ทุนจีนแห่ลงทุนอสังหาไทยแสนล้าน ชูกลยุทธ์ราคาสู้! ยึดหัวหาดเมืองศก.
- กระแส “ทุนจีน” หลั่งไหลเข้ามาลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องหนึ่งในนั้น คือ “ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์”
- การเก็บข้อมูลของบริษัทที่ปรึกษาอสังหาริมทริพย์ “พร็อพเพอร์ตี้ ดีเอ็นเอ” พบว่า มูลค่าการลงทุนของกลุ่มทุนจีนปักหลักในเมืองเศรษฐกิจใหญ่ กรุงเทพฯ พัทยา ภูเก็ต ในรอบ 15 ปี ทะลุ 1 แสนล้านบาท!
- ครอบคลุมทั้งคอนโดมิเนียม บ้าน โรงแรม ศูนย์การค้าปลีก-ค้าส่ง
สุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเอ็นเอ กล่าวว่า การเข้ามาของเงินทุนจากประเทศจีนทั้งรูปแบบ “ลงทุนโดยตรง” และเข้ามา “ร่วมกับคนไทย” หรือ “บริษัทไทย” เพื่อลงทุนหรือพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ หรือจัดตั้งนิติบุคคลเพื่อทำธุรกิจในไทยนั้นมีมากขึ้นต่อเนื่อง
หากพิจารณาข้อมูลกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า “จีน” มีมูลค่าการลงทุน 382,061 ล้านบาท เป็นอันดับ 3 สัดส่วน 9.48% รองจากญี่ปุ่น เป็นอันดับ 1 ด้วยมูลค่า 993,355 ล้านบาท สัดส่วน 24.65% อันดับ 2 สิงคโปร์ 473,572 ล้านบาท สัดส่วน 11.75% จะเห็นว่า นิติบุคคลที่ได้เงินลงทุนจากจีน แม้จะเป็นอันดับ 3 ห่างญี่ปุ่น และสิงคโปร์ค่อนข้างมาก แต่มีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี โดยปี 2567 มากกว่าปี 2566 ประมาณ 13%
เมื่อดูข้อมูลนิติบุคคลที่มีเงินลงทุนจากจีน ธุรกิจที่นักลงทุนกลุ่มนี้ให้ความสนใจ อันดับแรก ได้แก่ การผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์เสริมอื่นๆ สำหรับยานยนต์ซึ่งมิได้จัดประเภทไว้ในที่อื่น มูลค่า 19,474.88 ล้านบาท จำนวน 156 ราย ตามด้วย การผลิตยางล้อและยางใน มูลค่า 16,867.31 ล้านบาท จำนวน 17 ราย การซื้อและการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นของตนเองที่ไม่ใช่ เพื่อเป็นที่พักอาศัย มูลค่า 14,626.08 จำนวน 2,471 ราย การผลิตเหล็กและเหล็กกล้าขั้นมูลฐานอื่น ๆ ซึ่งมิได้จัดประเภทไว้ในที่อื่น 13,656.88 ล้านบาท จำนวน 55 ราย และ การผลิตและการส่งไฟฟ้า มูลค่า 12,936.34 จำนวน 77 ราย
คนจีนเน้นลงทุนไม่ใช่เพื่อพักอาศัย
สุรเชษฐ ขยายความต่อว่า นักลงทุนหรือนักธุรกิจจากจีนให้ความสนใจลงทุนในธุรกิจ การซื้อและการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นของตนเองที่ “ไม่ใช่” เพื่อเป็นที่พักอาศัย เข้าใจง่ายๆ คือ การเข้ามาจัดตั้งนิติบุคคลเพื่อลงทุนในคอนโดมิเนียมในประเทศไทย หรือ นอมินี อาจมีบางส่วนตั้งนิติบุคคลเพื่อบริหารจัดการคอนโดมิเนียมที่ซื้อไว้เพื่อลงทุนปล่อยเช่า ทั้งในรูปแบบปล่อยเช่าระยะยาวและระยะสั้น
“นิติบุคคลเหล่านี้มีการจัดตั้งตามกฎหมายประเทศไทยแบบ 100% มีเงินลงทุนที่ชัดเจนว่ามาจากจีน ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนรายย่อยที่เข้ามาไทยเพื่อซื้อคอนโดมิเนียมเท่านั้น! แต่ยังมีนักลงทุนอีกประเภทที่เข้ามาไทยจัดตั้งนิติบุคคลเพื่อลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์ โดยมีกรรมการบริษัทส่วนหนึ่งและคนที่มีอำนาจลงนามในบริษัทเป็นคนจีน”
กลุ่มผู้ประกอบการจากต่างประเทศที่เข้ามาลงทุน หรือ ร่วมทุน เพื่อพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยมีทั้งแบบเข้ามาด้วยตัวเองแล้วเปิดบริษัท หรือ ร่วมทุนกับคนไทยเพื่อพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์รูปแบบต่างๆ หรือเข้ามาแบบบริษัทต่างประเทศจากนั้นหาผู้ร่วมทุนเป็นรายโครงการ โดยจดทะเบียนตั้งบริษัทร่วมทุนเป็นรายโครงการ
“ประเภทหลังอาจหาตัวตนหรือความน่าเชื่อถือได้ยาก! และขาดความต่อเนื่อง เพราะชื่อบริษัทเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ กลุ่มบริษัทที่มีกรรมการ หรือ ผู้ร่วมทุนหลักเป็นชาวต่างชาติในประเทศไทยในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขายเป็นหลักในไทยส่วนใหญ่เป็นบริษัทที่มีกรรมการส่วนหนึ่งเป็นคนจีน แม้ว่าบริษัทจะจดทะเบียนเป็นบริษัทไทยตามกฎหมายไทยก็ตาม”
จีนเน้นบริหารจัดการเองต่างจากญี่ปุ่น
ทั้งนี้ นักลงทุนจีน หรือ บริษัทจากจีน มักจะบริหารหรือจัดการทุกอย่างเอง ต่างจากนักลงทุนญี่ปุ่นที่เลือกลงแต่เงินและให้บริษัทไทยเป็นฝ่ายบริหารจัดการทุกอย่าง ดังนั้น จึงอาจไม่ค่อยเห็นบริษัทจีนร่วมทุนกับบริษัทไทยมากเหมือนญี่ปุ่น แต่รูปแบบการเข้ามาซื้อกิจการ อาคาร โครงการ ที่ดิน โดยบริษัทจีนที่เข้ามาตั้งบริษัทย่อยหรือบริษัทสาขาในประเทศไทย รวมไปถึงการเข้ามาตั้งบริษัทที่มีกรรมการส่วนหนึ่งเป็นคนไทยนั้นจะมีมากกว่า
สำหรับบริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์ที่พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขายแล้วมีกรรมการส่วนหนึ่งเป็นคนจีนนั้น จากข้อมูล พบว่า หลายบริษัทข้างต้นไม่เคยพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์มาก่อน หรือไม่เคยทำอสังหาริมทรัพย์มาก่อนในต่างประเทศ แต่มาทำธุรกิจอื่นๆ ในไทยแล้วประสบความสำเร็จมีรายได้เยอะ จึงสนใจลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัย หรือ โรงแรม ทั้งในกรุงเทพฯ และเมืองท่องเที่ยวต่างๆ
“อาจจะมีมากกว่านี้ แต่ไม่ค่อยเป็นที่พูดถึงมากนัก หรือทำแบบไม่ออกหน้าว่าเป็นโครงการหรือเป็นเงินทุนของคนจีน อาจมีบางบริษัทที่ไม่มีความเคลื่อนไหวแล้ว ไม่มีการเปิดขายโครงการใดๆ หรือโครงการที่เปิดขายก่อนหน้านี้ก็เงียบไปแล้ว”
