‘บ้านหรู’ คัมแบค สิงห์ เอสเตท ผุด ‘ศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส’ ขาย 50-100 ล้าน
ต่อยอดโครงการบ้านหรูระดับซูเปอร์ลักชัวรีระดับ 100 ล้าน บมจ.สิงห์ เอสเตท ประกาศบุกตลาดครั้งใหม่ ผุดโครงการ ‘ศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส’ เปิดราคาขายสูง 50-100ล้าน บนทำเลพัฒนาการ เดินหน้าดันเป้าธุรกิจที่พักอาศัย 5 ปี 52,000 ล้านบาท
31 พฤษภาคม 2565 – นับเป็นการกลับมาเขย่าตลาดบ้านหรู และต่อยอดความสำเร็จอีกครั้ง ของบริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หลังจากก่อนหน้าประกาศปิดการขาย โครงการ “สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส (SANTIBURI The Residences ” บ้านหรูระดับอัลตร้าลักชัวรี ซึ่งตั้งอยู่ในย่านเลียบด่วนรามอินทรา ด้วยราคาขายเริ่มต้น 250 ล้านบาท ซึ่งนับว่าแพงเป็นอันดับเบอร์ต้นของประเทศไทย
ล่าสุด สิงห์ เอสเตท กางแผนธุรกิจ ระบุ จะทุ่มงบกว่า 3.2 หมื่นล้านบาท เพื่อรุกตลาดบ้านระดับลักชัวรี่อย่างเต็มรูปแบบ ผ่าน 3 เซ็กเมนท์ใหม่ นำร่องไฮไลท์ปีนี้ โครงการ ‘ศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส’ บนย่านพัฒนาการ ที่คาดว่าจะมีราคาขายเปิดตัวที่ 50-100 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันมูลค่าโครงการที่อยู่อาศัย ราว 5.2 หมื่นล้านบาทในระยะ 5 ปี นับจากนี้
นาย ณัฐวุฒิ มัธยมจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจพักอาศัย บมจ. สิงห์ เอสเตท เผยถึงแผนการพัฒนาธุรกิจพักอาศัยของบริษัท ว่า ด้วยเทรนด์ในปัจจุบันที่คนอยู่บ้านนานขึ้น มองหาบ้านที่ส่งเสริมคุณภาพชีวิต และใช้ประโยชน์ได้หลากหลายรูปแบบ บ้านจึงต้องให้ความสุขได้ตลอด 24 ชม. ที่สำคัญต้องตอบโจทย์ฟังก์ชั่นที่หลากหลายมากขึ้น นอกจากเป็นที่อยู่อาศัยแล้ว ยังต้องเป็นที่สังสรรค์ และที่ทำงานแบบ Work from home ได้ด้วย
สิงห์ เอสเตทจึงได้นำแนวคิดนี้มาออกแบบโครงการที่พักอาศัยแนวราบ และเพื่อต่อยอดจากความสำเร็จที่สามารถปิดการขายโครงการบ้านสันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส ที่สะท้อนให้เห็นถึงความเข้าใจในความต้องการของผู้บริโภคของตลาดระดับบน
ย้ำภาพ Best In Class สู่เป้าหมาย 5.2 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ สิงห์ เอสเตท ตอกย้ำจุดยืนในการสร้างคุณค่าและความยั่งยืนให้ทุกชีวิต หรือ Enriching Life ด้วยความพิถีพิถันในทุกรายละเอียด ใส่ใจ และมุ่งมั่นพัฒนาโครงการให้เป็น Best In Class เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ด้วยคุณภาพในระดับสากล ควบคู่ไปกับการดูแลชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม
ซึ่งแผนธุรกิจในปีนี้ บริษัทจะนำร่องเดินหน้ารุกตลาดบ้านแนวราบเต็มตัว ภายใต้เป้าหมายช่วง 5 ปีต่อจากนี้ จะสร้างโครงการรวมมูลค่า 52,000 ล้านบาท วางสัดส่วนบ้านแนวราบต่อคอนโดมิเนียมที่ไว้ 75% ต่อ 25% เน้นทำเลศักยภาพ ประกอบด้วยโครงการตั้งแต่ระดับ 10 – 100 ล้านบาท ใน 3 เซ็กเมนท์ ซึ่งพร้อมเปิดตัวภายในปีนี้ 1 โครงการมูลค่า 2,900 ล้าน และจะทยอยเปิดตัวอย่างต่อเนื่องปีละประมาณ 3,000 – 14,000 ล้านบาท โดยคาดว่าธุรกิจที่พักอาศัยจะสร้างรายได้รวมต่อปีสูงกว่า 10,000 ล้านบาท ในปี 2569
นำร่องโครงการศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส (Siraninn Residences) เริ่ม 50 ล้านบาท
นายณัฐวุฒิ ยังกล่าวถึงการเปิดตัวบ้านแบบใหม่เพิ่มเติมด้วยว่า “สิงห์ เอสเตท เตรียมจะเปิดตัวโครงการใหม่ใน 3 เซ็กเมนท์ คือ
- บ้านเดี่ยวระดับ Super Luxury ในทำเล Premium Location ด้วยราคา 50-100 ล้านบาท เพื่อเป็นการต่อยอดจากการพัฒนาโครงการสันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส ที่ประสบความสำเร็จมา โดย character ของโครงการนี้จะมีสถาปัตยกรรมที่ Timeless สวยงามยาวนาน แม้จะถูกส่งมอบจาก generation สู่อีก generation หนึ่ง ทุกรายละเอียดถูกคิด มา อย่างดี สร้างอย่างประณีตเสมือนงาน masterpiece สะท้อนความ สง่างามของผู้อยู่อาศัย โดยแบรนด์นี้จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการด้วยชื่อ ศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส (Siraninn Residences)
- บ้านเดี่ยวระดับ Luxury บน Premium Location ที่สะท้อน Lifestyle การใช้ชีวิตของคนเมือง ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ด้วยราคา 20-50 ล้านบาท โครงการจะถูกออกแบบให้โดดเด่นด้วยการผสมผสานธรรมชาติให้เข้ากับการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัย เสมือนพักผ่อนในรีสอร์ทตากอากาศในทุกๆ วัน สะท้อน Stylish Luxury Lifestyle ของผู้พักอาศัย
- บ้านเดี่ยวระดับ Affordable Luxury ในทำเลที่ Premium เดินทางสะดวก เข้าถึงใจกลางเมืองได้ง่ายๆ ด้วยระดับราคา 10-20 ล้านบาท โครงการนี้จะเน้นเรื่องของการออกแบบที่มีความเป็นคนรุ่นใหม่ ใส่ใจในทุกรายละเอียดของการ Design โดยยังเน้นเรื่องของ Form และ Function ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิต
“สำหรับในปีนี้ เราจะได้เห็นการเปิดตัวโครงการ ศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส (Siraninn Residences) มูลค่ารวม 2,900 ล้าน ในเดือนกันยายน โดยโครงการตั้งอยู่ในซอยพัฒนาการ 32 ซึ่งเป็นทำเลที่อยู่อาศัยสำหรับโครงการแนวราบเขตเมือง ที่พรีเมียมที่สุดในปัจจุบัน สามารถเดินทางเชื่อมต่อไปยังโซนธุรกิจสำคัญได้หลายเส้นทาง ไม่ว่าจะไปยังสุขุมวิท ทองหล่อ เอกมัย หรือเชื่อมต่อไปโซนเศรษฐกิจหลักบนถนนพระราม 9 ก็สามารถทำได้อย่างสะดวกรวดเร็ว คาแรกเตอร์ของโครงการจะเป็น Horizontal Luxury House ในรูปแบบบ้านเดี่ยว 2 ชั้นท่ามกลางสังคมคุณภาพ โดยนำเสนอแบบเอ็กซ์คลูซีฟจำกัดจำนวนเพียง 32 หลังเท่านั้นส่วนอีก 2 เซ็กเมนท์ใหม่ จะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการพร้อมชื่อแบรนด์ในปี 2023 นี้แน่นอน”
