สาระน่ารู้ประจำวันที่ 1 กรกฎาคม 2567

เปิดทำเลบ้าน-คอนโดขายดี & เหลือขายสูงสุดใน จ.ชลบุรี

ชลบุรี ถือเป็นหัวเมืองอุตสาหกรรม และการค้าขายของภาคตะวันออกที่มีความสำคัญ จากการสำรวจข้อมูลที่อยู่อาศัยของ REIC พบว่า ทำเล”จอมเทียน”คอนโดขายดีและเหลือขายสูงสุด ! ส่วน ทำเลบ้านขายดีและเหลือขายมากสุดคือ นิคมฯพานทอง-พนัสนิคม

จากการสำรวจตลาดที่อยู่อาศัยรายจังหวัดในไตรมาส 1 ปี 2567 ของจังหวัดในพื้นที่ EEC   ของ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC) พบว่า  จังหวัดชลบุรี มีที่อยู่อาศัยรวมที่เสนอขาย ในภาพรวมทุกประเภทมีจำนวน 33,769 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.1 มูลค่า 126,468 ล้านบาท

โดยโครงการอาคารชุดมีสัดส่วนร้อยละ 59.5 เป็นจำนวน 20,087 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 36.7 มูลค่ารวม 75,523 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากหน่วยการเปิดตัวใหม่ในไตรมาสนี้ที่มีจำนวนมาก และการสะสมเพิ่มขึ้นของหน่วยที่เหลือขายจากไตรมาสก่อน แต่หน่วยของโครงการบ้านจัดสรรมีสัดส่วนร้อยละ 40.5 เป็นจำนวน 13,682 หน่วย ลดลงร้อยละ -6.5 มูลค่ารวม 50,946 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากหน่วยเปิดตัวใหม่ที่น้อยลง

•    ที่อยู่อาศัยรวมที่เปิดขายใหม่ มีจำนวน 7,106 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 448.3 มูลค่า 27,880 ล้านบาท โดยโครงการอาคารชุดมีสัดส่วนร้อยละ 78.0 เป็นจำนวน 5,542 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 6,915.2 มูลค่ารวม 21,505 ล้านบาท และ โครงการบ้านจัดสรรมีสัดส่วนร้อยละ 22.0 เป็นจำนวน 1,564 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.5 มูลค่ารวม 6,376 ล้านบาท 

•    ที่อยู่อาศัยรวมที่ขายได้ใหม่ มีจำนวน 4,545 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 54.0 มูลค่า 16,307 ล้านบาท อัตราการดูดซับ ร้อยละ 4.5 ต่อเดือน โดยโครงการอาคารชุดมีสัดส่วนร้อยละ 61.3 เป็นจำนวน 2,787 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 182.9  มูลค่ารวม 9,139 ล้านบาท อัตราการดูดซับ ร้อยละ 4.6 ต่อเดือน และโครงการบ้านจัดสรรมีสัดส่วนร้อยละ 38.7 เป็นจำนวน 1,758 หน่วย ลดลงร้อยละ -10.6 มูลค่ารวม 7,167 ล้านบาท อัตราการดูดซับ ร้อยละ 4.3 ต่อเดือน

ที่อยู่อาศัยเหลือขาย มีจำนวน 29,224 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.8 มูลค่า 110,161 ล้านบาท โดยโครงการอาคารชุดมีสัดส่วนร้อยละ 59.2 เป็นจำนวน 17,300 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.2 มูลค่ารวม 66,383 ล้านบาท และโครงการบ้านจัดสรรมีสัดส่วนร้อยละ 40.8 เป็นจำนวน 11,924 หน่วย ลดลงร้อยละ -5.9  มูลค่ารวม 43,778 ล้านบาท

•    ทำเลอาคารชุดที่มีหน่วยขายได้ใหม่สูงสุด 3 อันดับ คือ
1.    ทำเลจอมเทียน มียอดขาย 604 หน่วย มูลค่า 2,428 ล้านบาท และอัตราการดูดซับ ร้อยละ 3.6 ต่อเดือน
2.    ทำเลนิคมฯพานทอง-พนัสนิคม มียอดขาย 499 หน่วย มูลค่า 616 ล้านบาท และอัตราการดูดซับ ร้อยละ 18.4 ต่อเดือน
3.    ทำเลพัทยา-เขาพระตำหนัก มียอดขาย 481 หน่วย มูลค่า 3,262 ล้านบาท และอัตราการดูดซับ ร้อยละ 3.3 ต่อเดือน 

•    ทำเลบ้านจัดสรรที่มีหน่วยขายได้ใหม่สูงสุด 3 ลำดับแรก คือ
1.    ทำเลนิคมฯพานทอง-พนัสนิคม มียอดขาย 285 หน่วย มูลค่า 723 ล้านบาท และอัตราการดูดซับ ร้อยละ 3.9 ต่อเดือน
2.    ทำเลบางแสน-หนองมน-บางพระ มียอดขาย 247 หน่วย มูลค่า 1,262 ล้านบาท และอัตราการดูดซับ ร้อยละ 4.3 ต่อเดือน
3.    ทำเลนิคมฯอมตะนคร-บายพาส มียอดขาย 221 มูลค่า 596 ล้านบาท และอัตราการดูดซับ ร้อยละ 3.7 ต่อเดือน

•    ทำเลอาคารชุดที่มีหน่วยเหลือขายมากที่สุด 3 ลำดับแรก คือ
1.    ทำเลจอมเทียน มีหน่วยเหลือขาย 5,000 หน่วย  มูลค่า 21,929 ล้านบาท 
2.    ทำเลพัทยา-เขาพระตำหนัก มีหน่วยเหลือขาย 4,334 หน่วย มูลค่า 26,993 ล้านบาท 
3.    ทำเลนิคมฯอมตะนคร-บายพาส มีหน่วยเหลือขาย 2,423 หน่วย มูลค่า 3,284 ล้านบาท 

