“อสังหาฯ – ของแต่งบ้าน “สาดแคมเปญสงกรานต์ ดึง “กำลังซื้อ” ซัมเมอร์
“อสังหาฯ – ของแต่งบ้าน “สาดแคมเปญสงกรานต์ ดึง “กำลังซื้อ” ซัมเมอร์ ศุภาลัยชู ร้อนนี้แถมแอร์ ด้าน ออริจิ้น ดาวน์ 0% คอนโดเริ่ม 9 แสนบาท ขณะ วีรันดา เล่นใหญ่ โละ เพนท์เฮ้าส์ยูนิตสุดท้าย แถมเลย รถปอร์เช่ ส่วน โฮมโปร -ไทวัสดุ – ตราเพชร จัดโปรโมชั่น กระตุ้นคนซื้อของเข้าบ้านหน้าร้อน
เรียกว่ายังคงต้องเข็น และ หาทางจูงใจกันพอสมควร สำหรับ “กำลังซื้อ” ในตลาดบ้าน และ คอนโดมิเนียม ที่มีผลต่อเนื่อง ไปยังกลุ่มวัสดุก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ และ ของตกแต่งบ้านด้วย เมื่อมุมมองของผู้บริโภค ต่อ ภาวะเศรษฐกิจ ยังเป็นลบ โดย 3 ใน 5 ระบุ คงชะลอการซื้อที่อยู่อาศัยออกไปก่อน จากรายได้ที่ยังไม่มั่นคง กังวลดอกเบี้ยและเงินเฟ้อ อีกทั้ง รีรอมาตรการสนับสนุนใหม่ๆจากรัฐบาล ทำให้ผู้ประกอบการ แม้เชื่อมั่นว่า ภาคอสังหาฯปีนี้ จะฟื้นดีขึ้นต่อ แต่พบ ยังคงต้องออกโปรโมชั่น การลดราคาขาย และ การให้ของแถมต่างๆ ออกมากระตุ้นผู้ซื้ออย่างต่อเนื่อง
ซึ่งไทม์ไลน์ที่เพิ่มสีสันให้กับกิจกรรมทางการตลาด และน่าจะดึงความสนใจจากลูกค้าในช่วงนี้ได้มากที่สุด คงหนีไม่พ้น แคมเปญช่วง “เทศกาลสงกรานต์” ท่ามกลางอากาศของเมืองไทยที่ร้อนระอุกว่าทุกๆปีทีผ่านมา โดยอีกด้าน ก็ทำให้การซื้อ – การขาย ในเครื่องไฟไฟฟ้ากลุ่มดับร้อน ได้อานิสงส์ไปด้วย นี่จึงทำให้บริษัทอสังหาฯ ห้างร้านต่างๆ แข่งกันโหมออกโปรโมชั่น มาเรียกลูกค้า แข่งขันกันอย่างน่าสนใจกว่าทุกๆปี ซึ่งมากกว่าการแถมแอร์ ลดราคาขายแบบจุกๆเป็นล้านแล้ว บางรายนำยูนิตแพงออกมาโละแบบสุดตัว ขายขาดพร้อมดีลฟรีรถหรูกว่า 6ล้านบาท อีกด้วย
ร้อนนี้ซื้อบ้านแถมแอร์ – ใส่เสื้อลายดอกลดทันที
เริ่มที่ ขาใหญ่ในตลาด บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ออก แคมเปญสงกรานต์ “ดอกนี้มีค่า” ระบุ ลูกค้าใส่เสื้อลายดอกมาจองคอนโดฯ จะได้ส่วนลด 5,000 บาท และฟรี ชุดเครื่องใช้ไฟฟ้า เงื่อนไขจะต้องจองภายใน 8 – 17 เมษายนนี้ ทั้งนี้ พบได้นำโครงการคอนโดฯแบรนด์ดัง ในราคาเริ่ม 1.4 ล้านบาท มาร่วม เช่น ศุภาลัย เวอเรนด้า รัตนาธิเบศร์, ศุภาลัย เวอเรนด้า รามคำแหง, ศุภาลัย ลอฟท์ สถานีแคราย, ศุภาลัย ไลท์ ท่าพระ-วงเวียนใหญ่, ศุภาลัย ซิตี้ รีสอร์ท จรัญฯ91 เป็นต้น
ขณะเดียวกัน ยังจัดแคมเปญร่วม ระบายโปรดักส์บ้าน 3 โครงการ ในทำเลแข่งขันสูง รังสิต – ลำลูกกา กับ “ร้อนนี้ ศุภาลัย สาดโปรให้ชุ่มฉ่ำ” ซึ่งผู้จองซื้อ จะได้รับฟรี แอร์ทุกห้องนอน และชุดเครื่องใช้ไฟฟ้า พร้อมส่วนลดสูงสุดกว่า 200,000 บาท (กู้ไม่ผ่านคืนเงิน) ครอบคลุมโครงการ ศุภาลัย การ์เด้นวิลล์ รังสิต คลอง 2 , ศุภาลัย ไพร์ด วงแหวน ลำลูกกา คลอง 6 และ ศุภาลัย วิลล์ วงแหวน ลำลูกกา คลอง 7
ออริจิ้น ดาวน์0%คอนโดเริ่ม 9 แสน
ด้าน บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ แม้เพิ่งเผยออกมาว่า ยอดขายไตรมาสแรกของปีนี้ ดีสมใจ โตขึ้น 47% กวาดไปแล้ว 12,000 ล้านบาท แต่พบยังกระตุ้นกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง ทั้งในโครงการใหม่และเก่า โดยเฉพาะกลุ่มคอนโดฯ เพราะไตรมาส 2 จะเปิดใหม่รัวๆทั่วประเทศ อีก8 โครงการ มูลค่าไม่ต่ำกว่า 8,700 ล้านบาท
ล่าสุด จัดแคมเปญ 𝗢𝗿𝗶𝗴𝗶𝗻 𝗔𝗽𝗿𝗶𝗹 𝗙𝘂𝗹𝗹 𝗦𝗮𝗹𝗲 ลดละลายคลายร้อน ขนคอนโดพร้อมอยู่ ทั่วกรุงเทพฯ ปริมณฑล และเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) มาจัดดีลดึงลูกค้าชู ดาวน์ 0% กู้ 100% นอกจากนี้ ยังระบุ ให้ส่วนลดกว่าล้านบาท พร้อมของแถมคลายร้อนนี้ด้วย โดยราคาคอนโดฯเริ่มต้นนั้น 9 แสนบาทต่อยูนิต ซึ่งบอสใหญ่ พีระพงศ์ จรูญเอก เชื่อว่า อสังหาฯช่วงไตรมาส 2 การตอบรับจากลูกค้าจะมีแนวโน้มดีต่อเนื่องจากต้นปีที่ผ่านมา
วีรันดา จุดไฟหัวหิน ซื้อเพนท์เฮ้าส์ แถมรถปอร์เช่
ขณะอสังหาฯเจ้าดัง ในกลุ่มโครงการหรู เมืองท่องเที่ยว อย่าง บมจ.วีรันดา รีสอร์ท ปลุกทำเลหัวหิน ด้วยแคมเปญร้อนๆ ลุกเป็นไฟ เมื่อระบุ จะมอบเอกสิทธิ์พิเศษสุด สำหรับลูกค้าที่จองซื้อเพนท์เฮาส์หรูแต่งครบ พร้อมเข้าอยู่ ราคา 31.9 ล้านบาท ซึ่งเป็นยูนิตสุดท้ายในโครงการวีรันดา เรสซิเดนซ์ หัวหิน โดยจะได้รับรถยนต์ ปอร์เช่ คาเยนน์ อี-ไฮบริด มูลค่า 6.59 ล้านบาทไปขับฟรีๆ ซึ่งเงื่อนไขจะหมดเขตแค่ 30 เมษายน นี้เท่านั้น เรียกว่า เป็นโอกาสสุดท้าย ของคนที่อยากครอบคองห้องเพนท์เฮาส์ คอนโดฯตากอากาศสไตล์รีสอร์ท ที่มีทั้งสระว่ายน้ำส่วนตัว บริการระดับ5 ดาว และวิวทะเลแบบพาโนรามาในราคาที่ดีที่สุด ด้วยดีลเล่นใหญ่เบอร์ร้อยครั้งนี้
“โฮมโปร ” ลดแรง ดึงคนซื้อของเข้าบ้าน
ขณะในกลุ่มผู้ค้าวัสดุก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ และ ของตกแต่งบ้าน ใช้ธีมสงกรานต์ เพิ่มดีกรีออกโปรโมชั่น กระตุ้นทางการตลาดเช่นกัน อย่าง บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “โฮมโปร”ล่าสุดจัด SUPER DEAL ลดแรงสูงสุด 80% และลดเพิ่มอีก 5% (เมื่อซื้อสินค้าที่ร่วมรายการ ครบ 10,000 บาทขึ้นไป) ได้แก่ เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น แอลอีดีทีวี ไอเทมเครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าแผนกเฟอร์นิเจอร์ แผนกที่นอนและเครื่องนอน แผนกเครื่องมือช่าง ไปจนถึง วัสดุก่อสร้าง พร้อมแคมเปญไฮไลท์ “แอร์เก่าแลกใหม่” ลด 5,000 บาท และสิทธิ์ผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด 12 เดือน
