกิดขึ้นมานานแล้วตั้งแต่ก่อนเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งวิธีการบริหารจัดการปัญหาเฟกนิวส์นั้น เบื้องต้นผู้รับสารจะต้องนำข้อมูลมาวิเคราะห์ให้ได้ว่า ข้อมูลนั้นเป็นข้อเท็จจริง (Fact) หรือ ความคิดเห็น (Opinion) หากเป็นข้อเท็จจริงจะต้องพิสูจน์ได้ แต่ความเห็นไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าอะไรถูกหรือผิด ซึ่งสิ่งที่จำเป็นมากที่สุดของการสื่อสารในภาวะโควิด-19 ที่ทุกคนต้องมี คือ สติในการสื่อสาร ทั้งรับสารและส่งสาร เพื่อที่จะสามารถคัดกรองข้อมูลได้ถูกต้อง และสามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ไม่เพียงแต่ปัญหาเฟกนิวส์เท่านั้น แต่สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังพบว่า โลกออนไลน์มีปริมาณข้อมูลข่าวสารที่มากมายมหาศาล เพราะทุกคนถูกจำกัดการเคลื่อนไหวอื่น ๆ มีเพียงโลกออนไลน์ที่ยังสามารถใช้กันได้อย่างเสรี มีการประเมินว่าในปีนี้ปริมาณข้อมูลการสื่อสารบนโลกออนไลน์จะมีมากขึ้นถึง 6,000 ล้านข้อความ จากปีที่ผ่านมามีปริมาณ 5,000 ล้านข้อความ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วง 5 ปีก่อนหน้านี้ที่มีเพียง 500 ล้านข้อความเท่านั้น หากแบรนด์สินค้าหรือบริการจะทำการสื่อสารบนโลกออนไลน์ในปัจจุบัน จำเป็นต้องมีระบบการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามเป้าหมายที่ต้องการ
สื่อสารอย่างมีสติ-สร้างสรรค์ เพิ่มพลังบวก
“ในยุคโควิดทุกคนถูกจำกัดความเคลื่อนไหว และหันมาเคลื่อนไหวบนโลกออนไลน์ทั้งหมด ทำให้ตัวแมสเสจและแอคทิวิตี้ต่าง ๆ มันสูงขึ้นมาก ทุกแบรนด์หันมาโฟกัสออนไลน์แบบ 100% การติดต่อสื่อสารผ่านออนไลน์ จึงควรมีสติในการใช้ เพราะสถานการณ์โควิดทุกคนมี emotional สูงมาก มีความอ่อนไหวต่อเรื่องราวบนโลกออนไลน์ จึงต้องมีสติในการใช้งาน และมีการคัดกรองข้อมูลก่อน แบรนด์จะต้องยกระดับการสื่อสาร ต้องเน้นในเรื่องดี ๆ ให้คนจรดจำ แบรนด์จะต้องเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสังคม แบรนด์ต้องสื่อสารกำลังใจเป็นพลังบวกมากกว่าการเติมพลังลบ แต่อาจจะสื่อสารข้อเท็จจริงบางอย่างได้”
Big Data Real-time ปกป้องแบรนด์เมื่อมีปัญหา
ด้วยปริมาณข้อมูลมหาศาล ที่เรียกว่า บิ๊กดาต้า (Big Data) และจำนวนผู้เล่นที่มากมาย แน่นอนว่า การบริหารจัดการข้อมูลให้มีประสิทธิภาพจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ ซึ่งต้องมีทั้งกระบวนการจัดการและเครื่องมือที่เข้ามาช่วยในการจัดการ เพื่อตอบโจทย์และความต้องการได้ตรงตามวัตถุประสงค์
คุณภูกิจ อธิบายเพิ่มเติมว่า บิ๊กดาต้ามีความสำคัญต่อธุรกิจและองค์กร เพราะสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับทุกแผนก รวมถึงสามารถนำมาใช้ในการปกป้องแบรนด์เวลาเกิดปัญหาต่างๆ ในโลกออนไลน์ได้ เพราะจะทราบว่าแบรนด์มีการทำอะไรที่ผิดพลาดจากการดูในบิ๊ก ดาต้า และก็จะสื่อสารหรือเข้าไปแก้ไขในจุดนั้น หรือการนำมาใช้ปรับปรุงประสิทธิภาพการบริการลูกค้า เพื่อแก้ไขปัญหาลูกค้าไม่พอใจได้เช่นกัน
