สาระน่ารู้ประจำวันที่ 10 กันยายน 2567

อสังหาอสังหาแนะศึกษารอบคอบ ชี้บางขุนเทียนแนะศึกษารอบคอบไม่เอื้อลงทุน

  • หนึ่งในนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านเมกะโปรเจกต์ “สร้อยไข่มุกอ่าวไทย” เป็นโครงการป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพฯ และปริมณฑลจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
  • รวมทั้งเป็นการ “สร้างพื้นที่เศรษฐกิจใหม่” จากการถมทะเลบางขุนเทียน
  • อสังหาฯ ภาคท่องเที่ยว รอความชัดเจนมาสเตอร์แพลนเมกะโปรเจกต์ถมทะเลบางขุนเทียน
  • แนะรัฐศึกษารอบคอบ จัดรูปที่ดิน ผังเมือง แก้กฏหมาย ชี้ “บางขุนเทียน” เป็นพื้นที่รับน้ำธรรมชาติ  ไม่เอื้อพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ หวั่นเหตุอุทกภัยกระทบเส้นทางระบายน้ำ

นายอิสระ บุญยัง ประธานคณะกรรมการอสังหาริมทรัพย์ออกแบบและก่อสร้าง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ประเมินว่า หากพิจารณาจากภูมิศาสตร์พื้นที่บางขุนเทียน ประการแรก บางขุนเทียนเป็นพื้นเดียวของกรุงเทพฯ ที่อยู่ติดกับทะเลและเป็นพื้นที่ราบลุ่ม เป็น “พื้นที่รับน้ำ” ตามธรรมชาติ ปัจจุบันเป็นพื้นที่นากุ้ง ปู ปลา หอย เพาะเลี้ยงด้านเกษตรกรรมที่เป็นน้ำกร่อย 

ประการที่สอง ปัจจุบันผังเมืองกำหนดให้เป็นพื้นที่รับน้ำ กล่าวคือเป็นพื้นที่ขาวทแยงเขียว หรือพื้นที่เขียวลาย ประการที่สาม เป็นที่ดินที่มีหลายเจ้าของเอกชนมีทั้งที่ดินแปลงใหญ่และแปลงเล็กแปลงน้อยอยู่ริมชายฝั่งทะเล ซึ่งการขีดพื้นที่ตรงนี้ให้เป็นพื้นที่รับน้ำ และก่อนผังเมืองฉบับนี้บางขุนเทียนก็เป็นพื้นที่สีเขียวสำหรับการอนุรักษ์ชนบทและเกษตรกรรม ซึ่งพัฒนาโครงการยากอยู่แล้ว

“ผังเมืองปัจจุบันใช้มากกว่า 10 ปีแล้ว เป็นพื้นที่ขาวทแยงเขียวเท่ากับเป็นพื้นที่รับน้ำ พักน้ำ เพื่อการป้องกันน้ำท่วม ฉะนั้นใครที่จะทำหมู่บ้าน กฎหมายกำหนดให้แต่ละแปลงที่ดินต้องมีขนาดเริ่มต้น 1,000 ตารางวาเป็นต้นไป สะท้อนให้เห็นว่าไม่ได้ส่งเสริมให้ทำอยู่แล้ว”

อย่างไรก็ตาม หากจะมีการขับเคลื่อนโครงการจริงตามแนวนโยบายดังกล่าวและผลักดันการสร้างพื้นที่เศรษฐกิจใหม่น่าจะต้องดำเนินการในเรื่องกฎหมายจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิด เช่น การทำถนนเข้าไปในพื้นที่เดินทางเข้าออกสะดวกสบายขึ้น  รวมทั้งการแก้กฎหมายผังเมืองให้ใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น  ประการสำคัญ ต้องมีคำอธิบายให้ได้ว่าการแก้ไขนั้นๆ มีวัตถุประสงค์เพื่ออะไร

“ที่ดินในย่านนั้นมีจำนวนไม่มาก ไม่ถึง 1,000 ไร่ ที่จะเหมาะกับการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในมุมของภาคธุรกิจต้องรอดูการแก้ไขกฎหมายผังเมืองก่อนว่าสามารถพัฒนาอะไรได้บ้างก่อน และจะสามารถพัฒนาพื้นที่ให้ตอบโจทย์กับเศรษฐกิจได้มากน้อยแค่ไหน เพราะยังไม่เห็นภาพที่ชัดเจนว่า ถ้าพัฒนาแล้วจะเป็นอะไร”

เตือนคำนึงถึงการระบายน้ำยามเกิดอุทกภัย

นายอิสระ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันพื้นที่บางขุนเทียน ถือว่าเป็นพื้นที่ “ชานเมือง” ยังไม่ได้เป็นพื้นที่เมือง ขึ้นอยู่กับว่าภาครัฐจะพัฒนาให้เป็นพื้นที่อะไร ในทางหลักการ พื้นที่ตรงนี้ไม่ว่าจะพัฒนาเป็นอะไรต้องคำนึงถึงการที่กรุงเทพฯ จะต้องสามารถพึ่งพาตนเองได้ในเรื่องของอุทกภัยด้วย เพราะเป็นพื้นที่เดียวของกรุงเทพฯ ที่ติดทะเล

“ที่ผ่านมา เวลาที่มีน้ำท่วมในกรุงเทพฯ น้ำมีเส้นทางหลัก คือ แม่น้ำเจ้าพระยาเท่านั้น และตอนปลายก็จะผ่านสมุทรปราการ และน้ำที่เหลือจากเจ้าพระยาที่อยู่ตรงกลาง ต้องระบายน้ำออกบางปะกง ตามคลองต่างๆ ในฝั่งตะวันออก กับถูกระบายน้ำไปทางตะวันตกไปที่แม่น้ำท่าจีน เพื่อป้องกันพื้นที่ชั้นในของกรุงเทพฯ”

ฉะนั้นการจัดรูปที่ดิน หรือแก้กฎหมายผังเมือง จะต้องคำนึงถึงการระบายน้ำยามที่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมให้สามารถระบายน้ำออกสู่ทะเลได้โดยเร็วด้วย

