เวนคืน ตัด ถนน 6เลน “เพชรเกษม – สุขสวัสดิ์” เชื่อม วงแหวนใต้ จุดพลุทำเลทอง
“คอลัมน์เล็งทำเล” กทม. ลุยเวนคืน1,996แปลง บ้าน1,443หลัง ตัด ถนน 6เลน “เพชรเกษม – สุขสวัสดิ์” เชื่อม วงแหวนใต้ จุดพลุทำเลทอง
กรุงเทพมหานคร (กทม.) เร่งเวนคืน โครงการก่อสร้างถนนตาม แนวผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร “ฉ 1 และง21” เชื่อมถนนเพชรเกษมกับถนนสุขสวัสดิ์ และสายเชื่อมระหว่างสายเชื่อมดังกล่าวกับถนน กาญจนาภิเษก (ถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านใต้) เพื่อช่วยระบายรถจากกรุงเทพฯชั้นในออกนอกเมืองจุดพลุทำเลทอง ย่านฝั่งธนบุรี และโซนด้านใต้ของกทม.ให้เกิดการพัฒนารองรับความเจริญในอนาคต
ถนนสาย”ฉ1” มีจุดเริ่มต้นจากถนนเพชรเกษมบริเวณจุดเชื่อต่อกับถนนพุทธมณฑลสาย1 ผ่านถนนเทิดไท ถนนกัลปพฤกษ์ ถนนเอกชัยถนนพุทธบูชาสิ้นสุดที่ถนนสุขสวัสดิ์ระยะทาง17.20กิโลเมตรและถนนสาย “ง 21”เชื่อมต่อกับแนวถนนสาย”ฉ 1”ไปสิ้นสุดโครงการบริเวณถนนวงแหวนรอบนอกด้านใต้(ถนนกาญจนาภิเษก) ระยะทาง 4.70 กิโลเมตรรวมระยะทางทั้งโครงการ 21.90กิโลเมตร
การก่อสร้างเป็นถนนคอนกรีตเสริมเหล็กขนาด6ช่องจราจรไป-กลับ ถนนสาย “ง21”เป็นถนนคอนกรีตเสริมเหล็กขนาด4ช่องจราจร ไป-กลับมีทางเท้ากว้าง 3.1เมตรทางจักรยานขนาด 1.3 เมตร
การเวนคืน ถนน”ฉ1 “ ที่ดิน ได้รับผลกระทบ จำนวน1,672แปลง วงเงิน 7,061ล้านบาทสิ่งปลูกสร้าง1,330รายการ วงเงิน 3,669ล้านบาทถนนสาย “ง21”ที่ดินจำนวน324แปลง 1702 ล้านบาท โรงเรือนสิ่งปลูกสร้างจำนวน 113รายการ 248ล้านบาท เมื่อรวมที่ดินที่ได้รับผลกระทบ ทั้งสองช่วง จำนวน 1,996แปลง สิ่งปลูกสร้างรวม 1,443 รายการ วงเงิน 10,731ล้านบาท
การดำเนินโครงการ แหล่งข่าวจากกทม.อธิบายว่า อยู่ระหว่างจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินโดยวิธีปรองดอง ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ปี 2500 ขณะเดียวกันได้เสนอตราพระราชกฤษฎีกา คาดว่าจะประกาศได้ราวปลายปีนี้
การชดเชยด้วยวิธีปรองดอง ได้รับจัดสรรงบประมาณ ตั้งแต่ปี ปี 2561 -2564 ซึ่งเป็นงบของกทม.100% ส่วนที่เหลือหากงบประมาณไม่เพียงพอจะเสนอขอรับจัดสรรจากรัฐบาล เบื้องต้นเริ่มจ่ายเงินชดเชยตั้งแต่ช่วงถนนประชาอุทิศ -ถนนสุขสวัสดิ์ ที่ดิน 304แปลงเป็นเงิน 2,234 ล้านบาท
สิ่งปลูกสร้างจำนวน161รายการ เป็นเงิน 495ล้านบาทซึ่งเบิกจ่ายให้กับเจ้าของที่ดินแล้ว 80รายสิ่งปลูกสร้าง79ราย วงเงิน 849 ล้านบาท ช่วงถนนประชาอุทิศ-ถนนพุทธบูชา ซอย39 ที่ดิน90แปลงวงเงิน 1,007 ล้านบาท ส่วน ถนน “ง21”เริ่มชดเชยจากจุดตัดถนน”ฉ 1”-ถนนกาญจนาภิเษก ซึ่งเป็นส่วนที่ดิน324แปลงวงเงิน 1,702 ล้านบาท
ค่าชดเชย เฉลี่ยตั้งแต่ 10,000 บาทต่อตารางวาไปจนถึงสูงสุดที่100,000บาทต่อตารางวา พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ว่างพื้นที่สีเขียว ชุมชนอยู่อาศัย บ้านจัดสรร อาคารพาณิชย์ โรงงานฯลฯ
แนวสายทาง เริ่มจาก ถนน สุขสวัสดิ์ เส้นทางรถไฟสายสีม่วงใต้ แยกสองขา จากพุทธบูชา ไปเชื่อมกับถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนด้านใต้) หรือ ถนน “ง21” ขนาด4ช่องจราจร ส่วนอีกขา วิ่งตรงไปถนนพระราม 2 ตัด เอกชัย เชื่อมกับพุทธมณฑลสาย 1 บริเวณถนน เพชรเกษม ค่าก่อสร้างไม่ต่ำกว่า 2หมื่นล้านบาท คาดว่าไม่เกิน 2-3ปีนับจากนี้ จะเปิดใช้เส้นทาง
ถนนเส้นนี้จะเป็นอีกทำเลทองบ้านจัดสรรที่น่าจับตา ไม่แพ้โซนเหนือและโซนตะวันออกของกทม. !!!
