สาระน่ารู้ประจำวันที่ 10 กรกฎาคม 2567

โครงการบ้าน-คอนโด เพื่อข้าราชการ กบข. สินเชื่อบ้านบุคลากรภาครัฐ-สาธารณสุข

ธอส. ร่วมงาน Happy Money Expo จัดโครงการ “บ้านเพื่อข้าราชการ” สมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ที่อยากมีบ้าน – คอนโดมิเนียม พร้อมด้วยสินเชื่อที่อยู่อาศัยบุคลากรภาครัฐ 2567 และโครงการ Life Begins with GHB สำหรับบุคลากรสังกัดกระทรวงสาธารณสุข โดยมีดอกเบี้ย 0% นาน 1 ปี

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธอส. ร่วมงานมหกรรมความสุขทางการเงิน : Happy Money Expo จัดโครงการ “บ้านเพื่อข้าราชการ” ที่ยังรับราชการอยู่และเป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ที่ต้องการซื้อบ้าน หรือคอนโดมิเนียม พร้อมด้วยสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อบุคลากรภาครัฐ ปี 2567 และโครงการ Life Begins with GHB  สำหรับบุคลากรสังกัดกระทรวงสาธารณสุข โดยมีดอกเบี้ย 0% นาน 1 ปี

โครงการบ้าน ธอส.


1. โครงการบ้าน ธอส. – กบข. เพื่อที่อยู่อาศัยข้าราชการ ครั้งที่ 15 : สำหรับข้าราชการที่ยังรับราชการอยู่และเป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ที่ต้องการซื้อบ้าน หรือห้องชุด (คอนโดมิเนียม) ปลูกสร้าง ต่อเติม ซ่อมแซม ซื้อที่ดินเปล่าที่เป็นทรัพย์ NPA ของ ธอส. ไถ่ถอนจำนองจากสถาบันการเงินอื่น (รีไฟแนนซ์) และชำระหนี้เกี่ยวกับที่อยู่อาศัย 

อัตราดอกเบี้ย

อัตราดอกเบี้ย 0% ในช่วง 1 ปีแรก, ปีที่ 2 เท่ากับ MRR-2.75% ต่อปี หรือเท่ากับ 3.795% ต่อปี, ปีที่ 3 เท่ากับ MRR-1.75% ต่อปี หรือเท่ากับ 4.795% ต่อปี (อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกเพียง 2.863% ต่อปี) ปีที่ 4 จนถึงตลอดอายุสัญญา 
เท่ากับ MRR-1.25% ต่อปี หรือเท่ากับ 5.295% ต่อปี (อัตราดอกเบี้ย MRR ของ ธอส. ปัจจุบันอยู่ที่ 6.545% ต่อปี)

กรณีกู้ 1 ล้านบาท ระยะเวลาผ่อนชำระนาน 40 ปี ผ่อนชำระปีแรกเริ่มต้นเพียงเดือนละ 4,700 บาท

2. โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อบุคลากรภาครัฐ ปี 2567 : สำหรับบุคลากรสาธารณสุข ที่ต้องการซื้อบ้านหรือห้องชุด (คอนโดมิเนียม) ปลูกสร้าง ต่อเติม ซ่อมแซม ไถ่ถอนจำนองจากสถาบันการเงินอื่น (รีไฟแนนซ์) และชำระหนี้เกี่ยวกับที่อยู่อาศัย 

อัตราดอกเบี้ย

โดยอัตราดอกเบี้ย ปีที่ 1 เท่ากับ 2.90% ต่อปี, ปีที่ 2 เท่ากับ 3.75% ต่อปี, ปีที่ 3 เท่ากับ 3.90% ต่อปี (อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก เท่ากับ 3.516% ต่อปี) ปีที่ 4-6 เท่ากับ MRR-2.75% ต่อปี หรือ เท่ากับ 3.795% ต่อปี, ปีที่ 7 จนถึงตลอดอายุสัญญา 
เท่ากับ MRR-2.00% ต่อปี หรือ เท่ากับ 4.545% ต่อปี

กรณีกู้ 1 ล้านบาท ระยะเวลาผ่อนชำระนาน 40 ปี ผ่อนชำระปีแรกเริ่มต้นเพียงเดือนละ 3,600 บาท

3. โครงการ Life Begins with GHB : สำหรับสมาชิกสภา/สมาคม วิชาชีพ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ที่ต้องการกู้เพื่อซื้อ ปลูกสร้าง ไถ่ถอนจากสถาบันการเงินอื่น (รีไฟแนนซ์) ซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย และชำระหนี้เกี่ยวกับที่อยู่อาศัย

อัตราดอกเบี้ย

ตราดอกเบี้ยปีที่ 1 เท่ากับ 1.99% ต่อปี, ปีที่ 2 เท่ากับ 2.99% ต่อปี, ปีที่ 3 เท่ากับ 3.99% ต่อปี (อัตราเฉลี่ยอัตราดอกเบี้ย 3 ปีแรก เท่ากับ 2.99% ต่อปี) และปีที่ 4 จนถึงตลอดอายุสัญญา กรณีลูกค้าสวัสดิการ เท่ากับ MRR-1.00% ต่อปี หรือ เท่ากับ 5.545% ต่อปี, กรณีลูกค้ารายย่อย เท่ากับ MRR-0.50% ต่อปี หรือ เท่ากับ 6.045% ต่อปี และกรณีซื้ออุปกรณ์/ชำระหนี้เกี่ยวกับที่อยู่อาศัย เท่ากับ MRR หรือ เท่ากับ 6.545% ต่อปี 

กรณีกู้ 1 ล้านบาท ระยะเวลาผ่อนชำระนาน 40 ปี ผ่อนชำระปีแรกเริ่มต้นเพียงเดือนละ 3,300 บาท 

ระยะเวลาการยื่นกู้

  • ทำนิติกรรมภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2567

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส.ทุกสาขาทั่วประเทศ www.ghbank.co.th โทร.0-2645-9000

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


กฏเข้มสคบ.ทุบซ้ำอสังหาฯ คุมสัญญาจองซื้อคอนโด กู้ไม่ผ่านต้องคืนเงินจอง

กฏเข้มสคบ.ทุบซ้ำตลาดอสังหาฯ จองซื้อคอนโดอยู่ในข่ายควบคุมสัญญา กู้ไม่ผ่านคืนเงินจอง สมาคมอาคารชุดไทยร่อนหนังสือขอทบทวน ด้านสคบ.ย้ำเป็นเรื่องจำเป็น

สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับ “การคุ้มครองผู้บริโภคและการกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจด้านสัญญา ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522” พร้อมทั้งเปิดเผยร่างแบบสัญญามาตรฐานสัญญาจองซื้อห้องชุด และร่างประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่องให้ธุรกิจการขายห้องชุดที่มีการจองเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา
ล่าสุด สมาคมอาคารชุดไทยได้ส่งจดหมายถึง สคบ. แสดงความไม่เห็นด้วยต่อร่างประกาศดังกล่าว โดยระบุว่ามีข้อกำหนดหลายประการที่เป็นภาระเกินสมควรต่อผู้ประกอบการ และอาจส่งผลกระทบในวงกว้างต่อภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของประเทศ
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคารชุดไทย ได้ระบุในจดหมายว่า ร่างสัญญามาตรฐานที่เสนอมานั้นมีการควบคุมมากเกินไป ไม่สอดคล้องกับวิธีปฏิบัติในปัจจุบันของผู้ประกอบการ และอาจเปิดช่องว่างให้เกิดการเก็งกำไรได้ ตัวอย่างเช่น การกำหนดให้ระบุเลขที่สัญญาแบบเดิมที่ไม่สอดคล้องกับระบบปัจจุบัน การใช้คำว่า “หมายเลขห้องชุด” ในขณะที่ยังไม่มีการออกเลขที่ห้องชุดอย่างเป็นทางการ และการระบุรายละเอียดวัสดุอุปกรณ์ในสัญญาจองซื้อซึ่งควรเป็นเอกสารแนบท้ายสัญญาจะซื้อจะขายมากกว่า

นอกจากนี้ สมาคมฯ ยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับการแจ้งกำหนดเวลาที่จะได้รับใบอนุญาตก่อสร้าง ซึ่งเป็นปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของหน่วยงานราชการ และอาจทำให้ผู้ประกอบการผิดสัญญาโดยไม่ใช่ความผิดจากตนเอง รวมถึงการกำหนดให้เงินที่ผู้บริโภคชำระในสัญญาจองซื้อไม่ถือเป็นเงินมัดจำ ซึ่งอาจขัดกับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 377 และประเด็นเรื่องการกำหนดราคาห้องชุดรวมภาษีมูลค่าเพิ่มก็เป็นอีกจุดที่สมาคมฯ เห็นว่าไม่ถูกต้อง เนื่องจากการซื้อขายห้องชุดไม่ได้อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม

ทางสมาคมฯ ยังไม่เห็นด้วยกับการกำหนดให้ผู้ประกอบการต้องได้รับความยินยอมจากผู้บริโภคทุกครั้งที่มีการแก้ไขรายละเอียดโครงการ แม้จะเป็นการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย รวมถึงการกำหนดให้คืนเงินทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ยเมื่อมีการบอกเลิกสัญญา ซึ่งอาจเปิดช่องให้มีการเก็งกำไรโดยไม่คำนึงถึงค่าใช้จ่ายที่ผู้ประกอบการได้ดำเนินการไปแล้ว ขั้นตอนการบอกเลิกสัญญาที่ซับซ้อนและใช้เวลานานถึง 60 วัน แม้ผู้ประกอบการไม่ได้เป็นฝ่ายผิดสัญญา
สมาคมอาคารชุดไทยได้เสนอให้มีการปรับปรุงร่างประกาศในหลายประเด็น เช่น การกำหนดคำนิยามที่ชัดเจนสำหรับ “การเปลี่ยนแปลงในสาระสำคัญ” ของโครงการ การพิจารณาให้ผู้ประกอบการสามารถเรียกเก็บค่าโอนสิทธิการจองซื้อห้องชุดได้ในบางกรณีเพื่อป้องกันการเก็งกำไร และการปรับปรุงข้อกำหนดเกี่ยวกับการส่งมอบสัญญาจองซื้อให้สอดคล้องกับขั้นตอนการปฏิบัติงานจริงของผู้ประกอบการ นอกจากนี้ ยังเสนอให้มีการพิจารณาเพิ่มบทเฉพาะกาลเพื่อไม่ให้ประกาศมีผลบังคับใช้ย้อนหลัง

สมาคมฯ เน้นย้ำว่าการออกประกาศควบคุมสัญญาจองซื้อห้องชุดในลักษณะนี้อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการ และอาจนำไปสู่ปัญหาในภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ เช่น การเก็งกำไรที่อาจทำให้ราคาห้องชุดสูงขึ้น หรือการชะลอการพัฒนาโครงการใหม่ๆ เนื่องจากความเสี่ยงและภาระที่เพิ่มขึ้น จึงเรียกร้องให้ สคบ. พิจารณาทบทวนร่างประกาศดังกล่าว โดยคำนึงถึงความเป็นธรรมทั้งต่อผู้บริโภคและผู้ประกอบการ ตลอดจนผลกระทบต่อภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และเศรษฐกิจของประเทศ

ทั้งนี้ สมาคมอาคารชุดไทยยังคงยืนยันว่าเห็นด้วยกับเจตนารมณ์ของ สคบ. ที่ต้องการคุ้มครองสิทธิ์ผู้บริโภค แต่ขอให้มีการพิจารณาถึงความสมดุลและความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทุกฝ่าย อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความชัดเจนว่า สคบ.จะมีการปรับปรุงร่างประกาศตามข้อเสนอของสมาคมอาคารชุดไทยหรือไม่ คาดว่าจะมีการพิจารณาและหารือเพิ่มเติมในประเด็นต่างๆ ต่อไป เพื่อหาจุดสมดุลระหว่างการคุ้มครองผู้บริโภคและการส่งเสริมการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของประเทศ คาดว่าจะมีการพิจารณาและหารือเพิ่มเติมในประเด็นต่างๆ ก่อนที่จะมีการประกาศใช้จริงในอนาคต ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการควรติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิดต่อไป

อย่างไรก็ตาม นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ได้เปิดเผยกับทางฐานเศรษฐกิจว่า ขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงศึกษาเกี่ยวกับร่างประกาศสคบ. เพิ่มเติม ทั้งยังอยูระหว่างการรวบรวความคิดเห็นจากผู้ประกอบการรายอื่นๆ ด้านสคบ. เอง ก็ยังอยู่ระหว่างเปิดรับฟังความคิดเห็นเพื่อนำไปพิจารณา ทั้งนี้ก็เพื่อความสมดุลและยุติธรรมกับบริโภคและผู้ประกอบการทั้งสองฝ่าย
ประเด็นนี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายในการสร้างความสมดุลระหว่างการคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภคและการส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในภาคส่วนสำคัญของเศรษฐกิจไทย การหาจุดยืนที่เหมาะสมระหว่างทั้งสองฝ่ายจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการ รวมถึงการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว

แหล่งข่าวจากวงการอสังหาฯระบุว่า ร่างกฎระเบียบ สคบ. ห้ามผู้ประกอบการยึดเงินมัดจำหากผู้ซื้อไม่ผ่านการพิจารณาสินเชื่อจากสถาบันการเงิน  มองว่าจะสนับสนุนให้ผู้ซื้อ ยื้อการโอนกรรมสิทธิ์ หรือ เปลี่ยนใจไปซื้อโครงการจากค่ายอื่น และอาจเปิดช่องให้เกิดการเก็งกำไร อย่างไรก็ตามควรให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่ายเพราะปัจจุบันการขายค่อนข้างช้าผู้ประกอบการส่วนใหญ่มักออกแคมเปญจูงใจ กู้ไม่ผ่านคืนเงินจองอยู่แล้ว
ด้านนายธสรณ์อัฑฒ์ ธนิทธิพันธ์ เลขาธิการ สคบ.กล่าวว่า  การจองซื้อห้องชุด ต้องอยู่ในข่ายควบคุมสัญญา มองว่าเป็นเรื่องจำเป็น เพราะในแต่ละวันมีเหตุร้องเรียนเข้ามาจำนวนมากสำหรับการซื้อที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะการยึดเงินจอง เงินทำสัญญาเมื่อผู้บริโภคกู้ไม่ผ่าน

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 10ก.ค. “ทรงตัว” ที่ระดับ 36.39 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.35-36.55 บาท/ดอลลาร์ ผู้เล่นในตลาดยังคงรอติดตามถ้อยแถลงของประธานเฟดต่อสภาคองเกรส พร้อมรอประเมินแนวโน้มดอกเบี้ยของฝั่งอังกฤษ และรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจจีน

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 10ก.ค. “ทรงตัว” ที่ระดับ  36.39 บาทต่อดอลลาร์ “ทรงตัว ไม่เปลี่ยนแปลง”จากระดับปิดวันก่อนหน้า

นายพูน  พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า ผู้เล่นในตลาดยังคงรอรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยเฉพาะรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ เพื่อให้มั่นใจว่า แนวโน้มเงินเฟ้อสหรัฐฯ จะชะลอตัวลงต่อเนื่องได้ จนทำให้เฟดสามารถทยอยลดดอกเบี้ยได้ราว 2 ครั้งในปีนี้ ตามที่ตลาดกำลังคาดหวังอยู่ ทำให้ เงินบาทอาจแกว่งตัวในกรอบ sideways แถวโซน 36.40-36.50 บาทต่อดอลลาร์ ไปก่อน

 อย่างไรก็ดี ควรระวังความผันผวนของเงินหยวนจีน (CNY) ในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลอัตราเงินเฟ้อ CPI ของจีน (ในช่วงราว 8.30 น. ตามเวลาประเทศไทย) ซึ่งหากข้อมูลดังกล่าวยังคงสะท้อนภาพการใช้จ่าย การบริโภคในจีนที่ยังคงซบเซา ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดยังคงมีความกังวลต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน

กดดันให้เงินหยวนจีนมีโอกาสผันผวนอ่อนค่าลงได้บ้าง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเงินบาทและสกุลเงินเอเชียอื่นๆ ได้บ้าง ทั้งนี้ เงินบาทอาจไม่ได้อ่อนค่าไปมาก ตราบใดที่ ราคาทองคำไม่ได้ปรับตัวลดลงต่อเนื่องชัดเจน รวมถึงตลาดหุ้นไทยยังคงแกว่งตัว sideways หรือปรับตัวขึ้นต่อได้บ้าง ซึ่งจะช่วยชะลอแรงขายสินทรัพย์ไทยจากบรรดานักลงทุนต่างชาติ

เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทยังมีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวนไปตาม การเปลี่ยนแปลงไปมาของปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางค่าเงินบาท อย่าง มุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ทำให้ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.35-36.55 บาท/ดอลลาร์

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ sideways (แกว่งตัวในช่วง 36.37-36.48 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะผันผวนอ่อนค่าลงเกือบทดสอบโซนแนวต้าน 36.50 บาทต่อดอลลาร์

ตามการปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หลังถ้อยแถลงของประธานเฟด Jerome Powell ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากถ้อยแถลงในช่วงก่อนหน้า ซึ่งประธานเฟดยังคงย้ำว่า เฟดยังรอความชัดเจนของแนวโน้มเงินเฟ้อ

ขณะเดียวกันประธานเฟดก็มองเห็นถึงความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้น หากเฟดใช้นโยบายการเงินที่ตึงตัวนานเกินไป ทั้งนี้ ผู้เล่นในตลาดประเมินว่า ถ้อยแถลงของประธานเฟดไม่ได้มีความ Dovish มากขึ้นจากช่วงที่ผ่านมา ทำให้ผู้เล่นในตลาดยังคงประเมินว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้ในปีนี้ ราว 2 ครั้ง และ

มีโอกาสราว 76% ที่เฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายน (จาก CME FedWatch Tool ล่าสุด) อย่างไรก็ดี เงินบาทสามารถแข็งค่าขึ้นได้บ้าง หลังราคาทองคำพลิกกลับมารีบาวด์ขึ้น ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยขายทำกำไรทองคำออกมาบ้าง และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาท

แม้ว่าถ้อยแถลงของประธานเฟดจะไม่ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด ทว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังพอได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่

โดยเฉพาะ Nvidia +2.5% ตามการปรับเป้าราคาขึ้นของนักวิเคราะห์ จากความหวังว่า ผลประกอบการของ Nvidia จะมีแนวโน้มเติบโตได้ดี ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มอื่นๆ โดยรวมทรงตัว เพื่อรอลุ้นรายงานผลประกอบการ ทำให้โดยรวมดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวขึ้น +0.14% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาดเพียง +0.07%

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่อง -0.90% กดดันโดยแรงขายหุ้นฝรั่งเศส ท่ามกลางความกังวลสถานการณ์การเมืองฝรั่งเศส นอกจากนี้ หุ้นบางส่วนยังเผชิญแรงกดดันจากการประกาศคาดการณ์ผลประกอบการที่ลดลงและแย่กว่าที่ตลาดได้ประเมินไว้ อาทิ Dassault Systems -5.2%, BP -4.3%

