ภูเก็ตบูม ฮาบิแทท กรุ๊ป ทุ่ม 2,800 ล้าน ส่ง วิลล่า-คอนโด ลักชัวรี ลุยหาดบางเทา
“ฮาบิแทท กรุ๊ป” มั่นใจตลาดอสังหาฯ-ท่องเที่ยวภูเก็ต โตก้าวกระโดด ส่ง “วิลล่า-คอนโด”ลักชัวรี มูลค่า 2,800 ล้านบาท ปักธงหาดบางเทา
นายชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ รุกแผนขยายการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ มาในจังหวัดภูเก็ตเป็นครั้งแรก ด้วยการเปิดตัว 2 โครงการใหม่ บนทำเลหาดบางเทา อ.ถลาง จ.ภูเก็ต กับโครงการ “ไฮแลนด์ ปาร์ค เรสซิเดนซ์ หาดบางเทา ภูเก็ต” (Highland Park Residences Bangtao Beach-Phuket) ซึ่งเป็นลักชัวรีวิลล่าหรู และโครงการ “แคสเคด หาดบางเทา ภูเก็ต” (Cascade Bangtao Beach-Phuket) คอนโดมิเนียมลักชัวรีโลว์ไรส์ ซึ่งทั้ง 2 โครงการมีมูลค่ารวมกว่า 2,800 ล้านบาท
“ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีโครงการลักชัวรีวิลล่า เปิดตัวในทำเลหาดบางเทาไม่มากนัก ดังนั้นดีมานด์ของลักชัวรีวิลล่าจึงมีสูงมาก ประกอบกับปัจจุบันที่กลุ่มต่างชาติไม่ว่าจะเป็นรัสเซีย จีน ฮ่องกง จำนวนมากมองหาทำเลที่พักอาศัยในย่านหาดบางเทา โดยทั้งสองโครงการชูจุดเด่นเรื่องของสเปซขนาดใหญ่ มีความเป็นส่วนตัว และเพียง 700 เมตรถึงชายหาดบางเทา”
นอกจากนี้หลังสถานการณ์โควิด-19 เป็นต้นมา ภูเก็ตนับเป็นจังหวัดที่เติบโตอย่างมากทั้งด้านเศรษฐกิจ และการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับการตอบรับจากลูกค้าคนไทยและชาวต่างชาติ พร้อมกันนี้ศักยภาพของเมืองภูเก็ตยังได้รับการผลักดันจากรัฐบาลภายใต้แผนพัฒนาจังหวัดภูเก็ต 5 ปี (2566-2570) เตรียมพร้อมเป็นโกลบอลซิตี้
“เห็นได้ว่าในอีก 5 ปีข้างหน้าภูเก็ตจะเป็นเมืองที่มีศักยภาพอย่างมากทั้งด้านเศรษฐกิจ จึงเป็นโอกาสอย่างมากสำหรับการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อรองรับเมืองที่กำลังขยายตัวนี้ สำหรับแนวโน้มความต้องการที่อยู่อาศัยในภูเก็ตของชาวต่างชาติ พบว่า ยังมีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง โดยกลุ่มหลักยังเป็นชาวรัสเซียที่ครองแชมป์ซื้ออสังหาฯ ในภูเก็ตมากที่สุด และส่วนใหญ่มีความต้องการพักอาศัยแบบวิลล่า นอกจากนี้เป็นกลุ่มลูกค้าชาวจีน, ฮ่องกง, สิงคโปร์ และไทย”
โดยโครงการ “ไฮแลนด์ ปาร์ค เรสซิเดนซ์ หาดบางเทา ภูเก็ต” (Highland Park Residences Bangtao Beach-Phuket) เวเคชัน พูลวิลล่าหรูสไตล์โมเดิร์น มูลค่าโครงการ 1,150 ล้านบาท บนเนื้อที่กว่า 7-3-47.2 ไร่ ประกอบด้วยลักชัวรีวิลล่าเพียง 21 หลัง ราคาเริ่มต้น 45 ล้านบาท
ส่วนโครงการ “แคสเคด หาดบางเทา ภูเก็ต” (Cascade Bangtao Beach-Phuket) คอนโดมิเนียมลักชัวรีโลว์ไรส์ มูลค่าโครงการ 1,650 ล้านบาท ตั้งอยู่บนพื้นที่ 3-1-8.70 ไร่ ติดกับโครงการไฮแลนด์ ปาร์ค เรสซิเดนซ์ หาดบางเทา ภูเก็ต เป็นคอนโดมิเนียม 6 ชั้น จำนวน 2 อาคาร รวมจำนวน 73 ยูนิต เน้นความเป็นส่วนตัว ราคาเริ่มต้น 15.5 ล้านบาท
ทั้งนี้ การตัดสินใจเลือกทำเลหาดบางเทา นายชนินทร์ กล่าวว่า มาจากหลายปัจจัยด้วยกัน เริ่มที่ทำเลที่ตั้งโครงการซึ่งมีศักยภาพสูง เป็นที่นิยมของคนไทยและต่างชาติที่มองหาบ้านพักตากอากาศ และเป็นทำเลหายากในปัจจุบัน ซึ่งโดยรอบยังแวดล้อมด้วยแหล่งแฮงเอ้าท์และสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ
คอมมูนิตี้มอลล์ ซูเปอร์มาร์เก็ต โรงแรม 5 ดาวและสนามกอล์ฟระดับโลกหลายแห่ง อีกทั้งเดินทางเพียง 20 นาทีถึงสนามบินนานาชาติภูเก็ต
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ราคาที่ดินชานเมืองพุ่งรับดีมานด์บ้านบูมนครปฐมพลิกแซงบางพลี-บางบ่อ
ราคาที่ดินชานเมืองของกรุงเทพฯ-ปริมณฑลพุ่งรับดีมานด์บ้านบูมต่อเนื่อง ไตรมาส 3 ปี66 โซนนครปฐมพุ่ง62.5% สูงกว่าบางพลี-บางบ่อ-บางเสาธงสะท้อนการขยายตัวการพัฒนาโครงการบ้านขยายสูู่นอกเมืองเพิ่มขึ้น ส่วนที่ดินแนวเส้นทางที่มีรถไฟฟ้าสายสีเขียวยืนหนึ่ง
วิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เปิดเผยว่า ปัจจัยที่ทำให้ราคาที่ดินเปล่ามีการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลง ผลจากปัจจัยลบต่าง ๆ โดยเฉพาะการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. ที่ปรับขึ้นมาที่ระดับร้อยละ 2.50 ในวันที่ 27 ก.ย. 2566 ปรับขึ้นมาแล้ว 5 ครั้งตั้งแต่ต้นปี 2566 อีกทั้งการยกเลิกการผ่อนคลายมาตรการ LTV ของ ธปท. และภาวะหนี้สินครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูงเกินกว่าร้อยละ 90 ของ GDP
ซึ่งเป็นปัจจัยลบที่ส่งผลต่อกำลังซื้อทั้งสิ้น ทำให้กำลังซื้อที่อยู่อาศัยชะลอตัว ผู้ประกอบการส่วนหนึ่งมีการชะลอแผนการเปิดขายโครงการใหม่ จึงอาจต้องชะลอการซื้อที่ดินเปล่าเพื่อการพัฒนาลงไปด้วย ประกอบกับรัฐบาลได้ประกาศจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเต็มอัตราในปี 2566 จึงอาจทำให้ความต้องการในการซื้อที่ดินสะสมใน Land Bank ของผู้ประกอบการลดลง เนื่องจากการซื้อที่ดินสะสมไว้จะมีภาระที่ต้องจ่ายภาษีที่ดินฯ ทำให้เกิดต้นทุนจากการถือครองที่ดิน ซึ่งจะกลายเป็นต้นทุนในการพัฒนาโครงการในระยะต่อไป
- อันดับ 1 ได้แก่ ที่ดินในโซนนครปฐมมีอัตราการเปลี่ยนราคามากถึงร้อยละ 62.5
- อันดับ 2 ได้แก่ ที่ดินในโซนบางพลี-บางบ่อ-บางเสาธง มีอัตราการเปลี่ยนราคาร้อยละ 22.3
- อันดับ 3 ได้แก่ ที่ดินในโซนเมืองสมุทรปราการ-พระประแดง-พระสมุทรเจดีย์ มีอัตราการเปลี่ยนราคา ร้อยละ 17.9
- อันดับ 4 ได้แก่ ที่ดินในโซนตลิ่งชัน-บางแค-ภาษีเจริญ-หนองแขม-ทวีวัฒนา-ธนบุรี-คลองสาน-บางพลัด-บางกอกน้อย-บางกอกใหญ่ มีอัตราการเปลี่ยนราคา ร้อยละ 14.9
- อันดับ 5 ได้แก่ ที่ดินในโซนกรุงเทพชั้นใน มีอัตราการเปลี่ยนราคาร้อยละ 6.8
“จากภาวะราคาที่ดินที่มีการเปลี่ยนแปลงข้างต้น สะท้อนให้เห็นว่า ที่ดินที่อยู่บริเวณพื้นที่ชานเมืองของกรุงเทพฯและปริมณฑลมีการเปลี่ยนแปลงของราคาที่สูงกว่าในเขตชั้นใน เนื่องจากมีแผนงานที่จะการพัฒนาโครงการสำคัญในพื้นที่จังหวัดในปริมณฑลมากขึ้น”
โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดนครปฐม ประกอบกับราคาที่ดินที่อยู่บริเวณพื้นที่ชานเมืองยังราคาไม่สูงนัก และสามารถนำไปใช้ในการพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยแนวราบที่อยู่อาศัยให้สอดคล้องกับความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัยของผู้ซื้อที่ต้องการที่อยู่อาศัยแบบแนวราบได้ ทั้งนี้จากข้อมูลสำรวจที่อยู่อาศัยในช่วงครึ่งแรกของ ปี 2566 จะพบว่าโซนเหล่านี้เป็นโซนที่มีการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยใหม่เป็นจำนวนมาก และที่สำคัญเป็นโซนที่มียอดขายใหม่สูงเป็นระดับต้นๆ อีกด้วย
สำหรับราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนาในแนวเส้นทางที่มีรถไฟฟ้าผ่านในไตรมาสที่ 3 ปี 2566 นี้ พบว่าเส้นทางรถไฟฟ้า 5 อันดับแรกที่มีอัตราการขยายตัวของราคาที่ดินเพิ่มขึ้นสูงสุดเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน (YoY) ส่วนใหญ่เป็นที่ดินที่มีโครงการรถไฟฟ้าเปิดให้บริการแล้ว และเป็นโครงการในอนาคตที่มีการเชื่อมต่อกับพื้นที่สำคัญด้านพาณิชยกรรมและเป็นพื้นที่ที่มีการพัฒนาโครงการอยู่ในปัจจุบัน โดยมีรายละเอียด ดังนี้
อันดับ 1 ได้แก่ สายสีเขียว (สมุทรปราการ-บางปู) และ สายสีเขียว (แบริ่ง-สมุทรปราการ) เป็นโครงการในอนาคตและโครงการที่เปิดให้บริการแล้ว ซึ่งมีค่าดัชนีเท่ากับ 254.9 จุด และ 251.1 จุด ตามลำดับ และอัตราการขยายตัวของราคาที่ดินเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.9 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยราคาที่ดินในเขตเมืองสมุทรปราการและพระสมุทรเจดีย์ เป็นบริเวณที่มีราคาปรับเพิ่มขึ้นมาก
อันดับ 2 ได้แก่ สายสีแดงอ่อน (ตลิ่งชัน-ศาลายา) เป็นโครงการในอนาคต ซึ่งมีค่าดัชนีเท่ากับ 430.0 จุด และอัตราการขยายตัวของราคาที่ดินเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.5 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยราคาที่ดินในเขตทวีวัฒนา บางกรวย และพุทธมณฑลเป็นบริเวณที่มีราคาปรับเพิ่มขึ้นมาก
อันดับ 3 ได้แก่ สายสีน้ำเงิน (บางแค-สาย 4) เป็นโครงการในอนาคต ซึ่งมีค่าดัชนีเท่ากับ 428.8 จุด และอัตราการขยายตัวของราคาที่ดินเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.9 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยราคาที่ดินในเขตหนองแขมและบางแคเป็นบริเวณที่มีราคาปรับเพิ่มขึ้นมาก
