LPNปรับใหญ่ดันดารณี ฉัตรพิริยะพันธ์หนึ่งในผู้ถือหุ้นขึ้นแท่นซีอีโอใหม่
LPN ปรับใหญ่ดันดารณี ฉัตรพิริยะพันธ์ หนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่สาวคนที่ 2 ของนายชาญยุทธ ฉัตรพิริยะพันธ์ ผู้ปลุกปั้นธุรกิจรีไซเคิล ‘ไคฮวดจั่น’ขึ้นแท่นซีอีโอใหม่ แทนอภิชาติ เกษมกุลศิริ ซึ่งมีผลวันที่ 16 ส.ค.นี้
จากก่อนหน้านี้ LPN มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้าง “ผู้ถือหุ้น” โดยตระกูล “ฉัตรพิริยะพันธ์” ได้กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในธุรกิจอสังหาฯ LPN ล่าสุด
บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) ก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง เพื่อวางแนวทางสร้างองค์กรสู่ยุคใหม่ โดยบอร์ดมีมติแต่งตั้ง นางสาวดารณี ฉัตรพิริยะพันธ์ ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (Chief Executive Officer: CEO) ซึ่งมีผลวันที่ 16 สิงหาคม 2567 เป็นต้นไป ตามที่ได้มีการแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สำหรับการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารงานในช่วงครึ่งปีหลังของ LPN นี้ นับว่าอยู่ในช่วงเวลาที่เหมาะสมตามแนวทางที่บริษัทวางไว้ โดยนางสาวดารณี ฉัตรพิริยะพันธ์ จะดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (Chief Executive Officer: CEO) แทนนายอภิชาติ เกษมกุลศิริ ซึ่งได้รับความไว้วางใจจากคณะกรรมการบริษัท ให้ก้าวขึ้นดำรงตำแหน่ง ประธานกรรมการบริหาร ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม 2567
สำหรับผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 บริษัทมีรายได้รวมจากการดำเนินงาน (Revenue) อยู่ที่ 3,785 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 6% (YoY) จากครึ่งปีแรก 2566 ที่ 3,564 ล้านบาท โดย ณ สิ้นปี 2566 บริษัทมีทุนจดทะเบียน 1,454 ล้านบาท และมีกําไรสะสมตลอด 30 ปี ทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 11,959 ล้านบาท ซึ่งจำนวนเงินดังกล่าว ทำให้บริษัทสามารถลงทุนเพิ่มเติมทั้งในธุรกิจอสังหาฯ และธุรกิจอื่นๆ ได้ ส่งผลให้สามารถสร้างรายได้ได้ในระยะยาว
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
จับตา!ที่อยู่อาศัยต่ำ 3 ล้านยังมีโอกาสหรือไม่?
SCB EIC ประเมินตลาดที่อยู่อาศัยต่ำ 3 ล้านในกรุงเทพฯ และปริมณฑล หลังเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน! ทั้งอัตราถูกปฏิเสธสินเชื่อ (Rejection rate) ในระดับสูง ขณะที่ผู้ประกอบการพยายามรักษาอัตรากำไรท่ามกลางต้นทุนที่พุ่งขึ้น และแรงกดดันจากสต็อกเหลือขายสะสม!
ตลาดที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทใน BMR ส่วนใหญ่เป็น Real demand ชะลอตัว จากปัจจัยเศรษฐกิจ ภาระค่าใช้จ่าย หนี้ครัวเรือนกดดันกำลังซื้อ โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลาง-ล่าง กำลังซื้อหลักของตลาดคาดชะลอตัวต่อ 1-2 ปี นอกจากนี้อัตราดอกเบี้ยสูง การเข้าถึงสินเชื่อยาก ทำให้ Rejection rate สูงต่อเนื่อง ขณะที่ความต้องการซื้อเพื่อลงทุนปล่อยเช่าถูกกดดันจากมาตรการ LTV
อย่างไรก็ดี การโอนที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ในกลุ่มมือสองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากราคามือหนึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นตามต้นทุนพัฒนาโครงการ โดยที่อยู่อาศัยต่ำ 3 ล้านบาท มีแนวโน้มอยู่ไกลเมืองมากขึ้น ขนาดเล็กลง จากต้นทุนราคาที่ดินสูง ทำให้ผู้ซื้อหันมามองทำเลที่เดินทางเข้าเมืองได้สะดวก หรืออยู่ใกล้เมืองมากขึ้น
ขณะที่ การรักษาอัตรากำไรจากการพัฒนาที่อยู่อาศัยราคาต่ำทำได้ยากขึ้น ราคาที่ดินผนวกผังเมืองใหม่ทำให้ราคาที่ดินในเมืองเร่งตัวมากขึ้น หากลดต้นทุนด้วยการลดขนาดพื้นที่ใช้สอยก็มีความเสี่ยงที่จะขายได้ยาก!