ขอบคุณข้อมูลจาก .thansettakij.com
Walking Street สยามสแควร์ โปรเจ็กต์มิกซ์ยูส ผู้ค้า ผู้เช่า แห่ปรับตัว
สัมภาษณ์พิเศษ
หากใครเป็น “เด็กสยาม” คงไม่พลาดที่จะไปเดิน Walking Street สยามสแควร์ซอย 7 ที่เปิดทดสอบเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา หลังสำนักงานจัดการทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (PMCU) เดินหน้าดำเนินการโปรเจ็กต์มิกซ์ยูส ปรับโฉมพื้นที่มาตลอดช่วง 1-3 ปี เพื่อตั้งเป้าให้เป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ในกรุงเทพมหานคร
“ประชาชาติธุรกิจ” มีโอกาสสัมภาษณ์ รศ.ดร.วิศณุ ทรัพย์สมพล รองอธิการบดี ด้านการจัดการทรัพย์สินและกายภาพ จุฬาฯ ถึงสถานการณ์ผู้ค้าและผู้เช่าพื้นที่ในการเปิดร้านขายโดยเทียบกับช่วงก่อนและหลังเกิดวิกฤตโควิด-19 ระบุว่า ในช่วงนี้ร้านค้าเริ่มมีการปรับตัวเพื่อต้อนรับการเปิดประเทศ มีการปรับปรุงร้านค้า บรรยากาศเริ่มคึกคัก
เริ่มมีประชาชนมาจับจ่ายใช้สอย ซึ่งจะเห็นว่ามีนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น หลังรัฐบาลประกาศเปิดประเทศ แต่อาจยังขาดในส่วนของนักท่องเที่ยวจีน ที่ต้องรอให้เขาประกาศเปิดประเทศเสียก่อน
สำหรับการปรับปรุงพื้นที่มีความคืบหน้าแล้ว 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ ซึ่งหลังจากเปิดทดสอบ Walking Street วันแรก เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา มองว่า ทิศทางน่าจะดีขึ้น เพราะก่อนหน้านี้ร้านอาหารเริ่มคึกคักแล้ว หากมีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ก็น่าจะมีผู้เข้ามาใช้บริการสยามสแควร์เพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมธุรกิจร้านค้าอื่น ๆ ให้ดีตามไปด้วย อีกทั้งยังได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากทางร้านค้า และอาจจะดีเกินที่คาดการณ์ไว้ด้วย
รศ.ดร.วิศณุ ทรัพย์สมพล รองอธิการบดี ด้านการจัดการทรัพย์สินและกายภาพ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ค่าเช่าที่ก่อน-หลังโควิด
รศ.ดร.วิศณุ ระบุว่า เมื่อเทียบกับช่วงก่อนและหลังเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ไม่ได้มีการปรับขึ้นค่าเช่าที่เท่าไรนัก ซึ่งบางครั้งอาจต้องดูทิศทางตามสถานการณ์ในช่วงนั้น ๆ อย่างเช่น มีการให้ส่วนลดในช่วงที่ค้าขายไม่ดีเท่าไร แต่ถ้าเศรษฐกิจฟื้นตัวก็อาจมีการประเมินความสามารถในการจ่ายของร้านค้า
“ช่วงโควิดทุกคนก็เหนื่อยทุกคนเราก็เห็นใจ เราคงไปปรับขึ้นอะไรมากไม่ได้ แต่ถ้าเทียบกับก่อนโควิด ตอนนี้ก็ไม่ได้เพิ่มมากเท่าไร หรือต้องลองดูทิศทาง เรื่องนี้เราต้องตามสถานการณ์ไป คือบางทีตั้งค่าเช่า ก็มีส่วนลดให้บ้างในช่วงที่ค้าขายไม่ดี แต่ถ้าเศรษฐกิจฟื้นตัว ก็ต้องดูความสามารถในการจ่าย ต้องปรับตามไป”
นอกจากนี้ ยังมองว่า ในส่วนของประเภทสินค้าก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลง มีการปรับตัวธุรกิจของตัวเอง เมื่อมีร้านที่ยกเลิกการเช่าพื้นที่ ก็จะมีร้านใหม่มาทดแทน รวมถึงบางร้านก็มีการขยายใหญ่ขึ้น หรือเปลี่ยนตำแหน่งของร้าน เพื่อไปอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าของทางร้านมากขึ้น
ดันร้านค้าศักยภาพขึ้น Flagship
ส่วนพื้นที่สำหรับร้าน Flagship ต้องคัดสรรร้านค้าที่เป็นแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จระดับหนึ่งมาแล้ว คือ มีศักยภาพ และกลุ่มลูกค้าที่มากพอจะมาอยู่บนพื้นที่ Walking Street ที่มีอยู่อย่างจำกัด แต่ในขณะเดียวกันร้านค้าที่อยู่ตามซอยต่าง ๆ ของสยามสแควร์ก็มีเสน่ห์ และคาแร็กเตอร์เป็นของตัวเองเช่นกัน
“คือร้านธรรมดา แต่อาจต้องบอกว่าไม่ธรรมดานะ คือ ร้านเขาก็ขายได้ดีละ แต่ว่าเขาเห็นโอกาสตรงนี้ ว่านาน ๆ ทีจะมีพื้นที่ที่อยู่บน Walking Street จริง ๆ จากแต่ก่อนก็อาจจะเป็นร้านในสยาม แต่ว่าอาจจะอยู่ชั้นใต้ดิน เมื่อมีจังหวะที่ดี แล้วเขามีศักยภาพพอ เขาได้พิสูจน์มาแล้วว่าร้านเขาเนี่ยเป็นแบรนด์ที่ดี มีลูกค้าประจำ เราก็ให้โอกาสเขา ได้มี Outlet อยู่บน Walking Street”
“ผมว่าเราโชคดี ที่ได้ร้านค้าที่เป็นพันธมิตรที่ดี เขาเข้าใจในลักษณะของสยามสแควร์อยู่ ต้องยอมรับว่า ตอนก่อนปรับปรุงการปรับตัวอาจจะยังไม่มาก เพราะยังไม่เห็นภาพจริง แต่หลังจากมีการปรับปรุง เริ่มเห็นภาพของจริงละ กระแสตอบรับดีมาก ทุกร้านก็อยากตกแต่งร้านค้าให้สวย ให้เหมาะกับเป็น Walking Street ที่เป็นแลนด์มาร์กของกรุงเทพฯ จริง ๆ” รศ.ดร.วิศณุ กล่าวย้ำ
ขอบคุณข้อมูลจาก prachachat.net
บาทเปิด 34.32 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่า
ค่าเงินบาทเปิดตลาด 34.32 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่า คาดกรอบวันนี้ 34.20-34.40 บาทต่อดอลลาร์ ตลาดรอปัจจัยใหม่
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 34.32 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากเย็นวานที่ปิดตลาดที่ระดับ 34.19 บาท/ดอลลาร์
เงินบาทเช้านี้อ่อนค่าตามดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากเมื่อคืนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้น ด้านสกุลเงินภูมิภาคเคลื่อนไหวแบบผสม แต่ส่วนใหญ่ค่อนข้างอ่อนค่า
นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 34.20 – 34.40 บาท/ดอลลาร์
สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามวันนี้ คือ ดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) (เช้าวันที่ 2 มิ.ย.)