นางสาวเสาวณีย์ สิราริยกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการกลุ่มการตลาด โฮมโปร เชื่อว่า ภาพรวมของตลาดเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านในช่วงซัมเมอร์ 2566 นี้ มีแนวโน้มกลับมาคึกคักจากสถานการณ์การท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว ช่วยสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนส่งเสริมให้ผู้คนมั่นใจออกมาใช้ชีวิตมากขึ้น อีกทั้งหน้าร้อนยังเป็นช่วงที่คนนิยมจับจ่ายสินค้าเข้าไปเติมเต็มความต้องการเรื่องบ้าน โดยเฉพาะ เครื่องปรับอากาศหรือสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ
“ไทวัสดุ – ตราเพชร” โละแอร์ ,ฝ้า ดับร้อน
ส่วนกลุ่มใหญ่ เซ็นทรัล รีเทล อย่าง “ไทวัสดุ” พบก็กำลังจัดโปรโมชันดับร้อน “อะโลฮ่า ลดซ่า ท้าร้อน” ขนกลุ่มสินค้ายอดฮิตช่วงหน้าร้อน เช่น เครื่องปรับอากาศ พัดลม ปั๊มน้ำอัตโนมัติ ถังเก็บน้ำ ลดสูงสุดกว่า 60 % นอกจากนี้ ยังจัดคุ้ม 3 ต่อ รับบัตรกำนัลเงินสดตั้งแต่ 1,000-5,000 บาท เมื่อซื้อครบตามกำหนด จนถึง 27 เมษายน 2566
เช่นเดียวกับ กลุ่มผลิตภัณฑ์ตราเพชร จัดโปรโมชั่นฝ้าระบายอากาศ เมื่อซื้อครบทุกๆ 10 แผ่น ถึง 15 เมษายน 2566 งานนี้เชียร์ผู้ซื้อ ว่านอกจากช่วยระบายอากาศให้บ้านเย็นสบายแล้ว ยังช่วยประหยัดเงินในกระเป๋ากันอีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
บิ๊กอสังหาฯชนช้างโครงการบ้าน”โคราช”
ประชันแหลก”มหกรรมบ้านฯโคราช” อนาคตสดใส “แสนสิริ”ฟื้นโครงการคอนโดฯ25ชั้นสูงสุดของเมือง “บ้านอยู่สบาย”พลิกที่900ไร่ขึ้นเมืองใหม่ ขณะ”ซิตี้ลิ้งค์”เดินหน้าไม่หยุดNew CBD
สมาคมอสังหาริมทรัพย์จังหวัดนครราชสีมา จัดงานมหกรรมบ้านคอนโดและสินเชื่อโคราช ครั้งที่ 27 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 3 – 9 เม.ย. 2566 ที่บริเวณชั้น 1 แกรนด์ ฮอลล์ เดอะมอลล์โคราช อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา ที่มีนายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าฯนครราชสีมา เป็นประธานเปิด โดยปีนี้เน้นการจัดงานรูปแบบ NEW NORMAL TO NEW LIFE วิถีชีวิตยุคใหม่ รวบรวมโครงการที่พักอาศัยบนทำเลที่ดี ราคาพิเศษ และข้อเสนอสินเชื่อสุดคุ้มค่า ตอบสนองความต้องการของคนทุกระดับรายได้ มีคนให้ความสนใจร่วมงานคึกคัก
นายณัฐพงษ์ ประสารศิวมัย นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์จังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า การจัดงานมหกรรมบ้านโคราช ครั้งนี้เรายังคงนำเสนอข้อเสนอพิเศษสำหรับลูกค้า รวมถึงธนาคารต่าง ๆ ได้จัดโปรโมชั่นสินเชื่อบ้าน เพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการของธนาคาร โดยตลาดอสังริมทรัพย์จังหวัดนครราชสีมา จะกลับมาคึกคักอีกครั้งในปีนี้แน่นอน
โดยล่าสุดโครงการเดอะเบส ไฮท์-โคราช ถ.มิตรภาพ อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา คอนโดมิเนียมขนาดใหญ่ระดับพรีเมียม มูลค่า 2,500 ล้านบาท ของบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) จะกลับมาก่อสร้าง และเปิดให้ลูกค้าจองอีกครั้ง ขณะที่ผู้ประกอบการในพื้นที่ก็ยังคงขยายโครงการออกไปอย่างต่อเนื่อง
นายไพจิตร มานะศิลป์ กรรมการผู้จัดการบริษัทคลังคาซ่า จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของจังหวัดนครราชสีมา ภายใต้โคราชการ “ซิตี้ลิ้งค์” เปิดเผยว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดนครราชสีมา ในช่วงไตรมาสแรกยังทรงตัว แต่สืบเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัวมาจากปีที่แล้ว ฉุดให้กำลังซื้อของคนลดลงไป และประชาชนไม่กล้าตัดสินใจในการซื้อทรัพย์สินที่ก่อหนี้ระยะยาว ส่วนแนวโน้มดีขึ้นในไตรมาส 2 อาจจะมาจากปัจจัยด้านการเลือกตั้ง ที่จะทำให้บรรยากาศทางด้านเศรษฐกิจดีขี้น และส่งผลให้ประชาชนเกิดความมั่นใจมากขึ้น
โครงการซิตี้ลิ้งค์ ล่าสุดมีการพัฒนาพื้นที่ไปแล้วกว่า 80% เหลือที่ดินอีกประมาณ 60 ไร่ ที่ยังต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นธุรกิจให้เช่าเป็นหลัก ส่วนอสังหาแนวดิ่ง หรือคอนโดมิเนียม ยังคงเดินหน้าเปิดคอนโดฯแท่งที่ 13 ชื่ออาคาร แคมบริดจ์ รวม 76 ยูนิต และจะมีอีก 2 แท่งที่กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะเปิดปลายปีหรือต้นปีหน้า
ส่วนการพัฒนาพื้นที่ให้เป็น เมืองศูนย์กลางแห่งใหม่ หรือ New CBD นั้น ขณะนี้ในพื้นที่มีร้านค้าและร้านอาหาร รวมถึงบริการต่าง ๆ มาเปิดจะครบสมบูรณ์แล้ว มีร้านค้าให้บริการอาหารหลากหลายล้วนมีคุณภาพ จากนี้ไปเป้าหมายของเราจะเป็นกลุ่ม NonFood โดยจะเน้นไปที่แฟชั่น ศิลปะ นอกจากนี้ยังมีคลินิกที่ทันสมัย เป็นแพทย์ทางเลือกที่จะเข้ามาอยู่ในโครงการ โดยคลังคาซ่ามุ่งการตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ที่ถือได้ว่าครบวงจรที่สุดในจังหวัดนครราชสีมา เป็นเมืองศูนย์กลางที่จะครบสมบูรณ์ตามที่เราตั้งเป้าไว้
ด้านนายนำโชค วัฒนสินศักดิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด โครงการ “อยู่สบาย” โครงการบ้านจัดสรรคุณภาพของจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจังหวัดนครราชสีมายังไปได้ดี โดยทางโครงการอยู่สบายเน้นกลุ่มลูกค้าระดับกลางขึ้นไป เป็นกลุ่มพนักงานบริษัท และพนักงานในโรงงาน เนื่องจากคนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มใหญ่ของจังหวัดนครราชสีมา