“ตอนนี้ ทุกๆ องค์กรพยายามเอาบิ๊กดาต้ามาใช้ โดยเฉพาะดาต้าเรียลไทม์ ใช้สร้างแคมเปญต่างๆ ให้เกิดประโยชน์มากขึ้น หรือเอาไว้ป้องกันเวลาที่มีความเสียหายต่อแบรนด์บนโลกออนไลน์ สองเทรนด์ที่กำลังเกิดขึ้นปัจจุบันและกำลังขยายมากขึ้นในอนาคต”
ประโยชน์ของการนำบิ๊กดาต้ามาใช้ในการดำเนินธุรกิจในยุคปัจจุบัน คือ การเป็นเครื่องมือในการช่วยหาอินไซต์ของผู้บริโภค ที่สามารถทำได้อย่างรวดเร็วและมีความแม่นยำสูง แม้ว่าหัวใจหลักของการสื่อสาร จะเป็นเรื่องของคอนเทนต์ที่ต้องดี และเหมาะสมในแต่ละแพลตฟอร์มของสื่อออนไลน์ ซึ่งการเลือกใช้ช่องทางการสื่อสารในสื่อออนไลน์แต่ละประเภท จะขึ้นอยู่กับกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์สินค้าหรือบริการนั้นๆ เช่น ปัจจุบัน TikTok คือ สื่อออนไลน์ที่กำลังเติบโตและมาแรง หากกลุ่มลูกค้าเป็นกลุ่มวัยรุ่น หรือกลุ่มคนที่เน้นความสนุกสนาน ก็สามารถใช้แพลตฟอร์มนี้ในการสื่อสารได้ในรูปแบบวิดีโอที่มีความสนุกสนานได้ แต่การจะสร้างสรรค์คอนเทนต์ได้ดี จำเป็นจะต้องมีฐานข้อมูลที่ถูกต้องและแม่นยำ ซึ่งการใช้บิ๊กดาต้าจะเป็นตัวช่วยที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะฐานข้อมูลที่ได้เรียลไทม์
“ส่วนสำคัญของการสื่อสารในแต่ละแพลตฟอร์ม คือ การตีโจทย์คอนเทนต์ให้แตก และใช้คาแรกเตอร์ให้ถูก ถ้ามีบิ๊กดาต้ามาเสริม จะทำให้ได้ข้อมูลถูกต้องแม่นยำขึ้น สามารถดูกรณีตัวอย่างที่ทำสำเร็จมาแล้วได้ด้วย โลกอนาคตแข่งขันกันที่ความเร็วของการวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูล ใครมีดาต้าที่เรียลไทม์ ใช้ได้จริง ณ เวลานั้น ก็จะชนะผู้แข่งในธุรกิจเดียวกัน”
คุณภูกิจ กล่าวในตอนท้ายว่า ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 การจัดการบิ๊กดาต้า กลับกลายเป็นโอกาสที่ทำให้ธุรกิจเติบโต ทุกคนต้องหันมาปรับตัว มาพัฒนาใช้ดาต้ากันมากขึ้น และยิ่งการใช้สื่อออนไลน์ขยายตัวเติบโตมากขึ้น มีการใช้อย่างเข้มข้นขึ้น ธุรกิจก็เติบโตขึ้นได้ แม้ว่าภายหลังจากสถานการณ์โควิด-19 จะสิ้นสุดลง การใช้สื่อออนไลน์ก็ยังคงความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ แต่เทรนด์ต่อไปแบรนด์จะเลือกสื่อสารและการทำตลาดแบบเฉพาะเจาะจง (Customize) มากขึ้น เป็นการตลาดแบบผู้ประกอบการกับผู้บริโภคโดยตรง การใช้เครื่องมือสื่อโซเชียลออนไลน์จะเข้มข้นขึ้น ซึ่งบิ๊กดาต้าแบบเรียลไทม์ก็จะมาตอบโจทย์ในเรื่องนี้
“ทุกคนจะลงมาเล่นในสนามการแข่งขันนี้ เพื่อดึงความสนใจจากผู้บริโภค จะมีผู้เล่นในสนามนี้อย่างมหาศาล แต่ทางกลับกัน หากใครบริหารจัดการข้อมูลได้สำเร็จ จะเป็นผลบวกในวงกว้างแบบก้าวกระโดดได้เหมือนกัน จะเห็นแบรนด์ที่สร้างขึ้นมาใหม่ ดังและสำเร็จได้ในชั่วข้ามคืน ซึ่งเป็นผลจากการใช้บิ๊กดาต้าอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ได้เปรียบในการแข่งขัน”
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
“กล้วยปิ้ง” กับประโยชน์ต่อสุขภาพที่มากกว่ากล้วยธรรมดา