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
ปีแห่งการเปลี่ยนแปลง.. มีอะไรบ้างที่ควรรู้ก่อนเชียร์ไทยในเนชั่นส์ลีก 2022
การเเข่งขันวอลเลย์บอล “เนชั่นส์ ลีก 2022” ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นในช่วงปลายเดือนนี้ (พฤษภาคม) นับเป็นอีก 1 รายการที่เเฟนลูกยางชาวไทยให้ความสนใจ เพราะว่าเป็นทัวร์นาเมนต์ระดับโลกที่ “ตบลูกยางสาวไทย” ได้รับสิทธิ์เข้าร่วมเเข่งขันเป็นประจำทุกปี เเละยังเป็นบททดสอบสำคัญของทีมชุดปัจจุบันว่าจะทำผลงานออกมาได้ดีมากน้อยเเค่ไหนในวันที่ไม่มี “รุ่นพี่ 7 เซียน”
โดยก่อนที่การเเข่งขัน VNL 2022 จะเปิดฉากขึ้นอย่างเป็นทางการ เราจะพาทุกคนไปพบกับ 5 ประเด็นน่าสนใจของ “เนชั่นส์ ลีก 2022” เพื่อเพิ่มอรรถรสในติดตามให้เข้มข้นมากขึ้น!!!!
รูปแบบการเเข่งขันที่เปลี่ยนไปอีกครั้ง
เเน่นอนว่าการเเข่งขัน “เนชั่นส์ ลีก 2021” ที่เมืองริมินี่ ประเทศอิตาลี ถูกจัดขึ้นภายใต้การเเพร่ระบาดของ “โควิด-19″ ทัวร์นาเมนต์ดังกล่าวจึงเเข่งขันกันในรูปแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นั่นก็คือการเเข่งขันเเบบ “บับเบิ้ล” หรือพูดง่ายๆ คือการเอาทุกคนเข้าไปอยู่ในฟองอากาศขนาดใหญ่เเละห้ามเข้าห้ามออกจนกว่าจะจบทัวร์นาเมนต์ เป้าหมายสำคัญคือการดูเเลความปลอดภัยในเรื่องของสุขภาพ
เเม้ว่าการเเข่งขัน “VNL 2022” จะกลับมาเเข่งขันตามสนามต่างๆอีกครั้งในเเต่ละสัปดาห์ ทว่ารูปแบบการเเข่งขันก็ไม่เหมือนกับ 2 ครั้งเเรกของทัวร์นาเมนต์อยู่ดี เพราะในปีนี้ทุกทีมจะลงเเข่งขันเพียงเเค่ 12 เเมตช์ ทั้งที่โดยปกติจะต้องเล่นเเบบพบกันหมด ยิ่งไปกว่านั้นจากเดิมในสัปดาห์สุดท้ายจะเอา 6 ทีมเข้ารอบ(รวมเจ้าภาพ) เเละเเบ่งเป็นกลุ่มละ 3 ทีม ในครั้งนี้จะเอาเข้าทั้งหมด 8 ทีม(รวมเจ้าภาพ) เเละประกบคู่เล่นเเบบน็อกเอาต์
เเชมป์หน้าเก่า หรือ เเชมป์หน้าใหม่
การเเข่งขันวอลเลย์บอล “เนชั่นส์ ลีก” จัดมาเเล้วทั้งหมด 3 ครั้ง เเละปรากฏว่าทั้ง 3 ครั้ง “เเชมป์” ตกเป็นของ สหรัฐอเมริกา ทีมเดียวเท่านั้น! โดยใน 2 ครั้งเเรก ที่ประเทศจีน สหรัฐฯ เอาชนะ ตุรกี ในปี 2018 เเละชนะ บราซิล ในปี 2019 ด้วยสกอร์เท่ากัน 3-2 เซต ส่วนในครั้งล่าสุดที่อิตาลี สหรัฐฯ ย้ำเเค้น บราซิล ได้อีกครั้ง 3-1 เซต
หลายๆ คนอาจมองว่า สหรัฐฯ มักทำได้ดีในรายการนี้เเต่ไปอกหักในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆ เเต่เมื่อปีที่เเล้ว(2021) สหรัฐฯ ยังโชว์ฟอร์มร้อนเเรงได้อย่างต่อเนื่อง! เเละผงาดคว้า “เหรียญทองโอลิมปิกฯ” มาครองได้สำเร็จเป็นครั้งเเรกในประวัติศาสาตร์ ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ก็ต้องมาลุ้นกันว่าสุดท้ายเเล้ว สหรัฐฯ จะคว้าเเชมป์มาครองได้อีก 1 สมัย หรือว่าจะมี “เเชมป์หน้าใหม่” ถือกำเนิดขึ้นในปีนี้
ภาพไม่คุ้นตาเมื่อไม่มี รัสเซีย
อย่างที่หลายๆ คนทราบกันไปนานเเล้วว่า “เนชั่นส์ ลีก 2022” จะไม่มีชื่อของ ทีมชาติรัสเซีย เข้าร่วมเเข่งขันด้วยเป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี เหตุผลหลักๆ ก็มาจากปัญหาทางการเมืองระหว่าง รัสเซีย กับ ยูเครน โดยนอกจาก “ทัพลูกยางสาวหมีขาว” จะไม่ได้รับสิทธิ์เข้าร่วมชิงชัยในครั้งนี้เเล้ว พวกเขายังถูกตัดสิทธิ์จากการเป็น “เจ้าภาพ” ในสัปดาห์ที่ 3 ด้วยเช่นกัน ซึ่งนับเป็นครั้งเเรกของ “VNL” ที่ไม่มีชื่อของ ทีมชาติรัสเซีย
ทีมที่รับ “ส้มหล่น” ได้เเก่ ทีมชาติบัลเเกเรีย โดยทาง สหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ “เอฟไอวีบี” เลือกให้ “สาวเมืองโยเกิร์ต” เข้าร่วมการเเข่งขันเเทน เเละมอบสิทธิ์ให้ กรุงโซเฟีย ประเทศบัลแกเรีย ทำหน้าที่เป็น “เจ้าภาพ” ในสัปดาห์ที่ 3 (28 มิถุนายน – 3 กรกฎาคม) แทนที่เมืองอูฟา ประเทศรัสเซีย อีกด้วย
ถ่ายทอดสดช่องใหม่
ประเด็นสำคัญที่แฟนลูกยางชาวไทยให้ความสนใจมาโดยตลอดเกี่ยวกับ “เนชั่นส์ ลีก 2022” คือจะรับชมการถ่ายทอดสดได้ทางช่องไหน หลายๆคนคิดว่า “ขาประจำ” หรือช่องที่มักถ่ายทอดสดวอลเลย์บอลรายการสำคัญๆมาตลอด ไมว่าจะเป็น 3, 7, ไทยรัฐทีวี, ช่องเวิร์คพอยท์, ช่องพีพีทีวี รวมทั้ง ช่องทรูโฟร์ยู จะคว้าลิขสิทธิ์ของ “VNL 2022” ไปครอง
