ผู้บริโภคลดเสี่ยงถูกทิ้งงาน หันใช้บริษัทรับสร้างบ้านพุ่ง
ผู้บริโภคลดเสี่ยงถูกทิ้งงาน หันใช้บริษัทรับสร้างบ้านพุ่ง และได้บ้านไม่ตรงปก เปิดตัว 2 แบบบ้านใหม่ส่งท้ายปี พร้อมชูแนวคิด ESG เพื่อขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืน
นายมนู ตระกูลวัฒนะกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีคอน จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันธุรกิจรับสร้างบ้านได้รับความไว้วางใจเพิ่มมากขึ้นจากกลุ่มผู้บริโภค สืบเนื่องจากปัญหาที่ผู้บริโภคมักเจอกับการทิ้งงานหรือการก่อสร้างที่ไม่เป็นไปตามสัญญาและไม่ได้มาตรฐาน ทำให้ต้องเพิ่มงบประมาณในการก่อสร้างแบบที่ไม่ได้วางแผนรับมือมาก่อน ดังนั้น การตัดสินใจเลือกใช้บริการจากบริษัทรับสร้างบ้านที่มีชื่อเสียงและประสบการณ์สั่งสมมาเป็นเวลานาน จึงเป็นทางออกที่ผู้บริโภคไว้วางใจ
ที่สำคัญตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ซีคอน ยังไม่ได้ปรับขึ้นราคาแต่อย่างใด จึงถือเป็นปีทองของผู้บริโภค ทั้งนี้ ซีคอน ได้นำแนวคิด ESG เพื่อการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืนที่คำนึงถึงมิติด้านสิ่งแวดล้อม การคืนกลับสู่ชุมชน และการบริหารงานเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในกลไกธุรกิจ เข้ามาผสมผสานเพื่อสร้างสรรค์กลยุทธ์ทางธุรกิจจากปัจจุบันสู่อนาคต
เกี่ยวกับภาพรวมการดำเนินธุรกิจของซีคอนนั้น นายมนู กล่าวว่า ปี 2566 ซีคอนมีโปรเจ็ตต์งานที่ต้องดำเนินการก่อสร้างรวมมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท ครอบคลุมทั้ง งานของซีคอน รับสร้างบ้าน และงานของซีคอน ไอดี ที่รับออกแบบ และสร้างตามแบบของลูกค้า ซึ่งแบ่งเป็นมูลค่างานก่อสร้างของ ซีคอน รับสร้างบ้าน ประมาณ 89% และซีคอน ไอดี ประมาณ 11% โดยรวมถือว่ายังมียอดขายที่ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ปัจจัยหลักที่สามารถสร้างความเชื่อมั่นและพึงพอใจให้แก่ผู้บริโภคนั้นคือความเร็วในการส่งมอบบ้านที่พัฒนาขึ้น
เนื่องจากบริษัทฯ ได้ก่อสร้างโรงงานผลิตโครงสร้างชิ้นส่วนกึ่งสำเร็จรูปแห่งที่ 2 เสร็จเป็นที่เรียบร้อย เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิ ภาพ ตลอดจนการนำเสนอแบบบ้านประหยัดพลังงานสู่ตลาดซึ่งสอดรับต่อไลฟ์สไตล์เทรนด์ของผู้บริโภคยุคปัจจุบัน
เพราะเชื่อว่าหากเริ่มต้นด้วยการวางแผนสร้างบ้านในทิศทางที่เหมาะสม คัดสรรวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพิ่มฟังก์ชันการระบายความร้อน รับแดด รับลม ก็ทำให้บ้านทุกหลังกลายเป็นบ้านประหยัดพลังงานได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ซีคอนจะลงรายละเอียดให้ตั้งแต่การวางผังส่วนต่างๆ ของบ้านจนถึงเป็นที่ปรึกษาในมิติต่างๆ เพื่อให้ลูกค้าได้บ้านตรงตามต้องการ
ด้านการสร้างสรรค์นวัตกรรมแบบบ้านใหม่ออกสู่ตลาดในช่วงท้ายปี 2566 นั้น ล่าสุด ซีคอน ได้เผยโฉมแบบบ้านใหม่อีกทั้งยังเพิ่มช่องทางการบริการทางด้านออนไลน์เพิ่มขึ้น โดยได้มีการเพิ่มเพจย่อยของแต่ละศูนย์ที่มีอยู่ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าในต่างจังหวัดที่อยู่ในพื้นที่การให้บริการของซีคอน เพื่อให้เข้าถึงได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น “ช่วงอายุมีส่วนสำคัญต่อการตัดสินใจเลือกแบบบ้านของผู้บริโภค ปัจจุบันแบบบ้าน Modern Contemporary Style ยังเป็นแบบบ้านยอดนิยมอันดับ 1 และแนวโน้มบ้านที่มีแบบตัวอาคารที่เรียบง่ายหรือ Minimal Style
เน้นประโยชน์การใช้สอยของพื้นที่ พร้อมทั้งบ้านดูโปร่ง โล่งสบาย ยังเป็นที่นิยมของลูกค้าเช่นกัน และที่เห็นเป็นเทรนด์เพิ่มมากขึ้นคือการที่ลูกค้าได้ร่วมออกแบบบ้านกับสถาปนิกที่คนชื่นชอบและนำแบบบ้านดังกล่าวมาให้ซีคอนก่อสร้างให้ ในส่วนนี้เราก็ยินดีร่วมเป็นทีมก่อสร้างเพื่อให้โปรเจคสำเร็จได้อย่างมีคุณภาพ” นายมนู กล่าวถึงแบบบ้านใหม่และเทรนด์ความนิยมของผู้บริโภค
ทั้งนี้ยังคาดการณ์ภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านของไทยในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2566 ว่า “สถานการณ์ความตึงเครียดด้านสงครามของทั้งรัสเซีย-ยูเครนและอิสราเอล-ปาเลสไตน์ เป็นปัจจัยที่ผู้ประกอบการธุรกิจรับสร้างบ้านต้องเฝ้าระวัง เพราะล้วนแต่ส่งผลโดยตรงต่อต้นทุนราคาพื้นฐาน ดังนั้นการปรับตัวรับมือและการวางแผนในการบริหารจัดการเพื่อควบคุมต้นทุน จึงเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ต้องให้ความสำคัญอย่างมาก
ด้านปัจจัยภายในประเทศเกี่ยวกับนโยบายการขึ้นค่าแรงนั้นในส่วนของธุรกิจรับสร้างบ้าน แรงงานที่มีอยู่ล้วนแต่เป็นแรงงานฝีมือซึ่งได้รับค่าตอบแทนสูงอยู่แล้วจึงอาจไม่ส่งผลกระทบชัดเจน ด้านราคาวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวสูงขึ้นมาเป็นระยะนั้น เนื่องจากซีคอนมีโปรเจครับสร้างบ้านอยู่ในมือค่อนข้างมาก จึงมีพันธมิตรทางธุรกิจชั้นนำที่หลากหลายซึ่งแต่ละที่ล้วนร่วมดำเนินธุรกิจกันมาอย่างยาวนาน ความเชื่อมั่นดังกล่าวและแผนการซื้อที่ชัดเจนจึงทำให้สามารถบริหารต้นทุนการซื้อดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
นอกจากนี้ ซีคอน ยังได้ส่งท้ายปีกับกิจกรรม CSR เพื่อส่งเสริมด้านการศึกษาด้วยการมอบทุนการศึกษาและปรับปรุงสถานศึกษา พัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ ให้แก่เด็กนักเรียน 2 โรงเรียนใน จ.เพชรบุรี ประกอบด้วย โรงเรียนบ้านพุสวรรค์ และโรงเรียนบ้านสองพี่น้อง เพื่อเป็นกำลังที่ดีของชาติต่อไปในอนาคต
