อนันดา -MQDC-SCยันจัดแคมเปญกระตุ้นยอดขายที่สยามพารากอน
อนันดา ประกาศขน1,000ยูนิตมูลค่า 7.3 พันล้านผุดแคมเปญ“งานลดตัวพ่อ”6-8 ต.ค.สยามพารากอน MQDC จัดมหกรรม “MQDC Well Living Expo” ตั้งเป้ายอดขาย 4วัน 1,000 ล้าน ด้านเอสซี แอสเสท จัดงานเอ็กซ์ซิบิชั่นครบรอบ 20 ปีที่สยามพารากอน
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า จากภาพรวมตลาดอสังหาฯ ที่เริ่มฟื้นตัวจากสัญญาณบวกของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศไทย และรับรัฐบาลใหม่ที่เริ่มเข้ามาบริหารประเทศ และมีนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาคต่างๆ จึงมองว่าในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้จะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง มีแนวโน้มที่ดีกว่าไตรมาสที่ผ่านมา โดยได้เริ่มต้นไตรมาส 4 ด้วยการลุยสร้างโอกาสทางยอดขายในช่วง 3 สุดท้ายของปีนี้ จัดกิจกรรมทางการตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขายสินค้าทั้งคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ บ้าน และ ทาวน์โฮม
ภายใต้แคมเปญ “ANANDA DADDY CLEARANCE SALE” หรือ งานลดตัวพ่อ ในวันที่ 6-8 ต.ค.ที่สยามพารากอน เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่สนใจคอนโดมิเนียม บ้าน และทาวน์โฮมพร้อมอยู่มากที่สุด เพราะจะทำให้ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยบนทำเลที่ดีที่สุดได้ง่าย
ด้วยการมอบโปรโมชั่นสุดคุ้มส่งท้ายปลายปีให้กับลูกค้า คือ 1. ส่วนลดสูงสุด 5 ล้านบาท 2. ฟรีค่าใช้จ่ายวันโอนฯ 3.ฟรี ค่าบำรุงรักษาส่วนกลางสูงสุด 5 ปี 4. อยู่ฟรี 2 ปีไม่ต้องผ่อน 5. ผ่อนตํ่า 5,000 บาท/เดือน 2 ปีแรก 6. ดอกเบี้ย 1.99% ระยะเวลา 1 ปี 7. ฟรี iPhone 15 รวม รวม 27 โครงการพร้อมอยู่ เป็นต้น
” เราได้คัดยูนิตพร้อมโอนมาจัดแคมเปญ 1,100 ยูนิต มูลค่า7,337 ล้านบาท เฉลี่ยยูนิตละ 6-7ล้านบาทซึ่งขายบิ๊กล็อตแล้ว 1,000 ล้านบาท คาดว่าแคมเปญดังกล่าวจะทำให้มีเงินสดไหลเข้าบริษัท 3,376 ล้านบาท” นายประเสริฐ กล่าว
นายอัษฎา แก้วเขียว ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัทแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ MQDC เปิดแผยว่า ระหว่างวันที่ 12 -15 ต.ค.นี้ บริษัทจัดงาน MQDC Well Living Expo ขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี ณ แฟชั่นฮอลล์ ชั้น 1 ศูนย์การค้าสยามพารากอน โดยได้รวบรวมโครงการคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่ อยู่ระหว่างก่อสร้าง และเตรียมจะสร้างเสร็จพร้อมโอนในช่วงต้นปี 2567 มานำเสนอให้ผู้บริโภคจำนวน 10 โครงการ เฉลี่ยโครงการละ 20-30 ยูนิต ราคาขาย 2-4 แสนบาท/ตร.ม. เริ่มต้นยูนิตละ 5-300 ล้านบาท คาดว่า ภายในระยะเวลา 4 วันจะมียอดขาย1,000 ล้านบาท
สำหรับโครงการที่เข้าร่วมงานครั้งนี้ เป็นโครงการในเดอะฟอเรสเทียส์ จำนวน 5 โครงการ ประกอบด้วย โครงการวิสซ์ดอม เดอะ ฟอเรสเทียส์,ดิ แอสเพน ทรี เดอะ ฟอเรสเทียส์,มัลเบอร์รี่ โกรฟ เดอะ ฟอเรสเทียส์,เดอะ ฟอเรสเทียส์ ซิกเนเจอร์ ซีรีส์ และ ซิกส์เซนส์ เรสซิเดนซ์ส่วนที่เหลืออีก 5 โครงการ ประกอบด้วย โครงการมัลเบอร์รี่ โกรฟ สุขุมวิท,เดอะ สแตรนด์ ทองหล่อ,วิสซ์ดอม อินสไปร์ สุขุมวิท,วิสซ์ดอม โคเอ็กซ์ ปิ่นเกล้า และวิสซ์ดอม คราฟต์ส สามย่าน เป็นต้น
นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ รองประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC เผยว่า ระหว่างวันที่ 19-23 ต.ค.นี้ บริษัทเตรียมจัดงานครบรอบ 20 ปีที่สยามพารากอน ซึ่งจะเป็นงานใหญ่ที่สุดตั้งแต่บริษัทเคยทำมา โดยจะเป็นการรวมเรื่องราวของ SC ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งไปสู่การเติบโตในอนาคต ไฮไลต์ คือ การเปิดตัวโครงการโค้บบ์ เกษตร-ศรีปทุม เป็นคอนโดมิเนียม 0 เมตรจากรถไฟฟ้า และอีกหนึ่งไฮไลต์ คือ การเริ่มทดลองเปิดใช้ยูทิลิตี้โทเคนครั้งแรกของ และในปี 2567 บริษัทจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการและนำมาใช้ภายในบริษัท
“ตลาดอสังหาฯ ในไตรมาส4 ปีนี้น่าจะฟื้นตัวดีขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นผู้ประกอบการทุกรายจะเร่งจัดแคมเปญทางการตลาดออกมากระตุ้นยอดขายทำให้ ภาพรวมของตลาดอสังหาฯในปี 2566จะดีกว่าปี 2565 คาดว่าจะเติบโตไม่เกิน 5% และจะดีขึ้นต่อเนื่องไปในปี 2567 หลังท่องเที่ยวฟื้น การเมืองมีความชัดเจนมีรัฐบาลใหม่ และนโยบายต่าง ๆ ที่จะทยอยออกมาในอนาคต”
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
เปิดโฉม!วิสซ์ดอม คราฟท์ สามย่าน เจาะนิวเจน-Young Success
MQDCทุ่ม7พันล้านผุดโครงการวิสซ์ดอม คราฟท์ สามย่านเจาะนิวเจน-Young Success รองรับเรียลดีมานด์ในพื้นที่ใจกลางสามย่านติดถนนพระราม 4 ชูคอนเซ็ปต์ “Craftz Your Future”
นายอัษฎา แก้วเขียว ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ MQDC กล่าวว่าภาพรวมของแบรนด์วิสซ์ดอมเป็นตัวเลือกแรกสำหรับคนรุ่นใหม่ที่มองหาที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่หลากหลาย ล่าสุด Whizdom Craftz ก็เข้ามาเป็นจิ๊กซอว์ที่เติมเต็มไลฟ์สไตล์พรีเมียมเหนือระดับสุดคราฟท์ใจกลางเมืองพร้อมเดินหน้ารังสรรค์โปรเจ็กต์ที่ตอบโจทย์เรียลดีมานด์ของย่านนั้นๆเพื่อยกระดับการใช้ชีวิตที่ลงตัวของคนรุ่นใหม่ในอีก 3-5 ปีข้างหน้าภายใต้แบรนด์”วิสซ์ดอม”