นอกจากนี้ต้องติดตามสถานการณ์หน่วยเหลือขายสะสมของคอนโดมิเนียม และทาวน์เฮาส์ ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ใน BMR หลายพื้นที่ มีความหนาแน่นสูง มีความเสี่ยงที่อัตราดูดซับในพื้นที่จะลดลงตามกำลังซื้อที่ชะลอตัว โดยเฉพาะทาวน์เฮาส์ เผชิญกับความนิยมที่ลดลง และการแข่งขันจากคอนโดมิเนียมระดับราคาเดียวกัน
“SCB EIC มองว่าที่อยู่อาศัยไม่เกิน 3 ล้านบาท ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ยังมีความต้องการจากกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลาง-ล่าง (ต่ำกว่า 50,000 บาท/เดือน) โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม เพราะตอบโจทย์ด้านทำเลสะดวกต่อการเดินทางได้ดี”
โดยคอนโดมิเนียมราคา 2-3 ล้านบาท มีความต้องการสูงเพราะยังอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นกลางบางทำเล ติดสถานีรถไฟฟ้าสายสีเขียว หรือสายสีน้ำเงินบางสถานี และที่อยู่อาศัยมือสอง ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท มีแนวโน้มได้รับความนิยมสูงต่อเนื่อง จากปัจจัยด้านทำเลใกล้เมืองในราคาที่ต่ำกว่าการซื้อมือหนึ่ง
ดังนั้น ผู้ประกอบการต้องปรับกลยุทธ์เพื่อดึงดูดกำลังซื้อที่มีอยู่อย่างจำกัดและรับมือตลาดที่ยังคงชะลอตัว ด้วยการช่วยเหลือผู้ซื้อในการขอสินเชื่อ เช่น ให้ความรู้ คำปรึกษา ช่วยวางแผน หา Solution วางแผนเปิดโครงการราคาต่ำระมัดระวังยิ่งขึ้น ชะลอเปิดโครงการในพื้นที่เสี่ยง เน้นทำเลศักยภาพเท่านั้น พร้อมบริหารจัดการต้นทุน และสร้างความร่วมมือกับพันธมิตร
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้9ส.ค. “แข็งค่าเล็กน้อย” ที่ระดับ 35.28 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทแข็งค่าอย่างจำกัด เหตุยังมีความเสี่ยงการเมืองในประเทศรออยู่ ทำให้ฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติบางส่วนยังไม่รีบเข้าซื้อสินทรัพย์ไทย มองกรอบวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.15-35.35 บาท/ดอลลาร์
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้9ส.ค. 2567 ที่ระดับ 35.28 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 35.36 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทยแนวโน้มของค่าเงินบาท ในช่วงวันก่อนหน้า จนมาถึงช่วงเช้าวันนี้ เงินบาทได้ทยอยแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง มากกว่าที่เราคาดการณ์ไว้มาก หลังเงินบาทได้แข็งค่าหลุดโซนแนวรับ 35.30 บาทต่อดอลลาร์
อย่างไรก็ดี เรายังมองว่า Bullish Reversal Pattern หรือสัญญาณการกลับตัวอ่อนค่าของเงินบาทนั้น ยังไม่ถูกล้างไปโดยสิ้นเชิง ตราบใดที่เงินบาทยังสามารถแกว่งตัวแถวโซน 35.20-35.30 บาทต่อดอลลาร์ ได้
แต่เรายอมรับว่า หากไม่มีปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม เงินบาทก็อาจแกว่งตัว sideways ใกล้โซน 35.20-35.30 บาทต่อดอลลาร์ โดยเรามองว่า ในส่วนปัจจัยที่หนุนการแข็งค่าของเงินบาท อย่าง การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำนั้น ก็เริ่มชะลอลงได้บ้าง หลังผู้เล่นในตลาดเริ่มปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการเร่งลดดอกเบี้ยของเฟด ทำให้หากราคาทองคำจะสามารถปรับตัวขึ้นต่อได้ ก็อาจต้องเห็นสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ทวีความรุนแรงและเสี่ยงบานปลายมากขึ้น
ซึ่งเรามองว่า ต้องจับตาช่วงวันที่ 12-13 สิงหาคมนี้ ว่าอิหร่านและพันธมิตร Axis of Resistance จะเปิดฉากโจมตีอิสราเอลครั้งใหญ่ได้จริงหรือไม่ (หรืออย่างน้อยในช่วงระยะสั้นนี้)
อย่างไรก็ดี หากสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางทวีความรุนแรงและบานปลายมากขึ้นจริง ตลาดการเงินก็อาจเข้าสู่ภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) หนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ส่วนราคาน้ำมันดิบก็เสี่ยงพุ่งสูงขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันเงินบาทฝั่งอ่อนค่าและช่วยลดทอนอานิสงส์ฝั่งแข็งค่าของเงินบาท หากราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นได้
