“ธอส.” เปิดประมูลบ้านมือสองครึ่งชั่วโมงยอดแตะ 47 ล้านบาท
“ธอส.” เปิดประมูลบ้านมือสองครึ่งชั่วโมงยอดแตะ 47 ล้านบาท จำหน่ายทรัพย์ได้ 43 รายการ ผ่านงาน 8/8 GHBank NPA Double Sale ด้วยระบบออนไลน์
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธอส. ได้จัดงาน 8/8 GHBank NPA Double Sale ประมูลบ้านมือสองออนไลน์ (Stay Home Online Auction) ผ่าน Application : G H Bank Smart NPA เพื่อลดความเสี่ยงจากปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 (COVID-19) โดยคัดทรัพย์เด่นทั่วประเทศมาเปิดประมูลระหว่างเวลา 10.00-10.30 น. ปรากฏว่าสามารถขายได้ถึง 43 รายการ คิดเป็นมูลค่ารวม 47 ล้านบาท แบ่งเป็นทรัพย์ ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล 8 รายการ และทรัพย์ในส่วนภูมิภาค 35 รายการ
ทั้งนี้ ทรัพย์ที่มีราคาประมูลต่ำสุดที่มีผู้ประมูลซื้อได้ในครั้งนี้ คือ ทรัพย์ประเภทห้องชุด ชั้น 5 ขนาดเนื้อที่ 22.75 ตารางเมตร ในโครงการพรอนันต์ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ปิดประมูลขายได้ในราคาเพียง 65,000 บาทเท่านั้น ส่วนทรัพย์ที่ประมูลขายได้ในราคาสูงที่สุด คือ ทรัพย์ประเภทบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ขนาดเนื้อที่ 52 ตารางวา ในโครงการ Glory House อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ปิดประมูลในราคา 2,920,000 บาท
ส่วนทรัพย์รายการเด่นที่ขายได้ในครั้งนี้ เช่น คอนโดมิเนียม ขนาด 29.95 ตารางเมตร ชั้นที่ 3 ในโครงการอัสสกาญจน์เพลส รามคำแหง-วงแหวน ซอยรามคำแหง 147/2 กรุงเทพฯ และทรัพย์ประเภทบ้านแฝด 1 ชั้น ขนาด 35.40 ตารางวา ในหมู่บ้านเทพบุรี (รัษฎานุสรณ์) อำเภอเมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต ปิดประมูลในราคาตั้งต้นที่ 2,680,000 บาท
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
รื้อกฎกระทรวงใหม่ปลดล็อก คอนโด-ตึกสูงในเมือง
กรมโยธาฯ-กทม.เร่งยกร่างกฎกระทรวงใหม่ ใส่ขนาดช่องจราจร เพิ่มทางเลือกเพื่อความยืดหยุ่น ไม่เจาะจงเฉพาะ ความกว้างหน่วยเป็นเมตรเพียงอย่างเดียว ชี้ช่วยลดผลกระทบฟ้องร้อง-ศาลสั่งรื้อถอนอาคาร สูญเสียความสามารถทางการแข่งขัน-เสียโอกาสทางธุรกิจ ต่างชาติขาดความเชื่อมั่น
คำสั่งศาลปกครองให้รื้อถอนอาคารสูงอาคารขนาดใหญ่พิเศษ ที่สร้างขัดต่อพระราชบัญญัติ (พรบ.) ควบคุมอาคารพ.ศ 2522 ในพื้นที่เขตกรุงเทพมหานคร กำลังกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง โดยเฉพาะเรื่องการกำหนดเขตทางความกว้างของถนนในซอยและถนนสายหลัก ซึ่งเป็นสาธารณะ ต้องมีขนาดความกว้างตามกฎหมายกำหนด
ดังเช่น อาคารดังที่ต้องคำพิพากษาของศาลชี้ขาดให้รื้อถอนหากมีใครร้องเรียน อย่างโรงแรมเอทัชในซอยร่วมฤดี (เพลินจิต ) มูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท และ โครงการคอนโดมิเนียมหรูแอซตัน อโศก มูลค่ากว่า 6,000 ล้านบาท ที่พบเขตทางความกว้างของถนนไม่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด
แม้การรื้อถอนหรือทุบทิ้งอาคารดังกล่าวจะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย แต่ในทางปฏิบัติอาจจะส่งผลเกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจ นักลงทุนต่างชาติขาดความเชื่อมั่นเข้ามาลงทุน เพราะการทุบทิ้งบางส่วนที่ผิดกฎหมาย ใช่ว่าจะใช้อาคารที่เหลือต่อไปได้ อาจต้องทำลายทั้งหลังเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้เข้าใช้อาคารทั้งนี้ การแก้ปัญหาดังกล่าว กำลังจะมีทางออก ทั้งการขออนญาตให้ถูกต้องตามกฎหมายและเจ้าของอาคารสามารถอยู่รอดได้