แบรนด์วิสซ์ดอม มีความโดดเด่นในการด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ปลดล็อกการใช้ชีวิตที่สะดวกสบายและลงตัวที่สุดสำหรับผู้คนในทำเลนั้น ๆ สำหรับแบรนด์ ‘วิสซ์ดอม คราฟท์’ เราคำนึงถึงการรังสรรค์พื้นที่ซึ่งเข้าใจชีวิตที่ไม่หยุดนิ่งของนิวเจนที่เปี่ยมด้วยเอนเนอร์จี้และแพชชัน ‘วิสซ์ดอม คราฟท์’ จะเป็นที่อยู่อาศัยที่เข้ามาบูสต์ศักยภาพให้พวกเขาได้บรรลุเป้าหมายอันท้าทายและเป็นตนเองในแบบที่ดีและเก่งขึ้นในทุกๆวัน ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Crafted Lifestyle for Individual Aspirations”
Whizdom Craftz Samyan เป็นโครงการอาคารสูง 55 ชั้น จำนวน 423 ยูนิตในราคาเริ่มต้น 7.99 ล้านบาทสำหรับห้อง 38 ตร.ม. โดยมีตัวเลือกห้องทั้งหมด ได้แก่ 1 ห้องนอน (30-39 ตร.ม.) 1 ห้องนอนแบบลอฟต์ (46-57 ตร.ม.) 2 ห้องนอน (53-66 ตร.ม.) และยังมีห้องขนาดใหญ่ ได้แก่ 2 ห้องนอนพลัส (77-89 ตร.ม.) 2 ห้องนอนแบบลอฟต์ (70-90 ตร.ม.) และ 3 ห้องนอน (96-105 ตร.ม.) นอกจากนี้ ยังมีห้อง Duplex (99-100 ตร.ม) และเพนต์เฮ้าส์ขนาด (188-233 ตร.ม.)
นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ส่วนกลางทั้งสิ้น 2,316 ตร.ม. และที่จอดรถรวม 359 คันการรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง กล้องวงจรปิดในทุกพื้นที่ ระบบคีย์การ์ดเข้า-ออก ประตูล็อกดิจิทัล และสิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการยังออกแบบมาให้ผู้พิการสามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม
พร้อมสเปซที่พร้อมเชื่อมต่อทุกความเป็นไปได้เพื่อซัพพอร์ตการใช้ชีวิตแบบไร้ขีดจำกัด ผ่านพื้นที่ใช้สอยที่มอบความสะดวกสบายในยุค New Normal ทั้งยังใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมการจัดการที่ใช้ AI เข้ามาทำให้การอยู่อาศัยสมาร์ทยิ่งขึ้น และที่สำคัญ Whizdom Craftz Samyan ตั้งอยู่บนทำเลทองระดับแรร์ไอเทม อยู่ใกล้กับสถาบันการศึกษามากมาย โรงพยาบาลชั้นนำ คอมมูนิตี้ที่เป็นแหล่งรวมคนรุ่นใหม่ ตลอดจนห้างสรรพสินค้าและแหล่งเที่ยว-กิน-ช้อปที่ครบครันตอบโจทย์ทุกความต้องการของคนยุคนี้
Whizdom Craftz Samyan คราฟท์ขึ้นจาก 5 คอนเซ็ปต์เพื่อตอบโจทย์ยูนีคไลฟ์สไตล์ได้อย่างลงตัว ได้แก่
1. Empowered Work — จากอินไซต์ของแบรนด์พบว่าคนรุ่นใหม่ต้องการที่อยู่อาศัยที่พร้อมหนุนไลฟ์สไตล์ Work from Anywhere พื้นที่ใช้สอยในห้องของ Whizdom Craftz สามารถตอบโจทย์การใช้ที่อยู่อาศัยเป็น SOHO – Small Office Home Office ของคนรุ่นใหม่พร้อมรองรับการทำธุรกิจภายในที่อยู่อาศัยได้อย่างลงตัว นอกจากนี้พื้นที่ส่วนกลางยังมี Co-working Space ที่กว้างขวาง พร้อมซัพพอร์ตการนั่งประชุมหรือคุยงานท่ามกลางบรรยากาศอันผ่อนคลายแต่เปี่ยมฟังก์ชันการใช้งานหลากหลาย ซึ่งรวมถึง Whizdom Club พื้นที่สร้างสรรค์เพื่อพัฒนาศักยภาพให้เหล่านิวเจนได้ไปต่อได้อย่างไม่มีสะดุดในทุก ๆ วัน
2. Curated Living — Whizdom Craftz Samyan คือนิยามใหม่ของการใช้ชีวิตระดับพรีเมียมใจกลางสามย่าน ด้วยการเป็นอาคารที่สูงที่สุดในสามย่าน ผู้อยู่อาศัยจะได้เพลิดเพลินกับสระว่ายน้ำสำหรับออกกำลังกายที่ตั้งอยู่ในหลายชั้นพร้อมเชื่อมต่อกับโซนพื้นที่สีเขียว ให้สามารถออกกำลังกายและผ่อนคลายกับวิวสวนเต็มไปด้วยธรรมชาติอันสดชื่น พร้อมด้วย Sky Trail เส้นทางออกกำลังกายกลางแจ้งท่ามกลางความร่มรื่น นอกจากนี้ ภายในทุกยูนิตยังมีครัวปิดในดีไซน์โมเดิร์น พร้อมด้วย Walk-in Closet ระดับพรีเมียม (80% ของยูนิตทั้งหมด) และพื้นที่ส่วนกลางอีกมากมายเพื่อยกระดับการใช้ชีวิตขึ้นไปอีกสเต็ป
3. Singular Nature —แม้จะเป็นคนรุ่นใหม่ที่ทุ่มเทให้กับงานอย่างเต็มที่ แต่อีกหนึ่งสิ่งที่พวกเขาให้ความสำคัญไม่แพ้กันคือการสร้าง Well Being และการหาเวลาพักผ่อนและดูแลตนเอง Whizdom Craftz Samyan จัดเต็มกับสร้างพื้นที่สีเขียวกว่าใจกลางเมืองในโครงการเพื่อให้ธรรมชาติได้มาบูสต์พลังกาย-ใจให้ผู้อยู่อาศัยได้รีชาร์จ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่สีเขียว ให้ได้สัมผัสธรรมชาติใจกลางเมืองและดื่มด่ำกับการชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าและวิวแม่น้ำเจ้าพระยาในทุก ๆ วัน ในด้านการออกแบบสถาปัตยกรรมของอาคาร โครงการตั้งใจออกแบบอาคารให้เป็นดั่ง Sky Cliff หรือหน้าผาสูงระฟ้า สร้างมุมมองใหม่เป็นหน้าผาสูงใจกลางเมือง โดดเด่นด้วยการใช้วัสดุกระจกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่มอบดีไซน์ทันสมัยที่สามารถผสมผสานกับธรรมชาติได้อย่างสวยงามสะดุดตา
4. Selected Smart Living — Whizdom Craftz Samyan ชูการอยู่อาศัยแบบสมาร์ตด้วยนวัตกรรมที่ล้ำสมัยในทุก ๆ ส่วนของโครงการ ทั้งระบบดูแลความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง, การใช้ Big Data ในการบริหารจัดการพื้นที่, “FAHSAI” หอฟอกอากาศอัจฉริยะที่ตั้งอยู่ในสวนหน้าโครงการเพื่อสร้างอากาศสะอาดให้ผู้อยู่อาศัยและชุมชนโดยรอบ ตลอดจนจุดชาร์จ EV เพื่อความสะดวกสบายในการชาร์จสำหรับเจ้าของรถไฟฟ้าในโครงการ