อันดับ 4 ได้แก่ สายสีน้ำเงิน (หัวลำโพง-บางแค) สายสีทอง (ธนบุรี-ประชาธิปก) เป็นโครงการที่เปิดให้บริการแล้ว และสายสีส้ม (ตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรม) เป็นโครงการในอนาคต ซึ่งมีค่าดัชนีเท่ากับ 502.4 , 495.2 และ 487.6 จุด ตามลำดับ โดยมีอัตราการขยายตัวของราคาที่ดินเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.6 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) ทั้งนี้มีราคาที่ดินในเขตบางกอกน้อย ธนบุรี คลองสาน และห้วยขวาง เป็นบริเวณที่มีราคาปรับเพิ่มขึ้นมาก
อันดับ 5 ได้แก่ สายสีแดงอ่อน (บางซื่อ-ตลิ่งชัน) เป็นโครงการที่เปิดให้บริการแล้ว ซึ่งมีค่าดัชนีเท่ากับ 479.8 จุด และอัตราการขยายตัวของราคาที่ดินเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.3 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยราคาที่ดินในเขตบางซื่อ และบางกรวยเป็นบริเวณที่มีราคาปรับเพิ่มขึ้นมาก
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 1พ.ย. “อ่อนค่า”ที่ระดับ 36.12 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทเผชิญแรงกดดันเพิ่มเติมจากโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในช่วงย่อตัว หลังเงินดอลลาร์พลิกกลับมาแข็งค่าตามการอ่อนค่าลงหนักของเงินเยนญี่ปุ่น
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 1พ.ย.2566ที่ระดับ 36.12 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง”
จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 35.96 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทอาจเริ่มกลับมาบ้าง หลังเงินดอลลาร์พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ตามการอ่อนค่าลงหนักของเงินเยนญี่ปุ่น
ขณะเดียวกัน ราคาทองคำ ก็ย่อตัวลงทดสอบโซนแนวรับระยะสั้น ทำให้เงินบาทเผชิญแรงกดดันเพิ่มเติมจากโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในช่วงย่อตัว
อย่างไรก็ดี เราประเมินว่า หากเงินบาทอ่อนค่าลงก็อาจติดโซนแนวต้านแถว 36.30 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นโซนที่ผู้เล่นในตลาดบางส่วนอาจรอทยอยขายเงินดอลลาร์ อย่างไรก็ดี ฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติยังมีความผันผวนสูงในช่วงนี้ แต่เรามองว่า แรงขายสินทรัพย์ไทยของนักลงทุนต่างชาติก็อาจชะลอลงมากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าต่อเงินบาทได้
ทั้งนี้ ควรระวังความผันผวนในตลาดการเงิน ตั้งแต่ช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ ไปจนถึงช่วงรับรู้ผลการประชุมเฟด โดยในช่วงนี้ ผู้เล่นในตลาดต่างยังคงกังวลต่อแนวโน้มเฟดเดินหน้าใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดได้นาน (Higher for Longer ) ทำให้ หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจไม่ได้ดีไปกว่าคาดชัดเจน หรือ เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณเดินหน้าใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวด เรามองว่า เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็มีโอกาสย่อตัวลงได้บ้าง
เรายังคงมองว่า ทุกสินทรัพย์ยังอยู่ในช่วงเผชิญความผันผวนสูง จากทั้งความไม่แน่นอนของทิศทางนโยบายการเงิน สถานการณ์สงครามที่เสี่ยงทวีความรุนแรงและบานปลาย ทำให้เราคงคำแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และนอกเหนือจากการใช้เครื่องมือดังกล่าว การเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ก็เป็นอีกแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.05–36.30 บาท/ดอลลาร์ ในช่วงก่อนรับรู้ผลการประชุมเฟด
และประเมินกรอบ 35.90-36.60 บาท/ดอลลาร์ ในช่วงทยอยรับรู้ผลการประชุมเฟด
โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทพลิกกลับมาอ่อนค่าลงต่อเนื่อง (แกว่งตัวในช่วง 35.93-36.17 บาทต่อดอลลาร์) กดดันโดยการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ที่ได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าลงหนักของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) หลังผลการประชุม BOJ ไม่ได้ปรับนโยบาย Yield Curve Control อย่างที่ตลาดคาดหวัง
