เกมพลิก!แบงก์เข้มกู้ซื้อบ้านคนหันมาสร้าง-รีโนเวทบ้านแทน
แบงก์เข้มกู้ซื้อบ้านยาก คนซื้อพลิกเกมหันมาสร้าง-รีโนเวทบ้านแทนโดยเฉพาะในต่างจังหวัด ปริมณฑล และกรุงเทพฯ รอบนอกส่วนใหญ่ตั้งงบประมาณการก่อสร้างไม่เกิน 3 ล้านบาท ส่วนงบปรับปรุงใช้เงินออมประมาณ 1.1-3 แสนบาท
สอดคล้องกับผลสำรวจของSCB EIC ที่ระบุว่า บ้านสร้างเองระดับราคามากกว่า 3 ล้านบาทขึ้นไป ได้รับความสนใจจากผู้ที่มีแผนสร้างบ้านซึ่งเป็นอุปสงค์ที่มาจากผู้มีรายได้ระดับปานกลางขึ้นไป ท่ามกลางภาวะที่ความต้องการซื้อจากผู้มีรายได้ระดับปานกลางลงมายังซบเซา ราคาบ้านที่เพิ่มสูงขึ้น และข้อจำกัดด้านพื้นที่บ้านในโครงการบ้านจัดสรร ประกอบกับความต้องการต่อเติมหรือปรับปรุงพื้นที่ใช้สอยในอนาคต
ส่งผลให้ผู้ที่มีที่ดินเป็นของตัวเองหันมาสนใจสร้างบ้านเองแทนการซื้อบ้านในโครงการบ้านจัดสรร โดยเฉพาะในต่างจังหวัด ปริมณฑล และกรุงเทพฯ รอบนอก ที่สะดวกต่อการเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมือง แม้ว่าผู้ที่มีแผนสร้างบ้านเองส่วนใหญ่ยังคงตั้งงบประมาณการก่อสร้างไว้ที่ไม่เกิน 3 ล้านบาท แต่สัดส่วนของผู้ที่ตั้งงบประมาณก่อสร้างไว้เกิน 3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ทั้งนี้ผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 50,000 บาท/เดือน ยังคงต้องการสินเชื่อสำหรับการสร้างบ้าน และมีแนวโน้มการผ่อนชำระคืนสินเชื่อเกิน 30 ปี
การปรับปรุง/ซ่อมแซมบ้านส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากสภาพบ้านที่ทรุดโทรมตามอายุการใช้งาน สะท้อนการใช้จ่ายในการปรับปรุงบ้านตามความจำเป็น ในช่วงที่ยังเผชิญแรงกดดันทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นภาระหนี้ และค่าใช้จ่ายที่อยู่ในระดับสูง ผู้ที่มีแผนปรับปรุงบ้านส่วนใหญ่ตั้งงบประมาณไว้ที่ 1.1-3 แสนบาท โดยใช้เงินออมเป็นหลัก สำหรับการปรับปรุงซ่อมแซมทั่วไป เช่น การปรับปรุงรูปลักษณ์ภายนอกและภายใน เปลี่ยนหลังคา กระเบื้องปูพื้น สุขภัณฑ์ การทาสี
อย่างไรก็ดี ผู้ที่มีแผนปรับปรุงบ้าน ซึ่งเป็นความต้องการปรับปรุงที่มากกว่าความจำเป็นพื้นฐาน เช่น เพิ่มพื้นที่ใช้สอย เปลี่ยนรูปแบบบ้านให้ถูกใจ รวมถึงเพื่อตอบสนองการใช้งานเฉพาะ เช่น พื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยง เด็ก ผู้สูงอายุ ปรับปรุงเป็นพื้นที่ทำงาน หรือพื้นที่อเนกประสงค์อื่น ๆ มากกว่า 40% มีงบประมาณที่ตั้งไว้มากกว่า 3 แสนบาท สะท้อนว่ายังมีกลุ่มที่มีความสามารถในการใช้จ่ายเพื่อปรับปรุงที่อยู่อาศัย ซึ่งจะมีส่วนกระตุ้นตลาดปรับปรุงซ่อมแซมบ้านได้ อย่างไรก็ดี ปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย
ทั้งค่าครองชีพ หนี้ครัวเรือน และอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง จะเป็นปัจจัยกดดันให้ผู้ที่ตั้งงบประมาณสำหรับปรับปรุงซ่อมแซมบ้านไว้สูงกว่า 1 แสนบาท มีแนวโน้มลดงบประมาณลงจากเดิมผู้บริโภคพิจารณาเลือกผู้รับเหมาก่อสร้าง ช่าง รวมถึงแหล่งเลือกซื้อวัสดุก่อสร้าง จากความน่าเชื่อถือของผู้ประกอบการ ราคาและความคุ้มค่าของเงินที่จ่าย รวมถึงการให้บริการที่ครบวงจร
บริษัทรับสร้างบ้าน/ผู้รับเหมา : ผู้ที่มีแผนสร้างบ้านเองส่วนใหญ่สนใจบริษัทรับสร้างบ้าน/ผู้รับเหมาที่สามารถให้บริการได้ตั้งแต่งานโครงสร้างไปจนถึงงานตกแต่งภายใน โดยมองหาผู้รับเหมาผ่านการแนะนำโดยคนรู้จัก และคำแนะนำจากคนใกล้ตัวที่มีประสบการณ์โดยตรงเป็นอันดับแรก รองลงมาเป็นการค้นหาจากเว็บไซต์ของบริษัทรับสร้างบ้าน ที่เป็นช่องทางที่ได้รับความนิยมจากหลายช่วงวัยมากขึ้น เมื่อเทียบกับผลสำรวจปีที่แล้ว ที่ได้รับความนิยมในกลุ่ม Gen Y และ Gen Z เป็นหลัก
• ร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง : ผู้ที่มีแผนสร้างบ้านเอง และผู้ที่มีแผนปรับปรุง ซ่อมแซม หรือต่อเติมบ้าน ส่วนใหญ่เลือกซื้อวัสดุก่อสร้างจากร้านค้าที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ โดยพิจารณาจากความหลากหลายของสินค้าที่มีให้เลือกซื้อ
และความน่าเชื่อถือของผู้จำหน่าย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นร้านขนาดใหญ่ และมีชื่อเสียง อย่างไรก็ดี ปัจจัยด้านบริการจัดส่ง/ติดตั้ง ขยับอันดับขึ้นมาอยู่ลำดับต้น ๆ สะท้อนความต้องการของผู้ซื้อ ที่กดดันให้เกิดการแข่งขันด้านบริการ ซึ่งเป็น”จุดแข็ง”ของร้านวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ที่มีสาขาให้บริการทั่วประเทศ
วัสดุก่อสร้างที่มีคุณสมบัติพิเศษที่ช่วยประหยัดพลังงาน เป็นมิตรกับสุขภาพ และสิ่งแวดล้อม ได้รับความสนใจจากผู้บริโภค และยินดีจ่ายเงินเพิ่มสำหรับวัสดุดังกล่าวไม่เกิน 5% อย่างไรก็ตาม ความยินดีจ่ายเงินเพิ่มสำหรับวัสดุก่อสร้างที่มีคุณสมบัติพิเศษดังกล่าวลดลงจากปีก่อนหน้า