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
คาด2ปีคนไทยตระหนักปัญหาสวล.เทียบฝรั่งหนุนปริมาณใช้กรีนแมททีเรียลอุตก่อสร้างพุ่ง
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาปัญหาภาวะโลกร้อนและมลพิษในสิ่งแวดล้อม ทำให้ธุรกิจต่างๆพูดถึงแนวทางการสร้างความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจที่ไม่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกันภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้พยายามผลักดันให้อาคารสีเขียว (Green Building) ให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้สิ่งแวดล้อมมีความยั่งยืน โดยอาคารสีเขียวจะเป็นหนึ่งกระบวนการที่มุ่งเน้นด้านสิ่งแวดล้อมผ่านกระบวนการก่อสร้างและกระบวนการคิดอย่างรอบคอบ
อาคารสีเขียวนั้นประกอบด้วยโครงสร้างอาคารและกระบวนการที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมรวมถึงการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพตลอดอายุการใช้งานของอาคาร ตั้งแต่กระบวนการวางแผนไปจนถึงการออกแบบ, การก่อสร้าง, การใช้งาน, การบำรุงรักษา, การปรับปรุง, และการรื้อถอน ซึ่งผู้รับเหมา, สถาปนิก, วิศวกร, และลูกค้าต้องมีการดูแลกระบวนเหล่านี้อย่างใกล้ชิดตลอดทุกขั้นตอนของโครงการ นอกจากนี้ อาคารสีเขียวเป็นแนวคิดที่มากกว่าคำว่าสถาปัตยกรรม โดยเป็นการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติด้วยวิธีที่ง่ายที่สุด เพื่อลดการใช้ทรัพยากรเหล่านั้นในทางที่ผิดและเกิดผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม
โดยอาคารสีเขียวจะมีองค์ประกอบ ในเรื่องของการใช้พลังงาน, น้ำและทรัพยากรอื่น ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ มีการใช้พลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ มีการใช้มาตรการลดมลพิษและของเสีย รวมถึงการนำวัสดุมาใช้ซ้ำและการรีไซเคิล มีคุณภาพอากาศภายในอาคารที่ดี มีการใช้วัสดุที่ไม่เป็นพิษ, ถูกหลักจริยธรรมและมีความยั่งยืน มีการพิจารณาสภาพแวดล้อมในการออกแบบ, การก่อสร้างและการใช้งาน มีการพิจารณาคุณภาพชีวิตของผู้พักอาศัยในการออกแบบ, การก่อสร้างและการใช้งาน และ มีการออกแบบที่สามารถปรับให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
ทั้งนี้ อาคารทุกอาคารสามารถเป็นอาคารสีเขียวได้ หากอาคารนั้นมีคุณสมบัติดังที่กล่าวมาข้างต้น และที่ผ่านมาบริษัทอสังหาฯ หลายบริษัทพยายามพัฒนาอาคารสำนักงาน หรือโครงการของตนเองภายใต้นโยบาย Green Building แต่ปัญหาที่ต้องประสบคือ ราคาวัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมค่อนข้างสูง และวัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจริงๆ มีจำกัด ไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการในงานก่อสร้างได้ครอบคลุมทั้งอาคาร
รศ.ดร.อรรจน์เศรษฐบุตรอาจารย์ประจำภาควิชาสถาปัตยกรรมศาสตร์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย,รองประธานสถาบันอาคารเขียวไทย กล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศโลกในรอบ 10 – 20ปีที่ผ่านมาเริ่มส่งผลกระทบทำให้เกิดปัญหาต่างๆเช่นปัญหาการจราจรติดขัดปัญหามลพิษทางอากาศจนส่งผลต่อสุขภาพของประชาชนโดยเฉพาะการก่อสร้างหรือออกแบบอาคารที่เริ่มมีการสร้างหรือพัฒนาอาคารในลักษณะของ Green Buildingที่จะสะท้อนถึงความใส่ใจรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมของผู้พัฒนาซึ่ง WELL Building Standardถือเป็นอีกหนึ่งมาตรฐานการออกแบบระดับโลกที่ได้รับความเชื่อถืออย่างมากในเรื่องการออกแบบอาคารเพื่อสุขภาวะที่ดีของผู้อยู่อาศัยและเป็นที่ยอมรับไปกว่า 125ประเทศทั่วโลกในทุกๆอุตสาหกรรมโดยเฉพาะสำหรับการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย
นายกฤษดา สาธุรกิจชัย ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีคลาวน์และระบบเทคโนโลยีสำหรับองค์กรกล่าวว่าในฐานะผู้ก่อตั้งบริษัทแทรนดาร์อะคูสติกส์ผู้ให้บริการเทคโนโลยีสำหรับองค์กรและ เนทติเซนท์จำกัดผู้วางระบบซอฟต์แวร์ระบบERPและ SAPและเป็นผู้ก่อตั้ง Harmony Wazzaduรวมถึงเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้น wazzadu.comจึงมองเห็นภาพรวมและแนวโน้มในการผลักดัน green materialและ Sustainabilityว่าต้องทำอย่างไรเพื่อให้เกิดความยั่งยืนซึ่งในเรื่องนี้สังคมมีการพูดถึงมานานแล้วแต่การดำเนินการแบบจริงจังยังไม่มีความชัดเจนโดยเฉพาะในช่วงที่ผ่านมาทุกๆประเทศทั่วโลกต่างประสบกับปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19ทำให้การส่งเสริมในเรื่องของการสร้างความยั่งยืนชะลอออกไป
โดยในปีนี้เชื่อว่าจะเป็นปีเริ่มต้นการส่งเสริมให้เกิดความยั่งยืนน่าจะกลับมาเข้มข้นมากขึ้นอีกครั้งโดยเฉพาะหลังผ่านพ้นภาวะวิกฤตการแพร่ระบาดจากโควิด-19ซึ่งการกลับมาในปีนี้ทำให้มีเทคโนโลยีใหม่ๆช่วยในการติดตามและจัดเก็บข้อมูลได้สะดวกมากขึ้นทั้งในด้านการจัดเก็บข้อมูลตลาดข้อมูลลูกค้าข้อมูลความต้องการข้อมูลสินค้าการพัฒนาสินค้าวัสดุก่อสร้างและการบริหารจัดการฯลฯที่เกี่ยวกับการทำเรื่องกรีนซึ่งนั่นหมายความว่านับจากนี้ไปการทำเรื่องกรีนจะไม่ได้เป็นเพียงการทกิจกรรมเพื่อสังคม(CSR)อีกต่อไปแต่ต่อจากนี้การทำเรื่องกรีนจะเป็นกลายเป็นยุทธศาสตร์หลักของธุรกิจและจะช่วยเพิ่มอัตราการเติบโตด้านกำไรให้กับธุรกิจในอนาคตให้กับองค์กรต่างๆ
“ผมว่าในอดีตการทำเรื่องกรีนเป็นเรื่องของการทำCSRแต่นับจากปีนี้เป็นต้นไปการทำเรื่องกรีนจะเป็นเรื่องของการนำกำไรมาสู่องค์กรในภาพรวมและยังเป็นการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมไปด้วยในขณะเดียวกันคาร์บอนเครดิตยังสามารถนำมาซื้อขายกันได้ดังนั้นจากนี้ไปทุกองค์กรจะหันมาให้ความสนใจและต้องการนำกรีนแมททีเรียลเข้ามาใช้จริงจังมากขึ้นและจะทำให้วัสุดก่อสร้างที่เป็นกรีนหรือวัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรตกับสิ่งแวดล้อมมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นและในอนาคตวัสดุก่อสร้างทุกๆตัวก็จะถูกพัฒนาออกมาทางกรีนมากขึ้นเพราะถ้าไม่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมสินค้าที่พัฒนาออกมาจะขายยากขึ้น”
