อัลตร้าลักชัวรีแรงไม่ตก!ไรมอนแลนด์ลุยบ้าน300ล้านวิลล่าภูเก็ต600-พันลบ.
ท่ามกลางอัตราดอกเบี้ย และภาวะหนี้ครัวเรือนพุ่งสูง ปัจจัยเสี่ยงจากสงครามที่มีผลต่อกำลังซื้อผู้บริโภคสวนทางอสังหาฯอัลตร้าลักชัวรีสะท้อนจาก“ไรมอน แลนด์” เตรียมเปิดขายบ้านราคา300ล้านโซนสุขุมวิท “วิลล่า” ร่วมกับกลุ่มโรสวูดในภูเก็ตราคาตั้งแต่ 600จนถึง1,000 ล้าน
กรณ์ ณรงค์เดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เทรนด์สินค้าลักชัวรียังคงไปต่อ! ซึ่งสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา หรือ ภาวะสงครามรัสเซีย ยูเครน และ อิสราเอล-ฮามาส ลูกค้ากลุ่มนี้ได้รับผลกระทบน้อยมาก ไม่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อแต่อย่างใด แม้ว่าเหตุการณ์ผันผวนที่เกิดขึ้นทั่วโลกในช่วงที่ผ่านมา แต่กลุ่มลูกค้าที่มีฐานะ มีความมั่งคั่งสูงขึ้น และพร้อมที่จับจ่าย ไม่เฉพาะแค่อสังหาริมทรัพย์เท่านั้น แต่สินค้าลักชัวรีแบรนด์ยังเติบโตสูงขึ้นมากทั้งในและต่างประเทศ
“แม้กระทั่งช่วงที่ปิดประเทศ สินค้าทุกอย่างได้รับผลกระทบยกเว้นอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับลักชัวรี เพราะลูกค้าเดินทางออกต่างประเทศไม่ได้ เกิดดีมานด์อั้น ทำให้ขายดี จึงเป็นเหตุผลที่ ไรมอน แลนด์ โฟกัสที่กลุ่มลูกค้าไฮเอนด์เป็นหลัก แต่ต้องยอมรับพฤติกรรมของลูกค้าเปลี่ยนไปหลังโควิด-19”
สำหรับเทรนด์การพัฒนาโครงการระดับลักชัวรี พบว่า มี 4 เรื่องสำคัญ ที่มีผลต่อการตัดสินใจของลูกค้า ประกอบด้วย เรื่องแรก “ทำเล” ต้องเป็นทำเลทอง กล่าวคือต้องเป็นทำเลที่มีศักยภาพสามารถขายต่อได้ราคา และส่งต่อเป็นมรดกให้กับลูกหลาน สามารถปล่อยเช่าได้ คุ้มค่าต่อการลงทุน จึงเป็นเหตุผลที่ ไรมอน แลนด์ ให้ความสำคัญกับทำเลเป็นอันแรก
เรื่องที่สอง “ฟังก์ชั่น” ต้องตอบโจทย์ผู้ที่อยู่อาศัย ยิ่งหลังจากโควิด เทรนด์พฤติกรรมของผู้อยู่อาศัยเปลี่ยนไปมาก
เรื่องที่สาม “สุขภาพและสุขภาวะที่ดี” โดยใช้วัสดุที่ช่วยกรองอากาศ ในโครงการ One City Centre
เรื่องที่สี่ “ความปลอดภัย” และความเป็นส่วนตัว ด้วยจำนวนยูนิตที่น้อย
ในแง่ของซัพพลายและดีมานด์ของตลาดลักชัวรีคอนโดมิเนียม ในไตรมาส 2 ปีนี้ ตลาดคอนโดมิเนียม “ซูเปอร์ไพร์ม” มีราคาขายเฉลี่ย 200,000 บาทขึ้นไปต่อตารางเมตร ยังคงเติบโต แม้ว่าที่ดินในการพัฒนาจะน้อยลง แต่ความต้องการในตลาดกลุ่มนี้ยังมีสูง
จากข้อมูลของฝ่ายวิจัย ไนท์แฟรงค์ ระบุว่าคอนโดมิเนียมซูเปอร์ไพร์มในไตรมาส 2 ปีนี้ มีอุปทานเปิดใหม่เพียงแค่ 1% เท่านั้น ในขณะที่มีอัตราดูดซับ อยู่ที่ 87% ซึ่งทำเลที่มีศักยภาพในย่านศูนย์กลางธุรกิจ (CBD : Central Business District) อย่าง สีลม สาทร มีอุปทานคอนโดมิเนียมซูเปอร์ไพร์มอยู่ที่ 10% เพราะถูกดูดซับไปมากแล้วในช่วงที่ผ่านมา
“หลังจากโควิดลูกค้าที่ซื้อคอนโดมิเนียมมีความต้องการพื้นที่ีขนาดใหญ่มากขึ้น ตั้งแต่ 200 ตารางเมตรขึ้นไป”
กรณ์ กล่าวว่า ปัจจุบันซัพพลายระดับซูเปอร์ไพร์ม แบ่งตามทำเล โดย 48% อยู่บนทำเลสุขุมวิท 48% ลุมพินี 26% ริมแม่น้ำเจ้าพระยา 16% และสาทร/สีลม 10%
โดยเฉพาะทำเลสุขุมวิท ถือว่าเป็นทำเลที่ได้รับความนิยมจากคนต่างชาติค่อนข้างมาก ยกตัวอย่าง โครงการ ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์ สุขุมวิท 26 เป็นคอนโดมิเนียมอัลตร้าลักชัวรี คนซื้อนิยมปล่อยเช่า เพราะได้ผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าอัตรา 5-6% ส่วน สาทร/สีลม เป็นอีกทำเลหนึ่งที่บริษัทให้ความสำคัญเพราะกลุ่มคนต่างชาติซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายอาศัยอยู่จำนวนมาก
ก่อนหน้านี้ ไรมอน แลนด์ ได้พัฒนาโครงการในทำเลนี้มาแล้ว 2 โครงการ คือ “เดอะ ลอฟท์ สีลม” และ “เดอะ ดิโพลแมท สาทร” ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมาก ปิดการขายทั้งหมดแล้ว ขณะที่ราคาขายรีเซลเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องทุกปี
ดังนั้น ไรมอน แลนด์ จึงพัฒนาโครงการที่ 3 “เทตต์ สาทร ทเวลฟ์” ในทำเลนี้ รองรับดีมานด์ของคนที่มองหาที่อยู่อาศัยและคอนโดมิเนียมเพื่อลงทุนปล่อยเช่าคาดว่าจะสามารถปิดโครงการกลางปี 2567
สำหรับแผนธุรกิจในปี 2567 ไรมอน แลนด์ ยังคงให้ความสำคัญตลาดลักชัวรี โดยมีแผนเปิดตัว 4 โครงการ มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม จำนวน 2 โครงการ ในย่านสุขุมวิท ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาและปรับแบบให้ตอบโจทย์พฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไป!
