แสนสิริ ลุย โซลาร์รูฟท็อป – EV Charger ช่วยลูกค้าประหยัด 1.75 พันล.
เปิดเส้นทาง”แสนสิริ”สู่ Net-Zero 3 ปี ลุยติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปบ้านเดี่ยว 6 พันหลัง 25 ปี ประหยัดค่าไฟฟ้าได้ 1.6 พันล้านบาท พร้อมติดตั้ง EV Charger อีก 1,860 หลัง ช่วยให้ลูกบ้านประหยัดค่าน้ำมันรวมกว่า 150 ล้านบาทต่อปี ลดปล่อยก๊าซคาร์บอนได้กว่า 20,000 ตัน
ในปี 2022 Sustainable Living หรือ ความยั่งยืนในการอยู่อาศัย เป็นอีกหนึ่งเมกะเทรนด์ที่คนทั่วโลกให้ความสำคัญอย่างโดดเด่น ตั้งแต่การเลือกวัสดุอุปกรณ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม , การมีส่วนร่วมลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก ,ประหยัดทรัพยากร และประหยัดพลังงาน
ขณะประเทศไทย หลังการประกาศเจตนารมย์ในการประชุมสมัชชาประเทศภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ 26 (COP26) โดยกำหนดเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี ค.ศ. 2050 และตั้งเป้าบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero)ได้ในปี ค.ศ. 2065 นั้น
จุดเปลี่ยนแสนสิริสู่องค์กร Net-Zero
สำหรับในภาคอสังหาฯไทย หนึ่งในผู้เล่นสำคัญ ที่ประกาศตัวชัดเจน สู่เป้าหมายการเป็น Net-Zero คือ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)ในแง่ผู้พัฒนาฯ โครงการที่อยู่อาศัยบมจ.แสนสิริ ที่เดินหน้าภารกิจ Green investment อย่างจริงจังมาแล้วหลายปีและ ปี 2565 ระบุจะเริ่มขับเคลื่อนแผนงานอย่างเป็นรูปธรรม 4 ด้าน ได้แก่ Process- Product – Partners และ Investment อย่างน่าสนใจ
‘ฐานเศรษฐกิจ’ ร่วมลงพื้นที่โมเดลนำร่อง Net-Zero ของแสนสิริ ที่โครงการ ‘เศรษฐสิริ พระราม 5 ‘ โครงการบ้านเดี่ยวระดับบน บนพื้นที่กว่า 61 ไร่ ทำเลติดถนนบางกรวย-ไทรน้อย จำนวน 186 ยูนิต ซึ่งอยู่ระหว่างทยอยรับโอนกรรมสิทธิ์และเข้าอยู่อาศัยของผู้ซื้อ ได้สัมภาษณ์ นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฎิบัติการ บมจ.แสนสิริ ระบุว่า โครงการนี้จะเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ สำหรับเป้าหมายใหญ่ สู่การเป็นอสังหาฯไทยรายแรกที่จะปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์t
นายอุทัย พลิกปูมหลัง ระบุ ที่ผ่านมา บมจ.แสนสิริ นำร่องภารกิจด้านสิ่งแวดล้อมมานานแล้วนับ 10 ปี จุดเปลี่ยนต่อเป้าหมายใหญ่ ฐานะ ‘ อสังหาฯรายแรก ที่มีแนวคิดปล่อยก๊าซเป็นศูนย์’ เกิดขึ้นหลังการเข้าร่วมลงทุน (ถือหุ้น) ในชาร์จ แมเนจเจอร์ จำกัด (SHARGE) ผู้ผลิตและให้บริการติดตั้งเครื่องชาร์จรถ EV รายสำคัญของไทย ที่ 5% หรือราว 15 ล้านบาท
หลังมองเป็นโอกาสจากเทรนด์ธุรกิจในไทยที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด ขณะเดียวกันจะช่วยผลักดันให้แสนสิริ เข้าสู่เป้าหมาย Net-Zero ได้เร็วขึ้น รวมถึง การว่าจ้างที่ปรึกษา และเข้าเป็นสมาชิกเครือข่ายคาร์บอนนิวทรัลประเทศไทย เพื่อจะทำให้ทราบว่าแสนสิริ ปล่อยปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์เรือนกระจกมากน้อยแค่ไหน และการจับมือกับ ION (ไอออน) ผู้จัดหาโซลูชั่นพลังงานโซลาร์ครบวงจรอีกด้วย
3 ปี ติด Solar Roof บ้านเดี่ยว 6 พันหลัง
สำหรับแผนงานในปี 2565 บริษัทจะเดินหน้าติดตั้ง Solar Roof ในบ้านเดี่ยวแสนสิริทุกหลัง ทุกโครงการใหม่ ในทุกระดับราคา 100% รวม 1,825 หลัง แบ่งเป็น บ้านเดี่ยวระดับราคาต่ำกว่า 8 ล้านบาท เช่น สราญสิริ อณาสิริ คณาสิริ ฯลฯ จะติด Solar Roof ขนาด 1.38 kWp รวมจำนวน 1,300 หลัง และ บ้านเดี่ยวระดับราคา 8 ล้านบาทขึ้นไป เช่น เศรษฐสิริ บุราสิริ เดมี่ บูก้าน นาราสิริ ฯลฯ จะติด Solar Roof ขนาด 1.84 kWp รวมจำนวนทั้งสิ้น 525 หลัง