คลอดกฎใหม่อุ้มตึกสูง
แหล่งข่าวจากกรุงเทพ มหานคร (กทม.) เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่ากรมโยธาธิการและผังเมืองได้แจ้งมายังกทม.โดยระบุขณะนี้ อยู่ระหว่าง ยกร่างกฎกระทรวง ออกตามความในกฎหมายควบคุมอาคารใหม่ เรื่อง การกำหนดเขตทางความกว้างของถนนในซอยเชื่อมโยงถนนสายหลักที่เป็นสาธารณะ โดยจะเพิ่มทางเลือก เพื่อยืดหยุน ลดการตีความข้อกฎหมายลง
เช่น เพิ่ม ขนาดช่องจราจร เช่น สร้างอาคารสูงเกิน 23 เมตร (เกิน 8 ชั้น) ได้ หากตั้งอยู่ติดถนนขนาด 2 ช่องจราจรหรือ ขนาดความกว้าง ที่กำหนดเป็นเมตร เป็นต้น เพราะที่ผ่านมา ยอมรับว่าที่ผ่านมาจะพิจารณาจากขนาดความกว้างเพียงอย่างเดียว หากเกิดเหตุ สุดวิสัยเช่น เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ มีการทับถมของดิน ทำให้เขตทางแคบลง ก็จะมีปัญหา
นอกจากนี้ การบุกรุกของชุมชนสร้างอาคารรุกล้ำเขตทาง ทำให้ถนนแคบลง จึงเป็นปัญหาในทางปฏิบัติ หากเกิดการไม่ชอบใจใครเป็นการส่วนตัวสามารถถือตลับเมตร เข้ามารังวัดสอบเขตและยื่นฟ้องร้องกันได้ อย่างไรก็ตามกทม.ในฐานะผู้ถือปฏิบัติข้อกฎหมายจะต้องเข้าร่วมประชุมและเข้าชี้แจงในเรื่องนี้ร่วมกับกรมโยธาฯด้วย เพราะเห็นด้วยที่มีการยืดหยุ่น
“กรมโยธากำลังออกกฎกระทรวง เรื่องขนาดถนนซอย 10 เมตรในกทม. โดยจะยืดหยุ่น เช่นอาคารสูงนอกจากตั้งอยู่บนเขตทางกว้างไม่เกิน 10 เมตรแล้ว อาจตั้งอยู่บนเขตทางถนน 2 ช่องจราจร แต่ต่อมาภายหลังพบว่าเขตทางของถนน กว้างไม่ถึง 10 เมตร ให้ยึดเกณฑ์เขตทาง 2 ช่องจราจรได้ เป็นต้น เพื่อป้องกันเขตทางหาย เช่นหายครึ่งเซ็นติเมตรเพียง จุดเดียวเท่ากับทั้งเส้นผิดหมดเลยสร้างอาคารสูงไม่ได้ กรมโยธาฯกำลังหาทางออกช่วยอยู่ เพื่อยืดหยุ่นให้เกิดการพัฒนาตามความเจริญของเมือง ไม่เช่นนันจะต้องเจอคดีรื้อถอนอาคารไม่สิ้นสุด ซึ่งมีทั้งเอกชนลักไก่ และกลุ่มที่ไม่เจตนา”
ยื้อ 6 ปี รื้อเอทัช
ขณะความคืบหน้าการรื้อถอนโรงแรมดิเอทัส บางกอก 24 ชั้น และ เซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ ดิเอทัส เรสซิเดนซ์ 18 ชั้น ใน ซ.ร่วมฤดี (เพลินจิต) สำนักงานเขตปทุมวันและกทม. ได้มอบเจ้าของอาคาร บริษัท ลาภประทาน จำกัด และ บริษัท ทับทิมทร จำกัด ออกค่ารื้อถอนวงเงิน 160 ล้านบาทว่าจ้างบริษัท ทำเลไทยธรรมชาติจำกัด เตรียมเข้ารื้อถอนอาคารโรงแรมจาก 24 ชั้นและเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ ดิเอทัส เรสซิเดนซ์ 18 ชั้นให้เหลือ ไม่เกิน 8 ชั้น
รวมทั้งต้องลดขนาดความกว้าง พื้นที่ใช้สอยอาคารจากเกิน 10,000 ตารางเมตรให้ต่ำกว่า 10,000 ตารางเมตร
ทั้งนี้ รวมเวลา 6 ปี นับตั้งแต่ศาลปกครองสูงสุดมีคำวินิจฉัย ยืนตามศาลปกครองกลาง ให้รื้อถอนอาคารส่วนที่เกินออกแต่เอทัช ยังต่อสู่คดี และยังเปิดให้บริการลูกค้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยยอมเสียค่าปรับวันละ 30,000 บาท เมื่อเลยกำหนดวันรื้อถอนในช่วงก่อนเกิดสถานการณ์โควิด -19
ย้อนรอยคดีตึกดัง
ย้อนเหตุการณ์รื้ออาคารเอทัช เกิดเมื่อปี 2551 ชาวบ้านในชุมชน ซอยร่วมฤดี (เพลินจิต) จำนวน 24 รายรวมตัวกันยื่นฟ้องผู้อำนวยการเขตปทุมวัน ผู้บริหารกทม. บริษัท ลาภประทาน จำกัด และ บริษัท ทับทิมทร เจ้าของโรงแรมเอทัช ว่า ออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคารผิดกฎหมายขัดต่อพรบ.ควบคุมอาคาร โดยใช้ตลับเมตรวัด เขตทางของถนนในซอยร่วมฤดี บริเวณจุดก่อสร้างอาคาร พบว่าความกว้างของถนนซอยกว้างเพียง 9 เมตรเศษ ไม่ถึง 10 เมตร