ขณะเดียวกันทางโครงการยังเน้นอสังหาฯแนวราบ เนื่องจากตอบสนองการใช้ชีวิตคนในต่างจังหวัดได้ดีกว่า และเราไม่ถนัดอสังหาแนวดิ่ง ขณะนี้”อยู่สบาย”กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาพื้นที่ผืนใหญ่ 900 ไร่ ในพื้นที่ ต.หนองไข่น้ำ อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา โดยจะพัฒนาเป็นเมืองใหม่ ที่มีทั้งที่อยู่อาศัยและสิ่งอำนวยความสะดวกด้านอื่น ๆ ให้ครบวงจร โดยมูลค่าโครงการไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านบาท รวมประมาณ 5,000 ยูนิต ขณะนี้ก่อสร้างไปแล้วประมาณ 600-700 ยูนิต
ที่น่าสนใจคือ ขณะนี้คนกรุงเทพฯ เริ่มให้ความสนใจเข้ามาซื้อบ้านในโครงการมากขึ้น เนื่องจากมองว่า จ.นครราชสีมามีศักยภาพสูง ในเรื่องการการเป็นฮับด้านการคมนาคม ซึ่งโคราชจะมีรถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูง และอีกไม่นานมอเตอร์เวย์สาย 6 ก็จะเปิดใช้ สิ่งเหล่านี้ทำให้หลายคนมองว่า การเดินทางระหว่างโคราชกรุงเทพฯ จะใช้เวลาไม่นานอีกต่อไป ฉะนั้นการเลือกที่จะมาซื้อบ้านที่โคราชจึงเป็นเป้าหมายของคนกรุงเทพฯ
ส่วน“เดอะ เบส ไฮท์-โคราช” เปิดการขายอย่างเป็นทางการ (Pre-Sale) ในวันที่ 5-6 ต.ค. 2556 ที่ Sales Gallery แสนสิริ ถ.มิตรภาพ อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา ราคาขายอยู่ที่ตารางเมตรละประมาณ 55,000-70,000 บาท ในช่วง Pre -Sale ราคา เริ่มต้นที่ 1.59 ล้านบาท โดยมีกำหนดก่อสร้างโครงการในปี 2557 กำหนดแล้วเสร็จปี 2559
โครงการนี้มีมูลค่าประมาณ 2,500 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียมความสูง 25 ชั้น จำนวน 1,134 ยูนิต เมื่อสร้างเสร็จจะเป็นอาคารสูงที่สุดใน จ.นครราชสีมา สามารถมองเห็นทัศนียภาพอันสวยงามของเมืองได้โดยรอบ มีจุดเด่นในด้านทำเลที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ใกล้ศูนย์การค้าชั้นนำ มีพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่กว่า 6,000 ตารางเมตร (ตร.ม.) ออกแบบโครงการให้มีลักษณะเปรียบเสมือนประตูสู่ภาคอีสาน Sky Porch ส่วนพักผ่อนลอยฟ้า พร้อมช่องเจาะเปิดโล่งพื้นที่ระหว่างชั้นอาคาร
“แสนสิริ”ยอมขายโครงการนี้แบบขาดทุน จากที่ทุ่มเงินซื้อที่ดินแปลงนี้มาสูงลิ่ว ถึงตารางวาละ 100,000 บาท แต่พบว่าขณะนี้มีการเสนอราคาขายให้กลุ่มทุนต่าง ๆ เพียงตารางวาละ 80,000-95,000 บาทเท่านั้น ทั้งที่แสนสิริได้ลงทุนเฉพาะในส่วนงานก่อสร้าง ของโครงการคอนโดมิเนียมแห่งนี้ไปแล้วไม่ต่ำกว่า 90 ล้านบาท
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 10เม.ย.ที่ระดับ 34.19 บาทต่อดอลลาร์
เงินบาทอาจไม่ได้อ่อนค่าไปมาก โดยมีโซนแนวต้านแถว 34.30 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งยังคงเห็นโฟลว์ขายเงินดอลลาร์จากฝั่งผู้ส่งออก
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 10เมษายน2566ที่ระดับ 34.19 บาทต่อดอลลาร์
“อ่อนค่าลง”จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ 34.07 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่า
สัปดาห์ที่ผ่านมา รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ออกมาแย่กว่าคาด ทำให้ตลาดกลับมากังวลความเสี่ยงเศรษฐกิจชะลอตัวหนัก จนอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย
ในสัปดาห์นี้ เรามองว่า แนวโน้มการปรับนโยบายการเงินของเฟดอาจชัดเจนขึ้น จาก รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ รวมถึงรายงานการประชุมเฟดล่าสุด และควรติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางหลัก ในสัปดาห์นี้
โดยในส่วนของรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจมีดังนี้
มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก
มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก
▪ ฝั่งสหรัฐฯ – แม้ว่ารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ในสัปดาห์ที่ผ่านมาจะออกมาแย่กว่าคาด สร้างความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ เสี่ยงชะลอตัวลงหนักและเข้าสู่ภาวะถดถอย
อย่างไรก็ดี ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) ที่ออกมาดีกว่าคาดนั้น ได้สะท้อนภาวะตลาดแรงงานที่ยังคงแข็งแกร่งและตึงตัว ทำให้ผู้เล่นในตลาดกลับมาเชื่อว่าเฟดมีโอกาสเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อได้ (จาก CME FedWatch Tool ตลาดให้โอกาสเฟดขึ้นดอกเบี้ยต่อราว 71%)
ซึ่งผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ในเดือนมีนาคม รวมถึงรายงานการประชุมเฟดล่าสุดและถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินของเฟดในอนาคต โดยบรรดานักวิเคราะห์ต่างมองว่า อัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ อาจชะลอตัวลงต่อเนื่อง +0.3%m/m หรือ +0.4%m/m สำหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI (ไม่รวมผลของราคาพลังงานและอาหาร)
สอดคล้องกับการปรับตัวลงของราคาพลังงานและภาพการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อ CPI และ Core CPI อาจยังคงอยู่ในระดับสูงราว 5.2% และ 5.6% ทำให้เรามองว่า เฟดก็ยังมีโอกาสเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อจนแตะระดับ 5.25% ได้ตามที่คาดการณ์ไว้ใน Dot Plot
ล่าสุด นอกเหนือจากรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะภาพการบริโภคของครัวเรือน ผ่านรายงานยอดค้าปลีก (Retail Sales) เดือนมีนาคม ซึ่งอาจยังคงหดตัวลงราว -0.4%m/m และ