นอกจากนี้ ราคาวัสดุก่อสร้างที่ยังอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ผู้ที่มีแผนสร้างบ้านเอง และผู้ที่มีแผนปรับปรุง ซ่อมแซม หรือต่อเติมบ้าน ชะลอการก่อสร้างออกไปก่อน และเลือกที่จะปรับเปลี่ยนวัสดุสำหรับงานตกแต่งเพื่อคงงบประมาณไว้ตามเดิม
สะท้อนถึงปัจจัยทางเศรษฐกิจที่”กดดัน”กำลังซื้อของผู้บริโภคความสนใจติดตั้งระบบ Smart home เพิ่มขึ้น โดยสอดคล้องตามมูลค่าการก่อสร้างบ้าน ซึ่งผู้ที่สนใจติดตั้งระบบ Smart home สนใจระบบการรักษาความปลอดภัยมากที่สุด สะท้อนการให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน โดยเฉพาะกลุ่มที่มีกำลังในการซื้อบ้าน/สร้างบ้านที่มีมูลค่าสูงกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ที่มีรายได้สูง
โดยส่วนใหญ่สนใจผู้ให้บริการระบบ Smart home รายใหญ่ที่สามารถให้บริการได้อย่างครบวงจร จากการมีระบบ Smart home ที่หลากหลาย ครอบคลุมทุกฟังก์ชันของบ้าน นอกจากนี้ ค่าไฟฟ้าที่อยู่ในระดับสูงส่งผลให้การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ได้รับความสนใจ โดยส่วนใหญ่ตั้งงบประมาณสำหรับการติดตั้งไม่เกิน 1.5 แสนบาท ขณะที่ผู้ที่ยังไม่สนใจติดตั้งยังกังวลในด้านค่าใช้จ่ายการติดตั้งที่สูง
ไม่คุ้มค่าที่จะติดตั้ง
SCB EIC มองว่า ท่ามกลางการแข่งขันทางธุรกิจ ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจก่อสร้าง และวัสดุก่อสร้างยังสามารถสร้างโอกาสจากการขยายขอบเขตการให้บริการให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าที่มีความแตกต่างกัน
• บริษัทรับสร้างบ้าน/ผู้รับเหมาก่อสร้าง และช่างปรับปรุงซ่อมแซมบ้าน : การกำหนดราคาที่แข่งขันได้ การเข้าใจ
ความต้องการและข้อจำกัดของลูกค้า รวมถึงการหา Solution ที่ตอบโจทย์ลูกค้า จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน อย่างไรก็ตาม ก็ยังจำเป็นต้องบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาอัตรากำไร และสภาพคล่อง
ของกิจการ รวมถึงสามารถส่งมอบงานได้ตามกำหนด และมีคุณภาพ ซึ่งจะสร้างความน่าเชื่อถือ และเพิ่มโอกาสในการรับงานครั้งต่อไป
• ร้านค้าวัสดุก่อสร้าง : นอกจากการนำเสนอความหลากหลายของสินค้า และการจัดโปรโมชันแล้ว ผู้ประกอบการ
ยังจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับบริการหลังการขาย โดยเฉพาะบริการจัดส่งและติดตั้ง ที่เป็นปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อวัสดุก่อสร้างมากขึ้น โดยบริการจัดส่งและติดตั้ง อาจจะมีความยืดหยุ่นมากขึ้นไปตามความต้องการของลูกค้า ซึ่งจะเป็นการอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าได้อย่างครบวงจร
อย่างไรก็ดี การสร้างการรับรู้สำหรับกลุ่มลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ที่ได้รับความนิยมในกลุ่ม Gen Y และ Gen Z หรือแม้แต่กลุ่มผู้สูงอายุที่สามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ได้มากขึ้นกว่าแต่ก่อน ทำให้ผู้ประกอบการจำเป็นต้องนำเสนอสินค้าและบริการ สร้างประสบการณ์ในการซื้อ การโฆษณา รวมถึงการจัดโปรโมชัน บริการหลังการขาย ผ่านทั้งช่องทางออฟไลน์ และออนไลน์ควบคู่กันไปอย่างเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
เปิดกลยุทธ์ SC จับมือพาร์ทเนอร์ส ขายคอนโดหรูเจาะตลาดต่างชาติ
เปิดกลยุทธ์ SC จับมือพาร์ทเนอร์ส ขายคอนโดหรูเจาะตลาดต่างชาติ
เปิดกลยุทธ์ SC จับมือพาร์ทเนอร์ส ขายคอนโดหรูเจาะตลาดต่างชาติกรุงเทพมหานครยังครองแชมป์เป็นที่หนึ่งสำหรับนักลงทุน
กรุงเทพมหานครยังครองแชมป์เป็นที่หนึ่งสำหรับนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก ด้วยทำเลที่ตั้งที่มีศักยภาพสูง โครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง วัฒนธรรม อาหาร เศรษฐกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
ในทางกลับกันค่าครองชีพและราคาของอสังหาริมทรัพย์ที่ยังอยู่ในระดับเหมาะสม ตอบโจทย์การอยู่อาศัยและลงทุน ให้ผลตอบแทนสูงและมั่นคง
โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์กลุ่มลักชัวรีที่ตลาดต่างชาติให้ความนิยมและดึงกำลังซื้อจากต่างชาติเพื่อหวังกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย
บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC ผู้นำอสังหาฯ คุณภาพสูง และ มีนวัตกรรม ภายใต้การนำของนายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ตอกย้ำเบอร์หนึ่งอสังหาฯลักชัวรี ก้าวสู่ระดับนานาชาติอย่างมั่นใจ
