สุริยะ ฟันธง”แลนด์บริดจ์เกิดแน่” คาดประมูล-ตอกเสาเข็มปี 68
“สุริยะ” ประสานเสียงนักวิชาการ การันตี “แลนด์บริดจ์เกิดแน่” หลังนักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจ ด้านที่ปรึกษา กมธ.แลนด์บริดจ์ เปิดไทม์ไลน์โครงการฯ คาดประมูล-ตอกเสาเข็มเฟสแรกปลายปี 2568
ความคืบหน้าโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทย และอันดามัน (โครงการแลนด์บริดจ์) เริ่มเห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้น ภายหลังรัฐบาลเปิดรับฟังความสนใจจากภาคเอกชน (Market Sounding) โครงการศึกษาความเหมาะสม ออกแบบเบื้องต้น ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและวิเคราะห์รูปแบบโมเดลการพัฒนาการลงทุน (Business Development Model) เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้สัมภาษณ์แสดงความมั่นใจว่าโครงการแลนบริดจ์ ได้ศึกษาชัดเจนแล้วว่าโครงการฯ ค่อนข้างมีประโยชน์ต่อประเทศชาติ ดูจากการที่มีบริษัทจากต่างประเทศ ให้ความสนใจมาก และคนที่จะตัดสินใจว่าโครงการนี้จะเดินไปได้คือภาคเอกชนต่างประเทศที่มาลงทุน
นายสุริยะ กล่าวอีกว่า จากที่ตนจะเดินทางไปกรุงโรม ประเทศอิตาลีและดูไบ ได้พบกับบริษัทชั้นนำของประเทศจีนที่ความสนใจ เพราะฉะนั้นขอให้มั่นใจได้ว่า”โครงการแลนด์บริดจ์เกิดแน่”
เช่นเดียวกับการทำโรดโชว์ ที่จบไปแล้วทุกคนให้ความสนใจอย่างมาก ขั้นตอนต่อไปคือการเสนอกฎหมายผ่านสภาฯ เพราะการทำโรดโชว์เพื่อไปชักชวน และดูว่านักลงทุนมีข้อคิดเห็นอย่างไร จะใส่ลงไปในกฎหมายได้หรือไม่ โดยคาดว่าจะได้เป็นตัวร่างกฎหมายเสนอภายในหารประชุมสภาฯสมัยวิสามัญที่จะเปิดในเดือนกรกฎาคมนี้ ขณะที่ไทม์ไลน์ หลังจากประกาศแล้ว ได้ตัวผู้ลงทุน จะเริ่มสร้าง คาดว่าจะประกาศหาผู้ประมูลช่วง ปลายปี 2568
ด้านนางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การผลักดันโครงการแลนด์บริดจ์นั้น เบื้องต้นต้องเร่งผลักดันร่าง พ.ร.บ.ระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (SEC) คู่ขนานกันไปด้วย ทั้งนี้จะวางกรอบเวลาในการเสนอไปที่สภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พิจารณาทั้ง 3 วาระ ซึ่งในขั้นตอนนี้จะใช้เวลาอย่างน้อย 1 ปีในการจัดตั้ง SEC ซึ่งจะทันกับการประมูลโครงการแลนด์บริดจ์เฟสแรกในช่วงปลายปี 2568
“กรณีที่กระบวนการเสนอต่อสภาฯพิจารณาร่างพ.ร.บ.SEC หากมีความล่าช้าจะดำเนินการอย่างไรนั้น ในปัจจุบันมีกฎหมายหลายฉบับที่อยู่ในการพิจารณาของสภาฯ เบื้องต้นเราจะเร่งรัดให้มีการจัดลำดับความสำคัญของร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้เข้าไปอยู่ในนั้นด้วย เนื่องจากเป็นร่างพ.ร.บ.SEC ที่มีผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ”
สอดคล้องกับความเห็นของ รศ.ดร.กิตติ ลิ่มสกุล ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญ สภาผู้แทนราษฎร พิจารณาศึกษาโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ด้านคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ เชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน หรือ“กรรมาธิการโครงการแลนด์บริดจ์” กล่าวกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า แลนด์บริดจ์เกิดขึ้นแน่นอน หลังรัฐบาลทำ Market Sounding โดยเชิญผู้ประกอบการที่จะลงทุน ทั้งสถานทูตต่างประเทศและหน่วยงานต่างๆประมาณ 100 กว่าแห่ง พบว่าเสียงส่วนใหญ่มีความสนใจและมีคำถามมากพอสมควร
สำหรับไทม์ไลน์หลังกระทรวงคมนาคม นำเสนอต่อที่ประชุม ครม.ทิศทางการดำเนินโครงการจะเดินหน้าดังต่อไปนี้ ภายในปี 2567 รัฐบาลจะออกกฎหมาย เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (SEC) ซึ่งกฎหมายนี้มีความสำคัญมาก ต้องกำหนดขอบเขตต่างๆ และกำหนดกรอบของการเวนคืน เพื่อราษฎรที่ถูกรอนสิทธิจะได้ไม่เสียหาย รวมทั้งสส.ในพื้นที่และประชาชนต้องให้ความสำคัญโดยการมาร่วมให้ความคิดเห็นในสภาฯด้วย ดังนั้น สิ่งที่ต้องดำเนินการก่อนคือ
1.พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (SEC) ต้องแล้วเสร็จในปี 2567
2.จัดตั้งคณะกรรมการนโยบายระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้
3.จัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ เพื่อขับเคลื่อนนโยบายและผลักดันให้เกิดการพัฒนาเมืองและพัฒนาอุตสาหกรรม
ในปี 2568 จะเป็นการคัดเลือกเอกชนที่สนใจมาลงทุน ซึ่งจะมีการเวนคืน จัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน และอื่นๆ เมื่อทุกอย่างเดินหน้าไปได้ จะขออนุมัติครม.ให้มีการลงนามสัญญา และเริ่มก่อสร้างในเดือนกันยายน 2568 และเริ่มตอกเสาเข็มเฟส 1 ในปี 2568 ตามด้วยเฟส 2,เฟส 3 ในปี 2569 – 2570 ตามลำดับ และเริ่มดำเนินการได้ในปี 2573
“เมื่อ พ.ร.บ. SEC เข้าสภาฯ สส.ให้ความร่วมมือ ขณะที่ประชาชนก็ไม่คัดค้าน เชื่อว่าปี 2568 สามารถเปิดการประมูลทั่วไปได้ ซึ่งเป็นไปตามแนวคิดการพัฒนา SEC โดยใช้โครงการแลนด์บริดจ์ เป็นเครื่องมือ” รศ.ดร.กิตติกล่าว
หน้า 1 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3999 วันที่ 9-12 มิถุนายน พ.ศ. 2567
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
มูดี้ส์เตือน 6 แบงก์สหรัฐเสี่ยงโดนลดอันดับ หลังสินเชื่ออสังหาฯพุ่ง กดดันกำไร
มูดี้ส์เตือน 6 ธนาคารสหรัฐเสี่ยงโดนลดอันดับเป็น “เฝ้าระวังเพื่อลดอันดับ” หลังสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์พุ่งในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น กดดันกำไร