 พื้นที่ป่าชายเลนอ่อนไหวสิ่งแวดล้อมและก่อสร้าง

นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวว่า การถมทะเลบางขุนเทียนเป็นแนวคิดการพัฒนาพื้นที่ Man made อีกพื้นที่หนึ่งโดยมีภาครัฐให้การสนับสนุนในอนาคตแต่ “ไม่ใช่” เรื่องเร่งด่วนที่ต้องทำเหมือนกับเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เพราะมีผลต่อเศรษฐกิจของประเทศมากกว่า ถือเป็นการปรับโครงการเศรษฐกิจชองประเทศและทำให้เศรษฐกิจประเทศไทยพลิกฟื้นกลับมาได้เร็วชนิดหน้ามือเป็นหลังมือได้

“พื้นที่กว่า 2,000 ไร่ ที่จะพลิกความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย ทำให้กรุงเทพฯ สามารถแข่งขันกับสิงคโปร์ได้ เพราะมีพื้นที่ใกล้เคียงกัน ถือเป็นความหวังหนึ่งที่สู้กับสิงคโปร์ กัวลาลัมเปอร์ อย่าพลาดเหมือนกับคอคอดกระ เมื่อ 40 ปีที่แล้ว”

อย่างไรก็ตาม พื้นที่บางขุนเทียนมีลักษณะกายภาพของที่ดิน เป็นป่าชายเลน เป็นดินเลน ซึ่งมีความอ่อนไหวมากทั้งในเรื่องสิ่งแวดล้อมและคุณภาพของดินในบริเวณนั้น การพัฒนาโครงการในรูปแบบต่างๆ ค่อนข้างยาก และใช้เงินลงทุนสูง ประกอบกับความเจริญยังไม่เท่ากับพื้นที่ในกรุงเทพฯ ตามหลักการพัฒนาต้องพัฒนาจากพื้นที่ที่มีความพร้อมก่อนเริ่มจากในเมืองก่อนขยายไปสู่ชานเมือง

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ลุ้นผังเมืองใหม่!กทม.ประกาศใช้ พ.ย.68 รับพลวัตเมืองเปลี่ยนเพิ่มศักยภาพ

  • ผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร ฉบับปี พ.ศ.2556 ปัจจุบันยังคงมีผลบังคับใช้อยู่
  • แม้ว่าโดยทั่วไปแล้ว “ผังเมือง” จะมีอายุการใช้งาน 5 ปี แต่สามารถต่ออายุการใช้งานได้
  • เท่ากับว่าผังเมืองกรุงเทพมหานครที่มีผลบังคับใช้อยู่ปัจจุบันนั้น ได้ใช้กันมายาวนานกว่า 10 ปีแล้ว เพราะผังเมืองรวมกรุงเทพมหานครฉบับใหม่ยังไม่มีการประกาศใช้ 
  • ปัจจุบันมีการแก้ไข เปลี่ยนแปลง และได้รับการสรุปออกมาเป็นร่างผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร (ปรับปรุงครั้งที่ 4) และใช้ฉบับนี้ในการพิจารณาแนวทางการเปลี่ยนแปลงในอนาคต 

สุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ ดีเอ็นเอ จำกัด กล่าวว่า ร่างผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร (ปรับปรุงครั้งที่ 4) นี้ ดำเนินการร่วมกันทั้งสำนักการวางผังและพัฒนาเมือง กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาตลอดตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา ซึ่งขั้นตอนในการดำเนินการได้ผ่านทั้งการรับฟังความเห็นประชาชน หน่วยงานหรือองค์การที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ และเอกชน ทั้งนี้ เพื่อให้ได้ผังเมืองที่มีความทันสมัย และรองรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในกรุงเทพมหานคร รวมไปถึงมีความต่อเนื่อง และเชื่อมโยงกับจังหวัดปริมณฑลโดยรอบ รวมไปถึงรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคตด้วย

“ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง โดยเฉพาะเส้นทางรถไฟฟ้า ถนน สะพาน รวมไปถึงโครงการขนาดใหญ่หลายโครงการซึ่งมีผลต่อการพัฒนาและศักยภาพของพื้นที่หรือทำเล ดังนั้น ผังเมืองรวมกรุงเทพมหานครที่จะประกาศใหม่จึงควรออกมาเพื่อส่งเสริมศักยภาพของทำเลหรือพื้นที่ต่างๆ ไม่ใช่ออกมาเพื่อเพิ่มข้อจำกัดในการพัฒนาในอนาคต”

รับฟังความเห็น 7 ครั้ง

ทั้งนี้ ช่วงระหว่างวันที่ 23 ธ.ค.2566 ถึงวันที่ 6 ม.ค.2567 มีการประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นและปรึกษาหารือกับประชาชนโดยการจัดประชุมจะกระจายออกไปทั่วกรุงเทพมหานคร โดยจะเป็นการนำเอาพื้นที่ของแต่ละส่วนไปพูดคุยและรับฟังความคิดเห็นถึงพื้นที่นั้นๆ กับคนในพื้นที่โดยตรงรวม 6 ครั้ง โดยครั้งที่ 7 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายจัดที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) เขตดินแดง ซึ่งเป็นการพูดคุยทั้ง 50 เขตของกรุงเทพมหานคร

จากนั้นจะเปิดให้ประชาชน ผู้มีส่วนได้เสียสามารถยื่นหนังสือแสดงความคิดเห็นเพื่อให้มีผลเกี่ยวกับสิทธิในการยื่นคำร้องขอให้แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือยกเลิกข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดิน ตามมาตรา 30 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ.2562 โดยการเปิดรับฟังความคิดเห็นอยู่ในช่วงวันที่ 23 ธ.ค.2566 ถึงวันที่ 27 ก.พ.2567 จากนั้น วันที่ 28 ก.พ.2567 กรุงเทพมหานคร ออกประกาศขยายระยะเวลาออกไปจากกำหนดเดิมถึงวันที่ 30 ส.ค.2567 หรือขยายระยะเวลาออกมาจากกำหนดเดิมถึง 6 เดือน เพื่อให้การรับฟังความคิดเห็นครอบคลุม และเข้าถึงคนในกรุงเทพมหานครมากขึ้น

