6 ข้อควรรู้ ตรวจสอบ ก่อนซื้อ “บ้านมือสอง”
ส่องข้อดีของ บ้านมือสอง คอนโดมือสอง พร้อม 6 ข้อควรรู้ ไม่ควรมองข้าม ก่อนตัดสินใจซื้อ มั่นใจ ไร้กังวล ไม่ต้องกลัวโดนหลอก
“ที่อยู่อาศัยมือสอง” ไม่ว่าจะเป็น บ้านมือสอง หรือ คอนโดมือสอง กลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่อยากเป็นเจ้าของอสังหาฯ ภายใต้เศรษฐกิจไทย อยู่ในช่วงรอการฟื้นตัวจากปัจจัยบวกต่าง ๆ ที่เข้ามากระตุ้นในปี 2566 แต่กำลังซื้อผู้บริโภค ท้าทายไม่น้อย หลังผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เผยทิศทางปรับขึ้นราคาโครงการที่อยู่อาศัยที่ก่อสร้างใหม่ ส่งผลให้ บ้านมือสอง หรือ คอนโดมิเนียมมือสอง ได้รับความนิยมมากขึ้น ทั้งการซื้อเพื่ออยู่อาศัย และ ซื้อเพื่อลงทุน
4 ข้อดี บ้านมือสอง /คอนโดมือสอง
ขณะข้อมูลของ ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) ระบุว่า อสังหาฯ มือสองนั้นมีข้อดีและจุดเด่นที่น่าสนใจดังนี้
- ได้บ้านในราคาเอื้อมถึง เพิ่มโอกาสต่อรองราคา ปัจจัยสำคัญก็คือราคาที่เหมาะสมกับงบประมาณที่มี ขณะที่กำลังซื้อของผู้บริโภคส่วนใหญ่นั้นยังไม่กลับมาฟื้นตัวดีดังเดิม ทำให้หลายคนเลือกพิจารณาที่อยู่อาศัยมือสองที่กลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในยุคนี้ เมื่อคิดค่าเสื่อมตามการใช้งานแล้วบ้าน/คอนโดฯ มือสองยังมีราคาต่ำกว่า ขณะที่เมื่อเทียบราคาต่อพื้นที่ยังได้พื้นที่ใช้งานมากขึ้นเมื่อเทียบกับบ้าน/คอนโดฯ มือหนึ่ง นอกจากนี้ยังสามารถต่อรองราคาที่พึงพอใจกับผู้ขายได้โดยตรง ทำให้ผู้บริโภคสามารถเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยมือสองที่มีสภาพสมบูรณ์ และช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้
- ได้บ้านที่ใช่ในทำเลหายาก ทำเลที่มีความเจริญ มีสิ่งอำนวยความสะดวกในพื้นที่ รองรับการเดินทางที่หลากหลาย และมีโครงการรถไฟฟ้าพาดผ่าน ส่งผลให้ความต้องการที่อยู่อาศัยในทำเลนั้นสูงขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่ตลาดอสังหาฯ แข่งขันอย่างดุเดือด การเพิ่มขึ้นของราคาที่ดินผนวกกับการปรับราคาประเมินที่ดินรอบใหม่ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 ทำให้ต้นทุนการก่อสร้างโดยเฉพาะโครงการใหม่ปรับเพิ่มสูงขึ้น ที่อยู่อาศัยมือสองจึงกลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในทำเลทองหรือทำเลที่มีความเจริญซึ่งหาโครงการมือหนึ่งได้ยาก ขณะที่ที่อยู่อาศัยมือสองมีตัวเลือกและรูปแบบที่หลากหลายมากกว่าในย่านนั้น ๆ
- เห็นของจริง ไม่ต้องวัดดวง ผู้ซื้อจะได้เห็นสภาพบ้านที่แท้จริงพร้อมทั้งสภาพแวดล้อมโดยรอบอย่างละเอียด รวมไปถึงเพื่อนบ้านข้างเคียง ไม่ต้องรอลุ้นหลังก่อสร้างแล้วเสร็จเหมือนที่อยู่อาศัยโครงการใหม่ นอกจากนี้บ้าน/คอนโดฯ มือสองมักมีการตกแต่งมาแล้ว หรืออาจมีการแถมเฟอร์นิเจอร์มาให้ ผู้บริโภคสามารถใช้เวลาในการพิจารณารายละเอียดหรือวางแผนต่อเติมใหม่ได้ง่ายขึ้น
- ระบบการก่อสร้างแบบเก่าตอบโจทย์สายแต่งบ้าน ส่วนใหญ่บ้านมือสองที่ก่อสร้างมานานจะเป็นระบบการก่อสร้างแบบเก่า เช่น การสร้างด้วยอิฐมอญฉาบปูน ต่างจากการก่อสร้างโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ในปัจจุบันที่ก่อสร้างด้วยผนังอิฐมวลเบา และผนังคอนกรีตสำเร็จรูป (Precast) ที่มีจุดเด่นต่างกันในด้านความแข็งแกร่งทนทาน และผนังอิฐมอญทนกับทุกสภาพอากาศในเมืองไทยเป็นอย่างดี จึงเหมาะกับผู้ที่มีแผนต่อเติมและดัดแปลงที่อยู่อาศัย หรือผู้ที่ชอบตกแต่งรีโนเวทบ้านด้วยตัวเอง
6 ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยมือสอง
อย่างไรก็ดี แม้การซื้อที่อยู่อาศัยมือสองจะมีจุดเด่นที่น่าสนใจ ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการเป็นเจ้าของบ้านในราคาที่เอื้อมถึง แต่ก็มีข้อแตกต่างจากการซื้อที่อยู่อาศัยโครงการใหม่ไม่น้อย ผู้บริโภคที่ไม่เคยซื้อที่อยู่อาศัยมือสองมาก่อนจึงควรทำความเข้าใจให้ดีในทุกขั้นตอน เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาตามมาในภายหลัง ดังนี้
- รู้เหตุผลที่แท้จริงในการขายบ้าน สิ่งแรกที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อบ้าน/คอนโดฯ มือสอง คือเหตุผลในการประกาศขายของเจ้าของเดิม เพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจและต่อรองราคา เนื่องจากบางสาเหตุอาจส่งผลกระทบในอนาคตได้ เช่น ขายบ้านเนื่องจากมีภาระหนี้สิน หรือถูกเจ้าหนี้บังคับขาย หรือขายเพราะปัญหาเสียงรบกวนจากเพื่อนบ้าน
- เช็กสภาพบ้านให้ละเอียดก่อนตัดสินใจซื้อ ผู้ซื้อควรสังเกตรายละเอียดโครงสร้างบ้านและสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ประกอบด้วยเช่นกัน เนื่องจากเจ้าของเดิมอาจจงใจไม่แจ้งปัญหาด้านโครงสร้างหรือการใช้งานอื่น ๆ ให้ผู้ซื้อทราบ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกกดราคาก็เป็นได้ เช่น พื้นดินรอบบ้านหรือรั้วทรุดตัว เสาหรือคานมีรอยแตกร้าวลึก หากพบปัญหาเหล่านี้ ผู้ซื้อควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินค่าใช้จ่ายในการแก้ไข ก่อนตกลงต่อรองเรื่องราคากับเจ้าของเดิมอีกครั้ง
- ตรวจสอบกรรมสิทธิ์ของบ้าน/คอนโดฯ อีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญคือการตรวจสอบให้ละเอียดว่าโฉนดที่ดินหรือหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุดที่จะซื้อนั้นถูกต้องหรือไม่ เนื่องจากโฉนดที่ผู้ขายนำมาให้อาจจะเป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรือมีการปลอมแปลง หรือถูกอายัดตามกฎหมาย ผู้ซื้อจึงควรตรวจสอบรายละเอียดว่าใครเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่แท้จริงก่อน เพื่อป้องกันกรณีที่ผู้ประกาศขายไม่ใช่เจ้าของบ้านตัวจริง แล้วแอบอ้างขายบ้านมือสองของผู้อื่น ซึ่งหากได้ตกลงทำการซื้อขายเรียบร้อยแล้ว จะทำให้ผู้ซื้อเกิดปัญหาตามมาในภายหลังได้ ในกรณีที่จำเป็นต้องตกลงซื้อขายกับผู้อื่น เช่น ญาติของเจ้าของเดิม จะต้องให้ผู้ขายนั้นแสดงหลักฐานใบมอบอำนาจพร้อมหลักฐานประกอบอื่น ๆ ที่ชัดเจนก่อนเสมอ
- “ใบปลอดหนี้” สิ่งจำเป็นในการซื้อขาย ใบปลอดหนี้ คือเอกสารที่ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับการชำระเงินค่าส่วนกลางในการอยู่อาศัยในคอนโดฯ หากขาดเอกสารนี้จะไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ที่สำนักงานที่ดินได้ โดยผู้ขายต้องเป็นผู้ดำเนินการขอเอกสารนี้ที่สำนักงานนิติบุคคล เพื่อจัดการค่าใช้จ่ายค้างชำระ (ถ้ามี) ซึ่งประเด็นนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ซื้อควรตรวจสอบให้ดีว่าเจ้าของเดิมค้างจ่ายค่าส่วนกลางหรือมีหนี้ค้างอื่นกับทางนิติบุคคลหรือไม่ และแจ้งให้ผู้ขายจัดการเคลียร์หนี้ค้างให้เรียบร้อย ไม่เช่นนั้นผู้ซื้อจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบชำระหนี้เอง