แต่งตั้ง บริษัท ไนท์สบริดจ์ พาร์ทเนอร์ส จำกัด (Knightsbridge Partners) ตัวแทนการขายชั้นนำในตลาดต่างประเทศ เป็น Master Agent ดูแลโควต้าต่างชาติ ของโครงการ SCOPE Promsri Sukhumvit 49 (สโคป พร้อมศรี สุขุมวิท49)
ทั้งนี้ Global Network เล็งเห็นถึงปัจจัยด้านบวกด้วยในปี 2567 การเติบโตของตลาดท่องเที่ยวจะช่วยผลักดันเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นตัวอีกครั้ง
รวมทั้งกำลังซื้อชาวต่างชาติจะช่วยขับเคลื่อนให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์โตตามไปด้วย อีกทั้งภาครัฐพยายามดึงกำลังซื้อจากต่างชาติเพื่อหวังกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย
นางสาว พิชชากร มีศักดิ์ หัวหน้าสายงาน Global Network บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การแข่งขันเพื่อแย่งชิงดีมานด์จากชาวต่างชาติมีค่อนข้างสูง แต่ด้วยประสบการณ์ในการทำตลาดอสังหาฯในระดับนานาชาติมากกว่า 15 ปี
ประสบความสำเร็จจากการทำธุรกิจกับเอเจนท์ทั่วโลกบวกกับความคุ้นเคยในการทำงานกับ มร คิงสตัน ผู้ก่อตั้ง บริษัท ไนท์สบริดจ์ พาร์ทเนอร์ส ทำให้การร่วมมือในครั้งนี้ผ่านการวางกลยุทธ์มาเป็นอย่างดี อีกทั้งค่อนข้างมั่นใจโครงการสโคป พร้อมศรี สุขุมวิท 49 ตอบทุกความต้องการของชาวต่างชาติทั้งในเอเชียและทวีปอื่นๆ
ทั้งนี้ซอยพร้อมศรี เป็นซอยกลางเชื่อมต่อทำเลที่แพงที่สุดอันดับต้นๆของประเทศ คือ พร้อมพงษ์ (สุขุมวิท 39) และ ซอยทองหล่อ (สุขุมวิท 55) ทำให้มูลค่าของที่ดินพุ่งสูงขึ้นทุกปี ในย่านนี้มีชาวต่างชาติโดยเฉพาะชาวญี่ปุ่นซึ่งเป็นผู้เช่าหลักเป็นจำนวนมาก โดยมักจะเลือกอาศัยในคอนโดลักชัวรี
ส่งผลให้โครงการสโคป พร้อมศรี สุขุมวิท49 ได้ค่าตอบแทนสูงโดยมีค่าตอบแทนราว 4-5% ต่อปี อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือการทำงานที่ใช้ Global Mindset มองถึงความตัองการที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละประเทศ จึงเปิดโอกาสให้ทางบริษัท ไนท์สบริดจ์ พาร์ทเนอร์ส สามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างอิสระ
เนื่องจากเชื่อมั่นในประสบการณ์และความสำเร็จจากทั่วโลก มั่นใจว่าการร่วมมือกันในครั้งนี้ จะเสริมความแข็งแกร่งและสร้างชื่อเสียงของ SC ให้แก่นักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ต่างชาติจากหลากหลายประเทศทั่วโลกได้เป็นอย่างดี
มร.คิงสตัน ไล ประธานอำนวยการ บริษัท ไนท์สบริดจ์ พาร์ทเนอร์ จำกัด บริษัทโบรกเกอร์ตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่จากประเทศฮ่องกง กล่าวว่า
ยินดีที่ได้ ร่วมงานกับ SC ในฐานะ Master Agent บริษัทตัวแทนซื้อ-ขายอสังหาฯ แบบเอ็กซ์คลูซีฟแก่ชาวต่างชาติ โครงการ SCOPE Promsri Sukhumvit 49 เป็นโครงการที่ตั้งอยู่ในทำเลที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ตอบโจทย์กับความต้องการของผู้ซื้อในระดับนานาชาติ ด้วยราคาเริ่มเพียง 7.95 ล้านบาท
การได้เป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยใจกลางสุขุมวิท ถือว่าคุ้มค่าและหาแทบไม่ได้ในตลาด บริการหลังการขายของ SC ที่ชาวต่างชาติยอมรับและเชื่อมั่นมั่นใจว่าถูกใจกลุ่มลูกค้าแน่นอน จากการทำงานร่วมกับSC มั่นใจในวิสัยทัศน์ของผู้บริหารรวมถึงได้รับการสนับสนุนในหลายๆด้าน
จึงเตรียมสานต่อความสัมพันธ์ในระยะยาว ขยายความร่วมมือกับพันธมิตรเอเจนท์ทั่วโลก เพื่อซัพพอร์ตการขายโครงการอื่นๆ อีกในอนาคต
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 5ส.ค. “แข็งค่าเล็กน้อย”ที่ระดับ 35.32 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 5ส.ค. “แข็งค่าเล็กน้อย”ที่ระดับ 35.32 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทยังมีปัจจัยเสี่ยงให้ผันผวนอ่อนค่า หากตลาดอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง /กังวลปัญหาการเมืองในประเทศ กดดันให้นักลงทุนต่างชาติทยอยขายสินทรัพย์ไทย ควรระวังปัญหาความขัดแย้งในตะวันออกกลางและทิศทางเงินเยน
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 5ส.ค.2567 ที่ระดับ 35.32 บาทต่อดอลลาร์“แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย” จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ 35.35 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทยเปิดเผยว่า นับตั้งแต่ช่วงวันศุกร์ ที่ผ่านมา เงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ sideways (แกว่งตัวในกรอบ 35.14-35.40 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์
หลังรายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ เดือนกรกฎาคม ล้วนออกมาแย่กว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดเริ่มประเมินว่า เฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ยได้ถึง 50bps ในการประชุมเดือนกันยายน (พร้อมมองว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้มากกว่า 100bps ในปีนี้)
นอกจากนี้ ในช่วงหลังตลาดรับรู้รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ เงินบาทก็ยังได้แรงหนุนเพิ่มเติม จากโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ หลังราคาทองคำปรับตัวขึ้นเข้าใกล้จุดสูงสุดในปีนี้ ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์และการปรับตัวลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ
ก่อนที่ราคาทองคำจะปรับตัวลดลงหนักราว -60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามการปรับสถานะของผู้เล่นในตลาด ซึ่งการปรับตัวลงของราคาทองคำดังกล่าว ก็เปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดยังคงทยอยเข้าซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว และโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในช่วงนั้นก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทผันผวนอ่อนค่าลง แม้ว่าโดยรวมเงินดอลลาร์จะทรงตัวในกรอบ sideways ก็ตาม
สัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ตลาดการเงินจะอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) แต่เงินดอลลาร์ก็อ่อนค่าลง หลังผู้เล่นในตลาดคาดหวังว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้เกิน 1% ในปีนี้ จากรายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่ออกมาแย่กว่าคาด
สำหรับสัปดาห์นี้ เราประเมินว่า ควรระวังความผันผวน จากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน และสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ส่วนในฝั่งไทย ควรจับตาประเด็นการเมืองในประเทศ
มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก
▪ ฝั่งสหรัฐฯ – ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ เช่น ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการบริการ (ISM Services PMI) เดือนกรกฎาคม และยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) พร้อมกันนั้น ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดอย่างใกล้ชิด
โดยเฉพาะมุมมองของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลังตลาดรับรู้รายงานข้อมูลการจ้างงานล่าสุด และการส่งสัญญาณต่อแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายของเฟด นอกจากนี้ เราคงมองว่า ผู้เล่นในตลาดจะยังคงให้ความสำคัญกับ รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน
โดยผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนอาจส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินได้พอสมควร หากตลาดผิดหวังกับรายงานผลประกอบการ โดยอาจกดดันให้ตลาดการเงินยังคงอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) และหนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นได้
▪ฝั่งยุโรป – บรรดาผู้เล่นในตลาดจะรอจับตารายงานข้อมูลเศรษฐกิจยูโรโซน อาทิ ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (Sentix Investor Confidence) เดือนสิงหาคม และยอดค้าปลีก (Retail Sales) เดือนมิถุนายน
พร้อมกันนั้น รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนจะยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินยุโรปและเงินยูโร (EUR) ในช่วงนี้ได้ ก่อนที่ตลาดจะกลับมาให้ความสนใจประเด็นการเมืองฝรั่งเศส ในช่วงหลังจบมหกรรมกีฬาโอลิมปิก ว่า ฝรั่งเศสจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากได้สำเร็จหรือไม่
ฝั่งเอเชีย – ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจจีน ผ่านรายงานข้อมูลเศรษฐกิจเดือนกรกฎาคม อาทิ ดัชนี Caixin PMI ภาคการบริการ (จะสะท้อนภาพกิจกรรมทางเศรษฐกิจของภาคธุรกิจขนาดเล็ก-กลาง ได้ชัดเจน)
ยอดการค้าระหว่างประเทศ (Exports & Imports) และอัตราเงินเฟ้อ CPI ในส่วนของนโยบายการเงิน ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาผลการประชุมธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) และธนาคารกลางอินเดีย (RBI)
ซึ่งบรรดานักวิเคราะห์ต่างประเมินว่า ทั้ง RBA และ RBI อาจยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 4.35% และ 6.50% ก่อนที่จะเริ่มทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้ เมื่อทั้งสองธนาคารกลางมั่นใจแนวโน้มการชะลอลงของอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งดูจะยังคงสูงอยู่ โดยเฉพาะฝั่งอินเดีย และเมื่อเฟดได้เริ่มทยอยลดดอกเบี้ยลง