ส่วนในระยะ 3 ปี(2565-252567) วางเป้าหมาย ติดตั้งบ้านเดี่ยวรวม 6,000 หลัง แบ่งเป็น บ้านราคาต่ำกว่า 8 ล้านบาท จำนวน 4,200 หลัง และบ้านราคา 8 ล้านขึ้นไป จำนวน 1,800 หลัง ประเมินอายุการใช้งานของแผงSolar Roof 25 ปีต่อหลัง จะช่วยลูกบ้านประหยัดค่าไฟฟ้ารวมกันได้มาก
“ประเมินเม็ดเงินที่แต่ละหลังจะได้ประหยัด จากการจ่ายค่าไฟฟ้าลดลง รวมกัน 25 ปี อยู่ที่ 1.6 พันล้านบาท ขณะเดียวกัน ยังช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ได้ถึง 8,000 ตัน หรือเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 535,000 ต้น หรือปลูกป่า 2,673 ไร่ “
ทั้งนี้ แสนสิริยังมีเป้าหมายติดตั้ง Solar Roof ในส่วนกลางของทุกโครงการใหม่ที่เปิดตัวในปีนี้ รวมแนวราบ และคอนโดมิเนียม รวม 46 โครงการ หลังจากนำร่องไฟส่องสว่างในสวนจากพลังงานแสงอาทิตย์แล้วจำนวน 34 โครงการในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา
“พื้นที่ส่วนกลางทั้ง ปั้มน้ำสระว่ายน้ำ , สำนักงานนิติบุคคล ,ระบบแอร์ในคลับเฮ้าส์ หรือ แม้แต่เครื่องระบายอากาศในห้องน้ำ มีการติดตั้งระบบเก็บไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ในตอนกลางวัน ทำให้สามารถประหยัดได้ถึงปีละ 1-1.7 แสนบาทต่อปีต่อโครงการ ซึ่งจะทำให้ลูกบ้านลดการจ่ายค่าส่วนกลางน้อยลงด้วย “
เร่งติดตั้ง EV Charger ทุกหลัง
ขณะที่ความคึกคักในตลาดรถไฟฟ้า EV ของไทยที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ทำให้ปีนี้แสนสิริ จะเดินหน้าติดตั้ง EV Charger ในโครงการบ้านเดี่ยวระดับบน (ราคา 8 ล้านบาทขึ้นไป ) ทุกหลังให้ได้ 100% และยังมีแผนติดเครื่องชาร์จในบ้านเดี่ยวมากถึง 1,860 หลัง ภายใน 3 ปีอีกด้วย เพื่อหวังช่วยให้ลูกบ้านทุกหลังประหยัดค่าน้ำมันรวมกว่า 150 ล้านบาทต่อปี อีกด้านจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้กว่า 20,000 ตัน เทียบเท่าการปลูกต้นไม้กว่า 1,300,000 ต้นต่อปีหรือปลูกป่า 6,500 ไร่ รวมทั้งมีเป้าหมายขยายการติดตั้ง EV Charging Station ให้ครอบคลุมโครงการคอนโดมิเนียมและโครงการแนวราบที่เปิดใหม่ทุกโครงการ ภายใน 3 ปี และในบ้านทุกหลังในทุก segment ให้ได้ในปี 2573
กระตุกรัฐสนับสนุนองค์กร Net-Zero
อย่างไรก็ตาม แม้รัฐบาล ประกาศนโยบายชัดเจน สู่แนวทางปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ แต่ในแง่ของเอกชน ที่ขับเคลื่อนการลดคาร์บอนทุกมิติ พบว่ายังมีข้อจำกัดและอุปสรรคอีกมากที่รัฐควรต้องเร่งเข้ามาสนับสนุน เนื่องจากที่่ผ่านมาเป็นเพียงการทำงานด้วยกันของภาคเอกชนเท่านั้น จึงต้องการให้รัฐบาลเข้ามาสร้างแรงจูงใจให้บริษัทหรือองค์กรต่างๆ ที่อยู่ระหว่างศึกษาการทำ Net-Zero ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบสินเชื่อ หรือ การผ่อนปรนเรื่องภาษี ก็ตาม
อีกด้านถือเป็นการสร้างกลไกทางตลาด เนื่องจากขณะนี้เทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น การติดตั้ง Solar Roof หรือ EV Charger ที่สนับสนุนแนวทางรักษ์โลก ยังคงมีต้นทุนที่สูง แต่หากมีความต้องการเป็นจำนวนมากๆ จากการใช้งานที่สูงขึ้น จะทำให้ราคาต่ำลง ฉะนั้นเป็นหน้าที่รัฐที่จะต้องสร้างแนวทางส่งเสริม ความต้องการทั้งในภาคองค์กรและบุคคล
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“เดอะบานดี้” สร้างระบบหน้าร้านวัสดุก่อสร้างแห่งอนาคต
“เดอะ บานดี้ “ สร้างระบบขายสินค้าหน้าร้านวัสดุก่อสร้างรูปแบบใหม่ แห่งอนาคตเปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ “BAANDY Terminal”ตั้งเป้ามีสินค้าวัสดุก่อสร้าง-ของใช้เกี่ยวกับบ้านกว่า 40,000 รายการให้ลูกค้าเลือกซื้อ จากปัจจุบันอยู่ที่ 15,000 รายการ มั่นใจรายได้ปี 2565 โต 400 ล้านบาท