5. MQDC Standards — แบรนด์ Whizdom Craftz พัฒนาขึ้นภายใต้วิชั่นการพัฒนาโครงการด้วยมาตรฐานของ MQDC ที่ดำเนินธุรกิจภายใต้พันธกิจในการสร้างความเป็นอยู่ที่ดีของทุกชีวิตบนโลกนี้ (For All Well-Being) โครงการในเครือ MQDC มุ่งสร้างสรรค์คุณภาพชีวิตที่เหนือกว่าด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยี และสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรแก่ผู้พักอาศัย
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 5 ต.ค. “แข็งค่า”ที่ระดับ 36.95 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.80-37.10 บาท/ดอลลาร์ การย่อตัวลงชัดเจนของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ในช่วงคืนที่ผ่านมา อาจหนุนให้บอนด์ยีลด์ระยะยาวของไทยย่อตัวลงบ้าง
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 5 ต.ค. 2566 ที่ระดับ 36.95 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 37.07 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทนั้นเริ่มกลับมาชะลอลงชัดเจน (ตามที่เราประเมินวันก่อนหน้า) หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ล่าสุด ที่ไม่ได้ออกมาดีกว่าคาด ได้ส่งผลให้เงินดอลลาร์เริ่มย่อตัวลงบ้าง
ขณะเดียวกัน ราคาทองคำก็เริ่มส่งสัญญาณพร้อมรีบาวด์สูงขึ้น ทว่าปัจจัยสำคัญที่ยังคงขัดขวางการแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องของเงินบาท คือ ฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติที่ยังคงมีทิศทางไหลออกอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี เราประเมินว่า การย่อตัวลงชัดเจนของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ในช่วงคืนที่ผ่านมา อาจหนุนให้บอนด์ยีลด์ระยะยาวของไทยย่อตัวลงได้บ้าง
ซึ่งอาจทำให้นักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับเข้ามาซื้อบอนด์ได้บ้าง หรือ อย่างน้อย ลดแรงขายบอนด์ในช่วงนี้ ตราบใดที่บอนด์ยีลด์ระยะยาวทั้งในฝั่งสหรัฐฯ และฝั่งไทย ไม่ได้เร่งตัวขึ้นอีกครั้ง นอกจากนี้ บรรยากาศในตลาดการเงินที่เริ่มกล้าเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น ก็อาจหนุนการรีบาวด์ของตลาดหุ้นไทยและมีโอกาสที่จะเห็นนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งมักจะเป็นสาย Buy on Dip เริ่มกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทยได้บ้าง
ทั้งนี้ แม้ว่าโมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทจะชะลอลง แต่เรายังมองว่า เงินบาทอาจยังไม่สามารถพลิกกลับมาแข็งค่าได้ชัดเจน จนกว่าจะเห็นปัจจัยหนุนฝั่งแข็งค่า อย่าง ฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ หรือ เห็นการอ่อนค่าต่อเนื่องของเงินดอลลาร์ และการรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำ ซึ่งอาจต้องเห็นรายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้ ที่ชะลอลงชัดเจน
ดังนั้น ก่อนที่ตลาดจะรับรู้รายงานตลาดแรงงานสหรัฐฯ เราคาดว่า ผู้เล่นในตลาดอาจยังไม่ปรับสถานะการถือครองที่ชัดเจน ทำให้ เงินบาทก็อาจยังแกว่งตัว sideway โดยประเมินแนวรับแถว 36.80 บาทต่อดอลลาร์ (หากแข็งค่าหลุดโซนแนวรับ ก็มีโอกาสแข็งค่าทดสอบโซน 36.60 บาทต่อดอลลาร์ ได้ไม่ยาก) ขณะที่โซนแนวต้านของเงินบาทอาจยังอยู่ในช่วงโซน 37.10-37.15 บาทต่อดอลลาร์
เรายังคงมองว่า ทุกสินทรัพย์ยังอยู่ในช่วงเผชิญความผันผวนสูง จากทั้งความไม่แน่นอนของทิศทางนโยบายการเงิน ความกังวลแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ทำให้เราคงคำแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย
อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และนอกเหนือจากการใช้เครื่องมือดังกล่าว การเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ก็เป็นอีกแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.80-37.10 บาท/ดอลลาร์
โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาททยอยแข็งค่าขึ้น (แกว่งตัวในช่วง 36.88-37.09 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานยอดการจ้างงานภาคเอกชนโดย ADP ซึ่งออกมาแย่กว่าคาด รวมถึงช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานดัชนี ISM PMI ภาคการบริการ ที่แม้จะออกมาตามคาด แต่ก็ส่งสัญญาณว่าภาคการบริการของสหรัฐฯ ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงมากขึ้น โดยรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ไม่ได้ออกมาดีมากนัก ได้ส่งผลให้ ทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวลดลง และหนุนให้ ราคาทองคำมีจังหวะสามารถรีบาวด์ขึ้นมาได้บ้าง
บรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ พลิกกลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ล่าสุด ไม่ได้ออกมาดีกว่าคาด ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดเริ่มคลายกังวลแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ หรือ คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงได้นานของเฟด
ซึ่งการปรับมุมมองดังกล่าวของผู้เล่นในตลาดได้ส่งผลให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 4.72% (จากที่เกือบทะลุระดับ 4.90% ในวันก่อนหน้า) และหนุนให้บรรดาหุ้นเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth ต่างปรับตัวขึ้นแรง (Tesla +5.9%, Alphabet +2.1%) ทำให้โดยรวมดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq เพิ่มขึ้น +1.35% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.81%