จากแนวโน้มดังกล่าวจึงทำให้เกิดการร่วมมือของ Wazzadu.com, Netizen, Huaweiและ Harmony Wazzaduร่วมกับงาน WOWอัศจรรย์เมืองน่าอยู่ร่วมจัดฟอรั่มเมืองแห่งอนาคตประจำปี 2565 “Future City Forum 2022”ซึ่งเป็นงานฟอรั่มที่จะพาคุณสู่การมาส่องแนวคิดการพัฒนาเมืองในอนาคตร่วมกันภายใต้แนวคิด Tech for Better Livingเทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัยที่ดี
สำหรับแนวทางในการผลักดันให้เกิดการนำวัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหรือกรีนแมททีเรียลในกลุ่มผู้บริโภคนั้นจุดหนึ่งที่เป็นตัวผลักดันให้เกิดการใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นกรีนแมททีเรียลในระดับผู้บริโภคจริงๆคือผลกระทบจากปัญหาสิ่งแวดล้อมมลพิษทางอากาศทางน้ำและปัญหาโลกร้อนที่เกิดขึ้นทำให้ทุกคนมีความตระหนักถึงปัญหาเหล่านี้มากขึ้นไม่ว่าจะเป็นปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางด้านฤดูกาลสภาพอากาศการเกิดอุทกภัยต่างๆเป็นผลมาจาก Climate changeหรือแม้กระทั่งการแพร่ระบาดของโควิด-19ก็เป็นส่วนหนึ่งที่เกิดจาก climate changeซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้คนเริ่มตระหนักในเรื่องของสิ่งแวดล้อม
ดังนั้นการที่คนหันมาให้ความสนใจเกี่ยวกับการใช้กรีนแมททีเรียลมากขึ้นนั้นเกิดมาจากสภาพแวดล้อมที่ผลักดันให้คนเราต้องหันมาใส่ใจดูแลสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ดังนั้นจากนี้ไปคนจะหันมาใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นกลิ่นมากขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องมีการโฆษณาหรือการผลักดันให้เกิดการใช้วัสดุที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเนื่องจากคนเริ่มสัมผัสกับผลกระทบที่ตามมาจากปัญหาโลกร้อนและภาวะมลพิษในสิ่งแวดล้อมมากขึ้นทำให้เกิดการตระหนักและหันมาใช้แมททีเรียลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมโดยปริยาย
“ในอดีตนั้นการพยายามพักดันให้บริษัทอสังหาริมทรัพย์และผู้บริโภคทั่วไปหันมาใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่ยุ่งยากต้องใช้งบประมาณในการผลักดันและส่งเสริมให้เกิดการใช้งานแต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะทำให้ทุกคนหันมาใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพราะคนยังไม่ตระหนักและไม่ได้สัมผัสกับผลกระทบที่เกิดขึ้นจริงดังนั้นการโฆษณาและการพักผ่อนให้ใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมนั้นจึงเรียกได้ว่าเป็นการขายฝันแต่ทุกวันนี้ผลกระทบที่เกิดขึ้นและทุกคนสามารถสัมผัสได้ทำให้การผลักดันให้เกิดการใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมไม่ใช่เรื่องขายฝันอีกต่อไป”
นายกฤษดากล่าวว่าจากแนวโน้มดังกล่าวทำให้ในปัจจุบันผู้ผลิตและพัฒนาวัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมไม่ได้มีหน้าที่จะต้องมาพักดันให้เกิดการใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเช่นในอดีตแต่ในปัจจุบันผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมีหน้าที่ที่จะพัฒนาและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคเพราะในปัจจุบันในเรื่องของSustainabilityเรื่องของกรีนเรื่องความยั่งยืนทุกคนเริ่มตระหนักและต้องการอย่างแท้จริงแล้ว
สำหรับความตื่นตัวการตระหนักเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและการใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและเรื่อง Sustainabilityในประเทศไทยในกลุ่มประชาชนหรือผู้บริโภคในประเทศไทยนั่นเมื่อเทียบกับประเทศในยุโรปและอเมริกาประเทศไทยถือว่าเพิ่งเริ่มต้นอยู่ในจุดที่เริ่มสตาร์ทหากจะให้คะแนนประเทศไทยมีความตระหนักอยู่ที่ประมาณ30%จากคะแนนเต็ม100%ขณะที่กลุ่มประเทศยุโรปอเมริกาจะอยู่ในระดับ60-70%แล้วคาดว่า2-3ปีระดับความตระหนักเกี่ยวปัญหาสิ่งแวดล้อมและการให้ความสำคัญในการเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจะขยับขึ้นมาอยู่ที่ 70-80%
ขณะที่ในกลุ่มของบริษัทอสังหาริมทรัพย์และผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างและบริษัทก่อสร้างต่างๆนั้นหากพูดถึงการเข้าถึงวัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหรือความตระหนักถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นเชื่อว่าในปัจจุบันทุกบริษัททุกค่ายมีความตระหนักถึงผลกระทบจากปัญหาโลกร้อนหรือมลพิษในสิ่งแวดล้อมกันหมดทุกค่ายแล้วซึ่งในส่วนนี้ทำให้ดีมานด์ในกลุ่มวัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องปัญหาเพียงอย่างเดียวที่มีในปัจจุบันคือจำนวนวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมีค่อนข้างจำกัด productหรือสินค้าที่มีในตลาดยังไม่ครอบคลุมความต้องการในทุกกลุ่มวัสดุก่อสร้าง
“ในวันนี้บริษัทอสังหาฯแทบทุกแบรนด์ต่างเห็นภาพที่เกิดขึ้นแล้วทำให้ทุกๆค่ายที่เราเข้าไปนำเสนอสินค้าต่างมีการสอบถามว่าเรามี productไหนบ้างที่ทำให้โครงการที่จะพัฒนาขึ้นมานั้นได้รับการยอมรับและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแต่อาจจะมีอุปสรรคในเรื่องของราคากรีนแมททีเรียลซึ่งยังมีราคาที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับวัสดุก่อสร้างทั่วไปในตลาดซึ่งในเรื่องนี้ผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมพยามพักดันให้วอรูมในการผลิตสูงขึ้นเพื่อให้เกิด economy of scaleซึ่งจะทำให้ในอนาคตวัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมีราคาที่ถูกลงและทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้โดยในปัจจุบันหากเทียบราคาวัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและวัสดุก่อสร้างทั่วไปราคาวัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจะมีราคาสูงกว่า 10-20%”