•    ทำเลบ้านจัดสรรที่มีหน่วยเหลือขายมากที่สุด 3 ลำดับแรก คือ
1.    ทำเลนิคมฯพานทอง-พนัสนิคม มีหน่วยเหลือขาย 2,127 หน่วย มูลค่า 5,283 ล้านบาท 
2.    ทำเลนิคมฯอมตะนคร-บายพาส มีหน่วยเหลือขาย 1,770 หน่วย มูลค่า  4,983 ล้านบาท 
3.    ทำเลบางแสน-หนองมน-บางพระ มีหน่วยเหลือขาย 1,685 หน่วย มูลค่า 8,668 ล้านบาท  

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ทาวน์เฮ้าส์โซน EEC ไตรมาส 1 ปีนี้ ยอดขายติดลบ 28.4% ส่อลามบ้านเดี่ยว-บ้านแฝด

นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC) เผยรายงานผลการสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยอยู่ระหว่างการขาย ในไตรมาส 1 ปี 2567 ของพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยได้ทำการสำรวจเฉพาะโครงการที่มีหน่วยเหลือขายไม่ต่ำกว่า 6 หน่วย REIC พบว่า ภาพรวมในพื้นที่ EEC 3 จังหวัด มีจำนวนหน่วยที่อยู่อาศัยเสนอขาย 50,401 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 

แบ่งเป็นหน่วยเสนอขายที่เป็นอาคารชุด 22,657 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.1 มูลค่า 80,972 ล้านบาท และหน่วยเสนอขายที่เป็นบ้านจัดสรร 27,744 หน่วย ลดลงร้อยละ -13.8  มูลค่า 92,448 ล้านบาท

โดยพบว่า หน่วยเสนอขายที่เป็นอาคารชุดส่วนใหญ่ถึงร้อยละ 88.7 อยู่ในจังหวัดชลบุรี ขณะที่บ้านจัดสรรอยู่ในจังหวัดชลบุรีร้อยละ 49.3 ที่เหลือกระจายอยู่ในจังหวัดระยองและฉะเชิงเทราร้อยละ 34.2 และ 16.5 ตามลำดับ

การเปิดตัวโครงการใหม่ในภาพรวม EEC มีจำนวน 8,420 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 65.6 โดยมีมูลค่า 32,240 ล้านบาท โดยหน่วยเปิดขายใหม่ส่วนใหญ่ร้อยละ 67.6 เป็นอาคารชุด และอาคารชุดส่วนใหญ่เปิดใหม่เกือบทั้งหมดถึงร้อยละ 97.2 อยู่ในจังหวัดชลบุรี และทาวเฮ้าส์ส่วนใหญ่ถึงร้อยละ 79.9 อยู่ในจังหวัดชลบุรีเช่นกัน

ขณะที่บ้านเดี่ยวส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดชลบุรีและระยองใกล้เคียงกันที่ร้อยละ 43.4 และ 41.8 สำหรับจังหวัดฉะเชิงเทรามีที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่ค่อนข้างน้อยในทุกประเภทที่อยู่อาศัย

ขณะที่ยอดขายได้ใหม่ในภาพรวม EEC มีจำนวน 6,557 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.2 โดยมีมูลค่า 21,745 ล้านบาท

ทั้งนี้พบว่าเป็นผลมาจากการขยายตัวภาพรวมการขายอาคารชุดใหม่ที่มีจำนวน 3,112 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 100.0 โดยมีมูลค่าการขาย 9,749 ล้านบาท ซึ่งอาคารชุดที่ขายได้เกือบทั้งหมดถึงร้อยละ 89.6 ขายได้ใหม่อยู่ในจังหวัดชลบุรี

ขณะที่ยอดขายใหม่ของบ้านจัดสรรในภาพรวม EEC มีจำนวนเพียง 3,445 หน่วย ลดลงร้อยละ -17.7  มีมูลค่า 11,996 ล้านบาท 

นายวิชัย กล่าวว่า ผลจากที่หน่วยอาคารชุดเปิดใหม่มากกว่าหน่วยที่ขายได้ใหม่ได้ส่งผลทำให้เกิดการสะสมของหน่วยเหลือขาย โดย ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2567 มีจำนวนหน่วยเหลือขายในพื้นที่ EEC จำนวน 43,844 หน่วย ลดลงร้อยละ -1.6 โดยมีมูลค่า 151,674 ล้านบาท

โดยเป็นอาคารชุดเหลือขาย 19,545 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.0 มีมูลค่ารวม 71,223 ล้านบาท โดยอาคารชุดที่เหลือขายส่วนใหญ่ถึงร้อยละ 88.5 อยู่ในจังหวัดชลบุรี 

ขณะที่บ้านจัดสรรที่แม้ว่ามียอดขาย”ลดลง”เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ยังมีจำนวนหน่วยที่เปิดตัวใหม่ที่น้อยกว่าหน่วยที่ขายได้ใหม่มากพอสมควร ส่งผลให้มีหน่วยเหลือขายของบ้านจัดสรรมีจำนวน 24,299 หน่วย ลดลงร้อยละ -13.2 มีมูลค่า 80,451 ล้านบาท

โดยพบว่า หน่วยเหลือขายที่เป็นอาคารชุดส่วนใหญ่ถึงร้อยละ 88.5 อยู่ในจังหวัดชลบุรี ขณะที่บ้านจัดสรรอยู่ในจังหวัดชลบุรีร้อยละ 49.2 ที่เหลือการขายอยู่ในจังหวัดระยองและฉะเชิงเทราร้อยละ 34.2 และ 16.7 ตามลำดับ

นายวิชัย ระบุว่า จากการพิจารณาโดยแยกตลาดอาคารชุดและแนวราบออกมาให้ชัดเจน ตลาดอาคารชุดในไตรมาส 1 ปี 2567 มีความคึกคักขึ้นในพื้นที่จังหวัดชลบุรีเท่านั้น โดยมีการเปิดตัวโครงการใหม่มากในโซนพัทยาถึงจอมเทียนมากกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึงกว่า 1.5 เท่า และมีการตอบสนองต่อตลาดที่ดีในระดับหนึ่งโดยมียอดขายใหม่ปรับตัวสูงขึ้นประมาณ 1 เท่าตัว