▪ฝั่งไทย – เราประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อ CPI ทั่วไปในเดือนกรกฎาคม อาจสูงขึ้นสู่ระดับ 0.8% (+0.2%m/m) ตามการปรับตัวขึ้นบ้างของราคาพลังงานและราคาอาหาร โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI อาจเพิ่มขึ้นเล็กน้อยสู่ระดับ 0.40%
นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตา คำวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกลโดยศาลรัฐธรรมนูญ (รับรู้ในช่วง 15.30 น. วันที่ 7 สิงหาคม) ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินไทยในช่วงเดือนสิงหาคมได้ (เราคาดว่า ผู้เล่นในตลาดอาจให้ความสำคัญกับคดีถอดถอนนายกฯ มากกว่า)
สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า ปัจจัยเสี่ยงที่อาจกดดันเงินบาทผันผวนอ่อนค่าเริ่มมีมากขึ้น โดยเฉพาะหากตลาดยังอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง หรือกังวลปัญหาการเมืองในประเทศ กดดันให้นักลงทุนต่างชาติทยอยขายสินทรัพย์ไทย อีกทั้ง ควรระวังความผันผวนจาก ปัญหาความขัดแย้งในตะวันออกกลางและทิศทางเงินเยนญี่ปุ่น ตามการปรับสถานะ JPY-Carry Trade หรือสถานะ Short JPY
ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า เงินดอลลาร์อาจแข็งค่าขึ้นได้ หาก 1) รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดปรับมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด 2) ตลาดการเงินยังอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยงจากความผิดหวังรายงานผลประกอบการ หรือปัญหาความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่พร้อมจะทวีความรุนแรงและบานปลายมากขึ้น
เราคงคำแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรเลือกใช้เครื่องมือในการปิดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น ท่ามกลางความผันผวนของเงินบาท รวมถึงสกุลเงินอื่นๆ ที่สูงขึ้นกว่าช่วงอดีตที่ผ่านมาพอสมควร โดยผู้เล่นในตลาดอาจเลือกใช้เครื่องมือเพิ่มเติม อาทิ Options หรือ Local Currency ควบคู่ไปกับการปิดความเสี่ยงผ่านการทำสัญญา Forward
มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 35.00-35.85 บาท/ดอลลาร์
ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.20-35.40 บาท/ดอลลาร์
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ต้องลุ้น 5 เซต! “สาวไทย” หืดจับแซง เวียดนาม ลูกยางซี วี.ลีก 2024 สนามแรก
การแข่งขัน วอลเลย์บอลหญิง ซี วี.ลีก 2024 (SEA V.League) สัปดาห์แรก ที่เมืองหวิญฟุก ประเทศเวียดนาม ระหว่างวันที่ 4 สิงหาคม 2567
โดย “ทัพนักตบลูกยางสาวไทย” ทีมอันดับ 14 ของโลก ที่คว้าชัยมารวด ลงสนามพบกับ เวียดนาม ทีมอันดับ 32 ของโลก ที่เก็บชัยมารวดเช่นกัน
เกมนี้ “โค้ชยะ” ณัฐพนธ์ ศรีสมุทรนาค ส่งผู้เล่นชุดแรกประกอบไปด้วย พรพรรณ เกิดปราชญ์, ทัดดาว นึกแจ้ง, ชัชชุอร โมกศรี, หัตถยา บำรุงสุข, อัจฉราพร คงยศ, พิมพิชยา ก๊กรัมย์ และ ปิยะนุช แป้นน้อย เป็นตัวรับอิสระ
เซตแรก “สาวไทย” เริ่มต้นได้ดีนำ 5-1 ก่อนฉีกนำ 12-5 จากนั้นยังเดินหน้าทำแต้มต่อเนื่องนำห่าง 20-9 ก่อนเปิดเซตเอาชนะไปได้ 25-18 ขึ้นนำ 1-0 เซต
เซตสอง ลูกยางสาวไทย เริ่มต้นได้ดีนำ 6-4 แต่หลังจาก เวียดนาม แก้เกมมาก็แซงพลิกนำ 11-9 แต่ “สาวไทย” ก็ไม่ยอมตีเสมอ 19-19 เกมในช่วงท้ายพลิกไปพลิกมาก่อนที่ เวียดนาม จะทำได้ดีกว่าเบียดเอาชนะไปได้ 29-27 ตีเสมอ 1-1 เซต
เซตสาม ทีมไทย ออกนำ 8-5 ก่อนมาพลาดโดนตีเสมอ 8-8 จากนั้นรูปเกมสูสียื้อกันจนเสมอ 20-20 แต่ช่วงท้าย เวียดนาม มาทำแต้มแซงนำ 22-20 ก่อนปิดเกมเอาชนะไปได้อีก 25-23 แซงนำ 2-1 เซต
เซตสี่ “สาวไทย” หลังชนฝาต้องชนะเท่านั้นเป็นฝ่ายออกนำ 11-8 พร้อมรักษาแต้มทิ้งออกไปเป็น 19-15 ก่อนเอาชนะไปได้ 25-21 ตามตีเสมอ 2-2 เซต
เซตตัดสิน เกมสูสีผลัดกันนำก่อนที่ ไทย ออกนำ 5-4 ก่อนรักษาสกอร์นำ 8-7 แต่เกมกลับมาเสมอ 9-9 ท้ายเซตทั้งสองทีมไม่มีใครยอมใคร แต่เป็น “สาวไทย” ที่นิ่งกว่าเบียดเอาชนะไปได้ 15-13 พลิกชนะ 3-2 เซต
สำหรับ การแข่งขัน วอลเลย์บอลหญิง ซี วี.ลีก 2024 (SEA V.League) สัปดาห์ที่สอง จะกลับมาแข่งขันกันที่ ชาติชายฮอลล์ สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จ.นครราชสีมา ประเทศไทย ระหว่างวันที่ 9-11 ส.ค.2567
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
8 วิธีช่วยเหลือผู้ป่วย “สำลักอาหาร-อาหารติดคอ” ที่ถูกต้อง
ทำไม “ผู้สูงอายุ” เสี่ยง “อาหารติดคอ” มากกว่าวัยอื่น ๆ ?
