สาระน่ารู้ประจำวันที่ 07 พฤศจิกายน 2566

เอพี ชี้สัญญาณตลาดคอนโดฯ กำลังฟื้น ส่ง 2 โครงการ มูลค่า 7,000 ล้านบาท ชิงตลาดปลายปี

เอพี ไทยแลนด์ ชี้สัญญาณคอนโดมิเนียมผ่านจุดต่ำแล้ว รุกตลาดใหญ่ปลายปี ส่ง 2 คอนโดมิเนียมใหม่ ASPIRE วิภา – วิคตอรี่ – RHYTHM เจริญนคร ไอคอนิค มูลค่า 7,000 ล้านบาท เจาะกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ มั่นใจปลายปีปิดยอดขาย 13,000 ล้านบาท

นางสาวกมลทิพย์ บำรุงชาติอุดม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจคอนโดมิเนียม บริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในปัจจุบันได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว และมีสัญญาณบวกที่ดีขึ้นเรื่อยๆ มาจากแนวโน้มการเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ ยอดขายและยอดโอนที่มีต่อเนื่องในอุตสาหกรรม

สำหรับในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจคอนโดมิเนียม สร้างยอดขายสุทธิ (Net Presale) อยู่ที่ 10,713 ล้านบาท เติบโต 180% เมื่อเทียบกับยอดขายทั้งปีของปี 2020 ที่เผชิญวิกฤตการณ์ใหญ่ และเติบโต 15.8% หากเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า

ปัจจัยที่ทำให้ยอดขายคอนโดมิเนียมของบริษัทเติบโตกลับเข้าสู่สภาวะปกติมากขึ้น มาจากการปรับเปลี่ยนวิธีคิดในการพัฒนาโครงการอยู่เสมอ การมี Brand Portfolio ที่ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ การร่วมสื่อสารจุดยืนของแบรนด์ที่สะท้อนไปในทุกรายละเอียดของการออกแบบ 

ทั้งนี้ในปัจจุบันเอพี มีแบรนด์ที่ได้พัฒนาขึ้น 4 แบรนด์สินค้า ได้แก่

  • THE ADDRESS (ดิ แอดเดรส) เพรสทีจ-ลักซ์ คอนโดมิเนียม ระดับราคา 250,000 ต่อตารางเมตร 
  • RHYTHM (ริธึ่ม) ลักซ์ชัวรีคอนโดมิเนียม ระดับราคา 160,000 – 220,000 ต่อตารางเมตร 
  • LIFE (ไลฟ์) ไฮคลาสคอนโดมิเนียม ระดับราคา 100,000 – 160,000 ต่อตารางเมตร 
  • ASPIRE (แอสปาย) คอนโดมิเนียมแมสเซกเมนต์ที่ดีที่สุด ระดับราคา 60,000 – 100,000 ต่อตารางเมตร 

สำหรับช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ กลุ่มธุรกิจคอนโดมิเนียมเตรียมเปิดตัว 2 โครงการใหม่ มูลค่า 7,300 ล้านบาท ได้แก่ ASPIRE วิภา-วิคตอรี่ คอนโดมิเนียมสูง 29 ชั้น จำนวน 593 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,300 ล้านบาท และ RHYTHM เจริญนคร ไอคอนิค คอนโดมิเนียมร่วมทุน ความสูง 29 ชั้น จำนวน 577 ยูนิต มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท

นางสาวนิยมาพร โต๊ะสงวนพันธ์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานการตลาดและการขายธุรกิจ กลุ่มสินค้าคอนโดมิเนียม บริษัท เอพี ไทยแลนด์ กล่าวว่า โครงการ ASPIRE วิภา-วิคตอรี่ ถือเป็น ASPIRE คอนโดมิเนียมในเวอร์ชันใหม่ที่บริษัทตั้งใจพัฒนาขึ้น เพื่อให้สอดรับกับดีมานด์ และไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมาย

ภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในย่านดินแดง ราชปรารถ เชื่อมต่ออนุสาวรีย์ชัยฯ และย่านวิภาวดีนั้น พบว่าไม่มีซัพพลายใหม่เปิดตัวมานานแล้วกว่า 5 ปี โดยซัพพลายที่มีราคาขายเฉลี่ย 115,000 – 155,000 บาท/ตารางเมตร จำนวน 2 ใน 4 โครงการได้ปิดการขาย 100% ไปแล้ว นับเป็นอัตราการตอบรับที่ดี

ส่วนซัพพลายที่คงเหลือขายอยู่ ณ ปัจจุบันประมาณ 100 ยูนิต ซึ่งเป็นโครงการที่เปิดขายตั้งแต่ปี 2017 จึงถือเป็นโอกาสที่กลุ่มธุรกิจคอนโดฯ จะเข้าไปทำตลาดในทำเลดังกล่าว ทั้งด้วยศักยภาพของทำเลที่แวดล้อมด้วย Medical Center มากถึง 17 แห่ง การเชื่อมต่อไปยังทำเลอื่นๆ ทั้งกรุงเทพฯ ชั้นใน ชั้นนอก 

ทั้งนี้ ASPIRE วิภา-วิคตอรี่ ที่มีให้เลือกมากถึง 18 ดีไซน์ กับห้องชุด 2 แบบ ได้แก่ 1. ALL NEW SIMPLEX 11 ดีไซน์ ขนาด 26.5 – 60 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 1 Bedroom 2.79 ล้านบาท หรือ ราคาเริ่ม 98,000 บาท/ตารางเมตร 2.ห้องชุดเพดานสูงแบบ ALL NEW VERTIPLEX 7 ดีไซน์ ขนาด 26 – 46 ตารางเมตร เริ่มในชั้น 22 – 28 ราคา 3.9 ล้านบาท หรือราคาเริ่ม 100,000 บาท/ตารางเมตร

อีกแฟล็กชิปโครงการร่วมทุนใหม่ล่าสุด RHYTHM เจริญนคร ไอคอนิค จำนวน 577 ยูนิต มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท ริมถนนเจริญนคร ตรงข้ามไอคอนสยาม ราคา 159,000 บาท/ตารางเมตร 

ขณะที่ภาพรวมกลุ่มธุรกิจคอนโดมิเนียมในปีนี้ตั้งเป้ายอดขายสุทธิไว้ที่ 13,000 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถทำยอดขายได้ตามเป้าที่ตั้งไว้

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


กำลังโหลด

AOT จ่อตั้ง SPV ให้บริษัทลูกถือหุ้น 60% โอนสิทธิ์บริหาร 3 สนามบินทย.