นอกจากนี้ การปรับตัวลดลงต่อเนื่องของราคาทองคำสู่โซนแนวรับระยะสั้น ก็เป็นอีกปัจจัยที่กลับมากดดันเงินบาทเช่นกัน ผ่านโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง ท่ามกลางรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนที่ส่วนใหญ่ยังออกมาดีกว่าคาด อย่างไรก็ดี ผู้เล่นในตลาดยังไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยงมากนัก เพื่อรอลุ้นผลการประชุมเฟด (รับรู้ในช่วง 1.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย) ทำให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.65%
ส่วนในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี stoxx600 ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง +0.59% แม้ว่าตลาดหุ้นยุโรปจะเผชิญแรงกดดันบ้างจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สะท้อนภาพการชะลอตัวลงมากขึ้นของเศรษฐกิจยูโรโซน ทว่าภาพดังกล่าวกลับทำให้ผู้เล่นในตลาดยังคงมั่นใจว่า ECB ได้จบรอบการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว และช่วยหนุนให้บรรดาหุ้นกลุ่มเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth สามารถรีบาวด์ขึ้นได้บ้าง (ASML +2.4%, SAP +0.9%)
ฝั่งตลาดบอนด์ บรรยากาศในตลาดการเงินที่ยังคงเปิดรับความเสี่ยงและมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ยังมองว่า เฟดอาจส่งสัญญาณพร้อมใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดได้นาน (Higher for Longer) ในการประชุมเฟดที่จะถึงนี้ ยังคงส่งผลให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.93%
อย่างไรก็ดี บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังมีความเสี่ยงที่จะผันผวนและปรับตัวสูงขึ้นได้บ้างในสัปดาห์นี้ แต่เรามองว่า จุดสูงสุดก็น่าจะอยู่ใกล้แถว 5% ทำให้เรายังคงแนะนำ “Buy on Dip” บอนด์ระยะยาว โดยรอจังหวะการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ในการทยอยเข้าซื้อ
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง หลังเงินเยนญี่ปุ่นอ่อนค่าลงหนัก ทะลุระดับ 151 เยนต่อดอลลาร์ หลังผู้เล่นในตลาดต่างผิดหวังต่อการปรับมาตรการ Yield Curve Control ของ BOJ
ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 106.7 จุด (กรอบ 105.9-106.9 จุด) ในส่วนของราคาทองคำ การปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้กดดันให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 1,990 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นโซนแนวรับระยะสั้น
ทำให้ผู้เล่นบางส่วนอาจรอทยอยเข้าซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว โดยโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าว ก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงบ้าง
สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญที่ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามอย่างใกล้ชิดคือ ผลการประชุมเฟด ที่จะรับรู้ในช่วงราว 1.00 น. ของเช้าวันพฤหัสฯ ตามเวลาประเทศไทย โดยจากการประเมินถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งต่างกังวลต่อแนวโน้มภาวะการเงิน (Financial Conditions) ที่ตึงตัวมากขึ้น ตามการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ รวมถึงมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่คาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ (โอกาส 95.8% จาก CME FedWatch Tool) และสถานการณ์สงครามที่ยังมีความไม่แน่นอน
ทำให้ เรามองว่า คณะกรรมการนโยบายการเงินเฟด (FOMC) จะมีมติ “คง” อัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% อย่างไรก็ดี เราจะจับตาการส่งสัญญาณต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและทิศทางนโยบายการเงินของเฟด ผ่านถ้อยแถลงของประธานเฟดในช่วงหลังรับรู้ผลการประชุม และถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดท่านอื่นๆ ในสัปดาห์นี้ และนอกเหนือจากผลการประชุมเฟด
เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ อาทิ ดัชนี ISM ภาคการผลิต และรายงานข้อมูลตลาดแรงงาน อาทิ ยอดการจ้างงานภาคเอกชน โดย ADP รวมถึง ยอดตำแหน่งงานเปิดรับ (Job Openings) ซึ่งรายงานข้อมูลเศรษฐกิจจะถูกรับรู้ก่อนผลการประชุมเฟด ทำให้ตลาดการเงินอาจผันผวนสูงได้พอสมควร
นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินในช่วงนี้ได้เช่นกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“น้องชมพู่” ผลงานเฉียบ คว้าเหรียญทองแดง กีฬาเลื่อนน้ำแข็ง ศึกสกีนานาชาติ ที่ประเทศนอร์เวย์
นายสืบ ธาราสิริ เลขาธิการสมาคมกีฬาสกีและสโนว์บอร์ดแห่งประเทศไทย เผยว่า สมาคมกีฬาสกีและสโนว์บอร์ดแห่งประเทศไทย ส่งนักกีฬาทีมชาติไทย ประเภททีมสไลด์ เข้าร่วมแข่งขันรายการระดับนานาชาติ รายการ Omega Youth series Competition 2023 ที่เมืองลิลล์แฮมเมอร์ ประเทศนอร์เวย์ ระหว่าง 28-29 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยรายการนี้มี “โค้ชอ้น”ศตวรรษ สืบสิงห์คาร เป็นผู้ฝึกสอน
ปรากฏว่านักกีฬาสกีและสโนว์บอร์ดของไทย ที่ลงแข่งขันใน 2 ประเภท คือ Skeleton และ Bobsleigh สามารถสร้างประวัติศาสตร์ให้กับวงการกีฬาฤดูหนาวให้กับประเทศไทยอีกครั้ง โดยประเภท Bobsleigh หญิง ที่มีนักกีฬา 10 คน จาก 9 ประเทศ ร่วมแข่งขัน “น้องชมพู่” อาเยเซ กัมเปออล สาวน้อยจากอุดรธานี สามารถทุบเวลาคว้าเหรียญทองแดงมาครอง ขณะที่ประเภท Bobsleigh ชาย ที่มีนักกีฬา 14 คน จาก 12 ประเทศ ร่วมชิงชัย ส่วน กฤตเมตร พละไกร จากอุบลราชธานี ทำผลงานได้ดี คว้าอันดับ 5 มาครอง
ส่วนประเภท Skeleton หญิง ซึ่งมีนักกีฬาไทย ลงแข่งขัน 2 คนคือ พรชนัน พงษ์ศักดิ์ กับ มธุรดา ขานรัมย์ ลงแข่งขัน เกิดการขัดข้องด้านเทคนิคทางด้านการจัดการแข่งขัน จึงถูกยกเลิกรายการการแข่งขันไปอย่างน่าเสียดาย ด้านประเภทชาย กฤตเมตร พละไกร จากอุบลราชธานี จบอันดับที่ 5 จากนักกีฬา 12 คน ใน 14 ประเทศ ส่วนในประเภท สเกเลตัน (Skeleton) มีนักกีฬาไทยลงแข่งขัน 2 คน คือ พรชนัน พงษ์ศักดิ์ กับ มธุรดา ขานรัมย์ เกิดการขัดข้องด้านเทคนิค การจัดการแข่งขันจึงถูกยกเลิกรายการการแข่งขัน
เลขาธิการสมาคมกีฬาสกีฯ เผยอีกว่า หลังจากนี้นักกีฬาทั้งหมดจะเดินทางแข่งขัน เพื่อเก็บสะสมคะแนนสำหรับการเข้าร่วมโอลิมปิก ฤดูหนาว 2024 ที่ประเทศเกาหลีใต้ในช่วงเดือน ม.ค.2024 ต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
“วูบหมดสติ” สัญญาณอันตรายที่ไม่ควรมองข้าม
วูบหมดสติ เป็นอาการสูญเสียความรู้สึกตัว และการทรงตัวชั่วคราว โดยทั่วไปเกิดจากเลือดไปเลี้ยงสมองลดลง อาจจะส่งผลให้เกิดอันตรายได้
ภาวะวูบหมดสติ คืออะไร
นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า ภาวะวูบหมดสติ (Syncope) เป็นอาการสูญเสียความรู้สึกตัว และการทรงตัวชั่วคราว โดยทั่วไปเกิดจากเลือดไปเลี้ยงสมองลดลงชั่วขณะ ทำให้สมองขาดออกซิเจนชั่วคราว
อาการวูบหมดสติ จะมีลักษณะอาการเฉพาะ คือ หมดสติเฉียบพลัน เกิดขึ้นชั่วขณะในระยะเวลาอันสั้น และสามารถฟื้นคืนสติได้เอง จะแสดงออกทางอาการหลากหลาย เช่น
- เรียกไม่รู้สึกตัว
- ล้มลงกับพื้น
- ทรงตัวไม่อยู่
- อาจมีอาการเกร็งที่มือ เท้า
- ตาค้างชั่วขณะ
- เหงื่อออกที่ใบหน้า
ซึ่งผู้ป่วยจะจำเหตุการณ์ตอนหมดสติไม่ได้ โดยจะมีระยะเวลาการหมดสติ ตั้งแต่ 30 วินาที ถึง 5 นาที ขึ้นกับสุขภาพพื้นฐานเดิมของผู้ป่วย
ในบางรายอาจจะมีอาการนำมาก่อนเกิดอาการวูบหมดสติ เช่น
- รู้สึกหวิวๆ
- มึนศีรษะ โคลงเคลง
- ตาพร่าหรือเห็นแสงแวบวาบ
- ปลายมือปลายเท้าเย็น
- คลื่นไส้
เป็นต้น
อันตรายของภาวะวูบหมดสติ
อาการวูบไม่รู้ตัวเป็นเรื่องที่อันตรายมากโดยเฉพาะคนที่ต้องทำงานบนที่สูง หรือผู้ที่ต้องขับรถ หากมีอาการวูบบ่อยๆ ควรพบแพทย์ประเมินหาสาเหตุ
สาเหตุภาวะวูบหมดสติ
นายแพทย์ธนินทร์ เวชชาภินันท์ ผู้อำนวยการสถาบันประสาทวิทยา กล่าวเพิ่มเติมว่า สาเหตุของภาวะวูบหมดสติ เกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ เช่น
- สาเหตุจากหัวใจ เกิดจากหัวใจเต้นผิดจังหวะ เส้นเลือดหัวใจตีบ กล้ามเนื้อหัวใจหนาตัวผิดปกติ