โรงเรียนทั้ง 2 แห่งเป็นโรงเรียนที่ขาดแคลนงบประมาณในการซ่อมบำรุงและปรับปรุงอาคารรวมทั้งสภาพแวดล้อม ซีคอนเชื่อว่าสภาพแวดล้อมที่ดีจะทำให้ผู้อยู่ในสภาพแวดล้อมนั้นๆ ทั้งเด็กนักเรียน ครู และชุมชน มีสุขภาพจิตที่ดี สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญในฐานะผู้ให้ทั้งคณะผู้บริหารและพนักงานของซีคอนก็จะมีจิตสาธารณะซึ่งพลังบวกเหล่านั้นก็จะย้อนกลับมาสร้างให้บุคลากรของเรา ส่งมอบบริการสู่มือผู้บริโภคได้อย่างมีศักยภาพยิ่งขึ้นเช่นกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
เอฟเฟกต์!ราคาที่ดินพุ่งหนุนบ้าน3ชั้นราคา20ล้านบูม
เอฟเฟกต์!ราคาที่ดินพุ่ง หนุนดีเวลลอปเปอร์แห่เปิดตัวโครงการบ้าน3ชั้นในกรุงเทพฯระดับราคา20ล้านออกมาตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการสเปซเพิ่มขึ้นในทำเลที่ไม่ไกลจากเมืองชั้นในและแนวของเส้นทางรถไฟฟ้า
บ้านในโครงการจัดสรรมีหลายประเภทไม่ว่าจะเป็นทาวน์เฮ้าส์ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด และอาคารพาณิชย์ อาจจะมีสัดส่วนที่น้อยกว่า 2 ประเภทแรกชัดเจน ทาวน์เฮ้าส์ในประเทศไทยส่วนใหญ่จะมีขนาดที่ดินเริ่มต้น18 ตารางวาและมีพื้นที่ใช้สอยระหว่าง 100 – 150 ตารางเมตรขึ้นอยู่กับขนาดที่ดิน และหน้ากว้างของที่ดิน (บ้าน)
โดยทั่วไปในตลาดทาวน์เฮ้าส์ตอนนี้จะเป็นทาวน์เฮ้าส์ที่มีหน้ากว้าง 5 – 6 เมตรเป็นหลัก อาจจะมีที่มากกว่าหรือน้อยกว่านี้บ้างแต่ก็ไม่มากนัก ยิ่งบ้านที่มีหน้ากว้างน้อยกว่า 5 เมตรในปัจจุบัน”ไม่มี” การพัฒนาออกมาแล้ว ส่วนใหญ่จะสูง 2 ชั้น ซึ่งจำนวนชั้นก็จะมีผลโดยตรงต่อขนาดของพื้นที่ใช้สอยในตัวบ้าน ส่วนบ้านเดี่ยวนั้นมีขนาดของที่ดินเริ่มต้นตามกฎหมายที่ 50 ตารางวา ขนาดของพื้นที่ใช้สอยก็แตกต่างกันไปตามแต่ขนาดของที่ดิน และจำนวนชั้นของบ้านอาจจะเริ่มต้น100 ตารางเมตรไม่ต่างจากทาวน์เฮ้าส์
สุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ ดีเอ็นเอ จำกัด กล่าวว่า ปกติบ้านเดี่ยวในกรุงเทพฯรวมทั้งต่างจังหวัดส่วนใหญ่สูง 2 ชั้นในต่างจังหวัดอาจมีบ้านแบบชั้นเดียวและในกรุงเทพฯ ปริมณฑลจะมีบ้านเดี่ยวที่มีความสูงมากกว่า 2 ชั้นส่วนขนาดพื้นที่ใช้สอบของบ้านเดี่ยวแบบ 2 ชั้นโดยทั่วไปจะอยู่100 ตารางเมตรขึ้นไปถึงมากกว่า 800 ตารางเมตรตามขนาดของที่ดิน
ปัจจุบันบ้านเดี่ยวที่มีมากกว่า2ชั้นเริ่มมีให้เห็นมากขึ้นโดยเฉพาะในกรุงเทพฯเพราะ “ราคาที่ดินแพง” การจะพัฒนาบ้านให้ตอบโจทย์หรือตรงกับความต้องการในกลุ่มเป้าหมายในราคาที่คุ่มค้า
ปัจจุบันบ้านเดี่ยวที่มีความสูง3 ชั้นจะมีจำนวนยังไม่มากนัก เมื่อเทียบกับบ้านเดี่ยว1-2 ชั้น โดยสัดส่วนของบ้านเดี่ยว 3 ชั้นในกรุงเทพฯอยู่ที่ 6% ของบ้านเดี่ยวทุกประเภทซึ่งมีจำนวน23,130 ยูนิต แต่ในต่างจังหวัดยังไม่เป็นที่นิยม
สำหรับบ้านเดี่ยว 3 ชั้นในตลาดกรุงเทพฯและปริมณฑลที่เปิดขายก่อนปี2560 บางส่วนยังขายไม่หมด เพราะเป็นโครงการที่พัฒนาโดยผู้ประกอบการรายเล็ก ส่วนผู้ประกอบการที่พัฒนาบ้านเดี่ยว 3 ชั้นในกรุงเทพฯส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการในตลาดหลักทรัพย์มีสัดส่วนกว่า 75% จากข้อมูลพบว่า บ้านเดี่ยว 3 ชั้นในกรุงเทพฯ ระดับราคา20 ล้านบาทขึ้นไปมีจำนวนมากกว่าระดับราคาอื่นคิดเป็นสัดส่วน83% ของบ้านเดี่ยว 3 ชั้นทั้งหมดในกรุงเทพฯที่มีจำนวน 1,350 ยูนิต
ขณะที่บ้านเดี่ยวที่มีความสูงต่ำกว่า 3 ชั้นจะมีสัดส่วนของยูนิตที่มีราคาขายต่ำกว่า 15 ล้านบาทต่อยูนิตมากถึง 71% โดยบ้านเดี่ยว 3 ชั้นส่วนใหญ่จะอยู่ในทำเลที่มีราคาที่ดินค่อนข้างสูง เพราะเมื่อพัฒนาเป็น บ้าน3 ชั้นในราคาขายสูงดูแล้วสมเหตสมผลเพราะพื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้น
สำหรับทำเลโครงการบ้านเดี่ยว 3 ชั้นส่วนใหญ่จะเป็นทำเลเดียวกับบ้านเดี่ยว 2 ชั้นที่มีราคาสูงกว่า10 ล้านบาทต่อยูนิตแต่จะอยู่ในทำเลที่ไม่ไกลจากเมืองชั้นในมากนัก หรือไม่ไกลจากแนวของเส้นทางรถไฟฟ้า ถนนวงแหวนรอบกรุงเทพมหานครหรือทางพิเศษต่างๆ ที่ราคาที่ดินค่อนข้างสูง
บ้านเดี่ยว 3 ชั้นอาจจะมีขนาดที่ดินเริ่มต้นที่ 50 ตารางวาเหมือนบ้านเดี่ยว 2 ชั้น แต่พื้นที่ใช้สอยในบ้านเริ่มต้นที่ 200 ตารางเมตรขึ้นไป ซึ่งมากกว่าบ้านเดี่ยว 2 ชั้น เพราะราคาขายเริ่มต้นที่ไม่ต่ำกว่า 7.5 ล้านบาทต่อยูนิต และส่วนใหญ่ขายราคาไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาทต่อยูนิต
แม้ว่าบ้านเดี่ยว 3 ชั้นในกรุงเทพฯยังมีจำนวนไม่มาก แต่ก็ได้รับความสนใจจากผู้ซื้อดังนั้น ผู้ประกอบการส่วนใหญ่จึงเปิดขายบ้านเดี่ยว 3 ชั้นเพื่อเป็นทางเลือกของกลุ่มผู้ซื้อแต่ยังไม่ได้พัฒนาเป็นสินค้าหลักเหมือนบ้านเดี่ยว 2 ชั้นซึ่งมีดีมานด์มากกว่า
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้5พ.ย. “แข็งค่า” ที่ระดับ 35.54 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทโมเมนตัมการแข็งค่าอาจชะลอลงบ้าง เงินดอลลาร์แกว่งตัว sideway นักลงทุนต่างชาติอาจยังเข้าซื้อบอนด์ไทยได้ หากอัตราเงินเฟ้อของไทยชะลอลงมากขึ้น หรือ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทรงตัว/ย่อตัวลง