อย่างไรก็ตามในการก่อสร้างอาคารหนึ่งอาคารนั้นต้องใช้วัสดุก่อสร้างนับพันไอเทมแต่วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมนั้นมีบางไอเทมมีบางเซ็กเม้นท์เท่านั้นนอกจากนี้ยังมีข้อสงสัยด้วยว่าวัสดุก่อสร้างที่เครมว่าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมนั้นจริงๆแล้วมีความกรีนหรือเป็นมีต่อสิ่งแวดล้อมจริงหรือเปล่าหรือเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากแค่ไหนใช้แล้วตรวจสอบได้หรือไม่หรือกระบวนการผลิตนั้นก่อให้เกิดขยะหรือไม่ใช้แล้วนำกลับไปรีไซเคิลได้หรือเปล่า
สำหรับคำว่ากรีนนั้นมีองค์ประกอบหลากหลายเพราะฉะนั้นเรียกว่า Sustainabilityหรือความยั่งยืนน่าจะครอบคลุมกว่าเพราะกรีนไม่ใช่แค่วัสดุรีไซเคิลกับขยะเพียงอย่างเดียวแต่ยังรวมไปถึง corporate governmentของคนในองค์กรของคนในประเทศที่มีส่วนร่วมกันเป็นเรื่องของสังคมที่มีความเท่าเทียมกันซึ่งเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะผลักดันให้เกิดความ
Sustainability ซึ่งต้องประกอบไปด้วย 3ปัจจัยหลักคือ 1. Zero Emissions with Climate Action –การปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ลดโลกร้อนลดคาร์บอนในห่วงโซ่คุณค่าทั้งหมดตามธุรกรรมทางธุรกิจที่เกิดขึ้นจริง 2.Zero Waste with Circular Economy –ของเสียเป็นศูนย์ด้วยเศรษฐกิจหมุนเวียนบริหารจัดการระบบห่วงโซ่อุปทาน การกำจัดของเสียเป็นศูนย์ด้วยระบบเศรษฐกิจแบบหมุนเวียนและสร้างโมเดลธุรกิจที่ยั่งยืน 3.Zero Inequality with Social Responsibility –การลดความเหลื่อมล้ำด้วยการรับผิดชอบต่อสังคม
ทั้งนี้การยอมรับความหลากหลายทางสังคม เป็นกลยุทธ์การจัดการโดยตระหนักถึงบทบาทสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันขององค์กร ให้ธุรกิจดำเนินไปอย่างยั่งยืน การดูแลใส่ใจสังคมชุมชนและสิ่งแวดล้อม คุณภาพชีวิตที่ดีควบคู่ไปกับการเจริญเติบโตขององค์กร
การเปลี่ยนแปลงเพื่อความยั่งยืนจำเป็นต้องมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่การมีส่วนร่วมอย่างเข้มแข็งกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและรูปแบบการลงทุนที่ปรับให้เหมาะกับองค์กรแต่ละแห่งดังนั้นองค์กรชั้นนำจำเป็นต้องคิดอย่างรอบด้านปรับกลยุทธ์การบริหารจัดการองค์กรทั้งในด้านความเร็วและปรับขนาดองค์กรให้พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา นวัตกรรมและเทคโนโลยีมีส่วนสำคัญที่ช่วยให้เกิดองค์กรเติบโตอย่างยั่งยืน
ขอบคุณข้อมูลจาก mgronline.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ ที่ระดับ 35.05 บาทต่อดอลลาร์
เงินบาทมีโอกาสแข็งค่าขึ้น ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ รวมถึงโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรการรีบาวด์ของราคาทองคำ และฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อหุ้นไทยในช่วงนี้
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ ที่ระดับ 35.05 บาทต่อดอลลาร์“แข็งค่าขึ้นมาก”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 35.26 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่าแนวโน้มค่าเงินบาท เรามองว่า บรรยากาศของตลาดการเงินที่กลับมาเปิดรับความเสี่ยงเต็มที่ จะช่วยหนุนให้เงินบาทมีโอกาสแข็งค่าขึ้น ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์รวมถึงโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรการรีบาวด์ของราคาทองคำ และอาจยังมีแรงหนุนจากฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติที่สามารถกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทยเพิ่มขึ้นได้ในช่วงนี้
อย่างไรก็ดี การแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วของเงินบาท อาจเริ่มชะลอลงและต้องจับตาว่า เงินบาทจะสามารถแข็งค่าขึ้นหลุดโซนแนวรับสำคัญแถว 35.00 บาทต่อดอลลาร์ ได้หรือไม่ เพราะหากเงินบาทแข็งค่าหลุดโซนดังกล่าว ก็มีโอกาสที่จะเห็นเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องใกล้ระดับ 34.80 บาทต่อดอลลาร์ได้ไม่ยาก หากปัจจัยหนุนการแข็งค่าของเงินบาทไม่ได้เปลี่ยนแปลง
ส่วนโซนแนวต้านของเงินบาท เราประเมินว่า ช่วง 35.30-35.40 บาทต่อดอลลาร์ อาจพอเป็นโซนแนวต้านได้ในระยะสั้น เนื่องจากบรรดาผู้ส่งออกยังคงไม่รีบขายเงินดอลลาร์และส่วนใหญ่อาจรอจังหวะให้เงินบาทอ่อนค่าลงบ้าง เพื่อทยอยขายเงินดอลลาร์
ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ผันผวนสูงในช่วงที่ผ่านมาได้สะท้อนถึงความจำเป็นของการใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทำให้เราคงแนะนำ ผู้ประกอบการควรใช้กลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้ Options ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงได้ดีในช่วงที่ตลาดผันผวนหนัก
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.95-35.20 บาท/ดอลลาร์
ผู้เล่นในตลาดการเงินสหรัฐฯ ต่างคลายกังวลแนวโน้มการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟดมากขึ้นและเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงเต็มที่ หลังประธานเฟด Jerome Powell ได้ออกมาสนับสนุนการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในอัตราที่ชะลอลงเช่นเดียวกันกับบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดท่านอื่นๆ อย่างไรก็ดี ประธานเฟดยังคงย้ำจุดยืนว่า การขึ้นดอกเบี้ยของเฟดนั้นจะยังคงดำเนินต่อไป จนกว่าเฟดจะบรรลุเป้าหมายควบคุมเงินเฟ้อ
และอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปัจจุบันยังห่างไกลจากจุดสูงสุด (Terminal Rate) ทั้งนี้ แนวโน้มเฟดชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ย ได้ส่งผลให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวลงกว่า -17bps สู่ระดับ 3.62% หนุนให้ผู้เล่นในตลาดกลับเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth (Nvidia +8.2%, Meta +7.9%, Microsoft +6.2%) ส่งผลให้ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq พุ่งขึ้นแรงกว่า +4.41% ส่วน ดัชนี S&P500 ปิดตลาด +3.09%
ส่วนทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ของยุโรป พลิกกลับมาปรับตัวขึ้น +0.63% หนุนโดยความหวังว่าทางการจีนจะสามารถผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาด COVID-19 ได้เร็วขึ้น เพื่อลดแรงกดดันจากการประท้วง ส่งผลให้หุ้นกลุ่มสินค้าแบรนด์เนม และหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ต่างปรับตัวขึ้น (Dior +4.4%, Hermes +3.9%)
นอกจากนี้ รายงานเงินเฟ้อยูโรโซนในเดือนพฤศจิกายนที่ชะลอลงสู่ระดับ 10% น้อยกว่าที่ตลาดคาด ยังช่วยหนุนโอกาสที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) อาจชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ย ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดกลับมาซื้อหุ้นกลุ่มเทคฯ อีกครั้ง (Adyen +2.6%)
ในฝั่งตลาดค่าเงิน แนวโน้มเฟดชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ยได้หนุนให้ผู้เล่นในตลาดกล้าเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้นและลดการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยอย่าง เงินดอลลาร์ กดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงหนัก เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวลงสู่ระดับ 105.8 จุด
นอกจากนี้ การปรับตัวลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้กดดันให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ.) ปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วสู่ระดับ 1,788 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเรามองว่า การรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำดังกล่าว อาจทำให้มีผู้เล่นบางส่วนเข้ามาขายทำกำไรทองคำ ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าของเงินบาท
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (ISM Manufacturing PMI) ในเดือนพฤศจิกายน โดยตลาดคาดว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตจะปรับตัวลดลงสู่ระดับ 49.8 จุด (ดัชนี น้อยกว่า 50 จุด หมายถึง ภาวะหดตัว) สะท้อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคการผลิตที่ซบเซาลง ท่ามกลางแรงกดดันจากการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟด และการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลก
ส่วนในฝั่งไทย ตลาดประเมินว่า แรงกดดันจากภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่ชะลอลงและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนที่ซบเซาจะส่งผลให้ภาคการผลิตอุตสาหกรรมของไทยก็อาจขยายตัวในอัตราชะลอลง โดยดัชนี PMI ภาคการผลิตในเดือนพฤศจิกายน อาจปรับตัวลดลงสู่ระดับ 51 จุด
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ได้แล้ว 4 คู่! โปรแกรม ฟุตบอลโลก 2022 รอบ 16 ทีมสุดท้าย พร้อมช่องถ่ายทอดสด
เกมฟุตบอลโลก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม จบไปแล้ว 4 กลุ่ม โดยเกมเมื่อคืนที่ผ่านมา ในกลุ่ม ซี และ ดี ได้ทีมอย่าง ฝรั่งเศส, ออสเตรเลีย ,อาร์เจนติน่า, โปแลนด์, ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย
ทำให้โปรแกรมการแข่งขันในรอบ 16 ทีมสุดท้ายมีดังต่อไปนี้
วันเสาร์ที่ 3 ธันวาคม 2565
22.00 น. เนเธอร์แลนด์ พบ สหรัฐอเมริกา
ถ่ายทอดสด : True4U , ทรูวิชั่นส์ ทรูสปอร์ต HD 2ช่อง 667
02.00 น. อาร์เจนติน่า พบ ออสเตรเลีย (เช้าวันที่ 4 ธันวาคม)
ถ่ายทอดสด : ช่อง 3HD, ทรูวิชั่นส์ ทรูสปอร์ต HD 2ช่อง 667
วันอาทิตย์ 4 ธันวาคม 2565
22.00 น. ฝรั่งเศส พบ โปแลนด์
ถ่ายทอดสด : True4U , ทรูวิชั่นส์ ทรูสปอร์ต HD 2ช่อง 667
02.00 น. อังกฤษ พบ เซเนกัล (เช้าวันที่ 5 ธันวาคม)
ถ่ายทอดสด : MONO29 , ทรูวิชั่นส์ ทรูสปอร์ต HD 2ช่อง 667
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
กินยาแก้แพ้ แทนยานอนหลับ เสี่ยงผลข้างเคียงไม่รู้ตัว
เฟซบุ๊ค ภูมิแพ้ก็แพ้เรา อธิบายถึงเรื่องการใช้ยาแก้แพ้ แทนการใช้ยานอนหลับเอาไว้ว่า หลายคนเลยเลือกที่จะทานยาแก้แพ้ เพื่อให้นอนหลับง่าย เพราะยาแก้แพ้มีผลข้างเคียงทำให้ง่วงนอน แต่จริงๆ แล้วการใช้ยาไม่ตรงวัตถุประสงค์แบบนี้ จะเป็นอันตรายต่อร่างกายอย่างไรบ้างหรือไม่ มาดูคำตอบกันค่ะ
ยาแก้แพ้ กินแล้วง่วงนอน?
อันที่จริงแล้ว ยาแก้แพ้แบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ได้ 2 กลุ่ม คือ ยาแก้แพ้ที่ทานแล้วง่วง (ยาต้านฮีสตามีนรุ่นที่ 1) กับแบบที่ไม่ง่วง (ยาต้านฮีสตามีนรุ่นที่ 2) หลายคนจะได้รับยาแก้แพ้เมื่อมีอาการเป็นหวัดคัดจมูก น้ำมูกไหล และอาจได้รับยาแก้แพ้ไม่เหมือนกัน คุณหมออาจจะถามเราว่าอยากได้ยาแก้แพ้แบบไม่ง่วงไหม เพื่อที่ทานแล้วจะได้ทำงานต่อได้ แม้ว่าอาจจะมีโอกาสที่ยาแก้แพ้แบบไม่ง่วงจะมีราคาสูงกว่ายาแก้แพ้แบบทานแล้วง่วงอยู่เล็กน้อยก็ตาม แต่ในระยะหลังๆ เราจึงได้รับยาแก้แพ้ที่ทานแล้วไม่ง่วงมากกว่า
อย่างไรก็ตาม มีผู้คนจำนวนหนึ่งที่หลีกเลี่ยงการเข้ารับบำบัดโรคนอนไม่หลับอย่างถูกวิธี แล้วหันเหมาซื้อยาแก้แพ้เพื่อทานแล้วทำให้ง่วง จะได้นอนหลับได้ เพราะยาแก้แพ้สามารถหาซื้อเองได้ง่ายตามร้ายขายยาต่างๆ ไม่เหมือนยานอนหลับที่ต้องได้รับใบสั่งยาจากแพทย์
ยาแก้แพ้แบบทานแล้วง่วง มีผลข้างเคียงหรือไม่?
ยาแก้แพ้แบบทานแล้วง่วง อาจทำให้มีอาการคอแห้ง ปากแห้ง ท้องผูก ใจสั่น และหากเป็นผู้ป่วยโรคต้อหิน อาจทำให้อาการกำเริบได้
นอกจากนี้ยาแก้แพ้เป็นยาที่ควรใช้เมื่อมีความจำเป็นเท่านั้น หากใครใช้ยาแก้แพ้แบบทานแล้วง่วงไปนานๆ อาจทำให้มีอาการดื้อยาได้เช่นกัน
ยาแก้แพ้ ทานได้ทุกเพศทุกวัยจริงหรือ?