ส่วนใหญ่เกิดจากโครงการที่เปิดใหม่ได้รับความสนใจเลือกซื้อมากกว่าทำให้หน่วยขายได้ใหม่เพิ่มขึ้นมาก แต่หน่วยที่เหลือมาจากไตรมาสก่อนหน้า ขายได้ช้ากว่า จึงทำให้หน่วยเหลือขายของอาคารชุดในภาพรวมของ EEC เพิ่มขึ้นมาก


สำหรับบ้านจัดสรรที่เหลือขายในภาพรวม EEC พบว่า ยอดขายได้ใหม่ในไตรมาสที่ 1 ปี 2567 มีจำนวนหน่วยลดลงในประเภท โดยประเภททาวน์เฮ้าส์มียอดขายได้ใหม่ในไตรมาสนี้ที่ลดลงถึงร้อยละ -28.4 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และเป็นการลดต่อเนื่องกันมา 5 ไตรมาส  

ขณะที่ประเภทบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดมียอดขายได้ใหม่ในไตรมาสนี้ลดลงร้อยละ -9.1 และ -5.4  และเป็นไตรมาสที่มีจำนวนหน่วยขายที่อยู่ในระดับที่ต่ำพอสมควร

 “แต่ด้วยการเปิดตัวโครงการใหม่ที่น้อยกว่าหน่วยที่ขายได้ใหม่ ทำให้หน่วยที่เหลือขายสะสมของตลาดบ้านจัดสรรมีทิศทางที่ปรับตัวลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เป็นทาวน์เฮ้าส์และบ้านแฝด สำหรับบ้านเดี่ยวแม้ว่าจะมียอดขายได้ใหม่ที่ลดลง แต่ยอดขายได้ใหม่มากกว่าหน่วยเปิดตัวในไตรมาสก่อนเล็กน้อย ส่งผลให้หน่วยเหลือขายของบ้านเดี่ยวมีการสะสมเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าเล็กน้อย”

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 1ก.ค. “อ่อนค่า” ที่ระดับ 36.74 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทยังมีแรงกดดันอ่อนค่าทั้งเงินดอลลาร์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อ ควรจับตาทิศทางฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ และทิศทางเงินหยวน กรอบวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.65-36.85 บาท/ดอลลาร์

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 1ก.ค. 2567 ที่ระดับ  36.74 บาทต่อดอลลาร์“อ่อนค่าลงเล็กน้อย”จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ  36.69 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน  พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่านับตั้งแต่ช่วงวันศุกร์ ที่ผ่านมา เงินบาทแกว่งตัว sideways (แกว่งตัวในกรอบ 36.67-36.77 บาทต่อดอลลาร์)

โดยมีจังหวะแข็งค่าขึ้นบ้าง ตามการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำและการย่อตัวลงของเงินดอลลาร์ หลังอัตราเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ ในเดือนมิถุนายน ชะลอตัวลงตามคาด อย่างไรก็ดี แม้ว่าในช่วงหลังตลาดรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ เงินดอลลาร์จะอ่อนค่าลงบ้าง

แต่เงินบาทก็เผชิญแรงกดดันจากโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว หลังราคาทองคำปรับตัวลดลงตามการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ สู่ระดับ 4.40% ซึ่งได้แรงหนุนจากรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน (U of Michigan Consumer Sentiment) เดือนมิถุนายน ที่ออกมาสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้า

สัปดาห์ที่ผ่านมา แม้เงินดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้นตามการอ่อนค่าลงของบรรดาสกุลเงินหลัก โดยเฉพาะเงินเยนญี่ปุ่น แต่รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาผสมผสานได้ช่วยชะลอการแข็งค่าของเงินดอลลาร์

สำหรับสัปดาห์นี้ เราประเมินว่า ควรจับตาผลการเลือกตั้งสภาฝรั่งเศสรอบแรกและการเลือกตั้งทั่วไปของอังกฤษ  รวมถึงรายงานยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) ของสหรัฐฯ ที่อาจสร้างความผันผวนให้กับตลาดการเงินได้

มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก

ฝั่งสหรัฐฯ – ไฮไลท์สำคัญจะเริ่มจาก รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการบริการ โดย ISM (Manufacturing & Services PMIs) เดือนมิถุนายน ถัดมา ผู้เล่นในตลาดจะให้ความสนใจกับรายงานข้อมูลตลาดแรงงาน

อาทิ ยอดตำแหน่งงานเปิดรับ (Job Openings) ยอดการจ้างงานภาคเอกชนโดย ADP จนไปถึงไฮไลท์สำคัญในส่วนข้อมูลตลาดแรงงาน อย่าง ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) รวมถึงอัตราการเติบโตของค่าจ้าง (Average Hourly Earnings) และอัตราการว่างงาน (Unemployment Rate)

หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าวออกมาแย่กว่าคาด หรืออาจออกมาตามคาด แต่สะท้อนการชะลอตัวของเศรษฐกิจที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดปรับเพิ่มโอกาสที่เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้ราว 2 ครั้งในปีนี้ จากล่าสุดที่ให้โอกาสราว 79% (CME FedWatch Tool) โดยในกรณีดังกล่าวก็อาจทำให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงได้บ้าง

อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์อาจยังพอได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของบรรดาสกุลเงินหลัก อาทิ เงินยูโร (EUR) ที่เผชิญความเสี่ยงการเมืองฝรั่งเศส รวมถึงเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ที่เสี่ยงผันผวนอ่อนค่าลงต่อเนื่องได้ ตราบใดที่บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังไม่ได้ปรับตัวลดลงต่อเนื่องชัดเจน และผู้เล่นในตลาดยังไม่มั่นใจว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะสามารถใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดได้เพิ่มเติมในปีนี้

ทั้งนี้ ควรระวัง การเข้าแทรกแซงค่าเงินโดยทางการญี่ปุ่น ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ หากค่าเงินเยนผันผวนอ่อนค่าลง “เร็ว” และ “รุนแรง” ซึ่งเรามองว่า โอกาสเกิดภาพดังกล่าวยังมีน้อยอยู่ อนึ่ง ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด โดยเฉพาะประธานเฟด เพื่อประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินของเฟดในระยะถัดไป

ฝั่งยุโรป – ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ผลการเลือกตั้งสภาฝรั่งเศส (577 ที่นั่ง) รอบแรก โดยผลโพลล่าสุดสะท้อนว่า พรรคขวาจัด National Rally (RN) ที่มีนโยบายต่อต้านผู้อพยพและนโยบายไม่สนับสนุนสหภาพยุโรป (EUR) อาจได้เสียงข้างมากในสภา

เปิดทางให้พรรค RN สามารถจัดตั้งรัฐบาลโดยมีตัวแทนจากพรรค RN เป็นนายกฯ ได้ ซึ่งจะทำให้บทบาทของประธานาธิบดี Emmanuel Macron ที่จะหมดวาระในปี 2027 เหลือเพียงในด้านต่างประเทศและการทหารเท่านั้น

หากผลการเลือกตั้งรอบแรกสะท้อนว่า พรรค RN อาจได้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง (289 ที่นั่ง) อาจทำให้ ผู้เล่นในตลาดยังคงกังวลต่อสถานการณ์การเมืองฝรั่งเศส กดดันให้เงินยูโร (EUR) เสี่ยงอ่อนค่าลง พร้อมกับการขายสินทรัพย์เสี่ยงฝั่งยุโรป โดยเฉพาะหุ้นฝรั่งเศส รวมถึงพันธบัตรรัฐบาลฝรั่งเศส (OATs)

นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นผลการเลือกตั้งทั่วไปของอังกฤษในวันพฤหัสฯ ที่ 4 กรกฎาคม (รู้ผล Exit Polls ราว 04.00 น. เช้าวันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม ตามเวลาประเทศไทย) โดยผลโพลล่าสุดสะท้อนว่า จะเกิดการพลิกขั้วการเมืองครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์การเมืองอังกฤษ

โดยพรรคแรงงาน (Labour) อาจคว้าชัยชนะและสามารถจัดตั้งรัฐบาลแทนพรรคอนุรักษ์นิยม (Conservative/Tory) ที่ครองอำนาจมาอย่างยาวนานถึง 14 ปี และนอกเหนือจากประเด็นการเมือง ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของยูโรโซน อย่าง อัตราเงินเฟ้อ CPI เดือนมิถุนายน และยอดค้าปลีก (Retail Sales) เดือนพฤษภาคม พร้อมติดตามถ้อยแถลงบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB)

ฝั่งเอเชีย – ผู้เล่นในตลาดจะติดตามผลสำรวจความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ (Tankan Survey) โดยธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) รวมถึงรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจจีน ผ่านรายงานดัชนี Caixin PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ เดือนมิถุนายน ซึ่งรายงานดังกล่าวจะสะท้อนภาพกิจกรรมทางเศรษฐกิจของบรรดาธุรกิจขนาดเล็ก-กลาง ได้ดี

ฝั่งไทย – เราประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไป (Headline CPI) เดือนมิถุนายนอาจชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าสู่ระดับ 1.10% (+0.20%m/m) ตามผลของฐานราคาที่สูงในปีก่อนหน้า และการปรับตัวลดลงของราคาเนื้อสัตว์ ผักและผลไม้จากเดือนก่อน ส่วนดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนมิถุนายน อาจปรับตัวขึ้นต่อสู่ระดับ 50.5 จุด สอดคล้องกับยอดการส่งออกล่าสุดที่ขยายตัวดีกว่าคาด อย่างไรก็ดี ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเดือนมิถุนายนอาจทรงตัว

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า โมเมนตัมการอ่อนค่าแม้จะชะลอลง แต่ยังคงอยู่ ทำให้เงินบาทเสี่ยงผันผวนอ่อนค่าทดสอบแนวต้านแรกแถว 37 บาทต่อดอลลาร์ได้ ในกรณีที่ทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อ ซึ่งจะยิ่งกดดันเงินบาทเพิ่มเติมผ่านการย่อตัวลงของราคาทองคำ นอกจากนี้ ควรจับตาทิศทางฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ รวมถึงทิศทางเงินหยวนจีน (CNY) ที่มีผลต่อเงินบาทในช่วงนี้

ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า เงินดอลลาร์อาจแข็งค่าขึ้นได้ในช่วงต้นสัปดาห์ หากตลาดกังวลผลการเลือกตั้งฝรั่งเศสจนกดดันให้เงินยูโร (EUR) อ่อนค่าลง แต่หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ สะท้อนภาพการชะลอตัวของเศรษฐกิจมากขึ้น หรือ ออกมาแย่กว่าคาด ก็อาจกดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงได้บ้าง

เราคงคำแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรเลือกใช้เครื่องมือในการปิดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น ท่ามกลางความผันผวนของเงินบาท รวมถึงสกุลเงินอื่นๆ ที่สูงขึ้นกว่าช่วงอดีตที่ผ่านมาพอสมควร โดยผู้เล่นในตลาดอาจเลือกใช้เครื่องมือเพิ่มเติม อาทิ Options หรือ Local Currency ควบคู่ไปกับการปิดความเสี่ยงผ่านการทำสัญญา Forward

มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 36.40-37.25 บาท/ดอลลาร์

ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.65-36.85 บาท/ดอลลาร์

ขอบคุณข้อมูลจาก .thansettakij.com


แบดมินตันไทย ผลงานเทพผงาดซิว 2 แชมป์ศึกยูเอส โอเพ่น

ทัพนักตบลูกขนไก่ไทยประกาศศักดิ์ดา คว้าดับเบิ้ลแชมป์ แบดมินตัน ยูเอส โอเพ่น 2024 ที่สหรัฐอเมริกา มาครอง จากประเภทชายคู่ “พี” พีรัชชัย สุขพันธ์ กับ “โอโม่” พรรคพล ธีระรัตน์สกุล คู่ดาวรุ่งของไทย มือ 38 ของโลก และคู่ผสม ”โอโม่” พรรคพล กับ “จ๋อมแจ๋ม” ผไทมาส เหมือนวงศ์ ทำให้ ในทัวร์นาเมนต์นี้ “โอโม่” คว้าทั้ง 2 แชมป์ที่ทำการแข่งขัน