AOT จ่อตั้งนิติบุคคลเฉพาะกิจ (SPV) ให้เป็นบริษัทลูกทอท.ถือหุ้น 60% โอนสิทธิ์บริหารสนามบินอุดรธานี บุรีรัมย์, กระบี่ ของทย.ในสิ้นปีนี้ เพื่อไม่ให้เป็นรัฐวิสาหกิจ

นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทยจำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. (AOT) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการโอนสิทธิ์บริหารสนามบินภูมิภาค 3 แห่ง คือ สนามบินอุดรธานีสนามบินบุรีรัมย์, และสนามบินกระบี่ ของกรมท่าอากาศยาน (ทย.) ว่า ขณะนี้ทย.ยังอยู่ในขั้นตอนขอใบรับรองสนามบินสาธารณะ จากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) หรือ CAAT คาดว่าจะเรียบร้อยภายในปี 2566 

ทั้งนี้หากไม่มีข้อติดขัดจะเริ่มดำเนินการโอนสิทธิ์บริหารสนามบินทั้ง 3 แห่งได้เรียบร้อยภายในสิ้นปีนี้ ตามนโยบายที่ต้องการลดภาระการลงทุนของภาครัฐโดย ทอท.ได้เตรียมพร้อมเรื่องงบประมาณในการลงทุนเพื่อยกระดับการให้บริการไว้แล้ว

สำหรับรูปแบบในการบริหารล่าสุดที่ทอท.ได้นำเสนอนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม คือจะใช้วิธีการจัดตั้งนิติบุคคลเฉพาะกิจ (Special Purpose Vehicle (SPV)โดยให้เป็นบริษัทลูกของ ทอท.ถือหุ้นประมาณ 60% ส่วนที่เหลือเป็น กองทุนวายุภักษ์ เข้าถือหุ้น เพื่อไม่ให้เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ 

ทั้งนี้เพื่อความคล่องตัวในการบริหารจัดการ และใช้อัตราของบุคลากรลดลง สามารถนำทุกท่าอากาศยานของ ทย.เข้ามาบริหารจัดการ และทำให้แบ่งปันทรัพยากรร่วมกันได้ และเชื่อว่าเมื่อ ทอท.เข้าไปบริหารจะสามารถทำกำไรได้

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 7พ.ย. “อ่อนค่า” ที่ระดับ 35.53 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทอาจชะลอลงได้บ้างในระยะสั้น ผู้เล่นในตลาดมองเงินบาทแข็งค่าขึ้น จับตา “ทิศทางบอนด์ยีลด์10ปีสหรัฐ เงินดอลลาร์ ราคาทองคำ”

ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 7พ.ย.2566 ที่ระดับ  35.53 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  35.49 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน  พานิชพิบูลย์  นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท เราคงมุมมองเดิมว่า โมเมนตัมการแข็งค่าของเงินบาทอาจชะลอลงได้บ้างในระยะสั้น ซึ่งต้องจับตาว่า บรรยากาศในตลาดการเงินจะยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยงต่อเนื่องได้หรือไม่ นอกจากนี้ ทิศทางฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติก็ยังไม่ชัดเจน

โดยเฉพาะในฝั่งหุ้น ที่เริ่มเห็นการขายทำกำไรของนักลงทุนต่างชาติบ้าง อย่างไรก็ดี แรงซื้อบอนด์ระยะสั้นของนักลงทุนต่างชาติในช่วงนี้ ทำให้เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดอาจเริ่มมีมุมมองเชิงบวกต่อเงินบาทมากขึ้น (มองเงินบาทแข็งค่าขึ้น) และอาจรอจังหวะเงินบาทอ่อนค่าใกล้โซนแนวต้าน ในการทยอยเพิ่มสถานะ Long THB ได้ ซึ่งจะช่วยจำกัดการอ่อนค่าลงของเงินบาท

อนึ่ง การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ในช่วงคืนที่ผ่าน ก็เป็นอีกปัจจัยที่ต้องจับตา เนื่องจาก ทิศทางบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ในช่วงนี้ ส่งผลกระทบต่อทั้ง เงินดอลลาร์และราคาทองคำ โดยหากบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ พลิกกลับมาย่อตัวลงได้บ้าง ซึ่งอาจเกิดขึ้น

ในกรณีที่ ผลการประมูลบอนด์สหรัฐฯ ยังเห็นความต้องการของผู้เล่นในตลาดมากขึ้น ก็อาจทำให้ เงินดอลลาร์กลับมาอ่อนค่าลงได้บ้าง พร้อมกับ การรีบาวด์ขึ้นจากโซนแนวรับของราคาทองคำ และทำให้ เงินบาทมีโอกาสแข็งค่าขึ้น ทะลุระดับ 35.50 บาทต่อดอลลาร์ ได้ไม่ยาก

ในทางกลับกัน การปรับตัวขึ้นต่อของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจยิ่งหนุนการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ และทำให้ ราคาทองคำ เสียโมเมนตัมขาขึ้นและเทรนด์ขาขึ้น กดดันให้เงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าลงทดสอบแนวต้านแถว 35.80 บาทต่อดอลลาร์ (โซนถัดไป 36.00 บาทต่อดอลลาร์) ได้เช่นกัน

ทั้งนี้ ควรระวังความผันผวนในตลาดการเงิน ในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญจีน โดยหากยอดการค้าระหว่างประเทศของจีนออกมาดีกว่าคาด สะท้อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ก็อาจช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินหยวนในช่วงระยะสั้น หรือ อาจช่วยให้เงินหยวนแข็งค่าขึ้นได้บ้าง ซึ่งจะส่งผลดีต่อสกุลเงินฝั่งเอเชียเช่นกัน

ในช่วงนี้ ทุกสินทรัพย์ยังอยู่ในช่วงเผชิญความผันผวนสูง จากทั้งความไม่แน่นอนของทิศทางนโยบายการเงินและสถานการณ์สงคราม ทำให้เราคงคำแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย

อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และนอกเหนือจากการใช้เครื่องมือดังกล่าว การเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ก็เป็นอีกแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนดสินใจทุกครั้ง

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.40-35.60 บาท/ดอลลาร์

โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนอ่อนค่าลงบ้าง (แกว่งตัวในช่วง 35.38-35.58 บาทต่อดอลลาร์) ตามจังหวะการพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ในช่วงบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเป็นการปรับสถานะถือครองของผู้เล่นในตลาด หลังบอนด์ยีลด์ปรับตัวลงแรงในสัปดาห์ก่อนหน้า และ

การปรับสถานะก่อนตลาดรับรู้ผลการประมูลบอนด์สหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ ซึ่งการปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้กดดันให้ ราคาทองคำปรับตัวลดลงต่อเนื่อง สู่โซนแนวรับสำคัญในระยะสั้น ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนอาจรอจังหวะทยอยซื้อทองคำได้ ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงบ้าง

แม้ว่า บรรยากาศโดยรวมในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) ทว่าดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็เคลื่อนไหวผันผวน หลังบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้บรรดาหุ้นกลุ่มเทคฯ และ