- ตกลงรายละเอียดสัญญา และค่าใช้จ่ายวันโอน เมื่อได้บ้านที่ถูกใจแล้ว ผู้ซื้อควรติดต่อผู้ขายเพื่อตกลงทำสัญญาจะซื้อจะขายให้ชัดเจน โดยควรระบุราคาที่ตกลงซื้อขาย รวมถึงค่ามัดจำ และระยะเวลาที่ต้องชำระส่วนที่เหลือให้ชัดเจน หากผู้ซื้อไม่สามารถชำระเงินส่วนที่เหลือได้ภายในกำหนด ผู้ขายก็จะมีสิทธิ์ยึดเงินมัดจำเช่นกัน ซึ่งเมื่อทำสัญญาจะซื้อจะขายเรียบร้อยแล้ว ผู้ขายจะต้องให้สำเนาโฉนดที่ดินหรือหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุดเพื่อใช้เป็นเอกสารในการดำเนินการยื่นกู้กับสถาบันการเงิน นอกจากนี้ ในสัญญาจะซื้อจะขายต้องระบุรายละเอียดในเรื่องค่าใช้จ่ายวันโอนกรรมสิทธิ์ให้ชัดเจนว่า ฝ่ายผู้ซื้อและผู้ขายจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง หรือตกลงแบ่งจ่ายกันอย่างไร
ค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ดังนี้
- ค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ 2% ของราคาประเมินที่ดินหรือราคาซื้อขาย ส่วนใหญ่แบ่งจ่ายคนละครึ่งกับผู้ขาย (หากราคาที่อยู่อาศัยไม่เกิน 3 ล้านบาท ค่าโอนกรรมสิทธิ์จะเหลือ 1%)
- ค่าจดจำนอง 1% ของยอดเงินกู้ทั้งหมด ในกรณีที่ขอยื่นกู้กับสถาบันการเงินเท่านั้น (หากราคาที่อยู่อาศัยไม่เกิน 3 ล้านบาท ค่าจดจำนองจะเหลือ 0.01%)
- ค่าอากรแสตมป์ 0.5% ของราคาซื้อขาย แต่ต้องไม่ต่ำกว่าราคาประเมินที่ดิน
6. เลือกเอเจนต์ที่มีความน่าเชื่อถือเป็นตัวช่วย การซื้อบ้าน/คอนโดฯ มือสองมีรายละเอียดที่แตกต่างไปจากการซื้อบ้านใหม่ไม่น้อย จึงอาจเป็นเรื่องท้าทายสำหรับผู้ซื้อที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน การเลือกใช้บริการนายหน้าหรือเอเจนต์อสังหาฯ จึงเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ นอกจากเอเจนต์จะเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจอสังหาฯ แล้ว ยังสามารถให้คำแนะนำและอำนวยความสะดวกในขั้นตอนต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ซึ่งช่วยประหยัดเวลาของผู้ซื้อมือใหม่ได้ไม่น้อย
ทั้งนี้ หากผู้บริโภคไม่มั่นใจกับเอเจนต์อสังหาฯ ก็สามารถเลือกใช้เอเจนต์ที่ได้รับการยืนยันตัวตน (Agent Verification) โดยเอเจนต์จะผ่านการลงทะเบียนยืนยันตัวตนและแสดงข้อมูลการติดต่อ ซึ่งจะทำให้คุณมั่นใจได้ว่าเอเจนต์บนเว็บไซต์ DDproperty ที่ผ่านการลงทะเบียนโปรแกรมดังกล่าวข้างต้น มีความน่าเชื่อถือในการที่จะช่วยให้คุณซื้อ-ขาย-เช่าได้อย่างมั่นใจ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
พลิกโฉม “พระราม9-รัชดาฯ”ศูนย์กลางธุรกิจใหม่ ที่ดินพุ่งวาละ 2 ล้าน
ที่ดิน”พระราม-รัชดาฯ” ศูนย์กลางธุรกิจใหม่ ฮอต บิ๊กทุนAIA -PF-CPN ศึกพลิกโฉมมิกซ์ยูส รับจีนเปิดประเทศ เศรษฐกิจฟื้น สถานีร่วม ศูนย์วัฒนธรรม MRT สีน้ำเงิน-ส้ม ดันที่พุ่งวาละ 2 ล้าน
ที่ดินย่าน”พระราม9-รัชดาภิเษก” เส้นทางรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สีนํ้าเงิน กลับมาร้อนระอุอีกครั้งเมื่อ บิ๊กทุน บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ปัดฝุ่นนำที่ดินออกพัฒนาโครงการมิกซ์ยูส กันอย่างคึกคัก รับสถานการณ์โควิดคลี่คลายเศรษฐกิจประเทศเริ่มฟื้นตัว
ทั่วทุกมุมโลกเปิดประเทศ การเดินทางกลับมาเป็นปกติ โดยเฉพาะจีนกำลังซื้อหลัก ส่งผลให้ย่านดังกล่าวเกิดแรงกระเพื่อมราคาที่ดินขยับอีกครั้ง สะท้อนจากบัญชีราคาประเมินที่ดินใหม่รอบปี 2566-2569 ที่ขยับขึ้นกว่า20-30%
สมทบด้วยรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออกหากเปิดให้บริการจะเป็นแรงบวกให้ทำเลนี้ร้อนแรงมากขึ้นที่พูดถึงกันมากจะเป็นพื้นที่รอบสถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย สถานีร่วมระหว่าง MRTใต้ดินสายสีนํ้าเงินและสายสีส้ม ที่อนาคตจะเป็นศูนย์เปลี่ยนถ่ายการเดินทางใต้ดินใหญ่ที่สุดแห่งแรกในประเทศไทย
จึงไม่น่าแปลกที่จะมี นักลงทุน บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ให้ความสนใจ อีกทั้งผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร (ฉบับปรับปรุงครั้งที่4)ที่จะบังคับใช้ กำหนดให้แยกพระราม9-รัชดาฯเป็น ศูนย์กลางธุรกิจใหม่ หรือ นิว ซีบีดี เพิ่มการใช้ประโยชน์ที่ดินเป็นย่านพาณิชยกรรมรองรับการขยายตัวของแหล่งงาน ช้อปปิ้ง ย่านอยู่อาศัย มาจากใจกลางเมือง สุขุมวิท สีลม สาทร
“ฐานเศรษฐกิจ”ลงพื้นที่สำรวจทีดิน บริเวณรอบสถานีศูนย์วัฒนธรรมฯ สถานีร่วม MRTสายสีส้มตะวันออกและสายสีนํ้าเงิน พบตัวสถานีอยู่ในสภาพแล้วเสร็จสมบูรณ์พร้อมเปิดให้บริการ ขณะที่ดินแปลงใหญ่ ด้านข้างกำลังถูกพลิกโฉม เป็นโครงการมิกซ์ยูส อาคารสำนักงานขนาดใหญ่ล้อมรั้วอยู่ระหว่างก่อสร้าง
ภายใต้โครงการ “AIA RATCHADA2” ที่มีแผนก่อสร้างแล้วเสร็จ พร้อมเปิดให้บริการในปี 2568 หลังจากบริษัท เอไอเอ ประเทศไทย หรือ AIA ซื้อต่อมาจาก นายสาธิต วิทยากร ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ PRINC ผู้ถือหุ้นใหญ่โรงพยาบาลพริ้นซ์ และโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เมื่อปลายปี2564
ขณะแปลงที่ดินทำเลศักยภาพของนายสาธิต ซึ่งปัจจุบันเหลือเป็นรูปตัวแอล ติดถนนรัชดาฯ ซอย8 หาก AIA ก่อสร้างโครงการแล้วเสร็จจะทำให้ที่ดิน แปลงดังกล่าวมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นทันที จากการสอบถามพนักงานดูแลที่ดินได้คำตอบว่า
อาจร่วมทุนต่างชาติหรือพัฒนาเอง แต่ไม่ทราบแน่ชัดว่า จะพัฒนาเมื่อใด หรือไม่ก็อาจตัดขาย พร้อมกันนี้ยังระบุอีกว่า ที่ดินในย่านรัชดา-พระราม9 แปลงขนาดใหญ่รอพัฒนาเหลืออยู่ประมาณ 3-4 แปลง ล้วนเป็นทุนใหญ่แทบทั้งสิ้น
นอกจากนี้ในทำเลติดกัน มีที่ดินแปลงใหญ่ของ บริษัทแหลมทองค้าสัตว์จำกัด ในเครือแหลมทองสหการ ที่ดิน 24 ไร่ ยังคงเป็นสวนมะนาวและที่เพิ่มเข้ามาคือ มะพร้าว และไก่ รวมถึงโชว์รูมรถที่หมดสัญญา ปัจจุบันได้กลายเป็นสวนมะนาวไปเรียบร้อยแล้ว
ประเมินว่า เจ้าของที่ดินไม่น่าจะขายและน่าจะพัฒนาขึ้นในระยะที่รถไฟฟ้าสายสีส้มเปิดให้บริการ เพราะแหลมทองสหการ นอกจากประกอบธุรกิจทางด้านเกษตร และกิจการอื่นๆหลายประเภทแล้วยัง เชี่ยวชาญการลงทุนอาคารสำนักงานเกรดระดับพรีเมียมทำเลกลางเมืองที่อยู่ระหว่างพัฒนาอย่างย่านสีลม และอารีย์ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ที่ดินบนถนนรัชดาฯ ยังมีความเคลื่อนไหวต่อเนื่องและสร้างความสั่นสะเทือนต่อธุรกิจรีเทลในย่านเดียวกัน เมื่อบริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF ประกาศปัดฝุ่นนำที่ดินผืนใหญ่ 13 ไร่ ตั้งอยู่ระหว่าง บิ๊กซีรัชดาฯ และอาคารไทยประกันชีวิต พัฒนามิกซ์ยูสสร้างอาณาจักรใหญ่ บนถนนรัชดานอกจากนี้ PF ยังมีที่ดินแปลงใหญ่บนถนน รัชดาฯฝั่งตรงข้าม ไม่น่าจะตํ่ากว่า20ไร่ ปัจจุบันถูกล้อมรั้วและปล่อยเป็นที่ดินรกร้าง
นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มพัฒนาธุรกิจ บริษัทพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ที่ดินบนทำเลพระราม9 -รัชดาฯเติบโตสูง มีการพัฒนาอยู่อย่างต่อเนื่องตลอดเวลา และพัฒนาได้อย่างหลากหลาย ปัจจุบันทำให้ถูกยกระดับเป็น ศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่ที่มีศักยภาพสูง
