อสังหาฯรุกภูธร-ตปท.หนีกับดักราคาที่ดิน-อีไอเอ-ร้องเรียนเมืองกรุงพุ่ง
ราคาที่ดินพุ่งขึ้น การจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA และกฎหมายเข้มขึ้น รวมทั้งกรณีการร้องเรียนศาลปกครองต่างๆ ถือเป็นปัจจัยลบสำคัญในปี 2567 ที่ฉุดรั้งตลาดคอนโดในกรุงเทพฯ ส่งผลให้บิ๊กอสังหาริมทรัพย์ เบนเข็มรุกตลาดต่างจังหวัด ต่างประเทศ
Key Points:
- จากข้อมูลของ เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ระบุว่า ปี 2566 ราคาที่ดินเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 4% เป็นผลจากการเปิดรถไฟฟ้าสายใหม่ และในปี2567 คาดว่าราคาที่ดินจะยังปรับสูงขึ้นเฉลี่ย 3-5%
- ขณะเดียวกัน การจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA รวมทั้งกฎหมายเข้มขึ้น ส่งผลให้เกิดต้นทุนเพิ่มขึ้นรวมทั้งปรากฏการณ์นักร้อง(เรียน)ศาลปกครองที่อาจเกิดขึ้นเหมือนทุกปีทีผ่านมา
ประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ราคาที่ดินที่ปรับขึ้นนั้นเป็น “ต้นทุน” สำคัญในการพัฒนาโครงการอสังหาฯ ส่งผลให้ราคาบ้านและคอนโดสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่ว่าปัจจัยลบที่สำคัญของผู้ประกอบการอสังหาฯ ปัจจุบันนี้คือ รายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA และ กฎหมายควบคุมที่มีแต่เข้มมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น กฎหมายควบคุมอาคารที่กำลังออกมาใหม่ เพิ่มรายละเอียดในเรื่องการป้องกันแผ่นดินไหวเข้ามาทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น
“ระเบียบ กฎเกณฑ์สิ่งแวดล้อม กฎหมายที่ยากขึ้น ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น วางแผนลำบาก วิธีการลดความเสี่ยงของศุภาลัย การลงทุนในต่างจังหวัดและต่างประเทศมากขึ้น โดยปีนี้ ศุภาลัยจะมีโครงการรวม 270 โครงการ เป็นโครงการในออสเตรเลีย 24 โครงการ ซึ่งแม้ไม่ถึง 1ใน 10 แต่มูลค่าต่อโครงการสูงกว่าในประเทศ เฉลี่ยโครงการละมากกว่า 10,000 ล้านบาท ขณะที่โครงการในประเทศไทยเฉลี่ย 1,000 ล้านบาท”
ปัจจุบัน ศุภาลัยพัฒนาโครงการครอบคลุมกว่า 28 จังหวัด รวมกรุงเทพฯ รวมทั้งหมด 161 โครงการ จำนวน 36,000 ยูนิต คิดเป็นมูลค่ารวม 118,000 ล้านบาท โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในภูมิภาครวม 20 โครงการ มูลค่ารวม 17,000 ล้านบาท
อภิสิทธิ์ สุนทรชูเกียรติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น คอนโดมิเนียม จำกัด เครือออริจิ้น ระบุว่า แนวโน้มการพัฒนาโครงการอสังหาฯ ในกรุงเทพฯ ยากขึ้น เนื่องจากที่ดินพัฒนาโครงการหายากทำให้ “ราคาที่ดิน” สูงขึ้น รวมทั้งการจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA เข้มขึ้นระยะเวลาอนุมัตินาน ทำให้การพัฒนาโครงการเกิดความล่าช้ากว่าที่กำหนด จึงเป็นเหตุผลหนึ่ง ที่ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาฯหลายรายหันไปลงทุนพัฒนาการโครงการในต่างจังหวัดมากขึ้น
“ในเครือ ออริจิ้น ที่มีทีมงานในการพัฒนาโครงการในต่างจังหวัดที่มีศักยภาพอย่าง ภูเก็ต เขาใหญ่ เพื่อรองรับดีมานด์ลูกค้าที่มีความหลากหลายมากขึ้น ถือเป็นการบริหารจัดการความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจอย่างหนึ่ง ”
ทางด้าน ประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นอกเหนือจากต้นทุนที่ดินที่เพิ่มขึ้นทุกปี ปัจจุบันกฎเกณฑ์สิ่งแวดล้อม กฎหมายการพัฒนาโครงการอสังหาฯ ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น และมีกฎเกณฑ์ใหม่ออกมาตลอดเวลา โดยเฉพาะรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA ถือเป็นความเสี่ยงอย่างหนึ่ง ที่ผู้ประกอบการอสังหาฯ กังวล เพราะเกี่ยวข้องกับการมีส่วนร่วมชุมชนใกล้เคียง และทำให้ต้นทุนสูงขึ้น
“เรื่องต้นทุนจากกฎเกณฑ์ ผู้ประกอบการไม่กลัวเท่ากับปัญหาที่เกิดขึ้นจากปัญหาบังแดดบังลม ที่ทำเกิดปรากฏการณ์นักร้องขึ้นมา เพราะเป็นความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ น่ากลัวมากที่สุด เพราะถ้าซื้อที่ดินมาพัฒนาแล้วขึ้นไม่ได้ รวมทั้งการถูกร้องศาลปกครอง”
ทั้งนี้เพราะกรณีไม่ได้รับการอนุมัติ EIA นั้นโครงการยังไม่ได้ก่อสร้าง แต่กรณีฟ้องศาลปกครอง คือ โครงการก่อสร้างแล้ว แม้จะผ่าน EIA แล้ว ทำให้ต้องหยุดการก่อสร้าง หลังจากที่การลงทุนดำเนินการไปแล้ว
ในฐานะผู้ประกอบการอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพัฒนากฎหมาย รายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA ให้มีความชัดเจน โปร่งใสตรวจสอบได้ ว่าอะไรทำได้ อะไรที่ทำไม่ได้ เพื่อลดความเสี่ยงที่เกิดขึ้น เพราะอสังหาฯ ถือเป็นธุรกิจที่มีผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงปกป้องประชาชนที่เข้ามาซื้อโครงการอสังหาฯไม่ให้ได้รับผลกระทบ โดยบาลานซ์ผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย ที่อยู่บนความถูกต้อง
โอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันการขอ EIA ต้องใช้เวลาขั้นต่ำ 11 เดือน ซึ่งนานกว่าในอดีตที่ใช้เวลา 4 เดือนก็สามารถอนุมัติได้แล้ว และหากไม่อนุมัติ การยื่นขอรอบ 2 ก็ต้องรออีก 11 เดือน และถ้ายังไม่อนุมัติก็อีกต้องรออีก 11 เดือน
“จากประสบการณ์โครงการที่รอนานสุดคือ คอนโดมิเนียมในทำเลปิ่นเกล้า ถือเป็นอุปสรรคสำคัญในการพัฒนาโครงการ ทำให้เป็นต้นทุนเพิ่มขึ้น จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้หันมาทำโครงการแนวราบมากขึ้นเพื่อแก้ปัญหาในระยะสั้น แต่สิ่งที่แก้ยากคือปัญหาเรื่องบังแดด บังลม เป็นอุปสรรคในการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม”
ทั้งนี้หากมองภาพรวม การพัฒนาโครงการในเมืองต้องเป็นอาคารสูงอยู่แล้ว ก็ไม่ควรจะมีข้อจำกัดจาก EIA เรื่องบังแดดบังลม เพราะถ้าผังเมืองอนุญาตให้สร้างอาคารสูงได้ก็ควรจะดำเนินการได้ ทว่าปัจจุบันไม่มีหลักยึดและความชัดเจน ในฐานะคนทำธุรกิจไม่ได้กลัวเรื่องกฎหมายหรือกฎระเบียบ แต่ขอให้มีความชัดเจนเพื่อมีทางออกร่วมกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
คัดโฉนดที่ดินราคาเท่าไหร่ ล่าสุด กรมที่ดิน สรุป 4 ขั้นตอน มัดรวมแล้ว
คัดโฉนดที่ดินราคาเท่าไหร่ ล่าสุด กรมที่ดิน สรุป 4 ขั้นตอน การยื่นคำขอตรวจหลักฐานทะเบียนเพื่อคัดโฉนดที่ดิน -ถ่ายสำเนาเอกสาร กรณีบุคคลทั่วไปเช็กวิธีดำเนินการทั้งหมดที่นี่
กรมที่ดิน ได้สรุป 4 ขั้นตอน การยื่นคำขอตรวจหลักฐานทะเบียนที่ดินขอคัด-ถ่ายสำเนาเอกสาร และ คัดโฉนดที่ดินราคาเท่าไหร่นั้น มีรายละเอียดดังนี้
1 ผู้ยื่นคำขอ
- ผู้ขอเป็นบุคคลทั่วไป และไม่จำเป็นต้องเป็นผู้มีส่วนได้เสีย
- หรือเอกสารที่ขอตรวจสอบ หรือขอถ่ายสำเนาเอกสาร
2.การยื่นคำขอ
- ให้ยื่นคำขอ ณ สำนักงานที่ดินท้องที่ซึ่งที่ดินตั้งอยู่ให้ผู้ขอระบุหมายเลขหนังสือแสดงสิทธิ์ในที่ดิน เครื่องหมายที่ดิน
- หรือระบุที่ตั้งของที่ดินได้ชัดเจน กรณีไม่สามารถระบุให้ชัดเจนได้ จึงไม่อาจให้ตรวจสอบได้
- ระบุเหตุผลในคำขอว่ามีความประสงค์ขอตรวจสอบ หรือถ่ายสำเนาเอกสารใด เพื่อประโยชน์อะไร และให้รับรองเอกสารด้วยหรือไม่
- กรณีไม่มีคำขอห้ามพนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการให้
3. การดำเนินการของพนักงานเจ้าหน้าที่
- สอบสวนผู้ขอว่า ต้องการขอตรวจสอบที่ดินแปลงใด ? ต้องการทราบเรื่องใด ? ขอคัดหรือถ่ายสำเนาเอกสารใด ?เพื่อประโยชน์อะไร
- ให้ใช้ดุลยพินิจพิจารณาเปิดเผยข้อมูลข่าวสารตาม พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540 มาตรา 15 และ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
- กรณีสามารถเปิดเผยข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลได้ตามมาตรา 24 แห่ง พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 เช่น ศาล เจ้าหน้าที่ของรัฐหรือหน่วยงานรัฐ หรือบุคคลที่มีอำนาจตามกฎหมาย เป็นต้น
- กรณีไม่อาจเปิดเผยข้อมูลข้อมูลข่าวสาร หรือไม่มีกฎหมายให้กระทำได้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่สั่งไม่รับคำขอพร้อมแจ้งเหตุผลที่เปิดเผยไม่ได้เพราะเป็นข้อมูลข่าวสารประเภทใดและเพราะเหตุใด พร้อมสิทธิการอุทธรณ์ตาม พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540 ให้ผู้ขอทราบ (ให้ผู้ขอทำเป็นหนังสือยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำสั่ง
- ให้หัวหน้าฝ่ายทะเบียน หรือ ผู้ได้รับมอบหมาย เป็นผู้มีอำนาจสั่งการในคำขอ
4. การรับรองสำเนาเอกสาร
ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบความชัดเจน ครบถ้วน ถูกต้องตรงกับเอกสารที่ขอให้รับรองหรือไม่ และรับรองสำเนาถูกต้องทุกแผ่น ทุกหน้า พร้อมระบุชื่อตำแหน่ง และวัน เดือน ปี
ค่าธรรมเนียม
- ค่าคำขอ แปลงละ 5 บาท
- ค่าธรรมเนียมการรับรองสำเนาเอกสาร ฉบับละ 10 บาท
ค่าตรวจหลักฐานทะเบียนที่ดิน
- กรณีการตรวจจากสื่อบันทึก กรณีการตรวจหลักฐาน ข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ หรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์อื่น รวมทั้งข้อมูลแปลงที่ดินทางระบบ Land Infomation (LIS) ให้เรียกเก็บ ครั้งละ 100 บาท
- กรณีการตรวจหลักฐาน ทะเบียนที่ดินด้วยมือแปลงละ 10 บาท
- จากสื่อบันทึกข้อมูล ทางคอมพิวเตอร์ หรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์อื่น ให้เรียกเก็บแผ่นละ 50 บาท.