ทั้งนี้การต่อสู้ของชาวบ้าน ใช้เวลา 6 ปี โดยปี 2557 ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งให้รื้อถอนอาคารเอทัช จำนวน 2 อาคาร เนื่องจากสร้างสูงเกิน 23 เมตร ตัวอาคารเกิน 10,000 ตารางเมตร ไม่ชอบด้วยกฎหมายปี 2558 ศาลปกครองสูงสุดยืนคำพิพากศาของศาลปกครองกลางสั่งรื้อถอนถือเป็นที่สุด แต่มีการอุทธรณ์กลับของเอทัชเป็นระยะโดยเฉพาะปี 2563 ศาลปกครองยกฟ้องเอทัช กรณียื่นฟ้องกทม.และเขตปทุมวัน อนุญาตอาคารในซอบแปลง ที่ 99 และ 100 สร้างลุกล้ำเขตทาง
ส่วนตำนานห้างนิวเวิล์ดบางลำพู ห้างหรูมีลิฟท์แก้วรายแรกๆ ปัจจุบันมีสภาพเป็นอาคารร้าง หลังจากทุบเหลือเพียง 4 ชั้น ตั้งอยู่บนที่ดินสำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ (ชื่อเดิม) ด้วยความที่ค่าเช่าแพง เนื่องจากเป็นที่ดินกลางใจเมือง แต่ความสูงของอาคารมีเพียง 4 ชั้น ทำให้นักลงทุนมองว่าไม่คุ้มค่า
ห้างหรูนิวเวิลด์บางลำพู เหลือเพียงตำนาน เกิดจาก บริษัท แก้วฟ้าช้อปปิ้งอาเขต จำกัด ออกแบบก่อสร้างอาคารสูง 4 ชั้นและได้รับใบอนุญาตตามกฎหมายควบคุมอาคารปี 2522 ในเวลาต่อมา ปี 2527 บริษัทแก้วฟ้าขออนุญาตต่อเติมอาคารพร้อมลิฟท์แก้ว แต่ไม่ได้รับอนุญาตจากกทม. กลับกันได้ฝ่าฝืนลักลอบต่อเติมอาคารจากชั้น 5 ไปจนถึงชั้น 11 กทม.สั่งฟ้องรื้อถอน ตั้งแต่ชั้น 5-ชั้น 11 ปี 2547 ศาลฏีกามีคำพิพากษาสั่งรื้อถอนอาคารส่วนต่อเติมดังกล่าว
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
หลักทรัพย์บัวหลวง ส่งบริการ “เปิดบัญชีหุ้นออนไลน์แบบใหม่”
หลักทรัพย์บัวหลวง ส่งบริการ “เปิดบัญชีหุ้นออนไลน์แบบใหม่” อนุมัติทันใจ ภายใน 15 นาที เพื่อผู้ลงทุนยุคดิจิทัล
นายบรรณรงค์ พิชญากร กรรมการผู้จัดการอาวุโส กิจการค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีดิจิทัลเริ่มเข้ามามีบทบาทสำคัญกับผู้ลงทุนไทย โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 สะท้อนจากจำนวนเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ออนไลน์ของบริษัทที่เพิ่มขึ้นสูงมากในปีนี้ และเพื่อช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถเปิดบัญชีลงทุนหลักทรัพย์ได้อย่างรวดเร็วมากขึ้นยิ่งขึ้น มีความปลอดภัยสูงสุด และลดความเสี่ยงในการติดต่อที่สาขา บริษัทพร้อมให้บริการ “เปิดบัญชีหุ้นออนไลน์รูปแบบใหม่” อนุมัติทันใจ ภายใน 15 นาที โดยผู้ลงทุนสามารถเปิดบัญชีลงทุนหลักทรัพย์ได้ด้วยตนเอง และยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชันของธนาคารบนโทรศัพท์มือถือ พร้อมชูจุดเด่น ง่าย สะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องเดินทางไปยืนยันตัวตนที่สาขา เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมผู้ลงทุนยุคใหม่ที่นิยมทำธุรกรรมต่าง ๆ ด้วยตัวเอง
สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจเปิดบัญชีหุ้นออนไลน์รูปแบบใหม่กับหลักทรัพย์บัวหลวงจะต้องทำการสมัคร “บริการยืนยันตัวตนรูปแบบดิจิทัล” (National Digital ID – NDID) ผ่านแอปพลิเคชันธนาคารที่เข้าร่วมโครงการ NDID ที่ผู้ลงทุนเคยลงทะเบียนไว้ก่อน ซึ่งเป็นไปตามแนวทางปฏิบัติในการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการทำความรู้จักลูกค้าของสำนักงาน ก.ล.ต. (บริการยืนยันตัวตนอยู่ระหว่างการทดสอบภายใต้กรอบ Regulatory Sandbox ของธนาคารแห่งประเทศไทย) จากนั้นให้เข้ามากรอกข้อมูลเปิดบัญชีหุ้นออนไลน์ ผ่าน https://www.bualuang.co.th ได้ตลอด 24 ชั่วโมง และบริษัทจะดำเนินการอนุมัติเปิดบัญชีให้ท่าน ภายใน 15 นาที เฉพาะวันและเวลาทำการเท่านั้น (วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 08.30 -17.30 น.) ทั้งนี้ผู้ลงทุนสามารถอ่านวิธียืนยันตัวตนรูปแบบดิจิทัล เพื่อเปิดบัญชีหุ้นออนไลน์รูปแบบใหม่กับบริษัทได้ที่ https://bls.tips/openaccountidp หรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร.0-2618-1111