การแข่งขันแบดมินตันรายการ โยเน็กซ์ ยูเอส โอเพ่น 2024 รายการระดับเวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 300 ชิงเงินรางวัลรวม 210,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 7,770,000 บาท ที่เมืองฟอร์ตเวิร์ท รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา เมื่อช่วงเช้ามืดวันจันทร์ที่ 1 ก.ค. 67 ที่ผ่านมา เป็นการแข่งขันในชิงชนะเลิศ มีนักแบดมินตันไทยลงสนาม 3 คู่ 

ประเภทชายคู่ รอบชิงชนะเลิศ  “พี” พีรัชชัย สุขพันธ์ กับ “โอโม่” พรรคพล ธีระรัตน์สกุล คู่มือวางอันดับ 4 ของรายการ คู่มืออันดับ 38 ของโลก พบกับ หลิว กวงเฮง กับ หยาง โปฮั่น คู่จากไต้หวัน 

เกมแรก ในช่วงต้นทั้งคู่เป็นฝ่ายหาชิงจังหวะทำแต้มได้ตลอดจนผ่านครึ่งทางของเกมแรก คู่ไต้หวัน เล่นเกมหน้าเน็ตได้เคลียร์กว่า ปิดเกมแรกไปก่อนที่ 21-13 แต่ในสองเกมหลัง คู่พีกับ โอโม่ กลับมาเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม แก้เกมอย่างเด็ดขาดลงมาเล่นอย่างมั่นใจมากขึ้นมาแซงกลับมาเอาชนะไปได้ที่สกอร์ 21-16 และ 21-11  ทำให้เอาชนะไปได้ 2-1 เกม 

“พี” พีรัชชัย กับ “โอโม่” พรรคพล  คว้าแชมป์ไปครอง และเป็นชายคู่ที่สอง ที่สามาถคว้าแชมป์รายการนี้ได้ต่อจาก “เอ” มณีพงศ์ จงจิตร กับ “ต้นน้ำ” นิพิธพนธ์ พวงพั่วเพชร เมื่อปี 2014 พร้อมรับเงินรางวัล 16,590 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 613,830 บาท  ส่วน หลิว กวงเฮง กับ หยาง โปฮั่น  รองแชมป์รับเงินรางวัล 7,980 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 295,260 บาท 

ด้าน ประเภทหญิงคู่ รอบชิงชนะเลิศ  “เกน” ลักษิกา กัลละหะ กับ “จ๋อมแจ๋ม” ผไทมาส เหมือนวงศ์ คู่มืออันดับ 29 ของโลก สู้อย่างเต็มที่แล้ว แต่ก็มาพ่ายให้กับ ริน อิวานากะ กับ เคอิ ทากานิชิ คู่มืออันดับ 10 ของโลกจากญี่ปุ่น ไป 0-2 เกม 19-21,15-21  ริน อิวานากะ กับ เคอิ ทากานิชิ  คว้าแชมป์พร้อมรับเงินรางวัล 16,590 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 613,830 บาท  ส่วน  “เกน” ลักษิกา กับ “จ๋อมแจ๋ม” ผไทมาส รองแชมป์รับเงินรางวัล 7,980 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 295,260 บาท

สำหรับการแข่งขันแบดมินตันรายการต่อไปจะเป็นการแข่งขันในศึกโยเน็กซ์ แคนาดา โอเพ่น 2024 รายการระดับเวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 500 ชิงเงินรางวัลรวม 420,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 15,540,000 บาท ระหว่างวันที่ 2-7 ก.ค.67 นี้ ที่เมืองคาลการี ประเทศแคนาดา 

ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th


6 อาหารต้องห้าม ยาม “ปวดท้องประจำเดือน”

ปวดท้องประจำเดือน ความทรมานรายเดือนที่ผู้หญิงหลายคนต้องเผชิญ ใครโชคดีหน่อยก็ปวดน้อย แค่ให้พอรู้สึก แต่สำหรับคนที่ปวดมากก็แทบจะลงไปดิ้นทุรนทุรายกับพื้นเลยทีเดียว ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าอาหารและเครื่องดื่มบางประเภทจะมีผลต่ออาการปวดท้องของสาวๆที่อยู่ในช่วงเป็นประจำเดือน อาจจะส่งผลให้ปวดท้องจนแทบลุกไม่ไหว หรือ จะมีอารมณ์ที่เรียกว่าแทบจะแปรปรวนได้ทุกนาที ซึ่งอาการเหล่านี้ก็สามารถเกิดขึ้นได้จากการรับประทานอาหารบางชนิดเข้าไป มาดูกันดีกว่า อาหารชนิดใดที่กินแล้ว ที่จะส่งผลเสียต่อร่างกาย และควรหลีกเลี่ยงเป็นอย่างมากในช่วงที่สาวๆ อยู่ในช่วงมีประจำเดือน