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า มูดีส์ (Moody’s) บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือเตือน 6 ธนาคารในสหรัฐเสี่ยงโดนปรับลดอันดับเครดิต หลังพบยอดสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์เป็นจำนวนมาก
มูลดีส์ อาจปรับลดสถานะเป็น “เฝ้าระวังเพื่อลดอันดับ” ของธนาคารทั้ง 6 แห่ง ได้แก่ First Merchants Corp., F.N.B. Corp., Fulton Financial Corp., Old National Bancorp, Peapack-Gladstone Financial Corp. และ WaFd
ธนาคารทั้ง 6 แห่งมีความเสี่ยงจากสัดส่วนสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์อยู่ในระดับสูง ซึ่งอาจกดดันต่อคุณภาพสินทรัพย์และผลกำไรอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นและคงอยู่เป็นเวลานานเหล่านี้ จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงเดิมที่มีอยู่ให้ทวีความรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่เศรษฐกิจขาลง
อย่างไรก็ดี ในช่วงที่ตลาดอยู่ในช่วง“ดอกเบี้ยต่ำ”ก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐจะเริ่มขึ้นดอกเบี้ย ธนาคารภูมิภาคหลายแห่งเลือกที่จะสร้างและรักษาสัดส่วนสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ไว้ในระดับที่สูง ซึ่งมูดีส์มองว่าเป็น “ประเภทสินทรัพย์ที่ผันผวน” ตัวอย่างเช่น ธนาคาร Fulton ซึ่งมีสินทรัพย์ประเภทนี้มีสัดส่วนสูงถึง 267% ของทุนจดทะเบียน
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 7มิ.ย. “แข็งค่า” ที่ระดับ 36.41 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทอาจชะลอการแข็งค่าลงบ้าง เหตุฝั่งผู้นำเข้าอาจรอทยอยเข้าซื้อเงินดอลลาร์ในโซนต่ำกว่า 36.50 บาทต่อดอลลาร์ และผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยซื้อเงินเยน
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 7มิ.ย. 2567 ที่ระดับ 36.41 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 36.48 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาทอาจแกว่งตัว sideways ในกรอบ 36.35-36.55 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงก่อนตลาดทยอยรับรู้ รายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ได้ โดยเราประเมินว่า แม้เงินบาทจะแข็งค่าหลุดแนวรับ 36.50 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งอยู่แถวโซนเส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน ทว่าการแข็งค่าของเงินบาทก็อาจชะลอลงบ้าง เนื่องจากผู้เล่นในตลาดบางส่วน
โดยเฉพาะฝั่งผู้นำเข้าอาจรอทยอยเข้าซื้อเงินดอลลาร์ในโซนต่ำกว่า 36.50 บาทต่อดอลลาร์ นอกจากนี้ การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทเทียบกับสกุลเงินต่างประเทศ อย่าง เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยเข้าซื้อเงินเยน (JPYTHB) ในช่วงนี้ได้
และนอกเหนือจากโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าว เราคาดว่า บรรดานักลงทุนต่างชาติก็อาจยังไม่รีบกลับเข้าซื้อสินทรัพย์ไทยในช่วงนี้ จนกว่าตลาดจะมั่นใจในแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด หรือ ความวุ่นวายของการเมืองในประเทศไทยจะคลี่คลายลงมากขึ้น ทำให้เงินบาทเสี่ยงเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าได้ หากนักลงทุนต่างชาติเลือกที่จะขายสุทธิสินทรัพย์ไทยในช่วงนี้
ทั้งนี้ ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ โดยจากสถิติย้อนหลัง 1 ปี เราพบว่า เงินบาทสามารถผันผวนอ่อนค่าลงได้กว่า 0.33% หากรายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ อย่าง ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) ออกมาสูงกว่าคาด
ในทางกลับกัน หากรายงานข้อมูลดังกล่าวออกมาแย่กว่าคาด ก็อาจหนุนให้เงินบาทสามารถแข็งค่าขึ้นกว่า 0.37% ได้ สะท้อนว่า ตลาดการเงินอาจอ่อนไหวกับข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ที่ออกมาแย่กว่าคาด ได้มากกว่า ข้อมูลการจ้างงานที่ดีกว่าคาด
เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทยังมีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวนไปตาม การเปลี่ยนแปลงไปมาของปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางค่าเงินบาท อย่าง มุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ทำให้ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.35-36.55 บาท/ดอลลาร์ ในช่วงก่อนรับรู้รายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ
และประเมินกรอบในช่วง 36.25-36.60 บาท/ดอลลาร์ ในช่วงทยอยรับรู้รายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันที่ผ่านมา ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) และการแถลงของประธาน ECB แต่โดยรวมเงินบาทเคลื่อนไหวแข็งค่าขึ้น (แกว่งตัวในช่วง 36.40-36.55 บาทต่อดอลลาร์) โดยเงินบาทได้แรงหนุนฝั่งแข็งค่าตามการทยอยอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ หลัง ECB ไม่ได้ส่งสัญญาณพร้อมทยอยลดดอกเบี้ยลงต่อเนื่อง ตามที่ตลาดคาดหวังไว้ แม้ว่าในการประชุมครั้งนี้ ECB จะลดดอกเบี้ยลง -25bps ตามที่ตลาดคาดไว้ก็ตาม ซึ่งภาพดังกล่าวได้หนุนให้ เงินยูโร (EUR) พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น กดดันให้เงินดอลลาร์ย่อตัวลง นอกจากนี้ การอ่อนค่าลงบ้างของเงินดอลลาร์ ได้หนุนให้ราคาทองคำสามารถรีบาวด์ขึ้นราว +20 ดอลลาร์ ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนเลือกที่จะทยอยขายทำกำไรทองคำออกมาบ้าง ก่อนรับรู้รายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ในคืนวันศุกร์นี้ และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าของเงินบาท