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน (U of Michigan Consumer Sentiment) ในเดือนเมษายน ที่อาจทรงตัวที่ระดับ 62 จุด หนุนโดยความกังวลปัญหาเสถียรภาพระบบธนาคารที่คลี่คลายลง รวมถึงการจ้างงานที่ยังคงแข็งแกร่ง แต่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคอาจถูกกดดันบ้างจากความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัว
▪ ฝั่งยุโรป – บรรดานักลงทุนและนักวิเคราะห์อาจเริ่มคลายกังวลปัญหาระบบธนาคารยุโรปและเริ่มปรับลดมุมมองเชิงลบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซนในอีก 6 เดือนข้างหน้า สะท้อนผ่านดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (Sentix Investor Confidence) เดือนเมษายน ที่จะปรับตัวขึ้นสู่ระดับ -10 จุด (ดัชนีต่ำกว่า 0 หมายถึง มุมมองเชิงลบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ)
อย่างไรก็ดี ภาพรวมเศรษฐกิจยูโรโซนอาจถูกกดดันโดยยอดค้าปลีก (Retail Sales) เดือนกุมภาพันธ์ ที่อาจพลิกกลับมาหดตัว -0.8%m/m (หรือคิดเป็น -3.5%y/y) ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อสูงและต้นทุนการเงินที่สูงขึ้นตามการขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของธนาคารกลางยุโรป (ECB) และ
นอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) เพื่อประเมินทิศทางนโยบายการเงินของทั้งสองธนาคารกลางหลัก
▪ ฝั่งเอเชีย – ตลาดมองว่า ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) อาจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 3.50% หลังอัตราเงินเฟ้อชะลอลงต่อเนื่อง (ล่าสุด 4.2%) อีกทั้ง เศรษฐกิจก็เผชิญความเสี่ยงด้านลบมากขึ้น ตามแนวโน้มการชะลอตัวของการบริโภคในประเทศ
รวมถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกและการผลิตของเกาหลีใต้ ส่วนในฝั่งจีน ตลาดประเมินว่า ยอดการส่งออก (Exports) ในเดือนมีนาคม จะหดตัว -7.2%y/y
สอดคล้องกับดัชนี PMI ภาคการผลิตล่าสุด โดย Caixin (ส่วนใหญ่จะเป็นธุรกิจส่งออก) ที่ชะลอตัวลงมากขึ้น ตามภาพการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ทั้งนี้ ยอดการนำเข้า (Imports) อาจหดตัวราว -7%y/y โดยมีปัจจัยหลักมาจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวลดลงพอสมควรจากปีก่อนหน้า ขณะที่การฟื้นตัวต่อเนื่องของเศรษฐกิจในประเทศยังช่วยหนุนยอดการนำเข้าอยู่
▪ ฝั่งไทย – เราคาดว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวดีขึ้น ซึ่งได้แรงหนุนจากการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติและการจ้างงานที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในส่วนภาคการบริการ จะช่วยหนุนให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence) เดือนมีนาคม ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 53 จุด อย่างไรก็ดี ปัจจัยกดดันความเชื่อมั่นผู้บริโภคอาจยังคงเป็นภาวะเงินเฟ้อสูง
สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า ค่าเงินบาท มีโอกาสอ่อนค่าเล็กน้อย หากเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นจริงตามคาด ทั้งนี้ เงินบาทอาจไม่ได้อ่อนค่าไปมาก โดยมีโซนแนวต้านแถว 34.30 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเรายังคงเห็นโฟลว์ขายเงินดอลลาร์จากฝั่งผู้ส่งออก
นอกจากนี้ ควรจับตาทิศทางราคาทองคำ รวมถึงฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ ที่อาจเริ่มกลับมาซื้อสุทธิหุ้นไทยมากขึ้นได้ หากตลาดกลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น อนึ่ง ควรระวังความผันผวนในช่วงนี้ เนื่องจากเป็นช่วงใกล้วันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ ทำให้โฟลว์ธุรกรรมในตลาดการเงินอาจเบาบางลงกว่าช่วงปกติได้ นอกจากนี้ สัญญาณเชิงเทคนิคัล ทั้ง RSI และ MACD ยังชี้ว่า เงินบาทมีโอกาสแกว่งตัว sideways โดยมีเส้นค่าเฉลี่ย EMA 50 วัน (แถว 34.30 บาทต่อดอลลาร์) เป็นโซนแนวต้านแรกในช่วงนี้ แต่หากเงินบาทอ่อนค่าทะลุโซนแนวต้านและยืนเหนือระดับ 34.40 บาทต่อดอลลาร์ได้ ก็อาจเป็นสัญญาณที่ชี้ว่า เงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าต่อ ขึ้นมาเคลื่อนไหวในโซนถัดไปในช่วง 34.50 บาทต่อดอลลาร์
ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า เงินดอลลาร์อาจแข็งค่าขึ้นได้ในช่วงต้นสัปดาห์ ตามยอดการจ้างงานสหรัฐฯ ที่ดีกว่าคาด ก่อนจะเคลื่อนไหว sideways ในช่วงก่อนตลาดรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ และรายงานการประชุมเฟดล่าสุด
เราคงคำแนะนำว่า ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูง ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 33.75-34.40 บาท/ดอลลาร์
ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.05-34.30 บาท/ดอลลาร์
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทอ่อนค่ามาที่ระดับ 34.25-34.27 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.15 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดเมื่อปลายสัปดาห์ก่อนที่ 34.07 บาทต่อดอลลาร์ฯ
โดยเงินบาทอ่อนค่าตามทิศทางสกุลเงินเอเชีย ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ยังได้รับแรงหนุนต่อเนื่อง หลังตัวเลขตลาดแรงงานของสหรัฐฯ เดือนมี.ค. ยังมีสัญญาณดี (โดยยังมีการเพิ่มการจ้างงานต่อเนื่อง 236,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานปรับตัวกลับลงมาที่ 3.5% ในเดือนมี.ค.) ซึ่งหนุนการคาดการณ์ว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่องในการประชุม FOMC รอบถัดไปในเดือนพ.ค. นี้