  1. เนื้อสัตว์ติดมันสาวๆ ที่อยู่ในช่วงเป็นประจำเดือน ควรอยู่ห่างๆเนื้อสัตว์ติดมัน เพราะไขมันจากสัตว์ส่วนใหญ่แล้วเป็นไขมันอิ่มตัวแทบทั้งนั้น ซึ่งไขมันอิ่มตัวนี้นี่แหละเป็นสาเหตุของอาการปวดและการอักเสบต่างๆ โดยเฉพาะถ้าหากมีอาการปวดประจำเดือนอยู่แล้ว และยิ่งรับประทานเนื้อสัตว์ติดมันเข้าไปด้วยไขมันอิ่มตัวในเนื้อสัตว์จะยิ่งทำให้อาการยิ่งแย่ลง เพราะฉะนั้นไม่อยากจะปวดท้องประจำเดือนจนทนไม่ได้ ควรหลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ติดมันแล้วรับประทานเนื้อสัตว์ไขมันน้อยไปก่อนดีกว่า เช่น ปลา
  2. ไอศกรีมหลายคนอาจจะเคยได้ยินว่าเวลาเป็นประจำเดือนห้ามกินไอศกรีม สาเหตุที่ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานไอศกรีมในช่วงมีประจำเดือนก็เพราะว่า ไอศกรีมทำมาจากนม และในนมก็มีไขมันอยู่สูง ซึ่งจะให้ผลเช่นเดียวกับการรับประทานเนื้อติดมันหากรับประทานในช่วงมีประจำเดือน นอกจากนี้ไม่ว่าจะเนย ครีม ชีส หรืออาหารที่มีส่วนประกอบของครีมและชีส ก็สามารถส่งผลให้อาการปวดประจำเดือนเลวร้ายลงได้ เพราะฉะนั้นควรหลีกเลี่ยงที่มีส่วนประกอบจากนมจะดีที่สุด
  3. อาหารแปรรูปอาหารที่ผ่านการแปรรูปแล้วแม้จะสะดวกต่อการรับประทาน แต่สำหรับคนที่กำลังอยู่ในช่วงมีประจำเดือน อาหารแปรรูปเป็นสิ่งหนึ่งที่ควรหลีกเลี่ยง โดยเฉพาะอาหารที่มีโซเดียมสูงเพราะจะทำให้ท้องอืดและรู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัว เพราะฉะนั้นควรหลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปแล้วรับประทานอาหารที่สดใหม่ โซเดียมต่ำดีกว่า
  4. คาเฟอีนสำหรับคนที่ติดกาแฟ การเลี่ยงการดื่มกาแฟหรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเป็นสิ่งที่ยากที่สุดเลย แต่ก็ต้องทำ เพราะการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนในช่วงมีประจำเดือนจะทำให้ปวดประจำเดือนมากขึ้น และยังส่งผลให้นอนหลับยาก และเกิดอารมณ์ซึมเศร้าได้มากขึ้นอีกด้วย แต่ถ้าอยากดื่มจริงๆ ก็ควรเปลี่ยนมาดื่มชาจะดีกว่า เพราะชาบางชนิดก็ไม่มีคาเฟอีน หรือถ้ามีก็มีในปริมาณที่้น้อยกว่ากาแฟ
  5. ของหวานๆหลายคนเวลาที่เป็นประจำเดือนก็มักจะรู้สึกอยากทานของหวานมาเป็นพิเศษ แต่การรับประทานของหวานในช่วงมีประจำเดือนนี่ล่ะจะยิ่งทำให้อาการช่วงมีประจำเดือนของคุณย่ำแย่ลง ถึงแม้ว่าของหวานที่มีน้ำตาลสูงจะช่วยให้คุณอารมณ์ดี แต่ก็เป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ เพราะหลังจากนั้นของหวานเหล่านี้จะทำให้คุณปวดท้องประจำเดือนมากขึ้นกว่าเดิมอีก ถ้าอยากจะรับประทานของหวานจริงๆ แนะนำให้รับประทานผลไม้ดีกว่า
  6. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงมีประจำเดือนจะส่งผลให้อาการช่วงมีประจำเดือนหนักขึ้น แถมยังส่งผลให้ปวดท้องประจำเดือนแบบสุดๆ เลยด้วย เพราะแอลกอฮอล์มีฤทธิ์เช่นเดียวกับยาลดความเข้มข้นของเลือด และทำให้ระบบไหลเวียนเลือดเพิ่มขึ้น ที่เป็นสาเหตุของความรู้สึกอัดอัดไม่สบายตัว โดยอาการเหล่านี้จะเริ่มเกิดขึ้นหลังแค่คุณดื่มเข้าไป ถ้าไม่อยากให้ช่วงมีประจำเดือนของคุณเลวร้ายจนทำอะไรไม่ได้ เลี่ยงแล้วหันมาดื่มชาร้อนๆ ดีกว่า

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ตั้งชื่อเล่นเป็น “ชื่อฝรั่ง” เท่ ๆ อินเตอร์ ๆ ที่ไม่ควรพลาด

หลายคนคงเคยดูภาพยนตร์ การ์ตูน หรือเคยได้อ่านนวนิยายจากตะวันตกหรือฝั่งยุโรป และอยากมีชื่อเล่นเป็นภาษาอังกฤษ เหมือนตัวละครที่เราชื่นชอบเหล่านั้น หรือหากต้องย้ายไปใช้ชีวิตต่างแดน การใช้ชื่อภาษาอังกฤษก็จะทำให้ถูกจดจำได้ง่ายขึ้น ครั้นจะใช้ชื่อภาษาไทยในการพูดคุยก็ดูจะเป็นเรื่องที่ยากพอสมควรกับการออกเสียงชื่อภาษาไทยสำหรับชาวต่างชาติ ในบทความนี้จะมาพูดถึงชื่อภาษาอังกฤษ หรือชื่อฝรั่งที่คนนิยมใช้กัน และชื่อที่พ้องเสียงกับภาษาไทย รวมถึงชื่อเพราะ ๆ จากภาพยนตร์และการ์ตูนยอดฮิต

Top 10 ชื่อภาษาอังกฤษยอดฮิต คนใช้กันเยอะ

ผู้ชาย

  1. James (เจมส์)
  2. Robert (โรเบิร์ต)
  3. John (จอห์น)
  4. Michael (ไมเคิล)
  5. David (เดวิด)
  6. William (วิลเลียม)
  7. Richard (ริชาร์ด)
  8. Joseph (โจเซฟ)
  9. Thomas (โธมัส)
  10. Christopher (คริสโตเฟอร์)

ผู้หญิง

  1. Mary (แมรี)
  2. Patricia (แพททริเซีย)
  3. Jennifer (เจนนิเฟอร์)
  4. Linda (ลินดา)
  5. Elizabeth (อลิซาเบธ, เอลิซาเบธ)
  6. Barbara (บาร์บารา)
  7. Susan (ซูซาน)
  8. Jessica (เจสสิกา)
  9. Sara (ซารา)
  10. Karen (คาเรน)