หุ้นสไตล์ Growth ยังไม่สามารถปรับตัวขึ้นต่อไปได้มากนัก นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดต่างยังไม่รีบเพิ่มความเสี่ยงมากนัก เพื่อรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด โดยเฉพาะประธานเฟดในสัปดาห์นี้ ส่งผลให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.18%

ส่วนในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี stoxx600 ย่อตัวลงราว -0.16% ตามแรงขายทำกำไรของหุ้นกลุ่มเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth ที่ปรับตัวขึ้นได้ดีในสัปดาห์ก่อนหน้า อาทิ ASML -1.0%, LVMH -0.8% ทั้งนี้ ผู้เล่นในตลาดต่างรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางหลัก และรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจยุโรป ผ่านรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ อย่าง GDP ไตรมาส 3 ของอังกฤษ ในสัปดาห์นี้

ในฝั่งตลาดบอนด์ แม้ว่าผู้เล่นในตลาดส่วนใหญ่ยังคงมองว่า เฟดอาจจบรอบการขึ้นดอกเบี้ยไปแล้ว และเฟดอาจเริ่มทยอยลดดอกเบี้ยลงในการประชุมเดือนพฤษภาคมหน้า ทว่า การปรับสถานะของผู้เล่นในตลาด หลังบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวลงพอสมควรในสัปดาห์ก่อนหน้า

รวมถึง การปรับสถานะ เพื่อรอประเมินผลการประมูลบอนด์สหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ ได้ส่งผลให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ พลิกกลับมาปรับตัวขึ้น สู่ระดับ 4.64% ทั้งนี้ เราคงมุมมองเดิมว่า ผู้เล่นในตลาดควรอาศัยจังหวะบอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้นในการทยอยเข้าซื้อ เนื่องจาก Risk-Reward ของการถือบอนด์ โดยเฉพาะบอนด์ระยะยาว ยังมีความน่าสนใจและคุ้มค่าความเสี่ยง

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น ตามการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ที่กดดันให้ เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) อ่อนค่าลง ใกล้ระดับ 150 เยนต่อดอลลาร์ อีกครั้ง (เงินเยนญี่ปุ่น ส่วนใหญ่ผันผวนไปตาม ส่วนต่างระหว่างบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ กับ ญี่ปุ่น) โดยดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) พลิกกลับมาปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 105.3 จุด (กรอบ 104.8-105.3 จุด)

ในส่วนของราคาทองคำ ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาด รวมถึงแรงกดดันจากการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ และเงินดอลลาร์ ได้กดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) ปรับตัวลดลงหลุดระดับ 1,990 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลงมาสู่โซนแนวรับสำคัญแถว 1,980 ดอลลาร์ต่อออนซ์

สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ผ่านรายงานยอดการค้าระหว่างประเทศในเดือนตุลาคม โดยบรรดานักวิเคราะห์ต่างประเมินว่า ยอดการส่งออกและยอดการนำเข้า อาจหดตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้า สะท้อนภาพการฟื้นตัวของการค้าระหว่างประเทศที่ดีขึ้นบ้าง

ส่วนในฝั่งออสเตรเลีย เราประเมินว่า แนวโน้มการชะลอตัวลงของภาพรวมเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ อาจทำให้ ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) “คง” อัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 4.10% ซึ่งต่างจากมุมมองของผู้เล่นในตลาดส่วนใหญ่ที่มองว่า RBA อาจเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย สู่ระดับ 4.35% ได้

และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดในระยะข้างหน้า รวมถึง ติดตามรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 35.51-35.53 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.00 น.) ใกล้เคียงระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 35.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ

โดยเงินบาทขยับอ่อนค่าลงเล็กน้อย ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ทยอยฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วน โดยมีอานิสงส์จากการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ (หลังจากที่ปรับตัวลงมามากในช่วงปลายสัปดาห์ก่อนหน้า)

อย่างไรก็ดีเงินบาทอาจมีแรงหนุนกลับมาในระหว่างวัน เนื่องจากสัญญาณฟันด์โฟลว์สะท้อนว่า นักลงทุนต่างชาติอาจยังคงเข้าซื้อสุทธิพันธบัตรไทยต่อเนื่องในวันนี้  

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้เบื้องต้นที่ 35.45-35.65 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สัญญาณเงินทุนต่างชาติ ทิศทางสกุลเงินเอเชีย ท่าทีของเจ้าหน้าที่ระดับสูงชองเฟด ตัวเลขการส่งออกเดือนต.ค. ของจีน และผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางออสเตรเลีย

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


สวยจนงานเข้า! “เซห์ร่า กูเนส” นางฟ้าลูกยางตุรกีขึ้นแท่นนางแบบตัวท็อป

ก้าวขึ้นมาเป็นตัวท็อปในบ้านเกิดสำหรับ เซห์ร่า กูเนส นักวอลเลย์บอลสาวทีมชาติตุรกี ดีกรีแชมป์ลูกยาง เนชั่นส์ลีก 2023 ที่ต้องบอกว่ากลายเป็นที่รู้จักมากขึ้นในเวทีระดับโลก แถมยังมีงานโฆษณาเพียบ

โดยล่าสุด นักตบสาววัย 24 ปี ขึ้นแท่นเป็นแบรนด์พรีเซนเตอร์ในบ้านเกิดให้กับ MAC Cosmetics เครื่องสำอางชื่อดัง นอกจากนี้ยังได้รับเชิญให้ถ่ายแบบขึ้นปกนิตยสาร ELLE (แอล) เมื่อเดือนที่ผ่านมา

แถมเธอยังได้รับการยกย่องจาก TC Candler ให้เป็นหนึ่งในสาวงามที่มีใบหน้าสวย 100 อันดับแรกของโลกประจำปี 2023 รวมทั้งถูกยกย่องให้เป็น “นางฟ้าลูกยางโลก” แห่งยุคสมัยนี้

สำหรับ นักตบลูกยางสาวสุดสวย ก้าวขึ้นสู่ทีมชาติรุ่นอายุต่ำกว่า 18 ปี ทั้งที่อายุเพียงแค่ 15 ปีเท่านั้น ก่อนคว้าแชมป์วอลเลย์บอลหญิง ชิงแชมป์โลก รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี และผลักดันตัวเองขึ้นมาเป็นตัวหลักในทีมชุดใหญ่ได้สำเร็จ

ซึ่งผลงานของเธอในฤดูกาลที่ผ่านมา ต้องบอกว่าโดดเด่นมากทีเดียวมีส่วนสำคัญในการพา วาคีฟแบงค์ อิสตันบูล ต้นสังกัดในลีกบ้านเกิด คว้าแชมป์สโมสรยุโรป และแชมป์ตุรกี คัพ ได้สำเร็จ