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้5พ.ย. 2566 ที่ระดับ 35.54 บาทต่อดอลลาร์“แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ 35.71 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่า นับตั้งแต่ช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา เงินบาททยอยแข็งค่าขึ้น (แกว่งตัวในกรอบ 35.41-35.76 บาทต่อดอลลาร์) ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ หลังรายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ และดัชนี ISM Services PMI ล่าสุด ออกมาแย่กว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดเริ่มมองว่า เฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ยเร็วขึ้นและมีโอกาสลดดอกเบี้ยลงได้ราว -100bps (-1%)
นอกจากนี้ การอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ ยังเกิดขึ้นพร้อมกับการปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ และหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นได้บ้าง ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยขายทำกำไรทองคำ ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยหนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น
สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงหนัก หลังผลการประชุมเฟดล่าสุดและรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทำให้ตลาดเชื่อว่า เฟดได้จบรอบการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว และเฟดอาจเริ่มลดดอกเบี้ยได้ในการประชุมเดือนพฤษภาคมปีหน้า
ในสัปดาห์นี้ เรามองว่า ควรรอจับตา ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางหลัก โดยเฉพาะ เฟด พร้อมติดตามรายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน และสถานการณ์สงครามอิสราเอล-กลุ่มฮามาสและพันธมิตร
มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก
▪ฝั่งสหรัฐฯ – รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ ยอดการจ้างงานและดัชนี ISM PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการที่ออกมาแย่กว่าคาด รวมถึงผลการประชุมเฟดล่าสุด ที่สะท้อนว่า เฟดอาจถึงจุดยุติการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว จะทำให้ ผู้เล่นในตลาดต่างรอจับตา ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดในสัปดาห์นี้อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินถึงแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด โดยจากข้อมูล CME FedWatch Tool
ล่าสุด ผู้เล่นในตลาดมองว่า เฟดอาจเริ่มลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพฤษภาคมและอาจลดดอกเบี้ยลงราว -100bps (-1%) ในปีหน้า และนอกเหนือจากปัจจัยดังกล่าว เรามองว่า ควรจับตารายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนอย่างใกล้ชิด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินได้
▪ฝั่งยุโรป – เรามองว่า เศรษฐกิจอังกฤษมีแนวโน้มชะลอตัวลงต่อเนื่อง ตามผลกระทบของภาวะเงินเฟ้อสูงและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา สะท้อนผ่าน อัตราการเติบโตเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 ที่จะขยายตัวเพียง +0.5%y/y นอกจากนี้ ภาพเศรษฐกิจยูโรโซนก็มีทิศทางชะลอลง
เช่นเดียวกันกับฝั่งอังกฤษ โดยยอดค้าปลีก (Retail Sales) เดือนกันยายน อาจหดตัวต่อเนื่องราว -0.2% ซึ่งจากแนวโน้มการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจอังกฤษและยูโรโซนดังกล่าว ทำให้ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ต่างคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมล่าสุด
ทั้งนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ BOE และ ECB เพื่อช่วยประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินของทั้งสองธนาคารกลาง และนอกเหนือจากปัจจัยดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาทิศทางตลาดหุ้นยุโรปอย่างใกล้ชิด โดยในช่วงนี้จะมีการรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนพอสมควร อีกทั้งในช่วงนี้ ค่าเงินยูโรและค่าเงินปอนด์ ก็เคลื่อนไหวผันผวนตาม ทิศทางตลาดหุ้นยุโรป
▪ฝั่งเอเชีย – เราประเมินว่า แนวโน้มเศรษฐกิจออสเตรเลียที่ชะลอตัวลง อีกทั้งอัตราเงินเฟ้อก็มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง อาจทำให้ ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 4.10% (ตลาดมองขึ้นดอกเบี้ย สู่ระดับ 4.35%)
ส่วนในฝั่งจีน การค้าระหว่างประเทศมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า ทว่า ยอดการส่งออกและนำเข้าในเดือนตุลาคม อาจยังคง “หดตัว” เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ราว -2.9% และ -4.5% ตามลำดับ
นอกจากนี้ การฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปของเศรษฐกิจจีน จะทำให้ อัตราเงินเฟ้อ CPI เดือนตุลาคม ชะลอลงสู่ระดับ -0.2% ซึ่งจากภาพดังกล่าวอาจเพิ่มโอกาสที่ ทางการจีนพิจารณาใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายเพิ่มเติม ควบคู่กับการกระตุ้นเศรษฐกิจการคลังได้
▪ฝั่งไทย – เรามีมุมมองที่ต่างจากบรรดานักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ต่อแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไป CPI เดือนตุลาคม โดยเรามองว่า ผลของฐานราคาที่สูงในปีก่อนหน้า รวมถึงการปรับตัวลดลงต่อเนื่องของราคาพลังงานและราคาเนื้อสัตว์ จะส่งผลให้ อัตราเงินเฟ้อทั่วไป หดตัว -0.7%m/m หรือ -0.7%y/y (ตลาดมอง +0.1%y/y)