ชื่อภาษาอังกฤษที่สามารถอ่านเป็นไทยได้ ความหมายดี

ผู้ชาย

  1. Alan (อลัน) อ่านเป็นไทยว่า อารัณย์ (อยู่ในป่า)
  2. Amara (อมรา) อ่านเป็นไทยว่า อมรา (เทวดา)
  3. Charles (ชาลส์) อ่านเป็นไทยว่า ฌาน (ความรู้, การเพ่งด้วยจิต)
  4. Dereck (เดเรค) อ่านเป็นไทยว่า ดิเรก (รุ่งเรือง)
  5. Davin (ดาวิน) อ่านเป็นไทยว่า เทวินทร์ (ผู้เป็นใหญ่ในเทวดา)
  6. Gavin (กวิน) อ่านเป็นไทยว่า กวินทร์ (ผู้เป็นใหญ่ในหมู่นักประพันธ์)
  7. Jace (เจซ) อ่านเป็นไทยว่า เจษฎ์ (ผู้เป็นใหญ่ที่สุด)
  8. Jade (เจด) อ่านเป็นไทยว่า เจตน์ (ความคิด ความตั้งใจ)
  9. Mark (มาร์ค) อ่านเป็นไทยว่า มรรค (หนทางสู่ความดับทุกข์)
  10. Ralph (ราล์ฟ) อ่านเป็นไทยว่า ลาภ (สิ่งที่ได้มาโดยไม่คาดคิด)

ผู้หญิง

  1. Alia (อาเลีย) อ่านเป็นไทยว่า อารียา (เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่อารียา)
  2. Alisa (อลิสา) อ่านเป็นไทยว่า อลิสา (สตรีผู้ยิ่งใหญ่ดุจนางพญาผึ้ง)
  3. Anya (อันยา) อ่านเป็นไทยว่า อัญญา (รู้แจ้ง)
  4. Charissa (คาริซซา) อ่านเป็นไทยว่า ชาลิสา (เป็นใหญ่ด้วยความรุ่งเรือง)
  5. Sophie (โซฟี) อ่านเป็นไทยว่า โสภี (สวย, งาม)
  6. Tara (ทารา) อ่านเป็นไทยว่า ธารา (สายน้ำ, ลำธาร)
  7. Pat (แพท) อ่านเป็นไทยว่า ภัทร (ดี, งาม, เจริญ)
  8. Rosalyn (โรสลิน) อ่านเป็นไทยว่า รสริน (รื่นรส, มีเสน่ห์น่ารื่นรมย์)
  9. Sandy (แซนดี)  อ่านเป็นไทยว่า แสนดี (มีความดีมากมาย)
  10. Sharisa (ชาริสา) อ่านเป็นไทยว่า ชาลิสา (เป็นใหญ่ด้วยความรุ่งเรือง)

ชื่อภาษาอังกฤษเพราะๆ จากภาพยนต์และการ์ตูน

  1. Natasha (นาตาชา) จาก Marvel
  2. Scarlet (สการ์เลต) จาก Marvel
  3. Falcon (ฟอลคอน) จาก Marvel
  4. Hermione (เฮอร์ไมโอนี) จาก Harry Potter
  5. Draco (เดรโก) จาก Harry Potter 
  6. Benjamin (เบนจามิน) จาก Jurassic
  7. Charlie (ชาร์ลีย์) จาก Jurassic
  8. Bella (เบลลา) จาก Twilight
  9. Edward (เอ็ดเวิร์ด) จาก Twilight
  10. Minnie (มินนี่) จาก Mickey mouse
  11. ShellieMay (เชอรีเมย์) จาก Duffy and friends
  12. Drizella (ดริซเซลลา) จาก Cinderella
  13. Wendy (เวนดี) จาก Peter Pan
  14. Aurora (ออโรรา) จาก Sleeping beauty
  15. Cruella (ครูเอลลา) จาก 101 Dalmatians
  16. Piglet (พิกเลท) จาก Winnie and the Pooh
  17. Bonnie (บอนนี) จาก Toy story
  18. Giselle (จีเซล) จาก Enchanted
  19. Flynn (ฟลินน์ ) จาก Tangled
  20. Elsa (เอลซา) จาก Frozen

ขอบคุณข้อมูลจาก engduothailand.com


แบตเตอรี่รถยนต์มีอายุการใช้งานกี่ปี?

แบตเตอร์เป็นชิ้นส่วนสำคัญของรถยนต์ เพราะแม้ว่าเครื่องยนต์จะอยู่ในสภาพสมบูรณ์ขนาดไหน แต่หากขาดแบตเตอรี่ไปแล้วล่ะก็ รถยนต์ก็จะไม่สามารถใช้งานได้เลย แล้วทราบหรือไม่ว่าแบตเตอรี่จะต้องเปลี่ยนทุกกี่เดือนกี่ปีจึงจะเหมาะสม

แบตเตอรี่เปลี่ยนทุกกี่ปี?

โดยปกติแล้วแบตเตอรี่รถยนต์มีอายุการใช้งานเริ่มต้นตั้งแต่ 1 ปี ไปจนถึง 5 ปี หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับแบตเตอรี่แต่ละยี่ห้อ รวมถึงระบบไฟฟ้าของรถยนต์แต่ละรุ่นอาจส่งผลให้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่แตกต่างกันออกไป (โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับการทำงานแบตเตอรี่โดยตรง เช่น ไดชาร์จ, ไดสตาร์ท ฯลฯ)

ดังนั้น การเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ควรกระทำเมื่อแบตเตอรี่เริ่มเสื่อมสภาพ ซึ่งเป็นข้อบ่งชี้สำคัญว่าถึงเวลาเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่แล้ว โดยสามารถสังเกตจาก 5 อาการดังนี้

รถสตาร์ทยากผิดปกติ – หากเริ่มรู้สึกว่าเครื่องยนต์สตาร์ทยากผิดปกติ ใช้ระยะเวลาสตาร์ทนานขึ้น รวมถึงเสียงไดสตาร์ทเริ่มช้าลง มีความเป็นไปได้สูงว่าเกิดจากแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ หากไม่ได้เปลี่ยนแบตเตอรี่เกิน 1-2 ปี ก็ควรพิจารณาเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่โดยเร็ว

ไฟหน้ารถไม่สว่าง – ไฟหน้ารถแบบฮาโลเจนเป็นอุปกรณ์ที่กินไฟค่อนข้างมาก หากแบตเตอรี่เริ่มเสื่อมสภาพจะทำให้ความสว่างของไฟหน้าลดน้อยลง อาจพบเจออาการไฟกระพริบเมื่อดึงสวิตช์กดปิดหน้าต่าง หรือจังหวะที่คอมเพรสเซอร์แอร์มีการตัดต่อร่วมด้วย