“ปัจจุบันเพิ่งผ่านช่วงรับฟังความคิดเห็นหรือรับข้อร้องเรียนจากผู้มีส่วนได้เสียในร่างผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร (ปรับปรุงครั้งที่ 4) ซึ่งไม่มีการเปิดเผยออกมาว่ามีจำนวนมากน้อยแค่ไหน และเรื่องที่ร้องเรียนมีผลต่อร่างผังเมืองรวมแค่ไหน ดังนั้น อาจต้องรอดูว่ากรุงเทพมหานคร และสำนักการวางผังและพัฒนาเมืองจะมีการตอบรับหรือมีการเปลี่ยนแปลงต่อร่างผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร (ปรับปรุงครั้งที่ 4) ที่เผยแพร่ออกมาก่อนหน้านี้หรือไม่”

รอพิจารณา แก้ไข เปลี่ยนแปลง

นอกจากนี้ จากกำหนดการณ์เดิมของกรุงเทพมหานครที่ประกาศออกมาตั้งแต่ต้นปี 2567 ตั้งแต่เดือน ต.ค.2567 เป็นต้นไป จะเป็นช่วงการรวบรวมคำร้องและจัดทำความเห็นประกอบคำร้องเพื่อให้คณะกรรมการที่ปรึกษาผังเมืองรวม คณะกรรมการผังเมืองจังหวัด กรมโยธาธิการและผังเมืองพิจารณาเรื่องข้อเรียกร้องต่างๆ ซึ่งขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการชุดต่างๆ นั้นไม่สามารถกำหนดกรอบระยะเวลาที่ชัดเจนได้

จากนั้น ปลายไตรมาสแรก ปี 2568 คณะกรรมการผังเมืองจังหวัดจะพิจารณาและแจ้งกลับไปยังผู้ที่ยื่นคำร้องทราบถึงการแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงใดๆ (ถ้ามีการเปลี่ยนแปลง) หลังจากนั้น จึงจะเข้าสู่ขั้นตอนการแก้ไขร่างผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร ให้เป็นไปตามมติของคณะกรรมการผังเมืองจังหวัด 

จากนั้นจะเป็นช่วงของการออกข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครให้ใช้บังคับผังเมืองรวมซึ่งตามกำหนดเดิมอยู่ในช่วงเดือน พ.ค.-ต.ค.2568 และ เดือน พ.ย.2568 จึงจะประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อบังคับใช้ต่อไป

สำหรับ ไทม์ไลน์ของผังเมืองรวมกรุงเทพมหานครฉบับใหม่ยังเหลือขั้นตอนในการพิจารณา แก้ไข เปลี่ยนแปลงอีกพอสมควร และตามกำหนดการณ์เดิม ก็ต้องรอถึงเดือน พ.ย.2568 จึงจะประกาศบังคับใช้ แต่เมื่อมีการขยายระยะเวลาในการยื่นคำร้องของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากร่างผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร (ปรับปรุงครั้งที่ 4) ออกไปจากกำหนดการณ์เดิมถึง 6 เดือน 

ดังนั้น กำหนดการณ์เดิมที่จะประกาศบังคับใช้ผังเมืองรวมกรุงเทพมหานครในเดือน พ.ย.2568 ก็อาจจะเลื่อนออกไปอีกก็เป็นไปได้ ซึ่งความชัดเจนก็ต้องรอประกาศจากทางกรุงเทพมหานครว่าจะมีการบังคับใช้เมื่อไหร่

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 10ก.ย. “แข็งค่าเล็กน้อย” ที่ระดับ 33.90 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทอาจแกว่งตัวในกรอบ sidewaysควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจจีนและอังกฤษ โดยเฉพาะในช่วงบ่าย ราว 13.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 10ก.ย. 2567  ที่ระดับ  33.90 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  33.96 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน  พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทยเปิดเผยว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทยังมีโอกาสทยอยอ่อนค่าลงได้

ทว่า การอ่อนค่าของเงินบาทก็อาจมีลักษณะค่อยเป็นค่อยไป และเราจะมั่นใจได้มากขึ้นว่า เงินบาทจะกลับไปอ่อนค่าได้ต่อเนื่อง หากเงินบาทสามารถอ่อนค่าทะลุโซนแนวต้าน 34.00 บาทต่อดอลลาร์ ได้ชัดเจน (ซึ่งจะเป็นการยืนยันสัญญาณเชิงเทคนิคัลของการกลับตัวอ่อนค่าลง หากประเมินจากกราฟรายวันของ USDTHB) อนึ่ง ในช่วงวันนี้

 เรามองว่า เงินบาทอาจแกว่งตัวในกรอบ sideways แถวระดับ 33.90 บาทต่อดอลลาร์ โดยมีโซนแนวต้านแถว 34.00 บาทต่อดอลลาร์ (แนวต้านถัดไปจะอยู่ในช่วง 34.10-34.20 บาทต่อดอลลาร์)

ขณะที่โซนแนวรับจะอยู่แถว 33.80 บาทต่อดอลลาร์ (แนวรับถัดไป 33.50 บาทต่อดอลลาร์) เนื่องจากผู้เล่นในตลาดก็ต่างรอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ และการโต้วาทีระหว่างผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในช่วงวันพุธนี้ ทั้งนี้ เงินบาทก็อาจพอได้แรงหนุนอยู่บ้าง หากบรรดานักลงทุนต่างชาติยังคงทยอยเข้าซื้อสินทรัพย์ไทย โดยเฉพาะหุ้น

อย่างไรก็ดี ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจจีนและอังกฤษ โดยเฉพาะในช่วงบ่าย ราว 13.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ที่ตลาดจะรับรู้รายงานข้อมูลตลาดแรงงานอังกฤษ

เนื่องจากปัจจุบัน ผู้เล่นในตลาดต่างประเมินว่า BOE อาจไม่รีบลดดอกเบี้ย เท่ากับบรรดาธนาคารกลางหลักอื่นๆ โดยเฉพาะเฟด (The Most Hawkish Major Central Banks) ซึ่งมุมมองดังกล่าว ได้ช่วยหนุนให้เงินปอนด์อังกฤษ (GBP) ทยอยแข็งค่าขึ้นในช่วงที่ผ่านมา