ส่วนในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี stoxx600 ยังคงย่อตัวลงราว -0.14% กดดันโดยแรงขายหุ้นกลุ่มพลังงาน (BP -3.2%) หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงต่อเนื่อง จากความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจหลักชะลอตัวอาจกระทบความต้องการใช้พลังงาน อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นยุโรปยังพอได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคฯ (ASML +1.9%) หลังบอนด์ยีลด์ระยะยาวเริ่มชะลอตัวลงบ้าง
ในฝั่งตลาดบอนด์ แม้ว่า บรรดาเจ้าหน้าที่เฟด ที่ออกมาให้ความเห็นในช่วงนี้ยังคงสนับสนุนการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดต่อไป ทว่า รายงานยอดการจ้างงานภาคเอกชนโดย ADP และดัชนี ISM PMI ภาคการบริการ ที่ไม่ได้ออกมาดีกว่าคาด และสะท้อนแนวโน้มการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ก็ทำให้ ผู้เล่นในตลาดเริ่มปรับลดสถานะ Short บอนด์ระยะยาว และ
ผู้เล่นบางส่วนก็เริ่มทยอยกลับเข้ามาซื้อสะสมบอนด์ระยะยาวมากขึ้น ส่งผลให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวลงใกล้ระดับ 4.72% สอดคล้องกับมุมมองของเราว่า หากผู้เล่นในตลาดทยอยลดสถานะ Short อาจช่วยหนุนให้บอนด์ยีลด์ปรับตัวลงได้ไม่ยาก โดยบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวลดลงมาแล้ว -16bps จากจุดสูงสุดในวันก่อนหน้าแถว 4.88%
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหว sideway โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงแกว่งตัวใกล้ระดับ 106.8 จุด (กรอบ 106.5-107 จุด) โดยเงินดอลลาร์มีจังหวะผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งเงินดอลลาร์ได้แข็งค่าขึ้นบ้าง ก่อนรับรู้ข้อมูลเศรษฐกิจ และทยอยอ่อนค่าลง หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ไม่ได้ออกมาดีกว่าคาด ในส่วนของราคาทองคำ แม้ว่าบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จะมีการย่อตัวลงมาบ้าง ทว่าเงินดอลลาร์ก็ยังคงแกว่งตัว sideway
อีกทั้งบรรยากาศในตลาดการเงินก็เริ่มกลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น ทำให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) ยังไม่สามารถปรับตัวขึ้นต่อไปได้ง่ายและยังคงแกว่งตัวใกล้ระดับ 1,838 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้ เรามองว่าในช่วงที่ราคาทองคำมีจังหวะรีบาวด์ขึ้นใกล้ระดับ 1,840 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อาจมีผู้เล่นบางส่วนที่ทยอยซื้อทองคำในช่วงปรับฐาน ทยอยขายทำกำไรได้ และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยชะลอการอ่อนค่าลงของเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมา
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อทั่วไป CPI ของไทย ซึ่งเราประเมินว่า แม้ว่ารัฐบาลจะออกมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพด้วยการลดค่าไฟฟ้าลง แต่ทว่า ผลกระทบจากภาวะ El Nino อาจยังหนุนให้ราคาหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ เพิ่มขึ้นราว +0.3%m/m (ส่วนใหญ่มาจากการปรับตัวขึ้นของราคาข้าว แป้ง ผักและผลไม้)
นอกจากนี้ ราคาพลังงานยังปรับตัวขึ้นไม่น้อยกว่า +2%m/m ทำให้โดยรวมอัตราเงินเฟ้อทั่วไป อาจเพิ่มขึ้น +0.2%m/m หรือ +0.86%y/y ทั้งนี้ หากโมเมนตัมอัตราเงินเฟ้อรายเดือนเพิ่มขึ้นไม่เกิน +0.2%m/m ก็อาจทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ได้กังวลต่อแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อมากนักและการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอาจถึงจุดยุติแล้วที่ระดับ 2.50%
ส่วนในฝั่งสหรัฐฯ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตารายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) ซึ่งอาจส่งผลต่อมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มตลาดแรงงานสหรัฐฯ และแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดได้
และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางหลัก ทั้ง เฟด และ ECB เพื่อประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินในระยะถัดไป
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 36.85-36.87 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.20 น.) แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 37.07 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยเงินบาทแข็งค่ากลับมาเช่นเดียวกับค่าเงินสกุลหลัก และสกุลเงินอื่นๆ ในเอเชีย
ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ เผชิญแรงเทขายตามการปรับตัวลงของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ หลังจากตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐฯ รายงานโดย ADP ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาด โดยในเดือนก.ย. 2566 มีการจ้างงานของภาคเอกชนเพิ่มขึ้น 89,000 ตำแหน่ง (ตลาดคาดที่ 160,000 ตำแหน่ง) และชะลอลงจากที่มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 180,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค.