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้คาดไว้ที่ 34.15-34.35 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การปรับตัวของราคาทองคำในตลาดโลก ทิศทางเงินทุนต่างชาติและสกุลเงินเอเชีย รวมถึงสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างจีนกับไต้หวัน
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
เปิดฉากเร้าใจ! “นครินทร์-นทีธาร-มุกข์ลดา” คว้าโพล OR BRIC Superbike ฤดูกาล 2023
ศึกซูเปอร์ไบค์รายการที่ใหญ่ที่สุดของไทย “โออาร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2023” รอบคัดเลือกลุ้นสุดมันส่อแววขับเคี่ยวแย่งแชมป์สนามแรกดุเดือด ผล “ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ ดาวบิดไทยจาก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ผงาดคว้าโพลรุ่นใหญ่ ขณะ นทีธาร ทองโคตร จาก ทีเอ็นพี มอเตอร์สปอร์ต ซิวหัวแถวรุ่น ซูเปอร์สต็อก ด้าน “มุกข์” มุกข์ลดา สารพืช นักบิดสาวแกร่งจาก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ซิวโพลซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี ก่อนดวลความมันรอบไฟนอลวันอาทิตย์นี้ ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์
การแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์ประเทศไทย รายการ โออาร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2023 (OR BRIC Superbike Championship 2023) สนามที่ 1 ผ่านการแข่งขันรอบควอลิฟาย เพื่อจัดอันดับสตาร์ท วันเสาร์ที่ 8 เมษายน 2566
ผลควอลิฟายในรุ่น ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี ปรากฏว่าตำแหน่งโพลตกเป็นของ “ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ แชมป์เก่ารุ่นซูเปอร์สปอร์ต จาก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ที่เพิ่งขยับขึ้นสู่รุ่นใหญ่ในปีนี้ โดยทำเวลาต่อรอบ 1 นาที 35.152 วินาที เหนือทีมเมทอย่าง “แชมป์” ภาสวิชญ์ ฐิติวรารักษ์ ในกริดที่ 2 เพียง 0.601 วินาที ส่วนกริดที่ 3 เป็นของ “บอล” จักรกฤษณ์ แสวงสวาท จาก อีสต์ เอ็นเจที เรซซิ่ง ทีม ตามหลัง 1.266 วินาที ขณะที่ “ซีเค” ชัยวิชิต นิสกุล จาก ทีเอ็นพี มอเตอร์สปอร์ต รั้งกริดที่ 4 ตามหลัง 2.851 วินาที ขนาบข้างด้วย “บิว” วริทธิ์ ทองนพคุณ นักบิดจาก อีสต์ เอ็นเจที เรซซิ่ง ทีม ในกริดที่ 5 ตามหลัง 3.130 วินาที
ในรุ่น ซูเปอร์สต็อก 1,000 ซีซี กริดสตาร์ทอันดับแรกเป็นของ นทีธาร ทองโคตร จาก ทีเอ็นพี มอเตอร์สปอร์ต ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 39.892 วินาที เฉือนจอมเก๋าอย่าง ออ ปิตะบุตร จาก คอร์ มอเตอร์สปอร์ต ไทยแลนด์ กริดที่ 2 เพียง 0.320 วินาทีเท่านั้น ตามด้วย เพชราวุธ เพชรช่วย จาก จีพี เรซซิ่ง อุดรธานี ในกริดที่ 3 ตามหลัง 0.590 วินาที ส่วนกริดที่ 4 ตกเป็นของ สิรภพ พูลศรี จาก ไบค์สตอรี่ บริดจสโตน บีบีเค ยูนิแบ็ต เรซซิ่ง ทีม ตามหลัง 0.718 วินาที ขนาบข้างด้วย ตั้งจิตเจริญกุล จาก ทีเค ฮอนด้า อิเดมิตสึ ศรีนคร ไออาร์ซี ดีไอดี อัลไพน์สตาร์ ตามหลัง 0.754 วินาที
ขณะที่ตำแหน่งโพลในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี ตกเป็นของ “มุกข์” มุกข์ลดา สารพืช ยอดนักบิดสาวจาก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 38.909 วินาที ขนาบข้างด้วยทีมเมทอย่าง “นิว” ปัณณสร แก้วสนธิ ในกริดที่ 2 ตามหลัง 0.309 วินาที ตามด้วย “ฟอง” คณาทัต ใจมั่น จาก ยามาฮ่า ไฮสปีด เรซซิ่ง ทีม ตามหลัง 0.970 วินาที ขณะที่ “ฟิล์ม” ปิยวัฒน์ ประทุมยศ ที่ย้ายไปร่วมงานกับ ยามาฮ่า ไฮสปีด เรซซิ่ง ทีม ได้ออกตัวในกริดที่ 4 ตามหลัง 1.906 วินาที ตามด้วย แดเนียล บัลเย่ นักบิดสแปนิชจาก วินนี่ ปกครอง แอ็คเซนต์ ทิมเบอร์ เรซซิ่ง ทีม ตามหลัง 2.116 วินาที
ด้านผลควอลิฟายในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 400 ซีซี ซาร์ทัก ชาวาน นักบิดอินเดียจาก เน็กซ์เตอร์ โมริเท็ค เอวีอาร์พี เรซซิ่ง คว้าโพลไปครองด้วยเวลา 1 นาที 49.707 วินาที ขนาบข้างด้วย ธีร์ธวัช คุณภู่ จาก วาโวลีน เอสเอ็มเอส เรซซิ่ง ทีม ในอันดับ 2 ตามหลังเพียง 0.765 วินาทีเท่านั้น ส่วนกริดที่ 3 เป็นของ ภาสกรณ์ แสนหลวง จาก ยามาฮ่า ดัคแฮมส์ ดำ เรซซิ่ง ทีม ตามหลังเพียง 0.0.814 วินาที ขณะที่ รัฐพงศ์ บุญเลิศ จาก ยามาฮ่า เควายบี ไออาร์ซี ดี.ไอ.ดี. เอ็นบี น้ำบาน โมลิน เคสปีด ได้เริ่มเกมจากกริดที่ 4 ตามหลัง 1.270 วินาที ตามด้วย ภณณัฎฐ์ นิลภา จาก เน็กซ์เตอร์ โมริเท็ค เอวีอาร์พี เรซซิ่ง ในกริดที่ 5 ตามหลัง 1.717 วินาที
สำหรับผลควอลิฟายในรุ่นเล็กอย่าง สปอร์ต โปรดักชั่น 400 ซีซี ปรากฏว่า อาทิตย์ กังแฮ จาก เสกสิริ บุรีรัมย์ ทีพีเอส เจ.เอ. เรซซิ่ง ทีม คว้าโพลไปครองด้วยเวลา 1 นาที 52.329 วินาที เฉือนทีมเมทชาวอินเดียอย่าง ราจิฟ เซตู กริดที่ 2 เพียง 0.063 วินาทีเท่านั้น ส่วนกริดที่ 3 เป็นของ แอ็กเซล เพเดอร์สัน นักบิดออสเตรเลียนจาก วาโวลีน เอสเอ็มเอส เรซซิ่ง ทีม ตามหลัง 0.737 วินาที
แฟนความเร็วเข้าชมการแข่งขันติดขอบสนาม บัตรราคา 100 บาท / 1 วัน ซื้อได้ที่จุดจำหน่ายบัตรหน้าทางขึ้นแกรนด์สแตนด์ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต บุรีรัมย์
แฟนๆ สามารถชมถ่ายทอดสดการแข่งขัน “OR BRIC Superbike 2023” สนามที่ 1 ได้ในวันอาทิตย์ที่ 9 เม.ย.2566 ทาง True Sport 2 ช่อง 667 เวลา 15.00-18.00 น. หรือชม Live Streaming ทางเพจ Chang Circuit Buriram / BRIC Superbike และ Youtube : Chang International Circuit ตั้งแต่ 9.00 น. เป็นต้นไป