นอกจากนี้ เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทยังมีความเสี่ยงการเมืองในประเทศรออยู่ โดยเฉพาะในสัปดาห์หน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยคดีถอดถอนนายกรัฐมนตรี ทำให้ฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติในระยะนี้ อาจมีความผันผวน และนักลงทุนต่างชาติบางส่วนก็อาจยังไม่รีบเข้าซื้อสินทรัพย์ไทย จนกว่าความเสี่ยงการเมืองไทยจะคลี่คลายลง ทำให้เรามองว่า การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทก็อาจเป็นไปอย่างจำกัด
อย่างไรก็ดี เราอยากขอย้ำว่า ควรระวังความผันผวนจากการทยอย Unwind JPY Carry Trade หรือ สถานะ Short JPY (มองเงินเยนอ่อนค่า) เพิ่มเติม หลังเงินเยนญี่ปุ่นได้ผันผวนอ่อนค่าลงเหนือระดับ 147 เยนต่อดอลลาร์ อีกครั้ง ทำให้เงินเยนญี่ปุ่นมีโอกาสผันผวนแข็งค่าขึ้น กดดันเงินดอลลาร์และอาจหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทได้บ้าง
เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทยังมีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวนไปตาม การเปลี่ยนแปลงไปมาของปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางค่าเงินบาท อย่าง มุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด หรือ
การปรับสถานะ JPY Carry Trade/Short JPY ทำให้ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.15-35.35 บาท/ดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาททยอยแข็งค่าขึ้นบ้าง (แกว่งตัวในช่วง 35.22-35.41 บาทต่อดอลลาร์) หนุนโดยโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ (ซึ่งหนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่วันก่อนหน้า
และทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นมากกว่าที่เราประเมินไว้พอสมควร) หลังราคาทองคำ (XAUUSD) ทยอยปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องทดสอบโซนแนวต้านแถว 2,420-2,430 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำดังกล่าว
ได้ช่วยลดทอนแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าจากการกลับมาแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ หลังรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ลดลงมากกว่าคาด สู่ระดับ 2.33 แสนราย ช่วยให้ผู้เล่นในตลาดคลายกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ เสี่ยงชะลอตัวลงหนักและอาจเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ทั้งนี้ เรามองว่า ควรจับตาทิศทางเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ซึ่งอาจสร้างความผันผวนให้กับตลาดค่าเงิน เนื่องจากผู้เล่นในตลาดอาจทยอยกลับมาลดสถานะ Short JPY หรือ Unwind JPY-Carry Trade เพิ่มเติมได้ (รอจังหวะเงินเยนผันผวนอ่อนค่าลง)
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ พลิกกลับมาอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) หลังผู้เล่นในตลาดคลายกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจชะลอตัวลงหนักกว่าคาด จากรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ที่ออกมาดีกว่าคาด นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังได้แรงหนุนจากรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาสดใส อาทิ Eli Lilly +9.5% ทำให้โดยรวมดัชนี S&P500 พุ่งขึ้น +2.30%
ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 รีบาวด์ขึ้น +0.08% หลังในช่วงแรกปรับตัวลงหนักตามแรงขายหุ้นกลุ่มเทคฯ ก่อนที่จะรีบาวด์ขึ้นได้บ้าง หลังหุ้นกลุ่มเทคฯ สหรัฐฯ มีแนวโน้มรีบาวด์ขึ้นได้แรง นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังพอได้แรงหนุนจากรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนฝั่งยุโรปส่วนใหญ่ที่ออกมาสดใส