กรณีบริษัทเดอะ บานดี้ จำกัด ผู้พัฒนา “BAANDY “แอปพลิเคชัน ซื้อ-ขายวัสดุก่อสร้างครบวงจร สินค้าตกแต่งขยายฐานลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์ทำให้เกิดการพัฒนาแพลตฟอร์ม “BAANDY Terminal” ระบบปฏิบัติการขายสินค้าหน้าร้านและออนไลน์รูปแบบใหม่ เพื่อตอบโจทย์ร้านค้าวัสดุก่อสร้างที่ต้องการเชื่อมโยงระบบ O2O (Online to Offline) เข้าด้วยกัน
นายณัฏฐ์นวัต พันธุกรกวีวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะ บานดี้ จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทเปิดตัวแฟลตฟอร์ม BAANDY Application ในปี 2564 และพบว่ากระแสตอบรับค่อนข้างดี มียอดขายรวมกว่า 6,000 รายการ จึงมองเห็นโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้ซื้อและผู้ขายที่เปลี่ยนไป
โดยในปีนี้(ปี2565) ตั้งเป้ารายได้ 400 ล้านบาท นอกจากนี้ยังตั้งเป้ามีสินค้าวัสดุก่อสร้างและของใช้เกี่ยวกับบ้านมากกว่า 40,000 รายการให้ลูกค้าเลือกซื้อ จากปัจจุบันอยู่ที่ 15,000 รายการ
“บริษัท ลงทุนพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อให้สามารถตอบสนองกับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ช่วยทำให้การซื้อขายสินค้าวัสดุก่อสร้างเป็นเรื่องง่ายและสะดวกสบายที่สุด เพื่อเสริมศักยภาพในการแข่งขันให้กับร้านค้าวัสดุก่อสร้างในเครือข่าย สามารถแข่งขันกับร้านค้า Modern Trade ที่ขยายตัวผ่านแพลตฟอร์ม BAANDY Terminal”
สำหรับแผนธุรกิจของบริษัทในปีนี้ ยังคงเดินหน้าขยายตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยประเมินมูลค่าตลาดวัสดุก่อสร้างโดยรวมมีมากถึง 5 แสนล้านบาท ซึ่งปี 2565 มองว่าตลาดจะเติบโตประมาณ 3-5% จากปีก่อน
แม้ว่าสถานการณ์ โควิด-19 จะส่งผลกระทบในปีที่แล้ว แต่ในปีนี้ประเทศไทยรับมือและเข้าถึงวัคซีนมากขึ้น ดังนั้นปัจจัยดังกล่าวทำให้ดีมานด์การใช้จ่ายสูงขึ้น ประกอบกับผู้ประกอบการธุรกิจก่อสร้างต่างปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจกันต่อเนื่อง
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ดาวโจนส์ปิดพุ่ง/น้ำมันร่วง15$,ทองลง55$
หุ้นดาวโจนส์ปิดพุ่ง 653.61 จุด มีความหวังสงครามยูเครนใกล้ยุติ ด้านราคาน้ำมันร่วง15ดอลลาร์ ขณะที่ทองคำ ลงแรง 55.10 ดอลลาร์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,286.25 จุด เพิ่มขึ้น 653.61 จุด หรือ +2.00%, ดัชนี เอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,277.88 จุด เพิ่มขึ้น 107.18 จุด หรือ +2.57% และดัชนี แนสแดค ปิดที่ 13,255.55 จุด เพิ่มขึ้น 459.99 จุด หรือ +3.59% นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับสงครามรัสเซีย-ยูเครนมีความหวังที่ว่าสงครามในยูเครนใกล้ยุติลง หลังจากมีข่าวว่ายูเครนได้ล้มเลิกความตั้งใจที่จะเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต)
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 15.00 ดอลลาร์ ปิดที่ 108.70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ลดลง 16.84 ดอลลาร์ ปิดที่ 111.14 ดอลลาร์ หลังจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ประกาศสนับสนุนการผลิตน้ำมันเข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้น เพื่อบรรเทาภาวะอุปทานขาดแคลนอันเนื่องมาจากรัสเซียถูกนานาประเทศคว่ำบาตร ฐานใช้กำลังทหารรุกรานยูเครน
ราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 55.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,988.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
เท่าไรว่ามาเลย! สื่อดังเผย เปแอสเช พร้อมล่าตัว “แรชฟอร์ด” ตลาดซัมเมอร์นี้
ปารีส แซงต์-แชร์กแมง แสดงท่าทีพิจารณาความเป็นไปได้ในการคว้าตัว มาร์คัส แรชฟอร์ด หัวหอกจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ใน ตลาดซื้อขายนักเตะ ซัมเมอร์นี้หลังจากดาวยิงวัย 24 ปีแสดงความประสงค์ในการย้ายสังกัด