นอกจากนี้ มีหลายบริษัทปิดการขายและส่งมอบโครงการของตนเองได้ถูกต้องตามกฎหมาย หรือ อาจมีปัญหาขลุกขลักบ้างถ้าทีมงานของบริษัทเป็นคนจีน เพราะขั้นตอนการตรวจรับบ้านหรือคอนโดมิเนียมในไทยอาจแตกต่างจากที่เคยมีประสบการณ์มาก่อน แต่สุดท้ายก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี บางบริษัทอาจมีปัญหาในโครงการที่ 1-3 จากนั้นค่อยๆ ปรับเปลี่ยนระบบ รูปแบบการทำงาน รูปแบบโครงการให้สอดคล้องกับสถานการณ์และกำลังซื้อของคนไทย
กลุ่มทุนจีนยังคงต้องการรายได้จากโครงการในไทยต่อเนื่อง อาจมีบางบริษัทที่พัฒนาเพียง 1 โครงการแล้วปิดบริษัทไปเลยทันทีที่โอนกรรมสิทธิ์ครบถ้วน 100% จากนั้นค่อยจัดตั้งบริษัทใหม่เพื่อพัฒนาโครงการใหม่ในอนาคต
“บริษัทที่มีการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในด้านพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยขายในประเทศจีนหรือประเทศต่างๆ เมื่อเข้ามาพัฒนาโครงการในไทย ก็ต้องมีผู้ซื้อที่เป็นคนจีนตามมาด้วยแน่นอน เพราะมีการทำการตลาด หรือ เปิดขายโครงการในจีน โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมที่สามารถขาย 49% ให้ชาวต่างชาติเข้ามาถือกรรมสิทธิ์ได้”
ดังนั้น จึงไม่แปลกใจที่หลายโครงการของบริษัทเหล่านี้จะมีสัดส่วนผู้ซื้อต่างชาติ โดยเฉพาะคนจีนที่ค่อนข้างสูงอาจมีบ้างที่เต็มโควตา 49%
ชูกลยุทธ์ราคาสู้มากกว่าสร้างแบรนด์
อย่างไรก็ตาม บริษัทเหล่านี้ยังต้องการกำลังซื้อคนไทยเป็นหลัก เพราะในระยะยาวการเข้าถึงกลุ่มผู้ซื้อคนไทยและสามารถทำให้คนไทยเลือกซื้อคอนโดมิเนียม หรือ บ้านจัดสรรของพวกเขาได้ จะเป็นการดีกว่าพึ่งพาเฉพาะกำลังซื้อคนจีนหรือชาวต่างชาติเท่านั้น ส่วนที่เหลือไม่สามารถขายคนไทยได้ หรือขายได้น้อยมากจนไม่สามารถปิดการขายได้แบบที่เห็นในบางโครงการของบริษัทเหล่านี้
บริษัทที่ต้องการอยู่ในระยะยาวจึงต้องมีการปรับรูปแบบโครงการ วิธีคิด ฯลฯ ให้สอดคล้องกับตลาดและความต้องการของคนไทย ไม่สามารถยกรูปแบบการทำธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในจีนมาไทยได้
“หลายปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการจากจีนอาจดูเงียบลงไปตามเศรษฐกิจจีนและปัญหาของบริษัทแม่ของพวกเขา แต่ก็ยังมีหลายบริษัทที่เดินหน้าพัฒนาโครงการใหม่ต่อเนื่อง แต่ต้องยอมรับว่าแบรนด์จีนไม่ค่อยทำตลาด เพราะกลัวถูกต่อต้านและความรู้สึกคนไทยที่มีต่อแบรนด์จีนไม่ดีเท่ากับญี่ปุ่น จีนจึงเน้นราคาเป็นหลัก”
ต่างชาติซื้อคอนโด75%เช่าที่ดิน 99 ปีจูงใจทุนจีน
อย่างไรก็ตาม การปรับโควตาคอนโดมิเนียมเป็น 75% ให้กับชาวต่างชาติ รวมถึงการเช่าที่ดินได้ 99 ปี หากมีการจัดตั้งเป็นทรัพย์อิงสิทธิ์ ทั้ง 2 เรื่องนี้ อาจเป็นปัจจัยที่สร้างการเปลี่ยนแปลงในระยะยาว กรณีที่ทั้ง 2 เรื่องผ่านการพิจารณาและประกาศเป็นกฎหมาย
“ผู้ประกอบการต่างชาติโดยเฉพาะจีน อาจมองว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้พวกเขาสร้างรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยได้มากขึ้นแน่นอน แม้ว่าช่วงนี้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์จากจีน ยังมีปัญหาในประเทศให้แก้ไขก่อนก็ตาม แต่ถ้ากฎหมายผ่านแล้วพวกเขาฟื้นตัวก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ แน่นอนว่า…ผู้ประกอบการไทยที่คาดหวังว่าจะขายให้ชาวต่างชาติอาจไม่เป็นไปตามที่คิดก็ได้”
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
เวนคืน รื้อบ้าน400หลัง สร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม กระทบ7ชุมชนประชาสงเคราะห์อ่วม
เวนคืนที่ดิน รื้อบ้าน 400หลัง สร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก กระทบ7ชุมชน ประชาสงเคราะห์ ใจกลางรัชดา-วิภาวดี 1000หลังคาเรือน ชาวบ้านลุยฟ้อง ศาลปกครองชี้ ข้ามขั้นตอนอีไอเอไม่จัดประชุมทำความเข้าใจชาวบ้าน
กรณีการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ออกหนังสือให้เอกชนเริ่มงาน (NTP : Notice to Proceed) ต่อบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM
เพื่อก่อสร้างโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ในส่วนตะวันตกเรียบร้อยแล้ว และมีกำหนดเข้าพื้นที่ในเดือนสิงหาคมเป็นต้นไป
โดยเงื่อนไขสัญญาร่วมทุนฯแบ่งการดำเนินการออกเป็น 2 ส่วน ประกอบด้วย ส่วนแรกงานติดตั้งระบบรถไฟฟ้าช่วงตะวันออกจากศูนย์วัฒนธรรมฯ – มีนบุรีแล้วเสร็จภายใน 3 ปี 6 เดือน
ส่วนที่สอง ก่อสร้างงานโยธาอุโมงค์ตลอดแนวพร้อมสถานีใต้ดิน รวมถึงการติดตั้งระบบรถไฟฟ้า รถไฟฟ่าสายสีส้มส่วนตะวันตก บางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมฯให้แล้วเสร็จภายใน 6 ปี
ขณะการเวนคืนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนในท้องที่จังหวัดกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2567 จำนวน 40 เขตที่ดิน พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ์พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า กรุงเทพมหานคร เพื่อดำเนินกิจการรถไฟฟ้าในส่วนที่เกี่ยวกับการจัดสร้างโครงการขนส่งด้วยระบบรถไฟฟ้า และกิจการอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับกิจการรถไฟฟ้า
ตามโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมฯ เพื่อนำที่ดินไปชดเชยให้เกิดความเป็นธรรมแก่เจ้าของที่ดินที่ถูกเวนคืน โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วง บางขุนนนท์- มีนบุรี (สุวิทวงศ์ )
จากการตรวจสอบพบว่ามีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการเวนคืนประกอบด้วยที่ดินจำนวน380แปลง อสังหาริมทรัพย์จำนวน410แปลง และสิ่งปลูกสร้างจำนวน400หลัง ซึ่งพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดอยู่บริเวณเขตดินแดง จำนวน2แขวง
ได้แก่แขวงรัชดาภิเษกและแขวงดินแดงจำนวน7ชุมชนหรือย่านประชาสงเคราะห์ จำนวน182 หลังคาเรือน ที่รถไฟฟ้าสายสีส้มวิ่งผ่ากลางชุมชน แต่ตามข้อเท็จจริงชาวชุมชนระบุว่าได้รับผลกระทบมากถึง1,000หลังคาเรือนโดยคนในพื้นที่ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย
มองว่าค่าชดเชยจากการเวนคืนอาจไม่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับการได้อยู่กับย่านที่เจริญแล้วและใกล้แหล่งงานอีกทั้งยังมีรถไฟฟ้าสายสีส้มเข้ามา แต่แทนที่ชุมชนจะได้รับประโยชน์แต่กลับเป็นฝ่ายที่ถูกเลือกให้เดินออกจากบ้านของตัวเองไป และมีคนใหม่ๆเข้ามาอยู่แทนรับกับความเจริญที่เปลี่ยนแปลงไป
ที่สำคัญไปกว่านั้น ชาวบ้านอ้างว่า เวลาผ่านไป11ปีจนกระทั่งจะลงมือก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม แต่ยังไม่เห็นรฟม.เข้ามาพูดคุยกับชาวบ้าน หากมีการพูดคุยและมีการชดเชยที่สมเหตุสมผลมองว่าทุกคนในพื้นที่อาจจะยินยอม
ทั้งนี้ นายประทีป นิลวรรณ ประธานชุมชนแม่เนี้ยวแยก3 หนึ่งในชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการเวนคืน และแกนนำชุมชนเปิดเผย”ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ภายในไม่เกินวันที่5กันยายน ในฐานะผู้แทนชุมชนเตรียมยื่นต่อศาลปกครอง
เพื่อฟ้องรัฐบาลซึ่งประกอบด้วย นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และรฟม.โดยอ้างว่าร่วมกันออกพรฎเวนคืน ขัดต่อขั้นตอน การขออนุญาตจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ( อีไอเอ) ปี2564
ที่สำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(สผ.) อนุมัติอีไอเอ ให้กับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มแต่มีเงื่อนไขว่ารฟม.ต้องเปิดรับฟังความคิดเห็นประชาชนในรัศมีก่อสร้าง และให้ผู้ที่ถูกกระทบนั่งเป็นกรรมการเปิดรับฟังความคิดเห็นประชาชน อย่างน้อย1คน เป็นต้น
ส่วนเขตทางที่เวนคืนมองว่ากำหนดเขตทางกว้างจนเกินจำเป็นคือ ข้างละ100เมตร และมีเกาะกลาง กว้าง16เมตร จากถนนวิภาวดีไปสิ้นสุด ถนนรัชดาฯ ยาว 22กิโลเมตร มองว่าได้รับผลกระทบไม่ต่ำกว่า1000หลังคาเรือน เพราะมีเขตทางที่ถูกกันค่อนข้างกว้าง
ขณะการก่อสร้างจะใช้เทคนิค เปิดหน้าดินและฝังกลบเพื่อทำเป็นเขตทางให้รถยนต์วิ่งผ่าน ซึ่งชาวบ้านต้องการให้ใช้หัวเจาะเพื่อลดผลกระทบ และสามารถอยู่ร่วมกันได้โดยไม่ต้องย้ายถิ่นฐานโดยยืนยันว่าจะไม่ยอมออกจากพื้นที่ แม้จะชดเชยตารางวะ1แสน-2แสนบาทต่อตารางวาก็ตาม ไม่เคยมีใครมาคุยกับชุมชน สุดท้ายมายื่นออกอีไอเอฉบับสมบูรณ์ กับสผ.โดยคณะกรรมการพิจารณาอนุมัติอีไอเอเขียนระบุชัดว่าก่อนจะลงมือก่อสร้างต้องจัดประชุมประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และต้องได้ข้อยุติ ถ้าจะเวนคืนต้องเอาคนที่ได้รับผลกระทบ มานั่งเป็นคณะกรรมการเพราะส่วนใหญ่เป็นตึกแถวอาคารพาณิชย์ สูง4-5ชั้น และบ้านปลูกสร้างเองบนที่ดินของตัวเองไม่ใช่ที่ดินบุกรุก
ที่ผ่านมาชุมชนประชาสงเคราะห์ทั้ง7ชุมชนอยู่มาตั้งแต่ปี2500 ตั้งแต่รัชดาภิเษกและวิภาวดียังไม่เจริญยังเป็นท้องนา แต่ปัจจุบันมีความเจริญอย่างมากสะท้อนจากค่าชดเชยเวนคืน ให้กับ แปลงที่ดินเอกชนรายใหญ่ คราวที่สร้างรถไฟสายสีส้มส่วนตะวันออก บริเวณสถานีร่วมศูนย์วัฒนธรรมฯได้รับชดเชยค่าเวนคืน ตารางวาละ6แสนบาท
สำหรับชุมชนทั้ง7ย่านประชาสงเคราะห์ ที่ได้รับผลกระทบจากการเวนคืนได้แก่ ชุมชนสุรศักดิ์มนตรี กว่า100-200หลังคาเรือน ชุมชนแม่เนี้ยวแยก3 มี280หลังคาเรือน ชุมชนแยกแม่เนี้ยวแยก2 มี 100หลังคาเรือน ชุมชน ผาสุก กว่า100หลังคาเรือน ชุมชนแสนสุขกว่า100หลังคาเรือน ชุมชนสวัสดี กว่า100หลังคาเรือน ชุมชนชานเมือง กว่า1,000หลังคาเรือน
แนวเส้นทาง หลังออกจากสถานีศูนย์วัฒนธรรมฯแล้วจะลอดใต้ห้างเอสพานาด รัชดาฯ วิ่งผ่ากลาง7ชุมชนประชาสงเคราะห์ไปที่สถานีประชาสงเคราะห์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงเรียนดรุณพาณิชยการเดิมจากนั้น วิ่งต่อไปยังสถานีดินแดง ถนนวิภาวดี ใกล้กับสถานีบริการน้ำมันปตท. บริเวณโค้งถนนมิตรไมตรี ศาลาว่าการกทม.2
หากมาทางถนนวิภาวดี จะเบี่ยงเข้าสนามกีฬาโรงเรียนสุรศักดิ์มนตรีตัดตรงเข้าชุมชน ตัดผ่ากลางซอยย่อยที่ประชาชนสัญจรมากถึง17ซอย ทำให้ ปากซอย และท้ายซอยแยกออกจากกันโดยมี รถไฟฟ้าสายสีส้มคั้นกลาง
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 6ส.ค. “อ่อนค่าลงหนัก” ที่ระดับ 35.51 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 6ส.ค. “อ่อนค่าลงหนัก” ที่ระดับ 35.51 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทยังมีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวนไปตาม การเปลี่ยนแปลงไปมาของปัจจัย ควรระวังความเสี่ยงจากประเด็นความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่อาจหนุนให้ ตลาดกลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง มองกรอบวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.35-35.60 บาท/ดอลลาร์