กล้วยที่คนญี่ปุ่นนิยมนำมารับประทานส่วนใหญ่นำเข้ามาจากประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งมีราคาถูกและหาซื้อมารับประทานได้ตลอดทั้งปี นอกเหนือจากประโยชน์ของกล้วยสุกแล้ว กล้วยปิ้งยังเป็นอีกทางเลือกของการนำมารับประทานที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย มารู้ประโยชน์ของกล้วยสุก กล้วยปิ้ง และวิธีการปิ้งกล้วยของคนญี่ปุ่นกัน
ประโยชน์ของกล้วยสุก
กล้วย 1 ผลมีพลังงานเพียง 86 กิโลแคลอรี่ แต่อุดมไปด้วยเส้นใยอาหารและสารอาหารที่มีคุณค่าต่อร่างกาย ได้แก่ วิตามิน B1, B2, ไนอะซิน (B3), วิตามินบี B6 และกรดโฟลิก ซึ่งช่วยเสริมการเผาผลาญพลังงานในร่างกายและช่วยให้สุขภาพผิว ผมและเล็บดี เส้นใยอาหารซึ่งช่วยป้องกันอาการท้องผูก ป้องกันการเพิ่มของระดับน้ำตาลในเลือดและช่วยกดการดูดซึมคอเลสเตอรอลเข้าสู่ร่างกาย โพแทสเซียมซึ่งช่วยขับเกลือออกจากร่างกาย ช่วยลดความดันโลหิตและช่วยลดอาการบวมของร่างกาย โพลีฟีนอลซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยชะลอความแก่และป้องกันโรคที่เกิดจากการดำเนินชีวิตประจำวัน กรดอะมิโนทริปโตเฟนซึ่งเป็นกรดอะมิโนสำคัญในการสร้างสารสื่อประสาทเซโรโทนินที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ช่วยลดอาการหงุดหงิดและช่วยให้นอนหลับดี นอกจากนี้กล้วยยังมีแมกนีเซียมสูงซึ่งมีบทบาทสำคัญในการทำให้รู้สึกผ่อนคลายและมีจิตใจเบิกบาน
ประโยชน์ของกล้วยปิ้ง
กล้วยปิ้งมีประโยชน์ต่อสุขภาพนอกเหนือจากกล้วยสุก ดังนี้
- ช่วยบรรเทาอาการท้องผูก
การปิ้งกล้วยจะช่วยเพิ่มปริมาณน้ำตาลโอลิโกแซคคาไรด์ ซึ่งจะเป็นอาหารของแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้ ทำให้สิ่งแวดล้อมในลำไส้ดีขึ้น และส่งผลในการป้องกันท้องผูกได้ดี
- ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง
ร้อยละประมาณ 70 ของภูมิคุ้มกันของร่างกายจะถูกสร้างที่ลำไส้ เมื่อสภาพแวดล้อมในลำไส้ดีจะทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายดีขึ้น อีกทั้งกล้วยร้อนๆ จะช่วยทำให้ร่างกายอุ่นขึ้นซึ่งจะส่งผลให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นด้วย
- มีผลในด้านการลดน้ำหนัก
หากสภาพแวดล้อมในลำไส้ไม่ดี จะทำให้มีแก๊สสะสมอยู่ในลำไส้สูง และส่งผลในการลดการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย ทำให้อ้วนได้ง่าย การรับประทานกล้วยปิ้งที่มีน้ำตาลโอลิโกแซคคาไรด์ในปริมาณสูงจะช่วยให้สภาพแวดล้อมในลำไส้ดี ส่งผลในการขับถ่ายที่เป็นปกติ และช่วยเสริมการเผาผลาญพลังงานของร่างกายได้ดี จึงเป็นวิธีที่ดีในการลดน้ำหนักจากภายใน
วิธีการทำกล้วยปิ้ง
ปิ้งในกระทะ
วิธีทำ
- ปอกเปลือกกล้วยและหั่นให้มีขนาดพอคำ
- ใส่น้ำมันมะกอก น้ำมันมะพร้าว หรือเนยลงไปเล็กน้อยลงในกระทะ นำกล้วยลงไปปิ้งด้วยไฟอ่อน จนทั้งสองด้านเป็นสีน้ำตาล แล้วจึงนำมารับประทานได้ตามชอบ
- ปิ้งด้วยเตาปิ้งขนมปัง
วิธีทำ
นำกล้วยทั้งเปลือกวางบนอลูมิเนียมฟอยล์ และนำไปปิ้งในเตาปิ้งขนมปังด้านละ 7-8 นาที จนเปลือกกล้วยดำ แล้วจึงนำมารับประทานได้ตามชอบ