ขณะเดียวกัน หันมาให้ความสำคัญกับโครงการแนวราบมากขึ้น ด้วยการพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว ทำเลสุขุมวิท ระดับราคาตั้งแต่ 300 ล้านบาทขึ้นไป จำนวน 5ยูนิต ส่วนในจังหวัดภูเก็ต อยู่ระหว่างการปรับแบบโครงการ วิลล่าระดับอัลตร้าลักชัวรี โดยร่วมกับกลุ่มโรสวูด โฮเทล แอนด์ รีสอร์ต บนที่ดินรวม 23 ไร่ ทำเลหาดกมลา มูลค่าโครงการ 7,000 ล้านบาท ซึ่งวางสนนราคาเริ่มต้นหลังละ 600 ล้านบาท สูงสุดอยู่ที่ระดับ 1,000 ล้านบาท
“ในอนาคต ไรมอน แลนด์ มีแผนที่ดึงแลนด์ลอร์ดมาร่วมทุนพัฒนาโครงการ แทนที่จะหาซื้อที่ดิน เนื่องจากที่ดินมีราคาแพงขึ้น และหายากขึ้นเรื่อยๆ ไม่เหมาะซื้อเก็บเพราะจะกลายเป็นต้นทุน”
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
สิงห์เอสเตทจัดงานS Supply Chainผนึกกำลังพันธมิตรธุรกิจสู่Carbon Neutral
สิงห์เอสเตท ร่วมกับ เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จัดสัมมนาคู่ค้าธุรกิจS Supply Chainพร้อมรับมือความท้าทายของภาคธุรกิจไทย กับการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำและสังคมแห่งความเสมอภาค
นายเข้ม คำวงศ์ปิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการออกแบบและก่อสร้าง สิงห์ เอสเตท ประธานเปิดงานในครั้งนี้ กล่าวว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจโรงแรม กำลังเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน ทั้งในเรื่องนโยบายจากภาครัฐ และความต้องการจากลูกค้าที่เรียกร้องให้ทุกธุรกิจต้องแสดงความมุ่งมั่นด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม ควบคู่ไปกับการส่งมอบสินค้าและบริการที่ดีตามมาตรฐานระดับสากล
งานสัมมนาคู่ค้าธุรกิจที่จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 นี้ มีวัตถุประสงค์ที่เกิดขึ้นจากวิสัยทัศน์ทางธุรกิจในการมุ่งสร้างคุณค่าและการเติบโตอย่างยั่งยืน (Entrusted and Value Enricher) โดยการสร้างประสบการณ์ที่มีคุณค่าและมาตรฐานคุณภาพที่ดีที่สุด
พร้อมสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนให้กับธุรกิจ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันโดยร่วมมือกับพันธมิตรในทุกระดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสนับสนุน SME ให้สามารถปรับตัวตอบโจทย์ เทรนด์ความต้องการของลูกค้าที่มองหาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีกระบวนการผลิตที่มีความรับผิดชอบและมีการปฏิบัติต่อแรงงานอย่างเป็นธรรม
“การนำองค์กรมุ่งสู่ Carbon Neutral เป็นภารกิจสำคัญที่ต้องร่วมมือกันทุกฝ่าย และต้องคำนึงถึงสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้านควบคู่กันไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นการจัดการแรงงานอย่างถูกต้อง ปราศจากแรงงานบังคับหรือแรงงานเด็ก การลดผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม ไปจนถึงการส่งมอบสินค้าและบริการที่เป็นธรรม ซึ่งคู่ค้าธุรกิจนับเป็นแรงสนับสนุนสำคัญให้องค์กรบรรลุเป้าหมาย สร้างการเติบโตร่วมกันอย่างสมดุล ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ตลอดห่วงโซ่ธุรกิจต่อไป” นายเข้มกล่าว
สเตฟาโน อัลแบร์โต รุสซา กรรมการบริหาร และผู้อำนวยการอาวุโส – ฝ่ายปฏิบัติการ เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท กล่าวว่า ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นแรงสะท้อนที่ทำให้ทุกธุรกิจต้องปรับตัว รวมถึงธุรกิจท่องเที่ยวด้วย เพราะความต้องการของนักท่องเที่ยวกำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน การดำเนินธุรกิจจึงต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับวาระด้านความเท่าเทียมและความหลากหลาย ซึ่งกำลังกลายเป็นประเด็นสำคัญที่ทั่วโลกจับตามอง
“ความท้าทายเหล่านี้ ทำให้เราต้องผสานความยั่งยืนเข้าไปในกลยุทธ์ทางธุรกิจ โดยบริษัทอยู่ระหว่างการพัฒนานโยบายจัดซื้อสีเขียว นอกจากการจัดซื้อที่โปร่งใสและเป็นธรรมแล้ว ยังส่งเสริมผลิตภัณฑ์และบริการที่ช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชนในท้องถิ่น นำผลิตภัณฑ์ชุมชนมายกระดับสร้างเป็นเมนู Farm to Table และต่อยอดไปยังของที่ระลึกและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในห้องพัก ซึ่งช่วยตอบโจทย์ของลูกค้าที่ต้องการผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและยังช่วยสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับชุมชนได้อีกด้วย “ นายสเตฟาโน กล่าว
งานสัมมนาในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้แทนจากคู่ค้าธุรกิจของกลุ่มสิงห์ เอสเตท ได้แก่ ผศ.ดร.ธรณ์ ธํารงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดี คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นายก่อพงศ์ เผ่าสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีไซน์มาร์เก็ต จำกัด และ นายศราวุธ เลิศมาลีวงศ์ Strategic Business Services Director จาก Ecolab ร่วมสัมมนาในหัวข้อ “ภาวะโลกรวนกับการรับมือของภาคธุรกิจไทย” และ นางสาวสุลักขณา สุธัมมะ นักวิชาการชำนาญการ สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นายสุภาพ จรัลพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที.ที.เอส.เอ็นจิเนียริ่ง (2004) จำกัด และ นางสาวเพชรรัตน์ วงศ์กมลรัตน์ รองประธานบริหาร บริษัท เอ็นเอส บลูสโคป (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมสัมมนาในหัวข้อ “การเปลี่ยนผ่านสู่สังคมแห่งความเสมอภาค”
โดยวิทยากรทุกท่านมาร่วมแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ต่างๆ แก่คู่ค้าธุรกิจให้ได้รับทราบถึงกลยุทธ์และแนวทางที่สามารถนำไปปรับใช้กับการดำเนินธุรกิจ ซึ่งจะก่อให้เกิดคุณค่าร่วมตลอดห่วงโซ่อุปทานและร่วมสร้างสังคมไทยให้มีคุณภาพและเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 8พ.ย. “แข็งค่า” ที่ระดับ 35.51 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทอาจแกว่งตัว sidewayจนกว่าตลาดจะมีการปรับเปลี่ยนมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดที่ชัดเจน เงินดอลลาร์พลิกกลับมาอ่อนค่าบ้าง หลังบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวลดลง
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 8พ.ย. 2566 ที่ระดับ 35.51 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 35.58 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า เงินบาทอาจแกว่งตัว sideway ในกรอบไปก่อน ในช่วงก่อนตลาดทยอยรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ หรือ จนกว่าตลาดจะมีการปรับเปลี่ยนมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดที่ชัดเจน
นอกจากนี้ ฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติในตลาดทุนไทย ก็ยังมีความผันผวน เพราะถึงแม้ว่า ในฝั่งตลาดบอนด์จะเริ่มเห็นการกลับเข้าซื้อบอนด์ไทยของนักลงทุนต่างชาติมากขึ้น แต่ฝั่งตลาดหุ้น นักลงทุนต่างชาติอาจเน้นกลยุทธ์ Buy on Dip and Sell on Rally
เนื่องจากมุมมองผู้เล่นในตลาดส่วนใหญ่ ยังมองว่า การฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทย อาจเป็นการรีบาวด์ในระยะสั้นเท่านั้น ขณะเดียวกัน หากเงินบาททยอยแข็งค่าขึ้น ก็อาจเผชิญแรงซื้อเงินดอลลาร์จากบรรดาผู้นำเข้า ซึ่งอาจชะลอการแข็งค่าของเงินบาทในช่วงนี้ได้บ้าง
อนึ่ง ควรระวังความผันผวนของตลาดการเงิน ในช่วงตลาดทยอยรับรู้ถ้อยแถลงของประธานเฟด และผลการประมูลพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างมั่นใจมากว่า เฟดได้จบรอบการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว และเฟดอาจทยอยลดดอกเบี้ยลงได้ราว -1% ในปีหน้า เริ่มตั้งแต่การประชุมเดือนพฤษภาคม
ทำให้ หากถ้อยแถลงของประธานเฟด ทำให้ตลาดปรับเปลี่ยนมุมมองดังกล่าว หรือ ผลการประมูลบอนด์สะท้อนความกังวลแนวโน้มการออกบอนด์ของสหรัฐฯ มากขึ้น ก็อาจทำให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น หนุนให้ เงินดอลลาร์แข็งค่า พร้อมกับ กดดันให้ ราคาทองคำปรับตัวลดลง ซึ่งจะส่งผลให้ เงินบาทผันผวนอ่อนค่าลงได้
ในช่วงนี้ ทุกสินทรัพย์ยังอยู่ในช่วงเผชิญความผันผวนสูง จากทั้งความไม่แน่นอนของทิศทางนโยบายการเงินและสถานการณ์สงคราม ทำให้เราคงคำแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
และนอกเหนือจากการใช้เครื่องมือดังกล่าว การเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ก็เป็นอีกแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.35-35.65 บาท/ดอลลาร์
โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวน (แกว่งตัวในช่วง 35.50-35.66 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะอ่อนค่าลง ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ และการปรับตัวลดลงของราคาทองคำ ก่อนที่เงินบาทจะทยอยกลับมาแข็งค่าขึ้นได้บ้าง หลังผู้เล่นในตลาดยังคงเชื่อว่า เฟดได้จบรอบการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว
และเฟดก็มีแนวโน้มทยอยลดดอกเบี้ยลงในปีหน้าราว -1% ส่งผลให้ ทั้งบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ และเงินดอลลาร์ ต่างปรับตัวลดลง (นอกจากผลการประมูลพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ล่าสุด ก็ช่วยจำกัดการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ฝั่งสหรัฐฯ) และช่วยหนุนให้ ราคาทองคำสามารถรีบาวด์ขึ้นมาได้บ้าง
บรรดาผู้เล่นในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ เดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง หลังบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ พลิกกลับมาย่อตัวลง จากผลการประมูลบอนด์ล่าสุดที่ไม่ได้สะท้อนถึงความกังวลต่อปริมาณการออกบอนด์ของรัฐบาลสหรัฐฯ มากนัก
กอปรกับ ผู้เล่นในตลาดต่างยังคงเชื่อว่า เฟดได้จบรอบการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว และเฟดก็มีโอกาสทยอยลดดอกเบี้ยลง แม้ว่า บรรดาเจ้าหน้าที่เฟดบางส่วนจะให้ความเห็นว่า ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่า เฟดได้จบรอบการขึ้นดอกเบี้ยไปแล้ว ทั้งนี้ บรรยากาศเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินโดยรวม ได้หนุนให้ดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.28%
ส่วนในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี stoxx600 ย่อตัวลงต่อเนื่อง -0.16% ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน หลังยอดการส่งออกของจีนล่าสุดออกมาแย่กว่าคาดไปมาก ทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างเทขายหุ้นกลุ่มพลังงาน Total Energies -2.3% กลุ่มเหมืองแร่ Rio Tinto -2.0%
และกลุ่มยานยนต์ BMW -1.6% ซึ่งจะอ่อนไหวต่อแนวโน้มเศรษฐกิจจีน ทั้งนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังพอได้แรงหนุนอยู่บ้าง จากการปรับตัวขึ้นต่อของหุ้นกลุ่มเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth SAP +2.4%, ASML +1.3% หลังบอนด์ยีลด์ระยะยาวทยอยย่อตัวลง
ในฝั่งตลาดบอนด์ ผลการประมูลบอนด์ล่าสุดของสหรัฐฯ ที่ไม่ได้สะท้อนความกังวลต่อแนวโน้มการออกบอนด์ที่สูงขึ้นของรัฐบาลสหรัฐฯ มากนัก รวมถึง มุมมองของผู้เล่นในตลาดส่วนใหญ่ยังคงมองว่า เฟดอาจจบรอบการขึ้นดอกเบี้ยไปแล้ว และเฟดอาจเริ่มทยอยลดดอกเบี้ยลงราว -1% ในปีหน้า ได้ส่งผลให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลงบ้าง สู่ระดับ 4.57%
ทั้งนี้ ในระยะสั้น หากผู้เล่นในตลาดไม่ได้ปรับเปลี่ยนมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดไปมากนัก เรามองว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็อาจทรงตัวเหนือระดับ 4.50% และยังมีความเสี่ยงที่บอนด์ยีลด์อาจปรับตัวขึ้นได้บ้าง ซึ่งต้องรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด และรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม เราคงมุมมองเดิมว่า ผู้เล่นในตลาดควรอาศัยจังหวะบอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้นในการทยอยเข้าซื้อ
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์พลิกกลับมาอ่อนค่าลงบ้าง หลังบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวลดลง ท่ามกลางมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ยังเชื่อว่า เฟดได้จบรอบการขึ้นดอกเบี้ยไปแล้ว ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ทยอยปรับตัวลดลงใกล้ระดับ 105.5 จุด (กรอบ 105.4-105.8 จุด)