บรรดาผู้เล่นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังไม่กล้าเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงเพิ่มเติม เพื่อรอลุ้นรายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้ก่อน นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดบางส่วนก็เลือกที่จะขายทำกำไรหุ้นเทคฯ ใหญ่ที่ปรับตัวขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมา อาทิ Nvidia -1.2% ทำให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.02%
ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง +0.66% หนุนโดยการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ตามที่ตลาดคาดหวัง นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นเทคฯ ใหญ่ อย่าง SAP +3.6% หลังผู้บริหารออกมาระบุว่าผลประกอบการของ SAP มีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่องจนถึงปี 2027
ในส่วนตลาดบอนด์ แนวโน้มการทยอยลดดอกเบี้ยของบรรดาธนาคารกลางหลัก โดยเฉพาะ ECB ที่ได้ลดดอกเบี้ยลง -25bps ตามคาด รวมถึงรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) ของสหรัฐฯ ที่ออกมาแย่กว่าคาด
ยังคงทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างเชื่อว่า เฟดมีโอกาสเกิน 90% ที่จะลดดอกเบี้ยราว 2 ครั้งในปีนี้ ทำให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ มีจังหวะย่อตัวลงบ้าง แต่ยังคงแกว่งตัวแถวระดับ 4.28% เนื่องจากผู้เล่นในตลาดส่วนใหญ่ต่างก็รอลุ้นรายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ก่อนที่จะปรับสถานะถือครองที่ชัดเจน
โดยเราขอย้ำมุมมองเดิมว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังมีความเสี่ยงที่จะผันผวนสูงขึ้นได้ หากยอดการจ้างงานสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด แต่ทุกจังหวะการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จะเป็นโอกาสในการทยอยเข้าซื้อบอนด์ระยะยาวที่น่าสนใจ (หากบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นเกินระดับ 4.50% ก็สามารถพิจารณาเป็นจุดเข้าซื้อที่น่าสนใจได้เช่นกัน)
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวผันผวน แต่โดยรวมเป็นการอ่อนค่าลง หลังเงินยูโร (EUR) พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ตามถ้อยแถลงของประธาน ECB ที่ไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนว่า ECB จะสามารถลดดอกเบี้ยลงต่อเนื่องได้ อย่างที่ตลาดคาดหวัง ทำให้การลดดอกเบี้ยของ ECB ในครั้งนี้ มีลักษณะเป็น “Hawkish Cut”
ทั้งนี้ เงินดอลลาร์ยังไม่ได้อ่อนค่าลงไปมากนัก เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้นรายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ย่อตัวลงสู่ระดับ 104.1 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 104.1-104.4 จุด)
ในส่วนของราคาทองคำ แนวโน้มการทยอยลดดอกเบี้ยของบรรดาธนาคารกลางหลัก และการย่อตัวลงบ้างของเงินดอลลาร์ ได้ช่วยหนุนให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค.) สามารถรีบาวด์ขึ้นสู่โซน 2,396 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนได้ทยอยขายทำกำไรทองคำออกมาบ้าง และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมา
สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ในเดือนพฤษภาคม ทั้งยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) อัตราการว่างงาน (Unemployment Rate) และอัตราการเติบโตของค่าจ้าง (Average Hourly Earnings)
ส่วนในฝั่งยุโรป เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ ECB เพื่อประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของ ECB ในระยะถัดไป
และในฝั่งเอเชีย ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานยอดการส่งออกและนำเข้าของจีนในเดือนพฤษภาคม ส่วนในฝั่งไทย ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI เดือนพฤษภาคม ว่าจะมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องได้หรือไม่ (เราคาดว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอาจสูงขึ้นแตะระดับ 1.5%)
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
วอลเลย์บอลชายไทย แพ้ 2 แมตช์รวดชวดป้องกันแชมป์เอวีซี ชาเลนจ์ คัพ
ทีมวอลเลย์บอลชายชาติไทยสู้เต็มที่ แต่พ่ายคาซัคสถาน 2-3 เซต แพ้ 2 แมตช์รวดตกรอบแรกวอลเลย์บอลชาย เอวีซี ชาเลนจ์ คัพ 2024 ที่บาห์เรน สิ้นสุดเส้นทางในการป้องกันแชมป์ไว้เพียงรอบนี้ ต้องหล่นไปเล่นรอบจัดอันดับ 9-12
การแข่งขันวอลเลย์บอลชายเอวีซี ชาเลนจ์ คัพ 2024 ที่บาห์เรน เมื่อวันอังคารที่ 4 มิ.ย.67 ที่ผ่านมา เป็นการแข่งขันในรอบแบ่งกลุ่มแมตช์ที่สองระหว่าง ทีมไทย (แชมป์เก่า) พบกับ คาซัคสถาน
โดยทีมไทย ของโค้ช พัก กีวอน ส่งผู้เล่น 6 คนแรก ประกอบด้วย อมรเทพ คนหาญ (โค้งหลัง) , กฤษฎา นิลไสว (บอลเร็ว) , อนุชิต ภักดีแก้ว (บอลเร็ว) , อนุรักษ์ พันธุ์รัมย์ (หัวเสา) , จักกริช ถนอมน้อย (หัวเสา) , บุญญฤทธิ์ วงศ์ธร (เซตเตอร์) และ ศิวดล สันหาธรรม (ตัวรับอิสระ)
ผลปรากฏว่าทั้งสองทีมสู้กันได้อย่างสนุก จนต้องมาเล่นชี้ขาดถึงเซตที่ 5 ก่อนที่ คาซัคสถานจะเอาชนะไปได้ในที่สุด 3-2 เซต 25-21 , 22-25 , 25-23 , 19-25 และ 15-13 ส่งผลให้ทีมไทย แพ้ 2 แมตช์รวด หลังแมตช์แรกแพ้ ปากีสถานมา 3 เซตรวด ตกรอบแน่นอนแล้ว ชวดโอกาสในการป้องกันแชมป์รายการนี้ ต้องหล่นไปเล่นในรอบจัดอันดับ 9-12 ต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th
อย่ากิน! “ไซบูทรามีน” ในอาหารเสริมลดน้ำหนัก เสี่ยงเสียชีวิต!