ในส่วนตลาดบอนด์ รายงานข้อมูลยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ที่ออกมาดีกว่าคาดนั้น ได้ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดทยอยลดความคาดหวังต่อการเร่งลดดอกเบี้ยของเฟด ดังจะเห็นได้จาก CME FedWatch Tool
ล่าสุด ผู้เล่นในตลาดมองว่า เฟดมีโอกาสราว 56% ที่จะลดดอกเบี้ยถึง 50bps ในการประชุมเดือนกันยายน ลดลงจากช่วงก่อนหน้าที่ผู้เล่นในตลาดเคยเชื่อว่าเฟดมีโอกาสเกิน 80% ที่จะลดดอกเบี้ยถึง 50bps ซึ่งภาพดังกล่าวได้หนุนให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นเข้าใกล้แนวต้าน 4.00% อีกครั้ง
สอดคล้องกับที่เราประเมินไว้ และเราคงมุมมองเดิมว่า การทยอยปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อความคาดหวังการเร่งลดดอกเบี้ยของเฟด อาจทำให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ผันผวนสูงขึ้นได้
โดยต้องจับตาโซนแนวต้าน 4.00% เพราะหากบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ สามารถทรงตัวเหนือระดับดังกล่าวได้ ก็อาจปรับตัวขึ้นต่อทดสอบโซนแนวต้านถัดไป 4.15%-4.20% ซึ่งเราคงแนะนำใช้กลยุทธ์ Buy on Dip รอจังหวะบอนด์ยีลด์ระยะยาวปรับตัวสูงขึ้น ในการทยอยเข้าซื้อ ตามเดิม
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ทยอยแข็งค่าขึ้น เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก หลังผู้เล่นในตลาดทยอยลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการเร่งลดดอกเบี้ยของเฟด อย่างไรก็ดี การแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ก็ถูกชะลอลงบ้าง ตามภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินทั้งในฝั่งสหรัฐฯ และฝั่งยุโรป ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 103.3 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 103-103.5 จุด)
อย่างไรก็ดี เรามองว่า ควรระวังความผันผวนจากการทยอย Unwind JPY-Carry Trade หลังเงินเยนมีจังหวะอ่อนค่าลงเหนือโซน 147 เยนต่อดอลลาร์ อีกครั้ง เปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดทยอยลดสถานะ Short JPY หรือ Unwind JPY-Carry Trade หนุนให้เงินเยนสามารถแข็งค่าขึ้นได้ไม่ยาก
ในส่วนของราคาทองคำ แม้ว่าเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จะทยอยปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางการปรับลดความคาดหวังการเร่งลดดอกเบี้ยของเฟด แต่ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) ก็สามารถทยอยปรับตัวขึ้นทดสอบโซน 2,460 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ซึ่งเรามองว่า แรงซื้อราคาทองคำบางส่วน อาจมาจากการเตรียมรับมือความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์จากปัญหาความขัดแย้งในตะวันออกกลางได้ หลังมีรายงานข่าวว่า อิหร่านและพันธมิตร Axis of Resistance อาจเปิดฉากโจมตีอิสราเอล ในช่วงวันหยุด Tisha B’Av 12-13 สิงหาคมนี้
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินภาพเศรษฐกิจจีนจากรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI และดัชนีราคาผู้ผลิต PPI เดือนกรกฎาคม
ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตารายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI เดือนกรกฎาคม ของเยอรมนี เพื่อประเมินแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อของยูโรโซน
และนอกเหนือจากปัจจัยดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดก็จะรอจับตารายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินได้ในช่วงนี้
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
เข่าลั่น หรือ สะบ้าเข่าตกร่อง มีเสียงเวลาเดิน ลุกนั่ง คืออะไร?
อาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นกับ เข่า มักจะเป็นผู้หญิงที่ประสบพบเจอกับปัญหานี้มากกว่าผู้ชาย ด้วยสรีระของผู้หญิงที่มีสะโพกผายมากกว่าผู้ชาย ส่งผลให้กล้ามเนื้อขายาวไปถึงข้อเข่ามีลักษณะโค้งนิดๆ ไม่ตรงพอดีกับกระดูกด้านในเหมือนผู้ชาย และด้วยปัญหานี้ทำให้ผู้หญิงเกิดปัญหา เข่าลั่น หรือข้อเข่ามีเสียงดังเปรี๊ยะๆ เวลาเดิน หรือลุกนั่งจากพื้น หรือเก้าอี้ต่ำๆ ได้
อาการ “เข่าลั่น” เกิดจากอะไร?
นพ. จตุพล คงถาวรสกุล ผู้เชี่ยวชาญสาขาศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิกส์ อธิบายว่า อาการเข่ามีเสียงเวลาเดิน หรือลุกนั่ง เกิดจากการที่ลูกสะบ้าที่รับกับกระดูกเข่ามีการเคลื่อนตัวยามขยับ เกิดขึ้นได้กับคนที่อายุ 25-40 ปี โดยส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ด้วยเหตุสรีระของผู้หญิงที่ทำให้ลักษณะของกล้ามเนื้อเข่างอเข่านิดๆ จนทำให้ลูกสะบ้าที่รับกับกระดูกที่เข่าเกิดการเคลื่อนตัวขึ้นได้
เข่าลั่น รักษาได้ด้วยการออกกำลังสะโพก
เมื่อต้นเหตุ มาจากสรีระของสะโพก ดังนั้นการออกกำลังสะโพก เพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อสะโพกยาวไปถึงเข่า จึงช่วยให้การขยับขาไม่ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณเข่าพลิกออกจากลูกสะบ้าได้ง่าย ช่วยให้ลูกสะบ้าไม่เลื่อนตกร่องจนเกิดเสียงลั่น
ท่าออกกำลัง ที่ทำให้กล้ามเนื้อขาช่วงเข่าแข็งแรงขึ้น คือ การนั่งบนเก้าอี้ แล้วยกขาให้ตึงค้างเอาไว้ 10 วินาที และการยืนแล้วเหยียดขาข้างที่มีอาการไปทางด้านหลังให้ตึงแล้วค้างไว้ 10 วินาที อาจทำท่าละ 10 ครั้ง
สำหรับท่าออกกำลังสะโพกที่ทำให้กล้ามเนื้อสะโพกแข็งแรง รวมไปถึงกล้ามเนื้อข้างเข่าแข็งแรงด้วย คือการนอนตะแคง เหยียดขาตรง แล้วยกขึ้นกลางอากาศข้างไว้ 10 วินาที 10 ครั้ง และท่านอนตะแคง งอเข่าเล็กน้อย แล้วแหกขาให้ต้นขาด้านในเปิดออก ยกค้างไว้ 10 วินาที 10 ครั้ง ทุกวัน ราว 80-90% ของผู้ที่มีอาการเข่าลั่น เมื่อทำท่ากายบริการเหล่านี้ มักจะมีอาการที่ดีขึ้น หรือไม่มีอาการอีกเลยภายในระยะเวลา 8 เดือน
นอกจากนี้ การออกกำลังกายตามปกติ รักษาน้ำหนักของร่างกายให้อยู่ในเกณฑ์ปกติอยู่เสมอ รวมไปถึงการทานอาหารที่ช่วยบำรุงกระดูกอย่าง นม ไข่ ปลาเล็กปลาน้อย ที่มีแคลเซียมมาก และการได้รับวิตามินดีจากแสงแดดอ่อนๆ ในตอนเช้า ก็ช่วยบำรุงกระดูกจากภายในให้แข็งแรงขึ้นได้เช่นเดียวกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
“ผักไฮโดรโปนิกส์” อันตรายกว่า “ผักทั่วไป” จริงหรือไม่
ต้องยอมรับว่ากระแสการรักสุขภาพนั้นเป็นกลายเป็นกระแสหลักที่ยาวนานต่อเนื่องไปเสียแล้ว ดังนั้นการเลือกรับประทานอาหารให้มีประโยชน์ต่อร่างกายมากที่สุดจึงเป็นเรื่องจำเป็น “ผัก” ก็เป็นอาหารที่มีประโยชน์ ซึ่งในปัจจุบันผักที่วางจำหน่ายก็มีการปลูกด้วยหลากหลายวิธี “ผักไฮโดรโปนิกส์” ก็เป็นผักอีกประเภทหนึ่งที่กลายเป็นทางเลือกสำหรับคนรักสุขภาพ แต่อย่างไรก็ตามก็ยังมีการพูดกันว่าผักไฮโดรโปนิกส์นั้นปลูกในน้ำที่มีสารเคมี จึงจะมีสารเคมีตกค้าง เรื่องนี้ความจริงเป็นอย่างไร เพจอ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ ได้มีการโพสต์รายละเอียดไว้ดังนี้
ภาพอินโฟกราฟฟิคที่กล่าวหาว่า “พืชผักไฮโดรโปนิกส์อันตราย” นั้นกลับมาแชร์กันใหม่อีกแล้ว ซึ่งผมก็เคยพูดหลายทีแล้วว่า ผักไฮโดรโปนิกส์มันไม่ได้อันตรายอย่างที่ว่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเป็นการปลูกที่ได้มาตรฐานตามหลักการที่ยอมรับกันโดยสากล ก็มั่นใจได้ว่าไม่ได้มีสารอันตรายตกค้างอะไรที่ว่านั้นเพื่อเสริมความมั่นใจมากขึ้น ขอเอาบทความจาก สสส. มาแชร์ให้อ่านด้วยแล้วกันครับ
กระแสการกินผักไฮโดรโปนิกส์ หรือผักที่ปลูกในน้ำ กินแล้วอาจเพิ่มความเสี่ยงทำให้เป็นมะเร็ง เพราะมีสารไนเตรทตกค้าง ข่าวนี้สร้างกระแสตื่นกลัวกับนักนิยมกินผักโดยเฉพาะกินสลัดผัก ทำให้สับสน ไม่แน่ใจที่จะกินผักต่อไปดีหรือไม่
แต่ที่สำคัญข่าวนี้มีผลกระทบต่อผู้ปลูกผักไฮโดรฯอยู่ทั่วประเทศ จึงเกิดคำถามตามมาว่า ผักไฮโดรฯที่ปลูกในน้ำ กับผักที่ปลูกดินอันไหนปลอดภัยกว่ากัน? สารไนไตรทที่ตกค้างในผักไฮโดรฯก่อมะเร็งได้จริงหรือ? แล้วผักปลูกดินมีไนเตรทไหม? สุดท้ายจะปลูกและบริโภคผักไฮโดรฯอย่างไรให้ปลอดภัยได้ประโยชน์มากที่สุด?