ส่วนราคาที่ดินขยับไปไกล เกือบ 2 ล้านบาทต่อตารางวาโดยเฉพาะบริเวณแยกพระราม 9-รัชดาฯ เพราะมี MRT สายสีนํ้าเงินเป็นแม่เหล็ก สร้างความเจิรญให้กับพื้นที่อยู่แล้วและหากรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออกเปิดให้บริการเดินรถ จะทำให้ เป็นแรงบวกส่งให้ราคาที่ดินปรับตัวเร็วขึ้น
โดยเฉพาะทำเลรอบสถานีร่วม ศูนย์วัฒนธรรมฯ ระหว่าง MRT ใต้ดินสีนํ้าเงินและสายสีส้มจะเป็นฮับ หรือศูนย์การเปลี่ยนถ่ายการเดินทางขนาดใหญ่ที่ดีเวลลอปเปอร์นักลงทุนจะมองหาที่ดินทำเลดังกล่าวพัฒนาหลังจากสถานการณ์โควิดดีขึ้น การเปิดประเทศ
จีนเดินทางกลับเข้าสู่ประเทศไทยรวมถึงเศรษฐกิจประเทศฟื้นตัว ส่งผลให้บริษัทตัดสินใจลงทุนพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสดังกล่าวในปีนี้โดยจะเปิดในส่วนของตลาดนัดได้ก่อน แต่การก่อสร้างอาคารในส่วนอื่นจะใช้เวลาไม่ตํ่ากว่า 2 ปี นอกจากนี้ PF ยังมีที่ดินแปลงใหญ่อยู่ฝั่งตรงข้ามที่จะพัฒนามิกซ์ยูสในปีนี้ โดยคาดว่าปี 2567จะวางแผนพัมนาต่อเนื่องแต่จะเป็นรูปแบบไหนต้องศึกษาอีกครั้ง
นายวงศ์กร อธิบายต่อว่าสำหรับที่ดินโซนตะวันออกของกรุงเทพมหานคร มีศักยภาพและขยายการพัฒนาค่อนข้างสูงตามการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานรัฐและความต้องการของผู้บริโภค จนยกระดับให้เป็นศูนย์กลางธุรกิจใหม่ ไล่มาตั้งแต่ย่านมักกะสัน ที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)
ปัจจุบัน เครือเจริญโภคภัณฑ์หรือกลุ่มซีพี เตรียมพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางไฟแนนเชียล ถัดมาเป็นแยกพระราม9 -รัชดาฯบริษัทเซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือCPN มีแผนพัฒนามิกซ์ยูส รวมถึงที่ดินแปลงของบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)หรืออสมท. หลังศูนย์วัฒนธรรมฯที่นำออกประมูลให้เอกชนพัฒนา
วันนี้” พระราม9-รัชดาฯ “ศูนย์กลางธุรกิจใหม่ ตลบอบอวลไปด้วยคลื่นความร้อน !!!
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ ที่ระดับ 33.52 บาทต่อดอลลาร์
เงินบาทยังมีแนวโน้มเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าต่อเนื่องได้ในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติยังมีโอกาสทยอยขายสุทธิหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าแรงขายสุทธิบอนด์เริ่มชะลอลง
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ (10 ก.พ.2566) ที่ระดับ 33.52 บาทต่อดอลลาร์“อ่อนค่าลง”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 33.45 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่าแนวโน้มค่าเงินบาท เรามองว่า ปัจจัยกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงจากระดับปิดวันก่อนหน้า ยังคงเป็น การแข็งค่าของเงินดอลลาร์และโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวลง
ทั้งนี้ เราประเมินว่า เงินบาทยังมีแนวโน้มเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าต่อเนื่องได้ในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติยังมีโอกาสทยอยขายสุทธิหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าแรงขายสุทธิบอนด์เริ่มชะลอลง
อย่างไรก็ดี เราประเมินว่า แรงกดดันฝั่งอ่อนค่าดังกล่าว อาจไม่สามารถกดดันให้เงินบาทอ่อนค่ารุนแรงทะลุโซนแนวต้านสำคัญ 33.60-33.70 บาทต่อดอลลาร์ ไปได้ง่ายนัก เนื่องจากผู้เล่นบางส่วน อาทิ บรรดาผู้ส่งออกก็ยังคงทยอยขายเงินดอลลาร์ในจังหวะเงินบาทอ่อนค่าลงอยู่ และหากเงินบาทแข็งค่าขึ้นมาได้บ้าง
เราคงมองว่า เงินบาทยังขาดปัจจัยหนุนให้แข็งค่าขึ้นได้มากในระยะสั้น ทำให้แนวรับสำคัญจะยังอยู่ในช่วง 33.30-33.40 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเรามองว่า เงินบาทมีโอกาสที่จะแกว่งตัวเหนือโซนแนวรับได้ต่อ เพราะผู้เล่นในตลาดเริ่มมีการปรับสถานะมาเป็นฝั่งที่มองว่า เงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าต่อ หรือ มีสถานะสุทธิเป็นฝั่ง Long USDTHB มากขึ้น
อนึ่ง ความผันผวนของตลาดการเงินที่ยังอยู่ในระดับสูง ทำให้เรามองว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือทางการเงินที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.35-33.65 บาท/ดอลลาร์
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงเคลื่อนไหวผันผวนและเผชิญแรงขายจากนักลงทุนต่อเนื่อง โดยในช่วงแรกตลาดหุ้นสหรัฐฯ สามารถปรับตัวขึ้นจากวันก่อนหน้า หลังยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรกและการว่างงานต่อเนื่อง ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 196,000 ราย และราว 1.69 ล้านราย ตามลำดับ
ทำให้ผู้เล่นในตลาดคลายกังวลภาพตลาดแรงงานแข็งแกร่ง อาจกดดันให้เฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องไปบ้าง ทว่า บรรยากาศในตลาดหุ้นสหรัฐฯ พลิกกลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง ท่ามกลางแรงขายหุ้นหุ้นเทคฯ ขนาดใหญ่ นำโดย Alphabet (Google) ที่ปรับตัวลงต่อกว่า -4.4% จากความผิดหวังของนักลงทุนต่อ “Bard AI” ที่ทาง Alphabet ได้เปิดตัวไปในวันก่อนหน้า ให้ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวลงต่อ -1.02% ส่วน ดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.88%
ในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 เดินหน้าปรับตัวขึ้น +0.62% หนุนโดยรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาดีกว่าคาด นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน (TotalEnergies +2.5%, BP +2.3%) หลังราคาน้ำมันดิบทยอยปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 77.6 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (สำหรับ WTI) และระดับ 84 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (สำหรับ Brent) เนื่องจากผู้เล่นในตลาดยังคงมีความคาดหวังว่า ความต้องการใช้พลังงานอาจได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนและภาพรวมเศรษฐกิจยุโรปที่อาจไม่ได้แย่อย่างที่ตลาดเคยกังวล
ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยล่าสุด ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ได้รีบาวด์ขึ้นใกล้ระดับ 103.2 จุด หนุนโดยความต้องการถือเงินดอลลาร์ในช่วงตลาดการเงินยังคงผันผวนและบรรยากาศในฝั่งตลาดการเงินสหรัฐฯ ก็อยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง
การแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ได้กดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย.) ไม่สามารถปรับตัวขึ้นเหนือโซนแนวต้านแถว 1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนที่ราคาทองคำจะย่อตัวลงต่อเนื่องใกล้ระดับ 1,872 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเรามองว่า การย่อตัวลงของราคาทองคำอาจหนุนให้ผู้เล่นบางส่วนทยอยเข้ามาซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว ทำให้โฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำดังกล่าวมีส่วนกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้บ้าง