- เกิดจากระบบประสาทอัตโนมัติทำงานผิดปกติ ซึ่งมักพบตามหลังสถานการณ์เฉพาะบางอย่าง เช่น หลังไอ จาม เบ่ง ยืนนานๆในที่แออัด หรืออากาศร้อน กลัวการเจาะเลือด เป็นต้น
- เกิดจากการเสียเลือดหรือขาดน้ำ เช่น ท้องเสียรุนแรง หรือมีเลือดออกในอวัยวะภายใน
- เกิดจากยาบางชนิด โดยเฉพาะยาลดความดันโลหิตสูง ยารักษาต่อมลูกหมาก ยาต้านอาการซึมเศร้า หรือแม้แต่ยาเบาหวาน
วูบหมดสติแบบไหน ที่อันตราย ควรพบแพทย์
สิ่งที่เป็นอันตรายที่ควรต้องระวัง คือ หลังจากผู้ป่วยตื่นขึ้นมาอาจมีอาการบาดเจ็บได้ การรักษาควรจะต้องรักษาที่สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ แต่ถ้าหากวูบหมดสติตื่นขึ้นมาแล้วมีอาการ เช่น ปากเบี้ยว ลิ้นแข็ง พูดไม่ชัด ชาหรืออ่อนแรงร่างกายครึ่งซีก อาจเป็นสัญญาณเตือนความผิดปกติภาวะทางสมองอาการของหลอดเลือดสมองตีบ หรือหลอดเลือดสมองแตกได้
ผู้ป่วยหรือผู้ใกล้ชิดควรต้องสังเกตอาการวูบที่เกิดขึ้น และควรรีบมาพบแพทย์ทันทีอย่าปล่อยทิ้งไว้
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
New Year’s Resolutions ตั้งเป้าหมายชีวิตปีใหม่
สวัสดีปีใหม่ 2022 ค่าาา เปิดต้นปีมาแบบนี้ เพื่อน ๆ มีตั้งเป้าหมายอะไรให้ตัวเองในปีนี้กันบ้างหรือเปล่า วันนี้ วอลล์สตรีท อิงลิช มีไอเดียการตั้งเป้าหมายและเคล็ดลับการไปให้ถึงเป้าหมายมาฝากค่ะ
- ลิสต์เป้าหมายแล้วเลือกสิ่งที่ใช่ การตั้งเป้าหมาย ไม่ใช่ว่าตั้งไว้เยอะ ๆ แล้วพุ่งชนมันให้หมด แต่ควรเป็นเป้าหมายที่เราอยากทำให้สำเร็จและเป็นไปได้จริง โดยอาจเริ่มต้นจากการลิสต์เป้าหมายทั้งหมดขึ้นมาก่อน แล้วทบทวนกับตัวเองเลือกในสิ่งสำคัญที่เราอยากทำมากที่สุด และจัดลำดับก่อน-หลังเพื่อให้เห็นทางพิชิตเป้าหมายได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
- เริ่มต้นจากเรื่องเล็กน้อย เป้าหมายของเราอาจไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องใหญ่โต บางครั้งเรื่องเล็ก ๆ แต่มีความหมายเมื่อเราทำสำเร็จก็ช่วยให้ชุ่มชื่นหัวใจไม่แพ้กัน และเมื่อเราทำเป้าหมายเล็ก ๆ สำเร็จแล้ว อาจจะค่อย ๆ เพิ่มดีกรีขึ้นไปเรื่อย ๆ ยิ่งเราทำสำเร็จมากเท่าไหร่ ความรู้สึกเราก็จะยิ่งพองโตเพราะเหมือนได้ค่อย ๆ ก้าวสู่ความสำเร็จไปทีละขั้นอีกด้วย
- ตั้งเป้าหมายทั้งเรื่องที่ควรทำและชอบทำ เราควรตั้งเป้าหมายให้ครอบคลุมทั้งในเรื่องที่ควรทำ และเรื่องที่เราชอบทำ เรื่องที่ควรทำอาจไม่ได้เป็นเรื่องที่เราอยากจะทำ แต่ก็เป็นเรื่องที่สำคัญและจำเป็นต่อการใช้ชีวิตของเรา เช่น การศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม เพิ่มทักษะในด้านต่าง ๆ และเรื่องที่เราชอบทำ อยากทำ ทำแล้วชีวิตเราจะมีความสุขมากขึ้นแม้ไม่ได้จำเป็น เช่น เดินทางท่องเที่ยว ตั้งแคมป์ เดินป่า เป็นต้น
- ลงรายละเอียดให้ชัดเจน หลังจากตั้งเป้าหมายแล้ว เราควรวางแผนคร่าว ๆ ให้เห็นว่าเราควรทำอะไรบ้างเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายนั้น และวางไทม์ไลน์ให้ชัดว่าอยากให้สำเร็จเมื่อไหร่ เมื่อเริ่มเห็นแนวทางที่ชัดเจนแล้ว เราก็จะสามารถเริ่มลงมือได้ง่ายขึ้น โดยระหว่างทางวิธีการไปถึงเป้าหมายนั้นอาจจะปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงได้ ไม่จำเป็นต้องยึดติดกับแผนที่วางไว้
- หมั่นทบทวนและมีวินัยกับตัวเองสม่ำเสมอ สิ่งสำคัญที่จะทำให้เป้าหมายเราเป็นจริงได้คือตัวเราเอง บางคนตั้งเป้าหมายไว้ต้นปีแล้วก็ทิ้งไว้จนลืม หรือบางทีก็ผัดวันประกันพรุ่งจนล่วงเลยข้ามไปอีกปี ดังนั้นเราจึงควรหมั่นทบทวนเป้าหมาย และติดตามความคืบหน้าว่าเข้าใกล้ความสำเร็จแค่ไหนแล้ว สร้างวินัยและความรับผิดชอบในเป้าหมายของตัวเอง เพื่อจะได้ไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้สำเร็จ
ขอบคุณข้อมูลจาก wallstreetenglish.in.th
หลายคนไม่รู้!!! โทรศัพท์มือถือสามารถติดไวรัสได้ง่ายกว่าที่คิด
มือถือสามารถติดไวรัสได้ ไวรัสมือถือคือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เป็นอันตรายซึ่งออกแบบมาเพื่อโจมตีโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ต ไวรัสมือถือสามารถติดได้จากหลายช่องทาง เช่น การดาวน์โหลดแอปพลิเคชันหรือไฟล์จากแหล่งที่ไม่รู้จัก การคลิกลิงก์ที่ไม่น่าไว้วางใจ หรือการเปิดไฟล์แนบในอีเมลที่เป็นอันตราย