ณ วันนี้ ยังไม่มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ หรืองานวิจัยสำนักใดในโลกออกมายืนยันว่า กินผักไฮโดรโปนิกส์แล้วทำให้เป็นมะเร็ง หรือสารไนเตรทที่ตกค้างในผักไฮโดรฯเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งในคน การนำงานวิจัยสารไนเตรทถ้ากินมากจะนำไปสู่มะเร็ง มาผูกโยงกับการพบไนเตรทในผัก ไฮโดรฯ แล้วรีบด่วนสรุปบอกสาธารณะนั้น เป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดความสับสน และเร็วเกินไปที่จะสรุป
ความเป็นจริงที่ต้องยอมรับคือ ทั้งผักที่ปลูกในน้ำและผักปลูกดินล้วนมีสารไนเตรทตกค้างอยู่ทั้งนั้น แต่โดยทั่วๆ ไปจากงานวิจัยหลายชิ้นค้นพบว่า ผักไฮโดรฯจะพบสารไนเตรทมากกว่าผักปลูกดินเพียงเล็กน้อย แต่ยังอยู่ในระดับได้มาตรฐานและปลอดภัยของยุโรปและอเมริกาที่จะบริโภค เวลาปลูกผักไม่ว่าจะปลูกในน้ำหรือบนดิน ล้วนต้องใช้ปุ๋ยด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ใช้ปลูกเมล็ดในผักปลูกดิน ส่วนผักปลูกน้ำใช้สารละลายแร่ธาตุ ซึ่งปุ๋ยทั้งสองชนิดย่อมมีองค์ประกอบที่เหมือนกันคือ มีแร่ธาตุหลัก ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม เพราะเป็นสารอาหารที่พืชต้องการนำไปสร้างความเจริญเติบโต เช่นเดียวกับคนที่ต้องกินอาหารเพื่อให้ได้สารอาหารสารพัดชนิดไปหล่อเลี้ยงร่างกายให้เจริญเติบโตความเข้มข้นของสารไนเตรทที่อยู่ในผักไฮโดรฯขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ได้แก่ ถ้าปลูกในพื้นที่ที่มีความเข้มข้นของแสงแดดมาก จะมีการสะสมไนเตรทได้น้อยกว่าปลูกในพื้นที่ที่มี
ความเข้มข้นของแสงแดดน้อย ดังนั้นโดยทั่วไปผักไฮโดรฯที่ปลูกในประเทศไทยซึ่งมีแดดออกตลอดทั้งปีมักจะพบสารไนเตรทน้อยกว่าที่ปลูกแถบตะวันตกที่มีแสงแดดน้อยกว่า อีกปัจจัยหนึ่งคือการใช้สารละลายแร่ธาตุใส่ลงไปในน้ำที่ปลูกผักไฮโดรฯ ถ้าเข้มข้นมากก็ย่อมจะพบสารไนเตรทได้สูงตามไปด้วย แต่แม้จะเข้มข้นอย่างไร ธรรมชาติของผักก็ย่อมจะดูดสารอาหารไปใช้เท่าที่พอกับความต้องการ นอกจากนี้ช่วงเวลาการเก็บตอนสายๆ และเก็บแล้วทิ้งผักไว้ในระยะเวลานานจะสะสมไนเตรทน้อยกว่าเก็บตอนเช้ามืดและผักที่เก็บไว้ในระยะสั้นๆ การเปลี่ยนสารไนเตรทเป็นไนไตรท์ในพืชผักนั้น เป็นไปได้ค่อนข้างน้อย
ดังนั้นเราควรไประมัดระวังสารไนไตรทและไนเตรท์จากอาหารประเภทเนื้อสัตว์หมักที่ชอบเติมสารไนไตรทลงไปเพื่อใช้เป็นสารกันบูดมากกว่า เช่น ไส้กรอก แหนม หมูยอ กุนเชียง แฮม เบคอน ปลาส้ม ปลาร้า เป็นต้นสรุปผักไฮโดรฯกินได้ แต่ถ้าจะกินผักทั้งปลูกดินและในน้ำให้ปลอดภัยและได้ประโยชน์สูงสุด ควรจะกินผักหลายชนิด เพื่อให้ได้สารอาหารที่หลากหลาย ล้างผักให้สะอาดทุกครั้ง ควรหาโอกาสกินผักพื้นบ้านเป็นประจำ และเดินทางสายกลางแห่งการกินผัก เราจะได้ชื่อว่าเป็นคนฉลาดกินผักครับ
ข้อมูลจาก http://www.thaihealth.or.th/Content/41025-ผักไฮโดรโปนิกส์กับคุณค่าทางโภชนาการ.html
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ขึ้นโพเดียมต่อเนื่อง! “วีรพล” ผงาดคว้าเหรียญเงินยกน้ำหนักโอลิมปิก
“เวฟ” วีรพล วิชุมา จอมพลังไทย คว้าเหรียญเงินยกน้ำหนักชายโอลิมปิก 2024 และเป็นเหรียญรางวัลที่ 3 ของทัพจอมพลังไทย
การแข่งขันกีฬายกน้ำหนักในโอลิมปิกเกมส์ “ปารีส 2024“ ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2567 ทีมไทยส่งจอมพลังชิงชัย 2 รุ่น ได้แก่ “เวฟ” วีรพล วิชุมา รุ่น 73 กิโลกรัมชาย วัย 19 ปี ลงชิงชัยโอลิมปิกสมัยแรก ผลงานล่าสุดเหรียญเงินเอเชียนเกมส์ 2022 และเจ้าของ 2 ทอง 1 เงิน ศึกชิงแชมป์โลก 2022 ที่ซาอุดีอาระเบีย
ปรากฏว่า ท่าสแนตช์ วีรพล ยกผ่านครั้งที่ 1 เพียงครั้งเดียว สถิติ 148 กิโลกรัม หลังครั้งที่ 2 และ 3 เรียกเหล็ก 152 กิโลกรัม แต่ยกไม่ผ่าน
ขณะที่ ท่าคลีนแอนด์เจิร์ก จอมพลังไทย เรียกเหล็ก 190, 194 และ 198 กิโลกรัม ยกผ่านไปได้ทั้งหมด เป็นการทุบสถิติเยาวชนโลก (จูเนียร์ เวิลด์ เรคคอร์ด) น้ำหนักรวม 346 กิโลกรัม