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม รายงานข้อมูลเศรษฐกิจอังกฤษในไตรมาสที่ 4 โดยบรรดานักวิเคราะห์ต่างประเมินว่า เศรษฐกิจอังกฤษ อาจขยายตัวเพียง +0.3%y/y ชะลอลงหนัก จากที่ขยายตัวกว่า +1.9%y/y ในไตรมาสก่อนหน้า กดดันโดยภาวะเงินเฟ้อสูงและผลกระทบของราคาพลังงานที่อยู่ในระดับสูงจนกดดันการใช้จ่ายของครัวเรือน
ส่วนในฝั่งสหรัฐฯ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามรายงาน ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน (U of Michigan Consumer Sentiment) ในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งตลาดคาดว่า ภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ไม่ได้แย่ลงอย่างที่ตลาดเคยกังวล รวมถึงภาพเงินเฟ้อที่ชะลอลงมากขึ้น อาจช่วยหนุนให้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวขึ้นเล็กน้อยสู่ระดับ 65 จุด ได้
ทั้งนี้ประเด็นสำคัญในรายงานดังกล่าว อาจอยู่ที่ คาดการณ์อัตราเงินเฟ้อระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งหากคาดการณ์เงินเฟ้อดังกล่าวปรับตัวลดลง หรือ ทรงตัว ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดมั่นใจมากขึ้นต่อแนวโน้มการชะลอตัวลงของอัตราเงินเฟ้อในฝั่งสหรัฐฯ ได้
นอกจากนี้ รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามอย่างใกล้ชิด ซึ่งหากรายงานผลประกอบการโดยรวมดีกว่าคาด (อาจที่เห็นในฝั่งยุโรป) ก็อาจช่วยหนุนให้ผู้เล่นในตลาดกล้าเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้นได้
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
เชิดชูเกียรติ! “สุดยอดนักกีฬาไทย” งาน “3ทศวรรษ” สมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาฯ
สมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาแห่งประเทศไทย จัดงานใหญ่”3 ทศวรรษ วินาทีสู่ฝันพลังแห่งความภาคภูมิใจ” ในโอกาสครบรอบการก่อตั้งสมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาฯครบ 30 ปี (2535-2565) มอบรางวัลเกียรติยศให้กับนักกีฬา แยกเป็นทศวรรษละ 10 รางวัล และรางวัลพิเศษอีก 8 รางวัล รวมทั้งสิ้น 38 รางวัล สุดยอดนักกีฬายุคต่างๆ รวมทั้งบุคลากรกีฬาทุกยุคเข้ารับรางวัลอันทรงเกียรติกันด้วยความยิ่งใหญ่
งานครบรอบ 30 ปีการก่อตั้งสมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬา มอบรางวัลให้กับนักกีฬาทรงคุณค่าในช่วง 3 ทศวรรษ ที่ผ่านมา ในชื่อว่า”3 ทศวรรษ วินาทีสู่ฝันพลังแห่งความภาคภูมิใจ” เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 9 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา ณ โรงละครอักษรา คิงเพาเวอร์(ชั้น 3 ) โดยมีนายสิรภพ ดวงสอดศรี ที่ปรึกษา รมว.กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานงานฯ และผู้สนับสนุนมากมายร่วมงาน โดยมีคณะกรรมการสมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาแห่งประเทศไทย นำโดยนายไพฑูร ชุติมากรกุล นายกสมาคมฯ กล่าวรางงาน พร้อมให้การต้อนรับนั้น
นายสิรภพ ดวงสอดศรี ที่ปรึกษา รมว.กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า”ต้องขอขอบคุณ สมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาแห่งประเทศไทย ที่ให้ความสำคัญ กับการจัดงานรำลึก นึกถึงคุณงามความดีของนักกีฬารุ่นเก่าๆ ในช่วง30 ปีที่ผ่านมา ซึ่งตนเองในฐานะรัฐมนตรีฯ ก็ไม่เคยเห็นหน่ายงานไหนจัดมาก่อน การจัดงาน 3 ทศวรรษนี้ เชื่อว่าจะทำให้เยาวชน แฟนกีฬารุ่นใหม่ ได้รู้จักนักกีฬาที่เคยสร้างชื่อให้ประเทศไทยในยุคก่อนๆมากขึ้น เพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการรักการเล่นกีฬา รักการออกกำลังกายมากขึ้น ในนามของกระทรวงฯ พร้อมให้การสนับสนุน กิจกรรมดีๆมีคุณค่าของสมาคมฯอย่างเต็มที่ ”
ขณะที่นายไพฑูร ชุติมากรกุล นายกสมาคมฯ เปิดเผยว่า การจัดงานครบรอบ 30ปี หรือ 3 ทศวรรษของการก่อตั้งสมาคมฯครั้งนี้ สมาคมฯจัดเพื่อวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นการรำลึกถึงผลงานของนักกีฬารุ่นต่างๆ ในยุคตั้งแต่30 ปี-20 ปีที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะ นักกีฬารุ่นก่อนๆ ที่แฟนๆกีฬารุ่นใหม่ส่วนใหญ่แทบไม่รู้จัก ไม่เคยเห็นหน้า ไม่เคยดูผลงาน ก็ได้เห็น ได้รับรู้กัน โดยงาน ”3 ทศวรรษ วินาทีสู่ฝันพลังแห่งความภาคภูมิใจ” ที่สมาคมฯจัดขึ้นเพื่อเชิดชู เป็นการให้เกียรติ ให้ความสำคัญกับนักกีฬาในยุคต่างๆ ประเภทต่างๆที่เสียสละเวลาส่วนตัว ไปสร้างชื่อเสียงให้ประเทศมากมาย สมควรอย่างยิ่งที่จะได้รับการยกย่อง ได้รับการรับรู้ทั่วกันจากแฟนกีฬาทั้งยุคก่อนและยุคปัจจุบัน สุดท้ายต้องขอขอบคุณทุกท่าน ทั้งภาครัฐบาลและเอกชน ที่สนับสนุน จนงานผ่านไปได้ด้วยดี ในนามสมาคมฯ พร้อมที่จะทำสิ่งดีๆเพื่อสังคม เพื่อวงการกีฬาไทยต่อไปครับ “นายกสมาคมฯกล่าว
สำหรับผู้ที่ได้รับรางวัล แยกเป็น ประเภทของรางวัล ในแต่ละทศวรรษ มีดังนี้
สมาคมกีฬาแห่งทศวรรษ Sport Association of Decade
ทศวรรษที่ 1 (2535-2545) สมาคมกีฬามวยสากลแห่งประเทศไทย
ทศวรรษที่่ 2 (2545-2555) สมาคมกีฬายกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย
ทศวรรษ ที่่ 3 (2555-2565) สมาคมกีฬาเทควันโด้ แห่งประเทศไทย
บุคคลสำคัญแห่งทศวรรษ The Person of Decade
ทศวรรษที่ 1 พลตรีจารึก อารีราชการัณย์
ทศวรรษ 2 นายธนา ไชยประสิทธิ์
ทศวรรษ 3 คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล
ทีมกีฬาแห่งทศวรรษ Team of the Decade
ทศวรรษที่ 1 ฟุตบอลดรีมทีม
ทศวรรษที่ 2 เซปัคตะกร้อ ชุดของสืบศักดิ์ ผันสืบ
ทศวรรษที่ 3 วอลเลย์บอลหญิง ชุด 7 เซียน
นักกีฬาอาชีพยอดเยี่ยมแห่งทศวรรษ The Profession Player of the Decade
ทศวรรษที่ 1 สามารถ พยัคฆ์อรุณ (มวยสากล-มวยไทย)
ทศวรรษที่ 2 ธงชัย ใจดี (กอล์ฟ)
ทศวรรษที่ 3 โปรเม-เอรียา จุฑานุกาล (กอล์ฟ)
ผู้จัดการทีมแห่งทศวรรษ The Manager of the Decade
ทศวรรษที่ 1 “บิ๊กหอย”ธวัชชัย สัจจกุล(ฟุตบอล)
ทศวรรษที่ 2 บุษบา ยอดบางเตย (ยกน้ำหนัก)
ทศวรรษที่ 3″มาดามแป้ง”นวลพรรณ ล่ำซำ (ฟุตบอล)
ผู้ทำชื่อเสียงในเวทีกีฬาสากลแห่งทศวรรษ The Man of the Decade
ทศวรรษที่ 1 “บังยี”วรวีร์ มะกูดี (อดีตนายกส.ฟุคบอลฯ)
ทศวรรษที่ 2 ผศ.ดร.พิมล ศรีวิกรณ์ (นายกส.เทควันโด้)
ทศวรรษ 3 วิชัย ศรีวัฒนประภา (อดีตประธานสโมสร เลสเตอร์ ซิตี้)
นักกีฬาตัวอย่างแห่งทศวรรษ The Idol of the Decade
ทศวรรษที่ 1 “ซิโก้”เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง (ฟุตบอล)
ทศวรรษที่ 2 บัวขาว บัญชาเมฆ (มวยไทย)
ทศวรรษที่ 3 ตูน บอดี้สแลม นายอาทิวราห์ คงมาลัย (นักวิ่ง-เทเบิลเทนนิส)
นักกีฬายอดเยี่ยมแห่งทศวรรษ The Gloden Player of the Decade
ทศวรรษที่ 1 นาวาตรี สมรักษ์ คำสิงห์ (มวยสากล)
ทศวรรษที่ 2 ร.อ.หญิงปวีณา ทองสุข (ยกน้ำหนัก)
ทศวรรษที่ 3 “เทนนิส”พานิภัค วงศ์พัฒนกุล (เทควันโด้)
ที่สุดนักกีฬาแห่งทศวรรษ The Icon of the Decade
ทศวรรษที่ 1 “ต๋อง ศิษย์ฉ่อย นายวัฒนา ภู่โอบอ้อม(สนุกเกอร์)
ทศวรรษที่ 2 “บอล”ภราดร ศรีชาพันธ์ (เทนนิส)