ตาแมวแบตเตอรี่เปลี่ยนสี – แบตเตอรี่บางรุ่นอาจมีตาแมวใช้สำหรับแสดงสถานะการเก็บประจุไฟของแบตเตอรี่ลูกนั้นๆ ซึ่งโดยมากแล้วหากแบตเตอรี่สามารถเก็บไฟได้ตามปกติ จะปรากฏเป็นสีฟ้า แต่หากแบตเตอรี่เริ่มเสื่อมสภาพจะเปลี่ยนเป็นสีแดง และหากแบตเตอรี่เสื่อมสภาพโดยสมบูรณ์ก็จะเปลี่ยนเป็นสีขาว เป็นต้น

ระบบไฟฟ้าทำงานผิดปกติ – รถยนต์รุ่นใหม่ที่มีอุปกรณ์ไฟฟ้าจำนวนมาก จำเป็นต้องอาศัยการทำงานของแบตเตอรี่ที่สมบูรณ์ หากแบตเตอรี่มีการเสื่อมสภาพอาจทำให้อุปกรณ์บางอย่างทำงานผิดแปลกไป

ทั้งนี้ แบตเตอรี่เป็นอุปกรณ์ที่มีราคาไม่สูง สามารถใช้งานได้ยาวนาน จึงควรเปลี่ยนแบตเตอรี่เมื่อถึงคราวจำเป็น จะได้ไม่เกิดอาการเสียกลางทาง ซึ่งอาจสร้างความลำบากอื่นๆ ตามมาได้

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


แจกสูตรมัทฉะมะพร้าวอร่อยสดชื่นน ดับร้อนแบบฟินๆ

เรียกได้ว่ากระแสของ มัทฉะมะพร้าว หรือ Matcha Coco Drink มาแรงสุดๆ ด้วยความละมุนละไมของมัทฉะ ผสมผสานกับน้ำมะพร้าวที่ให้ความสดชื่น ดื่มคู่กับน้ำแข็งเย็น ๆ บอกเลยว่าตอบโจทย์กับอากาศบ้านเราแบบสุด ๆ ฟินเกินคุณน้าาา ส่วนวัตถุดิบและขั้นตอนการทำจะมีอะไรบ้าง ตามไปดูกันเลย

แจกสูตร มัทฉะมะพร้าว หรือ Matcha Coco Drink ส่วนผสมสำคัญมัทฉะมะพร้าว 

  • น้ำมะพร้าว  
  • ไซรัป
  • เนื้อมะพร้าว
  • ผงมัทฉะ
  • น้ำอุ่น
  • น้ำแข็ง

ขั้นตอนการทำมัทฉะมะพร้าว

  • เริ่มขั้นตอนแรกด้วยการใส่ผงมัทฉะลงในถ้วยชงชาตามด้วยน้ำอุ่น จากนั้นใช้แปรงชงชาละลายผงมัทฉะจนเป็นเนื้อเดียวกัน จะตีให้ขึ้นฟู หรือเป็นฟองนมก็ได้นะ 
  • ขั้นตอนถัดมา เตรียมแก้ว ผสมน้ำมะพร้าว ไซรัป และเนื้อมะพร้าวเข้าด้วยกัน (ความหวานก็ตามชอบเลย)
  • ขั้นตอนสุดท้ายให้ใส่น้ำแข็งในแก้วเสิร์ฟ ตามด้วยน้ำมะพร้าวที่เราเตรียมไว้ และเทมัทฉะของเราไว้ชั้นบนสุด เท่านี้ก็พร้อมเสิร์ฟ!

นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเมนูคลายร้อนที่เรานำมาฝากทุกคนค่ะ น่าอีสไม่ไหวคุณน้าาา เป็นเครื่องดื่มที่ทำง่ายแถมยังสดชื่นสุด ๆ อีกทั้งเมนูมัทฉะมะพร้าวยังมีประโยชน์เพราะในมัทฉะมีปริมาณ Caffeine ที่ค่อนข้างสูงอยู่แล้วทำให้คนที่กินเข้าไปตื่นตัว รู้สึกสดชื่น ผ่อนคลาย และในน้ำมะพร้าวยังช่วยให้ผิวพรรณเปร่งปลั่ง ชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัยอีกด้วย เรียกได้ว่าประโยชน์ครบ ใครทำตามแล้วมีความเห็นยังไงมาแชร์กันได้เลยนะ ขอให้เอนจอยกับเมนูที่เรานำมาฝากค่าา สุดท้ายนี้พวกเราขอตัวลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่ในเมนูถัดไปนะ บ๊ายบายย

ติดตามเนื้อหาดีๆ แบบนี้ได้ที่ Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th Twitter : https://twitter.com/innnews Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news LINE Official Account : @innnews ขอบคุณรูปภาพจาก iloveserenitea Seven Suns

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 01/07/2567

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a40,400.0040,500.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,617.0039,673.7241,000.00
ทองรูปพรรณ 90%2,355.3035,706.35n/a
ทองรูปพรรณ 80%2,093.6031,738.98n/a
ทองรูปพรรณ 50%1,178.0017,858.48n/a
ทองรูปพรรณ 40%916.0013,886.56n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,712.0041,113.92n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 01/07/2567



ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9538.7538.7539.2538.7538.7538.4538.7538.7538.7538.75
แก๊สโซฮอล์ 9138.3838.3838.6838.3838.3838.0838.3838.3838.3838.38
แก๊สโซฮอล์ E2036.6436.6437.1436.6436.6436.6436.6436.6436.64
แก๊สโซฮอล์ E8536.3936.3936.39
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม47.3449.8449.8449.8447.34
เบนซิน 9546.6449.4147.1446.7946.64
ดีเซล32.9432.9433.4432.9432.9432.9432.9432.9432.9432.94
ดีเซลพรีเมี่ยม44.9447.1449.8447.1447.1444.94
แก๊ส NGV19.5919.5919.59
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า