จริงๆ แล้วปัญหาการสำลักอาหาร หรืออาหารติดคอสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย แต่ส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นอาจเป็นเด็ก และผู้สูงอายุ เด็กเล็กอาจจะเป็นเพราะขนาดของอาหารใหญ่เกินไปแล้วเผลอกลืนลงคอจนทำให้สำลัก หรือติดเล่นจนทำให้กลืนอาหารผิดจังหวะ แต่สำหรับผู้ใหญ่วัยสูงอายุ ก็มีความเสี่ยงต่อการสำลักอาหาร หรืออาหารติดคอ เพราะเป็นวัยที่น้ำลายในปากน้อยลง ทำให้อาหารอาจติดคอได้ง่ายเวลากลืนนั่นเอง
วิธีช่วยเหลือผู้ป่วย สำลักอาหาร-อาหารติดคอ
- หากผู้ป่วยเริ่มแสดงอาการทรมาน ไม่สามารถส่งเสียงได้ ลองทุบหลังตรงระหว่างไหล่ทั้งสองข้างก่อน 5 ครั้ง ด้วยแรงพอประมาณ หากอาหารยังลงไปไม่ลึกมาก อาจจะออกมาทางปากได้
- หากอาหารยังไม่ออกมา ให้เข้าทางด้านหลังของผู้ป่วย โอบผู้ป่วยจากทางด้านหลัง
- เอามือประสานกัน กดไปที่หน้าอก ยกผู้ป่วยเล็กน้อยแล้วเขย่าตัวเพื่อให้ผู้ป่วยสำลักอาหารออกมา
- ทั้งหมดนี้ควรรีบทำภายใน 3-5 นาทีที่แสดงอาการ เพราะอาจอันตรายถึงชีวิตได้
- หากผู้ป่วยมีอาการหายใจไม่ได้ พูดไม่ออก ให้จับผู้ป่วยนอนหงายบนพื้น เปิดทางเดินหายใจ ยกปลายคางขึ้น และ อีกมือหนึ่งกดหน้าผากลง เป่าปากเพื่อช่วยในการหายใจ
- ถ้าลองเป่าปากแล้วหน้าอกไม่ยกขึ้น ให้ใช้มือกดที่ท้อง ในท่านอนหงาย 6-10 ครั้ง
- ถ้าเป็นเด็กเล็กให้ใช้วิธีตบระหว่างสะบักทั้ง 2 ข้าง สลับกับกดหน้าอก และคอยตรวจเช็กช่องปาก ถ้ามองเห็นสิ่งแปลกปลอมให้ใช้นิ้วเกี่ยวออกมา
- หากผู้ป่วยยังคงรู้สึกตัว พูดได้ และหายใจได้ตามปกติ แต่ยังรู้สึกว่ามีอาหารติดคออยู่ ให้รีบพาไปพบแพทย์ทันที
วิธีป้องกันการสำลักอาหาร-อาหารติดคอ
- นั่งตัวตรงขณะกินอาหาร และหลังกินเสร็จห้ามนอนทันที
- กินอาหารช้าๆ เคี้ยวให้ละเอียด
- อย่ากินอาหารขณะเหนื่อยหรือรีบเร่ง ควรพักก่อนสัก 30 นาที
- อาหารที่กินควรแบ่งเป็นขนาดชิ้นเล็กๆ หรือพอดีคำ ไม่ใหญ่เกินไป
- ลดสิ่งรบกวนขณะกินอาหาร เช่น การพูดคุย การเดิน
- กินอาหารคำละ 1 ชนิด อาหารที่มีเนื้อหลากหลายชนิดใน 1 คำจะสำลักง่าย
- ควรกินอาหารสลับกัน เช่น อาหารที่บดเคี้ยว สลับกับอาหารเหลว
- อย่ากินอาหารแห้งเกินไป ควรมีน้ำซอสหรือน้ำซุปช่วยให้เนื้ออาหารชุ่มและนุ่มขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ข้อมูลความลับ 81% ขององค์กรเสี่ยงรั่วไหลจากแอป SaaS
เครื่องมือเพิ่มผลิตภาพ หรือที่เราเรียกกันว่า Productivity tools ได้รับความนิยมอย่างมาก แน่นอนว่าความสะดวกสบายบนโลกดิจิทัล ย่อมมาพร้อมความเสี่ยงซึ่งอาจทำให้ข้อมูลสำคัญขององค์กรรั่วไหลออกไปได้
Synology รายงานว่า ที่ผ่านมา บริษัทระดับโลกทั่วไปมักใช้เครื่องมือรูปแบบ SaaS หลากหลายอย่างมาก เช่น Slack, Google Drive, Microsoft 365, หรือ Dropbox เพื่อดำเนินการของพวกเขา
อย่างไรก็ตาม การใช้แอปพลิเคชันหลายตัวอย่างนี้ทำให้พนักงานต้องทำการสลับระหว่างแพลตฟอร์มต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจทำให้ไฟล์กระจายไปทั่ว และเสี่ยงต่อการรั่วไหลของข้อมูล
ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของ SaaS Productivity Tools
ข้อมูลความลับขององค์กรจำนวนมากถูกเปิดเผยโดยไม่คาดหมายผ่านแนวทางปฏิบัติ SaaS ที่ไม่ปลอดภัย
เช่น การขาด MFA หรือแชร์ลิงก์จาก Productivity tools ที่ไม่ได้อยู่ในระบบความปลอดภัยรายงานจาก Varonis แสดงให้เห็นว่า 81% ขององค์กรในปี 2022 ประสบปัญหาข้อมูล SaaS รั่วไหล
โดยที่ 6% ของข้อมูลบนคลาวด์ถูกเปิดเผยสู่อินเทอร์เน็ตทั้งหมด ส่งผลให้ข้อมูลขององค์กรจำนวนมากตกอยู่ในความเสี่ยง ส่งผลให้องค์กรต้องสูญเสียความเสียหายสูงสุดถึง 28 ล้านดอลลาร์
ปัญหาด้านความปลอดภัยทั่วไปเกี่ยวกับเครื่องมือ collaboration
- การป้องกันข้อมูลความลับที่ไม่เพียงพอ : หลายองค์กรอาจขาดความเข้าใจชัดเจนเกี่ยวกับข้อมูลที่จัดเก็บไว้ใน SaaS productivity tools และอาจไม่รู้ว่าผู้อื่นสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ ช่องว่างความรู้นี้อาจนำไปสู่การละเมิดความปลอดภัยและข้อมูลรั่วไหลได้