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
บาทเปิดเช้าวันนี้ 10ม.ค. “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย” ที่ระดับ 34.92 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทท่ามกลางปัจจัยกดดันฝั่งอ่อนค่า ทั้งความกังวลแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของธปท.จากแรงกดดันทางการเมือง -มุมมองแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ในช่วงคืนวันพฤหัสฯ
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 10ม.ค. 2567 ที่ระดับ 34.92 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 34.96 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทยังคงมีอยู่ ทว่า การอ่อนค่าของเงินบาทก็อาจจำกัดอยู่ในโซน 35.00 บาทต่อดอลลาร์ ท่ามกลางแรงขายเงินดอลลาร์และสกุลเงินหลักอื่นๆ ของผู้เล่นในตลาด อีกทั้งผู้เล่นในตลาดส่วนใหญ่ ต่างก็รอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ในช่วงคืนวันพฤหัสฯ ทำให้เงินบาทก็อาจยังไม่มีทิศทางการเคลื่อนไหวที่ชัดเจน
อย่างไรก็ดี ฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติที่มีทิศทางผันผวนและเริ่มเห็นแรงขายเพิ่มขึ้นของนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะในฝั่งหุ้น ก็อาจเป็นปัจจัยที่คอยกดดันเงินบาทให้ผันผวนอ่อนค่า หรืออย่างน้อยก็กลับมาแข็งค่าได้ยากในช่วงนี้ ซึ่งเราคงประเมินว่า เงินบาทก็อาจยังมีแนวรับแถว 34.75-34.80 บาทต่อดอลลาร์ จนกว่าจะมีการรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม
ในช่วงนี้ เราพบว่า ความผันผวนของเงินบาทยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ผ่านมา (มองจากกรอบเงินบาทรายสัปดาห์) ทำให้เราคงคำแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และ
นอกเหนือจากการใช้เครื่องมือดังกล่าว การเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ก็เป็นอีกแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.80-35.05 บาท/ดอลลาร์
โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ sideway (แกว่งตัวในช่วง 34.86-35.01 บาทต่อดอลลาร์) ท่ามกลางการเคลื่อนไหวในกรอบของทั้งเงินดอลลาร์ บอนด์ยีลด์ 10 สหรัฐฯ และราคาทองคำ ซึ่งเป็นไปได้ว่า บรรดาผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ในช่วงคืนของวันพฤหัสฯ นี้ ก่อนที่จะปรับสถานะถือครองที่ชัดเจนต่อไป
อย่างไรก็ดี จะเห็นได้ว่า เงินบาทยังคงมีโซนแนวต้านสำคัญแถว 35.00 บาทต่อดอลลาร์ ท่ามกลางแรงขายเงินดอลลาร์และสกุลเงินหลัก เช่น ค่าเงินเยน หลังเงินเยนกลับมาแข็งค่าขึ้นเร็ว เมื่อเทียบกับเงินบาท อย่างไรก็ดี เงินบาทอาจยังไม่สามารถพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นชัดเจนได้ ท่ามกลางปัจจัยกดดันฝั่งอ่อนค่า ทั้งการปรับเปลี่ยนมุมมองแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดของผู้เล่นในตลาด รวมถึงปัจจัยล่าสุดอย่างความกังวลแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทยจากแรงกดดันทางการเมือง
บรรดาผู้เล่นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยงเพิ่มเติม จนกว่าจะรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ในวันพฤหัสฯ นี้ นอกจากนี้ บรรยากาศในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็อาจถูกกดดันบ้างจากถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดในช่วงนี้ อาทิ Raphael Bostic (Voter) ที่ยังออกมาสนับสนุนการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดต่อไป เพื่อให้มั่นใจว่าเฟดจะสามารถคุมเงินเฟ้อได้สำเร็จ ทำให้โดยรวมดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ ต่างก็เคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ sideway โดยดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.15%
ส่วนในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ย่อตัวลง -0.19% กดดันโดยการปรับตัวลดลงของหุ้นกลุ่มสินค้าแบรนด์เนมและหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ อาทิ LVMH -1.5%, Rio Tinto -2.0% ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นยุโรป ยังพอได้แรงหนุนอยู่บ้าง จากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่ม Defensive อย่าง กลุ่ม Healthcare อาทิ Roche +0.7%
ในฝั่งตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังคงแกว่งตัวในกรอบ sideway ใกล้ระดับ 4.00% เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้น รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ในวันพฤหัสฯ นี้ ก่อนที่จะปรับเปลี่ยนสถานะถือครองบอนด์ที่ชัดเจน ซึ่งจะสอดคล้องกับการปรับมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด
ทั้งนี้ เรายังคงแนะนำว่า บอนด์ยีลด์ระยะยาวยังมีความเสี่ยงที่จะผันผวนสูงขึ้นได้ หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ นั้นออกมาดีกว่าคาดในช่วงนี้ ซึ่งผู้เล่นในตลาดควรเน้นกลยุทธ์ Buy on Dip และไม่ไล่ราคา โดยพยายามคำนึงถึง จุดคุ้มทุน หรือ Break-even เมื่อพิจารณาถึงผลตอบแทนรวม หรือ Total Return ที่จะได้จากการถือครองบอนด์ โดยในส่วนของบอนด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจเริ่มเห็นการขาดทุนได้ (Total Return ติดลบ) หากบอนด์ยีลด์ปรับตัวขึ้นเกิน +50bps จากระดับปัจจุบัน หรือ เกินระดับ 4.50%
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ sideways เพื่อรอรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ โดยเฉพาะรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงแกว่งตัวใกล้ระดับ 102.5 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 102.3-102.6 จุด)
ในส่วนของราคาทองคำ จังหวะการปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็มีส่วนกดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ.) ปรับตัวขึ้นทะลุโซน 2,040-2,050 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ไปได้ ก่อนที่จะย่อตัวลงใกล้ระดับ 2,035 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ผู้เล่นในตลาดบางส่วนอาจรอจังหวะการย่อตัวของราคาทองคำในการเข้าซื้อ และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทผันผวนอ่อนค่าได้บ้างในช่วงคืนที่ผ่านมา ทั้งนี้ เราประเมินว่า หากราคาทองคำสามารถรีบาวด์ขึ้นราว +20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ ทดสอบโซนแนวต้าน 2,060-2,070 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยขายทำกำไรทองคำในโซนดังกล่าว ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็จะสามารถช่วยให้เงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นได้
สำหรับวันนี้ แม้ว่าจะไม่มีรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญมากนัก ทว่า ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด John Williams (Voter) ในช่วงเวลา 03.15 น. ของเช้าวันพฤหัสฯ ตามเวลาในประเทศไทย เพื่อประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด
นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดก็จะรอลุ้นผลการประมูลบอนด์ 10 ปี สหรัฐฯ ในช่วงเวลา 01.00 น. ซึ่งผลการประมูลดังกล่าวก็อาจส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของบอนด์ยีลด์ 10 ปี ในระยะสั้น ก่อนรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ได้
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
มองเห็นศักยภาพ! “บางจาก” เซ็น “โปรกอล์ฟเลือดใหม่” ลุยเวทีระดับโลก
กลุ่มบริษัทบางจากตอกย้ำนโยบาย “รังสรรค์โลกยั่งยืนด้วยนวัตกรรมสีเขียว” ด้วยการสนับสนุนนักกอล์ฟสายเลือดใหม่ ปาจรีย์ อนันต์นฤการ, พชร คงวัดใหม่, อาภิชญา ยุบล, จารวี บุญจันทร์, วรรษวัลย์ สังขพงษ์ รวมถึงนักกอล์ฟสมัครเล่นอนาคตไกล แอลล่า แกลิทสกีย์ สู่เวทีระดับโลกตลอดฤดูกาล 2024 โดยกลุ่มบางจากมองเห็นศักยภาพและเชื่อมั่นว่ากลุ่มนักกอล์ฟสายเลือดใหม่เหล่านี้จะสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยได้อย่างยั่งยืน
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), นายดาว์ปกรณ์ รัตนสุวรรณ และนายวิน อินธาระ 2 ตัวแทนฝ่ายดูแลนักกีฬา ร่วมกันเปิดเผยรายละเอียดการสนับสนุน ปาจรีย์ อนันต์นฤการ, พชร คงวัดใหม่, อาภิชญา ยุบล, จารวี บุญจันทร์, วรรษวัลย์ สังขพงษ์ และ แอลล่า แกลิทสกีย์ ของกลุ่มบริษัทบางจาก เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันระดับนานาชาติตลอดฤดูกาล 2024
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลอดเกือบ 4 ทศวรรษที่ผ่านมา บางจากฯ ให้ความสำคัญกับแนวทางการพัฒนานวัตกรรมธุรกิจอย่างยั่งยืนไปกับสิ่งแวดล้อมและสังคม เช่นเดียวกับกลุ่มนักกอล์ฟที่เราเลือกสนับสนุนล้วนเป็นนักกอล์ฟสายเลือดใหม่ ที่บางจากฯ มองเห็นศักยภาพรวมถึงความมุ่งมั่น และเชื่อว่าจะเป็นเมล็ดพันธุ์ทางการกีฬาที่จะเจริญเติบโตและสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติได้อย่างยั่งยืน
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช กล่าวว่า “บางจากฯ มีความภูมิใจที่ได้สนับสนุนนักกอล์ฟสายเลือดใหม่เหล่านี้ให้ยั่งยืนและเติบโตอย่างต่อเนื่องเหมือนอย่างที่เราเคยสร้างไว้แล้วกับวงการแบดมินตัน คำถามที่ว่าทำไมเราถึงเลือกสนับสนุนนักกอล์ฟเหล่านี้ เพราะเราต้องการสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กรุ่นใหม่ หลายคนที่เซ็นเข้ามาถึงจะเป็นเด็กหน้าใหม่ แต่เราต้องการสื่อว่าถึงจะเป็นหน้าใหม่ก็สามารถสร้างชื่อเสียงได้ อย่างกรณี แอลล่า ที่ยังเป็นนักกอล์ฟสมัครเล่น เราต้องการปั้นเขาตั้งแต่เด็กเหมือนกรณีของ เมย์ รัชนก และ แอลล่า ก็มีแนวโน้มที่จะก้าวขึ้นไปสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติได้ไม่ต่างกัน”