เเต่สุดท้ายเเล้วช่องที่ถ่ายทอดสดในครั้งนี้คือ ช่องวัน 31 และ ช่องจีเอ็มเอ็ม 25 ซึ่งถือส่าเป็นครั้งเเรกของทั้ง 2 ช่อง กับการถ่ายทอดสดวอลเลย์บอลรายการใหญ่ระดับโลก เเละไม่เเน่ว่าในอนาคตข้างหน้าพวกเขาอาจจะสถาปนาตัวเองขึ้นมาเป็น “ช่องวอลเลย์บอล” เเบบเต็มตัว! หากว่ากระเเสตอบรับของการถ่ายทอดสดในปีนี้ออกมาดีตามที่ตั้งเป้าไว้
ทีมสาวไทยยุคใหม่
เเม้ว่าจะไม่ใช่การเเข่งขันอย่างเป็นทางการทัวร์นาเมนต์เเรกของ “ทีมสาวไทยชุดใหม่” ที่ไม่มีรายชื่อของ “รุ่นพี่ 7 เซียน” เเต่คงวัดอะไรไม่ได้กับการคว้าเเชมป์ “ซีเกมส์” ที่ประเทศเวียดนาม เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เพราะด้วยมาตรฐานของทีมในอาเซียนต้องยอมรับตามตรงว่ายังห่างจาก “ทีมสาวไทย” อีกหลายช่วงตัว ดูได้จากเกมรอบชิงฯที่เเทบไม่มีอะไรต้องลุ้นต้องเสียวเลยเเม้เเต่นิดเดียว
อย่างที่เกริ่นไปในช่วงต้น “เนชั่นส์ ลีก 2022” คือสนามที่ทุกคนตั้งตารอ มันคือสนามสำคัญที่ใช้ทดสอบฝีมือของ “ทีมสาวไทยยุคใหม่” เพราะคู่เเข่งเเต่ละทีมล้วนเเล้วเเต่เป็นระดับชั้นนำของโลก เเน่นอนว่าบางทีมอาจดูว่าชื่อชั้นไม่น่ากลัวเหมือนหลายๆ ทีมมหาอำนาจ เเต่ศักยภาพตัวผู้เล่นร่วมทั้งรูปร่างที่สูงใหญ่ก็ยังเหนือกว่าทีมอื่นๆ ในอาเซียน หรือเเม้กระทั่งในเอเชีย(ไม่รวมจีน) ดังนั้น ไม่ว่าจะเจอใครก็ถือว่าหนักหนาสาหัสเเน่นอน
ต้องมาลุ้นกันว่า “ทีมสาวไทย” จะทำได้ดีอย่างที่หลายๆ คนตั้งตารอหรือไม่! คำตอบที่ชัดเจนที่สุดคือผลงานที่เกิดขึ้นในสนามแข่งขันเท่านั้น!!!
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
“ฝีดาษลิง” โรคระบาดที่คนไทยควรเริ่มระวัง
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ฝีดาษวานร หรือ ฝีดาษลิง เป็นอีกโรคที่สร้างความกังวลให้หลายประเทศทั่วโลก เพราะมีเริ่มมีการแพร่กระจายเชื้อในหลายพื้นที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งอาการจะคล้ายกับการเป็นอีสุกอีใส ที่สามารถแพร่ได้จากสัตว์สู่คนและจากคนสู่คน การรู้วิธีป้องกันและรักษาเบื้องต้นเมื่อมีการติดเชื้อจะเป็นอีกทางที่สามารถหยุดการแพร่กระจายเชื้อให้ผู้อื่นได้
ฝีดาษลิง คืออะไร
พญ.พรรณพิศ สุวรรณกุล อายุรแพทย์ด้านโรคติดเชื้อ แผนกอายุรกรรม โรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวว่า โรคฝีดาษวานร หรือฝีดาษลิง เป็นเชื้อไวรัสในตระกูลเดียวกับโรคฝีดาษในคน หรือไข้ทรพิษ และในปัจจุบันทั่วโลกพบคนติดเชื้อกว่า 100 คน ประมาณ 20 ประเทศทั่วโลก จะเป็นประเทศแถบแอฟริกา ยุโรป อเมริกา และ ออสเตรเลีย เป็นเชื้อไวรัสที่มาจากสัตว์จำพวกฟันแทะ เช่น เม่น กระรอก หนูป่า กระต่าย เป็นต้น จนกระทั่งมาพบในลิง
ฝีดาษลิง ติดต่อกันได้อย่างไร
ผู้ที่มีโอกาสติดเชื้อมากที่สุดจะเป็นเด็กเล็ก สามารถติดต่อได้จากการ
- สัมผัสสารคัดหลั่ง เช่น น้ำลาย น้ำเหลือง น้ำหนอง หรือเลือด
- แม้จะไม่ใช่โรคที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แต่สามารถแพร่เชื้อได้ขณะมีเพศสัมพันธ์
อาการของโรคฝีดาษลิง
หลังจากได้สัมผัสแล้วเชื้อของโรคฝีดาษลิงแล้ว จะใช้เวลาฟักตัว 7-14 วัน โดยจะมีอาการ ปวดเมื่อยตัว ปวดหลัง ปวดหัว ปวดกระบอกตา มีไข้ เมื่อไข้ลดประมาณ 4-5 วันจะมีผื่นขึ้นตามตัว ซึ่งไม่สามารถระบุได้ว่าผื่นจะขึ้นที่ไหนก่อน เพราะผู้ติดเชื้อแต่ละคนจะมีผื่นขึ้นไม่เหมือนกัน บางคนขึ้นที่หน้าก่อน บางคนขึ้นที่หลังหรือขึ้นที่ตัวก่อน โดยอาการเริ่มแรกจะเป็นผื่นแดง ต่อมาจะเป็นตุ่มน้ำใส ตุ่มหนอง และเป็นสะเก็ดในท้ายที่สุด ผู้ติดเชื้อจะมีอาการไม่รุนแรงและสามารถหายเองได้ใน 3 สัปดาห์
ฝีดาษลิง อันตรายแค่ไหน
ฝีดาษลิง ยังไม่มีวิธีรักษาโรค แต่ผู้ที่ได้รับวัคซีนป้องกันฝีดาษในคนสามารถป้องกันฝีดาษลิงได้เช่นกัน และไม่มีวิธีที่สามารถตรวจหาภูมิได้ว่าเคยได้รับวัคซีนในการป้องกันไข้ฝีดาษมาก่อนหรือไม่
ในขณะนี้มีบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพของประเทศเดนมาร์ก ที่เป็นผู้ผลิตวัคซีนไข้ทรพิษหรือฝีดาษเพียงเจ้าเดียวที่ได้รับการอนุมัติจากหลายประเทศทั่วโลกในขณะนี้ และมีมากกว่า 20 ประเทศที่มีการสั่งจองวัคซีนนี้แล้ว
วิธีป้องกันโรคฝีดาษลิง
โรคฝีดาษลิงสามารถป้องกันได้โดยใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือ เว้นระยะห่าง ไม่รับประทานอาหารจากสัตว์ป่าที่ปรุงไม่สุก และไม่นำสัตว์ป่ามาเลี้ยง ถ้ามีการติดเชื้อแล้วควรกักตัวแยกจากผู้อื่นอย่างน้อย 3 สัปดาห์หรือจนกว่าจะหายดี