ส่วนนอกสนาม เซห์ร่า กูเนส ถือเป็นคนดังระดับโลก โดยหลายสื่อนำเสนอเรื่องราวของเธอที่มีใบหน้าที่สวย และมีแฟนคลับติดตามเธอมากมาย ซึ่งปัจจุบันเธอมีผู้ติดตามในอินสตาแกรมมากกว่า 3.8 ล้านคนเลยทีเดียว

ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อ : เซห์ร่า กูเนส
วันเกิด : 7 กรกฎาคม 1999
ตำแหน่ง : บอลเร็ว (Middle Blocker)
ส่วนสูง : 197 ซ.ม.
สังกัด : วาคีฟแบงค์ อิสตันบูล

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


“วัยทำงาน”เสี่ยงโรคลมพิษสูงสุด! เหตุเครียด-ไม่ดูแลสุขภาพ

หมอศิริราชเผยวัยทำงานป่วย”ลมพิษ”มากที่สุด เหตุจากความเครียด-ไม่ดูแลสุขภาพ เตือนอย่าชะล่าใจอันตรายถึงชีวิต หากเป็นต้องรักษาก่อนอาการจะรุนแรง

เมื่อวันที่ 22 กันยายน ศ.พญ.กนกวลัย กุลทนันทน์ หัวหน้าภาควิชาตจวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า ลมพิษเป็นโรคที่ผิวหนังมีลักษณะเป็นผื่นหรือปื้นนูนแดง ขนาดตั้งแต่ 0.5-10 เซนติเมตร (ซม.) มีอาการคัน แต่ละผื่นมักจะคงอยู่ไม่เกิน 24 ชั่วโมง ผื่นก็จะราบไปโดยไม่มีร่องรอย แต่ก็อาจมีผื่นใหม่ขึ้นที่อื่นๆ ได้ ผู้ป่วยบางรายอาจมีริมฝีปากบวม ตาบวม สาเหตุมีทั้งการติดเชื้อ แพ้ยา แพ้อาหาร แมลงกัดต่อย ระบบฮอร์โมนผิดปกติ ขณะที่บางรายก็ไม่ทราบสาเหตุหรือสิ่งกระตุ้น

ศ.พญ.กนกวลัยกล่าวว่า ลมพิษแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.ชนิดเฉียบพลัน เป็นไม่เกิน 6 สัปดาห์ หายภายใน 2-3 สัปดาห์ แต่พบว่าประมาณร้อยละ 10-20 ผื่นอาจขึ้นต่อเนื่องจนเป็นลมพิษเรื้อรัง ที่น่ากังวลคือ หากมีอาการรุนแรง จะมีแสดงอาการที่อวัยวะอื่น เช่น ปวดท้อง แน่นจมูก คอ หายใจไม่สะดวก แน่นหน้าอก หอบหืด หรืออาจเป็นลมจากความดันโลหิตต่ำ แต่จะพบได้น้อย ซึ่งหากเกิดขึ้นควรรีบพบแพทย์โดยเร็ว เพราะอาจอันตรายถึงชีวิตได้

2.ชนิดเรื้อรัง มีอาการต่อเนื่องนานเกิน 6 สัปดาห์ ในต่างประเทศพบประมาณร้อยละ 0.5-1 ของประชากร ส่วนประเทศไทยยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน แต่จากสถิติผู้ป่วยนอก แผนกผิวหนัง รพ.ศิริราช พบผู้ป่วยร้อยละ 2-3 ของผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาโรคผิวหนัง โดยพบได้ในทุกกลุ่มอายุ อุบัติการณ์สูงสุดคือ วัยทำงาน อายุ 20-40 ปี เชื่อว่ามีสาเหตุจากเครียดสะสมและอาจละเลยดูแลสุขภาพ

ศ.พญ.กนกวลัยกล่าวอีกว่า ลมพิษเรื้อรังมีผลกระทบอย่างมากต่อการใช้ชีวิตประจำวัน การนอนหลับ และความเครียด เนื่องจากจะเป็นๆ หายๆ โดยเฉพาะรายที่ไม่ทราบสาเหตุ อาจมีภาวะความเครียดสูง เพราะไม่รู้ว่าจะมีอาการเกิดขึ้นเมื่อใด และไม่สามารถหลีกเลี่ยงจากปัจจัยกระตุ้นได้ การรักษาแพทย์จำเป็นต้องให้ยาตั้งแต่ 1 ชนิดขึ้นไป เพื่อควบคุมอาการผื่นลมพิษ และเมื่อควบคุมอาการได้แล้วจึงค่อยๆ ลดยาจนถึงพยายามหยุดยา เพื่อควบคุมโรคในระยะยาว

ทั้งนี้ ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการเรื้อรังนานเป็นปี แต่ปัจจุบันมีทางเลือกในการรักษามากขึ้นทั้งยากินและยาฉีด อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตัวเพื่อบรรเทาอาการได้ คือ 1.งดสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดลมพิษ 2.นำยาต้านฮีสตามีนติดตัวไว้เสมอ 3.ทำจิตใจให้สบายไม่เครียด 4.ไม่แกะเกาผิวหนัง 5.กินยาตามแพทย์สั่ง หากยาทำให้เกิดอาการง่วงซึมจนรบกวนการทำงานหรือขับขี่ยานพาหนะ ควรแจ้งแพทย์เพื่อพิจารณาการรักษาให้เหมาะสม และ 6.อาจใช้คาลาไมน์โลชั่นทาบริเวณผื่นลมพิษเพื่อลดอาการคัน แต่ไม่ได้ทำให้ผื่นหาย

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


Adverbs of Manner

We can use adverbs in many ways, from describing how often we do something to where we do it. What about adverbs of manner? What are they for and how do we use them? Read on to find out more!

What is an adverb?

An adverb is a word that describes how, where, or with what frequency we do an action (or ‘verb’). For example,

She works here(adverb of place)

She often translates emails for her colleagues. (adverb of frequency)

She types very quickly(adverb of manner)

Adverbs of manner

An adverb of manner describes how you do an action. For example,

They dress elegantly.

Some elderly people drive slowly.

She works very hard.

Adverbs of manner are really useful because they let us add a lot of extra details to descriptions, to make what we say more interesting and dynamic to the listener or reader.

How to create an adverb of manner

To make adverbs of manner, we usually add -ly to the adjective. For example,

quick – quickly

careful – carefully

gentle – gently

When an adjective ends in -y we change the -y to -i then add -ly. For example,

happy – happily

greedy – greedily

easy – easily

However, there are also some irregular adverbs:

good – well

hard – hard

fast – fast

late – late

straight – straight

high – high

Here are some examples:

You speak English fluently.

I slept badly last night.

The children did really well in their test.

He worked hard and got a promotion.

The nurse picked up the baby gently.

Try to do it carefully so we don’t have to redo it.

A car suddenly came round the corner and nearly hit us!

Julie tearfully said goodbye to her boyfriend.

Go straight down this road then turn left.

I hate getting up late.

My brother drives very fast and aggressively.