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 6ส.ค. 2567 ที่ระดับ 35.51 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงหนัก”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 35.23 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทยเปิดเผยว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า เงินบาทเริ่มมีโอกาสที่จะสามารถพลิกกลับมาอ่อนค่าลงได้บ้าง หลังผู้เล่นในตลาดทยอยปรับลดความคาดหวังการลดดอกเบี้ยของเฟดที่เร็วและแรงลงบ้าง หนุนให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ มีจังหวะรีบาวด์ขึ้น
นอกจากนี้ ความเสี่ยงการเมืองในประเทศก็อาจเริ่มกดดันบรรยากาศในตลาดการเงินไทย และเพิ่มความเสี่ยงที่นักลงทุนต่างชาติจะทยอยขายสินทรัพย์ไทยออกมาได้บ้าง ในช่วงระยะสั้นนี้ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสที่เงินบาทสามารถผันผวนอ่อนค่าลงได้
ขณะเดียวกัน ควรระวังความเสี่ยงจากประเด็นความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่อาจหนุนให้ ตลาดกลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) ที่อาจมาพร้อมกับการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ และการปรับตัวขึ้นแรงของราคาน้ำมันดิบ
อย่างไรก็ดี การอ่อนค่าของเงินบาทก็อาจมีลักษณะค่อยเป็นค่อยไป ตราบใดที่ราคาทองคำยังคงได้แรงหนุนและสามารถทยอยปรับตัวขึ้นได้ (หรือแกว่งตัว sideways เป็นอย่างน้อย) แม้ว่าตลาดจะเผชิญความเสี่ยงปัญหาความขัดแย้งในตะวันออกกลางก็ตาม
ทำให้เราประเมินว่า เงินบาทอาจยังมีโซนแนวต้านแรกแถว 35.50 บาทต่อดอลลาร์ แต่หากเงินบาทยังคงผันผวนอ่อนค่าลงต่อเนื่อง ก็อาจอ่อนค่าทดสอบโซน 35.65 บาทต่อดอลลาร์ และแถว 35.85 บาทต่อดอลลาร์ เป็นแนวต้านถัดๆไป ในขณะที่โซนแนวรับได้ขยับขึ้นมาแถว 35.30 บาทต่อดอลลาร์
ซึ่งภาพดังกล่าว สอดคล้องกับสัญญาณเชิงเทคนิคัล ใน Time Frame Daily ที่เงินบาท (USDTHB) เริ่มมีสัญญาณพลิกกลับมาอ่อนค่าลงได้ และอาจปรับตัวอ่อนค่าลงต่อเนื่องไม่ยาก หากเงินบาทสามารถอ่อนค่าเหนือระดับ 35.65 บาทต่อดอลลาร์ ได้อย่างชัดเจน ยืนยันสัญญาณ Bullish Reversal Pattern
เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทยังมีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวนไปตาม การเปลี่ยนแปลงไปมาของปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางค่าเงินบาท อย่าง มุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ทำให้ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.35-35.60 บาท/ดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาทพลิกกลับมาอ่อนค่าลงต่อเนื่อง ทดสอบโซนแนวต้านสำคัญ 35.50 บาทต่อดอลลาร์ (แกว่งตัวในช่วง 35.15-35.51 บาทต่อดอลลาร์) หลังเงินดอลลาร์ทยอยแข็งค่าขึ้น ตามการปรับลดความคาดหวังแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด
และท่าทีของผู้เล่นในตลาดที่คลายกังวลต่อความเสี่ยงเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจชะลอตัวลงหนักกว่าคาด จากรายงานดัชนี ISM PMI ภาคการบริการ เดือนกรกฎาคมที่ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 51.4 จุด ตามคาด (จากระดับ 48.8 จุด ในเดือนมิถุนายน) สะท้อนว่าภาคการบริการสหรัฐฯ ได้กลับมาขยายตัวในอัตราเร่งขึ้น
นอกจากนี้ ภาพดังกล่าว ยังได้หนุนให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ รีบาวด์ขึ้นเข้าใกล้แนวต้าน 3.80% ส่งผลให้เงินเยนญี่ปุ่น (USDJPY) พลิกกลับมาอ่อนค่าลงต่อเนื่องเกือบแตะระดับ 146 เยนต่อดอลลาร์ จากไม่ถึง 143 เยนต่อดอลลาร์ ในช่วงก่อนตลาดรับรู้รายงานข้อมูล ISM PMI ภาคการบริการ
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงเผชิญแรงกดดันจากแรงขายบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ นำโดย Nvidia -6.4%, Apple -4.8% อย่างไรก็ดี ราคาหุ้นส่วนใหญ่ในตลาด รวมถึงบรรดาหุ้นเทคฯ ที่เผชิญแรงขายหนักนั้น ได้รีบาวด์ขึ้นบ้าง หลังผู้เล่นในตลาดคลายกังวลต่อความเสี่ยงเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวลงหนัก จากรายงานดัชนี ISM PMI ภาคการบริการที่กลับมาขยายตัวดีขึ้น ทว่าโดยรวมดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ยังคงดิ่งลง -3.43% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด -3.00%
ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง -2.17% ท่ามกลางภาวะปิดรับความเสี่ยงของผู้เล่นในตลาด อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นยุโรปได้รีบาวด์ขึ้นบ้าง หลังรายงานดัชนี ISM PMI ภาคการบริการสหรัฐฯ กลับมาขยายตัวดีขึ้น ทำให้ผู้เล่นในตลาดคลายกังวลความเสี่ยงเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวลงหนัก โดยภาพดังกล่าวได้สะท้อนผ่านการรีบาวด์ขึ้นของราคาน้ำมันดิบ ซึ่งช่วยลดแรงกดดันต่อบรรดาหุ้นกลุ่มพลังงานยุโรป
ในส่วนตลาดบอนด์ รายงานดัชนี ISM PMI ภาคการบริการล่าสุด ที่กลับมาอยู่ในโซนขยายตัว ได้ช่วยคลายกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวลงหนัก และทำให้ผู้เล่นในตลาดเริ่มปรับมุมมองต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดใหม่