เคยได้ยินคำเตือนมามากมายว่าอาหารเสริมที่ช่วยลดน้ำหนักส่วนใหญ่ แฝงอันตรายที่ทำให้ทานแล้ว นอกจากจะไม่ได้ผลจริง ยังทำร้ายร่างกายในหลายๆ ส่วน ทั้งอาการโยโย่ที่ทำให้อ้วนมากกว่าเดิม ทั้งอาการใจสั่น หน้ามืด โทรม สมองเบลอ ไปจนถึงช็อคจนต้องเข้าโรงพยาบาล หรือถ้าเข้าโรงพยาบาลไม่ทัน ก็อาจกลายเป็นข่าวหน้าหนึ่ง
แต่จะประณามว่าอาหารเสริมลดน้ำหนักทุกชนิด ทุกยี่ห้อบนโลกอันตรายไปหมดมันก็ไม่ใช่ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าแบบไหนปลอดภัย แบบไหนอันตราย
ถ้ามีการตรวจเจอ “ไซบูทรามีน” เมื่อไร นั่นแหละ… อย่ากินเด็ดขาด!
ไซบูทรามีน คืออะไร?
เป็นสารเคมีอินทรีย์ ลักษณะเป็นผงแป้งสีขาว คล้ายเกลือหรือน้ำตาล ไม่มีกลิ่น มีคุณสมบัติออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลาง ลดการทำลายสารสื่อประสาทอย่าง ซิโรโทนิน, นอร์อีพิเนฟริน และโดปามีน ทำห้สารเหล่านี้ทำงานนานขึ้น จึงส่งผลทำให้มีความรู้สึกไม่หิวหรืออิ่มเร็วขึ้น
ทำไมในอาหารเสริมลดความอ้วน ผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนัก ถึงใส่ไซบูทรามีน?
ยาไซบูทรามีน ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาในปี 2540 ว่าช่วยลดน้ำหนัก และลดปริมาณคอเลสเตอรอลในร่างกายได้ แต่จัดเป็นยาที่ได้รับการควมคุมดูแลเป็นพิเศษ และแพทย์ต้องเป็นผู้พิจารณาการใช้ยา เพื่อรักษาโรคอ้วน ในผู้ป่วยรายที่จำเป็นต้องใช้จริงๆ เท่านั้น
ไซบูทรามีน อันตรายอย่างไร?
การศึกษาไซบูทรามีนภายหลัง พบว่า ไซบูทรามีน ทำให้เกิดภาวะไตวาย ผิดปกติเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร มีโอกาสเสี่ยงเกิดโรคหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดตีบตัน และอาจทำให้ถึงกับเสียชีวิตได้
ดังนั้น ในปี 2553 ทางประเทศในยุโรปจึงประกาศยกเลิกไม่ให้ใช้ยานี้ รวมทั้งในประเทศไทยด้วยที่เรียกเก็บยาที่มีสารไซบูทรามีนออกจากท้องตลาด และยกเลิกทะเบียนยาไซบูทรามีน การพบไซบูทรามีนในผลิตภัณฑ์อาหารเสริม จึงเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย ที่ผู้ผลิตจงใจหลีกเลี่ยง และแอบใส่ในผลิตภัณฑ์ เพื่อหวังผลลัพท์ที่ดี แต่ไม่คำนึงถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นต่อสุขภาพของผู้บริโภคในภายหลัง
อาการที่พบ หลังทานผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของไซบูทรามีน
- ปากแห้ง
- รับรู้ถึงรสชาติที่แปลกๆ แปร่งๆ ลิ้น
- คลื่นไส้ หรืออาเจียน
- ท้องผูก
- นอนไม่หลับ หรือหลับไม่สนิท กระสับกระส่าย
- วิงเวียนศีรษะ
- ปวดศีรษะ
- ปวดประจำเดือนมากกว่าปกติ
- ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อตามแขน ขา ตัว และตามข้อต่อต่างๆ ในร่างกาย
อาการที่พบหลังบริโภคไซบูทรามีนไปนานๆ
- หัวใจเต้นผิดจังหวะ
- เกิดภาพหลอน หรืออาการที่เกี่ยวข้องกับจิตประสาท
- เกิดภาวะไตวาย
- ระบบทางเดินอาหารทำงานผิดปกติ
- มีความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจขาดเลือด หรือโรคหลอดเลือดตีบตัน
อย่างที่บอกไปแล้วว่า ไซบูทรามีน เป็นสารที่ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ อาหารเสริมลดน้ำหนัก “ลักลอบ” นำมาใส่เป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ โดยไม่ได้ผ่านการรับรองจาก อย. อย. ตรวจพบไปหลายรายก็จริง แต่ก็ยังมีผู้ผลิตรายใหม่ๆ ผุดขึ้นมาในตลาดมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน ดังนั้นถ้าอยากผอมจริง ควบคุมอาหาร และออกกำลังกายให้มากขึ้น น่าจะเป็นวิธีลดน้ำหนักที่ยั่งยืน และแข็งแรงกว่าค่ะ อย่าคิดจะใช้วิธีลัดเลย มันไม่มีอยู่จริงหรอก
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
เพิ่งรู้ความหมาย! ตำแหน่งกุญแจ “ACC” หมายถึงอะไร?
หากใครยังคุ้นชินกับระบบกุญแจแบบบิดสตาร์ทดั้งเดิม อาจจะเคยสงสัยว่าตำแหน่งกุญแจที่มีคำว่า “ACC” หมายถึงอะไรกันแน่? บทความนี้ Sanook Auto จะพาไปหาคำตอบกัน
ตำแหน่ง ACC หมายถึงอะไร?