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
พิธีปิดประทับใจ! อำลา “โตเกียว 2020” อย่างเป็นทางการส่งไม้ต่อสู่ “ปารีส 2024”
ปิดฉากอย่างเป็นทางการสำหรับมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ โอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น หลังจากที่ทำการแข่งขันกันมาตลอดเป็นระยะเวลา 16 วันที่ผ่านมา
โดยในพิธีปิดครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่มีการมอบเหรียญรางวัลให้กับผู้ชนะในการแข่งขันวิ่งมาราธอน ทั้งประเภทชาย และประเภทหญิง ก่อนที่ทางเจ้าภาพจะตัดเข้าสู่พิธีปิดการแข่งขันอย่างเป็นทางการ
ซึ่ง ยูริโกะ โคอิเกะ ผู้ว่าราชการกรุงโตเกียว ได้ส่งมอบธงให้กับ โธมัส บาค ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) ก่อนที่จะมีการส่งต่อให้ แอนน์ ฮิดัลโก นายกเทศมนตรีกรุงปารีส ที่จะรับเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2024 ในอีก 4 ปีข้างหน้า
จากนั้นไฟในกระถางคบเพลิงได้หมุนตัวกลับสู่ลูกวงกลมพร้อมทั้งดับไฟ อันเป็นสัญลักษณ์ว่าการแข่งขัน โอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ได้ปิดฉากอย่างสมบูรณ์แบบ
สำหรับ ทัพนักกีฬาไทย สามารถจบผลงานด้วยอันดับ 59 ร่วม โดยทำได้ 1 เหรียญทอง จาก “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักเทควันโด และ 1 เหรียญทองแดง จาก “แต้ว” สุดาพร สีสอนดี จากมวยสากลสมัครเล่นหญิง ส่วน สหรัฐอเมริกา เป็นผู้นำเหรียญทองในครั้งนี้
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
4 ท่านอนผิดๆ ที่อันตรายต่อร่างกาย และคนส่วนใหญ่ไม่รู้
- การนอนผิดท่า เช่น การนอนขดตัวคุดคู้ การนอนคว่ำ การนอนแบบกึ่งนั่งกึ่งนอน และการนอนทับต้นแขนตัวเอง เป็นสาเหตุทำให้เกิดการบาดเจ็บต่อกระดูกและกล้ามเนื้อ รวมถึงระบบประสาทได้
- ท่าทางที่เหมาะสม ได้แก่ ท่านอนหงาย หรือท่านอนตะแคง รวมถึงการเลือกเครื่องนอนที่ดี และการมีสิ่งแวดล้อมต่อการนอนที่เหมาะสม จะช่วยลดการบาดเจ็บต่อกระดูก กล้ามเนื้อ และระบบประสาท รวมถึงช่วยให้นอนหลับอย่างมีคุณภาพ
นพ. ภัทร อำนาจตระกูล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขา สาขาออร์โธปิดิกส์ รพ. สมิติเวช สุขุมวิท ระบุว่า การนอน เป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุดและง่ายที่สุด เป็นช่วงเวลาทองของร่างกายในการซ่อมแซมตัวเอง การนอนที่เหมาะสมจะมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 6-7 ชั่วโมง เท่ากับเราใช้เวลากับการนอนไปถึง 1 ใน 4 ส่วน ในแต่ละวันเลยทีเดียว ดังนั้น การนอนในท่าทางที่ถูกต้องและเหมาะสมจึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้เรามีสุขภาพร่างกายโดยรวมที่ดี ไม่มีการบาดเจ็บของระบบกระดูกและกล้ามเนื้อหรือระบบประสาทในส่วนต่างๆ ของร่างกายก่อนวัยอันควร ในทางกลับกัน บางคนอาจจะเคยสงสัย ทำไมยิ่งนอนยิ่งเมื่อย นั่นอาจเป็นเพราะเรานอนผิดท่า หรือนอนในท่าที่ไม่ถูกต้อง รวมถึงเครื่องนอนอาจไม่เหมาะสม คือ นิ่มหรือแข็งจนเกินไป ก็เป็นได้
4 ท่านอนผิดๆ ที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้
ท่าที่ 1: การนอนขดตัวคุดคู้