Kids, try to do your homework quietly, please.

She dresses very elegantly, doesn’t she?

Shall I close the lid tightly?

It rained heavily all through the night.

Where does an adverb of manner go in a sentence?

In most cases, adverbs of manner come after a verb. For example,

We dress casually on Fridays.

Athletes run very fast.

The students are listening attentively.

Sometimes however, the adverb is put before the verb to add emphasis to the meaning. For example,

She hurriedly opened the present.

They sadly left before we arrived.

I quickly ran to the shops.

If there are two verbs in the sentence, the position of the adverb can change the meaning. For example,

They accepted the offer immediately and moved out.

They accepted the offer and moved out immediately.

In the first sentence ‘immediately’ relates only to the first verb, while in the second sentence ‘immediately’ refers to both actions.

As you can see from this example, you can’t separate a verb and its object. For example,

They accepted the offer immediately.

NOT

They accepted immediately the offer.

Adjective or adverb?

We use an adjective to describe a noun, and an adverb to describe a verb. So the only we usually use with an adjective is the verb ‘to be’. For example,

He’s a fast runner.

She’s a careful driver.

And if we change these two sentences to use a verb instead of a noun, they become:

He runs fast.

She drives carefully.

The only other verbs that can be used with adjectives instead of adverbs are look, sound, smell, and seem. We use these verbs to describe what we see, smell, or hear. For example,

You look tired. – From what I can see you’re tired.

It sounds interesting. – From what I hear you’re tired.

It smells delicious. – From the smell I can understand it’s very good.

They seem bored. – From their appearance I think they’re bored.

Adverbs of manner help us give a lot of detail to actions and can make us much more expressive. Start paying attention to when you hear people use them, and try adding them to your own language.

In the meantime, are you ready to practice? Try the fun quiz on this post.

Adverb คืออะไร

Adverbs หรือคำวิเศษณ์คือคำที่ใช้บรรยายว่าเราทำกริยานั้นอย่างไร ที่ไหนหรือบ่อยแค่ไหน

เช่น

She works here. (adverb of place)

She often translates emails for her colleagues. (adverb of frequency)

She types very quickly. (adverb of manner)

Adverbs of manner

Adverb of manner คือคำที่ไว้ใช้บรรยายว่าเราทำกริยานั้นด้วยท่าทีอย่างไร เช่น

They dress elegantly.

Some elderly people drive slowly.

She works very hard.

Adverbs of manner เป็นคำที่มีประโยชน์มากเพราะช่วยให้เราขยายรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ทำให้ผู้ฟังหรือผู้อ่านสนใจสิ่งที่เราพูดหรือเขียนมากยิ่งขี้น

วิธีการสร้าง adverb of manner

วิธีการสร้าง adverbs of manner ทำได้ง่าย ๆ เพียงแค่เติมคำว่า -ly  ข้างหลัง adjective เช่น

quick – quickly

careful – carefully

gentle – gently

ถ้าหาก adjective คำใดลงท้ายด้วย -y เราจะเปลี่ยน -y เป็น -i แล้วเติม -ly เช่น

happy – happily

greedy – greedily

easy – easily

แต่มี adverbs บางคำที่เป็นข้อยกเว้น:

good – well

hard – hard

fast – fast

late – late

straight – straight

high – high

ตัวอย่างเช่น

You speak English fluently.

I slept badly last night.

The children did really well in their test.

He worked hard and got a promotion.

The nurse picked up the baby gently.

Try to do it carefully so we don’t have to redo it.

A car suddenly came round the corner and nearly hit us!

Julie tearfully said goodbye to her boyfriend.

Go straight down this road then turn left.

I hate getting up late.

My brother drives very fast and aggressively.

Kids, try to do your homework quietly, please.

She dresses very elegantly, doesn’t she?

Shall I close the lid tightly?

It rained heavily all through the night.

เราจะใส่ adverb of manner ไว้ตำแหน่งใดในประโยค?

ส่วนใหญ่ adverbs of manner วางไว้หลัง verb เช่น

We dress casually on Fridays.

Athletes run very fast.

The students are listening attentively.

แต่บางครั้ง adverb วางเอาไว้หน้า verb เพื่อเน้นความหมาย เช่น

She hurriedly opened the present.

They sadly left before we arrived.

I quickly ran to the shops.

หากมี verb สองตัวในประโยค ตำแหน่งของ adverb อาจเปลี่ยนความหมายของประโยคได้เลย เช่น

They accepted the offer immediately and moved out.

They accepted the offer and moved out immediately.

ประโยคแรกคำว่า ‘immediately’ ใช้ขยาย verb ตัวแรกเท่านั้น ในขณะที่ประโยคที่สอง ‘immediately’ ขยายการกระทำทั้งสองอย่าง

จากที่เห็นในตัวอย่างข้างต้น คุณไม่สามารถวาง adverb คั่นกลางระหว่าง verb และ object ได้ เช่น

They accepted the offer immediately.

ไม่ใช่

They accepted immediately the offer.

Adjective หรือ adverb?

เราใช้ adjective เพื่อขยาย noun และใช้ adverb เพื่อขยาย verb เพราะฉะนั้นเราจะใช้ adjective กับ verb ‘to be’ เท่านั้น เช่น

He’s a fast runner.

She’s a careful driver.

และถ้าเราเปลี่ยนประโยคสองประโยคข้างบนนี้ ไปใช้ verb แทนที่จะเป็น noun จะเขียนได้ดังนี้:

He runs fast.

She drives carefully.

Verb ตัวอื่น ๆ ที่ใช้กับ adjective ไม่ใช่ adverbs ได้แก่ look, sound, smell, และ seem. เราใช้ verb เหล่านี้เพื่อบรรยายสิ่งที่เราเห็น ได้กลิ่น หรือได้ยิน เช่น

You look tired. – จากที่ฉันเห็นตอนนี้ เธอดูเหนื่อยนะ

It sounds interesting. – จากที่ได้ฟังมา มันดูน่าสนใจนะ

It smells delicious. – จากที่ได้กลิ่น ฉันคิดว่ามันน่าจะอร่อยนะ

They seem bored. – จากสภาพที่เห็น ฉันว่ามันน่าเบื่อ

ขอบคุณข้อมูลจาก wallstreetenglish.in.th


ใช้ปัญญาประดิษฐ์ คืนชีพผู้วายชนม์ กระตุกต่อม ‘ควรรู้สึกอย่างไร?’