ในส่วนของราคาทองคำ การย่อตัวลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ และเงินดอลลาร์ ได้ช่วยหนุนให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) สามารถรีบาวด์ขึ้นใกล้ระดับ 1,975 ดอลลาร์ต่อออนซ์
หลังจากมีจังหวะย่อตัวลงทดสอบโซน 1,964 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งการรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำดังกล่าว อาจหนุนให้ผู้เล่นในตลาดทยอยขายทำกำไรทองคำ และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนหนุนการแข็งค่าของเงินบาทเช่นกัน
สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด โดยเฉพาะประธานเฟด (ตลาดจะทยอยรับรู้ในช่วงราว 21.15 น. ตามเวลาประเทศไทย) โดยมุมมองของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด ต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ และทิศทางนโยบายการเงินของเฟด ก็อาจส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินได้พอสมควร เนื่องจากในสัปดาห์นี้แทบจะไม่มีรายข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ
ส่วนในฝั่งยุโรป เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาแนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจยูโรโซน ผ่านรายงานยอดค้าปลีก (Retail Sales) และถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB)และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าวรวมถึงถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางหลัก เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นผลการประมูลพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 35.48-35.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (10.00 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 35.56 บาทต่อดอลลาร์ฯ ทั้งนี้ เงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากเงินดอลลาร์ฯ ขาดแรงหนุน และปรับตัวอ่อนค่าลงมาตามทิศทางบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ
ขณะที่ตลาดรอติดตามท่าทีของประธานเฟดในคืนนี้เพื่อประเมินสัญญาณเกี่ยวกับแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินในระยะข้างหน้า
อนึ่ง กระทรวงการคลังสหรัฐฯ เปิดเผยรายงานนโยบายเศรษฐกิจมหภาคและอัตราแลกเปลี่ยนของประเทศคู่ค้าสำคัญของสหรัฐฯ โดยในรายงานฉบับนี้ ไม่มีการระบุว่าประเทศใดมีการบิดเบือนค่าเงิน แต่ประเทศที่ติดอยู่ในกลุ่มรายชื่อที่ทางการสหรัฐฯ ติดตามใกล้ชิด (Monitoring List) ประกอบด้วย จีน เยอรมนี มาเลเซีย สิงคโปร์ ไต้หวัน และเวียดนาม ขณะที่ไทยติดเพียงเงื่อนไขมียอดเกินดุลการค้าสินค้าและบริการกับสหรัฐฯ สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดเท่านั้น
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้เบื้องต้นที่ 35.40-35.60 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สัญญาณเงินทุนต่างชาติ ทิศทางสกุลเงินเอเชีย และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจต่างประเทศที่สำคัญ ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อเดือนต.ค. ของเยอรมนี ยอดค้าปลีกเดือนก.ย. ของยุโรป และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.ย.ของสหรัฐฯ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ยึดเหนียวแน่น! ส่องอันดับ “เทนนิส พาณิภัค” ทิ้งห่างคู่แข่งแค่ไหนบนเวทีโลก
“เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักเทควันโดสาวทีมชาติไทย ดีกรีเหรียญทองโอลิมปิก เกมส์ 2022 ยังคงผงาดยืนหนึ่งในรุ่นน้ำหนักไม่เกิน 49 กิโลกรัม ของโลกเหมือนเดิม
ล่าสุด สหพันธ์เทควันโดโลก (WT) ได้ประกาศอันดับโลกประจำเดือนพฤศจิกายน 2566 ออกมาเป็นที่เรียบร้อย โดย จอมเตะสาวไทยวัย 26 ปี ยังมีคะแนนนำเป็นอันดับ 1 ในรุ่นด้วยการมี 587.88 คะแนน
ขณะที่อันดับ 2 เป็นของ เมิร์ฟ ดินเซล นักเทควันโดชาวตุรกี ที่มี 519.88 คะแนน และอันดับ 3 อาเดรียน่า เซเรโซ่ จอมเตะชาวสเปน 481.98 คะแนน เรียกว่าทิ้งห่างคู่แข่งอยู่มากทีเดียว
ซึ่งจากผลงานในการคว้าแชมป์เทควันโด เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ ที่ประเทศจีน เมื่อเดือนก่อน ทำให้ พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ สามารถการันตีผ่านเข้าสู่รอบสุดท้าย โอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ได้เป็นที่แน่นอนแล้ว
อันดับโลก เทควันโดหญิง รุ่นน้ำหนักไม่เกิน 49 กิโลกรัม
1. พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ (ไทย) 587.88 คะแนน
2. เมิร์ฟ ดินเซล (ตุรกี) 519.88 คะแนน
3. อาเดรียน่า เซเรโซ่ (สเปน) 481.98 คะแนน
4. เลน่า สตอยโควิช (โครเอเชีย) 467.69 คะแนน
5. ดาเนียล่า ซูซ่า (เม็กซิโก) 396.51 คะแนน
6. ฉิง กัวะ (จีน) 317.80 คะแนน
7. บรูน่า ดูวานซิซ (โครเอเชีย) 272.20 คะแนน
8. รูคิเย ยิลดิริม (ตุรกี) 246.33 คะแนน
9. เอล่า อายดิน (เยอรมนี) 242.92 คะแนน
10. คัง มิ-เร (เกาหลีใต้) 238.95 คะแนน
สำหรับ การแข่งขันเทควันโด โอลิมปิกเกมส์ 2024 รอบสุดท้าย จะให้สิทธิ์นักกีฬาที่มีอันดับโลกดีที่สุด 5 อันดับแรกในแต่ละรุ่น บวกกับแชมป์แกรนด์สแลม ไฟนอล ซึ่งหากนักกีฬารายใดไม่เข้าข่ายดังกล่าวก็จะต้องไปลงแข่งขันในรอบคัดเลือกของแต่ละทวีปที่จะจัดขึ้นในช่วงปีหน้า
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ข้อดีของการดื่ม “กาแฟ” ที่มี “คาเฟอีนธรรมชาติ”
ในทุกๆ เช้า หลายคนชื่นชอบการเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการจิบกาแฟแก้วโปรด เพื่อให้ร่างกายได้รับคาเฟอีนธรรมชาติ เพื่อทำให้รู้สึกตื่นตัว สดชื่น กระปรี้กระเปร่า หากเช้าวันไหนขาดกาแฟไปก็อาจจะง่วงเหงาหาวนอน ไม่เฟรชกันเลยทีเดียว วันนี้ เราจะพาเราไปรู้จักกับสารสำคัญชนิดนี้ และข้อดีของการดื่มกาแฟที่มีคาเฟอีนธรรมชาติ ที่ให้มากกว่าการตื่นตัว เช่น การช่วยเผาผลาญพลังงาน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และการออกกำลังกาย ถ้าเราดื่มกาแฟในปริมาณที่เหมาะสม