โดยผู้เล่นในตลาดเริ่มมองว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยราว -50bps ในการประชุมเดือนกันยายนได้ แต่อาจจะลดดอกเบี้ยเพียง -25bps ในการประชุมเดือนพฤศจิกายนและเดือนธันวาคม ซึ่งต่างจากในช่วงก่อนหน้าที่ผู้เล่นในตลาดมองว่า เฟดอาจจะลดดอกเบี้ย -50bps ติดต่อกันในการประชุมเดือนกันยายน และเดือนพฤศจิกายน โดยภาพดังกล่าวได้หนุนให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 3.80% และมีโอกาสที่จะทยอยกลับขึ้นไปทดสอบโซน 4.00% ได้อีกครั้ง หากผู้เล่นในตลาดทยอยกลับมาเชื่อว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้ไม่ถึง -50bps ในการประชุมเดือนกันยายน
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าขึ้น เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยเฉพาะค่าเงินเยนญี่ปุ่น (PY) ที่ผันผวนอ่อนค่าลงสู่โซน 145-146 เยนต่อดอลลาร์ ตามการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ที่สอดรับกับรายงานดัชนี ISM PMI ภาคการบริการ เดือนกรกฎาคมที่กลับมาขยายตัวดีขึ้น ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ทยอยปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 102.9 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 102.2-103 จุด)
ในส่วนของราคาทองคำ แม้ว่า ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) จะเผชิญแรงกดดันบ้างจากการปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ
แต่ราคาทองคำยังพอได้แรงหนุนจากแรงซื้อ Buy on Dip ของผู้เล่นในตลาดที่ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อราคาทองคำ หนุนให้ราคาทองคำทยอยปรับตัวขึ้นสู่โซน 2,450 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งการรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำดังกล่าว ก็พอช่วยหนุนเงินบาทได้บ้าง ผ่านโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรการรีบาวด์ของราคาทองคำ
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซน ผ่านรายงานยอดค้าปลีก (Retail Sales) เดือนมิถุนายน ส่วนในฝั่งเอเชีย ตลาดจะรอจับตาผลการประชุมธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ที่อาจจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 4.35%
จนกว่าจะมั่นใจแนวโน้มการชะลอตัวของอัตราเงินเฟ้อ ทว่า ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามอย่างใกล้ชิดว่า RBA จะมีการส่งสัญญาณต่อแนวโน้มการทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายหรือไม่ หลังบรรดาธนาคารกลางหลักได้เริ่มทยอยลดดอกเบี้ยลงแล้ว
และนอกเหนือจากปัจจัยดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดก็จะรอจับตารายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินได้พอสมควรในช่วงนี้
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับ 35.40-35.42 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (8.57 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 35.23 บาทต่อดอลลาร์ฯ
โดยเงินบาทพลิกอ่อนค่ากลับมา (หลังจากแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องในช่วงหลายวันทำการก่อนหน้า จนไปแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 6 เดือนครึ่งเมื่อวานนี้ 5 ส.ค. 67 ที่ระดับ 35.05 บาทต่อดอลลาร์ฯ)
ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ฟื้นตัวขึ้นตามแรงซื้อคืนเงินดอลลาร์ฯ หลังจากที่ตัวเลขดัชนี ISM ภาคบริการของสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าที่ตลาดคาด (มาที่ 51.4 ในเดือนก.ค. เทียบกับ 51.0 ที่ตลาดคาด และ 48.8 ในเดือนมิ.ย.) ประกอบกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดออกมาส่งสัญญาณว่า แม้เฟดอาจมีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในรอบการประชุมใกล้ๆ นี้ แต่ความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐฯ ยังอยู่ในระดับต่ำ ณ ขณะนี้
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 35.35-35.55 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ปัจจัยทางการเมืองของไทย สถานการณ์ของเงินเยนและสกุลเงินเอเชียอื่นๆ ผลการประชุมธนาคารกลางออสเตรเลีย รวมถึงยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย. ของยูโรโซน และข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนมิ.ย. ของสหรัฐฯ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
หมอบอกหรือยัง ! ดื่มน้ำอุ่นหลังตื่นนอนตอนเช้า มีประโยชน์อย่างไรบ้าง
มันเป็นยาอายุวัฒนะที่ทรงพลังและครอบคลุมทุกด้าน มีค่าใช้จ่ายน้อยมากและเตรียมง่ายที่สุด นั่นคือ น้ำอุ่น เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่เรียบง่าย ช่วยในทุกเรื่อง ตั้งแต่การย่อยอาหารไปจนถึงการล้างพิษ และอีกมากมาย การเริ่มต้นวันใหม่ด้วยน้ำอุ่นหนึ่งแก้ว (ขณะท้องว่าง) เชื่อกันว่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการได้รับประโยชน์สูงสุด นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อคุณเทน้ำใส่แก้
ประโยชน์ของการดื่มน้ำอุ่นตอนเช้าหลังตื่นนอน