ทั้งนี้ เรามองว่า การชะลอลงของอัตราเงินเฟ้ออาจไม่ได้ส่งผลให้ ธนาคารแห่งประเทศไทยส่งสัญญาณพร้อมใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น แต่อาจทำให้วัฎจักรการขึ้นดอกเบี้ยได้สิ้นสุดลงแล้วที่ระดับ 2.50%
สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า โมเมนตัมการแข็งค่าของเงินบาทอาจชะลอลงบ้าง โดยผู้เล่นในตลาดอาจรอจังหวะเงินบาทแข็งค่าในการทยอยเข้าซื้อเงินดอลลาร์ หรือ ทำกำไรสถานะ Long THB นอกจากนี้ ฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติอาจยังมีทิศทางไม่ชัดเจน
โดยการรีบาวด์ขึ้นของหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมา อาจทำให้นักลงทุนต่างชาติทยอยขายทำกำไรได้บ้าง ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติอาจยังเข้าซื้อบอนด์ไทยได้ หากอัตราเงินเฟ้อของไทยชะลอลงมากขึ้น หรือ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทรงตัว/ย่อตัวลง
ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า หากตลาดการเงินยังอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) ก็อาจส่งผลให้เงินดอลลาร์แกว่งตัว sideway หรือ อ่อนค่าลง ทั้งนี้ ควรระวังความผันผวนจากสถานการณ์สงครามที่ยังมีความไม่แน่นอนอยู่
เราคงคำแนะนำว่า ในช่วงนี้ ตลาดการเงินยังอยู่ในช่วงเผชิญความผันผวนสูง จากทั้งความไม่แน่นอนของทิศทางนโยบายการเงิน สถานการณ์สงครามที่ยังคงร้อนแรงอยู่ รวมถึงปัญหาหนี้ภาคอสังหาฯ ของจีน ทำให้เราคงคำแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย
อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และนอกเหนือจากการใช้เครื่องมือดังกล่าว การเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ก็เป็นอีกแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง
มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 35.25-36.00 บาท/ดอลลาร์
ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.40-35.70 บาท/ดอลลาร์
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับ 35.45-35.47 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.20 น.) หลังแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 2 เดือนที่ 35.41 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้น เช่นเดียวกับค่าเงินเอเชียและค่าเงินสกุลเงินหลักอื่นๆ
ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ยังคงเผชิญแรงกดดันต่อเนื่อง หลังตัวเลขตลาดแรงงานของสหรัฐฯ เดือนต.ค. มีสัญญาณอ่อนแอกว่าที่คาด ซึ่งหนุนมุมมองของตลาดที่ว่า มีความเป็นไปได้มากขึ้นว่า วัฏจักรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ น่าจะยุติไปแล้ว ทั้งนี้ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเพียง 150,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. (ตลาดคาดที่ 188,000 ตำแหน่ง) ขณะที่มีการปรับทบทวนตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือนก.ย. ลงมาด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ อัตราการว่างงานในเดือนต.ค. ยังขยับขึ้นไปที่ 3.9% (ตลาดคาดที่ 3.8%)
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้เบื้องต้นที่ 35.40-35.65 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของไทยเดือนต.ค. สัญญาณเงินทุนต่างชาติ ทิศทางสกุลเงินเอเชีย สถานการณ์ในอิสราเอล รวมถึงถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟด ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนต.ค. ของญี่ปุ่นและยูโรโซน
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
สมาคมเทควันโดฯ เปลี่ยนแผน เตรียมส่ง “พาณิภัค” ล่าทองเอเชียนอินดอร์เกมส์
ความเคลื่อนไหวทัพนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย ที่อยู่ระหว่างการเตรียมการส่งนักกีฬาลงแข่งขันใน ศึกเอเชียนอินดอร์และมาร์เชียลอาร์ต ครั้งที่ 6 ที่ประเทศไทย จะเป็นเจ้าภาพ รวมถึง โอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
โดย “เลขาบิ๊ก” นายธนฑิตย์ รักตะบุตร เลขาธิการสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย “โค้ชเช” ชัชชัย เช หัวหน้าผู้ฝึกสอน และร้อยเอกหญิง ชนาธิป ซ้อนขำ ผู้ฝึกสอนทีมเทควันดดไทย ได้มีการประชุมหารือร่วมกัน เพื่อวางแผนเตรียมความพร้อมของจอมเตะไทย ในการสู้ศึกในปี 2567 โดยมีรายการสำคัญ ๆ อย่างกีฬาเอเชียนอินดอร์และมาร์เชียลอาร์ตเกมส์ ครั้งที่ 6 และกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2024
การประชุมครั้งนี้ใช้เวลประมาณ 1.30 ชั่วโมง ซึ่งที่ประชุมได้ข้อสรุปในการส่งนักกีฬาเทควันโดเข้าร่วมการแข่งขันเอเชียนอินดอร์และมาร์เชียลอาร์ต ครั้งที่ 6 ระหว่างวันที่ 24 ก.พ.-6 มี.ค.67 ว่าจะมีการเปลี่ยนแผนส่ง “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ เจ้าของเหรียญทอง โอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่เพิ่งคว้าแชมป์เอเชียนเกมส์ 2 สมัยติดต่อกัน ลงแข่งขันรายการนี้ในรุ่น 49 กก. หลังจากที่ก่อนหน้านี้ สมาคมฯ แจ้งว่าจะไม่ส่ง “เทนนิส” ลงแข่งขัน เพราะต้องการรักาาสภาพร่างการให้สมบูรณ์ที่สุดเพื่อไปลุยศึกโอลิมปิกเกมส์ 2024 ซึ่งเหตุผลที่สมาคมฯ เปลี่ยนใจ เพราะเห็นว่ารายการนี้เป็นแมตช์ใหญ่ ที่ประเทศไทย เป็นเจ้าภาพ และยังถือเป็นการลงอุ่นเครื่องไปในตัวอีกด้วย