ทางด้าน นายดาว์ปกรณ์ รัตนสุวรรณ และ นายวิน อินธาระ 2 ตัวแทนที่ดูแลนักกีฬา ร่วมกันเปิดเผยว่า “ด้วยการสนับสนุนจากกลุ่มบางจาก ทางเราจะเป็นฝ่ายที่ขับเคลื่อนนักกีฬาเหล่านี้ให้มีโอกาส ส่งต่อทุกความพยายามของพวกเขาไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ เราต้องการสร้างคนในวงการกอล์ฟ และเริ่มต้นด้วยการพัฒนานักกอล์ฟระดับเยาวชน และตอนนี้ต่อยอดขึ้นมาในระดับนักกอล์ฟอาชีพ เป้าหมายของเราคือขับเคลื่อนบุคลากรวงการกอล์ฟของเราให้เติบโตอย่างถาวรและยั่งยืน ที่สำคัญคือพยายามพาพวกเขาไปสู่เป้าหมายที่วางไว้”
สำหรับนักกอล์ฟที่กลุ่มบางจากให้การสนับสนุนในครั้งนี้ ประกอบด้วย พชร คงวัดใหม่ แชมป์เอเชียนทัวร์ 1 รายการ วัย 24 ปี ที่เคยได้รับเชิญเข้าไปเล่นในลิฟกอล์ฟมาแล้ว, ปาจรีย์ อนันต์นฤการ แชมป์แอลพีจีเอทัวร์ 2 รายการ, สองนักกอล์ฟในแอลพีจีเอ จารวี บุญจันทร์ กับ อาภิชญา ยุบล เจ้าของ 2 เหรียญทองในเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่ประเทศจีน และ วรรษวัลย์ สังขพงษ์ ที่ซีซันที่ผ่านมาคว้าแชมป์ไทยแอลพีจีเอไป 2 รายการ รวมถึง แอลล่า แกลิทสกีย์ นักกอล์ฟสมัครเล่นวัย 17 ปี เจ้าของแชมป์วีเมนส์ อเมเจอร์ เอเชีย-แปซิฟิก 2023
พชร คงวัดใหม่ นักกอล์ฟวัย 24 ปี ที่เป็นนักกอล์ฟอายุน้อยที่สุดที่ชนะรายการระดับอาชีพตอนที่เขาคว้าแชมป์ออลไทยแลนด์ที่หัวหิน เมื่อปี 2013 ด้วยวัยเพียง 14 ปี ก่อนจะตัดสินใจเทิร์นโปรในปี 2014 ตลอดอาชีพคว้าแชมป์ไปแล้ว 10 รายการ ที่โดดเด่นที่สุดคือแชมป์เอเชียนทัวร์ที่ภูเก็ตเมื่อปี 2021 และเมื่อปี 2022 ที่ผ่านมาเคยเข้าไปร่วมเล่นในลิฟกอล์ฟลีกมาแล้ว
“ต้องขอขอบคุณ บางจาก ครับ สำหรับการสนับสนุนในครั้งนี้ ขอบคุณที่เชื่อมั่นในตัวผมให้ออกไปทำหน้าที่เป็นตัวแทนของประเทศไทย โดยมีสัญลักษณ์ของ บางจาก บนตัวผม นับเป็นเกียรติและภูมิใจมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ บางจาก ครับ ส่วนเป้าหมายในปี 2024 นี้นอกจากจะพยายามหาแชมป์ต่อไปให้ได้ในเอเชียนทัวร์ ยังมีโอลิมปิกที่ปารีส ถ้าได้เป็นตัวแทนประเทศไทยจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดครับ” พชร กล่าว
จารวี บุญจันทร์ นักกอล์ฟวัยวัย 24 ปี อดีตผู้เล่นมหาวิทยาลัยดุ๊ก เมื่อปี 2023 ที่ผ่านมาเป็นปีแรกที่เธอในเล่นแอลพีจีเอทัวร์แบบเต็มฤดูกาลเช่นเดียวกับ อาภิชญา ยุบล นักกอล์ฟสาววัย 21 ปี เจ้าของ 2 เหรียญทองในเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่ประเทศจีน ส่วนในระดับอาชีพ อาภิชญา เคยชนะเลดีส์ ยูโรเปียน ทัวร์ เมื่อปี 2022 ในการแข่งขันที่สกอตแลนด์
โปรเปียโน อาภิชญา เปิดเผยว่า “ปีที่ผ่านมาเป็นปีแรกที่เปียโนได้มีโอกาสออกไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในแอลพีจีเอทัวร์ในฐานะรุกกี้ ก็สามารถรักษาทัวร์การ์ดไว้ได้ตามเป้าหมาย ส่วนในปี 2024 อยากขยับขึ้นไปติดท็อป 60 ได้เล่นรายการเมเจอร์มากขึ้น ถ้ามีโอกาสก็อยากชนะแอลพีจีเอ การได้รับการสนับสนุนครั้งนี้ ทำให้เปียโนมีกำลังใจที่จะออกไปสู้กับปัญหาหรืออุปสรรคต่างๆ ต่อไป เรายังไม่มีผลงานในระดับโลก แต่ยังมีคนเชื่อมั่นในตัวเรา รู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวบางจาก ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ”
นอกจากนี้ยังมี ปาจรีย์ อนันต์นฤการ นักกอล์ฟสาววัย 24 ปี เจ้าของ 2 เหรียญทองซีเกมส์เมื่อปี 2016 ก่อนจะเทิร์นโปรในปี 2017 ด้วยวัย 18 ปี ปาจรีย์ เข้าไปเล่นในแอลพีจีเอทัวร์ในปี 2019 และชนะครั้งแรกในรายการไอเอสพีเอส ฮันดะ เวิลด์ อินวิเตชั่นแนล เมื่อปี 2021 และเมื่อปี 2023 ที่ผ่านมาเพิ่งคว้าแชมป์รายการที่สองในรายการแบงค์ ออฟ โฮป แอลพีจีเอ แมตช์เพลย์
ส่วน “โปรมิ้ม” วรรษวัลย์ สังขพงษ์ ที่มีความสามารถในหลายประเภทกีฬาและสุดท้ายมาจบที่กีฬากอล์ฟที่ส่งเธอไปเป็นผู้เล่นมหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนา สเตต เคยเล่นในระดับเลดีส์ ยูโรเปียนทัวร์ หรือ แอลอีที แต่ผลงานที่เด่นเมื่อปี 2023 ที่ผ่านมาคือการคว้าแชมป์ไทยแอลพีจีเอทัวร์ไปครอง 2 รายการ
สำหรับ แอลล่า แกลิทสกีย์ นักกอล์ฟสมัครเล่นวัย 17 ปี เจ้าของแชมป์วีเมนส์ อเมเจอร์ เอเชีย-แปซิฟิก 2023 ที่ประเทศสิงคโปร์ ที่ทำให้เธอเป็นนักกอล์ฟไทยคนที่สองในประวัติศาสตร์ที่สามารถคว้าแชมป์รายการนี้มาครองได้ นอกจากนั้น เธอยังเป็นหนึ่งในสมาชิกทีมชาติไทยชุดเหรียญทองกอล์ฟประเภททีมหญิง ในเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่ประเทศจีน ปลายปีที่ผ่านมา
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
สาเหตุของการเกิด “พฤติกรรมความรุนแรง”