ทศวรรษที่ 3 “เจ”ชนาธิป สรงค์กระสินธ์(ฟุตบอล)
วินาทีความทรงจำแห่งทศวรรษ The Moment of the Decade
ทศวรรษที่ 1 “วัง”ธวัชชัย ดำรงค์อ่องตระกูล(ฟุตบอล)
ทศวรรษที่ 2 พันโทหญิง อุดมพร พลศักดิ์ เจ้าของวลีเด็ด”สู้โว้ย”(ยกน้ำหนัก)
ทศวรรษที่ 3 “โค้ชเช” ชัชชัย ชเว (เช ยองว็อก) โค้ชกีฬาเทควันโด้
ประเภทของรางวัลพิเศษ
รางวัลที่สุดแห่งความทรงจำ The Forever Memory of the Decade มี 2 รางวัล
1.”ซ้ายทะลวงใส้” เขาทราย แกแล็คซี่ นายสุระ แสนคำ (มวยสากล)
2.”เพชรฆาตหน้าหยก” นาวาอากาศเอก ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน(ฟุตบอล)
รางวัลเกียรติยศแห่งทศวรรษ The Greatest Honour of the Decade มี 6 รางวัล
1.มนัส บุญจำนงค์ (มวยสากล)
2.พันตำรวจโท วิจารณ์ พลฤทธิ์ (มวยสากล)
3.สมจิตร จงจอหอ (มวยสากล)
4.พันตรีหญิงประภาวดี เจริญรัตนธารากุล (ยกน้ำหนัก)
5.โสภิตา ธนสาร (ยกน้ำหนัก)
6.สุกัญญา ศรีสุราช (ยกน้ำหนัก)
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ระดับน้ำตาลในเลือดเท่าไร ถึงเป็น “เบาหวาน”
นอกจากค่าไขมันในเลือดที่เราควรให้ความสำคัญในแต่ละครั้งที่เราตรวจสุขภาพแล้ว ระดับน้ำตาลในเลือดก็สำคัญเช่นกัน เพราะสามารถบ่งบอกถึงระดับความเสี่ยงโรคเบาหวานได้ด้วย
รศ. พญ.ลลิตา วัฒนะจรรยา แพทย์ประจำศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ ด้านเบาหวาน ฮอร์โมนและเมตะบอลิสม โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ระบุว่า การตรวจระดับน้ำตาลในเลือดเพื่อวินิจฉัยเบาหวานที่ใช้ทั่วไป มี 3 วิธี คือ
- ระดับน้ำตาลในเลือด หลังจากอดอาหารอย่างน้อย 8 ชั่วโมง ได้ค่าตั้งแต่ 126 มิลลิกรัม/เดซิลิตรขึ้นไป
- ระดับน้ำตาลในเลือด ณ เวลาใดก็ได้ ได้ค่าตั้งแต่ 200 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ขึ้นไป ร่วมกับมีอาการของภาวะน้ำตาลในเลือดสูงชัดเจน เช่น หิวน้ำบ่อย ปัสสาวะบ่อย น้ำหนักตัวลดลง
- ระดับน้ำตาลสะสม ณ เวลาใดก็ได้ ได้ค่าตั้งแต่ 6.5% ขึ้นไป
กรณีที่ไม่มีอาการของภาวะน้ำตาลในเลือดสูงชัดเจน ให้ทำการตรวจซ้ำอีก 1 ครั้ง เพื่อยืนยันการวินิจฉัยกรณีที่พบความผิดปกติในข้อ 1 และ 3 ร่วมกัน สามารถวินิจฉัยเบาหวานได้เลย แม้ไม่มีอาการที่ชัดเจน
4 วิธีลดน้ำตาลในเลือดหลังอาหาร ในผู้ป่วยเบาหวาน
ผศ.นพ.สมเกียรติ แสงวัฒนาโรจน์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย แนะนำวิธีลดระดับน้ำตาลในเลือดหลังอาหาร สำหรับผู้ป่วยเบาหวานเอาไว้ ดังนี้
- งดของหวาน งดขนม อาหาร เครื่องดื่มรสหวานจัด รสชาติหวานพอดี คือ รสชาติหวานจากการเคี้ยวข้าว รสชาติหวานพอเพียง เป็นรสหวานตามธรรมชาติ
- กินผักใบเขียว กินผักใบเขียวอย่างน้อย 1 ฝ่ามือในทุกมื้ออาหาร ผักใบเขียวจะช่วยลดการดูดซึมของน้ำตาล
- เคี้ยวจนเพลิน ใน 1 คำ อาหารให้เคี้ยวอย่างน้อย 15 ครั้งก่อนกลืน
- เดินหลังอาหาร หลังกินอาหาร 15 นาที ควรเคลื่อนไหวใช้พลังงาน ด้วยการเดิน 15 นาที เมื่อเราใช้กล้ามเนื้อ พลังงาน (น้ำตาล) จะถูกนำไปใช้ ระดับน้ำตาลในเลือดหลังอาหารก็จะไม่สูงเกินไป (กล้ามเนื้อขาใหญ่กว่าแขน กล้ามเนื้อใหญ่กว่าใช้พลังงานมากกว่า จึงแนะนำให้เดิน)
หากอยากกินผลไม้ อ. นพ.วิทวัส แนววงศ์ แพทย์ประจำศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ ด้านเบาหวาน ฮอร์โมนและเมตะบอลิสม โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย แนะนำผลไม้น้ำตาลต่ำที่เหมาะสมกับผู้ป่วยเบาหวาน ได้แก่ ชมพู่ ฝรั่ง แอปเปิล แก้วมังกร และ มันแกว โดยรับประทานได้ 3-4 ส่วน แบ่งรับประทานครั้งละ 1 ส่วน อาจจะเป็นของว่างระหว่างมื้อ หรือแทนของหวานหลังมื้ออาหาร
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
บทสนทนาภาษาอังกฤษ ตัวอย่าง 5 เหตุการณ์ ไว้ใช้ทักทายเพื่อนในโอกาสต่างๆ
บทสนาทนาภาษาอังกฤษ ที่ไว้ทักทายคนรู้จัก เพื่อน หรือคนทั่วไปในเหตุการณ์ต่างๆ วันนี้ Engnow.in.th เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ฟรี มีตัวอย่างประโยคสนทนาที่น่าสนใจมาฝากครับ ไปดูกันเลย
ตัวอย่าง บทสนทนาภาษาอังกฤษ : เจอกันครั้งแรก ทักทายอย่างไรดี
A: “Hi, my name is Steve. It’s nice to meet you.”
A: ดีครับ ผมชื่อสตีฟ ยินดีที่ได้รู้จักครับ
B: “I’m Jack. It’s a pleasure to meet you, Steve.”
B: ผมเจ็คครับ ยินดีมากๆ ที่ได้พบคุณสตีฟ
A: “What do you do for a living Jack?”
A: คุณทำงานอะไรครับเจ็ค
B: “I work at the bank.”
B: ผมทำงานในธนาคารครับ
ง่ายๆแค่นี้เองครับ สำหรับคำถามเบสิคง่ายๆ ที่ไว้ใช้ทักทายกัน เป็นคำถามที่ดูไม่เสียมารยาท และเป็นสากล ไว้รู้จักกันในครั้งแรกครับ ลองเอาไปฝึกกันดูนะครับ
มาดู ตัวอย่าง บทสนทนาภาษาอังกฤษ : เมื่อไม่ได้เจอเพื่อนคนนี้มานานมาก
LINDA: Well, hello there, Deborah! Wow, it is a long time no see! It is great to see you again.
ลินดา : ว้าว ! สวัสดีเดโบราห์ ไม่ได้เจอกันมานานมาก ดีใจที่ได้เจอกันอีก
DEBORAH: Linda! Hello! What a coincidence! I haven’t seen you in ages! It is great to
see you. What are you doing in Manchester? Are you just visiting?
เดโบราห์ : ว่าไงลินดา อะไรจะบังเอิญขนาดนี้? มาเที่ยวหรอ?
LINDA: I just got a new job in Manchester, so I am shopping for some new clothes. Hey, what do you think of this skirt?
ลินดา : ฉันได้งานใหม่ทำที่แมนเชสเตอร์ เลยมาซื้อชุดใหม่ นี่! เธอคิดว่ากระโปรงตัวนี้เป็นไง?
DEBORAH: Hmmmm… well, you remember how much I love black. See? I have got the same skirt as you!
เดโบราห์ : แปปนะ ! อื้ม ! จำได้ใช่ไหมว่าฉันชอบสีดำมากแค่ไหน ดูนี่ กระโปรงของฉันตัวนี้เหมือนของแกเลย
LINDA: You have always had great taste in clothes! Well this is a small world.
ลินดา : รสนิยมเธอนี่ไม่เปลี่ยนเลยนะ แต่ ดีจังโลกมันกลมมาก
DEBORAH: We must keep in touch. You still have my mobile number?
เดโบราห์ : เราควรติดต่อกันบ่อยๆนะ เธอยังมีเบอร์โทรฉันอยู่ใช่ไหม?
LINDA: No. I lost my phone here is my new number.
ลินดา : ไม่มีแล้วละ ฉันทำโทรศัพท์มือถือหาย เอานี่ ! เบอร์ใหม่ฉัน
DEBORAH: OK. I will save your number.
เดโบราห์ : โอเค ! บันทึกลงเครื่องแปป
LINDA: I have got to go back to work, give us a ring so we can arrange dinner sometime.
ลินดา : ฉันต้องไปทำงานก่อนนะแก โทรหากันนะ เราค่อยนัดไปกันข้าวเย็นกันบ้าง
DEBORAH: For sure, take care bye.
เดโบราห์ : ได้เลย ดูแลตัวเองด้วยแก บายย
ง่ายๆ สำหรับการฝึกสนทนาแบบนี้ เราต้องรู้ว่าเพื่อนเราชอบอะไร ควรถามอะไรตามลำดับ แต่พอขึ้นมาเป็นภาษาอังกฤษอาจจะทำให้นึกไม่ออกก็เป็นได้ ค่อยๆฝึกกันไปนะ เอาใจช่วย !
ตัวอย่าง บทสนทนาภาษาอังกฤษ : บังเอิญเจอเพื่อนที่รู้จักกันมานาน ที่ร้านคาเฟ่
Sarah: Hello Jason, how are you, it’s been a long time since we last met?
ซาร่า : สวัสดีเจสัน เป็นไงบ้าง ไม่ได้เจอกันนานแค่ไหนแล้วนะ ?
Jason: Oh, hi Sarah I’m have got a new job now and is going great. How about you?