การนอนขดตัวคุดคู้ คือ การนอนที่มีการก้มศีรษะ โก่งหลัง พับสะโพก งอเข่า เป็นท่านอนที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งเนื่องจากก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายในหลากหลายแง่มุม การนอนท่านี้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานๆ อาจก่อให้เกิดความเสี่ยง ดังนี้
- ปวดเข่า เอ็นบริเวณเข่าและสะโพกเกิดการอักเสบเนื่องจากมีการพับงอของข้อสะโพกและข้อเข่าเป็นระยะเวลานาน
- กล้ามเนื้อหลังส่วนล่างอักเสบและปวด เนื่องจากมีการโก่งงอของหลัง ทำให้กล้ามเนื้อหลังถูกยืดเหยียดออกจนตึง
- กระดูกสันหลังมีการบิดโก่งงอผิดรูป
- ปวดคอจากกล้ามเนื้ออักเสบ เนื่องจากการนอนนั้นมีการก้มคอค้างไว้ทำให้กล้ามเนื้อคอตึง และยังไปเพิ่มแรงดันต่อหมอนรองกระดูกสันหลังช่วงคออีกด้วย
- หากผู้ป่วยเป็นโรคหมอนรองกระดูกทับประสาทอยู่แล้ว การนอนในท่าที่ผิดสุขลักษณะอย่างเช่นท่านอนขดตัวคุดคู้นี้ ก็อาจกระตุ้นให้เกิดอาการปวดมากขึ้นได้
ท่าที่ 2: การนอนคว่ำ
การนอนคว่ำ ถือว่าเป็นท่านอนที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากการนอนคว่ำจะทำให้ผู้นอนหายใจไม่สะดวก กระดูกสันหลังแอ่นมากกว่าปกติ และขณะที่นอนก็ต้องมีการบิดคอไปทางซ้ายหรือทางขวารวมถึงมีการแอ่นไปข้างหลังอีกด้วย จึงอาจก่อให้เกิดการอักเสบของกล้ามเนื้อคอ เกิดอาการปวดคอ ปวดหลังได้ ดังนั้น ท่านอนคว่ำจึงเป็นท่านอนที่ไม่ควรทำเท่าไหร่นัก แต่หากจำเป็นต้องนอนท่านี้ ก็แนะนำให้ทำได้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ โดยแนะนำให้หาหมอนมารองช่วงหน้าอกหรือช่วงท้องก็จะทำให้นอนได้สบายยิ่งขึ้น
ท่าที่ 3: การนอนแบบกึ่งนั่งกึ่งนอน
ท่านอนแบบกึ่งนั่งกึ่งนอนโดยที่มีหมอนรองที่หลังเอาไว้ แล้วนอนเอนหลังและไถลตัวไปบนเตียงนอนหรือโซฟา พร้อมกับเล่นโทรศัพท์มือถือ อ่านหนังสือ หรือดูโทรทัศน์ไปเรื่อยๆ นั้น ทำให้ผู้ที่นอนท่านี้ต้องงอหรือก้มคอเป็นระยะเวลานาน ซึ่งหากทำเป็นประจำ จะทำให้หมอนรองกระดูกสันหลังส่วนคอและหลังทำงานมากกว่าปกติ ส่งผลให้เกิดอาการอักเสบและปวดกล้ามเนื้อคอบ่าไหล่ขึ้นมาได้ รวมถึงสามารถทำให้เกิดอาการปวดหลังส่วนล่างจากการที่มีการแอ่นของหลังขณะนั่งได้อีกด้วย
ท่าที่ 4: การนอนทับต้นแขนตัวเอง
การกดทับต้นแขนของตัวเองซึ่งเป็นบริเวณที่มีเส้นประสาท (Radial Nerve) อยู่ เป็นเวลานาน โดยอาจเกิดจากการทับของศีรษะหรือการพาดแขนบนพื้นผิวต่างๆ เช่น พนักเก้าอี้ พอเส้นประสาทถูกกดทับนานๆ แล้ว จึงก่อให้เกิดอาการทางระบบประสาทตามมา ที่พบบ่อยที่สุด คือ อาการข้อมือตก ทำให้กระดกข้อมือไม่ขึ้น อาการข้อมือตกจากการถูกกดทับของเส้นประสาทเรเดียน (Radial Nerve) นี้ เรียกว่า Saturday night palsy หรือ Honeymoon palsy โดยส่วนใหญ่แล้วอาการมักไม่ร้ายแรงและสามารถหายเองได้ ซึ่งระยะเวลาจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ส่วนมากแล้วจะใช้เวลาประมาณ 3-4 สัปดาห์ โดยในระหว่างที่รอเส้นประสาทหายดีนี้ แพทย์จะให้มีการออกกำลังกายกล้ามเนื้อบริเวณมือ ข้อมือ และแขนท่อนล่าง เพื่อป้องกันกล้ามเนื้อฝ่อลีบและการเกิดข้อติดที่อาจจะเกิดขึ้นได้ด้วย ภาวะ Saturday night palsy or Honeymoon palsy นั้น แรกเริ่มเดิมทีเกิดจากผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์หนักจนเมาพับและนอนหลับลึกฟุบไปกับโต๊ะ โดยที่วางศีรษะทับต้นแขนไว้ หรืออาจเกิดจากการที่คู่รักนอนหนุนแขนของอีกฝ่ายตลอดทั้งคืน พอตื่นขึ้นมาแล้วจึงพบว่าข้อมือตก ยกไม่ขึ้นนั่นเอง
ข้อแนะนำเพื่อให้มีคุณภาพการนอนหลับที่ดี
เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการนอนที่อาจเกิดขึ้นได้จากท่านอนแบบต่างๆ ข้างต้น มีคำแนะนำในการนอน ดังนี้
- ท่านอนหงาย เป็นท่านอนปกติที่คนส่วนใหญ่นิยมนอนกัน เนื่องจากการนอนหงายทำให้น้ำหนักตัวกระจายลงไปตามส่วนต่างๆ ของแผ่นหลัง จึงไม่มีน้ำหนักลงจุดใดจุดหนึ่งมากกว่าปกติ อีกทั้งกระดูกสันหลังก็อยู่ในแนวตรง ไม่มีการโค้งผิดรูป และหากมีหมอนรองใต้เข่าขณะนอนหงายก็จะทำให้นอนได้สบายยิ่งขึ้น เนื่องจากการรองหมอนไว้ใต้เข่าทำให้ข้อสะโพกมีการงอเล็กน้อย จึงช่วยลดการแอ่นของหลังส่วนล่างและป้องกันการปวดหลังได้ด้วย อย่างไรก็ตาม การนอนหงายอาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด เช่น โรคหัวใจ โรคปอด โรคปวดหลัง มีภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับหรือนอนกรนเป็นประจำ เป็นต้น
- ท่านอนตะแคง เป็นท่านอนที่ดีอีกท่าหนึ่งที่คนนิยมกัน เป็นท่าที่นอนสบายและสามารถช่วยลดอาการปวดหลังได้ ควรนอนตะแคงโดยมีหมอนข้างไว้ให้กอดและพาดขา ส่วนหมอนหนุนที่ใช้ก็ไม่ควรเตี้ยจนเกินไปเพราะจะทำให้ปวดต้นคอได้ ควรใช้หมอนหนุนที่เมื่อนอนตะแคงแล้วศีรษะอยู่ระดับเดียวกับลำตัว หรือกระดูกสันหลังส่วนคออยู่ระดับเดียวกับกระดูกสันหลังส่วนอกและส่วนเอว
- ไม่ว่าจะนอนในท่าไหน ทุกครั้งที่เรารู้สึกตัวในระหว่างการนอน เราควรจะขยับปรับเปลี่ยนท่านอน เพื่อให้ร่างกายได้ขยับ และกระดูกและกล้ามเนื้อไม่ถูกกดทับมากจนเกินไป
- เครื่องนอน เนื่องจากเครื่องนอนที่เหมาะสมนั้นขึ้นอยู่กับสรีระของแต่ละบุคคล จึงแนะนำให้จัดเตรียมเครื่องนอนที่นอนแล้วสบายที่สุด หมอนสูงกำลังดี ฟูกที่นิ่มพอดีจะช่วยพยุงหลังของเรา มีหมอนข้างไว้กอดเมื่อต้องการนอนตะแคง นอนตื่นขึ้นมาแล้วไม่ปวดคอหรือปวดหลังก็ถือว่าเหมาะสมแล้ว
- สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ห้องนอนควรจะมืดสนิท ไม่มีแสงและเสียงรบกวนขณะนอนหลับ หรืออาจหาอุปกรณ์ตัวช่วย เช่น ที่ปิดตา หรือที่อุดหู เพื่อให้เรานอนหลับได้สนิท ให้การนอนหลับเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และให้ร่างกายได้รับการพักผ่อนจริงๆ
เพียงแค่เราปรับพฤติกรรมการนอนให้ดี โดยนอนในท่าทางที่ถูกต้อง ถูกสุขลักษณะ เลือกเครื่องนอนและจัดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ก็สามารถช่วยให้การนอนมีคุณภาพ หลับได้เต็มอิ่ม ถนอมกระดูกและกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ รวมถึงระบบประสาท และทำให้สามารถตื่นขึ้นมาทำกิจวัตรประจำวันและทำงานได้อย่างสดชื่นและกระปรี้กระเปร่า มีชีวิตที่ยืนยาวโดยปราศจากการบาดเจ็บต่อระบบประสาท กระดูก และกล้ามเนื้อ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
รวม “อักษรย่อภาษาอังกฤษ” ที่วัยรุ่นต่างชาติชอบใช้ และที่พบเจอได้บ่อยๆ
ในการฝึกภาษาอังกฤษ การแชทกับคนต่างชาติก็เป็นวิธีที่ช่วยได้มากเลยทีเดียว แต่ถึงอย่างนั้นก็มีปัญหาตรงที่ วัยรุ่นต่างชาติอาจจะชอบใช้อักษรย่อในการแชท แล้วทำให้คนไทยอย่างเราไม่เข้าใจ
บทความนี้ผมเลยได้รวบรวมเอา อักษรย่อที่วัยรุ่นต่างชาติใช้กัน มาฝากเพื่อนๆ รวมไปถึงอักษรย่อที่เจอบ่อยๆในต่างประเทศ คราวนี้การแชทกับคนต่างชาติก็คงไม่เป็นปัญหาอย่างที่แล้วๆมาแล้วละครับ
BFF = Best Friend Forever = เพื่อนรักตลอดกาล
LOL = Laughing out Loud = ขำกลิ้ง ฮาแตก
TC = Take Care = ดูแลตัวเองนะ
LUV = LOVE = รัก
OSM = Awesome = เจ๋งมากๆ
BTW = By the Way = ยังไงก็ตาม
OMG = Oh My God! = โอ้พระเจ้า
P.S = Post Script = ปล.