แท้จริงแล้วคำว่า ACC ที่พบเห็นได้บริเวณสวิตช์กุญแจ ย่อมาจากคำว่า “Accessory” ซึ่งหมายถึงตำแหน่งที่สามารถเปิดใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าบางอย่างภายในรถได้นั่นเอง ซึ่งโดยมากแล้วจะใช้เพื่อเปิดเครื่องเสียงโดยไม่จำเป็นต้องสตาร์ทเครื่องยนต์ทิ้งไว้ รถบางรุ่นยังสามารถพับกระจกมองข้าง หรือเปิดที่ปัดน้ำฝน เพียงแค่บิดกุญแจไปตำแหน่งนี้ได้ โดยไม่จำเป็นต้องสตาร์ทรถนั่นเอง
นอกจากตำแหน่ง ACC ยังมีตำแหน่ง ON ซึ่งเป็นการเปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกอย่างภายในรถเช่นเดียวกับการสตาร์ทเครื่องยนต์ โดยตำแหน่งนี้สามารถเลื่อนกระจกหน้าต่างขึ้น-ลง หรือเปิดพัดลมแอร์ได้ แต่หากไม่ได้สตาร์ทเครื่องยนต์แล้วล่ะก็ แอร์จะไม่มีความเย็นออกมา เนื่องจากคอมเพรสเซอร์แอร์จำเป็นต้องอาศัยการทำงานของเครื่องยนต์นั่นเอง
เมื่อทราบแบบนี้ก็คงหายสงสัยกันแล้วใช่ไหมล่ะครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
กริยาวลี Phrasal Verbs “Give”เรียนภาษาอังกฤษ Phrasal Verbs Give ที่ควรรู้ มีอะไรบ้าง? พร้อมตัวอย่างประโยค
Phrasal Verbs Give
Give away แปลว่า หักหลัง, เผยความลับ
- Trust me! I didn’t give anything away about my company.
เชื่อฉันเถอะ ฉันไม่เผยความลับอะไรก็ตามเกี่ยวกับบริษัทของฉันหรอก
Give back แปลว่า ให้คืน, ส่งคืน
- Give me back my money!!
คืนเงินฉันมาได้แล้วนะ!! - Give me back my book!
เอาหนังสือของฉันคืนมา!
Give in แปลว่า ยินยอม, ส่งไปให้
- My mom finally give in and let me go to the pool party with friends.
สุดท้ายแล้วแม่ของฉันก็ยอมให้ฉันไปปาร์ตี้สระว่ายน้ำกับเพื่อน - I finally gave in and let him stay up to watch TV.
ในที่สุดฉันก็ยอมปล่อยให้เขานอนดูทีวีต่อไป
Give forth แปลว่า ปล่อย (กลิ่น, เสียงหรืออื่นๆ) ออกไป
- The chimney gave forth a cloud of grey smoke.
ปล่องไฟได้ปล่อยควันสีเทาออกมา - The fields give forth an odor of spring.
ทุ่งนามีกลิ่นของฤดูใบไม้ผลิ
Give off แปลว่า ส่งกลิ่น, ปล่อย
- The fence has given off a smell of paint for a week.
รั้วส่งกลิ่นเหม็นจากการทาสีมาเป็นอาทิตย์แล้ว - Many household products give off noxious fumes.
ผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนหลายชนิดปล่อยควันพิษออกมา
Give out แปลว่า หมด, แจกจ่าย
- Someone is giving a sample product out in front of school.
มีคนกำลังแจกสินค้าตัวอย่างอยู่ที่หน้าโรงเรียน - I want to buy some water because it gave out.
ฉันต้องการซื้อน้ำเพราะมันหมดแล้ว
Give over แปลว่า หยุดทำสิ่งไม่ดีหรือน่ารำคาญ
- My sons were making a lot of noise so I told them to give over!.
ลูกชายของฉันส่งเสียงดังมาก ดังนั้นฉันเลยบอกพวกเขาให้หยุดทำ! - I wish you lot would just give over!
ฉันหวังว่าคุณจะยอมแพ้!
Give up แปลว่า ยอมแพ้, ล้มเลิก
- My father has given up drinking alcohol a year ago.
พ่อฉันเลิกดื่มแอลกอฮอล์มาได้เป็นปีแล้ว - They gave him up to the police.
พวกเขามอบตัวกับตำรวจ
ขอบคุณข้อมูลจาก edufirstschool.com
10 อันดับผลไม้ยิ่งกินยิ่งผิวสวยฉ่ำ สุขภาพดี
หลายคนคงคุ้นเคยกับคำกล่าวที่ว่า “ผลไม้เป็นแหล่งขุมพลังแห่งความงาม” หลายๆ บทความ บทสัมภาษณ์ รวมไปถึงคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านความงาม ล้วนย้ำเตือนถึงประโยชน์ของผลไม้ต่อผิวพรรณ แต่รู้หรือไม่ว่า ผลไม้อะไรบ้างที่ช่วยให้คุณมีผิวสวยใส เปล่งประกายอย่างเป็นธรรมชาติ? เราจะขอพาทุกท่านไปไขความลับว่านี่คือ 10 อันดับผลไม้ช่วยให้ผิวสวย ทานเป็นประจำยิ่งช่วยให้ผิวสุขภาพดี
10 อันดับผลไม้ช่วยให้ผิวสวย
1.อะโวคาโด
อะโวคาโดอุดมไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ย ซึ่งมีคุณสมบัติในการกักเก็บความชุ่มชื้นและปกป้องผิว ช่วยลดเลือนริ้วรอยก่อนวัยที่เกิดจากรังสี UVA และ UVB นอกจากนี้ อะโวคาโด ยังช่วยกระตุ้นการดูดซึมวิตามินละลายในไขมัน ซึ่งมีส่วนช่วยในการปกป้องผิวจากรังสีอัลตร้าไวโอเลตอีกด้วย
ผลงานวิจัยทางคลินิกในปี 2022 ชี้ให้เห็นว่า การรับประทานอะโวคาโดเป็นประจำทุกวัน ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและความกระชับของผิวบริเวณใบหน้าในผู้หญิง
วิธีการรับประทานอะโวคาโด
- เพิ่มอะโวคาโดลงในสลัดมื้อกลางวันของคุณ