กองหน้าลูกหม้อของ ปีศาจแดง ถูกจำกัดเวลาในการลงสนามเมื่อทีมมีแข้งอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้, เอดินสัน คาวานี่, เจดอน ซานโช่ ไปจนถึง แอนโธนี อีลังก้า ภายใต้การคุมทีมของ ราล์ฟ รังนิค ในปัจจุบัน
โดยสัญญาฉบับปัจจุบันของ แรชฟอร์ด กับต้นสังกัดกำลังจะสิ้นสุดลงในอีก 18 เดือนข้างหน้า ขณะที่ เปแอสเช มีความเสี่ยงที่จะเสีย คิลิยัน เอ็มบัปเป้ ในซัมเมอร์นี้เมื่อสัญญาฉบับปัจจุบันของเจ้าตัวกับยักษ์ใหญ่ ลีกเอิง กำลังจะหมดลงเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล
ทั้งนี้รายงานจาก เดลีเมล ระบุว่า เปแอสเช เคยแสดงความสนใจในตัว แรชฟอร์ด เมื่อซัมเมอร์ก่อนแต่ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้บอกปัดความสนใจจากพวกเขา
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
สัญญาณเตือน Stroke โรคหลอดเลือดสมอง ตีบ แตก ตัน
Stroke หรือ โรคหลอดเลือดสมอง ตีบ แตก ตัน ถือเป็นโรคร้ายในลำดับต้นๆ ที่คร่าชีวิตประชากรไทย และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจนถึงปัจจุบัน Stroke เกิดจากการที่สมองขาดเลือดไปเลี้ยง เนื่องจากเกิดการอุดตัน หรือ แตกของเส้นเลือดที่เป็นทางเดินของเลือดไปเลี้ยงสมองส่วนต่างๆ ไม่ใช่แค่ผู้สูงอายุ แต่ เป็นคนวัยทำงาน หรือวัยรุ่นก็อาจมีความเสี่ยงเกิด strokeได้ด้วยสาเหตุที่ต่างกัน โดยเฉพาะในช่วงอายุ 18-50 ปี
สัญญาณเตือน Stroke โรคหลอดเลือดสมอง ตีบ แตก ตัน
การสังเกตอาการ “BEFAST” ของตนเองหรือคนใกล้ชิดจึงเป็นสิ่งสำคัญ
B คือ Balance เดินเซ เวียนศีรษะ บ้านหมุน ฉับพลัน
E คือ Eyes ตามัว มองไม่เห็น เห็นภาพซ้อนฉับพลัน
F คือ Face Dropping ยิ้มแล้วมุมปากตก
A คือ Arm Weakness ยกมือแล้วกำไม่ได้ หรือแขนขาไม่มีแรง
S คือ Speech Difficulty พูดไม่ชัด พูดไม่ออก
T คือ Time to call ควรรีบโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่และนำส่งโรงพยาบาล
ปัจจัยเสี่ยง Stroke โรคหลอดเลือดสมอง ตีบ แตก ตัน
- ความดันโลหิต ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงกว่า 140-80 มิลลิเมตรปรอท (ค่าปกติ 140-80 มิลลิเมตรปรอท) จะทำให้สมองทำงานผิดปกติ หรือเกิดการแตกหรือตีบของหลอดเลือดสมอง
- โรคเบาหวาน ทำให้เกิดภาวะเส้นเลือดตีบแข็ง ทำให้เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมองอุดตัน เกิดเป็นอัมพาต (หากตรวจพบระดับน้ำตาลในเลือดก่อนรับประทานอาหารเช้ามากกว่า 110 มิลลิกรัม/เดซิลิตร มากกว่า 2 ครั้ง อาจสันนิษฐานได้ว่าเป็นโรคเบาหวาน)
- ไขมันในเลือดสูง ทำให้เกิดการอุดตันของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง ส่งผลให้เป็นอัมพาตในเวลาต่อมา
- สูบบุหรี่ ยิ่งสูบมากยิ่งเสี่ยงมาก เนื่องจากสารในบุหรี่หลายตัวเป็นตัวเร่งให้เกิดการระคายเคืองของผนังหลอดเลือดจนเกิดการตีบตันขึ้นได้
- ขาดการออกกำลังกาย
- โรคอ้วน
- ความเครียด
ตรวจวินิจฉัย Stroke โรคหลอดเลือดสมอง ตีบ แตก ตัน
การตรวจวินิจฉัยเพื่อให้ทราบโอกาสเสี่ยงต่อโรคสมองขาดเลือด สามารถทำได้หลายวิธี นอกจากการตรวจเม็ดเลือดแดง เพื่อดูความเข้มข้นของเลือด การตรวจการอักเสบของหลอดเลือด การตรวจระดับน้ำตาลและไขมันในเลือดแล้ว อาจทำการตรวจเอกซเรย์สมองเพิ่มเติม ในรายที่ผลการตรวจเลือดมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคสมองขาดเลือด ได้แก่
- การตรวจสมองด้วยคอมพิวเตอร์ (CT) เป็นการตรวจดูความผิดปกติของหลอดเลือดสมองว่ามีการแตกหรือตีบตันของหลอดเลือดในสมองหรือไม่
- การตรวจสมองด้วยสนามแม่เหล็ก (MRI) เป็นการถ่ายภาพเอกซเรย์สมองด้วยสนามแม่เหล็กที่สามารถให้รายละเอียดของสมองได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยสามารถตรวจพบการตีบตันของหลอดเลือดสมองได้ตั้งแต่ในระยะแรก และยังสามารถตรวจความผิดปกติของสมอง เช่น เนื้องอกในสมอง เป็นต้น