โดยเหรียญทอง เป็นของ จูเนียนเชียห์ ริซกี้ จากอินโดนีเซีย ท่าสแนตช์ ยกได้ 155 กิโลกรัม ท่าคลีนแอนด์เจิร์ก ยกได้ 199 กิโลกรัม ทำลายสถิติโอลิมปิก น้ำหนักรวม 354 กิโลกรัม
เหรียญทองแดง ดิมิตรอฟ โบซิดาร์ อันเดรฟ จากบัลแกเรีย ท่าสแนตช์ ยกได้ 154 กิโลกรัมคลีนแอนด์เจิร์ก ยกได้ 190 กิโลกรัม ทำน้ำหนักรวม 344 กิโลกรัม
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
เฉลยแล้ว เมกะบิต (Mb) กับ เมกะไบต์ (MB) ต่างกันอย่างไร
มารู้จักกับ 1MB กับ 1Mb เท่ากันหรือไม่ ต่างกันตรงไหน ก่อนที่จะงงและใช้กันแบบสับสน
สำหรับคนที่เรียนวิชาคอมพิวเตอร์มาในยุคก่อน ก็จะมีการแนะนำเกี่ยวกับค่าที่สำคัญนั่นคือ MB หรือ MegaByte กับ Mb หรือ Megabit ที่หลายคนอาจจะลืมไปแล้วว่ามันต่างกันยังไง หน่วยเหล่านี้มีความสัมพันธ์กับเราแค่ไหน วันนี้ Sanook Hitech จะมาเฉลยกัน
เมกะบิต กับ เมกะไบต์ ต่างกันอย่างไร
จริงๆ แล้วมัตต่างกันตรงหน่วย ที่เขียนเหมือนกัน แต่ความจริงนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิ่ง เช่น
- MB ย่อมาจาก Megabyte เป็นหน่วยวัดขนาดข้อมูล โดย 1 MB เท่ากับ 1,024 Kilobytes (KB)
- Mb ย่อมาจาก Megabit เป็นหน่วยวัดอัตราการส่งข้อมูล โดย 1 Mb เท่ากับ 1,024 Kilobits (Kb)
ความแตกต่างที่ต้องรู้คือ
- Megabyte (MB) ใช้บอกขนาดของไฟล์ เช่น รูปภาพ วิดีโอ หรือขนาดพื้นที่เก็บข้อมูล
- Megabit (Mb) ใช้บอกความเร็วในการรับส่งข้อมูล เช่น ความเร็วอินเทอร์เน็ต
ยกตัวอย่างในการจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายๆ ลองนึกถึงถนนและรถยนต์
- MB = ขนาดของถนน ถนนที่กว้างกว่า (MB มากกว่า) ก็สามารถรองรับรถยนต์ได้มากกว่า
- Mb = ความเร็วของรถยนต์ รถยนต์ที่เร็วกว่า (Mb มากกว่า) ก็สามารถเดินทางได้ไกลกว่าในเวลาเท่ากัน
เมื่อรู้แบบนี้หวังว่าจะไม่สับสนถ้าจะเรียกใช้งานกันนะครับ ครั้งหน้า Sanook Hitech จะมีเรื่องราวอะไรมาบอกเล่ากันต่ออย่าลืมกลับมาติดตามกันครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
คำถามสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษที่เจอได้บ่อยพร้อมแนวทางการตอบ
การสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษอาจทำให้หลาย ๆ คนรู้สึกกังวล แต่ไม่ต้องห่วงหากคุณมีการเตรียมพร้อมกับคำถามที่อาจจะเจอ เพียงเท่านี้การสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษก็จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
วันนี้ วอลล์สตรีท อิงลิช จะพาไปรีวิวคำถามสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษที่พบได้บ่อยกัน
Could you tell me about yourself?
ช่วยแนะนำตัวเองให้ฟังหน่อย
แนวทางการตอบ
- แนะนำข้อมูลเบื้องต้นของตัวเองที่สำคัญให้กระชับได้ใจความ
- เล่าเกี่ยวกับประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมา ตำแหน่งความรับผิดชอบ หรือการศึกษาที่จบมา ว่ามีประโยชน์อย่างไรกับสายงานนี้
- แสดงความมั่นใจว่าประสบการณ์ของคุณเหมาะสมที่จะสามารถทำงานในตำแหน่งนี้ได้
ตัวอย่างคำตอบ
Hello, my name is [ชื่อของคุณ]. I am currently working as a [ตำแหน่งงานของคุณ] with [จำนวนปี] years of experience in the [สาขาของงาน] industry. My responsibilities are including [หน้าที่รับผิดชอบในตำแหน่ง]. I’m confident that my skills and experience would be a valuable asset to your team.”
What are your greatest strengths?
อะไรคือจุดแข็งของคุณ ?
แนวทางการตอบ
ยกจุดเด่นของคุณที่มองว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการทำงานในตำแหน่งที่สมัครมาพูด ความถนัด ทัศนคติ ความเป็นมืออาชีพ
ตัวอย่างคำตอบ
One of my greatest strengths is my [จุดแข็ง]. For example, in my previous role, I was able to [ยกตัวอย่างผลงานที่แสดงถึงจุดแข็ง]. I am confident that my skills will be beneficial to the team.
Why do you want to work here?
ทำไมคุณถึงอยากเข้าทำงานที่นี่ ?