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ เบื้องต้นคาดไว้ที่ 36.70-37.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของไทยในเดือนก.ย. ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์สกุลเงินในภูมิภาคหลังจากทางการของหลายประเทศส่งสัญญาณดูแลเพื่อลดความผันผวนของตลาด ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด และตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ไทย vs ญี่ปุ่น วอลเลย์บอลหญิง เอเชียนเกมส์ 2022, เทียบสถิติ
การแข่งขัน วอลเลย์บอลหญิง เอเชียนเกมส์ 2022 รอบสอง กลุ่มเอฟ ระหว่าง ไทย พบ ญี่ปุ่น ที่สนามเต๋อชิง สปอร์ตส์ เซ็นเตอร์ เมืองหางโจว ประเทศจีน วันพฤหัสบดีที่ 5 ตุลาคม 2566
โดย “ทัพนักตบลูกยางสาวไทย” ทีมอันดับ 13 ของโลก แชมป์กลุ่มบี จะลงสนามในรอบสองพบกับ ญี่ปุ่น ทีมอันดับ 9 ของโลก ที่ผ่านเข้ารอบมาด้วยการเป็นแชมป์กลุ่มดี ในรอบแรก
ซึ่งจากสถิติที่พบกันที่ผ่านมา “สาวไทย” ถือว่าเป็นรองอยู่มากทีเดียว 5 ครั้งหลังชนะได้เพียงแค่เกมเดียว อย่างไรก็ตามหนสุดท้ายที่เจอกัน “ลูกยางสาวไทย” เป็นฝ่ายเอาชนะไปได้ 3-2 เซต ในศึกชิงแชมป์เอเชีย เราลองไปดูสถิติการพบกัน 5 ครั้งหลังสุดกัน
เฮดทูเฮด 5 ครั้งหลังสุด : ไทย ชนะ 1, ญี่ปุ่น ชนะ 4
5 กันยายน 2566 : ไทย ชนะ ญี่ปุ่น 3-2 (ชิงแชมป์เอเชีย)
1 กรกฎาคม 2566 : ไทย แพ้ ญี่ปุ่น 0-3 (เนชั่นส์ ลีก)
21 สิงหาคม 2565 : ญี่ปุ่น ชนะ ไทย 3-0 (เอวีซี คัพ)
17 มิถุนายน 2565 : ญี่ปุ่น ชนะ ไทย 3-0 (เนชั่นส์ ลีก)
25 พฤษภาคม 2564 : ญี่ปุ่น ชนะ ไทย 3-0 (เนชั่นส์ ลีก)
สำหรับ “นักตบลูกยางสาวไทย” จะพบกับ ญี่ปุ่น ในรายการ เอเชียนเกมส์ 2022 วันพฤหัสบดีที่ 5 ตุลาคม 2566 เวลา 18.00 น. แฟนๆ สามารถรับชม และเชียร์ ได้ผ่านการถ่ายทอดสดทาง ช่อง PPTV HD 36, Workpoint 23 และ AIS PLAY
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
“แมลงก้นกระดก” อันตรายช่วงปลายฤดูฝน ที่ก่อให้เกิด “ผิวหนังอักเสบ”
สถาบันโรคผิวหนังเตือนประชาชนช่วงปลายฝนให้ระวังโรคผิวหนังจากการสัมผัสด้วงก้นกระดก พบมากบริเวณนอกร่มผ้า ลักษณะเป็นผื่นแดงหรือเป็นรอยไหม้ หากรับพิษมาก แพ้รุนแรงจะมีไข้สูงมีอาการทางระบบหายใจ และหากเป็นที่ตาอาจทำให้ตาบอด
บี้แมลงก้นกระดก อาจทำให้เกิดผื่นผิวหนังอักเสบได้
นายแพทย์มานัส โพธาภรณ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า จากกรณีการเสนอข่าวเรื่องเตือนภัย หนุ่มถูกแมลงก้นกระดก แพ้จนเป็นเหวอะขึ้นที่หน้า หากพบอย่าโดนหรือสัมผัสนั้น ด้วงก้นกระดกหรือแมลงก้นกระดก เป็นแมลงที่พบมากในนาข้าวและพื้นที่การเกษตร โดยพบมากในช่วงปลายฤดูฝน จากข้อมูลด้านระบาดวิทยาของผู้ป่วยที่มารับการรักษาที่สถาบันโรคผิวหนัง พบว่าช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม จะมีการกระจายตัวของผู้ป่วยภาวะผื่นผิวหนังอักเสบจากด้วงก้นกระดกมากที่สุด อาการผิวหนังอักเสบ เกิดจากการที่มีแมลงมาเกาะตามร่างกายแล้วเผลอปัด หรือบี้ทำให้แมลงท้องแตกและสัมผัสกับสารพิษในตัวแมลง อาการจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณสารพิษที่สัมผัส ไม่ได้เกิดขึ้นทันที แต่จะมีอาการหลังสัมผัสแล้วประมาณ 8-12 ชั่วโมง พบมากบริเวณนอกร่มผ้า โดยมีลักษณะเป็นผื่นแดงหรือเป็นรอยไหม้ รูปร่างมักเป็นทางยาว เป็นไปตามรอยปาดของมือที่บี้แมลง
อาการผิวหนังอักเสบจากแมลงก้นกระดก
แพทย์หญิงมิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ลักษณะของผื่นที่โดนแมลงด้วงก้นกระดก ผื่นมีขอบเขตชัดเจน ในระยะ 2-3 วัน จะมีตุ่มน้ำพองใสและตุ่มหนองขนาดเล็กเกิดขึ้น อาการคันมีไม่มากนัก แต่มักมีอาการแสบร้อนร่วมด้วย หากสารพิษในตัวแมลงกระจายถูกบริเวณดวงตา จะทำให้ตาบวมแดง และอาจตาบอดได้ ทั้งนี้ ผื่นบริเวณใบหน้า รอบดวงตา หรือบริเวณผิวอ่อน มักจะมีอาการรุนแรงมากกว่าที่อื่น แต่บริเวณฝ่ามือจะไม่ค่อยมีอาการเนื่องจากบริเวณนี้มีผิวหนากว่าผิวส่วนอื่น ซึ่งอาการอักเสบเหล่านี้จะหายไปในเวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ โดยทั่วไปอาการอักเสบจากด้วงก้นกระดกจะไม่รุนแรง ยกเว้นในรายที่ได้รับพิษจำนวนมาก หรือมีอาการแพ้รุนแรงจะมีไข้สูง และมีอาการทางระบบหายใจ
วิธีปฐมพยาบาล ผิวหนังอักเสบจากแมลงก้นกระดก
ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง ให้คำแนะนำเพิ่มเติมว่า สำหรับการรักษาและการป้องกันเมื่อสัมผัสกับแมลงก้นกระดก ควรทำดังนี้
- ล้างผิวหนังบริเวณที่มีอาการด้วยน้ำสะอาด ฟอกสบู่ หรือเช็ดด้วยแอมโมเนีย
- อย่าเกาเพราะจะทำให้มีการติดเชื้อแทรกซ้อนได้
- หากอาการไม่ดีขึ้นให้รีบไปพบแพทย์
การป้องกันตัวเองจากแมลงก้นกระดก
- ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแมลง หากแมลงมาเกาะตามร่างกาย อย่าตบหรือตีแต่ให้เป่า หรืออาจจะใช้เทปกาวใสมาแปะตัวแมลงออกไป
- ก่อนนอนควรปัดที่นอน ผ้าห่มจนแน่ใจว่าไม่มีแมลง
- ปิดประตูหน้าต่างให้มิดชิด เปิดไฟเฉพาะที่จำเป็นเพื่อไม่ให้แมลงชนิดนี้มาเล่นไฟ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
Why don’t… / Why doesn’t… แปลว่า ทำไมไม่…(สำหรับการให้คำแนะนำ)
หลายๆคน อาจจะเคยได้ยินคำว่า Why don’t… / Why doesn’t… ซึ่งแปลว่า ทำไมไม่.. อยู่บ่อยๆ วันนี้เรามาดูกันค่ะว่าทั้งสองคำนี้มันมีวิธีใช้ที่ถูกต้องยังไง ไปดูกันเลย
Why don’t… / Why doesn’t… มักใช้กันเมื่อเราตัดสินใจจะทำอะไรบางอย่างร่วมกับคนอื่นๆ หรือให้คำแนะนำในสถานการณ์ต่างๆ
“Why don’t…….” (ทำไมไม่………) เป็นหนึ่งในรูปแบบคำแนะนำที่ใช้กันบ่อยที่สุด
โครงสร้างประโยค:
“Why don’t + you/we/they + V-infinitive
“Why doesn’t he/she/it + V-infinitive
ตัวอย่างและวิธีการใช้:
Situation: Your mother says she feels tired.
สถานการณ์: แม่ของคุณบอกว่าเธอรู้สึกเหนื่อย
Your suggestion: Mom, why don’t you go to bed early today?
คำแนะนำของคุณ: แม่ ทำไมวันนี้แม่ไม่เข้านอนเร็วๆล่ะ?
Situation: Your friend says his wife can’t decide which cellphone to buy.
สถานการณ์: เพื่อนของคุณบอกว่าภรรยาของเขาไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะซื้อมือถืออันไหน
Your suggestion: Why doesn’t she go to a techno shop and look at all models.
คำแนะนำของคุณ: ทำไมเธอไม่ไปที่ร้านขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (ร้านขายมือถือ) แล้วดูตัวอย่างของทุกรุ่นล่ะ?
Jane: I have a headache.
เจน: ฉันปวดหัว
Anna: Why don’t you take an aspirin?
แอนนา: ทำไมคุณไม่กินยาแอสไพรินล่ะ?ID : 1157970631203073267
ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th
รู้จักกับ “Cell Broadcast” ระบบเตือนภัยฉุกเฉินทุกรูปแบบ หลายประเทศมีแล้ว ไทยคือหนึ่งในที่ยังไม่เริ่ม
เวลาไปต่างประเทศเคยสังเกตกันไหมว่า หากวันนั้นมีการซ่อนระบบเตือนภัย หรือจะเป็นการภัยต่างๆ ก็มีการแจ้งเตือนฉุกเฉิน หรือระบบ เตือนเหตุฉุกเฉิน หรือ Emergency Alerts System (EAS) แบบรวดเร็ว
ซึ่งเหตุการณ์เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม จากเหตุการณ์ยิงกันที่พารากอน ทำให้มีการวิจารณ์ในโลก Social ว่าทำไมไม่มีการแจ้งเตือนของระบบแจ้งเตือนเหตุฉุกเฉิน เลย ซึ่งจริงๆ แล้วระบบที่พูดถึงในเรื่องของระบบ Cell Broadcast ซึ่งระบบนี้จะมีเป็นการส้งข้อความไปยังมือถือทุกความถี่และจำวนมากมาย จุดเด่นของระบบดังกล่าวคือ
- ไม่ว่าจะเป็นใช้เครือข่ายอะไร 2G, 3G, 4G, 5G, CDMA ก็ส่งได้
- หนึ่งข้อความที่ส่งสามารถเข้าถึงได้จำนวนมากเป็นล้านเครื่องไม่กี่วินาที
- ข้อความนี้มาตามคลื่นวิทยุโดยไม่ต้องทราบเบอร์ก็ได้
- หน่วนงานส่งได้เลยไม่ต้องผ่านให้บริการ
- สัญญาณอ่อนก็ส่งได้
จริงๆ แล้วระบบ Cell Broadcast นั้นก็เกิดขึ้นในปี 1997 โดยมีการทดลองในกรุงปารีสประเทศฝรั่งเศสและมีใช้งานแล้วกว่า 30 ประเทศทั่วโลก ซึ่งข้อความนี้จะส่งแจ้งเตือนยามฉุกเฉินเท่านั้น และการพัฒนามาจนถึงระบบ J-Alert ที่พัฒนาในญี่ปุ่น ที่เตือนได้ทันที
สิ่งที่ตอนนี้ในประเทศไทยนั้น ยังไม่ได้ให้บริการนี้ ซึ่งเรื่องนี้อาจจะต้องมีการประสานงานเกี่ยวกับหลายหน่วยงานอยู่ แต่ประเทศไทยจะได้เปิดเมื่อไหร่คงต้องรอติดตามกันต่อไป และหวังว่า มาตรการอะไรที่ออกมาช่วงนี้จะยับยั้งหยุดเรื่องของเหตุการณ์เลวร้ายในอนาคตต่อไปได้
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
บ้านสามารถมีลิฟท์ได้กี่ชั้นและลิฟท์แบบไหนเหมาะกับบ้าน