“โค้ชเช” กล่าวว่า ที่เราเปลี่ยนใจส่ง พาณิภัค ลงแข่งขัน “อินดอร์เกมส์” ครั้งนี้ก็เพราะว่าในปีหน้าก่อนถึงโอลิมปิกเกมส์ 2024 แทบจะไม่มีรายการให้ พาณิภัค ได้เคลื่อนไหวร่างกายเลย โดยสมาคมฯ อยากให้ลงแข่ง 2 รายการ ก่อนไปป้องกันแชมป์โอลิมปิกเกมส์ ที่ฝรั่งเศส
นอกจาก “เทนนิส” จะลงแข่ง รุ่น 49 กก.หญิง แล้ว สมาคมฯ ยังให้สิทธิ “เจ้าหยู” บัลลังก์ ทับทิมแดง จอมเตะดาวรุ่ง วัย 18 ปี เจ้าของเหรียญทอง เอเชียนเกมส์ 2022 รุ่น 63 กก.ชาย ลงแข่งขันด้วย ส่วนนักกีฬารุ่นอื่น ๆ ที่เหลือ จะมีการประลองกันเย็นวันจันทร์ที่ 6 พ.ย.นี้ เพื่อคัดเลือกและเก็บตัวฝึกซ้อม เตรียมความพร้อมไปไล่ล่าเหรียญรางวัลในการแข่งขันรายการนี้ต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
รู้จักโรค “จอตาบวมน้ำ” แค่เครียดก็เป็นได้
โรคจอตาบวมน้ำ เป็นโรคตาที่ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค อาการที่สังเกตได้ คือ การมองเห็นวงดำกลางตาเวลามอง หรือมองเห็นภาพเบี้ยว
โรคจอตาบวมน้ำ คืออะไร
นายแพทย์ไพโรจน์ สุรัชวนิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า โรคทางตานอกจากสาเหตุจากเชื้อโรครอบตัวเราแล้ว อาจเกิดจากภาวะผิดปกติของร่างกายได้เช่นกัน เช่น โรคจอตาบวมน้ำที่ไม่ได้มีสาเหตุการเกิดจากเชื้อโรค จะพบได้ในผู้ที่มีช่วงอายุ 25-55 ปี เพศชายมากกว่าเพศหญิง และในกลุ่มผู้ที่จริงจังกับชีวิตและเครียดง่าย การใช้ยารักษาโรคบางชนิด โดยเฉพาะยากลุ่มสเตอรอยด์
สาเหตุของโรคจอตาบวมน้ำ
นายแพทย์อภิชัย สิรกุลจิรา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) กล่าวเพิ่มว่า โรคจอตาบวมน้ำ มาจากการทำงานผิดปกติของเซลล์ในจอประสาทตาทำให้มีการรั่วของสารน้ำเข้ามาในชั้นใต้ต่อจอตา จึงเกิดการบวมน้ำขึ้น สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากภาวะความเครียด กลุ่มผู้มีบุคลิกภาพจริงจังกับชีวิตค่อนข้างเครียด ( Type A personality) ซึ่งนอกจากความเครียดแล้ว ยาบางชนิดเช่น ยารักษาผู้ป่วยทางจิตเวช ยาสเตอรอยด์ รวมทั้งยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ อีก เช่น การสูบบุหรี่
อาการของโรคจอตาบวมน้ำ
นายแพทย์เอกชัย อารยางกูร รองผู้อำนวยการด้านจักษุวิทยา โรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) กล่าวถึงอาการของโรคจอตาบวมน้ำว่า ผู้ที่เป็นโรคนี้จะมีอาการ ดังนี้
- มองเห็นวงดำบริเวณกลางตาเวลามอง หรืออ่านหนังสือ
- บางรายเห็นเป็นภาพเบี้ยว
วิธีรักษาโรคจอตาบวมน้ำ
แนวทางการรักษาคือควรควบคุมปัจจัยเสี่ยง เช่น
- การใช้ยาสเตอรอยด์
- พยายามลดหลีกเลี่ยงความเครียด
- ในกรณีที่ผู้ป่วยบางรายที่มีพฤติการณ์สูบบุหรี่ควรลดสูบบุหรี่
ผู้ป่วยส่วนใหญ่ 80-90 % จะสามารถกลับมามองเห็นได้ปกติ ภายใต้การดูแลรักษาของจักษุแพทย์
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
บริษัท ‘เอไอ’ ของ ‘อีลอน มัสก์’ จ่อเปิดตัวโมเดลใหม่
บริษัทสตาร์ทอัพ xAI ของมหาเศรษฐีไอที อีลอน มัสก์ เตรียมปล่อยโมเดลปัญญาประดิษฐ์ในวงจำเพาะในวันเสาร์นี้ อ้างเป็นโปรแกรมที่ดีที่สุดเท่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน จากการประกาศของเจ้าตัว ซึ่งเป็นซีอีโอบริษัท Tesla ในวันศุกร์
รอยเตอร์รายงานว่า การประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นราวหนึ่งปีหลังการเปิดตัว Chat GPT ของกลุ่ม Open AI ห้องแล็บวิจัยปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ที่ก่อตั้งโดยบริษัทสตาร์ทอัพหลายราย รวมถึงอีลอน มัสก์ ที่กระตุกจิตกระชากใจภาคธุรกิจและผู้ใช้งานทั่วไปรอบโลกในการนำเทคโนโลยี AI มาประยุกต์ใช้
มัสก์ ผู้ร่วมก่อตั้ง Open AI เมื่อปี 2015 แต่ถอนตัวออกมาจากบอร์ดในปี 2018 กล่าวถึงโมเดลใหม่ของ xAI ในวันศุกร์ว่าเป็นสิ่งที่ “ดีที่สุดที่มีอยู่ในปัจจุบัน” มหาเศรษฐีหมื่นล้านรายนี้ ที่เคยวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการเซ็นเซอร์ และเรื่องท่าทีต่อ AI ของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ ประกาศว่าเขาจะเปิดตัว AI ค้นหาความจริงขั้นสุดยอด ที่พยายามจะเข้าใจธรรมชาติของจักรวาล เพื่อแข่งขันกับผลิตภัณฑ์ Bard ของ Google และ Bing AI ของ Microsoft ทีมที่อยู่เบื้องหลัง xAI ที่เปิดตัวไปเมื่อเดือนกรกฎาคมปีนี้ ประกอบด้วยคนที่เคยทำงานกับบริษัทวิจัย AI ชั้นนำ หลายแห่ง เช่น DeepMind ของ Google Windows parent และอื่น ๆ
แม้ว่าบริษัทแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X ที่มัสก์เทคโอเวอร์แล้วเปลี่ยนชื่อจากทวิตเตอร์ จะแยกส่วนกับบริษัท xAI แต่ทั้งสองบริษัทก็ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ไม่เพียงเท่านั้น xAI ยังทำงานร่วมกับบริษัท Tesla และบริษัทอื่น ๆ อีกด้วย แลรี เอลลิสัน ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทเทคโนโลยี Oracle และคนที่บอกว่าตนเองเป็นเพื่อนสนิทของมัสก์ กล่าวในเดือนกันยายนว่า xAI ได้เซ็นสัญญาว่าจะนำโมเดล AI ของบริษัทมาฝึกบนในคลังเก็บข้อมูลของ Oracle
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ต้องทำอย่างไรจึงจะใช้ภาษาอังกฤษได้คล่อง?