สำหรับยาแก้แพ้แบบที่ทานแล้วง่วง (ยาต้านฮีสตามีนรุ่นที่ 1) เนื่องจากเป็นยาที่มีผลข้างเคียงค่อนข้างชัดเจน ทั้งส่งผลต่อระบบประสาท กระสับกระส่าย ใจสั่น เห็นภาพหลอน ร้อนวูบวาบ หรืออาจถึงกับชักได้ในกรณีที่เป็นเด็กเล็ก ดังนั้นจึงมีการแนะนำให้ทานยาแก้แพ้แบบไม่ง่วง (ยาต้านฮีสตามีนรุ่นที่ 2) เพื่อรักษาอาการแก้แพ้ เช่น ผื่นขึ้น แพ้อากาศ เป็นลมพิษ เพราะมีผลข้างเคียงน้อยกว่า
ทำไมหลายคนถึงยังทานยาแก้แพ้แบบที่ทำให้ง่วงอยู่
เพราะหาซื้อทานได้ง่าย ราคาถูก และออกฤทธิ์เร็วกว่ายาแก้แพ้แบบที่ทานแล้วไม่ง่วง แต่ถึงแม้ว่าจะออกฤทธิ์เร็วกว่า แต่ยาจะออกฤทธิ์เพียง 6 ชั่วโมง จึงต้องทาน 3 ครั้งต่อวัน แต่ยาแก้แพ้แบบที่ทานแล้วไม่ง่วง นอกจากจะออกฤทธิ์นานเกือบ 24 ชั่วโมงแล้ว ยังมีผลข้างเคียงน้อยกว่ามาก
แม้ว่าจะเป็นเพียงยาแก้แพ้ที่ดูจะไม่อันตรายถึงชีวิต แต่อาการดื้อยาก็ไม่ใช่เรื่องเล็ก และการทานยาแก้แพ้เพื่อรักษาอาการนอนไม่หลับ ก็เป็นการใช้ยาผิดวัตถุประสงค์อีกด้วย ดังนั้นถ้าอยากหายขาดจากอาการนอนไม่หลับ ควรพบแพทย์เพื่อหาทางรักษาที่ตรงกับอาการจริงๆ จะดีกว่าค่ะ
อ่านรายละเอียดของยาแก้แพ้ทั้ง 2 แบบได้ที่นี่ค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ศัพท์ใช้เรียกกัญชา ที่มีมากกว่า Cannabis
อย่างที่เราทราบกันดีว่าตอนนี้ประเทศไทยได้เปิดตัวว่าเป็นประเทศที่มีกัญชาเสรีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อไม่ให้พลาดเวลาต้องศึกษารายละเอียดของเรื่องกัญชา แอดจึงได้รวบรวมคำที่ใช้เรียกกัญชาเอาไว้ให้ลูกเพจที่นี่ รู้เอาไว้เป็นความรู้รอบตัวดีกว่าเนอะ
Cannabis
อ่านว่า แคน’นะบิส
เป็นชื่อเรียกสกุลของกัญชงและกัญชา โดยชื่อเต็มทางวิทยาศาสตร์ของกัญชาจะมีชื่อว่า Cannabis Indica จึงเป็นชื่อที่ฟังแล้วดูเป็นทางการมากที่สุด ในบรรดาชื่ออื่นๆ
Hemp
อ่านว่า เฮมพฺ
เป็นชื่อเรียกของกัญชง โดยมีชื่อเต็มทางวิทยาศาสตร์ว่า Cannabis Sativa แต่เราจะเรียกว่า Cannabis ไปเลยก็ได้เช่นกัน
Marijuana
อ่านว่า เมอเรอะวา’หนะ
ถูกผันและพัฒนามาจากจากคำว่า Mallihuan ซึ่งคือภาษาของชาว Aztec ที่อยู่ในภาคกลางของเม็กซิโก แต่ด้วยการเคลื่อนย้ายและอพยพเข้ามาที่สหรัฐอเมริกา จึงทำให้ถูกพัฒนาและออกเป็นกฎหมายตามชื่อ Marijuana ใช้อย่างแพร่หลายมาจนถึงปัจจุบัน
Mary jane
อ่านว่า แมรี่ เจน
ใช่เลย แบบที่ทุกคนคิดเลย นี่มีที่มาจากนางเอกสไปเดอร์แมนค่ะ เย้ยย! ไม่ใช่แล้วว นี่คือสแลงที่เพี้ยนมาจากชื่อ Marijuana ต่างหาก
Pot
อ่านว่า พอต
ที่แปลว่า “หม้อ” นั่นแหละ เป็นคำแสลงที่แต่เดิมมาจากภาษาสเปนคำว่า Potiguaya ที่ซึ่งเป็นเครื่องดื่มประเภทของมึนเมาที่ใส่ใบกัญชาเข้าไปด้วย เพื่อทำให้รู้สึกเคลิบเคลิ้ม ลดความเศร้าได้ชั่วขณะ
Weed
อ่านว่า วีด
เชื่อว่าใครหลายๆคนน่าจะคุ้นกับคำนี้มากที่สุด รวมถึงตัวแอดเอง >.< คำนี้อ่านว่า หวีด โดยตรงที่รู้จักกันมาจะแปลว่า วัชพืช อะไรทำนองนั้น แต่ในแง่ของสแลง เป็นสแลงที่ใช้สื่อถึง กัญชา ได้อย่างแพร่หลายและคิดว่าได้ยินบ่อยสุดแล้ว
Ganja
อ่านว่า กันจา
ซึ่งก็อ่านเหมือนชื่อไทย กัญชา เลยแหละ ชื่อนี้เป็นที่รู้ๆกันและแพร่หลายไปทั่วฝั่งตะวันตก
Skunk
อ่านว่า สกังคฺ
ที่แปลว่าตัวสกั๊งค์ ที่มีกลิ่นตัวเหม็น แรงและฉุน เทียบเคียงได้กับลักษณะกลิ่นของกัญชานั่นเอง
Stoner
อ่านว่า สโตน’เหนอะ
นั่นหมายถึง stone ที่แปลว่าหิน เพราะว่าเวลาที่คนสูบกัญชาไปแล้ว จะมีอาการหยุดนิ่งๆ เหมือนกับหินนั่นเอง
ทั้งหมดนี้คือชื่อและสแลงที่ใช้เรียกกัญชาพร้อมกับที่มาที่ไป
แต่แอดจะแถมชื่ออีกหลายสิบชื่อที่แอดยังไม่ได้รวบรวมที่มา มาให้อีก ไปดูเลยว่ากัญชาเป็นที่ป๊อปปูล่าขนาดไหน ถึงได้มีชื่อเยอะขนาดนี้
ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th
วช. เปิดนวัตกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ระบบทางเดินหายใจ
วช.ดันนวัตกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ระบบทางเดินหายใจ รุกทักษะแพทย์ศตวรรษที่ 21 ดึงเทคโนโลยี AI วัดสัญญาณเสียง เยียวยารักษาผู้ป่วยผิดปกติ
ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กล่าวว่า สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ให้การสนับสนุนทีมวิจัยจากภาควิชาวิศวกรรมชีวการแพทย์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ในการคิดค้นนวัตกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ระบบทางเดินหายใจ ที่พัฒนาขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีด้านดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ เพื่อนำไปใช้ในการเรียนการสอน และพัฒนาทักษะของนิสิตแพทย์ได้เรียนรู้การฟังเสียงและการหายใจ ที่มีลักษณะของสัญญาณที่แตกต่างกันเกิดขึ้นตามพยาธิสภาพของระบบทางเดินหายใจ เช่น Normal, Wheeze , Stridor และ Rhonchi เป็นต้น