บ้านมีลิฟท์ได้กี่ชั้น นี่เป็นคำถามที่พบบ่อยของผู้ที่กำลังวางแผนจะสร้างและติดตั้งลิฟท์ โดยปกติแล้วลิฟท์มักจะติดตั้งในอาคารที่มีตั้งแต่ 2 ชั้นขึ้นไป บ้าน 2 ชั้นโดยปกติชั้นสองจะใช้สำหรับห้องนอน และชั้นล่างทำหน้าที่เป็นโถงทางเข้า ห้องนั่งเล่น และพื้นที่รับประทานอาหาร ในทางกลับกัน บ้านชั้นเดียวเป็นอาคารพักอาศัยที่มีเพียงชั้นเดียวและทุกห้องอยู่ในระดับเดียวกัน
โดยปกติจะติดลิฟท์บ้าน Kalea Lift ได้จะต้องมี 2 ชั้นขึ้นไป โปรดติดตามบทความด้านล่างนี้เกี่ยวกับลิฟท์บ้าน
1. เหตุผลที่บ้าน 2 ชั้นขึ้นไปควรติดตั้งลิฟท์และแบบไหนเหมาะกับบ้าน
จากโครงสร้างของลิฟท์จะเห็นได้ว่าการจะเลื่อนลิฟท์ได้ต้องมีจุดจอดอย่างน้อย 2 จุด หมายความว่าลิฟท์จะต้องมีอย่างน้อย 2 ชั้นขึ้นไป เพื่อการติดตั้งลิฟท์บ้านที่เหมาะสมที่สุดสำหรับบ้าน 2 ชั้น ลูกค้าจำเป็นต้องทราบประเด็นต่อไปนี้:
การเลือกลิฟท์แบบไม่มีห้องเครื่อง
ลิฟท์ที่ไม่มีห้องเครื่องเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับลูกค้าที่ต้องการติดตั้งลิฟท์ในบ้าน 2 ชั้นขึ้นไปจนถึง 6 ชั้น เนื่องจากโครงสร้างลิฟท์ที่ไม่มีห้องเครื่องเหมาะกับสภาพพื้นที่ความสูงที่จำกัด การติดตั้งจึงง่ายกว่า นอกจากนั้นยังประหยัดพื้นที่เป็นอย่างมาก
เลือกบริษัทติดตั้งที่มีชื่อเสียง
บริษัทติดตั้งลิฟท์ที่มีชื่อเสียงและมีประสบการณ์มากมายควรได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ ที่ปรึกษาจะนำเสนอโซลูชั่นลิฟท์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับครอบครัวของคุณ ที่สำคัญคือต้องมาเปิดตรงในประเทศไทยจะดีที่สุด
การสร้างบ่อลิฟท์ให้ดี
บ่อลิฟท์เป็นส่วนที่ต้องการความสามารถสูงสุดในการทนต่อแรงกระแทกจากห้องโดยสารลิฟท์ ดังนั้นการให้ความสำคัญกับการสร้างบ่อลิฟท์จะทำให้มั่นใจในความปลอดภัยเมื่อลิฟท์ใช้งาน
2. บ้านควรติดตั้งลิฟท์กี่ชั้น
การเลือกติดตั้งลิฟท์ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ความต้องการของแต่ละคน ค่าสาธารณูปโภค และงบประมาณ แต่โดยปกติแล้วคนจะติดตั้งลิฟท์เมื่อบ้านมี 2 ชั้นขึ้นไป ในกรณีเนื่องจากตั้งแต่ชั้น 2 ลงมาชั้น 1 (ชั้นล่าง) อาจจะมีความลำบากโดยเฉพาะถ้าครอบครัวที่มีผู้สูงอายุและเด็กเล็ก การติดตั้งลิฟท์จะช่วยให้มั่นใจในความปลอดภัยและความรวดเร็วเมื่อเคลื่อนที่ระหว่างชั้น
การติดตั้งกี่ชั้นจะขึ้นอยู่กับความต้องการของเจ้าของบ้าน โดยลิฟท์ของ Kalea Lift ติดได้ตั้งแต่ 2 – 6 ชั้น สิ่งสำคัญคือลิฟท์สำหรับที่พักอาศัยปลอดภัยต่อการใช้งาน ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ตรงตามมาตรฐานความปลอดภัยที่เข้มงวดตามมาตรฐานยุโรป กรณีข้างต้น การติดตั้งลิฟท์สำหรับบ้าน 2 ชั้นจึงมีความจำเป็นและสมเหตุสมผล
3. หลักเกณฑ์การติดตั้งลิฟท์ในอาคาร
ในแต่ละประเทศการติดตั้งลิฟท์อาจจะมีความแตกต่างกัน ซึ่งก่อนติดตั้งก็ควรศึกษาเรื่องกฏหมายอาคารให้ดีก่อนที่จะซื้อลิฟท์
โดยการติดตั้งลิฟท์ในประเทศไทย มีหลักเกณฑ์ดังนี้
โดยหลักๆเลยคือ ข้อ 25.อาคารสูงไม่เกิน 23.00 ม. ไม่ได้กำหนดว่าต้องมีลิฟท์หรือลิฟท์ดับเพลิง (แต่ในทางปฎิบัติมักใช้แค่ 5 ชั้นกรณีไม่มีลิฟท์/ 6 ชั้นขึ้นไปควรมีลิฟท์)
สำหรับอพาร์ทเมนต์ขนาดเล็กที่มีความสูงต่ำกว่า 6 ชั้น โดยทั่วไปปริมาณลิฟท์ที่เหมาะสมจะอยู่ที่ประมาณ 450 กก. – 750 กก. เทียบเท่ากับการเคลื่อนย้ายคน 6 – 7 คนในการเคลื่อนไหวครั้งเดียวกัน
4. ข้อควรทราบในการติดตั้งลิฟท์บ้าน
ก่อนตัดสินใจติดตั้งลิฟท์บ้านควรปฏิบัติดังนี้เพื่อให้กระบวนการติดตั้งราบรื่นที่สุด:
เตรียมพื้นที่ติดตั้งที่เหมาะสม
ในการเตรียมพื้นที่ติดตั้งที่เหมาะสมลูกค้าต้องพิจารณาปัจจัยหลายประการ เช่น การกำหนดขนาดลิฟท์ให้แม่นยำซึ่งสามารถกำหนดพื้นที่มาตรฐานได้ อุปกรณ์ในการติดตั้งลิฟท์ กำหนดพื้นที่โดยรอบเพื่อให้แน่ใจว่าประตูลิฟท์เปิดได้อย่างสะดวกสบายและสมเหตุสมผล ตรวจสอบโครงสร้างอาคารเพื่อให้แน่ใจว่าพื้นสามารถรับน้ำหนักของลิฟท์ได้
เลือกลิฟท์ที่เหมาะกับความต้องการของครอบครัวคุณ
การเลือกลิฟท์ตามความต้องการในการเคลื่อนที่ของแต่ละครอบครัวคือการเพิ่มความสะดวกสบาย ความปลอดภัยในบ้านเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย และสถานการณ์การใช้งานที่แตกต่างกัน เช่น ครอบครัวที่มีผู้สูงอายุและ เด็กเล็ก ครอบครัวที่มีสมาชิกที่ต้องการความช่วยเหลือในการเคลื่อนย้าย
รับคำแนะนำจากช่างผู้มีประสบการณ์