คาเฟอีนส่งผลต่อร่างกายอย่างไร
คาเฟอีน เป็นสารสำคัญที่พบได้ในธรรมชาติจากเมล็ดกาแฟ ใบชา โกโก้ โคล่า ที่นิยมนำมาทำเครื่องดื่มและขนมที่หนุ่มๆ สาวๆ ชื่นชอบ โครงสร้างของสารคาเฟอีน มีหน้าตาคล้ายกับ “อะดีโนซีน” สารสื่อประสาทที่เป็นเจ้าตัวการทำให้เราง่วง เมื่อเราดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน อาทิ กาแฟดำ เอสเปรสโซ กาแฟนม หรือโกโก้ เข้าไปในร่างกาย สารคาเฟอีน ก็จะส่งผลไปขัดขวางให้ “อะดีโนซีน” ไม่ทำงานและทำให้เราไม่รู้สึกง่วง นั่นเอง
คาเฟอีนมีกี่ชนิดและแตกต่างกันอย่างไร
รู้ไหมว่า ในปัจจุบัน เรารับประทานคาเฟอีนจากแหล่งที่มา 2 ประเภท คือ
- คาเฟอีนธรรมชาติ ที่มาจากเมล็ดกาแฟ ใบชา โกโก้ โคล่า ที่นิยมนำมาทำเครื่องดื่มหลากหลายชนิด
- คาเฟอีนสังเคราะห์ พบมากในเครื่องดื่มน้ำอัดลมและเครื่องดื่มชูกำลัง ซึ่งคิดค้นขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เพราะช่วงนั้นมีคนอยากดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนพุ่งสูงปรี๊ด แถมต้นทุนของคาเฟอีนธรรมชาติก็เพิ่มสูงขึ้นด้วย ซึ่งคาเฟอีนสังเคราะห์จะดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้เร็วกว่าคาเฟอีนธรรมชาติ จึงทำให้ผลที่เกิดขึ้นต่อร่างกายเร็วและแรงกว่า และอาจทำให้ผู้ดื่มมีอาการมือสั่น ใจสั่น ใจเต้นเร็วได้ง่ายกว่า ในขณะที่คาเฟอีนธรรมชาติจะมีการดูดซึมแบบคงที่และคงตัวมากกว่า
ข้อดีของการดื่มกาแฟที่มีคาเฟอีนธรรมชาติ
- ทำให้ตื่นตัว โฟกัสงานได้เป๊ะ
กาแฟที่มีคาเฟอีนจากธรรมชาติ ช่วยทำให้รู้สึกตื่นตัว สดชื่น กระปรี้กระเปร่า เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้มากขึ้น มีสมาธิโฟกัสกับงานได้ดีขึ้น เช่น สำหรับคอกาแฟสายเข้ม หากในช่วงเช้าก่อนเริ่มทำงาน ได้ดื่มกาแฟเอสเปรสโซ
3 ช็อต ที่มีคาเฟอีนจากธรรมชาติ ก็จะช่วยทำให้รู้สึกตื่นตัว กระปรี้กระเปร่ามากขึ้น
- ช่วยเพิ่มการเผาผลาญแคลอรี่และการทำงานให้ดีขึ้น
คาเฟอีนช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงาน ทำให้สมองให้ตื่นตัว จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เมื่อเสริมด้วยวิตามินสามชนิดคือ วิตามินบี6 มีส่วนช่วยให้ร่างกายได้รับพลังงานจากเมตาบอลิซึมตามปกติ วิตามินบี2
https://492dec96c7350cd40ea7baf57def9a44.safeframe.googlesyndication.com/safeframe/1-0-40/html/container.html
และวิตามินบี3 มีส่วนช่วยให้ร่างกายได้รับพลังงานจากคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมันตามปกติ จึงเป็นการบูสต์พลังงานพร้อมเริ่มต้นวันใหม่
- ช่วยเพิ่มความฟิตออกกำลังกายได้นานขึ้น
ดื่มกาแฟก่อนออกกำลังกาย 30-60 นาที จะช่วยเพิ่มสมรรถภาพในการออกกำลังกายได้ คาเฟอีนในกาแฟช่วยเพิ่มความทนทาน ทำให้เราออกกำลังกายได้นานขึ้น และหากเราดื่มกาแฟผสมนมก่อนออกกำลังกาย โปรตีนในนมช่วยให้เรารู้สึกอิ่ม เป็นแหล่งพลังงานที่ร่างกายนำไปใช้ในการออกกำลังกายได้ เสริมด้วยวิตามินบี6 มีส่วนช่วยให้ร่างกายได้รับพลังงานจากเมตาบอลิซึมตามปกติ วิตามินบี2 และวิตามินบี3 มีส่วนช่วยให้ร่างกายได้รับพลังงานจากคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมันตามปกติ และวิตามินดีมีส่วนช่วยในการทำงานตามปกติของกล้ามเนื้อ
อย่างไรก็ตาม คาเฟอีน ก็มีผลต่อการหลั่งฮอร์โมนอะดรีนาลีน1ซึ่งทำให้เรารู้สึกตื่นเต้น และ มีอาการใจสั่น กระวนกระวายใจ หงุดหงิด ในบางคนก็มีอาการมือไม้สั่นร่วมด้วย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นอาการในผู้ที่ได้รับคาเฟอีนมากกว่าระดับปกติที่เคยได้รับ
ปริมาณที่เหมาะสมในดื่มกาแฟที่มีคาเฟอีนธรรมชาติต่อ 1 วัน
ใน 1 วัน ผู้ใหญ่สามารถรับประทานเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนได้ในปริมาณที่เหมาะสมไม่เกินวันละ 300 – 400 มิลลิกรัม ต่อวัน ซึ่งเทียบเท่ากับกาแฟปกติ 3-4 แก้ว หรือ กาแฟกระป๋อง 2 กระป๋อง ต่อวัน เวลาดื่มกาแฟที่ดีที่สุดคือ ดื่มตอนเช้าหลังตื่นนอนอย่างน้อย 1 ชั่วโมง ซึ่งเป็นชั่วโมงแรกที่ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลออกมามาก ทำให้ร่างกายตื่นตัว แต่หลังจากนั้นการหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลจะลดลง
หากตื่นนอนสักช่วง 6.30 – 8.00 น. ก็ควรดื่มกาแฟในช่วงประมาณ 9.00 – 11.00 น. หรือสามารถดื่มได้ในช่วงบ่าย แต่ควรเว้นว่างจากเวลาก่อนนอนอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้คาเฟอีนไปรบกวนการนอนหลับ
สรุปแล้ว เราสามารถเติมความสุขให้กับทุกเช้าด้วยการดื่มกาแฟที่มีคาเฟอีนธรรมชาติในปริมาณที่เหมาะสมไม่เกิน 300 – 400 มิลลิกรัมต่อวัน เทียบเท่ากับกาแฟปกติ 3-4 แก้ว หรือกาแฟกระป๋อง 2 แก้วต่อวัน และหากจะให้ดี ควรเสริมด้วยวิตามินบี6 มีส่วนช่วยให้ร่างกายได้รับพลังงานจากเมตาบอลิซึมตามปกติ วิตามินบี2 และวิตามินบี3 มีส่วนช่วยให้ร่างกายได้รับพลังงานจากคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมันตามปกติ
นอกจากจะดูปริมาณคาเฟอีนให้เหมาะสมแล้ว ควรเลือกซื้อเครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลและไขมันในปริมาณที่พอเหมาะ หรือมีสัญลักษณ์ “ทางเลือกสุขภาพ” อีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
บทสนทนาภาษาอังกฤษ ตัวอย่าง 5 เหตุการณ์ ไว้ใช้ทักทายเพื่อนในโอกาสต่างๆ
ตัวอย่าง บทสนทนาภาษาอังกฤษ : เจอกันครั้งแรก ทักทายอย่างไรดี
A: “Hi, my name is Steve. It’s nice to meet you.”
A: ดีครับ ผมชื่อสตีฟ ยินดีที่ได้รู้จักครับ
B: “I’m Jack. It’s a pleasure to meet you, Steve.”
B: ผมเจ็คครับ ยินดีมากๆ ที่ได้พบคุณสตีฟ
A: “What do you do for a living Jack?”
A: คุณทำงานอะไรครับเจ็ค
B: “I work at the bank.”
B: ผมทำงานในธนาคารครับ
ง่ายๆแค่นี้เองครับ สำหรับคำถามเบสิคง่ายๆ ที่ไว้ใช้ทักทายกัน เป็นคำถามที่ดูไม่เสียมารยาท และเป็นสากล ไว้รู้จักกันในครั้งแรกครับ ลองเอาไปฝึกกันดูนะครับ
มาดู ตัวอย่าง บทสนทนาภาษาอังกฤษ : เมื่อไม่ได้เจอเพื่อนคนนี้มานานมาก
LINDA: Well, hello there, Deborah! Wow, it is a long time no see! It is great to see you again.