ปิ้งด้วยไมโครเวฟ
วิธีทำ
- ใช้ปลายมีดกรีดด้านใดด้านหนึ่งของเปลือกกล้วยตามความยาวของกล้วย
- นำใส่ภาชนะทนร้อน และนำเข้าไมโครเวฟที่ 600 วัตต์ เป็นเวลา 1-2 นาที หรือจนเปลือกกล้วยมีสีดำ
- นำกล้วยมาปอกรับประทานได้ตามชอบ
นอกจากนี้ก็มีวิธีการปิ้งบนเตาถ่านหรืออบด้วยหม้ออบลมร้อน เป็นต้น
เวลาที่ดีที่สุดในการรับประทานกล้วยปิ้ง
เวลาที่ดีในการรับประทานกล้วยปิ้ง คือ มื้ออาหารเช้า เพื่อเป็นแหล่งพลังงานในการทำกิจกรรมอื่นๆ ตลอดทั้งวัน ในวันที่ยุ่ง กล้วยปิ้งและนมอุ่น ก็ทำให้ร่างกายรับพลังงานที่เพียงพอเพื่อการเรียนหนังสือหรือการทำงาน อย่างไรก็ดี หากรับประทานกล้วยอปิ้งเดียวสามารถรับประทานได้ถึงวันละ 2 ผล แต่หากรับประทานผลไม้อื่นด้วยก็แนะนำให้รับประทานวันละ 1 ผล
บ้านเรามีกล้วยหลากหลายชนิดที่สามารถนำมาปิ้งรับประทานได้ง่าย อย่างไรก็ดี ก็ควรระวังไม่รับประทานในปริมาณที่มากเกินไป และควรหลีกเลี่ยงการรับประทานกับซอสที่มีความหวานจัด
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 04/10/2564
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 27,950.00 | 28,050.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,810.00 | 27,439.60 | 28,550.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,629.00 | 24,695.64 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,448.00 | 21,951.68 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 815.00 | 12,355.40 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 634.00 | 9,611.44 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,876.00 | 28,440.16 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 04/10/2564
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 31.15 | 31.15 | 31.35 | 31.15 | 31.15 | 31.15 | 31.15 | 31.15 | 31.15 | 31.15 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 30.88 | 30.88 | 31.08 | 30.88 | 30.88 | 30.88 | 30.88 | 30.88 | 30.88 | 30.88 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 29.64 | 29.64 | 29.84 | 29.64 | 29.64 | – | 29.64 | 29.64 | 29.64 | 29.64 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 23.44 | 23.44 | – | – | – | – | – | – | – | 23.44 |
เบนซิน 95 | 38.56 | – | – | – | 39.01 | – | 39.06 | 38.56 | – | 38.56 |
ดีเซล B7 | 31.29 | 31.29 | 31.59 | 31.29 | 31.29 | 31.29 | 31.29 | 31.29 | 31.29 | 31.29 |
ดีเซล | 28.29 | 28.29 | 28.59 | 28.29 | 28.29 | 28.29 | 28.29 | 28.29 | 28.29 | 28.29 |
ดีเซล B20 | 28.04 | 28.04 | 28.54 | – | 28.04 | – | 28.04 | 28.04 | – | 28.04 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 36.06 | 36.06 | 38.04 | 37.46 | – | – | – | – | – | 36.06 |
แก๊ส NGV | 15.80 | 15.80 | – | – | – | – | – | – | – | 15.80 |