เจสัน : โอ้ ไงซาร่า ตอนนี้ได้งานใหม่ทำกำลังไปได้สวยเลย เธอละเป็นไงบ้าง?
Sarah: Not too bad.
ซาร่า : ฉันก็งั้นๆ ไม่มีอะไรแย่
Jason: How often do you eat at this cafe?
เจสัน : มากินร้านนี้บ่อยไหม?
Sarah: This is my first time my friends kept telling me the food was great, so tonight I decided to try it. What have you been up to?
ซาร่า : นี่มาครั้งแรกเลย เพื่อนบอกมาว่าร้านนี้อาหารเยี่ยมมาก เลยมาลองคืนนี้ แล้วช่วงนี้เป็นไงบ้าง?
Jason: I have been so busy with my new job that I have not had the time to do much else, but otherwise, me and the family are all fine.
จอห์น : ตอนนี้ยุ่งมากกับงานใหม่มาก ไม่ค่อยมีเวลาทำอะไรเลย แต่ครอบครัวดีฉันสบายดี
Sarah: Well, I hope you have a lovely meal.
ซาร่า : ดีมาก ฉันหวังว่าคุณจะมีความสุขไปกับอาหารมื้อนี้นะ
Jason: Yes you too.
จอห์น : แน่นอน ! เธอก็เช่นกัน
ทักทายกันแบบเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมานาน มารยาทโดยทั่วไปแล้ว ควรถามสารทุกข์สุขดิบกันพอหอมปากหอมคอ โดยอย่าลืมว่าเขามาทำธุระ หรือกำลังรีบหรือเปล่า ถ้าเห็นว่ารีบๆ ก็ไม่ควรถามเยอะ จะกลายเป็นความรู้สึกที่ไม่ดีต่อกันได้นะ
ตัวอย่าง บทสนทนาภาษาอังกฤษ : ตอนนี้เพื่อนทำงานอะไร
David: Jenny, What do you do for a living?
เดวิด: เจนี่ ตอนนี้ทำงานอะไร?
Jenny: I’m teaching English. what do you for a living?
เจนี่: ฉันเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ แล้วเธอทำอะไร?
David: I’m currently a Chinese teacher.
เดวิด: ตอนนี้ฉันเป็นครูสอนภาษาจีน
Jenny: That’s Great !
เจนี่: สุดยอดมาก
David: Thank you. It was a great pleasure meeting you.
เดวิด: อ่า ! มันดีมากๆที่ได้เจอคุณ
ในเมื่อรู้จักกันมาแล้ว ก็ไม่แปลกที่จะถามได้เลยว่าตอนนี้ทำงานอะไร โดยคำถาม What do you do for a living? หรือ What do you do for living? ก็ได้ เป็นการถามแบบสุภาพ และทันสมัย อย่าลืมว่าไม่ควรถามเรื่องส่วนตัว อย่างเช่น เงินเดือน หรือเรื่องที่เป็นกลยุทธ์ขององค์กรนะ
ตัวอย่าง บทสนทนาภาษาอังกฤษ : บังเอิญเจอเพื่อนที่โรงหนัง
Bob: Hi Jason, it’s great to see you again.
บ๊อบ: ไงเจสัน รู้สึกดีมากๆที่ได้เจอกันอีก
Jason: Wow, it’s great seeing you, How long has it been? It most be more than 6 months. I’m doing good. How about you?
เจสัน : ว้าว ! เจ๋งมากที่เจอกันอีก นานแค่ไหนแล้วนะ ? หกเดือนเลยปะเนี้ย ตอนนี้สบายดี นายเป็นไงบ้าง?
Bob: Not too bad.
บ๊อบ : ไม่มีอะไรแย่มากเท่าไหร่
Jason: What movie are you and the family going to see?
เจสัน : วันนี้พาครอบครัวมาดูหนังเรื่องอะไร ?
Bob: I came here to see the Simpsons movie. How about you?
บ๊อบ : ฉันมาดูเรื่องซิมป์สัน นายละ?
Jason: I’m going to watch Terminator 4.
เจสัน : ฉันมาดูเรื่องเทอมิเนเตอร์4
Bob : I have to go now. See you around.
บ๊อบ : ฉันต้องไปแล้ว ไว้เจอกัน
Jason : ok see you
เจสัน : โอเค เจอกัน !
จะเห็นว่า เมื่อพบเจอกันในโรงหนัง อย่าลืมบทสนทนาที่สอดคล้องกับสถานที่ จะทำให้การคุยกันราบรื่นมากขึ้น อย่าลืมเอาไปใช้กันนะครับ สำคัญมากๆสำหรับผู้เริ่มต้นฝึกพูด ถ้าไม่รู้ว่าจะคุยเรื่องอะไร ลองนึกดูว่าจะพูดอะไรเกี่ยวกับสถานที่นี้ได้บ้าง
ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th
เทคโนโลยีเพื่ออากาศบริสุทธิ์ ความจำเป็นในยุคฝุ่นเยอะโรคแยะ
เมื่อฝุ่นพิษ PM2.5 กลับมาสร้างปัญหาใหญ่ให้กับคนกรุงอีกครั้งในช่วงปลายฤดูหนาวเมื่อสัปดาห์ก่อน ความรุนแรงเข้าขั้นแย่อยู่หลายวัน โดยช่วงที่หนักหนาสาหัสที่สุดนั้น สามารถดันให้กรุงเทพมหานครขึ้นเป็นอันดับที่ 3 ของโลก ในฐานะเมืองที่อากาศแย่ที่สุดในโลก เพราะมีฝุ่นเกินค่ามาตรฐานในระดับที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
ย้อนกลับไปที่บทความ ซื้อไหม? “อากาศอัดกระป๋อง” เพราะของฟรีมันไม่ดีที่จะใช้หายใจ ก็ดูน่าหดหู่อยู่ไม่น้อยเหมือนกันที่ “อากาศ” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้สิ่งมีชีวิตสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างปกติสุขจะกลายเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถใช้ได้ฟรี ๆ อีกต่อไปแล้วหรือเปล่า? แน่นอนว่าตัวของอากาศนั้นคงไม่ได้ลดน้อยลงจนเราต้องยื้อแย่งกันซื้อมาหายใจหรอก แต่คุณภาพอากาศต่างหากที่เราอาจต้องใช้เงินแก้ปัญหา เพราะทุกวันนี้ อากาศที่เราใช้หายใจกันได้ฟรี คุณภาพมันไม่ดีพอต่อการหายใจเอาเสียเลย อากาศดี ๆ อากาศที่บริสุทธิ์ มันไม่ได้หาได้ง่าย ๆ
ในเมื่ออากาศฟรี ๆ คุณภาพมันไม่ดีพอที่จะเราจะใช้หายใจ ในที่สุดเราก็มาถึงจุดที่ต้องจ่ายเงินเพื่อที่จะมี “อากาศบริสุทธิ์หายใจ” สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดอย่าง “อากาศบริสุทธิ์อัดกระป๋อง” ก็มีมาแล้วบนโลกนี้ ส่วนเทคโนโลยีที่มีมาก่อนหน้าอย่างเครื่องกรอง เครื่องฟอกอากาศ เมื่อก่อนมันเป็นสินค้าสำหรับคนเฉพาะกลุ่มเฉพาะสถานที่ สถานที่ที่นิยมใช้เครื่องฟอกอากาศ ก็คือโรงพยาบาล ส่วนคนที่จำเป็นต้องมีเครื่องฟอกอากาศติดบ้าน ก็คือคนที่ป่วยเป็นโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคภูมิแพ้ โรคหอบหืด และออกจะเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยสำหรับกลุ่มคนที่รักสุขภาพ ถ้าคนกลุ่มนั้นมีกำลังซื้อก็ไม่ว่ากัน พวกเขาสามารถใช้เงินซื้อสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเอง
แต่พอหันกลับมามองภาพในปัจจุบันนี้ เครื่องกรอง เครื่องฟอกอากาศ ดูจะไม่ใช่สินค้าฟุ่มเฟือยสำหรับมนุษย์อีกต่อไป แต่เริ่มเข้าใกล้ “สินค้าจำเป็น” มากขึ้นไปทุกที กลายเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทที่ทุกครัวเรือนน่าจะมี ไม่ต่างจากโทรทัศน์หรือตู้เย็น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่อาศัยอยู่ในเขตเมืองใหญ่ ๆ อีกไม่นาน เครื่องฟอกอากาศจะกลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้อีกแล้ว นั่นหมายความว่าในอนาคตอันใกล้ เราอาจต้องมีงบประมาณก้อนหนึ่งที่กันไว้สำหรับซื้ออากาศ (บริสุทธิ์) มาหายใจกันเสียแล้ว
เทคโนโลยีเพื่ออากาศบริสุทธิ์ กลายเป็นสิ่งที่คนต้องลงทุน