ลินดา : ว้าว ! สวัสดีเดโบราห์ ไม่ได้เจอกันมานานมาก ดีใจที่ได้เจอกันอีก
DEBORAH: Linda! Hello! What a coincidence! I haven’t seen you in ages! It is great to
see you. What are you doing in Manchester? Are you just visiting?
เดโบราห์ : ว่าไงลินดา อะไรจะบังเอิญขนาดนี้? มาเที่ยวหรอ?
LINDA: I just got a new job in Manchester, so I am shopping for some new clothes. Hey, what do you think of this skirt?
ลินดา : ฉันได้งานใหม่ทำที่แมนเชสเตอร์ เลยมาซื้อชุดใหม่ นี่! เธอคิดว่ากระโปรงตัวนี้เป็นไง?
DEBORAH: Hmmmm… well, you remember how much I love black. See? I have got the same skirt as you!
เดโบราห์ : แปปนะ ! อื้ม ! จำได้ใช่ไหมว่าฉันชอบสีดำมากแค่ไหน ดูนี่ กระโปรงของฉันตัวนี้เหมือนของแกเลย
LINDA: You have always had great taste in clothes! Well this is a small world.
ลินดา : รสนิยมเธอนี่ไม่เปลี่ยนเลยนะ แต่ ดีจังโลกมันกลมมาก
DEBORAH: We must keep in touch. You still have my mobile number?
เดโบราห์ : เราควรติดต่อกันบ่อยๆนะ เธอยังมีเบอร์โทรฉันอยู่ใช่ไหม?
LINDA: No. I lost my phone here is my new number.
ลินดา : ไม่มีแล้วละ ฉันทำโทรศัพท์มือถือหาย เอานี่ ! เบอร์ใหม่ฉัน
DEBORAH: OK. I will save your number.
เดโบราห์ : โอเค ! บันทึกลงเครื่องแปป
LINDA: I have got to go back to work, give us a ring so we can arrange dinner sometime.
ลินดา : ฉันต้องไปทำงานก่อนนะแก โทรหากันนะ เราค่อยนัดไปกันข้าวเย็นกันบ้าง
DEBORAH: For sure, take care bye.
เดโบราห์ : ได้เลย ดูแลตัวเองด้วยแก บายย
ง่ายๆ สำหรับการฝึกสนทนาแบบนี้ เราต้องรู้ว่าเพื่อนเราชอบอะไร ควรถามอะไรตามลำดับ แต่พอขึ้นมาเป็นภาษาอังกฤษอาจจะทำให้นึกไม่ออกก็เป็นได้ ค่อยๆฝึกกันไปนะ เอาใจช่วย !
ตัวอย่าง บทสนทนาภาษาอังกฤษ : บังเอิญเจอเพื่อนที่รู้จักกันมานาน ที่ร้านคาเฟ่
Sarah: Hello Jason, how are you, it’s been a long time since we last met?
ซาร่า : สวัสดีเจสัน เป็นไงบ้าง ไม่ได้เจอกันนานแค่ไหนแล้วนะ ?
Jason: Oh, hi Sarah I’m have got a new job now and is going great. How about you?
เจสัน : โอ้ ไงซาร่า ตอนนี้ได้งานใหม่ทำกำลังไปได้สวยเลย เธอละเป็นไงบ้าง?
Sarah: Not too bad.
ซาร่า : ฉันก็งั้นๆ ไม่มีอะไรแย่
Jason: How often do you eat at this cafe?
เจสัน : มากินร้านนี้บ่อยไหม?
Sarah: This is my first time my friends kept telling me the food was great, so tonight I decided to try it. What have you been up to?
ซาร่า : นี่มาครั้งแรกเลย เพื่อนบอกมาว่าร้านนี้อาหารเยี่ยมมาก เลยมาลองคืนนี้ แล้วช่วงนี้เป็นไงบ้าง?
Jason: I have been so busy with my new job that I have not had the time to do much else, but otherwise, me and the family are all fine.
จอห์น : ตอนนี้ยุ่งมากกับงานใหม่มาก ไม่ค่อยมีเวลาทำอะไรเลย แต่ครอบครัวดีฉันสบายดี
Sarah: Well, I hope you have a lovely meal.
ซาร่า : ดีมาก ฉันหวังว่าคุณจะมีความสุขไปกับอาหารมื้อนี้นะ
Jason: Yes you too.
จอห์น : แน่นอน ! เธอก็เช่นกัน
ทักทายกันแบบเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมานาน มารยาทโดยทั่วไปแล้ว ควรถามสารทุกข์สุขดิบกันพอหอมปากหอมคอ โดยอย่าลืมว่าเขามาทำธุระ หรือกำลังรีบหรือเปล่า ถ้าเห็นว่ารีบๆ ก็ไม่ควรถามเยอะ จะกลายเป็นความรู้สึกที่ไม่ดีต่อกันได้นะ
ตัวอย่าง บทสนทนาภาษาอังกฤษ : ตอนนี้เพื่อนทำงานอะไร
David: Jenny, What do you do for a living?
เดวิด: เจนี่ ตอนนี้ทำงานอะไร?
Jenny: I’m teaching English. what do you for a living?
เจนี่: ฉันเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ แล้วเธอทำอะไร?
David: I’m currently a Chinese teacher.
เดวิด: ตอนนี้ฉันเป็นครูสอนภาษาจีน
Jenny: That’s Great !
เจนี่: สุดยอดมาก
David: Thank you. It was a great pleasure meeting you.
เดวิด: อ่า ! มันดีมากๆที่ได้เจอคุณ
ในเมื่อรู้จักกันมาแล้ว ก็ไม่แปลกที่จะถามได้เลยว่าตอนนี้ทำงานอะไร โดยคำถาม What do you do for a living? หรือ What do you do for living? ก็ได้ เป็นการถามแบบสุภาพ และทันสมัย อย่าลืมว่าไม่ควรถามเรื่องส่วนตัว อย่างเช่น เงินเดือน หรือเรื่องที่เป็นกลยุทธ์ขององค์กรนะ
ตัวอย่าง บทสนทนาภาษาอังกฤษ : บังเอิญเจอเพื่อนที่โรงหนัง
Bob: Hi Jason, it’s great to see you again.
บ๊อบ: ไงเจสัน รู้สึกดีมากๆที่ได้เจอกันอีก
Jason: Wow, it’s great seeing you, How long has it been? It most be more than 6 months. I’m doing good. How about you?
เจสัน : ว้าว ! เจ๋งมากที่เจอกันอีก นานแค่ไหนแล้วนะ ? หกเดือนเลยปะเนี้ย ตอนนี้สบายดี นายเป็นไงบ้าง?
Bob: Not too bad.
บ๊อบ : ไม่มีอะไรแย่มากเท่าไหร่
Jason: What movie are you and the family going to see?
เจสัน : วันนี้พาครอบครัวมาดูหนังเรื่องอะไร ?
Bob: I came here to see the Simpsons movie. How about you?
บ๊อบ : ฉันมาดูเรื่องซิมป์สัน นายละ?