ยิ่งใหญ่กับการถ่ายทอดสดไปยังประเทศอาเซียน สปป.ลาว รับชมทางช่อง MVL เมียนมาร์ รับชมทางช่อง MVM, กัมพูชา รับชมทางช่อง TV3, YouTube : TVB Thailand ส่วนช่องทางออนไลน์ รับชมผ่านทาง You Tube : TVB Thailand และ Application MVTV และ Facebook Fanpage : MVM , MVL , TV3HD ได้ทุกช่องทาง
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
เป็นโรคไต ห้ามกินอะไร แล้วควรกินอะไร
โรคไต เป็นโรคที่คนไทยหลายคนกำลังประสบพบเจอ เป็นโรคที่เกิดจากอาหารการกินที่ไม่ถูกสุขลักษณะ และไม่ถูกหลักโภชนาการ การทานอาหารที่ไม่มีความสมดุล ทานบางอย่างมากเกินไป สะสมนานวันเข้า สุดท้ายอาจเป็นโรคไตได้
แต่นอกจากอาหารเค็มแล้ว ยังมีอีกหลายอย่างที่คนเป็นโรคไต หรือที่กำลังฟอกไตอยู่ควรระวัง
ฟอสฟอรัส ตัวอันตรายสำหรับผู้ป่วยโรคไต
นอกจากโซเดียมที่เป็นตัวการสำคัญของโรคไต และความดันโลหิตสูงแล้ว ยังมีฟอสฟอรัสอีกตัวที่จะทำให้อาการของโรคไตแย่ลง เพราะเมื่อไตของเรากำลังเสื่อม ก็จะมีความสามารถในการกรองเอาสารอาหารประเภทฟอสฟอรัสออกมาได้น้อยลง เพราะฉะนั้นก็แปลว่า ทานอาหารที่มีฟอสฟอรัสเข้าไปมากเท่าไร มันก็สะสมอยู่ในร่างกายไม่ออกไปไหนเสียที ทั้งที่จริงๆ แล้ว คนที่ไตทำงานปกติ ไตจะกรองเอาสารอาหารที่เกินความจำเป็นต่อร่างกายออกให้ แต่ทีนี้พอฟอสฟอรัสไม่ยอมออกไปเลย ก็เลยทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้
ฟอสฟอรัส ทำร้ายร่างกายผู้ป่วยโรคไตได้อย่างไร
ผู้ป่วยโรคไตที่ได้รับการแจ้งจากแพทย์ว่า กำลังอยู่ในภาวะฟอสฟอรัสในเลือดสูง สังเกตอาการได้ง่ายๆ คือจะรู้สึกผิวหนังดำคล้ำมากขึ้น คันยิบๆ ตามตัวจนรู้สึกรำคาญ หรือหากเป็นหนักๆ นานเข้า อาจถึงขั้นกระดูกเปราะ หรือหักได้ง่ายเลยทีเดียว
นอกจากนี้อาจมีอาการต่อมพาราไทรอยด์โต และซ้ำร้าย อาจทำให้เกิดการอุดตันของหลอดเลือดที่ใช้ในการฟอกเลือด สำหรับคนที่กำลังฟอกไตอยู่ได้
งดฟอสฟอรัสไปเลยดีไหม
ฟอสฟอรัส ไม่ใช่สารอาหารที่ให้แต่โทษเพียงอย่างเดียวนะคะ เพราะจริงๆ แล้ว ฟอสฟอรัสยังช่วยลดอากสในการเกิดโรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดต่างๆ ได้เหมือนกัน แต่สำหรับผู้ป่วยโรคไต ควร “จำกัด” การทานอาหารที่มีฟอสฟอรัส เพื่อไม่ให้มีปริมาณฟอสฟอรัสสะสมอยู่ในร่างกายมากจนเกินไป
อาหารที่ผู้ป่วยโรคไต ควรหลีกเลี่ยง (นอกจากอาหารรสจัดแล้ว ยังควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีฟอสฟอรัสสูง)
ไข่แดง
เนื้อสัตว์ติดมัน
ถั่วต่างๆ รวมถึงธัญพืชจำพวก งาดำ งาขาว
ผลิตภัณฑ์จากนมวัว เช่น ชีส โยเกิร์ต ไอศรีมที่ทำจากนม
ข้าวกล้อง
บะหมี่
ขนมปังโฮลวีต
ขนมเบเกอรี่ต่างๆ
ผักสีเข้ม เช่น คะน้า บล็อกโคลี่ แครอท ผักโขม กะเพรา โหระพา ขี้เหล็ก ชะอม ฟักทอง มะเขือเทศ
เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น กาแฟ ชาเขียวใส่นม น้ำอัดลม โกโก้/ช็อคโกแลต
ขนมไทยที่ทำจากไข่แดง เช่น ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง
สังขยา ขนมหม้อแกง คัสตาร์ด
อาหารที่ผู้ป่วยโรคไต ควรทาน (ถ้าให้จำง่ายๆ มองหาอาหารที่มีสีจืดๆ สีไม่เข้ม)
- ไข่ขาว
- ปลา
- เนื้อหมู ไก่ (ที่ไม่ติดมัน)
- น้ำเต้าหู้ที่ทำสดๆ น้ำนมข้าวที่ไม่ปรุงแต่ง
- ข้าวขาว
- เส้นหมี่ เส้นเล็ก วุ้นเส้น
- ผักสีอ่อน เช่น กะหล่ำปลี ผักกาดขาว ฟัก มะเขือยาว มะเขือเปราะ มะระ ผักบุ้ง (การนำไปลวก หรือต้มก่อนทาน ก็จะช่วยลดฟอสฟอรัสในผักได้)
- น้ำขิง
- ชาไม่ใส่นม
- น้ำหวาน
- เมอแรงค์ (ทำจากไข่ขาว) ซาหริ่ม ขนมชั้น ลอดช่อง วุ้น
ถึงแม้อาหารเหล่านี้จะทานได้ แต่ก็ไม่ควรทานจนมากเกินไป ควรรักษาสมดุลของอาหารให้ดี และทานอาหารให้หลากหลาย ไม่ซ้ำซากจำเจเหมือนเดิมในทุกๆ วัน ทุกๆ มื้อ เพื่อให้ได้สารอาหารที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ใครที่ต้องทานยาจับฟอสฟอรัส ก็อย่าลืมทานพร้อมอาหารอย่างสม่ำเสมอด้วย ช่วยให้ฟอสฟอรัสไม่สูงได้เป็นอย่างดี ถ้าเราควบคุมปริมาณฟอสฟอรัสในเลือดได้ อาการโรคไตของเราก็จะดีขึ้นตามลำดับ โรคไตสู้ได้ ไม่ต้องกลัวค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ขอบคุณเป็นภาษาอังกฤษพูดยังไงได้บ้าง?
ทุกวันนี้ เป็นที่รู้กันว่าภาษาอังกฤษสำหรับคำว่า “ขอบคุณ” คือ “thank you” แต่เพื่อนๆรู้กันรึเปล่าว่าในภาษาอังกฤษมีวิธีพูดเพื่อแสดงคำขอบคุณมากมายเหลือเกิน ขืนใช้ thank you อย่างเดียวคงจำเจน่าดู ลองมาใช้คำพวกนี้กันบ้างดีกว่าครับ ^^
1. ta อ่านว่า ทา
มีรากศัพท์มาจากภาษา Danish เพราะคำว่า thanksในภาษาเดนมาร์กคือ “tak” วันเวลาผ่านไปก็ถูกตัดมาจนเหลือแค่ “ta” นิยมใช้อย่างแพร่หลายในประเทศอังกฤษ และออสเตรเลีย สำหรับวิธีใช้ก็ง่ายแสนง่ายครับ ถ้าเราอยากขอบคุณใครไม่ว่าในสถานการณ์ไหน หรือจะใช้กับเพื่อนฝูง ก็ให้พูดtaแทน thank youได้เลย
James: I made you a cup of coffee. Looks like you needed one.
Larry:Ta.
มีอยู่คำนึงที่ใกล้เคียงกันคือ “tata” แต่จะใช้เพื่อบอกลานะครับ
James:Tata!I’ll see you guys later.
เป็นภาษาพูดที่ชาวอังกฤษและออสเตรเลียมักใช้กัน แต่ตอนนี้ก็ใช้อย่างแพร่หลายไปทั่วโลก เราจะใช้ cheers เมื่อได้รับหรือมอบบางสิ่งให้กับคนอื่น ส่วนใหญ่จะตามด้วย mate เสมอ (คนออสเตรเลียจะใช้บ่อยมากเลย) แต่ถ้าเป็นชาวอเมริกันบางคนอาจสับสนได้ เพราะเค้าก็พูด cheers เวลาชนแก้ว (toast) ในวงสังสรรค์กันด้วยนะ
นอกจากแปลว่า ขอบคุณแล้ว ยังใช้บอกลา (good bye)หรืออวยพร (good luck) ได้อีกด้วย
กรณีที่ 1: ใช้เพื่อขอบคุณ
Tom: I got you a beer.
Mike:Cheers, mate.