สำหรับโหมดการเรียนรู้ที่สามารถเรียนรู้ด้วยตนเองผ่านการดูชื่อสัญญาณ ดูรูปคลื่นสัญญาณ ฟังเสียงเพื่อฝึกการฟัง และในโหมดทดสอบวัดผลการเรียนรู้จะมีรูปคลื่นสัญญาณพร้อมเสียง ทำการเลือกสัญญาณที่ถูกต้องผ่านตัวเลือกและมีการเฉลยในข้อนั้น เพื่อให้จดจำสัญญาณที่ถูกต้อง รวมถึงมีโหมดการวัดสัญญาณเสียงการหายใจจริงผ่านระบบการวัด การจำแนกสัญญาณที่วัดและแสดงผลที่ถูกต้องโดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งจะทำให้ช่วยฝึกทักษะการฟังเพื่อนำไปใช้ในการวินิจฉัย เยียวยารักษาผู้ป่วยที่มีอาการผิดปกติในระบบทางเดินหายใจ หรือในกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs)
ทั้งนี้ในปัจจุบันเทคโนโลยีทางการแพทย์ฝีมือคนไทยมีความเจริญก้าวหน้าไปมาก สามารถใช้องค์ความรู้ทางเทคโนโลยีคิดค้นนวัตกรรมในการวินิจฉัยโรค โดยเฉพาะในกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs ซึ่งเป็นสาเหตุหลักในการเสียชีวิตของคนไทย เช่น โรคถุงลมโป่งพอง โรคปอดเรื้อรัง และหอบหืด ด้วยเหตุนี้กระบวนการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาโรคจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง
ดร.วิภารัตน์ กล่าวต่อว่า ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ได้พัฒนานวัตกรรมในการตรวจฟังเสียงการหายใจ ซึ่งเป็นทักษะหนึ่งของการตรวจโรคทางคลินิกเพื่อวินิจฉัย และประเมินสุขภาพทางระบบหายใจจากผู้ป่วย แพทย์สามารถตรวจโดยใช้เครื่องมือ Stethoscope ในการฟังเสียงการหายใจร่วมกับการวินิจฉัยกับภาพทางการแพทย์ เช่น ภาพจากเครื่อง MRI หรือ CT Scan ซึ่งเสียงการหายใจเป็นเสียงที่เกิดขึ้นในระหว่างการหายใจ แต่ละเสียงจะแสดงถึงเงื่อนไขต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับความผิดปกติของโรคที่เกิดจากปอด เช่น มีการอุดตัน การอักเสบ การติดเชื้อ มีน้ำในปอด หอบหืด รวมถึงโรคปอดเรื้อรัง และหอบหืด เพื่อให้สามารถจำแนกสภาพที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยได้ ทักษะการประเมินผู้ป่วยทางคลินิกด้วยการฟังจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากที่แพทย์จะต้องมีความเชี่ยวชาญในการจำแนกและวิเคราะห์รูปแบบเสียงการหายใจ เพื่อสามารถวิเคราะห์อาการและวางแผนในการรักษาผู้ป่วย
ผศ.ดร.ดิเรก เสือสีนาค อาจารย์จากภาควิชาวิศวกรรมชีวการแพทย์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับแพทย์หญิงสิรภัทร ตุลาธรรมกิจ อาจารย์จากภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ในการคิดค้นนวัตกรรมเทคโนโลยีส่งเสริมการเรียนรู้ระบบทางเดินหายใจนี้ โดยกลไกทักษะการฟังเสียงการหายใจด้วยตนเองนั้น จะประกอบไปด้วย 2 ฟังก์ชัน คือ ฟังก์ชันการเรียนรู้ทดสอบการฟังเสียงการหายใจด้วยแอปพลิเคชันและฟังก์ชันการช่วยระบุตำแหน่งการวางเครื่องฟังการหายใจ และระบบจำแนกเสียงการหายใจด้วย Machine learning
นอกจากนี้นวัตกรรมดังกล่าวได้พัฒนาระบบฟังเสียงปอดและหัวใจที่สามารถบันทึกเสียงการหายใจโดยใช้ไมโครโฟนแบบดิจิตอลความไวสูง และพัฒนาระบบการจำแนกเสียงการหายใจที่มีการทำงานแบ่งเป็น 2 ขั้นตอนหลัก คือ การประมวลผลสัญญาณ และการจำแนกเสียงการหายใจด้วย Machine learning
จากการทดสอบและประเมินประสิทธิภาพระบบฟังเสียงการหายใจและหัวใจ เปรียบเทียบกับอุปกรณ์ในท้องตลาดพบว่า อุปกรณ์ที่พัฒนาขึ้นมีผลตอบสนองต่อสัญญาณความถี่ที่ต้องการเป็นที่น่าพึงพอใจ และมีอัตราส่วนสัญญาณต่อสัญญาณรบกวนที่สูงกว่าอุปกรณ์ในท้องตลาดที่นำมาทดสอบระดับนัยยะสำคัญ 0.05 ผลการเปรียบเทียบประสิทธิภาพวิธีการในการจำแนกเสียงการหายใจมีค่าความถูกต้องในการจำแนกเฉลี่ยร้อยละ 84.72 นวัตกรรมนี้ถูกทดสอบใช้งานโดยนิสิตแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนคริทรวิโรฒ จำนวน 30 คน ผลการวิจัยพบว่าคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้แอปพลิเคชัน มีผลสัมฤทธิ์หลังเรียนสูงกว่าก่อนการเรียนเท่ากับ 6.91 และความพึงพอใจของนิสิตแพทย์ที่มีต่อแอปพลิเคชันมีค่าอยู่ในระดับมากที่สุด ซึ่งเฉลี่ยเท่ากับ 4.60 การประเมินระบบที่พัฒนาโดยผู้เชี่ยวชาญมีความพึงพอใจอยู่ในระดับ 5 (ดีมาก)
ผศ.ดร.ดิเรก ยังได้กล่าวอีกว่า นวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นนั้นมีข้อดีหรือจุดเด่นหลาย ๆ อย่างที่น่าสนใจ ในการช่วยเสริมสร้างทักษะการเรียนรู้ การฟังเสียงการหายใจด้วยตนเองได้ดี สามารถนำไปใช้งานได้จริงในการเรียนการสอนนิสิตแพทย์ในโรงเรียนแพทย์ หรือสถาบันการศึกษาที่เกี่ยวข้องได้ และฟังก์ชันที่มีความโดดเด่นไม่เคยมีมาก่อนของนวัตกรรมนี้คือ การช่วยระบุตำแหน่งการวางเครื่องฟังเสียงการหายใจบนทรวงอกด้วยปัญญาประดิษฐ์ แต่อาจจะต้องมีการปรับปรุงในเรื่องของประสิทธิภาพความถูกต้องให้ดีขึ้น
อย่างไรก็ตามเครื่องวัดเสียงการหายใจที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพสูงและมีคุณลักษณะที่ดียอมรับได้ เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องที่จำหน่ายในท้องตลาด เช่น ฟังก์ชันการเก็บข้อมูลเสียงการหายใจบนคลาวด์ การบันทึกข้อมูลส่วนบุคคลพร้อมตำแหน่งการฟัง การเรียกฟังเสียงที่บันทึกไว้ ทำให้บุคลากรทางการแพทย์สามารถนำไปใช้ในการตรวจวินิจฉัยโรค หรือสามารถใช้ในการเรียนการสอนนิสิตในสถาบันการแพทย์ต่าง ๆ ได้ นอกจากนี้ยังสามารถนำไปใช้ประโยชน์กับชุมชนในพื้นที่ ในการตรวจสุขภาพให้กับประชาชนทั่วไป โดยโรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ หรือใช้ในการเก็บข้อมูลเพื่อใช้ในการศึกษาวิจัยได้ เครื่องฟังเสียงการหายใจนี้สามารถนำไปพัฒนาต่อยอดในเชิงพาณิชย์ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศได้ในอนาคต