- ใช้เนื้ออะโวคาโดทาบนขนมปังปิ้ง เป็นอาหารว่างหรือมื้อเช้าแสนรวดเร็ว
- รับประทานอะโวคาโดเป็นผลไม้สดก็ได้เช่นกัน
เพียงเท่านี้คุณก็สามารถมีผิวพรรณที่เปล่งปลั่ง สุขภาพดี อย่างง่ายๆ ด้วยการนำอะโวคาโดมาเป็นส่วนหนึ่งของมื้ออาหารของคุณ
2.มะนาว
ใครที่ใฝ่ฝันถึงผิวพรรณกระจ่างใส ไร้สิวและรอยด่างดำ มะนาวนี่แหละคือตัวช่วย นอกจากจะนำมาปรุงอาหารแล้ว มะนาวก็เป็นอีกหนึ่งไอเทมจากธรรมชาติที่สามารถนำมาดูแลผิวของคุณได้อย่างง่ายดาย
ประโยชน์ของมะนาวต่อผิว
มะนาวอุดมไปด้วยวิตามินซี ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นดี ช่วยต่อสู้กับอนุมูลอิสระ และขับสารพิษออกจากร่างกาย วิตามินซีในมะนาวช่วยปกป้องผิวจากภาวะผิวหมองคล้ำ [11] นอกจากนี้ มะนาว ยังช่วยลดการอักเสบของผิว ลดการเกิดสิวอักเสบ ผลการวิจัยในปี 2020 ชี้ให้เห็นว่า ฟลาโวนอยด์ที่มีอยู่ในเปลือกมะนาว มีประสิทธิภาพสูงในการควบคุมความเครียดออกซิเดชันและการอักเสบที่เกิดจากรังสี UVB
วิธีการใช้มะนาวเพื่อผิวสวย
- บีบน้ำมะนาวลงในน้ำอุ่น 1 แก้ว ผสมน้ำผึ้งแท้เล็กน้อย ดื่มตอนเช้าขณะท้องว่าง
- ช่วงหน้าร้อน ดื่มน้ำผสมมะนาวเย็น ๆ ช่วยดับกระหายและสดชื่น
- ปรุงน้ำสลัดด้วยน้ำมะนาวสด เพิ่มรสชาติและประโยชน์
- ผสมน้ำมะนาวสดกับน้ำกุหลาบ ทาบนใบหน้าทิ้งไว้ 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น ช่วยให้ผิวหน้ากระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ
เพียงเท่านี้ คุณก็สามารถใช้ประโยชน์จากมะนาวเพื่อให้มีผิวพรรณที่สวยใส ไร้กังวลเรื่องริ้วรอยและจุดด่างดำได้ แต่คำเตือน : ไม่ควรนำน้ำมะนาวสดมาทาผิวโดยตรงเป็นเวลานาน เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคือง
3.ส้ม
ใครๆ ก็ชื่นชอบรสชาติเปรี้ยวอมหวาน ชุ่มฉ่ำของส้มคั้นสดๆ ผลไม้สีสันสดใสชนิดนี้ ไม่เพียงแค่มีสีสันที่สวยงามเท่านั้น แต่ยังอุดมไปด้วยประโยชน์ต่อผิวพรรณและสุขภาพอีกด้วย
ประโยชน์ของส้มต่อผิว
ส้มอุดมไปด้วยวิตามินซีซึ่งเป็นเหมือนเกราะป้องกันชั้นดี ช่วยปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ และรังสี UV นอกจากนี้ ส้มยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันความเสียหายของ DNA กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และลดการอักเสบ
ผลงานวิจัยพบว่า การดื่มน้ำส้มคั้นสดเป็นประจำ ช่วยเพิ่มปริมาณแคโรทีนนอยบนผิวหนังของมนุษย์ ซึ่งบ่งบอกถึงระดับสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกายได้เป็นอย่างดี
วิธีการรับประทานส้มเพื่อผิวสวย
- รับประทานส้ม 1 ลูกเป็นประจำ ทุกเช้าหรือบ่าย
- คั้นน้ำส้มสุก ๆ ดื่มเป็นเครื่องดื่มดับกระหายแสนสดชื่น
- เพิ่มส้มลงในของหวาน พุดดิ้ง หรือสลัด เพื่อเพิ่มรสชาติและวิตามิน
- คำเตือน : ไม่แนะนำให้ใช้น้ำส้มสดทาผิวโดยตรง เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคือง
4.แตงโม
แตงโม ไม่ใช่แค่ผลไม้ดับกระหายคลายร้อนเท่านั้น แต่ยังเป็นสุดยอดอาหารผิว โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายหรือเป็นสิวบ่อย ช่วงหน้าร้อนนี้ อย่าพลาดที่จะรับประทานแตงโมเพื่อผิวพรรณเปล่งปลั่ง
ประโยชน์ของแตงโมต่อผิว
แตงโมเป็นผลไม้เนื้อฉ่ำ สีแดงสด มีน้ำมากถึง 92% ช่วยขับสารพิษออกจากผิวหนัง ส่งผลดีต่อระบบย่อยอาหาร นอกจากนี้ แตงโมยังอุดมไปด้วยวิตามินเอ ซี บี1 และ บี6 รวมทั้งเป็นแหล่งของแคโรทีนอยด์ ฟλαโวนอยด์ และไลโคปีน โดยเฉพาะไลโคปีน มีส่วนช่วยปกป้องผิวจากรังสีอนุมูลอิสระ
ผลการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ยังชี้ให้เห็นว่า การนำเนื้อแตงโมมาพอกผิวเป็นประจำ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วิธีการรับประทานแตงโมเพื่อผิวสวย
- ดื่มน้ำคั้นจากเนื้อแตงโมสด ในตอนเช้าหรือบ่าย
- รับประทานเนื้อแตงโมเป็นของว่างยามบ่ายคลายร้อน
- เพิ่มเนื้อแตงโมลงในพุดดิ้ง ของหวาน หรือสมูทตี้เพื่อเพิ่มรสชาติและวิตามิน
- นำเนื้อแตงโมสดมาพอกบนผิวหน้าเป็นเวลา 10 นาที ช่วยให้ผิวดูสดชื่น เปล่งประกายอย่างเป็นธรรมชาติ
5.สับปะรด
สับปะรด เป็นอีกหนึ่งผลไม้ยอดนิยมที่ไม่เพียงแต่รับประทานได้อร่อย แต่ยังถูกนำมาเป็นส่วนผสมสำคัญในสูตรมาส์กหน้าหลายชนิด เนื่องจากมีคุณสมบัติในการส่งเสริมกระบวนการสร้างเซลล์ผิวใหม่
ประโยชน์ของสับปะรดต่อผิว
สับปะรดอุดมไปด้วยเอนไซม์ที่มีประสิทธิภาพอย่างโบรมีเลน ซึ่งมีส่วนช่วยในการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป นอกจากนี้ โบรมีเลน ยังช่วยลดการอักเสบของผิวหนังได้อีกด้วย