ในขณะนี้ต้องขอความร่วมมือจากผู้ที่จะเข้าประเทศไทยโดยมีที่มาจากประเทศต้นทางจากประเทศเหล่านี้ ว่าควรให้ข้อมูลตามจริง ว่ามีอาการหรือไม่ ไม่ควรปิดบัง และหากมีอาการเกิดขึ้นแล้วถ้ามีอาการคันตามผื่นหรือตุ่มที่เกิดขึ้นตามตัวไม่ควรเกาหรือแกะเพราะจะทำให้เกิดแผลเป็นที่แก้ได้ยาก ดังนั้นทางโรงพยาบาลกรุงเทพ จึงตระหนักในโรคดังกล่าวและเตรียมความพร้อมในการป้องกันและรับมือเพื่อเข้าถึงการรักษาในอนาคตต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
กว่าจะมาเป็นประโยคขออนุญาต วางรูปแบบกันยังไงมาดูกัน
1. Can I + Verb (ไม่เป็นทางการ)
Ex: – Can I go out tonight ? คืนนี้ฉันออกไปข้างนอกได้ไหม?
Can he have dinner with us ? ให้เขามาทานมื้อเย็นกับเราได้ไหม?
2. May I + Verb
Ex: – May I have another piece of pie ? ฉันขอพายอีกชั้นได้มั้ยคะ?
May I go out with friends tonight? คืนนี้ฉันขอไปกับเพื่อนได้มั้ยคะ?
3. Could I please + Verb (สุภาพมาก)
Ex: – Could I go with Tom to the movie? ฉันขออนุญาตไปดูหนังกับทอมได้มั้ยคะ?
Could we please go on trip this weekend? พวกเราขออนุญาตไปเที่ยวสุดสัปดาห์ได้มั้ยคะ?
4. Do you think I could (คุณจะว่าอะไรมั้ย ถ้าฉัน…)
Ex: – Do you think I could use your phone? คุณจะว่าอะไรมั้ย ถ้าฉันจะขอใช้โทรศัพท์ของคุณ?
Do you think I could borrow your car? คุณจะว่าอะไรมั้ย ถ้าฉันขอยืมรถของคุณ?
5. Would it be possible for me + infinitive
Ex: – Would it be possible for me to study in this room?
จะเป็นไปได้มั้ยถ้าฉันจะขอเรียนในห้องนี้?
Would it be possible for me to use your computer?
จะเป็นไปได้มั้นถ้าฉันจะขอให้คอมพิวเตอร์ของคุณ?
6. Would you mind if I + Verb in past
Ex: – Would you mind if I took 5 minutes break?
คุณคิดอย่างไงถ้าฉันเบรค 5 นาที?
Would you mind if I stayed a few more minutes?
คุณคิดอย่างไรถ้าฉันขออยู่ต่ออีกไม่กี่นาที?
ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th
อวดโฉม ‘4 ต้นแบบ EV BUS’ ฝีมือคนไทย เล็งต่อยอดผลิต
ครั้งแรกในไทย! สวทช. – เครือข่ายรถโดยสารไฟฟ้าไทย เปิดตัวและส่งมอบ ‘4 ต้นแบบ EV BUS’ เตรียมต่อยอดสู่ระดับอุตสาหกรรมการผลิตและออกแบบการบริการในอนาคต
เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทย กับ 4 ต้นแบบรถโดยสารไฟฟ้าคนไทยทำ ดัดแปลงจากรถเมล์ ขสมก. ที่ใช้แล้ว 20 ปี ภายหลังวิ่งบนเส้นทางให้บริการจริงของ ขสมก. นานกว่า 3 เดือน ทีมวิจัย สวทช. และภาคีเครือข่ายพัฒนาอุตสาหกรรมรถโดยสารไฟฟ้าไทย พร้อมส่งมอบต้นแบบรถโดยสารไฟฟ้า ‘EV BUS’ ทั้ง 4 คัน ให้กับ 4 หน่วยงาน ได้แก่ ขสมก. กฟผ. กฟน. และ กฟภ.
นำไปทดลองขับใช้งานเต็มประสิทธิภาพ เพื่อการออกแบบรูปแบบการให้บริการรถโดยสารไฟฟ้าสาธารณะในระยะยาว สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้บริการและภาคอุตสาหกรรมการผลิตรถโดยสารไฟฟ้าในประเทศ เผยทั้ง 4 รุ่น ใช้วัสดุในประเทศช่วยประหยัดต้นทุนรถบัสนำเข้า 30 % หรือลดต้นทุนได้ 7 ล้านบาทต่อคัน
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับ ภาคีเครือข่ายพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตรถโดยสารไฟฟ้าไทย และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จัดแถลงข่าว “เปิดตัวและส่งมอบผลงานโครงการการพัฒนาต้นแบบอุตสาหกรรมการผลิตรถโดยสารไฟฟ้าภายใต้โครงการพัฒนารถโดยสารไฟฟ้า จากรถโดยสารประจำทางใช้แล้ว ขสมก. (City transit E-buses)” หรือ EV BUS ครั้งแรกในไทย จำนวน 4 คัน
โดยมี ดร.พัชรินรุจา จันทโรนานนท์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) รศ. ดร.วีระศักดิ์ อุดมกิจเดชา ประธานคณะกรรมการพิจารณาและติดตามโครงการภายใต้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนา โครงการการพัฒนารถโดยสารประจำทางใช้แล้วฯ ร่วมแถลงข่าว พร้อมส่งมอบต้นแบบรถโดยสารไฟฟ้าให้แก่ 4 หน่วยงานประกอบด้วย องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และ การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.)