- การจัดการด้านไอทีของ SaaS ที่กระจัดกระจาย : แผนกต่าง ๆใช้ SaaS ที่แตกต่างกันโดยไม่แจ้งแผนกไอที ซึ่งส่งผลให้แอปพลิเคชันบุคคลที่สามไม่ได้อยู่ในระบบ Security ของบริษัท ความเสี่ยงของการที่ข้อมูลรั่วไหลจึงเพิ่มขึ้นตอนบริษัทใช้งานแอปพลิเคชันมากขึ้นเพื่อจัดการข้อมูลความลับ รวมกับแอปพลิเคชันสำคัญของธุรกิจ
- การกำหนดค่าบนคลาวด์ไม่ถูกต้อง และการควบคุมการอนุญาตแบบกระจัดกระจาย : ผู้ให้บริการ SaaS อัปเดตแอปพลิเคชันของตนเป็นประจำ การเปลี่ยนแปลงบ่อยครั้งนี้ทำให้ผู้ดูแลระบบไอทีพบว่ามันเป็นฝันร้ายที่ต้องรักษาการตั้งค่าการกำหนดค่าต่างๆ นับพันรายการ การกำหนดค่าที่ไม่ถูกต้องอาจนำไปสู่ความเสี่ยงของข้อมูลรั่วไหล
รายงานของ Gartner คาดการณ์ว่าภายในปี 2568 การละเมิดระบบคลาวด์ 99% จะเกิดจากข้อผิดพลาดของผู้ใช้ ซึ่งรวมถึงข้อผิดพลาดในการกำหนดค่าด้วย
ที่น่าเป็นห่วงคือ องค์กรที่ให้ความสำคัญกับข้อมูลจำนวนมาก เช่น องค์กรในอุตสาหกรรมการเงิน การดูแลสุขภาพ และการศึกษา
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
วิธีแนะนำตัวให้น่าสนใจ ฉบับผู้เริ่มใช้ภาษาอังกฤษ
การแนะนำตัวแบบง่ายๆ
การแนะนำตัวแบบง่ายๆ จะมีองค์ประกอบที่ต้องพูดอยู่ 4 ส่วนคือ
- การทักทาย
- การแนะนำชื่อ
- บอกข้อมูลเพิ่มเติม
- ลงท้ายด้วย ยินดีที่ได้รู้จัก
การทักทาย ภาษาอังกฤษแบบง่ายๆ
เป็นการกล่าวทักทายด้วย Hi Hello หรือทักทายตามช่วงเวลาต่างๆ เช่น
- Good Morning, everyone, … (สวัสดีตอนเช้าทุกคน… )
- Good morning Sir, … (สวัสดีค่ะ/ครับ ท่าน…)
- Hello, everyone.… (สวัสดีทุกคน…)
- Hi there, …. (สวัสดีทุกคน…)
หรือกล่าวว่าขอแนะนำตัวเองให้รู้จัก เช่น
- Let me introduce myself.
- May I introduce myself?
- Let me tell you a little about myself.
การแนะนำชื่อ ภาษาอังกฤษแบบสั้นๆ
- I’m… (ตามด้วยชื่อจริง หรือชื่อเล่น).
- My name is… (ตามด้วยชื่อจริง หรือชื่อเล่น).
- My name is… (ตามด้วยชื่อจริง). You can call me… (ตามด้วยชื่อเล่น).
- You can call me… (ตามด้วยชื่อเล่น).
การบอกข้อมูลเพิ่มเติม ภาษาอังกฤษ
บอกอายุ เช่น
- I’m 18 years old. (ฉันอายุ 18 ปี)
- This year, I will turn 23. (ปีนี้ฉันจะอายุ 23 ปี)
บอกว่าอาศัยอยู่ที่ไหนหรือมาจากไหน เช่น
- I live in Bangkok. (ฉันอยู่ในกรุงเทพ)
- I’m living in Thailand. (ฉันอยู่ในประเทศไทย)
- I come from Thailand. (ฉันมาจากประเทศไทย)
- I’m visiting from… (ตามด้วยชื่อเมืองที่ย้ายมา).
- I’m originally from… (ตามด้วยชื่อเมืองบ้านเกิด).
- I recently moved here from… (ตามด้วยชื่อเมืองที่ย้ายมา).
บอกว่าเรียนที่ไหนหรือทำงานอะไร เช่น
- I work at… (ตามด้วยสถานที่ทำงาน).
- I study at… (ตามด้วยสถานที่เรียน).
- I’m currently studying… (ตามด้วยสาขาวิชาที่เรียนอยู่).
บอกว่างานอดิเรกคืออะไร เช่น
- I like to play games in my free time. (ฉันชอบเล่นเกมในเวลาว่างของฉัน)
- I love drawing. (ฉันรักการวาดรูป)
- I am interested in cooking. (ฉันสนใจในการทำอาหาร)
การบอกยินดีที่ได้รู้จัก ภาษาอังกฤษ
- Nice to meet you. (ยินดีที่ได้รู้จัก)
- Pleased to meet you. (ยินดีที่ได้พบคุณ)
- It was lovely meeting you. (มันดีมากที่ได้พบคุณ)
- Glad to meet you. (ดีใจที่ได้เจอ)
ตัวอย่างประโยคการแนะนำตัว
- Hi, everyone, My name is Malika Pasuk. You can call me Mali. This year, I will turn 25. I work at ABC company. I am interested in trading. Nice to meet you.
(สวัสดีทุกคน ฉันชื่อ มัลลิกา ผาสุก เรียกฉันว่ามะลิก็ได้ ปีนี้ฉันจะอายุครบ 25 ปี ฉันทำงานที่บริษัทเอบีซี ฉันสนใจที่เรื่องการเทรดหุ้น ยินดีที่ได้รู้จัก)
- Hi there, I’m Fon. I’m 17 years old. I live in Bangkok with my family. I study at SuksunSchool. I like to sing in my free time. It was lovely meeting you.