ในส่วนตลาดบอนด์ ถ้อยแถลงของประธานเฟดที่ไม่ได้ส่งสัญญาณต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดที่ชัดเจน ยังคงส่งผลให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ แกว่งตัว sideways แถวโซน 4.30% ซึ่งเรามองว่า ผู้เล่นในตลาดอาจรอจับตารายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ก่อนที่จะปรับเปลี่ยนมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดและปรับสถานะถือครองบอนด์ที่ชัดเจนอีกครั้ง

อย่างไรก็ดี บอนด์ยีลด์ระยะยาวก็มีโอกาสผันผวนสูงขึ้น หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด หรือ อัตราเงินเฟ้อไม่ได้ชะลอลงตามคาด กอปรกับ ผู้เล่นในตลาดก็อาจยังคงมีความกังวลต่อนโยบายเศรษฐกิจของโดนัลด์ ทรัมป์ หากสามารถคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีได้ ทว่า เราคงมุมมองเดิม เน้นกลยุทธ์ “Buy on Dip” บอนด์ระยะยาว ในจังหวะที่บอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้น

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ทยอยแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยเฉพาะเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ก็เผชิญแรงกดดันจากจังหวะปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ส่วนเงินยูโร (EUR) ก็ยังถูกกดดันจากความกังวลสถานการณ์การเมืองฝรั่งเศส ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ทยอยปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 105.1 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 104.9-105.2 จุด)

ในส่วนของราคาทองคำ จังหวะการปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ในช่วงแรกของการทยอยรับรู้ถ้อยแถลงของประธานเฟด ได้กดดันให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค.) ย่อตัวลงบ้าง ทว่ามุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ยังคงเชื่อว่าเฟดจะสามารถลดดอกเบี้ยได้ราว 2 ครั้งในปีนี้ ยังคงช่วยหนุนให้ราคาทองคำรีบาวด์ขึ้นกลับสู่ระดับ 2,370 ดอลลาร์ต่อออนซ์

สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะยังคงรอติดตามถ้อยแถลงของประธานเฟดต่อสภาคองเกรส ซึ่งเราประเมินว่า อาจไม่ได้มีความแตกต่างจากถ้อยแถลงของประธานเฟดต่อสภาคองเกรสในวันก่อนหน้า ส่วนในฝั่งอังกฤษ ผู้เล่นในตลาดก็จะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) เพื่อรอประเมินแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายของ BOE และจังหวะการลดดอกเบี้ยที่อาจเกิดขึ้นในปีนี้

ส่วนทางฝั่งเอเชีย ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจจีน ผ่านรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI และดัชนีราคาผู้ผลิต PPI เดือนมิถุนายน พร้อมจับตาผลการประชุมธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) ซึ่งคาดว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 5.50% 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


เทควันโด มั่นใจ 3 จอมเตะไทยสร้างชื่ออลป. “เทนนิส” ประเดิม 7 ส.ค.นี้

เทควันโด มั่นใจจอมเตะไทยมีเหรียญรางวัลโอลิมปิก เผย “พาณิภัค” เจ็บเล็กน้อยเชื่อหายทันส่ง 3 จอมเตะซ้อมที่อังกฤษ 10 วัน โดย “เทนนิส” ประเดิมลงสนามวันที่ 7 ส.ค.นี้

สมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย เปิดศูนย์ฝึกเทควันโด ภายในการกีฬาแห่งประะเทศไทย (กกท.) เมื่อ 8 ก.ค.67 ให้สื่อมวลชน เข้าเก็บภาพการฝึกซ้อมของ 3 จอมเตะไทยชุดทำศึกโอลิมปิกเกมส์ 2024 ก่อนมีคิวเดินทางไปเก็บตัวที่ประเทศอังกฤษ 

ในโอกาสนี้ “บิ๊กเอ” ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย ร่วมเดินทางมาชมการฝึกซ้อม ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ที่ผ่านมานักกีฬาทั้ง 3 คน ฝึกซ้อมอย่างหนัก อย่าง พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ อาการบาดเจ็บเล็กน้อยโดยเจ็บที่ข้อเท้า แต่ก็เชื่อว่าจะให้ทันช่วงแข่งขันที่ปารีส โดยในวันที่ 21 ก.ค.นี้ นักกีฬา 3 คนพร้อมโค้ช จะเดินทางไปเก็บตัวที่อังกฤษ 10 วัน เพื่อปรับตัวกับสภาพอากาศ เวลา และอาหาร ก่อนเดินทางเข้าฝรั่งเศส ในวันที่ 1 ส.ค.นี้ ซึ่งตนเองก็จะเดินทางไปด้วย โดยระหว่างการฝึกซ้อมที่อังกฤษ จะปักหลักฝึกซ้อมที่ค่ายมวยไทย ในเมืองเรดดิ้ง ซึ่งก็จะซ้อมได้เต็มที่ กว่าเดินทางไปฝึกซ้อมที่ฝรั่งเศส ซึ่งต้องไปแชร์สนามฝึกซ้อมกับนักกีฬาชาติอื่นๆ

“ถึงตอนนี้นักกีฬาก็มีความเครียด  และความกดดันบ้างเป็นธรรมดา เพราะมีภารกิจและต้องทำหน้าที่ ในโอลิมปิกเกมส์ ซึ่งผมได้บอกกับนักกีฬาว่า อย่าเครียด แต่กดดันตัวเองมากจนเกินไป และอยากให้ลงสนาม ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ทำให้ได้ตามที่ฝึกซ้อม ส่วนความคาดหวัง ยังเชื่อว่าจะมีเหรียญรางวัล ด้านเหรียญทองถามว่าเป็นไปได้ไหม ก็ต้องบอกว่าเป็นไปได้มาก เพราะดูจากอันดับโลก ผลงาน อย่างในรุ่น ของ พาณิภัค เจ้าตัวเป็นเบอร์หนึ่งของโลก ในรุ่น 49 กก.หญิง ส่วนบัลลังก์ และศศิกานต์ อาจจะเป็นโอลิมปิกเกมส์ครั้งแรก แต่ฝีมือของทั้งคู่ก็ไม่ธรรมดา เพราะมีดีกรี ระดับรองแชมป์โลก, แชมป์เอเชียนเกมส์ และแชมป์ม.โลก อย่าเชื่อลึกๆว่า ทั้งสองคนก็มีโอกาสลุ้นเหรียญเช่นกัน” 