ดร.พัชรินรุจา จันทโรนานนท์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ในฐานะประธาน กล่าวว่า เป็นที่น่ายินดีและน่าชื่นชม ที่โครงการฯ ดังกล่าว เกิดจากความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ในการออกแบบ พัฒนา และผลิตรถโดยสารไฟฟ้า ด้วยการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ความรู้ความเข้าใจในเทคโนโลยี รวมถึงความร่วมมือในการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐาน อุตสาหกรรมการผลิต พลังงาน สิ่งแวดล้อม และกฎหมายข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ทำให้โครงการฯ ประสบความสำเร็จกระทั่งได้เปิดตัวและส่งมอบเป็นครั้งแรกในประเทศไทย
ซึ่งเป็นโครงการฯ ที่เป็นตัวอย่างของการบูรณาการทำงานร่วมกันของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เป็นรูปแบบหนึ่งตัวอย่างสำคัญในการผลักดันงานวิจัย พัฒนา และนวัตกรรมไปสู่ผู้ใช้ประโยชน์ได้จริง เพื่อผลักดันให้งานวิจัยและพัฒนาด้านยานยนต์ไฟฟ้าต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์ ช่วยยกระดับความสามารถในการแข่งขันของภาคเอกชนในอุตสาหกรรมระบบคมนาคมไทย ความสำเร็จครั้งนี้ถือเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยที่มีความสามารถไม่แพ้ชาติอื่น
ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่าในช่วงระยะเวลา 2 – 3 ปียานยนต์ไฟฟ้าได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากประโยชน์ในการลดต้นทุนด้านพลังงาน และที่สำคัญที่สุดคือการลดมลพิษทางสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนมาใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในกลุ่มรถโดยสารสาธารณะถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าลงทุนและน่าสนใจอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้นต้นแบบรถโดยสารไฟฟ้าระดับอุตสาหกรรม จึงถูกพัฒนาขึ้นด้วยความร่วมมือ (Consortium) ภาคีเครือข่ายพัฒนาอุตสาหกรรมรถโดยสารไฟฟ้าไทย ที่ดำเนินงานร่วมกันระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และสถาบันวิจัย ประกอบไปด้วยสมาชิกจาก การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม สถาบันยานยนต์ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งจราจร กรมการขนส่งทางบก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) บริษัทเอกชนผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์
ทั้งนี้ สวทช. ได้รับการสนับสนุนงบประมาณภายใต้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนา โครงการการพัฒนารถโดยสารประจำทางใช้แล้ว ขสมก. เป็นรถโดยสารไฟฟ้าเพื่อพัฒนาขีดความสามารถของผู้ประกอบการไทย ระหว่าง สวทช. กฟผ. กฟภ. กฟน. และ ขสมก.
ซึ่งภายใต้โครงการฯ ดังกล่าวใช้ความสามารถของผู้ประกอบการไทยในการผลิตรถโดยสารไฟฟ้าที่มีคุณภาพ สามารถใช้งานได้ดี มีมาตรฐานและต้นทุนต่ำ ซึ่งต้นแบบรถโดยสารไฟฟ้าทั้ง 4 รุ่น ถูกพัฒนาจากรถโดยสารประจำทางใช้แล้วของ ขสมก. ที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 20 ปี ถูกแจ้งปลดระวางไปแล้ว นำมาปรับปรุงและพัฒนาเป็นรถโดยสารไฟฟ้า ให้สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย ลดต้นทุนการนำเข้าหรือผลิตรถโดยสารไฟฟ้าใหม่ ด้วยมูลค่าสัดส่วนการผลิตชิ้นส่วนจากในประเทศมากกว่าร้อยละ 40 และมีต้นทุนต่ำกว่าการผลิตและนำเข้ารถโดยสารไฟฟ้าใหม่มากกว่าร้อยละ 30 หรือประมาณ 7 ล้านบาทต่อคัน ทำให้ผู้ประกอบการไทยได้เพิ่มขีดความสามารถในการออกแบบและผลิตรถโดยสารไฟฟ้าได้มีคุณภาพภายใต้องค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเชิงวิศวกรรมจากความเชี่ยวชาญของนักวิจัยของ สวทช.และพันธมิตร
“สวทช. โดยทีมวิจัยจากศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) และศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) ได้ร่วมให้คำปรึกษา และแก้ปัญหาการใช้งานรถโดยสารไฟฟ้า พัฒนาต้นแบบสถานีประจุไฟฟ้าสำหรับรถโดยสารไฟฟ้าต้นทุนต่ำ ออกแบบวิธีการประเมิน วิเคราะห์คุณลักษณะ ทดสอบประสิทธิภาพ สมรรถนะ รวมถึงพัฒนาสนามทดสอบน้ำท่วมขังร่วมกับ มจพ. วิทยาเขตปราจีนบุรี และรับการจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกอย่างถูกต้องตามวัตถุประสงค์การใช้งาน และได้ประเมินประสิทธิภาพการให้บริการ ความเหมาะสมผ่านการทดลองให้บริการบนเส้นทางให้บริการจริงของ ขสมก. เป็นระยะเวลา 3 เดือน นอกจากนั้นยังมีความร่วมมือกับ สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร (SIIT) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในการวิเคราะห์ความคุ้มค่าในการพัฒนารถโดยสารไฟฟ้า จากรถโดยสารประจำทางใช้แล้ว ขสมก.”
ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้มีภาคเอกชนร่วมพัฒนารถโดยสารใช้แล้วของ ขสมก. เป็นรถโดยสารไฟฟ้า ก่อนส่งมอบให้กับหน่วยงานผู้สนับสนุน กฟน. กฟภ. กฟผ. และ ขสมก. นำไปใช้งานจริง ประกอบด้วย1. บริษัท โชคนำชัย-ไฮเทคเพลสซิ่ง จำกัด พัฒนารถโดยสารไฟฟ้า (CNC EV BUS) สัดส่วนการใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศ 40% ที่มุ่งเน้นการพัฒนาตัวถังจากวัสดุน้ำหนักเบา ด้วยตัวถังอลูมิเนียม ลดน้ำหนักตัวถังเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ เพื่อส่งมอบให้กับ กฟน. 2. บริษัท พานทอง กลการ จำกัด พัฒนารถโดยสารไฟฟ้า (PTM EV BUS) สัดส่วนการใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศ 60% โดยมีความร่วมมือกับบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายชุดแบตเตอรี่ลิเทียมไออนภายในประเทศเพื่อส่งมอบให้กับ กฟผ. 3. บริษัท รถไฟฟ้า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) พัฒนารถโดยสารไฟฟ้า (EVT EV BUS) สัดส่วนการใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศ 40% มีจุดเด่นที่ใช้ชิ้นส่วนสำคัญจากผู้ผลิตชั้นนำจากต่างประเทศโดยตรง ทำให้มีความเชื่อมั่นในการใช้งานและรับประกัน เพื่อส่งมอบให้กับ กฟภ. และ 4. บริษัท สบายมอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด พัฒนา รถโดยสารไฟฟ้า (SMT EV BUS) ที่มีจุดเด่นในความเชี่ยวชาญด้านวิศกรรมการออกแบบระบบขับเคลื่อน จากประสบการณ์พัฒนารถโดยสารไฟฟ้าและทดสอบใช้งานบนสภาวะการขับขี่จริง บนระยะทางกว่า 25,000 กิโลเมตร เพื่อส่งมอบให้กับ ขสมก.