ดังนั้น หากข้อมูลตลาดแรงงานอังกฤษ ออกมาแย่กว่าคาด สะท้อนภาพการชะลอตัวของตลาดแรงงานที่ชัดเจนมากขึ้น ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดปรับเปลี่ยนมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยของ BOE ซึ่งอาจกดดันเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) ได้บ้าง

เรายังคงมองว่า เงินบาทยังมีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวนไปตาม การเปลี่ยนแปลงไปมาของปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางค่าเงินบาท อย่าง มุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด หรือ

การปรับสถานะถือครองเงินดอลลาร์ ทำให้ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.80-34.00 บาท/ดอลลาร์

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาททยอยแข็งค่าขึ้นบ้าง (แกว่งตัวในกรอบ 33.83-33.98 บาทต่อดอลลาร์) ตามจังหวะย่อตัวลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ซึ่งช่วยหนุนให้ ราคาทองคำ (XAUUSD) สามารถทยอยรีบาวด์ขึ้นเกือบ +20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และ

ทรงตัวเหนือระดับ 2,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยขายทำกำไรการรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำ นอกจากนี้ เงินบาทยังพอได้แรงหนุนจากโฟลว์ธุรกรรมขายเงินดอลลาร์ของผู้เล่นในตลาดบางส่วน หลังเงินบาทได้อ่อนค่าเข้าใกล้โซน 34.00 บาทต่อดอลลาร์  

บรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ เริ่มฟื้นตัวดีขึ้น หลังผู้เล่นในตลาดได้ทยอยกลับเข้าซื้อหุ้นสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลดลงหนักในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะหุ้นเทคฯ ใหญ่ อาทิ Nvidia +3.5%, Tesla +2.6%

ทว่า ผู้เล่นในตลาดก็ยังไม่รีบเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้นชัดเจน จนกว่าจะรับรู้รายงานข้อมูลอัตราเงินเฟ้อ CPI และการโต้วาทีระหว่างผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ ทำให้โดยรวม ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq รีบาวด์ขึ้น +1.17% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด +1.16%

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 พลิกกลับมาปรับตัวขึ้น +0.82% หนุนโดยบรรยากาศในตลาดการเงินที่เริ่มฟื้นตัวดีขึ้น อีกทั้งผู้เล่นในตลาดต่างก็มีความหวังว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะสามารถเดินหน้าลดดอกเบี้ยได้ในการประชุมเดือนกันยายนนี้ และอาจส่งสัญญาณพร้อมเดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม

ในฝั่งตลาดบอนด์ แม้ว่าบรรยากาศในตลาดการเงินสหรัฐฯ จะเริ่มกลับมาอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น ทว่า มุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ยังคงเชื่อว่า เฟดจะสามารถลดดอกเบี้ยได้ราว -250bps จนถึงสิ้นปีหน้า และ

เฟดอาจจบรอบการลดดอกเบี้ยที่แถว 3.00% ยังเป็นปัจจัยที่กดดันให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวลดลงสู่ระดับ 3.70% ซึ่งเป็นระดับใกล้เคียงกับช่วงหลังตลาดรับรู้รายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ในคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ เรามองว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ มีความเสี่ยงที่อาจผันผวนสูงขึ้นได้บ้าง หากผู้เล่นในตลาดทยอยปรับเปลี่ยนมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด (มองว่า เฟดอาจไม่รีบลดดอกเบี้ยมากเท่าที่ตลาดประเมิน) ซึ่งต้องรอจับตารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมถึง คาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจและอัตราดอกเบี้ยนโยบายใหม่ของเฟด (Dot Plot)

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ยังคงเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways โดยมีทั้งจังหวะอ่อนค่าลง สลับแข็งค่าขึ้น ทั้งนี้ ผู้เล่นในตลาดต่างรอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ รวมถึงการโต้วาทีระหว่างผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ส่งผลให้ เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวไร้ทิศทางที่ชัดเจน และโดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงแกว่งตัวแถว 101.7 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 101.5-101.7 จุด)

ในส่วนของราคาทองคำ แม้ว่าบรรยากาศในตลาดการเงินจะฟื้นตัวดีขึ้น แต่ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) ก็สามารถทยอยรีบาวด์ขึ้นได้บ้าง ตามจังหวะปรับตัวลดลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ โดยราคาทองคำยังพอทรงตัวแถวระดับ 2,536 ดอลลาร์ต่อออนซ์

สำหรับวันนี้ ในฝั่งเอเชีย ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจจีน จากรายงานยอดการส่งออกและนำเข้า (Exports & Imports) เดือนสิงหาคม

ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตารายงานข้อมูลตลาดแรงงานของอังกฤษ โดยเฉพาะในส่วนของอัตราการเติบโตของค่าจ้าง และ ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน ซึ่งหากตลาดแรงงานอังกฤษส่งสัญญาณชะลอตัวลงมากขึ้นชัดเจน ก็อาจเพิ่มโอกาสที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) จะสามารถเดินหน้าใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น และอาจลดดอกเบี้ยได้มากกว่าที่ตลาดประเมินไว้ได้

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


มี 8 ชาติที่ได้เหรียญ! สรุปเหรียญพาราลิมปิก “ชาติอาเซียน” ตลอดกาล

การแข่งขัน พาราลิมปิก 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส รับหน้าจัดการแข่งขัน ได้ปิดฉากลงอย่างเป็นทางการเมื่อวันอาทิตย์ที่ 8 กันยายน 2567

โดยหลังจบการแข่งขันอย่างเป็นทางการ ทีมชาติไทย ครั้งนี้ได้ 6 เหรียญทอง, 11 เหรียญเงิน และ 13 เหรียญทองแดง ถือว่าได้เหรียญมากที่สุดในชาติจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