ช่างผู้มีประสบการณ์ได้ติดตั้งลิฟท์ในโครงการต่างๆ มากมาย ช่วยให้เข้าใจความต้องการของลูกค้าได้อย่างชัดเจนและมีประสบการณ์ จึงให้การประเมินและวิธีแก้ปัญหาที่เหมาะสมสำหรับบ้านของคุณ
เลือกบริษัทที่มีชื่อเสียง
การเลือกบริษัทที่มีชื่อเสียงถือเป็นสิ่งสำคัญเพื่อความปลอดภัยเมื่อติดตั้งและใช้ลิฟท์ นอกจากนี้หน่วยงานที่มีชื่อเสียงยังให้บริการคำปรึกษาเกี่ยวกับประเภทของลิฟท์ที่เหมาะกับความต้องการของคุณพร้อมทั้งบริการหลังการขายที่น่าสนใจและบริการบำรุงรักษาและซ่อมแซมอย่างมืออาชีพ ฯลฯ ซึ่งช่วยให้คุณปลอดภัยและระมัดระวังในการใช้งานมากขึ้น โดย Kalea Lift เปิดบริการมามากกว่า 125 ปี ทั่วโลกและมีบริการหลังการขาย 24 ชั่วโมง
การติดตั้งลิฟท์บ้านจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับบ้านของคุณได้ โดยทั่วไปแล้ว ลิฟท์บ้านสามารถเดินทางได้ระหว่างชั้น 2-6 แต่จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของลิฟท์รุ่นที่เลือก โดยสามารถเพิ่มลิฟท์ในบ้านที่มีอยู่และการก่อสร้างใหม่ได้ การเพิ่มลิฟท์ในงานสร้างบ้านใหม่เป็นงานที่ง่ายกว่าเนื่องจากสามารถสร้างไว้ในแผนผังชั้นได้ หากคุณต้องการเพิ่มลิฟท์เข้าไปในบ้านที่มีอยูหรือบ้านรีโนเวท คุณอาจถูกจำกัดประเภทลิฟท์ที่สามารถติดตั้งได้ หรืออาจต้องมีการก่อสร้างเพิ่มเติมเพื่อดัดแปลงให้เข้ากับบ้านของคุณ
หากต้องการเรียนรู้โดยละเอียดเกี่ยวกับหมายเหตุเมื่อติดตั้งลิฟท์ ติดต่อ Kalea Lift ลิฟท์บ้านมีการรับประกันสกรูและนัท ที่เป็นวัสดุที่สำคัญที่สุดของลิฟท์นานถึง 15 ปี หากสินค้ามีปัญหาในระหว่างการใช้งานสามารถโทรขอความช่วยเหลือได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งลิฟท์ประหยัดทั้งค่าไฟ และค่าบำรุงรักษาเพียงแค่ปีละ 1 ครั้งเท่านั้น
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ โชว์รูม Kalea Lift 891/62 ถนนพระราม 3 แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กรุงเทพฯ ได้ทุกวัน เวลา 10.00-19.00 น
โทร : 02-114 6900
Line : @kalea
Website : http://www.kalealift.in.th
Facebook : https://www.facebook.com/KaleaLiftThailand/
ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 05/10/2566
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 31,850.00 | 31,950.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,063.00 | 31,275.08 | 32,450.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,856.70 | 28,147.57 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,650.40 | 25,020.06 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 928.00 | 14,068.48 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 722.00 | 10,945.52 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,138.00 | 32,412.08 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 05/10/2566
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 38.75 | 38.75 | 39.25 | 38.75 | 39.05 | 38.75 | 38.75 | 38.75 | 38.75 | 38.75 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 38.48 | 38.48 | 38.98 | 38.48 | 38.78 | 38.48 | 38.48 | 38.48 | 38.48 | 38.48 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 36.44 | 36.44 | 36.94 | 36.44 | 36.74 | – | 36.44 | 36.44 | 36.44 | 36.44 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 36.09 | 36.09 | – | – | – | – | – | – | – | 36.09 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 44.94 | 49.34 | 48.94 | 49.34 | – | – | – | – | – | 44.94 |
เบนซิน 95 | 46.54 | – | – | – | 48.01 | – | 47.04 | 46.69 | – | 46.54 |
ดีเซล B7 | 29.94 | 29.94 | 30.44 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล | 29.94 | 29.94 | 30.44 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล B20 | 29.94 | 29.94 | 30.44 | – | 29.94 | – | – | – | – | 29.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 40.24 | 42.34 | 49.44 | 42.34 | 41.64 | – | – | – | – | 40.24 |
แก๊ส NGV | 17.59 | 17.59 | – | – | – | – | – | – | – | 17.59 |