MHM = Yes! = ใช่ เห็นด้วย มาจากเสียง อื้ม
JK = Just Kidding = ล้อเล่น
IOU = I Owe You = ฉันติดหนี้เธอนะ
ASAP = As Soon As Possilbe = เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้
Ave = Avenue = ถนนที่มีสายหลัก
99 = Nighty Night = Good Night
PC = Personal Computer = คอมพิวเตอร์
WTF = What The F**K
BYOB = Bring Your Own Beer = สามารถนำเบียร์ หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งหลายมากินเองได้
SMS = Short Message Service = บริการส่งข้อความ
VS = Versus = ตรงข้ามกัน / ต่อสู้กัน
Corp = Corporation = บริษัท สมาคม
B-R-B = Be Right Back = เดี๋ยวกลับมา
TTYL = Talke to You later = คุยกันวันหลังนะ
ATM = At the moment = ในตอนนี้
BC = Because = เพราะว่า
BG = Big grin = (ยิ้มอยู่)
BOTOH = But on the other hand = แต่ในทางกลับกัน
BTDT = Been there, done that = ไปมาแล้วทำเรียบร้อยแล้ว
BTW = By the way = อย่างไรก็ตาม
COZ = Because = เพราะว่า
CU = See you = แล้วเจอกัน
CUL or CUL8R = See you later = แล้วเจอกัน
EZ = Easy = ง่าย
FAQ = Frequently asked questions = คำถามที่ถามบ่อย
FYI = For your information = แจ้งเพื่อรับทราบ
GJ = Good job = ทำได้ดีมาก!
GL = Good luck = โชคดีนะ
GRT = Great = เยี่ยม!
GW = Good work = ทำได้ดีมาก
HAND = Have a nice day = โชคดีนะ
IC = I see = เข้าใจล่ะ
IMO = In my opinion ฉันคิดว่า…
IMPOV = In my point of view = ฉันคิดว่า….
IOW = In other words = ถ้าจะพูดอีกอย่างก็..
IRL = In real life = ในชีวิตจริง
JIC = Just in case = เผื่อไว้
JTLYK = Just to let you know =แค่บอกให้รู้ไว้
KIS = Keep it simple = เอาง่ายๆ
KIT = Keep in touch = ติดต่อกันอีกนะ
NBD = No big deal = ไม่มีปัญหาเรื่องเล็กน้อย
NP = No problem = ไม่มีปัญหา
NVM = Never mind = ไม่เป็นไร
PCM = Please call me = โทรมาหาที
PLS = Please = ได้โปรด
PLZ = Please = ได้โปรด
Q = Question = คำถาม
SIT = Stay in touch = แล้วติดต่อกันใหม่
SOZ, SRY = Sorry = ขอโทษที
SYS = See you soon = แล้วพบกันใหม่
THX = Thanks = ขอบใจจ้า
TLP = Tham Love Pay = ขอบใจจ้า
TIA = Thanks in advance = ขอบคุณล่วงหน้า
TY = Thank you = ขอบคุณ
U = You = คุณ
WB = Welcome back = ขอต้อนรับกลับมา
WFM = Works for me = สำหรับฉันแล้วได้ผลนะ
XOXO = Hugs and kisses = รักนะจุ๊บๆ
Y = Why = ทำไม
YW = You are welcome ด้วยความยินดี
ขอบคุณข้อมูลจาก wegointer.com
หลุด!! สเปกและราคาของ iPhone 13 แบบหมดเปลือก
ใกล้เข้ามาทุกทีกับ iPhone 13 ที่คาดว่าจะมีการเปิดตัวในเดือนกันยายนนี้ ก่อนหน้านี้มีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับสมาร์ตโฟนในซีรีส์ iPhone 13 แต่ล่าสุดมีการเปิดเผยถึงสเปกรวมถึงราคาที่หลุดออกมาแบบเต็ม ๆ จะมีรายละเอียดเป็นอย่างไรบ้าง ไปดูกันเลย
ตามข้อมูลก่อนหน้านี้ iPhone 13 จะมีเปิดตัว 4 รุ่น iPhone 13 mini, iPhone 13, iPhone 13 Pro, และ iPhone 13 Pro Max ใน 3 ขนาด 5.4 นิ้ว 6.1 นิ้ว และ 6.7 นิ้ว เช่นเดียวกันกับ iPhone 12
ในส่วนของด้านนอกจะมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย รอยบากที่จะมีขนาดเล็กลง และด้านหลังสำหรับ iPhone 13 mini และ iPhone 13 จะมีการเรียงกล้องใหม่เป็นแนวทแยง ส่วน iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max จะมีส่วนของกล้องที่ใหญ่ขึ้น
iPhone 13 ทุกรุ่น จะมีการอัปเกรดไปใช้ชิป Apple A15 Bionic รุ่นใหม่ คาดว่าจะมีการใช้เทคโนโลยี 5 นาโนเมตร รุ่นที่ 2 ของ TSMC ที่จะมาพร้อมกับประสิทธิภาพการใช้งานพลังงานและ 5G ดีมากยิ่งขึ้น กว่าชิปรุ่นก่อน ๆ