ปัจจุบัน เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) สามารถทำให้มนุษย์รำลึกถึงคนรักที่จากไปได้ด้วยการสร้างตัวตนเสมือนจริงขึ้นมา แต่คำถามที่ตามมาก็คือ มนุษย์ควรทำอย่างนี้หรือไม่ และควรรู้สึกกับเรื่องนี้อย่างไร

หลายบริษัทได้เริ่มผลิตสิ่งที่เรียกกันว่า “AI คืนชีพ (resurrection AI)” ด้วยการนำข้อมูลของผู้วายชนม์ ทั้งภาพ เสียง อีเมล์ และข้อมูลในสังคมต่าง ๆ มาประกอบสร้างเป็นแชตบอทหรือตัวตนเสมือนจริง เพื่อให้คนที่ยังมีชีวิตอยู่ได้รู้สึกใกล้ชิดผู้เป็นที่รักที่จากโลกใบนี้ไปแล้ว

ไมเคิล จุง ทำงานให้กับบริษัท Deep Brain AI ที่สร้างตัวตนผู้เสียชีวิตแบบเสมือนจริง เล่าว่า วิธีที่บริษัททำตัวตนเสมือน เริ่มจากการถ่ายวิดีโอตัวบุคคล และให้อ่านประโยคราว 300-500 ประโยคต่อหน้ากล้อง แล้วนำวิดีโอดังกล่าวไปให้ AI เรียนรู้ หลังจากนั้นหนึ่งเดือน ก็จะสร้างตัวตนเสมือน หรือ avatar ขึ้นมา

สตีเฟน สมิธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) และผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทสตอรีไฟล์ กล่าวว่า ให้คิดเสียว่าตัว AI คืนชีพ เป็นเสมือนกับอัลบัมภาพที่มีชีวิต และกล่าวว่า “สิ่งที่เรากำลังทำอยู่ คือการใช้ AI มาสนับสนุนคน ในฐานะบรรพบุรุษ เพื่อส่งต่อความทรงจำเหมือนที่เราทำกันในรูปแบบอื่น ๆ”

ด้านอิรินา ไรคู ผู้ทำงานเกี่ยวกับจริยธรรมอินเทอร์เน็ต มหาวิทยาลัยซานตา คลารา กล่าวว่า ประเด็นการฟื้นคืนชีพด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลเป็นเรื่องที่ซับซ้อน แต่ในความเห็นส่วนตัว เธอมองว่ามันคล้ายคลึงกับการที่เราถนอมร่างกายผู้ตาย เพียงแต่ในแง่ของการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้นั้น เสมือนเป็นการถนอมความคิดและจิตใจของผู้เสียชีวิต

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


“ถั่วแดง” กับประโยชน์ดีๆ ต่อร่างกาย โปรตีนสูง แคลอรี่ต่ำ

ถั่วแดง เป็นธัญพืชที่คนไทยเรารู้จักกันดี เรามักพบถั่วแดงอยู่ในอาหารประเภทของหวาน เช่น ถั่วแดงต้มน้ำตาล ขนมปังไส้ถั่วแดง ถั่วแดงกวน หรือไอศกรีมถั่วแดง แต่นอกจากความอร่อย หวาน มัน ละมุนลิ้นแล้ว ถั่วแดงยังเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงอีกด้วยนะ

Hello คุณหมอ มีสาระดีๆ เกี่ยวกับการรับประทานถั่วแดงมาฝากค่ะ ที่เมื่ออ่านจบแล้วคุณผู้อ่านน่าจะอยากกินถั่วแดงขึ้นมาทันทีเลยทีเดียว

สารอาหารใน “ถั่วแดง”

สารอาหารสำคัญในถั่วแดง หนึ่งในนั้นคือโปรตีน ถึงแม้ถั่วแดงจะเป็นธัญพืชแต่ก็ให้โปรตีนในปริมาณที่มากเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน โดยการรับประทานถั่วแดง 3.5 ออนซ์ (หรือ 100 กรัม) จะได้โปรตีนประมาณ 9 กรัม หรือคิดเป็น 27 เปอร์เซนต์ต่อปริมาณโปรตีนที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน

นอกจากโปรตีนที่เป็นสารอาหารสำคัญแล้ว ถั่วแดงก็ยังมีไฟเบอร์สูง โดยการรับประทานถั่วแดงประมาณครึ่งถ้วย (ประมาณ 90 กรัม) จะได้ไฟเบอร์สูงถึงประมาณ 6 กรัม และได้คาร์โบไฮเดรตประมาณ 20 กรัม

มากไปกว่านั้นถั่วแดงยังมีวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ที่สำคัญต่อร่างกายไม่ว่าจะเป็น วิตามินบี1 วิตามินบี 6 วิตามินเค โฟเลต ธาตุเหล็ก โพแทสเซียม แมกนีเซียม ทองแดง เป็นต้น มากไปกว่านั้นถั่วแดงยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญอีกหลายชนิดอย่าง ไอโซฟลาโวน (Isoflavone) แอนโธไซยานิน (Anthocyanin) เป็นต้น

ประโยชน์ของถั่วแดง

  • ช่วยลดคอเลสเตอรอล

ถั่วแดงมีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนและมีไฟเบอร์สูง ซึ่งสารอาหารทั้งสองชนิดนี้มีส่วนช่วยในการลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดโรคเบาหวานและโรคหัวใจ โดยไฟเบอร์ในถั่วแดงนั้นเป็นไฟเบอร์ที่สามารถละลายในน้ำได้ เมื่อรับประทานเข้าไปและเกิดการย่อย ไฟเบอร์ในถั่วแดงจะมีลักษณะคล้ายกับเจลที่เคลือบไว้ในกระเพาะอาหาร ซึ่งเจลนี้จะเข้าไปดักจับกับคอเลสเตอรอลและป้องกันไม่ให้ถูกดูดซึมกลับเข้าสู่ร่างกาย จึงช่วยป้องกันไม่ให้ระดับของคอเลสเตอรอลพุ่งสูง

  • เสริมความจำ

ถั่วแดงมี วิตามินบี 1 ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญที่มีส่วนช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทและสมอง ซึ่งถ้าร่างกายได้รับวิตามินบี 1 ในปริมาณที่เพียงพอ ร่างกายจะสามารถสร้าง แอซิติลโคลีน (Acetylcholine) ที่เป็นสารสื่อประสาทในสมอง และทำหน้าที่สำคัญเพื่อช่วยเสริมสร้างสมาธิ เพิ่มประสิทธิภาพในการจดจำ และลดความเสี่ยงของการเป็นอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s disease) หรือ ภาวะความจำเสื่อม (Dementia)

  • เสริมพลังงานแก่ร่างกาย

แม้โดยทั่วไปแล้วเรามักจะพบโปรตีนได้ในเนื้อสัตว์ แต่ว่าถั่วแดงก็เป็นอีกหนึ่งอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีนที่สูงไม่แพ้กัน สำหรับผู้ที่เป็นมังสวิรัติ หรือเป็นวีแกน และต้องการทดแทนโปรตีนที่ได้จากเนื้อสัตว์ สามารถรับประทานถั่วแดงเพื่อรับโปรตีนได้เช่นกัน ซึ่งโปรตีนนี้เป็นสารอาหารที่จะช่วยเพิ่มพลังงานแก่ร่างกาย เสริมสร้างการสร้างมวลกล้ามเนื้อและกระดูกให้แข็งแรง มากไปกว่านั้นถั่วแดงก็ยังมีแมงกานีส ซึ่งเป็นแร่ธาตุสำคัญในการเผาผลาญอาหารและไขมันเพื่อแปรเปลี่ยนเป็นพลังงานแก่ร่างกายอีกด้วย