ล้างไวรัสทำยังไง โทรศัพท์โดนไวรัส ทําไงดี หากคุณกำลังมองหาวิธีการลบไวรัสในโทรศัพท์ของคุณอยู่ เรารวมทุกคำตอบเกี่ยวกับการล้างไวรัสและการป้องกันโทรศัพท์ติดไวรัสไว้ให้คุณแล้วในบทความนี้
อาการของมือถือที่ติดไวรัสมีดังนี้
- แบตเตอรี่หมดเร็วกว่าปกติ
- เครื่องทำงานช้าลง
- มีโฆษณาป๊อปอัปปรากฏขึ้นมาบ่อยครั้ง
- มีแอปพลิเคชันที่ติดตั้งเองโดยที่คุณไม่ได้ดาวน์โหลด
- มีการโทรออกหรือส่งข้อความโดยไม่ได้รับอนุญาต
- ข้อมูลส่วนตัวถูกขโมย
หากพบว่ามือถือของคุณติดไวรัส ควรรีบดำเนินการแก้ไขโดยเร็วที่สุด คุณสามารถสแกนหาไวรัสด้วยแอปพลิเคชันป้องกันไวรัส หรือนำมือถือของคุณไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบและกำจัดไวรัสออก
วิธีป้องกันมือถือไม่ให้ติดไวรัสมีดังนี้
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันหรือไฟล์จากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น
- หลีกเลี่ยงการคลิกลิงก์ที่ไม่น่าไว้วางใจ
- อัปเดตระบบปฏิบัติการและแอปพลิเคชันของคุณให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด
- ใช้ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัส
- ตั้งค่าความปลอดภัยบนมือถือของคุณอย่างเข้มงวด
ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับเพิ่มเติมในการช่วยป้องกันมือถือของคุณไม่ให้ติดไวรัส:
- ติดตั้งแอปพลิเคชันป้องกันไวรัสที่เชื่อถือได้และอัปเดตเป็นประจำ
- ตั้งค่ารหัสผ่านหรือรูปแบบการปลดล็อกหน้าจอสำหรับโทรศัพท์ของคุณ
- หลีกเลี่ยงการอนุญาตให้แอปพลิเคชันเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของคุณโดยไม่จำเป็น
- สำรองข้อมูลโทรศัพท์ของคุณเป็นประจำ
การปฏิบัติตามเคล็ดลับเหล่านี้จะช่วยปกป้องมือถือของคุณจากไวรัสและภัยคุกคามทางไซเบอร์อื่นๆ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
3 อาหารบำรุงสายตา ป้องกัน “จอประสาทตาเสื่อม” จากหน้าจอ-สมาร์ทโฟน
วัยทำงานต้องอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต เป็นเวลานานติดต่อกัน อาจเสี่ยงโรคจอประสาทตาเสื่อม ต้องบำรุงสุขภาพตาให้ดี
นายแพทย์มณเฑียร คณาสวัสดิ์ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ในสังคมยุคดิจิทัลที่แต่ละวันกลุ่มคนวัยทำงานต้องอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต เป็นเวลานานติดต่อกัน อาจทำให้ได้รับผลกระทบ เช่น ภาวะตาล้า ตาแห้ง ตาพร่า น้ำตาไหล หรือร้ายแรงกว่านั้นอาจเสี่ยงกับโรคจอประสาทตาเสื่อม
โดยเฉพาะผู้ที่นั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์นานวันละ 10 ชั่วโมง ควรดูแลรักษาและใช้สายตาให้เหมาะสม โดยหยุดพักสายตาจากจอคอมพิวเตอร์ทุก 2 ชั่วโมง ครั้งละประมาณ 15 นาที นอกจากนี้ ควรกินอาหารที่ดี มีประโยชน์ และอุดมไปด้วยสารอาหารที่ช่วยบำรุงสุขภาพตา เช่น วิตามินเอ วิตามินซี ลูทีน ซีแซนทีน กรดไขมัน ที่มีความสำคัญต่อการมองเห็น
3 อาหารบำรุงสายตา ป้องกัน “จอประสาทตาเสื่อม” จากหน้าจอ-สมาร์ทโฟน
สารอาหารที่ช่วยบำรุงสุขภาพตา เช่น จากอาหารต่างๆ ดังนี้
- ผัก ผลไม้หลากสี โดยเฉพาะผักใบเขียวที่อุดมด้วยวิตามินเอ เช่น ผักบุ้ง บรอกโคลี คะน้า ตำลึง ผักโขม ปวยเล้ง กวางตุ้ง ดอกกุยช่าย ขึ้นฉ่าย ช่วยให้การทำงานของเซลล์จอประสาทตาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผัก ผลไม้สีม่วง จะมีสารแอนโธไซยานินช่วยในการมองเห็น ผัก ผลไม้สีเหลือง แดง มีสารจำพวกแคโรทีนอยด์ หรือ Pro-Vitamin A ซึ่งจะถูกเปลี่ยนเป็นวิตามินเอภายในร่างกาย
นอกจากนี้ ผัก ผลไม้หลากสี ยังอุดมด้วยวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระที่จะช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ อาหารบำรุงสายตาที่มีสีสันเหล่านี้ ได้แก่ มะเขือเทศ แครอท ฟักทอง ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ มะม่วงสุก มะละกอสุก เป็นต้น - ปลาทะเล โดยเฉพาะปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาซาร์ดีน มีกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งประกอบไปด้วยกรด EPA และ DHA มีส่วนช่วยบำรุงสมอง และจอประสาทตา ช่วยป้องกันภาวะตาแห้ง ลดภาวะการอ่อนล้าของตา