1.ช่วยให้ร่างกายได้รับน้ำ ตลอดคืนร่างกายเราสูญเสียน้ำ ดังนั้นการดื่มน้ำอุ่นหนึ่งแก้วหลังตื่นนอนจะช่วยเติมเต็มน้ำในร่างกายได้ทันที การได้รับน้ำเพียงพอจะช่วยเพิ่มพลังงานของคุณ โดยไม่ต้องพึ่งกาแฟ! คุณอาจสงสัยว่ากาแฟก็คือน้ำอุ่นผสมกับกาแฟคั่วบดและกรองไม่ใช่หรือ? ใช่ ถูกต้อง แต่คาเฟอีนในกาแฟเป็นสารขับปัสสาวะ ดังนั้นเมื่อคุณเริ่มต้นวันใหม่ด้วยกาแฟหนึ่งแก้วคุณกำลังทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากขึ้นไปอีก
2.ช่วยเร่งการเผาผลาญ การดื่มน้ำอุ่นหลังตื่นนอนจะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายเริ่มทำงานระบบเผาผลาญ ทำให้ร่างกายพร้อมที่จะเผาผลาญพลังงานและไขมันได้ดียิ่งขึ้น
3.ช่วยบรรเทาอาการคัดจมูก การสูดดมไอน้ำจากน้ำอุ่นจะช่วยให้เสมหะในจมูกและหลอดลมหลุดออกมาได้ง่ายขึ้น ช่วยบรรเทาอาการคัดจมูก อุดตันในช่องอก และยังช่วยลดอาการปวดหัวจากไซนัสได้อีกด้วย
4.ช่วยปรับปรุงระบบย่อยอาหาร การดื่มน้ำอุ่นช่วยกระตุ้นให้ร่างกายเริ่มย่อยอาหารได้ดีขึ้น และยังช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ ทำให้ขับถ่ายของเสียที่สะสมอยู่ได้ง่ายขึ้น ช่วยบรรเทาอาการท้องผูก
5.ช่วยในการขับพิษ: การดื่มน้ำอุ่นจะช่วยเพิ่มอุณหภูมิภายในร่างกาย ทำให้ร่างกายขับเหงื่อออกมา ซึ่งเป็นหนึ่งในวิธีการขับสารพิษออกจากร่างกายที่สำคัญ วิธีที่เราชอบในการเตรียมน้ำอุ่นคือ การดื่มในอุณหภูมิที่อุ่นถึงร้อน เพื่อกระตุ้นการขับเหงื่อ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
สรุปเหรียญโอลิมปิก 2024 วันที่ 6 ส.ค. 67, สหรัฐฯ ยังนำต่อ,ไทย ได้แล้ว 2 เหรียญ
โอลิมปิก 2024 หรือ ปารีสเกมส์ 2024 เป็นมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก จัดขึ้นที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 26 กรกฎาคม – 11 สิงหาคม 2567
โดยหลังผ่านการแข่งขันมาแล้วทั้งหมด 10 วัน จากการชิงชัยทองทั้งหมด 197 เหรียญ บรรดาประเทศผู้นำในตารางคะแนนเหรียญ ยังไม่ทิ้งห่างกันมากนัก
สรุปเหรียญโอลิมปิก 2024 ล่าสุด วันอังคารที่ 6 สิงหาคม 2567
อันดับที่ 1 : สหรัฐอเมริกา ทำไป 21 เหรียญทอง, 30 เหรียญเงิน, 28 เหรียญทองแดง
อันดับที่ 2 : จีน ทำไป 21 เหรียญทอง, 18 เหรียญเงิน, 14 เหรียญทองแดง
อันดับที่ 3 : ฝรั่งเศส เจ้าภาพ ทำไป 13 เหรียญทอง, 16 เหรียญเงิน, 19 เหรียญทองแดง
อันดับที่ 4 : ออสเตรเลีย ทำไป 13 เหรียญทอง, 12 เหรียญเงิน, 8 เหรียญทองแดง
อันดับที่ 5 : สหราชอาณาจักร ทำไป 13 เหรียญทอง, 12 เหรียญเงิน, 17 เหรียญทองแดง
อันดับที่ 6 : เกาหลีใต้ ทำไป 11 เหรียญทอง, 8 เหรียญเงิน, 7 เหรียญทองแดง
อันดับที่ 7 : ญี่ปุ่น ทำไป 10 เหรียญทอง, 5 เหรียญเงิน, 11 เหรียญทองแดง
ส่วน ไทย อยู่อันดับที่ 54 ได้มา 1 เหรียญเงิน จาก “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ นักแบดมินตันชาวไทย ขณะที่มีตุนอีก 1 เหรียญจาก จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง กำปั้นสาวที่การันตีเหรียญทองแดงแล้วเป็นอย่างน้อย และมีโอกาสเปลี่ยนเป็นเหรียญเงิน หรือ เหรียญทอง ขึ้นอยู่กับผลงานในรอบต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ทำความรู้จัก Pronouns พร้อมวิธีใช้แบบเข้าใจง่าย
หากพูดถึงคำสรรพนามในภาษาไทยแล้ว เมื่อเรียนภาษาอังกฤษคงไม่มีใครไม่รู้จัก pronouns อย่างแน่นอน ซึ่งเป็นการใช้คำสรรพนามในการเรียกคน สัตว์ สิ่งของและสถานที่แทนชื่อนั้น ๆ ดังนั้นวันนี้เราจะมาเรียนรู้ถึงความหมายและประเภทของ Pronoun และตัวอย่างเพื่อให้เราได้เข้าใจอย่างชัดเจน นำไปใช้ได้อย่างถูกหลัก แบบไม่มีสะดุดกัน
Pronouns คืออะไร
Pronoun คือ ประเภทคำที่เรียกว่า สรรพนามเหมือนกับภาษาไทยเลย แต่เป็นคำที่เราใช้เรียกบุคคล สิ่งของ สัตว์หรือสถานที่แทนชื่อเฉพาะของมัน เพื่อไม่ให้มีการใช้นามนั้นซ้ำ ๆ มากจนเกินไปโดยไม่จำเป็น ยกตัวอย่างเช่น
- My mom always cooks for our dinner, but today she is too lazy to do.
แม่ของฉันมักจะทำข้าวเย็นให้เราอยู่เสมอ แต่วันนี้เธอขี้เกียจเกินจะทำ
เราจะเห็นได้ว่า แทนที่ประโยคนี้จะใช้คำว่า My mom หรือ แม่ของฉัน จึงใช้คำว่า she แทนเพื่อทำให้ประโยคกระชับ ลดการใช้คำนามลงไป หลังจากที่เราดูประโยคตัวอย่างกันแล้ว ต่อไปเรามาดูประเภทของคำนามว่ามีอะไรกันบ้าง
Pronouns มีอะไรบ้าง มีกี่ประเภท
Pronoun ในภาษาอังกฤษมีถึง 9 ประเภทด้วยกันดังนี้
- Subject Pronoun (บุรุษสรรพนาม) วางหน้าประโยคทำหน้าที่เป็นประธาน
= I (ฉัน), you (คุณ), he (เขา), she (เธอ), it (มัน), we (พวกเรา), they (พวกเขา)
- Object Pronoun (สรรพนามรูปกรรม) วางท้ายประโยคเพื่อเติมเต็มประโยคในหน้าที่ของกรรม
= me (ฉัน), you (คุณ), him (เขา), her (เธอ), us (พวกเรา), them (พวกเขา), whom (ใคร)
- Possessive Pronoun (สรรพนามแสดงความเป็นเจ้าของ) แสดงความเป็นเจ้าของที่ท้ายประโยคในหน้าที่ของกรรม
= mine (ของฉัน), yours (ของคุณ), ours (ของพวกเรา), theirs (ของพวกเขา), hers (ของเธอ), his (ของเขา)
*เสริม possessive adjective กันสักเล็กน้อยเพื่อไม่ให้สับสนกัน โดย คุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของนั้นจะใช้นำหน้านามที่เราต้องการขยายว่า … เป็นของใคร โดยมีคำดังต่อไปนี้
= my, our, your, his, her, its, และ their
- Is that your bag under the chair?
นั่นกระเป๋าของเธออยู่ใต้เก้าอี้ป่ะน่ะ
- Our apartment is on the second floor.
ห้องเช่าของเราอยู่ที่ชั้นสองน่ะ
- I need to clean my teeth after eating.