โดยทั้ง ขสมก. กฟผ. กฟน.และ กฟภ. ในฐานะผู้สนับสนุนการพัฒนาจะนำรถโดยสารไฟฟ้าทั้ง 4 รุ่นไปทดลองขับใช้งานเต็มประสิทธิภาพ เพื่อการออกแบบรูปแบบการให้บริการรถโดยสารไฟฟ้าสาธารณะในระยะยาว สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้บริการต่อภาคอุตสาหกรรมการผลิตรถโดยสารไฟฟ้าในประเทศ ที่สำคัญทำงานร่วมกับของหน่วยงานต่างๆ แบบจตุภาคี ถือเป็นหัวใจสำคัญของการทำตามแนวนโยบายโมเดลเศรษฐกิจ BCG ที่สามารถผลิตรถโดยสารไฟฟ้าใช้เองในประเทศ ช่วยสร้างคุณภาพชีวิตและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมให้กับคนไทย
ทั้งนี้ภายในงานแถลงข่าวคณะผู้บริหาร แขกผู้มีเกียรติ และสื่อมวลชน ได้ชมและนั่งทดสอบรถโดยสารไฟฟ้าทั้ง 4 รุ่น ระยะทาง 5 กิโลเมตร ซึ่งประสิทธิภาพและสมรรถนะของรถโดยสารไฟฟ้า สามารถวิ่งทดสอบได้อย่างราบรื่น ไม่ก่อมลพิษทั้งทางเสียง และทางอากาศ ภายในกว้างขวางมีสิ่งอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยต่อผู้โดยสารตามมาตรฐานสากล
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ประโยชน์ใบกระท่อม กับการใช้เพื่อสุขภาพตามภูมิปัญญาหมอพื้นบ้าน
ใบกระท่อมมีคุณสมบัตแตกต่างกันไปตามแต่ละสายพันธุ์ แล้วแต่ละพันธุ์นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์กับร่างกายอย่างไรได้บ้าง ข้อมูลจาก กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ระบุว่า
กระท่อมในประเทศไทยแบ่งได้เป็น 3 สายพันธุ์ คือ
- ใบกระท่อม สายพันธุ์ก้านแดง
ลักษณะใบกระท่อม: มีก้านและเส้นใบสีแดง รวมถึงหูใบสายพันธุ์ก็มีสีแดงเช่นกัน ทั้งนี้ ลักษณะก้านแดง ก้านเขียว จะขึ้นอยู่กับสภาพอากาศด้วย
- ใบกระท่อม สายพันธุ์แตงกวา (ก้านใบสีเขียว)
ลักษณะใบกระท่อม: มีเส้นใบสีเขียวอ่อนกว่าแผ่นใบ หูของใบมีสีเขียวอ่อน ทั้งนี้ ลักษณะก้านแดง ก้านเขียว จะขึ้นอยู่กับสภาพอากาศด้วย
- ใบกระท่อม สายพันธุ์ยักษ์ใหญ่ (ขอบใบหยัก/หางกัง)
ลักษณะใบกระท่อม: มีใบขนาดใหญ่กว่าพันธุ์อื่น และส่วนบนของขอบใบเป็นรอยหยัก
ประโยชน์ใบกระท่อม กับการใช้เพื่อสุขภาพตามภูมิปัญญาหมอพื้นบ้าน
สายพันธุ์กระท่อมที่นิยมใช้ คือ สายพันธุ์ก้านแดง หมอพื้นบ้านนิยมนำมาทำเป็นส่วนของเครื่องยาในตำรับ และใช้เป็นยาเดี่ยวเพื่อรักษาโรค เช่น โรคท้องร่วง โรคเบาหวาน โรคปวดเมื่อย แก้ไอ ขับพยาธิ เป็นต้น
นอกจากนี้ ชาวบ้านยังนิยมเคี้ยวใบสด (นำใบสดมาลอกก้านใบออก โดยเคี้ยวเหลือแต่กาก แล้วคายออก ดื่มน้ำตาม) เพื่อทำงาน เพื่อสังสรรค์ และกินเพื่อรักษาโรค โดยให้เหตุผลว่า
“ที่ใช้ก้านแดง เพราะก้านเขียวพอกินแล้วมันมีเมือก กว่าจะออกฤทธิ์ก็นาน ก้านแดงออกฤทธิ์ได้เร็วกว่าก้านเขียว ความคงทนของฤทธิ์ ก้านแดงมีฤทธิ์นานกว่าก้านเขียว ในขณะที่กินปริมาณเท่ากันเวลาเดียวกัน”
ส่วนใบกระท่อมสายพันธุ์ยักษ์ใหญ่ ชาวบ้านไม่นิยมปลูก โดยให้เหตุผลว่า “เมื่อเคี้ยวใบพันธุ์ยักษ์ใหญ่ จะมีอาการเมามากกว่าพันธุ์ก้านแดง” ช่วงที่มีการปราบปราม และตัดทำลายต้นกระท่อม ทำให้สายพันธุ์ก้านแดงเริ่มหายาก ปัจจุบันชาวบ้านจึงนิยมใช้สายพันธุ์ก้านเขียวมากกว่าก้านแดง
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
วิธีรับมือกับเพื่อนร่วมงาน 9 ประเภท
ในองค์กรหนึ่ง ๆ ย่อมมีพนักงานที่มีพื้นฐานชีวิตหลากหลายแตกต่างกัน การจะทำงานร่วมงานกันให้ได้อย่างราบรื่นจึงต้องอาศัยการปรับตัวเข้าหากัน ต่างคนต่างพยายามปรับตัวให้เข้ากับเพื่อนร่วมงาน ก็จะทำให้เข้าใจกันและลดปัญหาความขัดแย้งลงได้ jobsDB ขอแนะนำวิธีปรับตัวให้เข้ากับเพื่อนร่วมงาน 9 ประเภทต่อไปนี้
1. ยืนหยัดเป็นฝ่ายค้าน
คนประเภทนี้กลัวการเปลี่ยนแปลง จึงต้องคัดค้านเอาไว้ก่อน เช่น เมื่อการเสนอความคิดใหม่ ๆ ก็จะปฏิเสธและเลือกที่จะใช้รูปแบบเดิมมากว่า เช่น ให้พิมพ์งานด้วยคอมพิวเตอร์ก็มักจะบอกว่าเขียนเอาก็ได้ ให้ส่งอีเมลก็ยืนยันที่จะส่งทางไปรษณีย์ เป็นต้น วิธีรับมือ ให้เวลาเขาได้เรียนรู้ประโยชน์ของที่สิ่งเปลี่ยนแปลง เพื่อให้เขาค่อย ๆ ยอมรับและเริ่มเปลี่ยนแปลงด้วยตัวของเขาเอง
2. เช้าชามเย็นชาม
คนประเภทนี้ทำงานแบบย่ำอยู่กับที่ เรื่อย ๆ ไปวัน ๆ อาจเป็นเพราะความเคยชินที่ทำงานแบบเดิม ๆ แล้วรู้สึกว่าปลอดภัยดี จึงไม่คิดปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงอะไร วิธีรับมือ เสนอหัวหน้าให้ส่งเขาไปอบรมสัมมนาหาความรู้ใหม่ ๆ เพื่อเปิดโลกทัศน์ ผลงานจะได้ดีขึ้น ในขณะเดียวกันก็ต้องคอยให้กำลังใจเขาด้วย เพราะการเปลี่ยนแปลงในลักษณะนี้ค่อนข้างทำได้ยาก
3. แยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ออก
คนบางคนอาจมีปัญหาที่บ้าน ทำให้ไม่สบายใจ กลายเป็นคนเก็บตัว หรือกลายเป็นคนขี้หงุดหงิด จนพาลมีเรื่องกับคนอื่นโดยไม่รู้ตัว หรือบางคนมีเรื่องขุ่นเคืองกับคนในที่ทำงาน พาลให้ไม่อยากทำงานไปด้วย วิธีรับมือ พยายามให้ทั้งสองฝ่ายมาตกลง ทำความเข้าใจกัน เพื่อจะได้ร่วมงานกันต่อไปอย่างราบรื่น