นอกจากนี้ยังทำให้ในภูมิภาคอาเซียน ประเทศไทย ยังคงเป็นเบอร์ 1 ในการคว้าเหรียญทองจากการแข่งขันโอลิมปิก โดยทำได้รวม 117 เหรียญ แบ่งเป็น 30 เหรียญทอง, 40 เหรียญเงิน และ 47 เหรียญทองแดง

สรุปเหรียญพาราลิมปิก ชาติอาเซียน ตลอดกาล

อันดับที่ 1 : ไทย ทำได้ 30 ทอง, 40 เงิน, 47 ทองแดง (รวม 117 เหรียญ)

อันดับที่ 2 : มาเลเซีย ทำได้ 8 ทอง, 6 เงิน, 7 ทองแดง (รวม 21 เหรียญ)

อันดับที่ 3 : อินโดนีเซีย ทำได้ 7 ทอง, 15 เงิน, 19 ทองแดง (รวม 41 เหรียญ)

อันดับที่ 4 : สิงคโปร์ ทำได้ 7 ทอง, 3 เงิน, 4 ทองแดง (รวม 14 เหรียญ)

อันดับที่ 5 : เมียนมา ทำได้ 2 ทอง, 3 เงิน, 2 ทองแดง (รวม 7 เหรียญ)

อันดับที่ 6 : เวียดนาม ทำได้ 1 ทอง, 2 เงิน, 3 ทองแดง (รวม 6 เหรียญ)

อันดับที่ 7 : ฟิลิปปินส์ ทำได้ 2 ทองแดง (รวม 2 เหรียญ)

อันดับที่ 8 : ลาว ทำได้ 1 ทองแดง (รวม 1 เหรียญ)

ส่วน บรูไน, กัมพูชา และ ติมอร์-เลสเต ยังไม่เคยได้เหรียญในการแข่งขันพาราลิมปิกที่ผ่านมา

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


วิธีง่ายๆ ในการทาน “ยาเม็ด” ให้ง่ายขึ้น

หลายคนมีปัญหากับการกลืนยาเม็ด ไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็ก หรือผู้ใหญ่เต็มตัวแล้วก็ตาม บางคนถึงขั้นจะอาเจียนออกมาหลังจากพยายามจะกลืนยาเม็ดให้ได้ด้วยซ้ำ จนต้องเอายาเม็ดไปละลายน้ำ บนเป็นผง หรือแกะแคปซูลออกมาทานแทน

วิธีทานยาเม็ดอย่างง่ายๆ

การวิจัยจากมหาวิทยาลัย Heidelberg ในประเทศเยอรมันนี นำเสนอเทคนิคง่ายๆ ที่จะช่วยให้เราทานยาเม็ดได้ง่ายขึ้น ดังนี้

  1. เติมน้ำเปล่าใส่ขวดพลาสติก หรือขวดน้ำอัดลม
  2. วางเม็ดยาเอาไว้บนลิ้น สามารถวางไว้ใกล้ๆ โคนลิ้นได้
  3. ใช้ริมฝีปากทั้งบนและล่างงับปากขวดเอาไว้ให้มิด ไม่ให้น้ำหรืออากาศไหลออกจากปากได้
  4. กระดกขวดให้น้ำไหลเข้าปาก และระหว่างน้ำเข้าปากให้ออกแรงดูดน้ำเข้าปากไปด้วยพร้อมกัน อย่าให้อากาศเข้าระหว่างดื่มน้ำ

ผู้ที่ทำการทดลองทานยาเม็ดด้วยวิธีนี้ราว 140 คน พบว่า การทานยาเม็ดด้วยวิธีนี้ (หลับตาขณะทานยาด้วย) ช่วยให้การทานยาเม็ดง่ายขึ้นกว่า 60% เมื่อเทียบกับการทานยาเม็ดด้วยการดื่มน้ำจากแก้ว หรือแค่จิบน้ำเบาๆ

นอกจากนี้ยังมีอีก 1 วิธีที่สามารถช่วยให้การทานยาเม็ดได้ง่าย และเป็นผลสำเร็จมากยิ่งขึ้น โดยวิธีนี้เหมาะกับการทานยาชนิดแคปซูล

  1. วางยาแคปซูลบนลิ้น
  2. จิบน้ำเข้าปาก 1 อึก แต่อมเอาไว้ก่อน อย่าเพิ่งกลืน
  3. ก้มหน้าให้คางชี้ไปทางหน้าอก
  4. กลืนน้ำไปพร้อมๆ กับยาในขณะที่ยังก้มหน้าอยู่

ส่วนใหญ่แล้วยาแคปซูลมักทีน้ำหนักเบา และสามารถลอยน้ำได้ เมื่อก้มหน้าแล้วกลืนยาที่ลอยอยู่บนน้ำ จึงทำให้การกลืนยาเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น วิธีนี้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการกลืนยาได้มากถึง 89% เมื่อเทียบกับการดื่มน้ำเพื่อกลืนยาจากแก้วน้ำด้วยวิธีปกติ

หากมีปัญหากับการกลืนอาหาร อาจยังไม่ควรลองวิธีทานยาดังกล่าว

Denise Ambrosi ผู้อำนวยการแผนกพยาธิวิทยาด้านการพูดและภาษา ของโรงพยาบาล และสถานฟื้นฟูร่างกาย Spaulding ในเครือมหาวิทยาลัย Harvard กล่าวว่า ใครที่มีปัญหาด้านการกลืนเป็นพิเศษ ไม่ใช่แค่เฉพาะกับเม็ดยาเล็กๆ ควรเข้ารับการตรวจจากแพทย์อย่างละเอียดก่อนทดลองทานยาด้วยวิธีนี้ เพราะอาจมีปัญหาด้านการกลืนมากกว่าคนปกติทั่วไป และต้องเข้ารับการรักษาอย่างถูกวิธีเสียก่อน หากด่วนสรุปรีบทานยาด้วยวิธีนี้โดยยังมีปัญหาด้านการกลืนอาหารอยู่ อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้