กรณีที่ 2: ใช้เพื่อชนแก้ว
Nick: Here’s to Ryan, the man of the hour!
(Everyone) :CHEERS!
นอกจาก ta และcheers แล้ว คำศัพท์ทั่วไปอย่าง cool, awesome และ greatก็สามารถใช้แสดงการขอบคุณได้เหมือนกันครับ ถึงแม้จะไม่ได้แปลว่าขอบคุณโดยตรงก็ตาม เวลามีใครทำเรื่องดีๆให้เราหรือเอาของมาให้ก็ใช้คำพวกนี้ได้เลย มาดูตัวอย่างกันดีกว่า
Jack: I got us tickets to see Iron Man 3 tomorrow.
Jill: Hey, that’sawesome!
Pam: You can have a look at my homework. Just don’t copy, okay?
Larry:Great!
เป็นไงบ้างครับกับเทคนิคการพูดคำว่าขอบคุณ ลองใช้ในชีวิตประจำวันดูบ้างนะครับ ถ้าอยากจะขอบคุณผู้ใหญ่ หรือขอบคุณอย่างเป็นทางการแนะนำให้ใช้ thank you แบบเดิมดีกว่าครับ แต่ถ้าพูดกับเพื่อนฝรั่งก็ใช้ตามนี้ได้สบายมาก ^^ ติดตามเทคนิคการพูดภาษาอังกฤษง่ายๆได้ที่DailyEnglish ทุกวันเลยนะ
ขอบคุณข้อมูลจาก dailyenglish.in.th
ภัยคุกคามด้านไซเบอร์ กับ กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ
ภัยคุกคามด้านไซเบอร์ กับ กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ : บทความหน้า โดย… วรพงษ์ สุธานนท์ พาร์ทเนอร์/ที่ปรึกษาความเสี่ยงดีลอยท์ ประเทศไทย หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3877
ภัยคุกคามด้านไซเบอร์ในประเทศไทย
ThaiCERT (Thailand Computer Emergency Response Team) ได้รวมรวมสถิติภัยคุกคามด้านไซเบอร์ของไทยในปี 2564 พบว่า “การเกิดช่องโหว่” เป็นภัยคุกคามอันดับ 1 คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 1 ใน 3 ของเหตุคุกคามกว่า 2,000 เรื่อง และในสามเดือนแรกของปี 2565 ภัยคุกคามด้านไซเบอร์ที่พบบ่อยที่สุดเกิดจากการโจมตีด้วยโปรแกรมไม่พึงประสงค์ ซึ่งคิดเป็น 53% ของจำนวนเรื่องที่ได้รับรายงาน
เมื่อพิจารณาพฤติกรรมของผู้บริโภค จากการสำรวจของ ACI Worldwide ระบุว่าประเทศไทยทำธุรกรรมการชำระเงินแบบเรียลไทม์ 9.7 พันล้านครั้งในปี 2564 เป็นอันดับ 3 ของโลกรองจากอินเดีย และจีน แต่เมื่อเทียบสัดส่วนกับจำนวนประชากรอาจกล่าวได้ว่า ไทยมีรายการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์สูงเป็นอันดับหนึ่งของโลก
ปัจจัยส่งเสริมที่สำคัญมาจากการขับเคลื่อนเชิงนโยบายที่ใช้การชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติผ่านโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการพร้อมเพย์ และ QR Payment ตลอดจน Government Wallet (G-Wallet) ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง ในโครงการคนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน ชิมช้อปใช้ การขายสลากดิจิทัลที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นเดือนมิถุนายน ปี 2565 เป็นต้น
นอกจากนี้ ข้อมูลสถิติของธนาคารแห่งประเทศไทยในไตรมาส 3 ของปี 2565 ระบุว่า ประเทศไทยมีบัญชีผู้ใช้งาน Mobile banking จำนวน 94 ล้านบัญชี ซึ่งเติบโตขึ้นจากปี 2564 ถึง 12% การเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องของการทำธุรกรรมทางการเงินผ่าน Mobile banking นี้ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงทางด้านไซเบอร์มากขึ้นตามไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
จากที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่า ยิ่งเราต้องพึ่งพาเครื่องมือดิจิทัลในชีวิตประจำวันมากขึ้นเท่าไหร่ เราก็มีความเสี่ยงจากการโจมตีทางไซเบอร์เพิ่มมากขึ้นไปด้วย ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของการโจมตีทางไซเบอร์อาจเสี่ยงต่อการสูญเสียข้อมูลที่มีความสำคัญ สูญเสียเงินอันเป็นผลพวงมาจากการโจรกรรม หรือ สูญเสียชื่อเสียงจากการขาดความเชื่อมั่น
การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์จึงมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากนี้ ความรู้และความตระหนักของผู้ใช้งานก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องสร้างเพื่อเตรียมรับมือจากการโจมตีทางไซเบอร์ที่มีการพัฒนาอย่างให้ซับซ้อนขึ้นไปเรื่อย ๆ
จากการสำรวจของ Deloitte เรื่อง 2023 Global Future of Cyber Survey ระบุว่า 91% ขององค์กรที่สำรวจมีเหตุการณ์ทางไซเบอร์หรือการละเมิดเกิดขึ้นอย่างน้อยหนึ่งรายการ ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 88% ของจำนวนองค์กรที่สํารวจในปี 2021
นอกจากนี้ความกังวลทางไซเบอร์สําหรับองค์กรต่าง ๆ จะมีความแตกต่างกัน โดยองค์กรที่มีระดับวุฒิภาวะด้านไซเบอร์สูงจะกังวลเกี่ยวกับอาชญากรไซเบอร์และผู้ก่อการร้าย ตลอดจนการโจมตีแบบฟิชชิง มัลแวร์ และ แรนซัมแวร์
ส่วนองค์กรที่มีระดับวุฒิภาวะด้านไซเบอร์ระดับกลางถึงต่ำจะมีความกังวลเกี่ยวกับการโจมตีที่ทำให้ระบบไม่สามารถให้บริการได้ (Denial-of-service attacks) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการให้ความสำคัญเพื่อเตรียมรับมือความเสี่ยงด้านไซเบอร์เป็นสิ่งสำคัญที่แต่ละองค์กรต้องคำนึงถึงในการกำหนดกลยุทธ์
การให้ความสำคัญเพื่อเตรียมรับความเสี่ยงด้านไซเบอร์
ความเสี่ยงด้านการทุจริตจากการธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากการขาดความรอบรู้ใน การใช้เทคโนโลยี ทั้งผู้ขายและผู้บริโภค ทั้งนี้ ทักษะความรู้ด้านดิจิทัล (Digital literacy) ควรประกอบด้วย การเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลผ่านอุปกรณ์ (Digital technology access) ทักษะในการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital skills) ความรู้ความเข้าใจการทำงานของเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital knowledge) และ การตระหนักรับรู้ถึงความเสี่ยงด้านข้อมูล ความเป็น ส่วนตัว และ เงื่อนไขทางกฎหมายที่เกี่ยวกับข้อมูลดิจิทัล (Cyber risk awareness)
Deloitte พบว่า บริษัทขนาดใหญ่ที่มีพนักงาน 20,000 คนขึ้นไปมีแนวโน้มที่จะให้ความสําคัญกับการบริหารความเสี่ยง การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล และ ความทันสมัยของเทคโนโลยี
นอกจากนี้ความตระหนักถึงความสําคัญด้านไซเบอร์เป็นส่วนสำคัญในการกำหนดกลยุทธ์ทางธุรกิจ การวางแผนงานไซเบอร์ และ การดําเนินการที่สําคัญ ยกตัวอย่างเช่น
-การวางแผนการฝึกอบรมเพื่อสร้างความตระหนักรู้ด้านทางไซเบอร์ประจําปี
-การวางแผนรับมือเหตุการณ์ทางไซเบอร์ที่ปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอและทดสอบเป็นประจําทุกปี