- การทำอัลตราซาวนด์หลอดเลือดคอ (Carotid Duplex Ultrasound) เพื่อตรวจภาวะความอุดตันของหลอดเลือดบริเวณคอ การไหลเวียนของเลือดที่หลอดเลือดคอ ซึ่งเป็นหลอดเลือดที่สำคัญที่ไปเลี้ยงสมอง โดยใช้คลื่นความถี่สูง เพื่อตรวจหาขนาดและความหนาของผนังหลอดเลือด รวมทั้งการหมุนเวียนของหลอดเลือดที่ขึ้นไปเลี้ยงสมอง
Magic Number กับการรักษา Stroke โรคหลอดเลือดสมอง ตีบ แตก ตัน
สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ Magic Number 4.5 หมายถึง ถ้ามาถึงโรงพยาบาลภายในช่วงเวลา 4.5 ชม. นับตั้งแต่สังเกตเห็นอาการ แพทย์จะสามารถให้ยาละลายลิ่มเลือดหรือ rtPA ทางหลอดเลือดดำ ซึ่งในคนไข้รายที่มีภาวะสมองขาดเลือดและไม่พบภาวะเลือดออกในสมอง จะช่วยให้เลือดไปเลี้ยงสมองได้ทัน แต่สำหรับรายที่หากมาช้าเกิน 4.5 ชั่วโมง แต่ไม่เกิน 24 ชั่วโมงหลังเกิดอาการ และวินิจฉัยว่าเซลล์สมองยังไม่ตายจากการอุดตันของลิ่มเลือดขนาดใหญ่ การให้ยา rtPA อาจไม่ทำให้อาการดีขึ้น ต้องอาศัยการรักษาโดยใส่สายสวนหลอดเลือดสมองเข้าช่วย โดยแพทย์จะพิจารณาว่าจะใช้วิธีการดูด หรือนำลวด หรือตะแกรงเข้าไปเกี่ยวลิ่มเลือดที่อุดตัน ฉะนั้นจึงมีความเสี่ยงเกิดขึ้นได้
หากผู้ป่วยต้องได้รับการผ่าตัดต้องทำด้วยความระมัดระวังโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพื่อวางแผนการรักษาให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีกับผู้ป่วยมากที่สุด นอกจากการให้ยาละลายลิ่มเลือด (fibrinolytic agents or rt-PA) การทำหัตถการใส่สายสวนเพื่อเปิดหลอดเลือดสมอง (endovascular thrombectomy) ยังมีการใช้เทคโนโลยีเอ็มอาร์ไอ (MRI) เพื่อสแกนเนื้อสมอง จะสามารถเห็นความเสียหายได้ชัดเจน ซึ่งจะทำให้ได้ข้อสรุปการรักษาที่ตรงจุดและมีประสิทธิภาพ แพทย์จะใช้เครื่อง Bi-Plane DSA (ไบเพลน ดีเอสเอ) เครื่องตรวจวินิจฉัยและรักษาโรคหลอดเลือด ช่วยในการดึงลิ่มเลือดอุดตัน แบบ Minimally Invasive Procedure โดยการใส่สายสวนเพื่อไปเปิดหลอดเลือดสมอง (ไม่ต้องเปิดกะโหลกศีรษะ) แต่จะมีแผลเล็กที่ขาหนีบตรงบริเวณที่ใส่สายสวน และเพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพสูงสุดกับผู้ป่วยแต่ละราย
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
Whiskey และ Whisky ต่างกันอย่างไร
เรียกว่า คนที่เป็นแฟนของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชั้นเยี่ยม สุดคลาสสิค นั้น ต้องรู้จัก “วิสกี้” กันอยู่แล้ว
“เครื่องดื่มสุดคลาสสิคที่ต้องหมักบ่มในถังไม้โอ๊ค อย่างต่ำ 3 ปี”
“เครื่องดื่มที่มีรากศัพท์มาจากภาษาไอริชโบราณ ซึ่งแปลว่า น้ำแห่งชีวิต”
“เครื่องดื่มที่มีชื่อ คุ้นหูอย่าง สก็อต วิสกี้….”
จะดื่มพร้อมเสต็กเนื้อก็ดี หรือ จะดื่มชิลๆ รับลม บน rooftop ก็ได้…
ตอนดื่มก็อร่อยดีแหละ แต่ตอนเขียนนี่ งง! สรุปแล้ว เจ้าคำว่า “วิสกี้” ในภาษาอังกฤษนั้น ระหว่าง “Whisky” และ “Whiskey” ควรเขียนอย่างไรกันแน่นะ แอดมินอยากจะบอกว่า ที่มาของสองคำนี้ มันมีสตอรี่ด้วยนะ มาร่วมหาคำตอบกันในบทความนี้เลย
ปัญหาโลกแตก สรุปว่า “Whisky” หรือ “Whiskey” อันไหนถูกต้อง
ก่อนอื่นแอดมินขอเฉลยก่อนเลยแล้วกัน ไม่ว่าจะเขียนว่า “Whisky” หรือ “Whiskey” นั้น ถือว่า ถูกต้องทั้งคู่ ครับ
แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า ต้องเขียนให้ถูกต้องตามแหล่งที่ผลิตวิสกี้ขึ้นมา ตามนี้เลยครับ
• เครื่องดื่มวิสกี้ที่ถูกผลิตขึ้นใน ประเทศสกอตแลนด์ ประเทศแคนาดา และ ประเทศญี่ปุ่น เราจะสะกดว่า “Whisky”
• เครื่องดื่มวิสกี้ที่ถูกผลิตขึ้นใน ประเทศอเมริกา และ ไอร์แลนด์ เราจะสะกดว่า “Whiskey”
เวลาพูดออกเสียงเหมือนกัน แต่เวลาเขียนจะต่างกัน ตามตัวอย่างครับ
I had a glass of Japanese whisky last night; it was OK, but it’s no Tennessee whiskey.