ในฐานะคนที่เรียนภาษา ผู้เขียนมั่นใจว่าเป้าหมายสูงสุดของคุณคือพูดภาษาอังกฤษให้ได้ไหลลื่น แต่จะเริ่มอย่างไรถึงจะพูดให้ได้คล่องแคล่ว มันไม่ได้อยู่ดี ๆ ก็พูดได้เลย อ่านบทความของเราวันนี้แล้วคุณจะได้รู้ว่าต้องทำยังไงถึงจะพูดคล่องได้อย่างใจนึก
แบบไหนถึงเรียกว่า “พูดคล่อง
คุณอาจจะคิดว่าคำตอบก็ตรงตัวอยู่แล้วว่าการพูดได้คล่องก็คือพูดถูกต้องเป๊ะทุกคำ แต่ไม่ใช่เลย และควรจำไว้ให้ดี การพูดภาษาได้คล่องหมายถึงการสื่อสารได้อย่างไม่อึดอัด คนที่ไม่ได้พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ยังไงก็จะต้องมีพูดหรือเขียนผิดบ้างอยู่ดี แม้ว่าจะเก่งแค่ไหนแล้ว และไม่มีวันหยุดเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ ๆ ได้ แต่นี่ไม่ใช่เรื่องผิดกลับเป็นตัวจุดไฟให้คุณด้วยซ้ำ ไม่ว่าคุณจะเรียนภาษาอยู่ขั้นไหน ผู้เขียนมั่นใจว่าคุณต้องมีผิดบ้างอยู่ดี แต่คุณก็ยังพูดบางประโยคได้ง่าย ๆ เมื่อคุณได้เรียนและพัฒนาต่อไป จำนวนวลีที่คุณพูดได้คล่องปากนั้นก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และคุณก็จะพูดได้อย่างคล่องแคล่ว
ทางลัดสู่การใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างใจนึก
วิธีที่ดีที่สุดที่ทำให้คุณใช้ภาษาคล่องคือการพูด ถ้าคุณเรียนรู้ภาษาโดยเริ่มจากการพูด เหมือนที่เด็กทำคุณจะได้เรียนรู้ภาษาอย่างเป็นธรรมชาติผ่านการฟังและเลียนแบบ และยิ่งคุณพูดได้มากเท่าไร แม้ว่าตั้งแต่เริ่มเรียนพื้นฐาน คุณจะยิ่งมั่นใจในตัวเองมากขึ้น ซึ่งทำให้การพูดภาษาอังกฤษได้คล่องนั้นเป็นไปได้จริง
ที่ Wall Street English คุณจะได้เน้นการฝึกพูด และคุณจะได้ฝึกจนมั่นใจตั้งแต่บทเรียนแรก แม้จะเพิ่งเริ่มเรียนก็ตาม คุณจะใช้เวลาฝึกฝนทั้งหมดไปกับการเรียนรู้ภาษาที่ใช้ในชีวิตจริง ในสภาพแวดล้อมเปิดที่วางแผนมาอย่างเป็นระบบ ที่คล้ายกับสถานการณ์จริงที่คุณจะได้ใช้ภาษาอังกฤษเหมือนอยู่ในต่างประเทศ การเรียนรู้ภาษาอังกฤษด้วยวิธีแบบธรรมชาตินี้ คุณจะได้ลักษณะการพูดแบบเจ้าของภาษามาอย่างง่ายดายและพูดคล่องได้ในที่สุด
กล้าผิดจึงจะเก่ง
สมัยยังเป็นเด็ก คุณเรียนรู้ภาษาแม่ผ่านการลองผิดลองถูก ผิดแล้วก็แก้ตัวเอง และสิ่งที่ดีที่สุดที่ควรทำหากต้องการใช้ภาษาอังกฤษได้คล่องนั้นคือการใช้หลักการเดียวกัน เมื่อคุณเรียนภาษา แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะพูดทุกอย่างถูกต้องไร้ที่ติตั้งแต่ครั้งแรก คุณต้องพยายามแล้วพยายามอีก และเมื่อคุณรู้สึกว่าทำได้แล้ว คุณสามารถนำภาษาที่เพิ่งเรียนรู้ใหม่ไปฝึกฝนในสถานการณ์จริง แต่ต่อให้ถึงเวลานั้น การใช้ผิดก็เป็นเรื่องปกติและมีประโยชน์เพราะเราจะได้เรียนรู้จากข้อผิดพลาด
ผู้เขียนมักจะได้ยินนักเรียนใหม่บอกว่าไม่กล้าพูดต่อหน้าคนอื่นเพราะกลัวว่าจะพูดผิด แต่หลักจากเรียนไปด้วยกันสักพัก พวกเขาก็จะรู้สึกผ่อนคลายขึ้นเพราะได้ฟังนักเรียนคนอื่นที่อยู่ในระดับเดียวกันกล้าพูดอย่างเปิดเผยและมั่นใจ กล้าที่จะผิดโดยไม่อาย เป็นองค์ประกอบพื้นฐานในการเรียนรู้เพราะถ้าคุณไม่เสี่ยงและกล้าที่จะผิด คุณจะไม่มีวันพัฒนาและก้าวไปข้างหน้า
ให้เวลากับการออกเสียง
นักเรียนหลายคนไปให้ความสำคัญกับไวยากรณ์และไม่คิดว่าการฝึกออกเสียงเป็นเรื่องสำคัญ แต่คนจะเข้าใจที่เราพูดอยู่ไม่ขึ้นอยู่กับว่าเราออกเสียงประโยคนั้นอย่างไร การเรียนไปถึงเลเวลสูงแต่ออกเสียงไม่เก่งจะทำให้คุณดูเป็นมือใหม่ง แต่ถ้าคุณฝึกออกเสียงให้ถูกต้อง คุณจะดูเป็นมืออาชีพแม้ว่าจะเพิ่งเริ่มต้นเรียนภาษาอังกฤษเท่านั้น
นักเรียนของ Wall Street English จะมีโอกาสได้ฝึกการออกเสียงมากเป็นพิเศษ ในบทเรียนทุกครั้ง คุณจะได้ฟังตัวละครที่หลากหลายพูดคุยกันผ่านเรื่องราวในวิดีโอสนุก ๆ ที่จะคอยสอนคำศัพท์และวลีต่าง ๆ ให้คุณ และเมื่อคุณฟังและเลียนแบบการออกเสียงที่ถูกต้อง คุณจะได้ยินเสียงตัวเองและแก้ข้อผิดพลาดได้
เสียงสำคัญที่คุณควรหมั่นฝึกคือเสียงสระต่าง ๆ เสียงพยัญชนะ ‘h’ และ ‘th’ การใช้สัทศาสตร์ถือว่าเป็นอีกวิธีที่จะช่วยให้คุณเข้าใจวิธีการออกเสียงใหม่ ๆ คลิก ที่นี่ เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับเทคนิคการออกเสียงและสัทศาสตร์ให้มากขึ้น
เห็นแล้วใช่ไหมคะว่าการจะใช้ภาษาอังกฤษได้เก่งนั้นเป็นเรื่องไม่ยากเลยถ้าคุณตั้งเป้าหมายเอาไว้ชัดเจน เริ่มก้าวแรกสู่การพูดภาษาอังกฤษได้แล้ววันนี้ ลองทำแบบทดสอบภาษาอังกฤษของเราด้านล่างนี้เพื่อวัดระดับภาษาของคุณกัน!