-การประเมินความพร้อมด้านไซเบอร์ที่ครอบคลุมวิธีการปกป้องข้อมูล การจัดเก็บข้อมูล การประมวลผลและการส่งข้อมูล
-การประเมินความเสี่ยงด้านไซเบอร์เพื่อตรวจสอบและติดตามความปลอดภัย
-การจัดทำแบบจำลองสถานการณ์ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นด้านไซเบอร์ และวิธีรับมือกับสถานการณ์เหล่านั้น (Cyber wargame) เพื่อตรียมความพร้อมในการรับมือภัยคุกคาม และ การโจมตีด้านไซเบอร์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เป็นต้น
ความท้าทายและโอกาส
การวางแผนด้านกลยุทธ์ทางธุรกิจที่เกี่ยวกับด้านไซเบอร์ จำเป็นที่จะต้องทำควบคู่ไปกับการปรับกระบวนการทำงาน และ การหาบุคลากรที่มีประสบการณ์เหมาะสม ซึ่งเป็นสิ่งที่ท้าทายเนื่องจากประเทศไทยยังขาดบุคลากรทางวิชาชีพทางด้านเทคโนโลยี เช่น โปรแกรมเมอร์ วิศวกรด้านซอฟต์แวร์ หรือ วิศวกรด้านความปลอดภัยของซอฟต์แวร์ เป็นจำนวนมาก
จากการสำรวจของ Deloitte พบว่ากลยุทธ์ที่องค์กรเลือกใช้เพื่อรักษาและพัฒนาบุคลากร ได้แก่ การฝึกอบรมและการให้ประกาศนียบัตร 54% การกำหนดรูปแบบการทำงานที่มีความยืดหยุ่น 50% การกำหนดความก้าวหน้าทางอาชีพสำหรับงานเฉพาะด้าน 45% ขององค์กรที่ตอบแบบสำรวจ เป็นต้น
นอกจากนี้ การส่งเสริมหรือให้บริการทางสังคมเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการพัฒนาบุคลากร รวมถึงกระตุ้นคนรุ่นใหม่ให้สนใจกับเรื่องนี้มากขึ้น เช่น การให้เงินทุนในการสอบประกาศนียบัตร การให้ทุนการศึกษา หรือ การเชิญวิทยากรที่มีความชำนาญจากต่างประเทศมาให้ความรู้ การบริการทางสังคมยังเป็นช่องทางที่ใช้เผยแพร่ความรู้และความเข้าใจในการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัล
ตลอดจนความตระหนักถึงความเสี่ยงที่เกิดจากการใช้เทคโนโลยี เพื่อป้องกันการถูกหลอกลวงจากการขโมยข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ในทางที่ผิดกฎหมาย หรือ การยักยอกเงินจากบัญชีธนาคารด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของผู้ใช้
สุดท้าย การจัดตั้งสมาคมศูนย์ประสานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์ (CERT) ที่เฉพาะเจาะจงตามกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มธุรกิจการค้า กลุ่มเกษตรกรรม กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ไทย กลุ่มการขนส่ง กลุ่มการท่องเที่ยว กลุ่มการนำเข้าและส่งออก สภาอุตสาหกรรมการผลิต
กลุ่มการท่องเที่ยว และ หน่วยงานภาครัฐ จะช่วยให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อให้เท่าทันภัยคุกคามที่เกิดขึ้นใหม่ในทุก ๆ วัน เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยรับมือช่องโหว่ที่ยังไม่เปิดเผยสู่สาธารณะ (Zero-Day) ที่เกิดขึ้นเฉพาะในไทย รวมทั้ง ช่วยให้เทคโนโลยีแบรนด์ไทยได้รับการพัฒนาให้ตรวจจับภัยคุกคามได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
7 ประโยชน์ขั้นเทพของ “กระเจี๊ยบเขียว” ที่คุณอาจไม่รู้
ถ้าจะบอกว่าชาวญี่ปุ่นนิยมทานกระเจี๊ยบเขียวมาก ทุกคนจะเชื่อหรือเปล่าคะ? ทานสดๆ นำไปประกอบอาหารต่างๆ สารพัดเมนูอีกต่างหาก ขนาดไปเวียดนาม ที่นั่นยังเสิร์ฟกระเจี๊ยบเขียวให้มาย่างทานกันสดๆ อีกด้วย ไม่ใช่แค่รสชาติที่ดี แต่เป็นเพราะสรรพคุณเจ๋งๆ ของกระเจี๊ยบเขียวนี่แหละ ที่ทำให้ใครต่อใครก็หามาทานกันมากมาย จะมีประโยชน์ในด้านใดบ้าง มาดูกันค่ะ
ประโยชน์ขั้นเทพของ “กระเจี๊ยบเขียว”
- ช่วยลดน้ำตาลในเลือด เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน และคนที่กำลังควบคุมน้ำตาล-น้ำหนัก
- ลดอาการท้องผูก เพราะมีเมือกที่ช่วยให้อุจจาระอ่อนตัวขึ้น และยังมีใยอาหารที่ดีต่อการขับถ่าย
- ลดคอเลสเตอรอลในร่างกาย
- ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคกระเพาะอาหาร เยื่อบุกระเพาะอาหารอักเสบ และลำอักเสบได้
- ใครที่เป็นโรคกระเพาะอาหารอยู่แล้ว การทานกระเจี๊ยบเขียวพร้อมเมือกเหนียวๆ ใสๆ จะช่วยเข้าไปเคลือบแผลในกระเพาะอาหารได้อีกด้วย
- ฝักกระเจี๊ยบต้มเกลืออ่อนๆ สามารถแก้อาการกรดไหลย้อนได้
- มีโฟเลตสูง ช่วยเสริมสร้างเม็ดเลือดแดง และเป็นสิ่งจำเป็นต่อพัฒนาการของลูกน้อยในครรภ์ ดังนั้นจึงเหมาะกับหญิงมีครรภ์
วิธีรับประทานกระเจี๊ยบเขียว
สามารถหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ทานสดๆ ได้เลย หรือจะนำไปประกอบอาหารกับเมนูอื่นๆ นำไปย่างด้วยไฟอ่อนๆ หรือจะทานผสมกับน้ำผึ้ง น้ำมะนาว หรือไอศกรีมก็ได้ค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 10/04/2566
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 32,300.00 | 32,400.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,092.00 | 31,714.72 | 32,900.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,882.80 | 28,543.25 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,673.60 | 25,371.78 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 941.00 | 14,265.56 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 732.00 | 11,097.12 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,168.00 | 32,866.88 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 10/04/2566
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 37.25 | 37.25 | 37.54 | 37.25 | 37.25 | 37.25 | 37.25 | 37.25 | 37.25 | 37.25 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 36.98 | 36.98 | 37.24 | 36.98 | 36.98 | 36.98 | 36.98 | 36.98 | 36.98 | 36.98 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | – | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 35.39 | 35.39 | – | – | – | – | – | – | – | 35.39 |
เบนซิน 95 | 45.06 | – | – | – | 45.11 | – | 45.56 | 45.21 | – | 45.06 |
ดีเซล B7 | 32.94 | 32.94 | 33.24 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 |
ดีเซล | 32.94 | 32.94 | 33.24 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 |
ดีเซล B20 | 32.94 | 32.94 | 33.24 | – | 32.94 | – | 32.94 | – | – | 32.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 42.06 | 42.16 | 43.74 | 43.66 | 43.66 | – | – | – | – | 42.06 |
แก๊ส NGV | 17.59 | 17.59 | – | – | – | – | – | – | – | 17.59 |