และแน่นอนว่า เมื่อเขียนให้อยู่ในรูปของพหูพจน์(Plural) มันก็จะแตกต่างกัน โดยที่ :
“Whisky – Whiskies” และ “Whisky – Whiskeys” นั่นเอง
คือแอดมินจะบอกว่า การที่สะกดไม่เหมือนกัน ไม่ใช่ความบังเอิญหรอกนะ แต่เกิดมาจากความตั้งใจ!
กล่าวคือ วิสกี้ในฐานะเครื่องดื่มสุดร้อนแรงก็เริ่มได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายเรื่อยมา กระทั่งวันเวลาได้ล่วงเลยไปและการบริโภควิสกี้ได้แผ่ขยายออกไปสู่มุมโลกอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงรอยต่อระหว่างศตวรรษที่ 18 และ 19 ที่มีการผลิตและส่งออกวิสกี้จำนวนมากไปยังดินแดนโลกใหม่ซึ่งก็คืออเมริกานั่นเองในระยะนี้บรรดานักทำวิสกี้จากไอร์แลนด์ที่ส่งผลงานออกไปจำหน่ายในอเมริกามีความรู้สึกว่าวิสกี้ฝีมือสก็อตช์นั้นด้อยมาตรฐานกว่าของพวกตนเองหลายขุม เนื่องจากมีการผลิตโดยใช้หม้อกลั่นแบบต่อเนื่อง (หอกลั่น) ซึ่งในยุคนั้นนับว่าเป็นวิธีการผลิตที่ขาดความละเมียดละไมอย่างมาก พวกเขาจึงต้องการประกาศให้โลกรู้ว่าวิสกี้ของชาวไอริชนั้นต่างออกไป และวิธีการหนึ่งก็คือการเติมตัวอักษร “e” เข้าไปในคำให้ชัดเจนไม่เปลี่ยนไปมา บรรดานักปรุงวิสกี้ชาวไอริชทั้งขบวนจึงพากันทำเช่นนี้อย่างเป็นเรื่องเป็นราว และแนวทางนี้ชาวอเมริกันก็ขานรับเป็นอย่างดีเสียด้วย ดังนั้น Whisky ที่เติบโตในอเมริกา ทั้งที่นำเข้าไปจำหน่ายและที่ผลิตขึ้นในประเทศจึงเป็น Whiskey ในที่สุด
ซึ่งพอมาถึงปัจจุบัน เราก็จะพบว่า ความแตกต่างระหว่างวิสกี้ทั้งสองแบบได้จากกรรมวิธีการผลิตและวัตถุดิบที่ใช้
แบ่งเป็น 7 ประเภทหลักๆ ได้ดังนี้
1.สกอชต์วิสกี้ (Scotch whisky) มาจากประเทศ สกอตแลนด์
2.ไรย์วิสกี้ (Rye whiskey) มาจากประเทศ สหรัฐอเมริกา
3. เบอร์เบินวิสกี้(Bourbon whiskey) มาจากประเทศ สหรัฐอเมริกา
4.แคนาเดียนวิสกี้ (Canadian whisky) มาจากประเทศ แคนาดา
5.ไอริชวิสกี้(Irish whiskey) มาจากประเทศ ไอร์แลนด์
6.เทนเนสซี่วิสกี้(Tennessee whiskey) มาจากประทเศ สหรัฐอเมริกา
7.แจแปนนีสวิสกี้(Japanese whiskey) มาจากประเทศ ญี่ปุ่น
สรุปคือ ไม่ว่าจะเป็น Whisky หรือ Whiskey ทั้งหมดนี้จึงเป็นเหล้าชนิดเดียวกัน แต่ต่างกันแค่แหล่งกำเนิดเท่านั้นแองครับ หากมีโอกาสได้ใช้คำศัพท์คำนี้ อย่าลืมเลือกใช้ให้ถูกน้า ☺☺☺
ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th
ไทยแชมป์ยอดขายสมาร์ทโฟน 5G สูงสุดในอาเซียน
ไอดีซีเผยยอดจำหน่ายสมาร์ทโฟนไทยปี 64 อยู่ที่ 20.9 ล้านเครื่อง เติบโตขึ้น 20.9% โตแรงสุดในอาเซียน ขณะที่ยอดขายสมาร์ทโฟน 5G ของไทยสูงที่สุดในอาเซียนเช่นกัน
อ้างอิงจากข้อมูลของ International Data Corporation’s (IDC) Quarterly Mobile Phone Tracker, ยอดจำหน่ายสมาร์ทโฟนไทยอยู่ที่ 20.9 ล้านเครื่องในปี 2564 เพิ่มขึ้น 20.9% ซึ่งเติบโตมากสุดในภูมิภาคอาเซียน เฉพาะไตรมาสที่ 4 เติบโต 16.6% เมื่อเทียบต่อปีคิดเป็น 5.5 ล้านเครื่อง อันเป็นผลมาจากการโปรโมชันตามฤดูกาลและการฟื้นตัวของยอดขายในร้านค้าปลีกเนื่องจากการผ่อนคลายการล็อกดาวน์มากขึ้นเมื่อต้นไตรมาส
นอกจากนี้ บริษัทโทรคมนาคมยังได้ส่วนแบ่งจากการเติบโตเมื่อเทียบต่อไตรมาสที่สูงซึ่งคิดเป็นเกือบหนึ่งในสามของตลาดสมาร์ทโฟน เนื่องจาก iPhone 13 ซีรีส์ใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวได้รับความนิยมสูง สมาร์ทโฟน 5G มีส่วนแบ่งมากกว่าหนึ่งในสามของตลาดในไตรมาสที่ 4 นำโดย iPhone ของ Apple และโทรศัพท์ Android ราคาระดับกลาง อย่างเช่น Samsung Galaxy A52s, vivo Y76 และ Redmi Note 10
ขณะที่ยอดขายสมาร์ทโฟน 5G ของไทยสูงที่สุดในอาเซียนทั้งในไตรมาสที่ 4 และ ปี 2564 และสูงเป็นอันดับ สามในภมูิภาคเอเชีย/แปซิฟิก (ไม่รวมจีนและญี่ปุ่น )รองจากอินเดียและเกาหลีใต้