สำหรับคนที่อาศัยอยู่ตามเขตเมืองใหญ่ ๆ น่าจะทราบดีว่าทำไมเครื่องฟอกอากาศถึงได้กลายเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่คุณต้องมีติดบ้าน หรือถ้าจะให้พูดก็คือ เป็นเพราะทุกวันนี้มีมลพิษในอากาศเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ นี่ยังไม่นับรวมสารพัดเชื้อโรคที่มีอยู่ในอากาศด้วย คนเราเจออากาศเสียมากกว่าอากาศดี จนทำให้เราหายใจกันได้ลำบากมากขึ้นทุกที แย่ที่สุดคือมันส่งผลระยะยาวต่อระบบทางเดินหายใจ ซึ่งอาจทำให้คุณป่วยเป็นโรคร้ายที่รักษาไม่หาย ทำได้แค่นอนรอวันสิ้นอายุขัย เนื่องจากอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับการหายใจเสียหายไปหมดแล้ว
ปัญหามลพิษและปัญหาสิ่งแวดล้อม ทำลายสมดุลอัตราส่วนของอากาศปกติในบรรยากาศ จากอากาศดี ๆ กลายเป็นอากาศเสีย ทำให้ในบรรยากาศมีแต่ของเสีย ทั้งมลภาวะ ฝุ่นควัน แก๊สพิษ และเราต้องหายใจนำพิษเหล่านี้เข้าสู่ร่างกายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การหลบอยู่ในอาคารที่เคยช่วยให้เราไม่ต้องเผชิญกับอากาศเสียตรง ๆ ปัจจุบันแทบจะไม่ช่วยอะไรอีกต่อไป เพราะอากาศสามารถหมุนเวียนไหลเวียนไปได้เรื่อย ๆ อากาศเสียด้านนอกสามารถไหลเข้ามาภายในตัวอาคาร เราจึงรู้สึกหายใจไม่สะดวกและรู้สึกระคายเคืองระบบทางเดินหายใจแม้กระทั่งเวลาอยู่ในบ้าน ทำให้ทุกวันนี้ มลพิษในร่มก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ามลพิษด้านนอก บางบ้านเลี้ยงสัตว์และมีคนที่สูบบุหรี่ด้วย ยิ่งไปกันใหญ่
ปัญหาอากาศเป็นพิษ โดยฝุ่น PM2.5 เป็นสิ่งที่เราด้องเผชิญกันซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกปี และเราก็ต้องหายใจเอาอากาศไม่บริสุทธิ์บางส่วนเข้าไปด้วยเรื่อย ๆ การแก้ปัญหาไม่อาจแก้ในระดับบุคคลได้ แต่เป็นหน้าที่ของภาครัฐที่ต้องแก้ปัญหา ดังนั้น ในฐานะประชาชนคนธรรมดา ทำได้แค่บรรเทาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับตัวเอง เทคโนโลยีฟอกอากาศจึงเป็นสิ่งที่เราหันหน้าไปพึ่งพา ให้มันช่วยดักจับฝุ่นละอองและเชื้อโรค และสร้างอากาศที่บริสุทธิ์ให้เราได้หายใจหายคอกันโล่ง ๆ หน่อย
แต่คำถามก็คือ เราจะต้องลงทุนซื้อเครื่องฟอกอากาศมาติดตั้งไว้กันจนเป็นชีวิตแบบปกติอย่างนั้นหรือ จะเป็นสิ่งที่ต้องมีทุกบ้านเลยหรือเปล่า นั่นหมายความว่า ต่อไปเราต้องเสียเงินซื้ออุปกรณ์มาฟอกอากาศกันแบบปกติธรรมดาเลยจริง ๆ ใช่ไหม มันต้องไปถึงขั้นนั้นแล้วหรือเปล่า หรือเราสามารถร่วมมือร่วมใจกันทำให้เราสามารถหายใจเอาอากาศที่มีอยู่ทั่วไปได้อย่างฟรี ๆ ได้เหมือนเดิม โดยไม่ได้ของแถมเป็นโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจและโรคอื่น ๆ
เครื่องฟอกอากาศทำงานอย่างไร
จริง ๆ แล้ว เครื่องฟอกอากาศ (Air Purifier) จัดเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้หลักการการทำงานแบบเดียวกับพัดลมทั่ว ๆ ไปนั่นแหละ โดยอาศัยชุดพัดลมดูดอากาศ ที่จะประกอบไปด้วยใบพัด และมอเตอร์ ดูดอากาศเข้าไปภายในตัวเครื่อง แล้วปล่อยอากาศนั้นออกมาด้านนอก ทว่าในเครื่องฟอกอากาศ จะมีการเอาระบบการกรองอากาศ และ/หรือฟังก์ชันที่น่าสนใจต่าง ๆ ใส่เสริมเข้าไป มันจึงดักจับและกรองเอาพวกสิ่งปนเปื้อนต่าง ๆ ในอากาศที่สกปรกไว้กับแผ่นกรอง แล้วค่อยปล่อยเฉพาะอากาศที่สะอาดออกมา
เครื่องฟอกอากาศในแต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อ จะมีเทคโนโลยีการกรองหรือฟอกอากาศแตกต่างกันไป แต่หลัก ๆ แล้วจะต้องมีแผ่นกรองอากาศ (ยกเว้นพวกเครื่องฟอกอากาศประจุลบ) แผ่นกรองอากาศที่ว่ามักจะมีหลายชั้น แต่ละชั้นจะมีหน้าที่และความสามารถในการกรองและดูดซับสิ่งปนเปื้อนในอากาศแตกต่างกันไป สิ่งปนเปื้อนบางอย่างสามารถผ่านชั้นแรก ๆ ไปได้ แต่ก็จะไปถูกดักจับที่ชั้นท้าย ๆ อยู่ดี
ส่วนใหญ่แล้วชั้นกรองของแผ่นกรองอากาศในเครื่องฟอกอากาศจะกรองเอาละอองเกสรดอกไม้ ฝุ่นละอองขนาดใหญ่ (PM10) ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) กลิ่นไม่พึงประสงค์ สารเคมี เชื้อโรคต่าง ๆ อย่างพวกเชื้อรา เชื้อแบคทีเรียเอาไว้ได้ แต่มักจะกรองเชื้อไวรัสไม่ค่อยได้ เพราะเชื้อไวรัสมีขนาดเล็กมาก ๆ เล็กเกินกว่าที่รูของแผ่นกรองอากาศจะสามารถกรองและดักจับไว้ได้ แต่ปัจจุบัน เครื่องฟอกอากาศรุ่นใหม่ ๆ ถูกออกแบบให้ตอบโจทย์ตามสภาพอากาศที่สกปรกมากขึ้น คือมีความสามารถในการกรองเชื้อไวรัสได้แล้ว
ดังนั้น เมื่อเครื่องฟอกอากาศดูดเอาอากาศเข้าไปแล้ว ก็จะทำการกรองอากาศเหล่านั้น ดักจับทุกสิ่งอย่างที่สามารถดักจับได้ หรือมีระบบที่สามารถฆ่าเชื้อโรคเหล่านั้นด้วย จนเหลือเพียงอากาศที่สะอาดที่สุดให้กับผู้ใช้งาน
ยุคที่เครื่องฟอกอากาศได้กลายเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มี (แทบ) ทุกบ้าน
เพราะว่าอากาศที่มีให้เราได้ใช้ฟรี ๆ ทุกวันนี้มันเป็นอากาศสกปรกเสียเป็นส่วนมาก และการหายใจเอาอากาศเหล่านั้นเข้าสู่ร่างกายก็มีผลต่อสุขภาพของคนเรา โดยเฉพาะกับคนที่มีป่วยเป็นโรคระบบทางเดินหายใจ อย่างโรคภูมิแพ้ โรคหอบหืด โรคมะเร็งปอด แม้แต่กับคนที่สุขภาพร่างกายแข็งแรงดี แต่สูดอากาศแย่ ๆ เป็นประจำร่างกายก็แย่ตาม โดยจะแสดงออกทางร่างกายในเบื้องต้นว่าร่างกายกำลังมีปฏิกิริยาตอบโต้ต่อสารก่อความระคายเคืองต่าง ๆ ในอากาศ
ในขั้นเริ่มต้น ร่างกายจะพยายามต่อต้านสิ่งแปลกปลอมเหล่านี้ในหลาย ๆ ทาง ทางระบบหายใจ จะมีอากาศจาม คัดจมูก คันจมูก น้ำมูกไหล และอาจกลายเป็นหวัดได้หากไปเจอเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อไวรัสก่อโรค ทางผิวหนัง ร่างกายจะแสดงออกด้วยผื่นลมพิษ มีอาการคัน เป็นผื่น บวมแดง ทางระบบทางเดินอาหาร เช่น ปวดท้อง อาเจียน ถ่ายเป็นมูกเลือด และอาการอื่น ๆ เช่น ระคายเคืองตา ตาแดง หอบหืด ลมพิษ ช็อก หรืออาจรุนแรงจนเสียชีวิตได้ และถ้ารับอากาศแบบนี้เป็นเวลานาน เลวร้ายที่สุดก็คือ เสี่ยงต่อโรคระบบทางเดินหายใจ โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง เพิ่มความเสี่ยงการเกิดมะเร็งปอด เพราะในฝุ่น PM2.5 มักพบสารก่อมะเร็งและโลหะหนักที่เป็นอันตรายอยู่ด้วย
นี่จึงกลายเป็นความจำเป็น (ค่อนข้างมาก) ที่แทบทุกบ้านตามเมืองใหญ่ ๆ ควรจะต้องมีเครื่องฟอกอากาศ ก็เพื่อให้มันทำหน้าที่ฟอกอากาศที่เป็นพิษเป็นภัยต่อร่างกายให้กลายเป็นอากาศที่ดีต่อการหายใจ สามารถหายใจนำเข้าไปได้โดยที่ไม่ต้องรับของแถมเป็นโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ที่อาจทำให้เราอายุไม่ยืน!