Jason: I’m going to watch Terminator 4.
เจสัน : ฉันมาดูเรื่องเทอมิเนเตอร์4
Bob : I have to go now. See you around.
บ๊อบ : ฉันต้องไปแล้ว ไว้เจอกัน
Jason : ok see you
เจสัน : โอเค เจอกัน !
ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th
5 ปัจจัย และ วิธีแก้ไขเน็ตช้า สะดุด หลุดบ่อย ค้าง วิ่งไม่เต็มสปีด
ทำไมช่วงนี้เน็ตช้าจัง? เน็ตค้าง สะดุด หลุดบ่อย เน็ตวิ่งไม่เต็มสปีด จะแก้อย่างไร? สาเหตุหลักๆที่พบบ่อย มี 5 ปัจจัย ลองแก้ไขเบื้องต้นดูก่อนนะคะ
เช็กระยะห่างระหว่างมือถือกับจุดที่วาง Router
และเลือกใช้คลื่นสัญญาณให้เหมาะสมกับการใช้งาน หากเป็นไปได้แนะนำให้ใช้งานในระยะไม่เกิน 5-7 เมตร จากจุดที่วาง Router ค่ะ
- การใช้งานในระยะใกล้ไม่เกิน 5-7 เมตร แนะนำให้เลือกคลื่นสัญญาณ 5G
- การใช้งานในระยะที่อยู่ไกลกว่า 7 เมตร แนะนำให้เลือกคลื่นสัญญาณ 2.4G
สำหรับการใช้งานที่ไกลจากอุปกรณ์และมือถือจับคลื่นสัญญาน 2.4G ก็อาจจะเกิดเหตุการณ์เน็ตช้า สะดุด หรือหลุดบ่อยได้เพราะถูกคลื่นสัญญาน Wi-Fi ภายนอกจากบ้านอื่นรบกวน
เช็กคลื่นสัญญาณที่คุณใช้อยู่ว่ามีการจับสัญญาณ 5G หรือไม่
บางครั้งมือถืออาจมีการสลับไปจับคลื่น 2.4G เองโดยอัตโนมัติ เพื่อการใช้งานที่เต็มประสิทธิภาพและความเร็วยิ่งขึ้น แนะนำให้ตั้งค่าใช้งานให้เป็น 5G ดังนี้ค่ะ
- ไปที่เมนู “การตั้งค่า”
- คลิกเลือกที่ “Wi-Fi”
- เปิด “Wi-Fi”
- เลือกใช้คลื่นสัญญาณ 5G
เช็กหน่วยความจำ (RAM) และความจุของโทรศัพท์ (ROM)
ลองเช็กความจำของตัวเครื่อง พื้นที่ว่างที่เหลือ และความสามารถในการรับ-ส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ต เช่น หากคุณใช้ iPhone 11 RAM 4 GB ROM 128 GB จะมีความเร็วเฉลี่ยรับ-ส่งสัญญาณ Wi-Fi 791 Mbps ยิ่งโทรศัพท์ของคุณ มีความจำน้อย พื้นที่ว่างเหลือน้อย ความสามารถในการรับสัญญาณก็จะน้อย หรือโทรศัพท์บางรุ่นไม่รองรับสัญญาน 5G จับได้แค่สัญญาน 2.4G ความเร็วเน็ตก็จะวิ่งได้ไม่เต็มที่
เช็คจำนวนผู้ใช้งานในช่วงเวลาเดียวกันพร้อมๆกัน
หากมีการใช้งานอินเทอร์เน็ตพร้อมๆกันในช่วงเวลาเดียวกันเยอะและความเร็วในการอัพโหลดดาวน์โหลดไม่สัมพันธ์กับการใช้งานก็มีผลทำให้เน็ตช้าได้ เช่น ช่วง Work From Home อยู่บ้านกัน 5 คน พ่อแม่ลูก ทุกคนทำงานที่บ้าน
หากใช้แพ็กเกจความเร็ว 100/100 มีการแชร์แบนด์วิดท์กัน ความเร็วก็จะอาจจะช้าลง หากเชื่อมต่อเน็ตได้ แต่ค้าง ไม่ดาวน์โหลดแนะนำให้ลองปิด Router ประมาณ 5 นาที และเปิดใช้งานใหม่อีกครั้งค่ะ
Network
หากเช็กสาเหตุและแก้ไขแล้ว ก็ยังช้าอยู่อาจจะเป็นปัญหาที่ Network, ตัวอุปกรณ์ หรือสาเหตุอื่นๆ พบปัญหาเน็ตช้า สะดุด หลุดบ่อย ค้าง ความเร็ววิ่งไม่เต็มสปีด ขึ้นไฟสีแดง
สามารถแจ้งข้อมูลเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบและแก้ไข แจ้งปัญหาการใช้งานได้ 3 ช่องทางค่ะ คลิก แจ้งปัญหาผ่าน Web | แจ้งปัญหาผ่าน Line | แจ้งปัญหากับอุ่นใจ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
เห็ด กับ 6 ประโยชน์ขั้นเทพที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน
หลายประเทศทั่วโลก นำเห็นมาทำเป็นอาหารและยารักษาโรคกันตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว จนปัจจุบันเห็ดเป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูงนับพันล้านดอลล่าร์สหรัฐ ในแต่ละปีมีการเพาะเห็ดกันเป็นจำนวนถึง 900 ปอนด์ ประเทศที่มีการเพาะเห็ดกันมากที่สุดก็คือจีน
ไม่ว่าคุณจะรับประทานเห็ดแบบไหน รับประทานสด ๆ หรือนำมาปรุงอาหาร เห็ดก็ยังคงเป็นอาหารที่มีคุณค่า และให้ประโยชน์ต่อร่างกาย และ 6 ประโยชน์ต่อไปนี้ นับว่าเป็นคุณค่าที่แทบไม่น่าเชื่อของเห็ด
- เห็ดมีส่วนประกอบสำคัญที่ช่วยต่อต้านโรคมะเร็ง ในปี 2010 มีการเผยแพร่งานวิจัยในวารสาร Experimental Biology and Medicine ว่า ได้มีการนำเห็ด 5 ชนิดมาทดสอบ ได้แก่ เห็ดไมตาเกะ, เห็ดคริมมินิ, เห็ดกระดุมสีน้ำตาล, เห็ดนางรม และ เห็ดกระดุมสีขาว พบว่า พวกมันมีสรรพคุณในการต่อต้านการเติบโตของเซลมะเร็งเต้านม นอกจากนั้นยังพบว่า เห็ดชิตาเกะของญี่ปุ่น มี Lentinan ซึ่งเป็นน้ำตาลโมกุลประเภทหนึ่ง ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสรอดชิวิตให้กับผู้ป่วยมะเร็งบางชนิดในระหว่างที่เข้ารับการรักษาด้วยเคมีบำบัด แม้ว่า Lentinan จะไม่ได้ฆ่าเซลมะเร็งโดยตรง แต่มันช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งช่วงชะลอการเติบโตของเนื้อร้าย รวมทั้งยังฆ่าไวรัสและจุลินทรีย์ ได้โดยตรงในการทดสอบในห้องปฏิบัติการ
- เห็ดช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เราทราบกันแล้วว่า Lentinan สามารถกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังพบว่า Beta-glucan ซึ่งเป็นน้ำตาลที่พบในเซลของรา ก็ช่วยการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันได้เช่นกัน Lentinan มาจากเห็ดหอม แต่ Beta-glucan พบได้ในเห็ดทั่วไปหลายชนิด
- เห็ดช่วยลดไขมันในเลือด โดยทั่ว ๆ ไปแล้ว เห็ดนั้นไม่มีคลอเรสเตอร์รอล และยังมีไฟเบอร์ ที่ช่วยลดระดับคอลเรสเตอร์รอลด้วย ในปี 2012 ได้มีการศึกษาและรายงานผลในวารสารนานาชาติ Medicinal Mushrooms ว่า เห็ด Oyster สีชมพูลดปริมาณไขมันในเลือด และไขมันเลว LDL ในหนูทดลองได้ที่มีระดับไขมันในเลือดสูงได้ ส่วนเห็ดหอม มีส่วนประกอบที่ช่วยการทำงานของตับ ขับคอลเรสเตอร์รอลจากเส้นเลือด ป้องกันการอุดตันของเส้นเลือดและรักษาระดับความดันโลหิตให้เห็นปกติ รวมทั้งกระตุ้นการระบบการไหลเวียนให้ทำงานดีขึ้น