ฉันต้องแปรงฟันหลังจากทานอาหารสักหน่อย
- Reflexive Pronoun (สรรพนามสะท้อน) สะท้อนเพื่อเน้นย้ำถึงบุคคลที่พูดถึงในประโยค
= myself (ตัวฉันเอง), yourself (ตัวคุณเอง), himself (ตัวเขาเอง), herself (ตัวเธอเอง), itself (ตัวมันเอง), ourselves (ตัวพวกเราเอง), yourselves (ตัวพวกคุณเอง), themselves (ตัวพวกเขาเอง)
- Demonstrative Pronoun (สรรพนามชี้เฉพาะ)
= this (…นี้), that (…นั่น), these (…เหล่านี้), those (…เหล่านั้น)
- Indefinite Pronoun (สรรพนามไม่ชี้เฉพาะเจาะจง)
= all (ทั้งหมด), any… (…. ก็ได้), anyone (ใครก็ได้, ใครก็ตาม), anything (อะไรก็ได้), anybody (ใครก็ได้), none (ไม่มี… เลย), some (บาง…), something (บางสิ่ง), everyone (ทุกคน), everything (ทุกสิ่ง, ทุกอย่าง), no one (ไม่มีใคร)
** “เล็กน้อย, บ้าง, เลย” ใช้กับคำนามที่นับได้และนับไม่ได้ แต่จะเน้นใช้ในประโยคปฏิเสธเสียส่วนใหญ่
- Interrogative Pronoun (สรรพนามที่ใช้เป็นคำถาม)
= which (อันไหน), what (อะไร), whom (ใครกรรม), who (ใคร), whose (ของใคร)
- Distributive Pronoun (สรรพนามแสดงการจำแนก)
= each (แต่ละ…), either (อย่างใดอย่างหนึ่ง), neither (ไม่ทั้งสองอย่าง)
การนำ pronouns ไปใช้
สำหรับการนำ Pronouns ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์และสิ่งของ สิ่งที่เราต้องคำนึงถึงในอันดับต่อมาคือการใช้ กริยา (Verb) และ กริยาช่วย (Auxiliary Verb) ให้สอดคล้องกับคำสรรพนามนั้น ๆ ในแต่ละ Tense ดังนั้นการจำโครงสร้างของ Tense ให้ได้ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากที่เราจะสามารถสร้างประโยคขึ้นมาได้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือการเลือกสรรพนามให้เหมาะสมกับประโยคที่ต้องมีความสอดคล้องกันดังต่อไปนี้
- การเติม s, es ให้กับคำกริยาและการใช้ do, does ให้เหมาะสมกับประธานใน Present Simple
- การใช้ to be is, am, are / was, were ให้สองคล้องกับประธานใน Present Continuous และ Past Continuous
- การใช้ have, has ให้สองคล้องกับประธานใน Present Perfect
ตัวอย่างประโยคในการใช้ pronouns
Subject Pronoun (บุรุษสรรพนาม):
- I go to the office every day to work.
ฉันไปทำงานที่ออฟฟิศทุกวัน
- He is writing a letter to his grandfather.
เขากำลังเขียนจดหมายหาปู่ของเขา
- Did you get the book you were looking for?
คุณได้หนังสือที่คุณหาตอนนั้นแล้วหรือยัง
Object Pronoun (สรรพนามรูปกรรม):
- Can you help me to wash the dishes?
เธอช่วยฉันล้างจานหน่อยได้ไหม
- I sent her some chocolate and flowers.
ผมได้ส่งช็อกโกแล็ตและดอกไม้ไปให้เธอ
- To walk with my dog, I think this park is perfect for it.
หากจะไปเดินเล่นกับเจ้าตูบ ฉันคิดว่าสวนสาธารณะแห่งนี้เหมาะกับมันนะ
Possessive Pronoun (สรรพนามแสดงความเป็นเจ้าของ) แสดงความเป็นเจ้าของที่ท้ายประโยคในหน้าที่ของกรรม
- This wallet is
กระเป๋าเงินใบนี้ของเธอนี่
- That house on the road is
บ้านหลังนั้นบนถนนเป็นของพวกเขาแหละ
- Her car is faster than mine.
รถเธอเร็วกว่าของผมอีก
Reflexive Pronoun (สรรพนามสะท้อน)
- He fell over the stair and hurt
เขาล้มหล่นตรงบันไดและทำให้ตัวเขาเองบาดเจ็บ
- She made herself a cup of coffee this morning.
เธอชงกาแฟให้ตัวเธอเองเมื่อเช้านี้
- I am in a hurry, so I will wash the car
ฉันรีบอยู่น่ะ ดังนั้นฉันจะล้างรถเอง
- They have bought themselves a new car.
พวกเขาซื้อรถคันใหม่ให้ตัวเองกัน
Demonstrative Pronoun (สรรพนามชี้เฉพาะ)
This is my bag. I need it for school.
นี่คือกระเป๋าของฉัน ฉันต้องเอาไปโรงเรียนด้วย
Don’t touch the cupcake. That is mine.
อย่าแตะคัพเค้กนั่นเชียวนะ นั่นน่ะของฉัน
These are his children. They will become our neighbors.
เด็กเหล่านี้คือลูก ๆ ของเขา พวกเขาจะมาเป็นเพื่อนบ้านของเรา
Those are her shoes. I think she need to clean them.
รองเท้าเหล่าน่ะของเธอ ฉันคิดว่าเธอต้องทำความสะอาดพวกมันบ้างนะ
Indefinite Pronoun (สรรพนามไม่ชี้เฉพาะเจาะจง)
- Everyone is sleeping at the camp.
ทุก ๆ คนกำลังนอนหลับอยู่ที่แคมป์
- I can recommend any of the delicious menu items here.
ฉันสามารถแนะนำเมนูอร่อย ๆ ของที่นี่ได้หมดเลยนะ
- Nothing compares with the smell of coffee in the morning.
ไม่มีอะไรเทียบกับกลิ่นกาแฟกรุ่น ๆ ตอนเช้าได้เลย
- She did none of the maintenance on the vehicle.
Interrogative Pronoun (สรรพนามที่ใช้เป็นคำถาม)
- What is your favorite food? Mine is spaghetti.
เธอชอบอาหารอะไรหรอ ส่วนฉันชอบสปาเกตตี้นะ
- I wonder who will come tomorrow. Why dad does not tell me?
ฉันละสงสัยจังใครจะมาวันพรุ่งนี้ ทำไมพ่อไม่บอกฉันล่ะ
- Look at that big house over there. Whose is it?
ดูบ้านหลังใหญ่ตรงนั้นสิ บ้างของใครกันนะ
Distributive Pronoun (สรรพนามแสดงการจำแนก)
- Each child will receive a gift in Christmas
เด็กแต่ละคนจะได้รับของขวัญในเทศกาลคริสมาตส์นี้
- I have saved some money to buy either a car or house.
ฉันได้เก็บออมเงินไว้ส่วนหนึ่งเพื่อซื้อรถไม่ก็ซื้อบ้าน
- Neither was my favorite, but I chose the red one.