นอกจาก 2 วิธีที่ช่วยให้การกลืนยาง่ายขึ้นแล้ว หากลองแล้วยังไม่ได้ผล ลองสอดยาลงไปในขนมนิ่มๆ อย่างเยลลี่ หรือพุดดิ้ง ก่อนตักเป็นคำเล็กๆ แล้วกลืนเข้าไปทั้งก้อน บดยาแล้วผสมกับเยลลี่ พุดดิ้ง หรือหั่นยาเป็นชิ้นให้เล็กลงแล้วทานทีละส่วน อาจจะช่วยได้บ้างเช่นเดียวกัน

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


วิธีเจรจาต่อรองโดยใช้ภาษาอังกฤษ เพิ่มโอกาสสำเร็จแบบมืออาชีพ

การเจรจาต่อรองเป็นส่วนสำคัญของโอกาสต่างๆในการทำงาน และยังสามารถแสดงถึงความเป็นมืออาชีพได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการเจรจาต่อรองที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางในการเจรจากับคนทั่วโลก

จะมีเทคนิคในการต่อรองโดยใช้ภาษาอังกฤษอย่างไรบ้าง วอลล์สตรีท อิงลิช จะพาไปรีวิวกัน

ใช้ประโยคเปิดเริ่มต้นการเจรจาต่อรองแบบมืออาชีพ

First Impression เป็นสิ่งสำคัญ การที่เราใช้ประโยคในการเปิดบทสนทนาเพื่อการเจรจาต่อรองที่มีความเป็นมืออาชีพและเป็นทางการ จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับคู่เจรจาของเราได้อย่างมาก

  • I appreciate the opportunity to discuss this topic with you.
  • Thank you for taking the time to join me as we embark on these negotiations.
  • Let’s explore how we can find common ground on this issue.

นำเสนอแนวทางในการหาทางออก หรือข้อตกลงให้กับการเจรจาในครั้งนี้ ในมุมมองของคุณ

  • Allow me to outline our perspective on this matter.
  • I’d like to propose a solution that benefits both parties.
  • From my point of view, it’s important to consider this topic.

พร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็นอยู่เสมอ

ในการเจรจาต่อรอง คุณต้องแสดงให้เห็นว่าคุณพร้อมที่จะรับฟังคู่สนทนาของคุณอยู่เสมอ เพื่อเป็นการให้เกียรติ และยังทำให้คุณสามารถมองภาพรวมได้กว้างขึ้นผ่านมุมมองของอีกฝ่าย

  • Could you share your thoughts on this issue?
  • I’m interested in hearing your perspective.
  • How do you see us moving forward to find a resolution?

สร้างความเข้าใจให้ตรงกันอยู่เสมอ 

ระหว่างการเจรจา คุณควรพยายามรีเช็คความเข้าใจของคุณ และคู่เจรจาอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการหลุดประเด็น ซึ่งจะช่วยให้ระยะเวลาในการพูดคุยต่อรองกระชับยิ่งขึ้น

  • I want to make sure I understand your position correctly.
  • Can you clarify your expectations regarding this matter?
  • Let’s ensure we are on the same page before moving forward.

ใช้ประโยคในการส่งเสริมความร่วมมือและความตกลง

เลือกใช้ประโยคที่แสดงถึงการส่งเสริมความร่วมมือซึ่งกันและกันจะช่วยให้การเจรจาเป็นไปในทิศทางบวกมากยิ่งขึ้น และเป็นการแสดงถึงการให้ความร่วมมือที่ดี

  • Working together on this matter will benefit both sides.
  • Let’s finalize the details and move towards a successful resolution.
  • I believe a collaborative approach will lead to a more favorable outcome.

การสรุปหลังการพูดคุย และการใช้ประโยคสำหรับปิดการเจรจา 

หลังจากการพูดคุยเจรจาแล้วจำเป็นต้องมีการสรุปเนื้อหาหรือข้อตกลงกันในทุกครั้ง และควรเลือกใช้ประโยคปิดการสนทนาอย่างมืออาชีพ

  • Thank you for a productive discussion, and I look forward to our agreement.
  • I appreciate your time and effort in reaching a resolution.
  • Let’s formalize our agreement and move forward with confidence.

ขอบคุณข้อมูลจาก wallstreetenglish.in.th


1X เปิดตัว Neo Beta หุ่นยนต์แม่บ้าน ‘เข้าใจคำสั่งซับซ้อน – ทำงานเหมือนมนุษย์’

วันเอ็กซ์ (1X) เผยโฉม ‘Neo Beta’ หุ่นยนต์ช่วยงานบ้านแห่งอนาคต ชูจุดเด่น ‘เข้าใจคำสั่งซับซ้อน – ทำงานเหมือนมนุษย์’ ต่อยอดจาก ‘Eve’ หุ่นยนต์ต้นแบบที่ได้รับการระดมทุนจาก OpenAI ตั้งเป้าผลิตหลายพันตัวในปี 2025

วันเอ็กซ์ (1X) บริษัทวิศวกรรมด้านวิทยาการหุ่นยนต์จากนอร์เวย์ ได้เปิดเผยความคืบหน้าล่าสุดในการพัฒนาหุ่นยนต์มนุษย์ (humanoid) รุ่นใหม่ชื่อ “Neo Beta” ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อเป็นผู้ช่วยงานบ้านแห่งอนาคต ภายใต้แนวคิด “หุ่นยนต์ที่มีการเคลื่อนไหว และพฤติกรรมใกล้เคียงมนุษย์

จาก Eve สู่ Neo Beta

ย้อนกลับไปเมื่อเดือนก.พ.2024 ที่ผ่านมา 1X ได้สร้างความฮือฮาแก่วงการเทคโนโลยีด้วยการเปิดตัว “อีฟ (Eve)” ต้นแบบผู้ช่วยในบ้านที่เป็นหุ่นยนต์รุ่นแรกที่ได้รับการออกแบบให้สามารถทำงานพื้นฐานในบ้านได้ เช่น การหยิบจับสิ่งของ และการทำตามคำสั่งที่ไม่ซับซ้อนมากนัก

Eve ถูกออกแบบมาด้วยความคิดที่ว่า “ทำไมเราต้องปรับบ้านให้เข้ากับหุ่นยนต์ ในเมื่อเราสามารถสร้างหุ่นยนต์ให้เข้ากับบ้านของเราได้” ด้วยเหตุนี้ Eve จึงมีรูปร่างคล้ายมนุษย์ แต่ยังคงมีข้อจำกัดบางประการ เช่น การใช้ล้อในการเคลื่อนที่แทนขา และมีมือแบบคีบแทนนิ้วมือ ซึ่งเหมาะสำหรับการทำงานในโรงงานหรือคลังสินค้ามากกว่าในบ้าน