สับปะรดยังมีวิตามินเอ ซี และ เค รวมไปถึงแร่ธาตุต่างๆ ที่จำเป็นต่อสุขภาพผิวพรรณอีกด้วย
วิธีการรับประทานสับปะรดเพื่อผิวสวย
- รับประทานสับปะรดสดหั่นเป็นชิ้นเป็นของว่างยามเช้าหรือบ่าย
- เพิ่มสับปะรดลงในของหวานหรือพิซซ่าเพื่อเพิ่มรสชาติและวิตามิน
- คำเตือน : ไม่แนะนำให้ใช้เนื้อสับปะรดสดขัดถูผิวหน้าแรงๆ โดยเฉพาะบริเวณที่มีบาดแผลหรือสิว เนื่องจากอาจทำให้เกิดการระคายเคือง คุณสามารถใช้เนื้อสับปะรดสดสไลด์บางๆ ทาเบาๆ บริเวณลำคอและใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด หลังจากใช้เป็นประจำ คุณจะสังเกตเห็นผิวที่ดูกระจ่างใสและอ่อนเยาว์ขึ้น
หมายเหตุ : วิธีการพอกหน้าด้วยสับปะรด เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวทน หากมีผิวแพ้ง่าย ควรทดสอบที่บริเวณหลังหูหรือท้องแขนก่อน เพื่อป้องกันการแพ้
6.แอปริคอท
แม้จะเป็นผลไม้เนื้อนุ่ม ละเอียด แต่ แอปริคอท ก็ทรงประสิทธิภาพในการช่วยให้ผิวพรรณเรียบเนียน ยืดหยุ่น และชุ่มชื้น แม้กระทั่งแอปริคอทแห้ง ก็ยังคงเป็นสุดยอดผลไม้แห้งที่ช่วยมอบผิวเปล่งปลั่งอย่างเป็นธรรมชาติ
ประโยชน์ของแอปริคอทต่อผิว
แอปริคอทอุดมไปด้วยโฟเลท วิตามินเอ ซี และ เค ซึ่งล้วนมีประโยชน์ต่อผิวพรรณ ผลไม้เนื้อฉ่ำ รสชาตินุ่มนวลชนิดนี้ ช่วยปกป้องผิวและร่างกายจากอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ แอปริคอทยังเป็นแหล่งของใยอาหาร ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วิธีการรับประทานแอปริคอทเพื่อผิวสวย
- ใส่แอปริคอทสับละเอียดลงในซีเรียลหรือสมูทตี้มื้อเช้าของคุณ
- นำแอปริคอทแห้งคลุกเคล้ากับเครื่องเทศเพื่อเพิ่มรสชาติ รับประทานเป็นของว่างยามบ่าย
- นำแอปริคอทสด แยกเมล็ดออก ปั่นให้ละเอียดเป็นเนื้อครีม ทาลงบนใบหน้าและลำคอ ทิ้งไว้ 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
หมายเหตุ : วิธีการพอกหน้าด้วยแอปริคอท เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวทน หากมีผิวแพ้ง่าย ควรทดสอบที่บริเวณหลังหูหรือท้องแขนก่อน เพื่อป้องกันการแพ้
7.ทับทิม
ทับทิม ขึ้นชื่อเรื่องประโยชน์ต่อผิวพรรณและสุขภาพ นอกจากเมล็ดทับทิมสีแดงสดใสแล้ว เยื่อขาวและเปลือกทับทิมก็อุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญและสารต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย
ประโยชน์ของทับทิมต่อผิว
สารอาหารในทับทิม ช่วยปกป้องผิวจากแสแดด ลดเลือนรอยจุดด่างดำ นอกจากนี้เมล็ดทับทิมยังอุดมไปด้วยวิตามินเค ซี แร่ธาตุต่างๆ เช่น ฟอสฟอรัส แคลเซียม แมกนีเซียม และโพแทสเซียม ผลการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ชี้ให้เห็นว่า สารสกัดจากทับทิม มีประสิทธิภาพสูงในการยับยั้งรังสี UVA และ UVB ไม่ให้ทำร้ายผิวหนัง
วิธีการรับประทานทับทิมเพื่อผิวสวย
- โรยเมล็ดทับทิมลงในซีเรียล โจ๊ก สลัดผลไม้ หรือรับประทานเป็นของว่างยามบ่าย
- ปั่นเมล็ดทับทิมสดเป็นสมูทตี้หรือน้ำผลไม้เพื่อดื่ม
- เพิ่มเมล็ดทับทิมลงในสลัด คัสตาร์ด หรือพุดดิ้งเพื่อเพิ่มรสชาติและวิตามิน
- ใช้ช้อนกดเมล็ดทับทิมเพื่อให้แตก นำน้ำทับทิมสดที่ได้ ทาลงบนใบหน้าและลำคอ เพื่อผิวเปล่งปลั่งอย่างเป็นธรรมชาติ
8.มะม่วง
มะม่วงสุก เนื้อฉ่ำ หวาน อร่อย เป็นผลไม้ทรงคุณประโยชน์ในการฟื้นฟูผิวพรรณ คุณสมบัติในการรักษาตามธรรมชาติของมะม่วง ทำให้ผลไม้ชนิดนี้กลายเป็นส่วนผสมสำคัญในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหลายชนิด
ประโยชน์ของมะม่วงต่อผิว
มะม่วงอุดมไปด้วยวิตามินเอ ซี อี และ เค นอกจากนี้ ยังมีสารประกอบสำคัญ เช่น แซนโทฟิลล์ โพลีฟีนอล ฟลาโวนอยด์ และเบต้าแคโรทีน
ด้วยน้ำตาลและใยอาหารที่มีอยู่ มะม่วงจึงมีประโยชน์ในการช่วยระบบขับถ่าย ลดอาการท้องผูก อีกทั้งยังมีฤทธิ์ลดการอักเสบ ช่วยปกป้องผิวจากแสแดด และรังสี UV ที่ทำลายดีเอ็นเอ
วิธีการรับประทานมะม่วงเพื่อผิวสวย
- รับประทานมะม่วงสุกหั่นเป็นชิ้น ในตอนเช้าหรือบ่าย
- ดื่มน้ำมะม่วงสดปั่น หรือสมูทตี้ดับกระหายคลายร้อนในช่วงฤดูร้อน
- เพิ่มมะม่วงลงในคัสตาร์ด ของหวาน หรือพุดดิ้งเพื่อเพิ่มรสชาติและวิตามิน
- สูตรพอกหน้า
- ใช้เนื้อมะม่วงสุก ทาลงบนใบหน้าและลำคอ ทิ้งไว้ 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว
- สำหรับผิวแห้ง ผสมน้ำผึ้ง โยเกิร์ต และมะม่วงสุกบด พอกบนใบหน้าและลำคอ ทิ้งไว้ 10-15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