  • ป้องกันความดันโลหิตสูง

ความดันโลหิตสูงเป็นอาการทางสุขภาพที่มีความเสี่ยงทำให้เกิดโรคเบาหวานหรือโรคหัวใจ แต่การรับประทานถั่วแดงสามารถลดความเสี่ยงของความดันโลหิตสูงได้ เนื่องจากถั่วแดงอุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญอย่างโพแทสเซียมและแมกนีเซียม ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่ทำหน้าที่ในการขยายหลอดเลือด เพื่อช่วยให้เลือดสามารถไหลเวียนได้อย่างเป็นปกติ ไม่เกิดการอุดตันที่จะก่อให้เกิดความดันโลหิตสูง

  • ดีต่อการลดน้ำหนัก

อาหารกลุ่มธัญพืชประเภทถั่วนี้ เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในสุดยอดอาหารเพื่อการลดน้ำหนักเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะถั่วแดงที่มีไฟเบอร์สูง และไฟเบอร์ในถั่วแดงนั้นก็เป็นไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำได้ ซึ่งถือว่าดีต่อการลดน้ำหนักเป็นอย่างมาก โดยไฟเบอร์จะทำให้ร่างกายอิ่มได้นานขึ้น ลดความอยากอาหารมื้อต่อไป มากไปกว่านั้นถั่วแดงยังมีไขมันต่ำ จึงไม่ลดความเสี่ยงที่จะมีภาวะแคลอรี่สูงเกินพิกัดอีกด้วย เรียกได้ว่ากินเท่าไหร่แคลอรี่ก็ไม่พุ่ง ใครที่กำลังอยู่ระหว่างควบคุมอาหารหรือควบคุมแคลอรี่ล่ะก็ ไม่ควรพลาดที่จะเพิ่มถั่วแดงลงในมื้ออาหาร

  • ขับสารพิษตามธรรมชาติ

อาหารในปัจจุบันนี้มีความเสี่ยงของการปนเปื้อนสารพิษสูง โดยเฉพาะสารพิษจำพวกซัลไฟต์ (sulfites) ที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองที่ระบบทางเดินหายใจ เสี่ยงต่อการเกิดภูมิแพ้ หรือบางคนอาจมีอาการแพ้สารในกลุ่มซัลไฟต์ อาจกระตุ้นให้อาการภูมิแพ้กำเริบได้

อย่างไรก็ดี ในถั่วแดงมีสารที่ชื่อ โมลิบดีนัม (Molybdenum) ซึ่งเมื่อรับประทานถั่วแดงเป็นประจำสารนี้จะมีสรรพคุณช่วยขับสารพิษในกลุ่มซัลไฟต์ออกจากร่างกายได้ มากไปกว่านั้นก็ยังช่วยทำความสะอาดลำไส้และระบบทางเดินอาหาร ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดมะเร็งที่ลำไส้ได้อีกด้วย

ข้อควรระวังในการรับประทานถั่วแดง

  1. แม้ถั่วแดงจะขึ้นชื่อว่ามีส่วนช่วยในการขับสารพิษออกจากร่างกาย แต่ธัญพืชตระกูลถั่ว โดยเฉพาะถั่วแดงที่อุดมไปด้วยสารที่ชื่อ ไฟโตฮีแมกกลูตินิน (Phytohaemagglutinin) ซึ่งนับว่าเป็นสารพิษชนิดหนึ่งที่ส่งผลให้เกิดอาการท้องร่วง อาเจียน หรือก่อให้เกิดอาการแพ้ อย่างไรก็ตาม สารพิษเหล่านี้จะสลายไปเมื่อถูกความร้อน ดังนั้นจึงไม่ควรกินถั่วแดงแบบดิบ ก่อนรับประทานถั่วแดงควรปรุงให้ถูกวิธี มีการแช่ถั่วแดงในน้ำอย่างน้อย 5 ชั่วโมง และปรุงด้วยความร้อน เพื่อช่วยสลายสารพิษออกไป
  2. ในถั่วแดงมีสารประกอบบางชนิดที่ทำหน้าที่ขัดขวางการดูดซึมสารอาหาร แต่ปัญหานี้สามารถแก้ไขได้ เพียงแค่ต้องแช่ถั่วแดงก่อนนำมาปรุงเสมอ และต้องกินถั่วแดงที่ปรุงสุกด้วยความร้อน
  3. ถั่วแดงหากกินในปริมาณมากอาจทำให้เกิดอาการท้องอืดหรือท้องเฟ้อ จึงควรรับประทานแต่พอเหมาะ อย่าให้มากจนเกินไป
  4. ถั่วแดงแบบกระป๋องอาจมีโซเดียมสูง หากต้องการบริโภคถั่วแดงแบบกระป๋องควรเลือกแบบที่มีโซเดียมต่ำ เพื่อป้องกันภาวะโซเดียมสูง ซึ่งหากรับประทานบ่อย อาจมีความเสี่ยงของโรคไตได้

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


สุดทึ่ง! ค้นพบ “จารึกประตูท่าแพ” ของเก่าแก่คู่เมืองเชียงใหม่ ซ่อนตัวอยู่ในที่ที่คาดไม่ถึง

เรียกได้ว่าเป็นข่าวใหญ่ของเมืองเชียงใหม่ และวงการโบราณคดีของเมืองไทยเลย หลังจากที่ทาง สำนัก​ศิลปากร​ที่​ 7​ เชียงใหม่​ ได้มีการประกาศค้นพบ จารึกประตูท่าแพ ซึ่งเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ชิ้นสำคัญของเมืองเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา

โดยทาง สำนัก​ศิลปากร​ที่​ 7​ เชียงใหม่​ ได้บอกเล่าเรื่องราวการค้นพบในครั้งนี้ไว้ดังนี้

“ตามที่สังคมให้ความสนใจตามหา​ “จารึก​ประตูท่าแพ” หรือ​ “จารึกเสาอินทขีลประตูท่าแพ” เมืองเชียงใหม่​ และได้มีกลุ่มนักวิชาการ​บางส่วน​ให้ข้อมูล​ว่า​ จารึกดังกล่าวเก็บรักษา​ไว้ที่พิพิธภัณฑสถาน​แห่งชาติ​เชียงใหม่​ เพื่อทำให้ประเด็น​ข้อสงสัยดังกล่าวกระจ่างชัดมากยิ่งขึ้น​ สำนัก​ศิลปากร​ที่​ 7​ เชียงใหม่​ จึงได้ประสานข้อมูล​กับภาคส่วนต่าง​ ๆ​ จนทำให้เริ่มพบเบาะแส​ของจารึกประตูท่าแพ​ ซึ่งไม่มีผู้ใดพบเห็นเลย​ ตลอดระยะเวลาเกือบ 4 ทศวรรษ.