หน้าจอที่ใช้งานจะแบ่งเป็น 2 ประเภท สำหรับ iPhone 13 mini และ iPhone 13 จะเป็นหน้าจอ OLED ที่มีรีเฟรชเรตที่ 60Hz ส่วน iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max จะเป็นหน้าจอ OLED ที่มีการใช้เทคโนโลยี ProMotion มาร่วมด้วย
อีกทั้ง iPhone 13 ยังมาพร้อมกับแบตเตอรี่ที่เพิ่มมากขึ้นด้วย
- iPhone 13 mini – 2,406 mAh
- iPhone 13 – 3,095 mAh
- iPhone 13 Pro – 3,095 mAh
- iPhone 13 Pro Max – 4,352 mAh
สุดท้ายในส่วนของราคาของซีรีส์ iPhone 13 ที่หลุดมาในครั้งนี้ ดังนี้
- iPhone 13 mini – 699 เหรียญ (~22,600 บาท)
- iPhone 13 – 799 เหรียญ (~25,830 บาท)
- iPhone 13 Pro – 999 เหรียญ (~32,300 บาท)
- iPhone 13 Pro Max – 1099 เหรียญ (~35,500 บาท)
ทั้งนี้ iPhone 13 คาดว่าจะมีการเปิดตัวในช่วงกันยายน – ตุลาคมที่จะถึงนี้ เช่นเดียวกันกับทุก ๆ ปี
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ผักปลัง หรือ “ผักปั๋ง” ริมรั้ว สุดยอดผักพื้นบ้าน สารอาหารสูง ป้องกันมะเร็ง บำรุงสายตา
ผักปลัง หรือ “ผักปั๋ง” สุดยอดผักพื้นบ้าน กินป้องกันมะเร็ง บำรุงสายตา
ผักปลัง ปลูกง่ายเช่นเดียวกับผักพื้นบ้านทั่วไป แถมออกยอดเกือบตลอดปี ชาวบ้านภาคอีสานและภาคเหนือ จึงมักปลูกริมรั้วบ้าน ให้ต้นเลื้อยขึ้นตามรั้ว เพื่อเก็บยอดได้ง่ายนั่นเอง ผักปลังมีชื่อพื้นเมืองว่า “ผักปั๋ง”
ผักปลัง หรือ ผักปั๋ง เป็นผักพื้นบ้านของไทย มี 2 ชนิด คือ ชนิดลำต้นสีเขียวธรรมชาติ (หรือผักปลังขาว) และลำต้นสีม่วงแดง คุณค่าทางอาหาร มากด้วยเส้นใยอาหาร มีสารบีตาแคโรทีน ที่เมื่อกินเข้าไปในร่างกายจะถูกเปลี่ยนเป็นวิตามินบำรุงสายตาแล้ว ยังมีคุณสมบัติพิเศษช่วยป้องกันมะเร็งด้วย
ผักปลัง นำมาประกอบอาหาร ยอดอ่อน ใบอ่อน และดอกอ่อน นำมากินเป็นผักสดจิ้มน้ำพริกหรือแกงต่างๆ เช่น แกงส้ม แกงแค แกงปลา ผัดกับแหนม หรือใส่แกงอ่อมหอยก็ได้
ขอบคุณข้อมูลจาก winnews.tv
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 09/08/2564
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 27,500.00 | 27,600.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,781.00 | 26,999.96 | 28,100.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,602.90 | 24,299.96 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,424.80 | 21,599.97 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 801.00 | 12,143.16 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 623.00 | 9,444.68 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,846.00 | 27,985.36 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 09/08/2564
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 29.45 | 29.45 | 29.45 | 29.45 | 29.45 | 29.45 | 29.45 | 29.45 | 29.45 | 29.45 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 29.18 | 29.18 | 29.18 | 29.18 | 29.18 | 29.18 | 29.18 | 29.18 | 29.18 | 29.18 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 27.94 | 27.94 | 27.94 | 27.94 | 27.94 | – | 27.94 | 27.94 | 27.94 | 27.94 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 22.64 | 22.64 | – | – | – | – | – | – | – | 22.64 |
เบนซิน 95 | 36.86 | – | – | – | 37.31 | – | 37.36 | 36.86 | – | 36.86 |
ดีเซล B7 | 28.99 | 28.99 | 28.99 | 28.99 | 28.99 | 28.99 | 28.99 | 28.99 | 28.99 | 28.99 |
ดีเซล | 25.99 | 25.99 | 25.99 | 25.99 | 25.99 | 25.99 | 25.99 | 25.99 | 25.99 | 25.99 |
ดีเซล B20 | 25.74 | 25.74 | 25.94 | – | 25.74 | – | 25.74 | 25.74 | – | 25.74 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 33.76 | 33.76 | 35.44 | 35.16 | – | – | – | – | – | 33.76 |
แก๊ส NGV | 14.55 | 14.55 | – | – | – | – | – | – | – | 14.55 |