- ในเห็ดมีวิตามิน B และ D สูง เห็นเป็นอาหารเพียงไม่กี่ชนิดที่มีวิตามิน D ซึ่งโดยปกติแล้ว ผิวหนังของเราจะสร้างวิตามิน D เมื่อถูกแสงแดด มีรายงานว่าเห็นกระดุม และคริมมินิ จะมีปริมาณวิตามิน D สูง และเห็ดคริมมินิ ก็มีวิตามินอื่นสูงด้วย รวมทั้งวิตามิน B 12 ซึ่งจำเป็นสำหรับผู้ที่รับประทานมังสะวิรัติ เพราะวิตามินดังกล่าวมีอยู่ในเนื้อสัตว์ วิตามิน B นับว่ามีความสำคัญ เพราะเป็นตัวช่วยนำอาหารเข้าไปให้พลังงานกับร่างกาย ส่วนวิตามิน D ก็ช่วยให้ร่างกายของเราดูดซึมแคลเซี่ยม ทำให้กระดูกแข็งแรง
- เห็ด ช่วยต่อต้านการอักเสบ เห็ดนั้นช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดอาการอักเสบของร่างกาย เห็ดหลินจือ เป็นเห็ดที่คนเอเชียนำมาใช้ทำยากันมานานนับปันปีแล้ว เพราะมันช่วยลดการอักเสบ นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาเพิ่มเติมพบว่า มันมีประโยชน์อีกหลายอย่าง เช่น ต่อสู้กับเชื้อโรค ลดการอักเสบ ช่วยลดอาการภูมิแพ้ ชะลอการเติบโตของเนื้อร้าย
- เห็ดมีประโยชน์ในการรักษาผู้ป่วยมะเร็ว มีการศึกษาและติดตามผลของมหาวิทยาลัย Johns Hopkins พบว่า ผู้ป่วยมะเร็ง 80 คน มีความทุกข์ทรมานกับความวิตกกังวล กระวนกระวาย ความเครียด ความกลัวตาย พวกเขาได้รับยาซึ่งมีส่วนผสมของเห็ด 200 ชนิด และพบว่า ร้อยละ 80 ของพวกเขา มีความรู้สึกดีขึ้น คิดบวกมากขึ้น มีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างและผู้ให้การรักษาดีขึ้น
ดังนั้น เพื่อให้เราได้รับประโยชน์ที่มากมายจากเห็ด ก็อย่ารีรอที่จะรับประทานกัน เราสามารถนำเห็ดมาปรุงอาหารได้หลายชนิด ในการรับประทานเห็ดนั้น มีคำแนะนำจาก WebMD ด้วยว่า ผนังเซลของเห็ดนั้นแข็ง ทำให้ย่อยยากและการจะได้รับคุณค่าอาหารจากตัวของมันนั้นก็ยาก นอกจากนั้นส่วนประกอบทางเคมีของเห็ด ก็ยังรบกวนระบบการย่อยและการดูดซึม ในการที่จะทำลายผนังเซลของเห็นให้แตกตัวลง และทำให้องค์ประกอบทางเคมีและส่วนที่เป็นพิษสลายไป เราควรนำไปปรุงให้สุกก่อนการรับประทาน
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ตะลึงกันทั้งโลก! แสงเหนือมาแรงถึง kp7 สีเข้ม เห็นชัด สีสันสว่างไปทั่วท้องฟ้า
เรียกได้ว่าสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งโลกเลย โดยเฉพาะทางฝั่งทวีปยุโรป หลังจากที่เมื่อคืนวันที่ 5 พฤศจิกายน 2023 ที่ผ่านมานี้ ได้เกิดปรากฏการณ์แสงเหนือขึ้นในหลายๆ จุดของทวีปยุโรป ซึ่งหากแค่แสงเหนือปกติก็คงจะไม่ได้เป็นไวรัลแต่อย่างใด
แต่ในครั้งนี้ค่าการสั่นสะเทือนของสนามแม่เหล็กโลกสูงถึง kp 7 เลยทีเดียว โดยปกติแล้วค่าการสั่นสะเทือนนี้จะเริ่ม kp 3 เป็นต้นไป ถึงจะสามารถเห็นแสงเหนือได้ด้วยตาเปล่า แต่ในครั้งนี้สูงถึง Kp 7 เพราะฉะนั้นเราจึงได้เห็นแสงเหนือที่เข้มและชัดเจนมากๆ
แถมยังมีทั้งสีเขียวและสีชมพูสว่างไสวเต็มท้องฟ้าไปหมด สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก อิจฉาคนที่ได้เห็นด้วยตาเปล่าจริงๆ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 08/11/2566
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 33,000.00 | 33,100.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,138.00 | 32,412.08 | 33,600.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,924.20 | 29,170.87 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,710.40 | 25,929.66 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 962.00 | 14,583.92 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 748.00 | 11,339.68 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,216.00 | 33,594.56 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 08/11/2566
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 37.25 | 37.25 | 37.25 | 37.25 | 37.25 | 37.25 | 37.25 | 37.25 | 37.25 | 37.25 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 35.48 | 35.48 | 35.48 | 35.48 | 35.48 | 35.48 | 35.48 | 35.48 | 35.48 | 35.48 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 35.14 | 35.14 | 35.14 | 35.14 | 35.14 | – | 35.14 | 35.14 | 35.14 | 35.14 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 35.29 | 35.29 | – | – | – | – | – | – | – | 35.29 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 44.04 | 48.94 | 47.24 | 48.94 | – | – | – | – | – | 44.04 |
เบนซิน 95 | 45.04 | – | – | – | 46.21 | – | 45.54 | 45.19 | – | 45.04 |
ดีเซล B7 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล | 29.94 | 29.94 | – | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล B20 | 29.94 | 29.94 | – | – | 29.94 | – | – | – | – | 29.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 41.54 | 43.64 | 46.64 | 43.64 | 42.94 | – | – | – | – | 41.54 |
แก๊ส NGV | 17.59 | 17.59 | – | – | – | – | – | – | – | 17.59 |