เพื่อไขปริศนา​ดังกล่าว​ วันนี้​ (1 พฤศจิกายน​ 2566​) สำนักศิลปากร​ที่​ 7​ เชียงใหม่​ นำโดย​ นายเทอดศักดิ์​ เย็น​จุ​ระ​ ผู้อำนวยการ​กลุ่ม​อนุรักษ์​โบราณสถาน​ พร้อมด้วย​ ผู้แทนเทศบาลนคร​เชียงใหม่​ ผู้แทนคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์​ ผู้แทนคณะวิจิตรศิลป์​ ผู้แทนคลังข้อมูล​จารึก​ล้านนา​ มหาวิทยาลัย​เชียงใหม่​ และนักวิชาการ​ท้องถิ่น​ ร่วมกันเปิดประตูห้องที่ซ่อนอยู่ภายในโครงสร้างประตูท่าแพปัจจุบัน​ ซึ่งไม่ได้เปิดมาตลอดระยะเวลา​หลายสิบปี​ และเข้าไปทำการสำรวจภายในจนพบว่า​ “จารึก​ประตูท่าแพ” หรือ​ “จารึกเสาอินทขีลประตูท่าแพ” ยังคงปักยืนตระหง่าน​ ซ่อนตัวอยู่ภายในโครงสร้างประตูท่าแพ​ จนกระทั่งปัจจุบัน​ นำมาซึ่งความปิติ​ของทีมผู้ร่วมค้นหาทุกท่าน.

ทั้งนี้จารึก​ประตูท่าแพ​ เป็นหนึ่งในจารึกหลักสำคัญ​ที่ฝังอยู่​ร่วมกับประตูเมืองมาตั้งแต่อดีต​ ต่อมาราวช่วงปี​ พ.ศ.​ 2529 ​- 2530 จารึกหลักนี้ถูกเคลื่อนย้าย​ในช่วงระยะเวลาที่มีการปรับปรุง​ประตู​ท่าแพให้เป็น​ Landmark ของเมืองเชียงใหม่​ หลังจาก​นั้น​ ก็ไม่มีผู้ใดพบเห็นจารึกประตูท่าแพตลอดระยะเวลาเกือบ​ 40​ ปี​ จนกระทั่งมีการตามหาจนพบในวันนี้.

สำหรับ​ความสำคัญ​ของจารึก​ประตูท่าแพ​ จากการศึกษา​ของ​ ศ.​ ประเสริฐ​ ณ​ นคร​ พบว่า​ เป็นจารึกอักษร​ธรรมล้านนา​ ตารางบรรจุตัวเลข​ และวงดวงชะตา​ ข้อความอักษร​เมื่อถูกกลับให้ถูกทิศทางแล้ว​ ถอดความตามส่วนดังนี้​ ข้างบนมีข้อความว่า​ “อินทขีล​ มังค (ล)​ โสตถิ” ข้างซ้ายมีข้อความ​ว่า​ “อินทขีล​ สิทธิเชยย” ข้างขวามีข้อความว่า​ “อิน….” และข้างล่างมีข้อความว่า​ “อินทขีล​ โสตถิ​ มังคล” โดยคำสำคัญ​ที่ปรากฏในจารึกหลักดังกล่าว​ว่า​ “อินทขีล” เป็นภาษาบาลี​ แปลว่า เสาเขื่อน​ เสาหลักเมือง​ หรือธรณีประตู​ จึงสรุปนัยสำคัญ​ได้ว่า​ จารึก​หลักนี้​ มีความสำคัญ​ในฐานะเสาประตูเมือง.

นอกจากข้อความ​ข้างต้นแล้ว​ จารึกประตูท่าแพยังมีความพิเศษ​ตรงที่​ เทคนิคการทำจารึก​ ซึ่ง แต่เดิมจารึกด้านที่​ 1 ไม่มีผู้ใดสามารถอ่านได้ตลอดระยะเวลาหลายสิบปี​ จนกระทั่งในช่วง​ พ.ศ.​ 2529 อ.เรณู​ วิชาศิลป์​ แห่งวิทยาลัยครู​เชียงใหม่​ (ขณะนั้น)​ ได้ค้นพบและเสนอว่าเป็นจารึกตัวหนังสือกลับ​ คล้ายดังเป็นเงาในกระจก​ จึงสามารถอ่านจารึกประตูท่าแพได้.

การค้นพบจารึกหลักสำคัญ​ที่หายไป​จากความทรงจำในวันนี้​ สำนักศิลปากร​ที่​ 7​ เชียงใหม่​ ต้องขอขอบคุณ​ผู้มีส่วนร่วมสำคัญทุกท่าน​ ประกอบด้วย​ ศาสตราจารย์​เกียรติคุณ​สุรพล​ ดำริห์กุล, พ่อครูศรีเลา​ เกษพรหม​ ศูนย์​การเรียนรู้จารึก​และเอกสารโบราณ, เทศบาลนคร​เชียงใหม่, คุณ​อรช บุญ-หลง​ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์​ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, ผศ. ดร. ปรัชญา​ คัมภิรานนท์และ​ ผศ.กรรณ​ เกตุเวต​ คณะวิจิตรศิลป์​ มหาวิทยาลัย​เชียงใหม่, และ​ ดร.อภิรดี​ เตชะศิริวรรณ​ คลังข้อมูล​จารึก​ล้านนา​ สำนักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม​ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่​”

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 07/11/2566

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a33,100.0033,200.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,144.0032,503.0433,700.00
ทองรูปพรรณ 90%1,929.6029,252.74n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,715.2026,002.43n/a
ทองรูปพรรณ 50%965.0014,629.40n/a
ทองรูปพรรณ 40%750.0011,370.00n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,222.0033,685.52n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 07/11/2566



ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9537.2537.2537.5537.2537.5537.2537.2537.2537.2537.25
แก๊สโซฮอล์ 9135.4835.4835.7835.4835.7835.4835.4835.4835.4835.48
แก๊สโซฮอล์ E2035.1435.1435.4435.1435.4435.1435.1435.1435.14
แก๊สโซฮอล์ E8535.2935.2935.29
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม44.0448.9447.2448.9444.04
เบนซิน 9545.0446.5145.5445.1945.04
ดีเซล B729.9429.9430.2429.9429.9429.9429.9429.9429.9429.94
ดีเซล29.9429.9429.9429.9429.9429.9429.9429.9429.94
ดีเซล B2029.9429.9429.9429.94
ดีเซลพรีเมี่ยม41.5443.6448.6443.6442.9441.54
แก๊ส NGV17.5917.5917.59
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า