- ไข่ วัตถุดิบประจำบ้านที่ใช้ประกอบอาหารได้ง่าย อุดมไปด้วยประโยชน์ ในไข่แดงมีสารลูทีน และซีแซนทีน ช่วยบำรุงระบบการไหลเวียนของเลือด และเส้นเลือดฝอยที่เลี้ยงตา ป้องกันการเสื่อมประสิทธิภาพของดวงตา ลดภาวะโรคจอประสาทตาเสื่อม
นอกจากการกินอาหารธรรมชาติที่มีสารอาหารบำรุงสายตาสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงอีกอย่างหนึ่ง คือ การปรับพฤติกรรมการใช้สายตา การอ่านหนังสือ หรือทำงานควรมีแสงสว่างเพียงพอ เลี่ยงการดูโทรทัศน์ ใช้โทรศัพท์หรือแท็บเล็ตในขณะที่ปิดไฟ เพื่อไม่ใช้สายตาเพ่ง หรือทำงานหนักมากเกินไป และไม่ควรใช้สายตาต่อเนื่องเป็นเวลานาน แบ่งเวลาพักสายตาทุก 20 นาที ลดความสว่างหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือ ติดฟิล์มลดแสง พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อถนอมดวงตา และยืดอายุดวงตาให้เสื่อมช้าลงด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
เปิดพิกัดลับน้ำตกสลัดได ม่านน้ำขนาดยักษ์ กลางป่านครนายก!
นครนายก หนึ่งในจังหวัดที่ขึ้นชื่อเป็นอย่างมากในเรื่องของน้ำตกสวย ที่มีอยู่มากมายหลายแห่งในจังหวัดนี้ ซึ่งหนึ่งในนั้นมีชื่อของ “น้ำตกสลัดได” น้ำตกลับๆ ที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน
น้ำตกสลัดไดตั้งอยู่กลางป่าลึกที่ต้องเดินเท้าเข้าไปถึง 2.5 กิโล ผ่านเส้นทางของป่าดิบชื้นที่อุดมสมบูรณ์ ใครเป็นคนชอบเดินป่า ชอบเส้นทางศึกษาธรรมชาติจะต้องแฮปปี้กับที่นี่แน่นอน
แต่ถึงเส้นทางจะค่อนข้างไกล แต่เชื่อเถอะว่าปลายทางนั้นคุ้มค่ากับความเหนื่อยอย่างแน่นอน ภาพของน้ำตกขนาดใหญ่ที่เป็นดั่งม่านน้ำขนาดยักษ์ ซ่อนตัวอยู่กลางป่า เป็นมุมสวยอันซีนของจังหวัดนครนายกเลยทีเดียว
ใครกำลังมองหาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ของนครนากยกเพื่อไปเปิดประสบการณ์การท่องเที่ยว หากมีโอกาสลองแวะไปสัมผัสความสดชื่นที่น้ำตกสลัดไดกันครับ รับรองว่าคุณจะประทับใจ
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/GxycYdskYrszF3Mc9
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 1/11/2566
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 33,850.00 | 33,950.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,193.00 | 33,245.88 | 34,450.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,973.70 | 29,921.29 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,754.40 | 26,596.70 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 987.00 | 14,962.92 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 768.00 | 11,642.88 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,273.00 | 34,458.68 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 1/11/2566
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 38.25 | 38.25 | 38.75 | 38.25 | 38.55 | 38.25 | 38.25 | 38.25 | 38.25 | 38.25 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 37.98 | 37.98 | 38.48 | 37.98 | 38.28 | 37.98 | 37.98 | 37.98 | 37.98 | 37.98 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 35.94 | 35.94 | 36.44 | 35.94 | 36.24 | – | 35.94 | 35.94 | 35.94 | 35.94 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 36.09 | 36.09 | – | – | – | – | – | – | – | 36.09 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 45.04 | 49.84 | 49.94 | 49.84 | – | – | – | – | – | 45.04 |
เบนซิน 95 | 46.04 | – | – | – | 47.51 | – | 46.54 | 46.19 | – | 46.04 |
ดีเซล B7 | 29.94 | 29.94 | 30.24 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล | 29.94 | 29.94 | – | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล B20 | 29.94 | 29.94 | – | – | 29.94 | – | – | – | – | 29.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 41.54 | 43.64 | 48.64 | 43.64 | 42.94 | – | – | – | – | 41.54 |
แก๊ส NGV | 17.59 | 17.59 | – | – | – | – | – | – | – | 17.59 |