ด้าน “โค้ชเช” ชัชชัย เช หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติ เผยว่า ที่ผ่านมานักกีฬาทั้ง 3 คนฝึกซ้อมหนักมาก ทำให้แต่ละคนมีอาการบาดเจ็บติดตัวบ้างเล็กน้อย แต่ก็เชื่อว่าช่วงแข่งขันน่าจะหายดีและพร้อม 100 เปอร์เซ็นต์ โดยตนบอกกับนักกีฬาตลอดว่าอย่าไปกดดันตัวเองว่าจะต้องได้เหรียญโอลิมปิก อยากให้ทำเต็มที่ และสนุกไปกับเกมการแข่งขัน โดยการฝึกซ้อมที่ผ่านมา 80 เปอร์เซ็นต์ เน้นหนักไปที่การสร้างพละกำลัง อีก 20 เปอร์เซ็นต์ เสริมในเรื่องเทคนิค ซึ่งในเรื่องพละกำลัง เห็นได้ชัดว่านักกีฬาไทย แข็งแรงขึ้นตั้งแต่หลังกลับมาจาก ศึกชิงแชมป์เอเชีย 2024 ที่เวียดนาม 

“ส่วนโอลิมปิกเกมส์ครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 6 ของผม ซึ่งผมก็เต็มที่เหมือนทุกๆครั้ง เช่นกันกับนักกีฬา และก็หวังจะคว้าเหรียญ สร้างความสุขให้กับแฟนๆกีฬาไทยให้ได้อีกครั้ง ส่วนสัปดาห์นี้น่าจะมีการประกาศรายชื่อนักกีฬาในแต่ละรุ่นว่ามีใครบ้าง คาดว่าจะได้เห็นชื่อกัน ซึ่งเราก็จะนำมาจัดคู่สาย เพื่อเตรียมทำข้อมูลให้นักกีฬาอีกครั้ง”

ขณะที่ “ใบเตย” ศศิกานต์ ทองจันทร์ กล่าวถึงความพร้อมก่อนเดินทางไปกันว่า ร่างกายตอนนี้ 90 เปอร์เซ็นต์ ส่วนสภาพจิตใจพร้อมเต็มร้อยแล้ว ช่วงของการซ้อมที่ผ่านมามีอาการบาดเจ็บที่เข่า แต่ก็พยามรักษา ทำกายภาพเพื่อให้หายดี การที่ต้องขยับจากรุ่น 62 กก.มาแข่งรุ่น 67 กก. เพราะในโอลิมปิกไม่มีรุ่น 62 กก. ก็ถือว่าถือว่าเป็นงานที่ท้าทาย เพราะต้องเจอกับคู่แข่งที่รูปร่างสูงใหญ่ และมีพละกำลังเยอะ ตนจึงต้องพยายามพัฒนาในเรื่องของพละกำลังเพิ่มมากขึ้นด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ตนเคยแข่งขันในรุ่น 67 กก.มาก่อน ที่ตุรกี ในรายการตุรกี โอเพ่น ซึ่งก็ได้แชมป์มาด้วย ก็ถือว่าเป็นการสร้างความมั่นใจให้ตนเองอย่างดีด้วย

ด้าน “หยู” บัลลังก์ ทับทิมแดง เผยว่า ตนเองผ่านการ ซ้อมมาหนักมาก เพราะรู้ว่านี่คือโอลิมปิกเกมส์ ซึ่งมีแต่นักกีฬาเก่งๆ ส่วนการขยับจากรุ่น 63 กก. ขึ้นมาแข่งขันในรุ่น 68 กก. เพราะรุ่น 63 กก.ไม่มีในโอลิมปิกเกมส์ ก็ถือว่าเป็นงานหนัก ที่ผ่านมาจึงพยายามฝึกซ้อมอย่างหนัก และศึกษาคู่แข่งทุกคนในรุ่นอย่างละเอียด เพื่อเตรียมรับมือ ซึ่งทุกคนในรุ่นล้วนแข็งแกร่ง ส่วนคู่แข่งอันตรายในความคิดส่วนตัว นอกจากชาติในยุโรปแล้ว ชาติเอเชียอย่าง อุซเบกิสถาน และ จอร์แดน ที่อยู่ในท็อปไฟว์ของโลกก็อันตรายด้วย”

สำหรับทีมเทควันโดไทยคว้าโควตาโอลิมปิกเกมส์ 2024 รวม 3 ที่นั่ง จาก “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ รุ่น 49 กก.หญิง, “ใบเตย” ศศิกานต์ ทองจันทร์  รุ่น 67 กก.หญิง และ “หยู” บัลลังก์ ทับทิมแดง  รุ่น 68 กก. ชาย โดยโปรแกรมการแข่งขันในโอลิมปิก 2024 ของ 3 จอมเตะนั้น พาณิภัค จะลงแข่งขันในวันที่ 7 ส.ค.67, บัลลังก์ แข่งขันวันที่ 8 ส.ค.67 และ ศศิกานต์ แข่งขัน 9 ส.ค.67

ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th


กลับมาขายดี! Mitsubishi Mirage ทำยอดขาย Q2 ปีนี้เพิ่มขึ้น 2.5 เท่า

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส สหรัฐอเมริกา เผยยอดจำหน่ายรถยนต์ช่วงครึ่งแรกของปี 2024 ที่ผ่านมา โดยพบว่ารถยนต์รุ่นเล็กอย่าง Mirage และ Mirage G4 มียอดจำหน่ายในไตรมาสที่ 2 เพิ่มขึ้นถึง 2.5 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แม้ว่าโมเดลดังกล่าวจะถูกลากขายมานานกว่า 11 ปีแล้วก็ตาม

Mitsubishi Motors North America (MMNA) เผยตัวเลขยอดจำหน่ายรถยนต์ในสหรัฐอเมริกาช่วงครึ่งแรกของปี 2024 โดยพบว่ามียอดจำหน่ายสะสมทุกรุ่นรวมกันทั้งสิ้น 51,130 คัน เพิ่มขึ้น 12.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า อันเป็นผลจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นของรถ 4 รุ่น ได้แก่ Outlander, Mirage, Mirage G4 (หรือที่บ้านเรารู้จักในชื่อ Attrage) และ Eclipse Cross

เป็นที่น่าสนใจว่ารถยนต์ขนาดเล็กอย่าง Mirage และ Mirage G4 ที่ถูกเปิดตัวในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปี 2013 กลับมียอดจำหน่ายเพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยช่วงครึ่งแรกของปี 2024 มียอดจำหน่ายรวมกันทั้งสิ้น 9,862 คัน เพิ่มขึ้นจาก 5,316 คัน ของช่วงเดียวกันเมื่อปี 2023 หรือคิดเป็น 85.5%

โดยเฉพาะยอดขายของไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมาพบว่ามียอดจำหน่ายมากถึง 4,859 คัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้ามากถึง 2.5 เท่า จนกลายเป็นโมเดลขายดีอันดับที่ 2 รองจากเอสยูวีรุ่น Outlander เท่านั้น

ยอดจำหน่าย Mitsubishi ในสหรัฐอเมริกา Q2 ปี 2024

  • Outlander – 10,645 คัน
  • Mirage / Mirage G4 – 4,859 คัน
  • Outlander Sport – 3,324 คัน
  • Eclipse Cross – 2,525 คัน
  • Outlander PHEV – 1,374 คัน
  • – รวมทั้งสิ้น – 22,727 คัน –

พร้อมกันนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส สหรัฐอเมริกา ได้ประกาศแผนดำเนินธุรกิจไปจนถึงปี 2030 หรือ “Mitsubishi Motors Momentum 2030” โดยจะเปิดตัวรถยนต์ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นส่วนประกอบในการขับเคลื่อนทั้ง Hybrid, Plug-in Hybrid และ BEV พร้อมทั้งเตรียมเปิดตัวรถยนต์ปีละ 1 รุ่น ตั้งแต่ปี 2026 ไปจนถึงปี 2030 ครอบคลุมเซกเมนต์ที่กว้างขึ้น

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


เทียบกันชัด ๆ ระหว่าง สระ ภาษาอังกฤษ กับสระภาษาไทย 18 สระ อ่านง่ายไม่สะดุด

การอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะถ้าหากอ่านได้อย่างถูกต้องแล้ว จะทำให้ต่างชาติหรือคู่สนทนาของเราเข้าใจความหมายได้อย่างถูกต้อง โดยเฉพาะในคำที่ออกเสียงคล้ายๆกัน วันนี้เราจะเทียบกันให้เห็นชัดๆระหว่าง สระ ภาษาอังกฤษ และสระภาษาไทย ว่าอ่านหรือเขียนอย่างไร โดยแบ่งเป็นสระเสียงสั้น สระเสียงยาว สระประสม และการยกตัวอย่างของแต่ละประเภท ที่รวบรวมไว้ให้เข้าใจง่าย ลองมาดูกันเลยค่ะ

สระเสียงสั้น

  1. a เทียบได้กับ สระแอะยกตัวอย่างเช่น mat อ่านว่า แมท ที่แปลว่าเสื่อ, cat อ่านว่า แคท ที่แปลว่าแมว นอกจากนี้ a ยังออกเสียงว่า อะ อา เอ แอ ออ เช่น park อ่านว่า พาร์ค แปลว่า สวนสาธารณะ fast อ่านว่า แฟส แปลว่า เร็ว
  2. e เทียบได้กับ สระเอะเช่น pet อ่านว่า เพท แปลว่า สัตว์เลี้ยง bet อ่านว่า เบท แปลว่า การพนัน รวมทั้ง สามารถออกเสียง อิ อี เอ เช่น belt อ่านว่า เบลท์ แปลว่า เข็มขัด
  3. i เทียบได้กับ สระอิเช่น hit อ่านว่า ฮิท แปลว่า ตี pit อ่านว่า พิท แปลว่า หลุม หรือสามารถออกเสียงว่า อี ไอ เช่น hi อ่านว่า ไฮ แปลว่า สวัสดี nice อ่านว่า ไนซ์ แปลว่า ดี
  4. o เทียบได้กับ สระเอาะ เช่น pot อ่านว่า pot แปลว่า หม้อ lot อ่านว่า ลอท แปลว่า การจับฉลาก หรือออกเสียงได้ว่า โอ ออ อะ อู เช่น box อ่านว่า บอกซ์ แปลว่า กล่อง hope อ่านว่า โฮพ แปลว่า หวัง
  5. u เทียบได้กับ สระอะ เช่น cut อ่านว่า คัท ซึ่งแปลว่า ตัด but อ่านว่า บัท แปลว่า แต่ หรือจะอ่านว่า อิว อุ อู อิ ยู เช่น lunch อ่านว่า ลันช์ แปลว่า อาหารกลางวัน tube อ่านว่า ทูวบ์ แปลว่า หลอด
  6. y ที่ออกเสียงว่าอาย, อี เช่น type อ่านว่า ทายพ์ แปลว่า รูปแบบหรือประเภท เป็นต้น

ตัวอย่างประโยคที่ใช้ สระ ภาษาอังกฤษ เสียงสั้น

เช่น What are you going to have for lunch? แปลว่า คุณจะทานอะไรเป็นอาหารกลางวัน อาจจะตอบว่า I will have a hotpot for lunch แปลว่า ฉันจะทานฮอทพอตสำหรับมื้อกลางวัน หรือจะเป็น you cannot bring your pet in national parks. แปลว่า คุณไม่สามารถพาสัตว์เลี้ยงไปที่อุทยานแห่งชาติได้ I hope you’re having a great week. แปลว่า ฉันหวังว่าสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่ดีสำหรับคุณ His son is wearing a seat belt. แปลว่า ลูกชายของเขาคาดเข็มขัดนิรภัย She believes he is a nice guy. แปลว่า เธอเชื่อว่าเขาเป็นคนดี He hit me in the eye when he is angry. แปลว่า เขาตีเข้าที่ดวงตาฉันเมื่อเขาโกรธ เป็นต้น

สระเสียงยาว

  1. a / ar เทียบได้กับ สระอาเช่น far อ่านว่า ฟาร์ แปลว่า ไกล bath อ่านว่า บาธ แปลว่า อาบน้ำ sugar อ่านว่า ชูการ์ แปลว่า น้ำตาล
  2. e-e- / ea / ee เทียบได้กับ สระอี เช่น เช่น delete อ่านว่า ดิลีท แปลว่า ลบmeat อ่านว่า มีท แปลว่า เนื้อสัตว์ meet อ่านว่า มีท แปลว่า พบ
  3. a / oor/ or / aw / oar เทียบได้กับ สระออ เช่น call อ่านว่า คอล แปลว่า การสนทนาทางโทรศัพท์ door อ่านว่า ดอร์ แปลว่า ประตู for อ่านว่า ฟอ แปลว่า สำหรับ law อ่านว่า ลอ แปลว่ากฎหมาย board อ่านว่าบอร์ดฺ แปลว่า กระดาน actor อ่านว่า แอคเทอร์ แปลว่า ผู้กระทำ
  4. ir /ur / ear เทียบได้กับ สระเออ เช่น first อ่านว่า เฟิร์ส แปลว่า อันดับแรก burn อ่านว่า เบิร์น แปลว่า เผาไหม้ learn อ่านว่า เลิร์น แปลว่า เรียนรู้ sir อ่านว่า เซอร์ แปลว่า คำสุภาพสำหรับเรียกผู้ชาย
  5. o / ew / oo / u-e- / ui เทียบได้กับ สระอู ออกเสียงได้ว่า อิว โอ อูเช่น do อ่านว่า ดู แปลว่า ทำ chew อ่านว่า ชู แปลว่า เคี้ยว fruit อ่านว่า ฟรูท แปลว่า ผลไม้ dew อ่านว่า ดิว แปลว่า น้ำค้าง