พฤติกรรมความรุนแรง แสดงออกถึงความก้าวร้าว เช่น ด่าทอเสียดสี ทำร้ายร่างกาย รวมไปถึงการก่ออาชญากรรม อาจไม่ใช่อาการทางจิตเวชเสมอไป ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของพฤติกรรมส่วนบุคคล ต้องพิจารณาหลายด้านประกอบกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นพฤติกรรมความรุนแรงบางประเภทก็มีสาเหตุมาจากอาการทางจิตเวชได้
พฤติกรรมความรุนแรง มีสาเหตุมาจากอะไรภาวะทางอารมณ์
เกิดจากการถูกกดดัน หรือถูกรบกวนทางอารมณ์ ทำให้เกิดภาวะโกรธ หงุดหงิด บางรายอาจแสดงพฤติกรรมความรุนแรงออกมาได้ ซึ่งพฤติกรรมที่เกิดจากสาเหตุนี้ มักมีเป็นครั้งคราวไม่ใช่ทุกครั้ง และการแสดงออกไม่ถึงขั้นทำร้ายร่างกายผู้อื่น จึงไม่เป็นอันตราย สามารถเกิดได้กับคนทั่วไปไม่จำเป็นต้องป่วยเป็นโรค
โรคทางจิตเวช
ผู้ป่วยทางจิตเวชบางรายอาจแสดงพฤติกรรมความรุนแรงออกมาได้ในบางกรณี อาจมีสาเหตุมาจากการขาดยา ทำให้มีอาการหวาดระแวง ประสาทหลอน หรือในบางรายมีปัญหาทางด้านอารมณ์บางอย่าง เช่น อารมณ์หงุดหงิด อารมณ์ซึมเศร้า หากมีอาการมาก ๆ อาจส่งผลให้เกิดพฤติกรรมรุนแรงได้ รวมถึงโรคสมาธิสั้น ที่อาจทำให้หงุดหงิด และยับยั้งชั่งใจได้ยาก จึงแสดงออกในรูปแบบของพฤติกรรมความรุนแรง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นโรคจิตเวชก็ไม่ได้ส่งผลให้แสดงพฤติกรรมความรุนแรงเสมอไป
โรคทางกาย
การแสดงพฤติกรรมความรุนแรง อาจมีสาเหตุมาจากภาวะทางร่างกาย ยกตัวอย่าง ผู้ใช้สารเสพติด ได้รับสารที่ไปกระตุ้นอารมณ์ให้เปลี่ยนแปลงไปจากปกติ อาจทำให้เกิดอาการคล้ายโรคทางจิตเวช เช่น ประสาทหลอน ทำให้มีพฤติกรรมความรุนแรงเกิดขึ้นได้ หรืออาจเกิดจากโรคทางกายบางอย่าง เช่น โรคทางระบบประสาท ลมชักบางชนิด ที่ทำให้มีอาการพฤติกรรมความรุนแรง
พฤติกรรมความรุนแรง จะเกิดขึ้นกับใคร
- สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกวัย วัยรุ่นอาจมีความเสี่ยงสูง เนื่องจากมีความอยากลองทำอะไรเสี่ยง ๆ หรืออยากเป็นตัวของตัวเอง และมีการควบคุมหรือยับยั้งชั่งใจต่ำ
- กลุ่มคนที่มีความกดดันทางจิตใจบางอย่าง มักสะท้อนออกมาว่า ณ เวลานั้นมีความกดดันเกิดขึ้น และอยากต่อสู้หรือทำให้อีกฝ่ายรู้สึกถึงความอันตราย เหมือนเป็นการปกป้องตัวเอง
- กลุ่มคนที่เป็นโรคหรือภาวะบางอย่าง ทำให้สูญเสียการควบคุม
การรักษาพฤติกรรมความรุนแรง
วิเคราะห์ถึงปัจจัยที่ทำให้ก้าวร้าวรุนแรง ทั้งทางชีวภาพ ทางด้านจิตใจ และทางด้านสังคม จากนั้นประเมินความรุนแรงของอาการ ว่ามีการทำร้ายคนอื่นหรือไม่ บางรายพบว่าพันธุกรรมมีส่วนแต่ไม่เสมอไป หรือบางรายมีความกดดัน ความขัดข้องใจแล้วจัดการไม่เป็น ทำให้แสดงความก้าวร้าว นอกจากนี้ยังพบว่าบางรายมีการเลียนแบบจากสื่อ เป็นต้น จากนั้นทำการรักษาตามสาเหตุที่ทำให้เกิด
สื่อกับความรุนแรง สามารถทำให้เกิดอะไรขึ้นบ้าง
- พฤติกรรมเลียนแบบ เป็นที่ทราบกันว่าการเลียนแบบเป็นพฤติกรรมปกติของมนุษย์ ซึ่งมักจะทำตามสิ่งที่พบเห็นแทบทั้งสิ้น
- สร้างความหมายใหม่ของความรุนแรง เช่น การใช้ความรุนแรงเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ หากเหยื่อเป็นคนเลว การลงโทษด้วยความรุนแรงเป็นสิ่งที่ถูกต้อง และการแก้แค้นเป็นสิ่งที่น่าเชิดชู การกระทำรุนแรงต่อเพศหญิงเป็นเรื่องที่ทำได้
- ความชาชินที่มากขึ้น ในที่นี้หมายถึง เมื่อเรามีความชินมากขึ้น ก็จะมีผลทำให้เราเฉย ๆ ต่อการพบเห็นหรือกระทำความรุนแรง นอกจากนี้ความเคยชินยังมีผล ทำให้เรามีความเห็นอกเห็นใจต่อเหยื่อน้อยลง
- การเพิ่มความรู้สึกตื่นตัวและความยับยั้งชั่งใจลดลง หลายการศึกษาพบว่าสื่อที่มีความรุนแรง ยังมีผลให้สมองส่วนหน้า ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมความยับยั้งชั่งใจทำงานลดลง ซึ่งส่งผลให้มนุษย์สามารถทำความรุนแรงได้ง่ายขึ้นกว่าในภาวะปกติ
- การกระตุ้นรูปแบบความคิดเกี่ยวกับความรุนแรง มนุษย์จะมีรูปแบบการคิดบางอย่างเก็บไว้ในความจำ ซึ่งสามารถถูกกระตุ้นได้โดยสิ่งกระตุ้นบางอย่าง โดยที่คน ๆ นั้นอาจจะรู้ตัวหรือไม่ก็ได้ ส่งผลให้สิ่งกระตุ้นบางอย่างอาจจะถูกตีความ และกระตุ้นรูปแบบความคิดเกี่ยวกับความรุนแรงออกมาได้ เช่น บางคนเพียงแค่เห็นภาพอาวุธปืน ก็อาจกระตุ้นให้เกิดความคิด อารมณ์ หรือพฤติกรรมที่รุนแรงขึ้นมาได้ เป็นต้น
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
บทสนทนา+ศัพท์น่ารู้ที่ใช้ในร้านอาหาร
มีใครรู้สึกประหม่าเวลาจะสั่งอาหารในร้านอาหารเวลาไปเที่ยวหรือไปเรียนต่างประเทศบ้างคะ ไม่มั่นใจว่าจะใช้ศัพท์คำไหน เริ่มต้นประโยคยังไง แล้วจะสื่อสารถูกหรือเปล่า!!? วันนี้เราได้รวบรวมคำศัพท์ที่ควรรู้ และประโยคความที่คนส่วนมากนิยมใช้กันเวลาอยู่ในร้านอาหารมาฝากค่ะ!
ประโยคยอดนิยม ที่มักใช้ในร้านอาหาร
Do you have any tables available?
คุณมีโต๊ะว่างบ้างมั้ย ?
We are fully booked.
โต๊ะร้านเราเต็มหมดแล้ว
The restaurant is full now.
ร้านของเราเต็มแล้วค่ะ
I’d like to book a table, please.
ฉันต้องการจะจองโต๊ะล่วงหน้า
I’d like to make a reservation.
ฉันต้องการจะจองโต๊ะ
Do you have a reservation?