อย่างไรก็ตาม นอกจากเครื่องฟอกอากาศรุ่นใหม่ ๆ จะมีความสามารถในการกรองสิ่งแปลกปลอมที่มีอนุภาคขนาดเล็กมาก ๆ ได้มากขึ้นแล้ว หลายรุ่นยังมีฟังก์ชันเสริมเจ๋ง ๆ ที่ทำให้ใช้งานได้สะดวกสบายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโหมดนอนหลับหรือโหมดกลางคืน ที่เครื่องจะรบกวนคุณน้อยลงในขณะนอนหลับ ฟังก์ชันป้องกันเด็กกดเล่น คือการล็อกไม่ให้เครื่องมีการตอบสนองใด ๆ หากถูกกดเล่นโดยเด็ก ฟังก์ชันการตั้งเวลาเปิด-ปิดล่วงหน้าได้ตามต้องการ ฟังก์ชันใช้งานแบบไร้สาย สามารถเคลื่อนย้ายไปไหนมาไหนได้ และใช้งานโดยไม่ต้องเสียบไฟ มีแอปพลิเคชันที่สั่งงานผ่านสมาร์ตโฟน ฟังก์ชันควบคุมด้วยอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (Internet of Things-IoT) สามารถดูการทำงานต่าง ๆ ได้ เป็นต้น
เมื่อเครื่องฟอกอากาศกลายเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ “จำเป็น” ในวิถีชีวิตของผู้คนยุคนี้ การเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศที่เหมาะสมกับการใช้งานจึงเป็นแนวทางที่เรา ๆ ต้องศึกษาให้มากขึ้นก่อนตัดสินใจซื้อ เพราะไม่ใช่ว่าจะซื้อแบบไหนมาก็ได้ ต้องเลือกที่มีประสิทธิภาพในการฟอกอากาศแบบที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณ เช่น คุณเลี้ยงสัตว์ คุณสูบบุหรี่ คุณอยู่ในเขตที่มีฝุ่นควันเยอกว่าบริเวณอื่น คุณมีเด็กเล็ก คุณมีคนแก่ในบ้าน คุณมีโรคประจำตัว เพื่อให้คุ้มค่ากับเงินที่คุณต้องจ่าย และช่วยให้คุณสามารถลดโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาสุขภาพได้จริง ๆ ในระยะยาว
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ผงขาวๆ เคลือบผิวองุ่น คืออะไร อันตรายหรือไม่
บ้างก็ว่าเป็นยาฆ่าแมลงตกค้าง หรืออาจจะไม่ได้อันตรายมาจากธรรมชาติ จริงๆ แล้วคืออะไรกันแน่
คุณรัชพล ฉัตรบรรยงค์ อาจารย์ภาควิชาพืชสวน คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สัมภาษณ์กับรายการ ชัวร์ก่อนแชร์ โดยระบุว่า ผงขาวๆ แป้งๆ ที่เกาะอยู่ที่ผลองุ่น เรียกว่า บลูม (Bloom) หรือแว็กซ์ (Wax) เป็นไขธรรมชาติที่เกิดขึ้นมาเอง พบได้ในผักและผลไม้หลายชนิด เช่น กะหล่ำ และ องุ่น เป็นต้น
บลูม หรือ แว็กซ์ บนผักผลไม้ เกิดขึ้นเพราะอะไร
ธรรมชาติสร้างให้ผักผลไม้บางชนิดมีผงขาวๆ แป้งๆ ที่เคลือบผิวด้านนอกเอาไว้ ที่เราเรียกว่า บลูม หรือ แว็กซ์ เพื่อทำหน้าที่เปรียบเสมือนหลังคาป้องกันโรคต่างๆ ที่จะเข้ามาเจาะหรือทำลายผล รวมถึงป้องกันการระเหยของน้ำจากผลออกสู่ข้างนอก เพื่อที่จะทำให้ผลไม้อยู่ได้ถึงระยะที่แก่และเก็บเกี่ยวได้
องุ่นที่มีผงขาวมากน้อยต่างกัน ต่างกันยังไง
ถ้าผลไม้มีบลูม หรือผงขาวเยอะ ไม่ได้มีรอยนิ้วแววๆ เป็นจุดๆ แสดงว่าองุ่นเพิ่งแกะของออกมาจากแพ็ค อาจจะทำให้เราซื้อมาแล้วเก็บได้นานกว่า นอกจากนี้ยังอาจบอกได้ว่าองุ่นที่มีบลูมหรือมีผงขาวๆ ติดอยู่มากกว่า อาจมีรสชาติที่หวานกว่า
อย่างไรก็ตาม ในองุ่นเขียวอาจจะมองไม่ค่อยเห็นบลูม แม้ว่าจะมีบลูมอยู่เยอะ เพราะด้วยสีเขียวเลยทำให้มองไม่ค่อยเห็นบลูมเท่าองุ่นแดงหรือดำ
ผงขาวๆ บนองุ่น ล้างออกได้ไหม
บลูมหรือผงขาวๆ บนองุ่น สามารถล้างออกได้ และหากใช้นิ้วลูบๆ ก็หลุดออกได้ง่ายๆ เช่นกัน อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าองุ่นจะเก็บมานานแล้ว จนขั้วเหี่ยว ถ้าไม่ได้ถูกเคลื่อนย้ายบ่อยๆ ผิวขาวที่เคลือบอยู่ก็จะยังไม่หลุดออกไป
ผงขาวๆ บนองุ่น อันตรายต่อร่างกายหรือไม่
บลูมหรือผงขาวบนองุ่นไม่ได้เป็นอันตรายต่อร่างกายมนุษย์ แต่ก่อนรับประทานเราควรล้างผลก่อน เพราะเราก็ไม่อาจแน่ใจได้ว่ากว่าองุ่นจะมาถึงมือเรา ได้ผ่านอะไรมาบ้าง แต่หากยังไม่คิดจะบริโภคในตอนนั้น ก็ไม่ควรล้างองุ่นก่อน เพราะถ้าเราล้างองุ่นก่อนเก็บเข้าตู้เย็น ในช่วงที่เราถู พลิกองุ่นไปมา ตรงส่วนขั้วหรือข้อต่อต่างๆ อาจเกิดความเสียหาย เสี่ยงทำให้เชื้อโรคเข้าไปแล้วทำให้องุ่นเสียเร็วขึ้น
ถ้าไม่มีบลูมบนองุ่นเลย ผิดปกติหรือไม่
การที่ผลไม้จะไม่มีบลูมหลงเหลืออยู่เลย ไม่ได้บ่งบอกอะไรที่สำคัญมากนัก แม้ว่าองุ่นจะไม่มีบลูมหรือไม่มีคราบอะไรหลงเหลืออยู่เลย ก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่มีสารตกค้างหรือสารเคมีเลยเสมอไป เพราะมีสารเคมีหลายชนิดที่ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น
ผงขาว (บลูม) กับสารเคมีแตกต่างกันอย่างไร
ผงขาวๆ หรือบลูมบนผลไม้ กับสารเคมีที่ตกค้างอยู่บนผลไม้ มีลักษณะที่แตกต่างกันที่เห็นได้ชัด คือ บลูมจะสามารถหลุดออกจากผิวผลไม้ได้ง่ายๆ เพียงนิ้วมือลูบ แต่ถ้าเป็นสารเคมีที่ใช้ป้องกันโรคหรือแมลงบางชนิดอาจจะยังหลงเหลือคราบติดอยู่ที่ผิวผลไม้ โดยจะมีจุดสังเกตได้จากการปรากฏเหมือนเป็นคราบน้ำ หรือมีเป็นรอยจุดๆ ดวงๆ ที่มีสีเข้มสีบางไม่เสมอกัน
ผงคราบยาจะชัดบริเวณที่ผลองุ่นมันแตะกัน หรือบริเวณก้นผล แต่ถ้าเป็นบลูมจะเสมอกันเหมือนมีแป้งเกาะอยู่ที่ผล นวลไปทั้งลูก
วิธีเลือกซื้อองุ่นที่สดใหม่
- ขั้วองุ่นสดใหม่ เป็นสีเขียวสด ไม่แห้ง หากแห้งแปลว่าผ่านมาแล้วระยะหนึ่ง แต่ด้วยอากาศร้อนของบ้านเราอาจทำให้ขั้วองุ่นแห้งเร็วกว่าปกติอยู่แล้ว ขั้วจะเริ่มเป็นสีน้ำตาล และแห้ง
- ขั้วองุ่นไม่แตก ไม่แยก หรือขั้วเปิด ซึ่งจะทำให้เชื้อรา หรือเชื้อโรคต่างๆ เข้าไปในผลองุ่น อาจทำให้เน่าเสียได้เร็วขึ้น
- ผลองุ่นเต่งตึง ไม่เหี่ยว
- เลือกจากแหล่งผลิตที่ไว้ใจได้
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 10/02/2566
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 29,600.00 | 29,700.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,917.00 | 29,061.72 | 30,200.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,725.30 | 26,155.55 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,533.60 | 23,249.38 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 863.00 | 13,083.08 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 671.00 | 10,172.36 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,987.00 | 30,122.92 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 10/02/2566
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 36.25 | 36.25 | 36.55 | 36.25 | 36.25 | 36.25 | 36.25 | 36.25 | 36.25 | 36.25 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 35.98 | 35.98 | 36.28 | 35.98 | 35.98 | 35.98 | 35.98 | 35.98 | 35.98 | 35.98 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 33.94 | 33.94 | 34.64 | 33.94 | 33.94 | – | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 34.39 | 34.39 | – | – | – | – | – | – | – | 34.39 |
เบนซิน 95 | 44.06 | – | – | – | 44.11 | – | 44.56 | 44.21 | – | 44.06 |
ดีเซล B7 | 34.94 | 34.94 | 35.24 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 |
ดีเซล | 34.94 | 34.94 | 35.24 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 |
ดีเซล B20 | 34.94 | 34.94 | 35.24 | – | 34.94 | – | 34.94 | – | 33.94 | 34.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 43.66 | 43.66 | 44.84 | 44.26 | 44.26 | – | – | – | – | 34.94 |
แก๊ส NGV | 17.59 | 17.59 | – | – | – | – | – | – | – | 17.59 |