ขอบคุณข้อมูลจาก wallstreetenglish.in.th
6 อาหารลดอาการ “บวมน้ำ”
อาการบวมน้ำ (Edema) คือภาวะที่มีของเหลวสะสมอยู่ในเซลล์ร่างกายมากเกินไป เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การนั่งหรือยืนนานๆ โดยเฉพาะในช่วงอากาศร้อน การตั้งครรภ์ การมีประจำเดือน ปัญหาสุขภาพเรื้อรัง (เช่น โรคปอด โรคไต)
อาการบวมน้ำนี้สังเกตได้ด้วยการใช้นิ้วกดบริเวณที่บวมค้างไว้ 10-15 วินาที หากบุ๋มเป็นรอยนิ้วแปลว่าบวมน้ำ คนที่มีภาวะบวมน้ำมักตัวบวม อึดอัด ไม่สบายตัว ทำกิจกรรมอะไรก็ไม่สะดวก แถมยังทำให้รู้สึกว่าน้ำหนักขึ้นจนเครียดได้ด้วย วันนี้เราเลยมี อาหารที่ช่วยลดอาการบวมน้ำ มาแนะนำ รับรองกินตามนี้ อาการตัวบวมน้ำของคุณจะดีขึ้นแน่นอน
อาหารที่ช่วยลดอาการบวมน้ำ
- หน่อไม้ฝรั่ง
หน่อไม้ฝรั่งหรือแอสพารากัส (Asparagus) คืออาหารที่ช่วยลดอาการบวมน้ำซึ่งคุณไม่ควรพลาด โดยศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยแมรีแลนด์ (University of Maryland Medical Center) ประเทศสหรัฐอเมริกาเผยว่า หน่อไม้ฝรั่งมีฤทธิ์เป็นยาขับปัสสาวะตามธรรมชาติ กินแล้วช่วยขจัดของเหลวส่วนเกินออกจากร่างกายได้ แถมหน่อไม้ฝรั่งยังมีโซเดียม (Sodium) ต่ำด้วย จึงยิ่งเหมาะกับคนที่มีปัญหาตัวบวมน้ำ เพราะโซเดียมถือเป็นตัวการสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้เกิดภาวะบวมน้ำนี้
- แดนดิไลออน
แดนดิไลออน (Dandelion) หรือชื่อวิทยาศาสตร์คือ Taraxacum officinale เป็นพืชสมุนไพรที่นิยมนำมาใช้เป็นยาขับปัสสาวะมาช้านาน กินแล้วจะช่วยให้ปัสสาวะบ่อยขึ้น จึงทำให้มีของเหลวสะสมอยู่ในร่างกายน้อยลง
โดยผลงานศึกษาวิจัยชิ้นหนึ่งที่ให้กลุ่มตัวอย่าง 17 คนกินสารสกัดจากใบแดนดิไลออนปริมาณ 3 โดส จากนั้นให้กลุ่มตัวอย่างสังเกตปริมาณของเหลวที่บริโภคเข้าไปและที่ปัสสาวะออกมา เป็นเวลา 24 ชั่วโมง พบว่า ร่างกายของกลุ่มตัวอย่างผลิตปัสสาวะได้มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
แนะนำว่าใครที่สนใจกินแดนดิไลออนหรือสารสกัดจากแดนดิไลออนเพื่อลดอาการบวมน้ำ ควรปรึกษาแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร หรือเภสัชกรให้ดีก่อน เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาสุขภาพที่อาจตามมาได้
- น้ำเปล่า
หลายคนอาจเข้าใจผิดว่า ตัวบวมน้ำอยู่แล้ว หากดื่มน้ำเข้าไปอีก ก็จะยิ่งทำให้บวมน้ำเข้าไปใหญ่ แต่ความจริงแล้ว การดื่มน้ำให้เพียงพอ หรือดื่มน้ำให้มากขึ้น จะช่วยขับโซเดียมออกจากร่างกาย เมื่อโซเดียมส่วนเกินลดลง อาการบวมน้ำก็จะดีขึ้น โดยปริมาณน้ำที่แนะนำต่อวันคือ ประมาณวันละ 1.5-2 ลิตร หรือ 6-8 แก้ว แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายหรือกิจกรรมที่คุณทำด้วย หากคุณกำลังตั้งครรภ์ หรือออกกำลังกาย อาจต้องดื่มน้ำให้เพิ่มขึ้นอีก
- คาร์โบไฮเดรตหรือแป้งไม่ขัดสี
การกินคาร์โบไฮเดรตหรือแป้งขัดสี เช่น ขนมปังขาว ข้าวขาว น้ำตาลทรายขาว จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดและระดับอินซูลิน (Insulin) พุ่งสูงขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว ทำให้ร่างกายดูดซึมโซเดียมในไตซ้ำอีกรอบ จนระดับโซเดียมในร่างกายสูงผิดปกติ ผลก็คือ มีของเหลวสะสมอยู่ในร่างกายมากขึ้น
หากอยากลดและป้องกันอาการบวมน้ำ คุณจึงควรเลือกกินคาร์โบไฮเดรตหรือแป้งไม่ขัดสีแทน เช่น ขนมปังโฮลวีต เส้นพาสต้าโฮลวีต ข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอร์รี่ น้ำตาลทรายแดง เป็นต้น
- อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินบี 6
ผลการศึกษาวิจัยพบว่า วิตามินบี 6 อาจช่วยลดการสะสมของของเหลวในร่างกายได้ โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน หรือพีเอ็มเอส (Premenstrual Syndrome หรือ PMS) โดยคุณสามารถเพิ่มวิตามินบี 6 ให้กับร่างกายเพื่อต่อสู้กับอาการบวมน้ำได้ ด้วยการกินอาหารที่มีวิตามินบี 6 สูง เช่น กล้วย อะโวคาโด เนื้อวัว วอลนัต ปลาแซลมอน ปลาทูน่า แครอท ผักปวยเล้ง มันฝรั่ง
- อาหารโพแทสเซียมสูง
โพแทสเซียม (Potassium) ช่วยลดปริมาณโซเดียมในร่างกาย และช่วยเพิ่มการผลิตปัสสาวะ เมื่อโซเดียมลดลง ของเหลวที่คั่งอยู่ในร่างกายก็จะน้อยตามไปด้วย แถมพอเราขับถ่ายปัสสาวะได้มากขึ้น ของเหลวส่วนเกินในร่างกายก็จะน้อยลงไปอีก โดยคุณสามารถหาโพแทสเซียมได้จากอาหารโพแทสเซียมสูง เช่น มันเทศ แตงโม น้ำมะพร้าว ถั่วขาว ถั่วดำ ทับทิม