คุณได้จองโต๊ะไว้รึเปล่าครับ?
That table is already reserved.
โต๊ะนั้นมีคนจองแล้วค่ะ
I’ve got a reservation.
ผมจองเอาไว้แล้วครับ
Under what name?
ใช้ชื่ออะไรจองไว้ครับ?
Who’s the reservation for?
จองไว้ในนามของใครครับ ?
How many people?
กี่ท่านคะ ?
How many seats?
กี่ที่คะ ?
Table for…please.
ขอโต๊ะสำหรับ…(จำนวนคน)…คนค่ะ
Could you follow me, please.
เชิญเดินตามผมมาเลยครับ
Could I see the menu, please.
ขอเมนูหน่อยได้มั้ยคะ ?
What would you like to eat ?
คุณต้องการจะทานอะไรดีคะ?
Would you like to see the menu?
คุณต้องการเมนูมั้ยครับ?
Would you like to order now?
คุณต้องการจะสั่งอาหารเลยมั้ยครับ?
Are you ready to order?
คุณพร้อมที่จะสั่งอาหารเลยมั้ยคะ?
I’ll be back for your order in a moment.
อีกสักครู่ ดิฉันจะกลับมารับออเดอร์นะคะ
What do you have for today?
วันนี้มีอาหารอะไรบ้างคะ
What tasty dishes do you have?
ร้านนี้มีอาหารอร่อยแนะนำมั้ยครับ?
What’s the special menu for today?
วันนี้มีเมนูพิเศษมั้ยครับ?
Do you have any recommended dishes?
ร้านคุณมีรายการอาหารแนะนำบ้างมั้ยคะ?
Could you recommend something?
คุณช่วยแนะนำหน่อยได้มั้ยครับ?
Can I have…?
ฉันขอ…(ชื่ออาหาร) /เป็นประโยคสั่งอาหาร
This is not what I ordered.
ฉันไม่ได้สั่งจานนี้ค่ะ
Bill please.
คิดเงินด้วยครับ
Do you accept credit cards?
คุณรับบัตรเครดิตมั้ย?
Cash only.
รับเฉพาะเงินสดค่ะ
Please pay at the cashier.
ชำระเงินที่แคชเชียร์นะคะ
Here’s your change, sir.
เงินทอนครับ
คำศัพท์น่ารู้ในร้านอาหาร
Appetizer / Starter
อาหารเรียกน้ำย่อย
Main course
อาหารจานหลัก
Drink
เครื่องดื่ม
Dessert
ของหวาน
Tax
ภาษี
regional dish
อาหารพื้นบ้าน
Well-done
เนื้อสุก
raw
ดิบ
dish
จาน
tasty
รสชาติดี / อร่อย
reservation
จองโต๊ะ
recommend
แนะนำ
Cash
เงินสด
Pay
จ่าย
ขอบคุณข้อมูลจาก dailyenglish.in.th
ตอบชัดๆ เราจำเป็นต้อง “ปิดมือถือ” ในเวลากลางคืนหรือไม่
เคยสงสัยกันหรือไม่ว่าก่อนเข้านอนเรามักจะนำมือถือไปชาร์จไฟอยู่ แต่มันก็มีเรื่องให้คิดว่า ถ้าต้องชาร์จไฟทั้งที ทำไมเราไม่ปิดเครื่องไปเลยล่ะ แล้วจริงๆ เราควรจะปิดมือถือในเวลากลางคืนจริงไหม วันนี้ Sanook Hitech เรามีคำตอบครับ
ข้อดีของการปิดมือถือเวลากลางคืน
ช่วยรักษาสุขภาพตา
มีผลออกมาบอกว่าการจ้องหน้าจอเวลาที่มีแสงน้อยอาจจะมีผลเสียต่อดวงตาเช่นทำให้แสบตา, ตาแห้ง ปวดกระบอกตา ปวดศีรษะ สายตาไม่ชัด พร่ามัว หรือสายตาสั้นมากขึ้นอย่างรวดเร็ว และอาจจะเป็นโรคต้อหินได้ ดังนั้นการปิดมือถือหรือเลยก็เป็นผลดีต่อการทำให้สุขภาพของตาอยู่ได้นานขึ้น
ช่วยให้หลับง่าย
นอกจากเรื่องของสุขภาพตาแล้ว การที่เราปิดมือถือนอกจากจะไม่ทำให้เครื่องรบกวนเราเวลานอนแล้ว จะทำให้เราหลับได้ง่ายขึ้นและตื่นเช้าขึ้นมาสดใสได้
ระบบชาร์จไฟทำงานดีขึ้น
การที่มือถือไม่มีภารงานก็จะทำให้ระบบชาร์จไฟของเครื่องนั้นทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ แต่อย่าลืมว่าบางเครื่องหากปิดแล้วจะชาร์จไฟมันจะตื่น โดยเฉพาะ iPhone ดังนั้นถ้าปิดเครื่องไม่ได้แต่ไม่อยากให้มือถือกวนเวลานอน ลองเปิด Do Not Disturb ก่อนที่จะนอน หรือตั้งระบบ อัตโนมัติที่มือถือบางรุ่นก็ทำได้แล้ว
ข้อเสียของการปิดมือถือในเวลานอน มันคงจะเป็นเรื่องของการพลาดสายสำคัญหากมีการโทรมาตอนเช้าและถ้าใครนำมือถือมาเป็นนาฬิกาปลุกเครื่องอาจจะไม่ทำงานก็เช่นเดียวกัน
ดังนั้น วิธีการที่งานที่สุดหากจำเป็นต้องเปิดมือถือในเวลาคืนและไม่อยากให้รบกวน คือ
- เปิดโหมดถนอมสายตา
- เปิดระบบห้ามรบกวน
จะเป็นการดีที่สุด และควรปรับแสงให้เหมาะสมและลดการใช้ในที่มือพักสายตาทุกๆ 20 – 30 นาที และถ้าปิดมือถือก็ควรปิดก่อนนอน 30 นาทีเพื่อให้ร่างกายพร้อมที่จะนอนนะครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
“ผักงูเขียว” คืออะไร พร้อมบอกวิธีทำเมนูฮิตจาก TikTok
รู้หรือไม่ว่า! ผักงูเขียว, ผักก๊งฉ่าย และผักกาดหอมของจีน ทั้งสามอย่างนี้ ล้วนเป็นผักชนิดเดียวกัน ซึ่งช่วงนี้ในแอปชื่อดังอย่าง TikTok นิยมกันเป็นอย่างมาก เพราะด้วยความกรุบกรอบเคี้ยวเพลิน คนเลยชอบกัน โดยในประเทศไทยของเรานิยมนำมาทำเป็นเมนู ตำ หรือ ยำแซ่บ ๆ เผ็ดๆ น้ำปลาร้านัว ๆ
ซึ่งในบทความนี้ เราจะพาทุกคน ไปทำความรู้จักกับผักชนิดนี้กัน และ บอกสูตรวิธีการทำตำผักงูเขียว เมนูฮิตจาก TikTok บอกเลยว่าสายแซ่บห้ามพลาด จดสูตรแล้วลองไปทำตามกันน้าาา เริ่มเลยย!