(สวัสดีฉันชื่อฝน อายุ 17 ปี ฉันอาศัยอยู่ที่กรุงเทพกับครอบครัว ฉันเรียนที่โรงเรียนสุขสันต์ ฉันชอบร้องเพลงในเวลาว่าง ดีใจมากที่ได้พบคุณ)
ขอบคุณข้อมูลจาก engduothailand.com
“ชา” กับ 6 ประโยชน์ดีๆ ที่ควรดื่มเป็นประจำ
ถ้าไม่นับกาแฟ “ชา” น่าจะเป็นเครื่องดื่มอีกประเภทหนึ่งที่มีการบริโภคกันอย่างกว้างขวางมานานนับพันๆ ปี และชนิดของชาที่หลากหลายไปตามแต่ละท้องที่ ทำให้ได้รสชาติของชาที่น่าสนใจ และยังเป็นที่นิยมดื่มไปทั่วโลกจนถึงปัจจุบัน นอกจากรสชาติ และกลิ่นของชาจะนำมาทำเป็นเครื่องดื่ม ขนม อาหาร และผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้อย่างหลากหลายแล้ว หากย้อนกลับไปที่การดื่มชาจากใบชาโดยตรง มีเพียงใบชาแห้งและน้ำร้อน แค่นี้ก็ให้คุณประโยชน์กันร่างกายได้มากอย่างที่คุณอาจไม่คาดคิด
“ชา” กับ 6 ประโยชน์ดีๆ ที่ควรดื่มเป็นประจำ
- ชาช่วยป้องกันมะเร็ง
ชาเป็นใบพืชที่มีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด ทั้งชาเขียว และชาขาว แต่ชาขาวจะมีสารต้านอนุมูลอิสระมากขึ้นถ้าใส่ “มะนาว” ลงไปด้วย งานวิจัยในห้องทดลองพบว่า ชาสามารถยับยั้งการเติบโตของเนื้องอกหลายชนิด รวมทั้งเซลล์มะเร็งได้ หลักฐานว่าชายับยั้งการเติบโตของเนื้องอกหลายชนิด
- ชาช่วยให้อายุยืน
งานวิจัยความสัมพันธ์ระหว่างการดื่มชาเขียวกับอัตราตายจากทุกสาเหตุในคนญี่ปุ่นอายุ 40-69 ปี จำนวน 90,914 คน ติดตามดูนาน 18.7 ปี มีคนตาย 12,874 คน เมื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์พบว่า ยิ่งดื่มชาเขียวเป็นจำนวนถ้วยต่อวันมาก ยิ่งมีอัตราตายต่ำกว่าผู้ดื่มชาเขียวน้อย หรือไม่ดื่ม โดยสัมพันธ์กับอัตราตายด้วยโรคหัวใจหลอดเลือดมากที่สุด
- ชาช่วยป้องกันเบาหวาน
งานวิจัยเมตาอะนาไลซิส 12 รายการ เพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างการดื่มชากับความเสี่ยงการเป็นเบาหวาน พบว่า การดื่มชาวันละ 3 แก้วขึ้นไป สัมพันธ์กับการลดความเสี่ยงของเบาหวานชนิดที่ 2
- ชาช่วยลดความดันเลือด และลดคอเลสเตอรอล
การทบทวนงานวิจัยแบบสุ่มตัวอย่างเปรียบเทียบครอบคลุมกลุ่มตัวอย่าง 1,536 คน พบว่าชาเขียวลดความดันเลือดได้เล็กน้อย (1.94 มม. ปรอท) ลดคอเลสเตอรอลรวม และ LDL ในเลือดได้ปานกลาง (8%)
- ชาช่วยให้ฟันแข็งแรง
งานวิจัยแบบตัดขวางเพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างการดื่มชา กับการเกิดฟันหลุดร่วงในคนญี่ปุ่นอายุ 40-64 ปี จำนวน 25,078 คน พบว่า การดื่มชาวันละ 1 ถ้วยขึ้นไป มีความสัมพันธ์กับการลดความเสี่ยงเกิดฟันหลุดร่วงได้
- ชาช่วยลดความเสี่ยงโรคพาร์กินสัน
งานวิจัยเมตาอะนาไลซิสผู้ป่วยพาร์กินสัน 2,215 คน เทียบกับคนทั่วไป 145,578 คน พบว่ายิ่งดื่มชามาก ยิ่งมีโอกาสเป็นพาร์กินสันน้อย
ปริมาณชาที่ควรดื่มต่อวัน
เราสามารถได้รับประโยชน์จากชาด้วยการดื่มชาวันละไม่เกิน 3-4 แก้ว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณคาเฟอีนที่เราสามารถทนได้ ไม่ดื่มแล้วนอนไม่หลับ งดการดื่มชาก่อนเข้านอน 3 ชั่วโมง และดื่มชาที่ชงด้วยใบชาจริงๆ ไม่ใส่น้ำตาล หรือเครื่องปรุงรสชาติอื่นๆ เพิ่ม จะได้ประโยชน์มากที่สุด
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 05/08/2567
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 40,700.00 | 40,800.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,636.00 | 39,961.76 | 41,300.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 2,372.40 | 35,965.58 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 2,108.80 | 31,969.41 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 1,186.00 | 17,979.76 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 923.00 | 13,992.68 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,732.00 | 41,417.12 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 05/08/2567
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 37.75 | 37.75 | 38.35 | 37.75 | 37.75 | 37.75 | 37.75 | 37.75 | 37.75 | 37.75 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 37.38 | 37.38 | 37.98 | 37.38 | 37.38 | 37.38 | 37.38 | 37.38 | 37.38 | 37.38 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 35.64 | 35.64 | 36.34 | 35.64 | 35.64 | – | 35.64 | 35.64 | 35.64 | 35.64 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 35.39 | 35.39 | – | – | – | – | – | – | – | 35.39 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 46.34 | 49.84 | 49.84 | 49.84 | – | – | – | – | – | 46.34 |
เบนซิน 95 | 45.64 | – | – | – | 49.81 | – | 46.14 | 45.79 | – | 45.64 |
ดีเซล | 32.94 | 32.94 | 33.24 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 44.94 | 47.14 | 49.84 | 47.14 | 47.14 | – | – | – | – | 44.94 |
แก๊ส NGV | 19.59 | 19.59 | – | – | – | – | – | – | – | 19.59 |