ตัวอย่างประโยคที่ใช้ สระ ภาษาอังกฤษ เสียงยาว

ได้แก่ I would like to permanently delete my Facebook Account แปลว่า ฉันต้องการลบบัญชี Facebook ของฉันอย่างถาวร ตัวอย่างต่อไปคือ First of all, I would like to make a phone call. แปลว่า อันดับแรก ฉันต้องการที่จะโทรศัพท์ Could you please knock on the door before you come in? แปลว่า กรุณาเคาะประตูก่อนเข้ามาได้ไหมคะ You can find a variety of fruits on the buffet table, sir แปลว่า บนโต๊ะบุฟเฟ่ต์มีผลไม้หลากหลายชนิดให้เลือกทานนะคะ คุณท่าน Learning by doing is a methodology for learning through experience. แปลว่า การเรียนรู้ด้วยการทำเป็นวิธีการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ เป็นต้น

สระประสม

           สระประสมก็เป็นสระอีกแบบที่ใช้กันบ่อย ๆ ซึ่งเป็นคำศัพท์ที่มีสระที่อยู่ระหว่างตัวอักษร คือการรวมกันของสองสระเพื่อสร้างเสียงใหม่ที่มีความหมายในคำนั้น ๆ ซึ่งสามารถใช้เพิ่มความหมายหรือแสดงความต่างของคำได้ การใช้สระประสมในภาษาอังกฤษ ช่วยให้คำศัพท์เป็นที่น่าสนใจและมีความชัดเจนมากขึ้น ได้แก่

  1. a-e / ay / ai เทียบได้กับ สระเอย์ (เอะ+อิ) เช่น cake อ่านว่า เค้ก แปลว่า ชนมเค้ก day อ่านว่า เด แปลว่า วัน gain อ่านว่า เกน แปลว่า ได้รับ
  2. ear / eer / ere เทียบได้กับ สระเอีย หรือ อิ ผสมกับ อะ เช่น dear อ่านว่า เดียร์ แปลว่า ที่รัก beer อ่านว่า เบียร์ แปลว่า เครื่องดื่มเบียร์ ส่วน air / ere / are เทียบได้กับ สระแอ หรือ เอะ ผสมกับ อะ หรือออกเสียงว่า เอีย เช่น hair อ่านว่า แฮร์ แปลว่า ผม where อ่านว่า แวร์ แปลว่า ที่ไหน rare อ่านว่า แร แปลว่า ซึ่งหายาก dear อ่านว่า เดียร์ แปลว่า ที่รัก
  3. oy / oi เทียบได้กับ สระออย หรือ เอาะผสมกับ อิ เช่น boy อ่านว่า บอย แปลว่า เด็กผู้ชาย join อ่านว่า จอย แปลว่า เข้าร่วม enjoy อ่านว่า เอนจอย แปลว่า สนุกสนาน
  4. o / o-e- / oa เทียบได้กับ สระโอ หรือ เออะ ผสม อุ เช่น boat อ่านว่า โบท แปลว่า เรือ go อ่านว่า โก แปลว่า ไป road อ่านว่า โรด แปลว่า ถนน
  5. i / i-e- / y เทียบได้กับ สระไอ หรือ อะ ผสม อิ เช่น bright อ่านว่า ไบรท์ แปลว่า สว่าง fine อ่านว่า ฟายด์ แปลว่า ดี by อ่านว่า บาย แปลว่า โดย fly อ่านว่า ฟลาย แปลว่า บิน
  6. ou / owเทียบได้กับ สระเอา หรือ อาว ซึ่งเป็น อะ ผสม อุ เช่น mouse อ่านว่า เมาซ์ แปลว่า หนู how อ่านว่า ฮาว แปลว่า อย่างไร our / ure เทียบได้กับ สระอัว หรือ อุ ผสม อะ เช่น pure อ่านว่า เพียว เออะ แปลว่า บริสุทธิ์ tour อ่านว่า ทัวร์ แปลว่า การท่องเที่ยว
  7. a-e / ay / ai สามารถอ่านออกเสียงได้ว่าเอ, ไอ เช่น lake อ่านว่า เลค แปลว่า ทะเลสาป, brain อ่านว่า เบรน แปลว่า สมอง Thai อ่านว่า ไท แปลว่า ชาวไทย

ตัวอย่างประโยคที่ใช้สระประสม

เช่น การใช้กับคำถาม How was the weather yesterday? แปลว่า เมื่อวานอากาศเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งอาจจะตอบว่า It was humid and hot. แปลว่า เมื่อวานอากาศชื้นและร้อนมาก นอกจากนี้ ยังมีการใช้ในประโยคที่จะทำให้ประโยคมีความหมายที่ชัดเจนและน่าสนใจมากขึ้น เช่น He is a well-known actor แปลว่า เขาเป็นนักแสดงชายที่มีชื่อเสียง She is a bad-hearted person. แปลว่า เธอเป็นคนที่มีจิตใจที่ไม่ดี ซึ่งเป็นการขยายความหมายเกี่ยวกับคุณลักษณะของบุคคลให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการใช้เพื่อสร้างคำให้เกิดคำศัพท์ใหม่ ในความหมายที่ต่างกันไป เช่น peace แปลว่า ความสงบเรียบร้อย แต่เมื่อเติม ful ที่แปลว่า เต็มไปด้วย รวมกันเป็น peaceful จะแปลว่า สงบสุข หรือจะเป็นคำว่า care ซึ่งแปลว่า ดูแล แต่เมื่อเติม ful ที่แปลว่า เต็มไปด้วย รวมเป็น careful จะแปลว่า ระมัดระวัง นอกจากนี้ สามารถใช้สระประสมในการเขียนและการพูดเพื่อให้เกิดความหลากหลาย และสร้างความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น เช่น We cannot believe how fast the motorcycle is แปลว่า พวกเราแทบไม่เชื่อว่า รถมอเตอร์ไซต์จะขับเร็วขนาดนี้ The resort offers a kid-friendly activities. แปลว่า รีสอร์ทนี้มีกิจกรรมที่เหมาะสำหรับเด็ก