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ผักที่ควรเลือก และควรเลี่ยง สำหรับผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง
หากพูดถึงโรคไต คนทั่วอาจคิดว่า “ต้องทานอาหารให้รสจืด ลดเค็มจริงจัง” เท่านั้น แต่จริงๆ แล้ว อาหารสำหรับผู้ป่วยโรคไต โดยเฉพาะผู้ป่วยที่เป็นโรคไตวายเรื้อรัง ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษจริงๆ แม้กระทั่ง “ผัก” ที่เราเข้าใจว่าน่าจะดีไปเสียทุกชนิด แต่ที่จริงแล้ว ยังมีผักบางชนิด ที่ไม่เหมาะสมกับผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังด้วย
จะมีผักชนิดใดบ้างที่เหมาะสม และควรเลี่ยง Sanook! Health นำข้อมูลจาก เฟซบุ๊คเพจ “ดูแลผู้ป่วยฟอกไตง่ายนิดเดียว กับ Nurse Mali” มาให้อ่านกันค่ะ
____________________
#ผักที่ควรเลือก #ผักที่ควรเลี่ยง #สำหรับผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง
วันนี้มะลินำเทคนิคง่ายๆรับประทานผักไม่ให้เป็นอันตรายใน #ผู้ป่วยฟอกไต มาฝากกันคะ
เพื่อให้ผู้ป่วยมีความสุขในการดำรงชีวิต การจำกัดผักในผู้ป่วยไตวายเป็นสิ่งจำเป็น เนื่องจากในผักจะมีเกลือแร่โพแทสเซี่ยม ซึ่งหากได้รับในปริมาณที่มากเดินไป จะเป็นอันตรายกับผู้ป่วยไตวายถึงชีวิต!!! บางครั้งการจำกัดอาหาร มีผลต่อจิตใจทำให้ผู้ป่วยรู้สึกเบื่อหน่าย ไม่มีความสุข และมีผลต่อร่างกาย
การจำกัดผักทำให้ ขาดกากใยอาหาร เกิดการท้องผูกตามมา ซึ่งเป็นปัญหาหนึ่งที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยไตวายที่ได้รับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมคะ เรามาเรียนรู้เทคนิคการรับประทานผักผลไม้ แบบ #NurseMali กันนะคะ
เลือกรับประทานผัก #ผักที่มีสีเขียวอ่อน สีขาว ซึ่งเป็นผักที่มีโพแทสเซี่ยมต่ำ แทนสีเขียวเข้มจัด
เช่น บวบ ฟัก น้ำเต้า ผักกาดขาว กะหล่ำปลี แตงกวา ถั่วงอก มะเขือยาว มะเขือเปราะ มะระ ผักบุ้ง
เทคนิค #ลวกหรือต้มผักก่อนรับประทาน เพื่อลดปริมาณปริมาณโปแทสเซี่ยมในอาหาร ทำโดยการหั่นหรือสับผักเป็นชิ้นเล็กๆ ต้มในน้ำแล้วเทน้ำทิ้ง อย่างไรก็ตามวิธีนี้อาจสูญเสียคุณค่าของวิตามินที่จำเป็นด้วย
ผักอะไรรับประทานได้ อะไรควรเลี่ยงมาดูกันค่ะ
เพียงแค่เราค่อยๆศึกษา ก็จะสามารถดูแลผู้ป่วยฟอกไตให้มีความสุขได้แล้วค่ะ “#NurseMali”
ทั้งนี้ หากกลัวว่าจะได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ก็สามารถเลือกทางผักที่ควรเลี่ยงได้แบบนานๆ ครั้งนะคะ เปลี่ยนรสชาติบ้างก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เพราะอย่างไรปัจจัยสำคัญยังอยู่ที่การปรุงรส อย่าหนักเค็มหนักหวาน เท่านี้ก็น่าจะช่วยได้เยอะแล้ว ที่สำคัญอย่าลืมออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอด้วยนะคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 1/12/2565
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 29,400.00 | 29,500.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,904.00 | 28,864.64 | 30,000.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,713.60 | 25,978.18 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,523.20 | 23,091.71 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 857.00 | 12,992.12 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 666.00 | 10,096.56 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,973.00 | 29,910.68 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 1/12/2565
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 34.75 | 34.75 | 35.05 | 35.05 | 35.05 | 34.75 | 34.75 | 34.75 | 35.05 | 34.75 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 34.48 | 34.48 | 34.78 | 34.78 | 34.78 | 34.48 | 34.48 | 34.48 | 34.78 | 34.48 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 33.04 | 33.04 | 33.34 | 33.34 | 33.34 | – | 33.04 | 33.04 | 33.34 | 33.04 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 32.24 | 32.24 | – | – | – | – | – | – | – | 32.24 |
เบนซิน 95 | 42.16 | – | – | – | 42.91 | – | 42.66 | 42.61 | – | 42.16 |
ดีเซล B7 | 34.94 | 34.94 | 35.54 | 35.24 | 35.54 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 35.24 | 34.94 |
ดีเซล | 34.94 | 34.94 | 35.54 | 35.24 | 35.54 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 35.24 | 34.94 |
ดีเซล B20 | 34.94 | 34.94 | 35.54 | – | 35.54 | – | 34.94 | 34.94 | 33.34 | 34.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 43.66 | 43.66 | 44.26 | 43.96 | 44.26 | – | – | – | – | 34.94 |
แก๊ส NGV | 16.59 | 16.59 | – | – | – | – | – | – | – | 16.59 |