- สำหรับผิวผสมหรือผิวมัน ผสมน้ำกุหลาบ และน้ำมะนาวลงในเนื้อมะม่วงสุก พอกบนใบหน้าและลำคอ ทิ้งไว้ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
หมายเหตุ : วิธีการพอกหน้าด้วยมะม่วง เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีอาการแพ้ หากมีผิวแพ้ง่าย ควรทดสอบที่บริเวณหลังหูหรือท้องแขนก่อน เพื่อป้องกันการแพ้
9.มะละกอ
มะละกอเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์สูงซึ่งควรรวมอยู่ในอาหารประจำวันของคุณอย่างแน่นอน หากคุณต้องการผิวที่ไร้ที่ติ เปล่งประกาย และมีสุขภาพดี
ประโยชน์ของมะละกอสำหรับผิว
เป็นแหล่งอุดมไปด้วยวิตามินเอ บี และซี และแร่ธาตุที่จำเป็น เช่น โพแทสเซียม ทองแดง และแมกนีเซียม มะละกอยังมีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา ซึ่งทำให้เป็นวิธีการรักษาที่มีศักยภาพในการรักษาโรคผิวหนัง เช่น กลาก หูด แผล ฯลฯ
วิธีการใช้มะละกอ
- กินมะละกอสดสักชามในตอนเช้าหรือตอนบ่าย
- คุณอาจรวมมันไว้ในสมูทตี้หรือเชคของคุณ
- นำมะละกอสดชิ้นเล็กๆ มาบดให้เป็นน้ำซุปข้น ทามาส์กลงบนใบหน้าและลำคอ ทิ้งไว้ให้แห้งประมาณ 10-15 นาที ก่อนล้างออกด้วยน้ำธรรมดา
- สำหรับผิวแห้ง หมองคล้ำ และเป็นขุย คุณอาจใช้เนื้อมะละกอสกัดสดๆ ผสมกับน้ำมันอัลมอนด์ 2-3 หยด ทิ้งไว้ 10 นาทีก่อนล้างออกด้วยน้ำอุ่น
10.แอปเปิ้ล
แอปเปิ้ล เป็นผลไม้สารพัดประโยชน์ที่นิยมนำมาปรุงอาหารได้หลากหลายชนิด นอกจากนี้ แอปเปิ้ลยังเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการผิวพรรณเปล่งปลั่งในช่วงฤดูหนาว ผลไม้รสชาติดีชนิดนี้ อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
ประโยชน์ของแอปเปิ้ลต่อผิว
แอปเปิ้ลอุดมไปด้วยแร่ธาตุต่างๆ เช่น โพแทสเซียม แมกนีเซียม แคลเซียม วิตามินเอ ซี และใยอาหาร ซึ่งล้วนส่งผลดีต่อสุขภาพผิว
แอปเปิ้ลเป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระชั้นดี ช่วยขจัดอนุมูลอิสระออกจากร่างกาย
วิธีการรับประทานแอปเปิ้ลเพื่อผิวสวย
- รับประทานแอปเปิ้ลทั้งผลเป็นประจำ ในตอนเช้าหรือบ่าย
- เพิ่มแอปเปิ้ลลงในซีเรียล คอร์นเฟลค หรือสลัดผลไม้
- ดื่มน้ำแอปเปิ้ลปั่นหรือสมูทตี้เพื่อเพิ่มวิตามิน
- พอกแอปเปิ้ลขูดบนใบหน้าและลำคอเพื่อผิวสดใส เปล่งปลั่ง
- สูตรพอกหน้า
- ใช้เนื้อแอปเปิ้ลสับละเอียดผสมกับน้ำผึ้งเล็กน้อย พอกบนใบหน้า เหมาะสำหรับผิวแห้ง ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ลดความหมองคล้ำ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 07/06/2567
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 40,850.00 | 40,950.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,646.00 | 40,113.36 | 41,450.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 2,381.40 | 36,102.02 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 2,116.80 | 32,090.69 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 1,191.00 | 18,055.56 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 926.00 | 14,038.16 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,742.00 | 41,568.72 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 07/06/2567
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 37.35 | 37.35 | 38.25 | 37.35 | 37.35 | 37.35 | 37.35 | 37.35 | 37.35 | 37.35 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 36.98 | 36.98 | 37.68 | 36.98 | 36.98 | 36.98 | 36.98 | 36.98 | 36.98 | 36.98 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 35.24 | 35.24 | 36.14 | 35.24 | 35.24 | – | 35.24 | 35.24 | 35.24 | 35.24 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 34.99 | 34.99 | – | – | – | – | – | – | – | 34.99 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 45.94 | 49.84 | 49.84 | 49.84 | – | – | – | – | – | 45.94 |
เบนซิน 95 | 45.24 | – | – | – | 48.01 | – | 45.74 | 45.39 | – | 45.24 |
ดีเซล | 32.94 | 32.94 | 33.24 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 44.94 | 47.14 | 49.84 | 47.14 | 47.14 | – | – | – | – | 44.94 |
แก๊ส NGV | 19.59 | 19.59 | – | – | – | – | – | – | – | 19.59 |