ขอบคุณข้อมูลจาก engduothailand.com


“ผักสด” กับ “ผักสุก” กินแบบไหนดีต่อสุขภาพมากกว่ากัน

โดยทั่วไปแล้ว อาหารสดๆ ไม่ผ่านการแปรรูป โดยเฉพาะผลไม้และผัก มักถูกมองว่าดีต่อสุขภาพมากกว่าอาหารที่ปรุงสุกหรือผ่านการแปรรูปแต่ใช่ว่าจะเป็นจริงเสมอไป…

ผักสด กับ ผักสุก แบบไหนดีต่อสุขภาพมากกว่า

ผัก หรืออาหารจากพืชแบบไม่ผ่านการแปรรูป มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย อาหารประเภทนี้มักมีโซเดียม น้ำตาล และไขมันอิ่มตัวต่ำ ซึ่งเป็นสารอาหารที่เกี่ยวข้องกับโรคเรื้อรัง นอกจากนี้ ยังเป็นแหล่งของสารอาหารที่มีประโยชน์ ไฟเบอร์ และสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยต่อสู้กับการอักเสบและลดความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ

อีกทั้งการหลีกเลี่ยงการใช้ความร้อนสูงในการปรุงอาหาร ยังช่วยลดการรับสารบางชนิดที่อาจส่งผลต่อสุขภาพได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม การเลือกทานผักสดแทนผักปรุงสุก ก็อาจมีข้อเสียเช่นกัน

การปรุงผักสุกส่งผลต่อผักอย่างไรบ้าง

การปรุงอาหารส่งผลดีต่อผักได้หลายอย่าง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมสารอาหาร และทำให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น

ใยอาหาร: การปรุงผักและผลไม้ช่วยให้ย่อยได้ง่ายขึ้น เนื่องจากความร้อนจะลดปริมาณของใยอาหารที่ไม่ละลายน้ำ ซึ่งย่อยยาก โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร เช่น ลำไส้แปรปรวน ถั่วและธัญพืชบางชนิด ย่อยง่ายขึ้นเมื่อปรุงสุก เพราะความร้อนจะช่วยลดฤทธิ์ของสารที่อยู่ในอาหารเหล่านี้ ซึ่งมีหน้าที่ยับยั้งการย่อย

วิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ: การต้มจะลดวิตามินบางชนิดที่ละลายน้ำได้ เช่น วิตามินซีและวิตามินบี แต่จะไม่มีผลต่อวิตามินที่ละลายในไขมัน เช่น A, D และ E ตัวอย่างเช่น แครอทที่ปรุงสุกจะมีเบต้าแคโรทีนสูงกว่าแครอทสด นอกจากนี้การปรุงกะหล่ำปลี คะน้า และมะเขือเทศ ยังช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ง่ายขึ้น

ออกซาเลต : ออกซาเลตเป็นสารประกอบที่พบในผัก เช่น ผักใบเขียวเข้ม และหัวบีท ซึ่งมีคุณสมบัติจับกับแคลเซียม และอาจส่งผลต่อการเกิดนิ่วในไต การปรุงอาหารจะช่วยลดการดูดซึมออกซาเลต จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการป้องกันนิ่วในไต

เอนไซม์: เอนไซม์เป็นโปรตีนที่ช่วยย่อยสารอาหาร และช่วยให้ย่อยได้ง่ายขึ้น การปรุงอาหารอาจทำลายเอนไซม์บางชนิดในผักและผลไม้ แต่ร่างกายสามารถสร้างเอนไซม์เหล่านี้ได้เพียงพอ เพื่อช่วยในการย่อยอาหาร โดยไม่จำเป็นต้องได้รับเอนไซม์เพิ่มเติมจากพืช

ประโยชน์เพิ่มเติมของการปรุงอาหารผลไม้และผัก

การปรุงอาหารผัก นอกจากจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมสารอาหารแล้ว ยังช่วยเพิ่มรสชาติและเนื้อสัมผัส ย่อยง่ายขึ้น และลดความเสี่ยงจากการป่วยจากอาหาร ดังนี้

  • เพิ่มรสชาติและเนื้อสัมผัส: ในบางอุณหภูมิ ผลไม้และผักอาจมีรสชาติหวานขึ้นและเนื้อสัมผัสกรอบขึ้นเนื่องจากเกิดกระบวนการคาราเมไลซ์หรือการเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ซึ่งทำให้ผลไม้และผักน่ารับประทานมากขึ้น และอาจทำให้เราทานได้มากกว่าเดิม
  • ย่อยง่ายขึ้น: ความร้อนช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและเปลี่ยนแปลงเนื้อสัมผัส ทำให้เคี้ยวง่ายและย่อยทางกายภาพได้ง่ายขึ้น
  • ลดความเสี่ยงจากการป่วย: การทานผลไม้และผักที่ปรุงสุก ช่วยลดความเสี่ยงจากการปนเปื้อนของแบคทีเรียที่ทนความร้อนไม่ได้

สรุป : ทั้งผักสดและผักสุกให้คุณค่าอาหารเช่นเดียวกัน โดยขึ้นอยู่กับประเภทของผัก และผู้รับประทานเหมาะสำหรับการบริโภคผักในรูปแบบใด

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 10/07/2567

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a40,700.0040,800.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,636.0039,961.7641,300.00
ทองรูปพรรณ 90%2,372.4035,965.58n/a
ทองรูปพรรณ 80%2,108.8031,969.41n/a
ทองรูปพรรณ 50%1,186.0017,979.76n/a
ทองรูปพรรณ 40%923.0013,992.68n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,732.0041,417.12n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 10/07/2567


ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9538.8538.8539.2538.8538.8538.8538.8538.8538.8538.85
แก๊สโซฮอล์ 9138.4838.4838.8838.4838.4838.4838.4838.4838.4838.48
แก๊สโซฮอล์ E2036.7436.7437.1436.7436.7436.7436.7436.7436.74
แก๊สโซฮอล์ E8536.4936.4936.49
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม47.4449.8449.8449.8447.44
เบนซิน 9546.7449.8147.2446.8946.74
ดีเซล32.9432.9433.2432.9432.9432.9432.9432.9432.9432.94
ดีเซลพรีเมี่ยม44.9447.1449.8447.1447.1444.94
แก๊ส NGV19.5919.5919.59
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า