4. ไม่มั่นใจในตัวเอง
บางคนมีความคิดดีแต่ไม่กล้าแสดงออก กลัวว่าจะไปล้ำเส้นใครเข้า หรือกลัวว่าถ้าทำผิดพลาดแล้วจะถูกตำหนิ เมื่อคิดแบบนี้จึงไม่กล้าพูดอะไร ได้แต่คอยรับคำสั่งเท่านั้น วิธีรับมือ คอยให้กำลังใจ ส่งเสริมให้เขาทำในสิ่งที่ดี พยายามให้เขาแสดงความคิดเห็นในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก่อน ชมเชย เพื่อให้เขามีกำลังใจ และกล้าแสดงความคิดเห็นต่อๆ ไป หากเขาทำผิดก็ช่วยแก้ไข ไม่ตำหนิ หรือซ้ำเติม
5. เหลี่ยมจัด ลอบกัด ปัดความรับผิดชอบ
คนประเภทนี้เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว ต่อหน้าอย่างลับหลังอีกอย่าง ชอบนักเรื่องเอาความดีใส่ตัวแล้วโยนความชั่วให้คนอื่น ถ้าต้องร่วมงานด้วยควรระวังให้มาก เพราะอาจถูกแทงข้างหลังเป็นแผลเหวอะหวะ หรืออาจเจอเล่ห์กลทำให้งานของเขากลายเป็นงานของเราได้ง่ายๆ วิธีรับมือ เข้าใกล้เท่าที่จำเป็นต้องร่วมงานด้วย ทำงานของตัวเองให้ดีที่สุด และต้องมีหลักฐานว่า เราทำอะไร เขาทำอะไร และร่วมกันอย่างไร
6. หลงตัวเอง เก่งคนเดียว
คนประเภทนี้มักคิดว่าไม่มีใครฉลาดเท่า และไม่มีใครทำงานแทนได้ จึงไม่ยอมแบ่งงานหรือทำงานร่วมกับใคร รวมทั้งไม่ชอบฟังคำแนะนำจากใครด้วย วิธีรับมือ พยายามปรับตัวเราให้ทำงานร่วมกับเขาได้ พยายามชื่นชมในความเก่งของเขา โดยไม่แสดงอาการไม่พอใจออกมา
7. หนักไม่เอา เบาไม่สู้
คนประเภทนี้ชอบผัดวันประกันพรุ่ง กินแรงคนอื่นประจำ ไม่ยอมเสียสละเพื่อใคร หลบได้เป็นหลบ เลี่ยงได้เป็นเลี่ยง วิธีรับมือ พยายามพูดว่าเขาทำงานดี เพื่อให้เขาได้แสดงฝีมือบ้าง ในทางกลับกันอย่าไปว่าเขาเชียวล่ะ เพราะยิ่งว่าเขาก็จะยิ่งไม่ยอมทำอะไรมากขึ้น
8. ขี้โมโห
ถ้าเรามีเพื่อนร่วมงานประเภทโกรธง่ายหายเร็ว เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ไม่พอใจอะไร ไม่ว่าเรื่องเล็กหรือใหญ่ก็แสดงอาการออกมาโดยไม่คิดถึงจิตใจผู้อื่น วิธีรับมือ เวลาที่เขาแสดงอาการฉุนเฉียว อย่าพยายามเถียงหรือให้เหตุผล เพราะถึงอย่างไรเขาก็ไม่รับฟังเราหรอก ถ้าอยากจะเตือนเขา ต้องพูดตอนเขาอารมณ์ดี ๆ
9. ขาดมนุษยสัมพันธ์
คนประเภทนี้จะตรงไปตรงมา คิดอย่างไรพูดอย่างนั้น แบบขวานผ่าซาก ถึงแม้จะมีเจตนาดี แต่ว่าแสดงออกไม่เป็น ทำให้คนอาจเข้าใจผิดคิดว่าเย่อหยิ่ง ไม่อยากคบ ไม่อยากร่วมงานด้วย วิธีรับมือ ยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น พยายามมองส่วนดีของเขา และมองข้ามเรื่องขุ่นใจเล็ก ๆ น้อย ๆ จากคำพูดของเขา เพื่อสัมพันธภาพที่ดีต่อกัน
ถ้าเราพยายามเข้าใจคนละแต่ละประเภทและพยายามปรับตัวให้เข้ากันได้ ผลงานก็จะดีมีประสิทธิภาพเป็นประโยชน์ต่อองค์กร ที่สำคัญการที่ไม่ต้องมีเรื่องขุ่นใจกับใครก็จะทำให้ตัวเราเองมีความสุขในการทำงานด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก th.jobsdb.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 01/06/2565
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 29,800.00 | 29,900.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,930.00 | 29,258.80 | 30,400.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,737.00 | 26,332.92 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,544.00 | 23,407.04 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 869.00 | 13,174.04 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 676.00 | 10,248.16 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,000.00 | 30,320.00 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 01/06/2565
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 44.65 | 44.65 | 45.65 | 44.85 | 44.85 | 44.65 | 44.65 | 44.65 | 44.85 | 44.65 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 44.38 | 44.38 | 45.38 | 44.58 | 44.58 | 44.38 | 44.38 | 44.38 | 44.58 | 44.38 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 43.54 | 43.54 | 44.54 | 43.74 | 43.74 | – | 43.54 | 43.54 | 43.74 | 43.54 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 37.24 | 37.24 | – | – | – | – | – | – | – | 37.24 |
เบนซิน 95 | 52.06 | – | – | – | 52.71 | – | 52.56 | 52.56 | – | 52.06 |
ดีเซล B7 | 32.94 | 32.94 | 33.94 | 33.74 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 33.74 | 32.94 |
ดีเซล | 32.94 | 32.94 | 33.94 | 33.74 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 33.74 | 32.94 |
ดีเซล B20 | 32.94 | 32.94 | 33.94 | – | 32.94 | – | 32.94 | 32.94 | – | 32.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 44.36 | 44.36 | 49.39 | 48.06 | 48.39 | – | – | – | – | 44.36 |
แก๊ส NGV | 15.59 | 15.59 | – | – | – | – | – | – | – | 15.59 |