ผักงูเขียว คืออะไร
“ผักงูเขียว” ชื่อของมันอาจจะดูน่ากลัว แต่แท้จริงผักชนิดนี้ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ผักชนิดนี้คนจีนเรียกว่า “ผักก๊งฉ่าย” หรืออีกชื่อหนึ่งคือ “ผักกาดหอมของจีน” ผักชนิดนี้เป็นพืชเมืองหนาวที่สามารถพบได้ในเชิงเขาชางซาน เมืองต้าหลี่ มณฑลยูนนาน ประเทศจีน ลำต้นมีลักษณะเรียวยาวทรงกระบอก สามารถนำมากินสด ๆ หรือนำไปประกอบอาหารได้เลย
ซึ่งวิธีการทำจะปอกเปลือกของลำต้นแล้วนำมากรีดเป็นเส้น ๆ ยาว ๆ ลักษณะของเนื้อข้างในจะเป็นสีเขียว อีกอย่าง ผักชนิดนี้สามารถถนอมอาหารโดยการนำไปตากให้แห้ง หากจะนำมาประกอบอาหารต้องแช่น้ำก่อน ประมาณสามชั่วโมง แล้วมันจะพองตัวคล้ายกับงูสีเขียว ที่ไทยจึงเรียกว่าผักงูเขียวนั่นเอง
รสชาติ และ ประโยชน์ของผักงูเขียว
เนื้อสัมผัสของผักงูเขียวจะกรุบ ๆ กรอบ ๆ รสชาติจืด ทั้งยังมีวิตามินอี และ คุณค่าทางอาหารสูง ช่วยให้กระเพาะอาหารแข็งแรงขึ้น ,ลดอาการท้องอืด ,ปรับสมดุลความดันเลือด ,ทำให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก ,ขับปัสสาวะ ,ขับความร้อนในร่างกาย และ ขับสารพิษได้อีกด้วย
ผักงูเขียวสามารถทำเมนูอะไรได้บ้าง
ผักก๊งฉ่ายสามารถกินได้แบบไม่ต้องปรุงสุก หรืออาจจะต้ม ยำ ผัด ลวก ซึ่งส่วนใหญ่ในไทยเราจะนิยมนำมาประกอบอาหาร เช่น ส้มตำ (ใช้แทนเส้นมะละกอ) ,ยำ ,หม่าล่า ,ชาบู หรือ อาหารเมนูอื่น ๆ
สูตร ตำผักงูเขียว สุดแซ่บ
วัตถุดิบในการทำตำผักงูเขียว
- ก๊งฉ่าย (ผักงูเขียว)
- กุ้งสด หรือ กุ้งสุก
- น้ำตาลปี๊บ
- พริกแดงจินดา
- กระเทียม
- น้ำปลาร้า
- พริกแห้ง
- ผงนัว
- มะเขือเทศ
- มะนาว
วิธีการทำตำผักงูเขียว
- เตรียมอุปกรณ์ในการทำส้มตำให้พร้อม แล้วใส่กระเทียม, พริกแห้ง, พริกแดงจินดา จากนั้นก็ตำให้พริกแตก ไม่ต้องละเอียดมาก
- ใส่ผงนัว, น้ำตาลปี๊บ, มะเขือเทศ, บีบมะนาวลงไป แล้วใส่น้ำปลาร้า จากนั้นคลุกเคล้าให้เข้ากัน
- ใส่กุ้งสด หรือกุ้งสุก และไอเทมลับอย่างก๊งฉ่าย (ผักงูเขียว) ซึ่งขาดไม่ได้ จากนั้นก็ตำแล้วพร้อมเสิร์ฟ
เป็นอย่างไรบ้างกับเมนูตำสูตรเด็ดที่ทำมาจากผักงูเขียว นอกจากจะกินแล้วฟินกับความกรุบกรอบของมัน ยังสามารถนำไปประกอบอาหารในเมนูได้หลากหลายเมนู แล้วเมนูสุดแซ่บซี๊ดชวนน้ำลายสออย่าง “ตำผักงูเขียว” นั้นพลาดไม่ได้ที่จะต้องลองชิม! เมื่อเห็นอย่างนี้แล้ว อย่าลืมลองไปทำตามที่บ้านดูนะ!!
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 10/01/2567
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 33,600.00 | 33,700.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,176.00 | 32,988.16 | 34,200.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,958.40 | 29,689.34 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,740.80 | 26,390.53 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 979.00 | 14,841.64 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 762.00 | 11,551.92 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,255.00 | 34,185.80 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 10/01/2567
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 34.75 | 34.75 | 35.25 | 34.75 | 34.75 | 34.75 | 34.75 | 34.75 | 34.75 | 34.75 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 32.98 | 32.98 | 33.48 | 32.98 | 32.98 | 32.98 | 32.98 | 32.98 | 32.98 | 32.98 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 32.64 | 32.64 | 33.14 | 32.64 | 32.64 | – | 32.64 | 32.64 | 32.64 | 32.64 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 32.79 | 32.79 | – | – | – | – | – | – | – | 32.79 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 42.14 | 46.74 | 48.24 | 46.74 | – | – | – | – | – | 42.14 |
เบนซิน 95 | 42.64 | – | – | – | 43.81 | – | 43.14 | 42.79 | – | 42.64 |
ดีเซล B7 | 29.94 | 29.94 | 30.24 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล | 29.94 | 29.94 | – | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล B20 | 29.94 | 29.94 | – | – | 29.94 | – | – | – | – | 29.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 41.54 | 43.64 | 45.94 | 43.64 | 43.64 | – | – | – | – | 41.54 |
แก๊ส NGV | 19.59 | 19.59 | – | – | – | – | – | – | – | 19.59 |