วิธีอื่นๆ ที่ช่วย ลดอาการบวมน้ำ
นอกจากการกินอาหารที่ช่วยลดอาการบวมน้ำที่เราแนะนำไปข้างต้นแล้ว วิธีเหล่านี้ก็สามารถช่วยลดอาการบวมน้ำของคุณได้เช่นกัน
- ขยับร่างกายให้มากขึ้น
การขยับร่างกายให้มากขึ้น หรือออกกำลังกายเป็นประจำ สามารถช่วยลดการสะสมของของเหลวในร่างกายได้ ฉะนั้นแทนที่จะนั่งทำงานทั้งวัน จนของเหลวส่วนเกินคั่งในอวัยวะท่อนล่าง คุณก็ควรลุกจากที่บ่อยๆ จะเดินเล่น หรือบริหารร่างกายเบาๆ ก็ได้ นอกจากจะช่วยลดอาการบวมน้ำแล้ว ยังช่วยแก้อาการปวดเมื่อยได้ด้วย
- รักษาสภาวะสุขภาพที่ทำให้ตัวบวมน้ำ
หากอาการบวมน้ำของคุณเกิดจากปัญหาสุขภาพ เช่น โรคปอด ภาวะหัวใจล้มเหลว คุณก็ควรรักษาหรือควบคุมภาวะเหล่านั้นให้ได้ อย่างคนเป็นโรคปอดก็ควรงดสูบบุหรี่ หรือหากคนที่มีภาวะหัวใจล้มเหลวก็ควรลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และควบคุมระดับความดันโลหิตให้ดี เมื่อคุณทำได้ การไหลเวียนเลือดก็จะดีขึ้น ส่งผลให้ปัญหาบวมน้ำลดลง
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
แสงเหนือแห่ง “หาดเจ้าหลาว” เกิดขึ้นได้อย่างไรมาดูกัน!
หลายๆ คนที่ได้เห็นภาพชุดแสงเหนือแห่งหาดเจ้าหลาว จังหวัดจันทบุรีนี้ ครั้งแรกคงมีความตกใจนิดๆ ว่าประเทศไทยเรามีแสงเหนือด้วยเหรอ?
แต่ความจริงแล้วนี่คือ ความมหัศจรรย์ของแสงเหนือไทยแลนด์ ที่เกิดขึ้นจากแสงไฟนีออนของเรือตกหมึกในท้องทะเลยามค่ำคืน
ไฟแสงสีเขียวจากเรือตกหมึกนับ 10 ลำ ประกอบกับท้องทะเลที่มืดสนิทไร้แสงไฟ และเทคนิคการถ่ายภาพในตอนกลางคืน
องค์ประกอบเหล่านี้ทำให้ภาพถ่ายที่ออกมาถูกเนรมิตให้กลายเป็นแสงเหนือ ณ หาดเจ้าหลาว สวยงามและอลังการมาก
โดยการถ่ายภาพหากอยากให้เกิดแสงเหนือขึ้นในพื้นที่ทะเลที่มีเรือไดร์หมึกเยอะๆ นั้นควรหาที่ที่มืดมากๆ
และใช้ขาตั้งกล้องในการถ่าย ตั้งสปีดชัตเตอร์ให้ต่ำประมาณ 10 วินาที รวมถึงเปิดรูรับแสงให้มากที่สุด ดัน iso ขึ้้นไปให้สูง
ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นทฤษฎีเบื้องต้นที่สามารถศึกษาได้จากบทความสอนการถ่ายดาวทั่วไป แต่เมื่อนำประยุกต์ใช้ในพื้นที่ที่มีแสงสีเขียวจากเรือไดร์หมึกจึงกลายเป็นแสงสีเขียวที่วิ่งอยู่ทั่วท้องฟ้า
เป็นภาพที่สุดมหัศจรรย์และงดงามมากๆ ใครอยากลองถ่ายแสงเหนือด้วยตนเองสามารถนำทฤษฎีเหล่านี้ไปใช้ได้ครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 06/11/2566
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 33,300.00 | 33,400.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,157.00 | 32,700.12 | 33,900.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,941.30 | 29,430.11 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,725.60 | 26,160.10 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 971.00 | 14,720.36 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 755.00 | 11,445.80 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,235.00 | 33,882.60 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 06/11/2566
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 38.25 | 38.25 | 38.75 | 38.25 | 38.55 | 38.25 | 38.25 | 38.25 | 38.25 | 38.25 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 37.98 | 37.98 | 38.48 | 37.98 | 38.28 | 37.98 | 37.98 | 37.98 | 37.98 | 37.98 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 35.94 | 35.94 | 36.44 | 35.94 | 36.24 | – | 35.94 | 35.94 | 35.94 | 35.94 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 36.09 | 36.09 | – | – | – | – | – | – | – | 36.09 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 45.04 | 49.84 | 49.94 | 49.84 | – | – | – | – | – | 45.04 |
เบนซิน 95 | 46.04 | – | – | – | 47.51 | – | 46.54 | 46.19 | – | 46.04 |
ดีเซล B7 | 29.94 | 29.94 | 30.24 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล | 29.94 | 29.94 | – | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล B20 | 29.94 | 29.94 | – | – | 29.94 | – | – | – | – | 29.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 41.54 | 43.64 | 48.64 | 43.64 | 42.94 | – | – | – | – | 41.54 |
แก๊ส NGV | 17.59 | 17.59 | – | – | – | – | – | – | – | 17.59 |