ไม่มีสีไหนเป็นสีโปรดฉันเลย แต่ท้ายที่สุดฉันก็เลือกสีแดงน่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก engduothailand.com
วิธีสำรองข้อมูลทั้งหมด จาก LINE Keep ก่อนปิดให้บริการ 28 สิงหาคม นี้
LINE Keep อีกบริการที่หลายคนกำลังมองและอยากจะใช้เพราะเป็นบริการเก็บภาพและทุกสิ่งใน LINE ที่มีพื้นที่สูงสุด 1GB กำลังจะปิดให้บริการลง ในวันที่ 28 สิงหาคมนี้
ซึ่งหากคุณเข้าไปหน้า LINE Keep จะมี Popup แจ้งเตือนแบบนี้นั่นเอง เท่ากับบริการนี้กำลังจะปิดตัวลงแล้วเราจะเก็บข้อมูลออกมาอย่างไร มีวิธีดังนี้
สำหรับรูปภาพ และ วิดีโอ
- เข้าหน้า LINE Keep แล้วปิดหน้าต่างเตือน
- กดที่ดาวน์โหลดทั้งหมด
- เลือก รูปภาพ, วิดีโอ ที่ต้องการ
- กดดาวน์โหลดแล้วกดยืนยัน ไฟล์ก็จะดาวน์โหลดเก็บมายังมือถือ
- ทั้งหมดจะอยู่ใน Folder LINE ใน My Flies หรือ Gallery นั่นเอง
สำหรับไฟล์ และ ลิงก์
- เลือกที่แท็บ “หน้าหลัก” > ไอคอน “Keep” ด้านบนหน้าจอ
- เลือกที่แท็บประเภทคอนเทนต์ที่ต้องการบันทึก
- เลือกที่ “:” ทางด้านขวาบนของคอนเทนต์ที่ต้องการบันทึก
- เลือกที่ “แชร์” > เลือกช่องทางการแชร์สำหรับใช้ในการบันทึก
หมายเหตุ : หากเลือก “ไฟล์” สามารถเลือกที่ “บันทึกในอุปกรณ์” เพื่อบันทึกลงอุปกรณ์ได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตามรีบดาวนโหลดก่อนวันที่ 28 สิงหาคม เวลา 12:00 นะครับ เพราะเขาจะปิดเวลานั้น ส่วน LINE Memo ที่หลายคนเก็บ จะไม่ได้ปิด เพราะรูปแบบของตัวนี้เก็บแบบชั่วคราวอยู่แล้ว ส่วนคนที่อยากสำรองข้อมูลทั้งหมด อาจจะต้องพึ่งพาบริการอื่นเช่น Google Drive หรือ iCloud ของเครื่องคุณแทนนั่นเอง
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
Top 5 ผักบ้านๆ แคลอรี่ต่ำ กินแล้วทำให้ผอม ซื้อได้ตามตลาด
เบื่ออาหารลดน้ำหนักที่ซับซ้อนและราคาแพงไหมคะ? มาลองหันมาทานผักพื้นบ้านกันเถอะ ผักเหล่านี้หาซื้อง่ายตามตลาด ราคาไม่แพง แถมยังอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการอีกด้วย นอกจากจะช่วยให้เราอิ่มท้องได้นานขึ้นแล้ว ยังช่วยลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องอดอาหารให้ทรมานเลย และนี่คือ 5 ผักบ้านๆ แคลอรี่ต่ำ ทานแล้วน้ำหนักไม่เพิ่ม
5 ผักบ้านๆ แคลอรี่ต่ำ
1.ผักกาดขาว เป็นผักใบเขียวที่มีแคลอรี่ต่ำเพียง 12 แคลอรี่ต่อหน่วยบริโภค อีกทั้งยังอุดมไปด้วยใยอาหารและวิตามินต่างๆ ช่วยให้รู้สึกอิ่มนาน ลดความอยากอาหาร และยังดีต่อระบบขับถ่ายอีกด้วย นอกจากนี้ ผักกาดขาวยังเป็นส่วนประกอบสำคัญของเมนูสุกี้ ซึ่งเป็นเมนูที่อร่อยและมีประโยชน์ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักเป็นอย่างยิ่ง
5 ผักบ้านๆ แคลอรี่ต่ำ
1.ผักกาดขาว เป็นผักใบเขียวที่มีแคลอรี่ต่ำเพียง 12 แคลอรี่ต่อหน่วยบริโภค อีกทั้งยังอุดมไปด้วยใยอาหารและวิตามินต่างๆ ช่วยให้รู้สึกอิ่มนาน ลดความอยากอาหาร และยังดีต่อระบบขับถ่ายอีกด้วย นอกจากนี้ ผักกาดขาวยังเป็นส่วนประกอบสำคัญของเมนูสุกี้ ซึ่งเป็นเมนูที่อร่อยและมีประโยชน์ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักเป็นอย่างยิ่ง
2.มะเขือเทศ ที่มีแคลอรี่เพียง 17.7 แคลอรี่ อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุมากมาย ไม่เพียงแต่ช่วยให้ผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่ง ยังช่วยในเรื่องของระบบย่อยอาหาร ทำให้รู้สึกสดชื่น ไม่หนักท้อง เหมาะสำหรับคนที่กำลังควบคุมน้ำหนัก หรือต้องการลดการบริโภคแป้ง
3.ผักกาดหอม ที่มีแคลอรี่เพียง 18.4 แคลอรี่ นอกจากจะอร่อยแล้ว ยังช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้เป็นปกติ ช่วยป้องกันและบรรเทาอาการท้องผูกได้อีกด้วย
4.ฟักทอง ที่มีแคลอรี่เพียง 20 แคลอรี่ อุดมไปด้วยใยอาหาร ช่วยให้รู้สึกอิ่มนาน เหมาะสำหรับคนที่กำลังควบคุมน้ำหนัก แถมยังมีเบต้าแคโรทีนสูง ดีต่อผิวพรรณและสายตา นำไปทำได้ทั้งของคาวและของหวาน อร่อยและมีประโยชน์ครบครัน
5.คะน้า ที่มีแคลอรี่เพียง 22.5 แคลอรี่ แต่ให้ใยอาหารสูง ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีเยี่ยม ลดปัญหาท้องผูก แต่เพื่อสุขภาพที่ดี ควรทานผักชนิดอื่นร่วมด้วย เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วน
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 06/08/2567
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 40,350.00 | 40,450.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,614.00 | 39,628.24 | 40,950.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 2,352.60 | 35,665.42 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 2,091.20 | 31,702.59 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 1,176.00 | 17,828.16 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 915.00 | 13,871.40 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,709.00 | 41,068.44 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 06/08/2567
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 37.35 | 37.35 | 37.85 | 37.35 | 37.35 | 37.35 | 37.35 | 37.35 | 37.35 | 37.35 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 36.98 | 36.98 | 37.48 | 36.98 | 36.98 | 36.98 | 36.98 | 36.98 | 36.98 | 36.98 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 35.24 | 35.24 | 35.84 | 35.24 | 35.24 | – | 35.24 | 35.24 | 35.24 | 35.24 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 34.99 | 34.99 | – | – | – | – | – | – | – | 34.99 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 45.94 | 49.84 | 49.84 | 49.84 | – | – | – | – | – | 45.94 |
เบนซิน 95 | 45.24 | – | – | – | 49.81 | – | 45.74 | 45.39 | – | 45.24 |
ดีเซล | 32.94 | 32.94 | 33.24 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 44.94 | 47.14 | 49.84 | 47.14 | 47.14 | – | – | – | – | 44.94 |
แก๊ส NGV | 19.59 | 19.59 | – | – | – | – | – | – | – | 19.59 |