อย่างไรก็ดี Eve ได้รับการสนับสนุนด้านฮาร์ดแวร์จาก OpenAI บริษัทด้านเอไอชั้นนำ โดย OpenAI ยังได้ลงทุนในบริษัท 1X ถึง 23.5 ล้านดอลลาร์ในรอบ Series A และต่อมาอีก 100 ล้านดอลลาร์ในรอบ Series B

การร่วมมือครั้งนี้ทำให้ Eve มีความสามารถในการประมวลผลภาษาธรรมชาติ เพราะใช้โมเดล GPT-4 เหมือนกับ ChatGPT ทำให้สามารถเข้าใจคำสั่งที่ซับซ้อนได้ดียิ่งขึ้น

ฮาร์ดแวร์ของ Eve ใช้แนวคิด “การออกแบบที่เน้นการใช้งาน (function-oriented design)” Eve จึงมีลักษณะที่แตกต่างจากหุ่นยนต์ทั่วไป โดยมีโครงข่ายประสาทเทียมเพื่อสอนพฤติกรรม วิธีนี้ทำให้หุ่นยนต์สามารถเรียนรู้ และปรับตัวกับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ตำแหน่งของสิ่งของในบ้าน หรือการปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานให้เหมาะสมกับสถานการณ์ต่างๆ

แม้ว่า Eve จะมีความสามารถที่น่าประทับใจ แต่การออกแบบของ Eve ยังคงมุ่งเน้นไปที่การใช้งานในพื้นที่ ที่มีโครงสร้างชัดเจน เช่น โรงงานหรือคลังสินค้า มากกว่าการใช้งานในบ้านที่มีสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย และไม่แน่นอน ดังนั้น นี่จึงเป็นจุดที่ทำให้ “นีโอ เบต้า (Neo Beta)” เข้ามาเติมเต็ม

ความสามารถของ Neo Beta

Neo Beta ได้รับการพัฒนาต่อยอดจาก Eve โดยมุ่งเน้นให้มีความสมจริง และใกล้เคียงกับมนุษย์มากขึ้น การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดคือ การออกแบบให้ Neo Beta มีขาแทนล้อ ทำให้สามารถเดิน และเคลื่อนที่ได้เหมือนมนุษย์ ซึ่งเหมาะสมกับการใช้งานในบ้านที่มีพื้นผิวหลากหลาย เช่น พื้นไม้ พรม หรือแม้แต่การขึ้นลงบันได

นอกจากนี้ Neo Beta ยังได้รับการปรับปรุงในส่วนของมือ จากเดิมที่เป็นแบบคีบ มาเป็นมือที่มีนิ้ว 5 นิ้วเหมือนมนุษย์ ทำให้สามารถจับสิ่งของที่มีขนาด และรูปร่างแตกต่างกันได้อย่างแม่นยำและเป็นธรรมชาติมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการหยิบแก้วน้ำ การเปิดประตู หรือแม้แต่การใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ในบ้าน

การออกแบบภายนอกของ Neo Beta จะสวมใส่ชุดจั๊มสูทผ้าสปอร์ตเพื่อปกปิดโครงสร้างภายใน ทำให้ดูเป็นธรรมชาติ และไม่น่ากลัวเมื่ออยู่ในบ้าน

ท้ายที่สุดแล้ว การพัฒนาจาก Eve สู่ Neo Beta ไม่เพียงแต่เป็นการปรับปรุงด้านกายภาพเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการพัฒนาด้านซอฟต์แวร์ และปัญญาประดิษฐ์ ทำให้ Neo Beta มีความสามารถในการเรียนรู้ และปรับตัวกับสภาพแวดล้อมในบ้านได้ดียิ่งขึ้น สามารถทำความเข้าใจคำสั่งที่ซับซ้อน มีความยืดหยุ่นในการทำงาน และยังสื่อสารได้อย่างเป็นธรรมชาติ เสมือนกำลังคุยกับผู้ช่วยในบ้านจริงๆ

ลุยตลาดหุ่นยนต์

1X วางแผนที่จะผลิต Neo Beta ในโรงงานของบริษัทที่เมือง Moss ประเทศนอร์เวย์ โดยตั้งเป้าที่จะผลิตหุ่นยนต์จำนวนหลายพันตัวในปี 2025 และเพิ่มขึ้นเป็นหลายล้านตัวภายในปี 2028

Bernt Bornich ซีอีโอของ 1X กล่าวว่า ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการพัฒนา โดยในปีนี้ บริษัทจะทดลองนำ Neo Beta ไปใช้งานจริงในบ้านจำนวนจำกัด เพื่อเก็บข้อมูล และพัฒนาประสิทธิภาพต่อไป

“แผนของเราคือ ผลิตหุ่นยนต์เป็นพันตัวในปี 2025 หมื่นตัวในปี 2026 แสนตัวในปี 2027 และล้านตัวในปี 2028” ซีอีโอของ 1X กล่าวสรุป ทั้งนี้ เขายังเชื่อว่าสามารถผลิตหุ่นยนต์ในราคาที่เทียบเท่ากับรถยนต์ราคาไม่แพงมาก ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคทั่วไปสามารถเข้าถึงได้

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


“งาดำ” ประโยชน์และโทษ ข้อควรระวังน่ารู้ก่อนกิน

“งาดำ” หรือ ในภาษาอังกฤษ คือ Black Sesame Seeds ถือว่าเป็นหนึ่งในธัญพืชที่เป็นที่นิยมผสมในอาหาร และเครื่องดื่มหลายชนิด และมักเป็นตัวเลือกแรก ๆ ของผู้ที่กำลังดูแลสุขภาพ เพราะจัดว่าเป็นซูเปอร์ฟูดที่อันแน่นไปด้วยคุณค่าทางสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอวัย ลดคอเลสเตอรอลในเลือด และยังมีแคลเซียมสูงที่ช่วยเสริมสร้างและบำรุงกระดูกมากกว่านมวัวถึง 6 เท่า