แนวทางการตอบ
เล่าถึงสิ่งที่น่าสนใจในบริษัท และบอกถึงความมั่นใจว่าความสามารถของคุณในการทำงานจะช่วยพัฒนาบริษัทนี้ได้ โดยหากคุณทำการศึกษาข้อมูลเบื้องต้นบริษัทมาก่อนจะยิ่งมีความได้เปรียบ
ตัวอย่างคำตอบ
I’m interested in working at [ชื่อบริษัท] because [เหตุผลที่สนใจบริษัท]. I’m convinced that my contributions would be highly beneficial to your team.
Why did you leave your last job?
ทำไมคุณถึงอยากเข้าทำงานที่นี่ ?
แนวทางการตอบ
เล่าถึงสิ่งที่น่าสนใจในบริษัท และบอกถึงความมั่นใจว่าความสามารถของคุณในการทำงานจะช่วยพัฒนาบริษัทนี้ได้ โดยหากคุณทำการศึกษาข้อมูลเบื้องต้นบริษัทมาก่อนจะยิ่งมีความได้เปรียบ
ตัวอย่างคำตอบ
I’m interested in working at [ชื่อบริษัท] because [เหตุผลที่สนใจบริษัท]. I’m convinced that my contributions would be highly beneficial to your team.
Why did you leave your last job?
ทำไมคุณถึงลาออกจากที่ทำงานเก่า ?
แนวทางการตอบ
นอกจากจะบอกเหตุผลที่ลาออกตามสมควรแล้วควรพูดถึงเป้าหมายในการหางานใหม่ของคุณด้วย ตัวอย่าง เช่น มองหาความท้าทาย ต้องเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ ๆ
ตัวอย่างคำตอบ
I left my previous job because [เหตุผลที่ลาออก]. I was looking for a new challenge and an opportunity to [เป้าหมายในการหางานใหม่]
How do you deal with pressure or stressful situations?
คุณมีวิธีจัดการกับความกดดัน และความเครียดอย่างไรบ้าง
แนวทางการตอบ
ควรตอบคำถามนี้อย่างมั่นใจ เพื่อแสดงให้เห็นว่าคุณมีความเป็นมืออาชีพมากพอในสถานการณ์จริง โดยแต่ละคนจะมีวิธีรับมือที่แตกต่างกัน ค่อย ๆ ตอบวิธีการรับมืออย่างเป็นขั้นเป็นตอน
ตัวอย่างคำตอบ
Instead of pointing something , my first reaction was to take a step back and figure out some strategies around and see if we could solve the problem step-by-step. Previously, I may feel panic handling this kind of situaition, so being calm and try to find out the root clause of the issues reasonably could help me cope with the tough situation.
What are your salary expectations?
คุณคาดหวังเงินเดือนเท่าไหร่ ?
แนวทางการตอบ
คุณควรเช็กฐานเงินเดือนของตำแหน่งที่สนใจให้แน่ใจก่อนว่าเป็นไปตามความคาดหวัง ของคุณหรือไม่ โดยสามารถดูเบื้องต้นได้จากเว็บหางานโดยทั่วไป
ตัวอย่างคำตอบ
Based on my skills and experience and the current industry rates. I’m looking for a salary in the range of [ช่วงเงินเดือนที่คาดหวัง].
Tell me about a time you worked on a team project.
เล่าเกี่ยวกับช่วงเวลาที่คุณทำงานกับทีมโปรเจค
แนวทางการตอบ
อธิบายถึงหน้าที่การทำงานรวมถึงความรับผิดชอบในทีมของคุณ อธิบายการดำเนินงานภายในทีมรวมไปถึงผลลัพท์หลังการทำงาน
ตัวอย่างคำตอบ
In my previous role, I was part of a team that was responsible for [อธิบายหน้าที่การทำงาน]. My role was to [อธิบายหน้าที่ความรับผิดชอบ]. We were able to [อธิบายผลลัพธ์ของของการดำเนินงานครั้งนั้น].
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 09/08/2567
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 40,300.00 | 40,400.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,610.00 | 39,567.60 | 40,900.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 2,349.00 | 35,610.84 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 2,088.00 | 31,654.08 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 1,175.00 | 17,813.00 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 914.00 | 13,856.24 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,705.00 | 41,007.80 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 09/08/2567
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 37.05 | 37.05 | 37.85 | 37.05 | 37.05 | 37.05 | 37.05 | 37.05 | 37.05 | 37.05 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 36.68 | 36.68 | 37.48 | 36.68 | 36.68 | 36.68 | 36.68 | 36.68 | 36.68 | 36.68 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 34.94 | 34.94 | 35.84 | 34.94 | 34.94 | – | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 34.69 | 34.69 | – | – | – | – | – | – | – | 34.69 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 45.64 | 49.84 | 49.84 | 49.84 | – | – | – | – | – | 45.64 |
เบนซิน 95 | 44.94 | – | – | – | 49.81 | – | 45.44 | 45.09 | – | 44.94 |
ดีเซล | 32.94 | 32.94 | 33.24 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 44.94 | 47.14 | 49.84 | 47.14 | 47.14 | – | – | – | – | 44.94 |
แก๊ส NGV | 19.59 | 19.59 | – | – | – | – | – | – | – | 19.59 |