คุณค่าทางโภชนาการของงาดำ

งาดำ อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น สารเซซามิน (Sesamin) ซึ่งช่วยป้องกันการเสื่อมของกระดูกอ่อน ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด และยังมีแคลเซียมสูงที่ช่วยบำรุงกระดูกมากกว่านมวัวถึง 6 เท่า นอกจากนี้ยังมีโอเมก้า 3-6-9 ที่ช่วยในการบำรุงหัวใจและสมอง และวิตามินอีที่ช่วยบำรุงผิวพรรณและเส้นผม ทำให้ผิวพรรณดูกระจ่างใส และลดความเสี่ยงในการเกิดริ้วรอยก่อนวัย

ประโยชน์หลักของงาดำ

  1. บำรุงกระดูกและฟัน – งาดำมีแคลเซียมที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกระดูกและฟัน เหมาะสำหรับทุกวัย โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่เสี่ยงต่อภาวะกระดูกพรุน
  2. ช่วยลดคอเลสเตอรอล – สารเซซามินในงาดำมีคุณสมบัติช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ทำให้ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
  3. บำรุงผิวและเส้นผม – วิตามินอีและกรดไลโนเลอิกในงาดำช่วยบำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื้น ลดริ้วรอย และช่วยให้เส้นผมดกดำ เงางาม
  4. บรรเทาอาการปวดข้อ – สารเซซามินช่วยต้านอาการอักเสบ จึงมีส่วนช่วยบรรเทาอาการปวดข้อจากโรครูมาตอยด์
  5. ป้องกันโรคมะเร็ง – งาดำมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งลำไส้และมะเร็งตับ

แต่แม้ว่างาดำจะมีประโยชน์มากเพียงใด หากรับประทานมากเกินไป ก็อาจเกิดโทษ อันตรายต่อร่างกายได้

“งาดำ” กับข้อควรระวังน่ารู้ก่อนกิน

งาดำ มีประโยชน์สูง แม้ปริมาณที่รับประทานจะไม่มาก แต่ด้วยขนาดเล็ก และเบา กินง่าย ผสมกับอาหารอื่นได้ง่าย จึงอาจทำให้หลายคนไม่ได้ระมัดระวังในปริมาณที่รับประทานในแต่ละครั้ง

แต่งาดำ จัดว่าเป็นอาหารที่ให้พลังงานค่อนข้างสูง เพราะงาดำ 100 กรัม ให้พลังงานมากถึง 700 กิโลแคลอรี่ ดังนั้นงาดำจึงมักถูกนำไปใช้เป็นส่วนผสมของอาหารให้พลังงานต่าง ๆ มากมาย นอกจากนี้งาดำ ยังเป็นอาหารที่มีปริมาณทองแดงค่อนข้างสูง ปกติแล้วร่างกายสามารถกำจัดทองแดงส่วนเกินออกจากร่างกายได้ แต่ในผู้ป่วยบางโรค เช่น โรค Wilson’s disease ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมที่เป็นมาแต่เกิด ทำให้การขับทองแดงออกจากร่างกายบกพร่อง ทำให้มีทองแดงสะสมในร่างกายคน ๆ นั้น เรื่อย ๆ จนเริ่มมีอาการต่าง ๆ ที่พบบ่อยสุดคืออาการทางตับ เช่น ตัวเหลือง ตับโต ม้ามโต ตามมาด้วยอาการทางระบบประสาท เคลื่อนไหวผิดปกติ กลืนลำบาก เป็นต้น

ปริมาณงาดำ ที่แนะนำใน 1 วัน

หากร่างกายสุขภาพแข็งแรงดี ไม่มีปัญหาเรื่องของการกำจัดทองแดงส่วนเกินออกจากร่างกาย ควรระมัดระวังแค่เรื่องพลังงานที่จะได้รับมากเกินไปเท่านั้น โดยปริมาณของงาดำที่แนะนำในแต่ละวัน ควรอยู่ที่ราว ๆ วันละ 15 กรัม หรือ 1 ช้อนโต๊ะ ก็เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายแล้ว

วิธีกินงาดำให้ได้ประโยชน์

  1. เคี้ยวให้ละเอียด – เพื่อให้น้ำมันงาและสารอาหารดูดซึมง่ายขึ้น
  2. บดหรือปั่น – งาดำบดช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารมากขึ้น ใช้โรยบนอาหารหรือผสมเครื่องดื่ม
  3. ใส่ในอาหาร – ผสมในข้าว สลัด หรือเครื่องดื่ม เช่น น้ำเต้าหู้งาดำ
  4. กินในปริมาณที่เหมาะสม – ควรรับประทานไม่เกิน 1 ช้อนโต๊ะ (15 กรัม) ต่อวัน
  5. น้ำมันงาดำสกัดเย็น – ใช้ปรุงอาหารที่ไม่ต้องใช้ความร้อนสูง เช่น น้ำสลัด

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 10/09/2567

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a40,050.0040,150.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,594.0039,325.0440,650.00
ทองรูปพรรณ 90%2,334.6035,392.54n/a
ทองรูปพรรณ 80%2,075.2031,460.03n/a
ทองรูปพรรณ 50%1,167.0017,691.72n/a
ทองรูปพรรณ 40%908.0013,765.28n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,688.0040,750.08n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 10/09/2567



ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9535.3535.3535.6535.3535.3535.3535.3535.3535.3535.35
แก๊สโซฮอล์ 9134.9834.9835.2834.9834.9834.9834.9834.9834.9834.98
แก๊สโซฮอล์ E2033.2433.2433.5433.2433.2433.2433.2433.2433.24
แก๊สโซฮอล์ E8532.9932.9932.99
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม43.9449.8449.8449.8443.94
เบนซิน 9543.4449.8143.9443.5943.44
ดีเซล32.9432.9433.2432.9432.9432.9432.9432.9432.9432.94
ดีเซลพรีเมี่ยม44.9447.1449.8447.1447.1444.94
แก๊ส NGV18.5918.5918.59
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า