นายธีริทธิ์ เปาวัลย์ นักวิเคราะห์ตลาดไอดีซี ประเทศไทย กล่าวว่าปี 2564 แข็งแกร่งเป็นพิเศษเนื่องจากความต้องการที่ถูกกักไว้จากปีก่อนหน้าที่เกิดปัญหาสินค้าขาด ทั้งยังมีเงินอุดหนุนโควิด-19 จากภาครัฐ และสมาร์ทโฟน 5G มีราคาไม่แพง
“ไอดีซี คาดว่าการเติบโตจะทรงตัวในปี 2565 แต่ก็ยังคงสูงกว่าช่วงก่อนเกิดโรคระบาดในปี 2562 ถึง 14% การควบรวมกิจการระหว่าง TRUE และ Dtac มีแนวโน้มว่าจะส่งผลให้เกิดการแข่งขันที่รุนแรงในระยะสั้นในการขยายฐานผู้ใช้บริการ อย่างไรก็ตามข้อจำกัดด้านอุปทานจะยังคงเป็นคอขวดอย่างน้อยในช่วงครึ่งแรกของปี 2565”
5 อันดับแรกของผู้จำหน่ายสมาร์ทโฟนในไตรมาสที่ 4
ซัมซุง ยังคงอยู่ในอันดับหนึ่งแม้ว่าจะมีการขาดแคลนรุ่น A-series โปรโมชัน และสิ่งจูงใจที่มุ่งเป้าไปที่ซีรีส์เรือธงส่งผลให้ยอดขาย Galaxy S21 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องรวมถึงการเติบโตของสมาร์ทโฟนพับได้
เสียวหมี่กระโดดขึ้นสู่อันดับสอง เนื่องจากการจัดส่งซีรีส์ Redmi ที่ราคาย่อมเยาฟื้นตัวขึ้น เสี่ยวมี่พยายามขยายช่องทางออฟไลน์เรื่อยๆ โดยเปิดร้านแบรนด์ Xiaomi ใหม่ 13 แห่งในเดือนธันวาคม
แอปเปิ้ล มีการเติบโตทั้งเมื่อเทียบต่อปีและต่อไตรมาสด้วยการเปิดตัวซีรีส์iPhone 13 แม้ว่าจะมีปัญหาขาดแคลนสินค้าอยู่บ้างและราคาที่สูงกว่าในบางรุ่น เช่น 12 Pro และ 12 Pro Max
ออปโป้ มีอุปทานที่ตึงตัวในกลุ่มสินค้า 4G ราคาย่อมเยา ส่วนในราคาระดับกลางอย่าง Reno 6 นั้นได้รับการตอบรับที่ดี แต่ Reno 6 Pro ที่มีราคาสูงกว่านั้นยอดขายยังไม่รุนแรงนักโดยมีช่องทางที่จำกัดเฉพาะร้านค้าแบรนด์ OPPO และช่องทางออนไลน์
วีโว่ ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการขาดแคลนสินค้าในระรดับราคาย่อมเยาอย่างซีรีส์ Y วีโว่นั้นเสริมความแข็งแกร่งทางหน้าร้านและร้านของเครือข่ายด้วยการเพิ่มพนักงานขาย
“อุปทานมีข้อจำกัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับสมาร์ทโฟน 4G ระดับราคาย่อมเยาทำให้แบรนด์สมาร์ทโฟนต้องปรับตัวตามสถานการณ์เช่น การใช้ชิปจากผู้ผลิตเกิดใหม่ เช่น Unisoc และเน้นผลิตสินค้ารุ่นที่ขายดีสุด”
นายธีริทธ์ กล่าวต่อไปว่าผู้เล่นรายเล็ก เช่น HMD (Nokia), Lenovo (Motorola) และ TCL ได้ก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในตลาดในช่วงเวลานี้ เนื่องจากการมุ่งเน้นไปที่กลุ่มราคาที่ไม่แพงซึ่งมีความต้องการสูงในตลาด”
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“ปอดแห่งใหม่ใจกลางสีลม” โครงการPark Silom โครงการที่ใส่ใจธรรมชาติและตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่
การันตีความสำเร็จได้เป็นอย่างดีสำหรับโครงการ Park Silom (พาร์คสีลม) โครงการอาคารสำนักงานมิกซ์ยูสแห่งใหม่ใจกลางถนนสีลม อาคารที่มีความโดดเด่นล้ำสมัย และมีฟังก์ชันครบจบในที่เดียวตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ได้เป็นอย่างดี ซึ่งอาคารถูกออกแบบให้เป็นแบบ Mixed-use ผสมระหว่างสำนักงาน และร้านค้าเชิงพาณิชย์ สูง 39 ชั้น ตั้งอยู่บนที่ดินขนาดมากกว่า 6 ไร่ ติดกับถนนสีลม โดยพื้นที่ชั้นล่าง 5 ชั้น จะเป็นโซนของ Community Mall มีร้านค้าต่างๆ ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับคนที่ทำงานหรือใช้ชีวิตในย่านสีลม ส่วน Community Mall ฝั่งซอยศาลาแดง 2 เป็นโซนที่เปิด Public ให้คนเข้าออกจับจ่ายใช้สอยได้สะดวก ซึ่งทำเลโครงการสามารถเข้าถึงได้ง่ายด้วยรถไฟฟ้า 2 สาย เป็นสถานี interchange ระหว่าง BTS สายสีลม สถานีศาลาแดง กับ MRT สถานีสีลมและในอนาคตจะทำทางเชื่อม BTS เข้าในอาคารเพื่อให้สะดวกต่อการเดินทางมากที่สุด ทั้งนี้โครงการออกแบบและสร้างภายใต้มาตรฐานสากลการออกแบบอาคารประหยัดพลังงาน (LEED) และมาตรฐานการยกระดับสุขภาพที่ดีของผู้ใช้อาคาร (WELL) และอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญคือโครงการ Park Silom (พาร์คสีลม) มุ่งเน้นให้ความสำคัญกับพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่บริเวณด้านหน้าโครงการเพื่อสร้าง “ปอดแห่งใหม่ใจกลางสีลม” ให้เป็นสถานที่ ซึ่งทุกคนสามารถมาพักผ่อนหย่อนใจ และสูดอากาศบริสุทธิ์ มีการใช้บริเวณพื้นที่อย่างคุ้มค่า มี Space ที่โปร่ง และไม่ทำลายธรรมชาติเพราะมีพื้นที่สีเขียวทั้งภายในและภายนอกอาคารเอาไว้ ให้สมกับผ่านการออกแบบที่สร้างสรรค์ โดยทางบริษัท นายณ์ แอนด์ อาร์จีพี ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ตั้งใจรังสรรค์ ใส่ใจในทุกรายละเอียดมากที่สุด เพราะทางบริษัทคำนึงถึงการใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ที่ไม่ใช่แค่มาทำงานไปวัน ๆ อย่างเดียว แต่เปลี่ยนมุมมองใหม่เป็นการใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ ได้ทำกิจกรรมต่างๆในพื้นที่เดียวกัน
ยังตอกย้ำความสำเร็จเพิ่มขึ้นไปอีกเมื่อ Park Silom ได้รับรางวัล Best Office Development Asia Pacific จากเวที International Property Awards ณ สหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้แก่บริษัทอสังหาริมทรัพย์และบริษัทออกแบบสถาปัตยกรรมในด้านต่าง ๆ รวมไปถึงบริษัทที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทำให้บริษัทกลายเป็นผู้นำด้านการพัฒนาอาคารสำนักงานเกรดพรีเมียมและร้านค้าเชิงพาณิชย์ สำหรับรางวัล Best Office Development Asia Pacific เป็นรางวัลที่มอบให้แก่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ และบริษัทออกแบบสถาปัตยกรรมในด้านต่าง ๆ รวมไปถึงบริษัทที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยการแข่งขันแบ่งเป็น 4 ประเภทหลักคือ 1. Architecture 2. Interior Design 3. Development 4.Real Estate ครอบคลุม 9 ภูมิภาค ครอบคลุมแอฟริกา เอเชียแปซิฟิก อาระเบีย แคนาดา แคริบเบียน อเมริกากลางและใต้ ยุโรป สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา โดยได้รับการตัดสินจากทีมงานมืออาชีพ ที่มีประสบการณ์สูงในด้านอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมด ซึ่งในแต่ละหมวดจะมีการแบ่งเป็นสาขาย่อยในรายละเอียดโดยเฉพาะ และพาร์คสีลมได้เข้าร่วมประกวดแข่งขันในครั้งนี้ ในประเภทที่ 3. Development (ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์) และโครงการนี้ก็ได้รางวัลกลับมา
โดย นายสุธี ลิมปนชัยพรกุล ประธานอำนวยการ บริษัท นายณ์ เอสเตท เป็นตัวแทนจาก บริษัท นายณ์ แอนด์ อาร์จีพี ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผู้พัฒนาโครงการ Park Silom (พาร์คสีลม) เดินทางไปรับรางวัล Best Office Development Asia Pacific จาก International Property Awards ณ สหราชอาณาจักร นอกจากนี้บริษัทยังเคยได้รับรางวัล Property development of the year ประจำปี 2020 ที่ผ่านมา จาก Outstanding Property Award London (OPAL) อีกด้วย ยิ่งการันตีถึงคุณภาพของการออกแบบ ที่คำนึงถึงการจัดพื้นที่ใช้สอยและการจัดการเรื่องสิ่งแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกอาคารในระดับ international อย่างแท้จริง ทั้งนี้โครงการเกรดพรีเมี่ยมอย่าง Park Silom คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ใน Q1 ปี 2023 พร้อมบริการทุกท่านอย่างเต็มที่แน่นอน
ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 10/03/2565
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 30,800.00 | 30,900.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,995.00 | 30,244.20 | 31,400.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,795.50 | 27,219.78 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,596.00 | 24,195.36 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 898.00 | 13,613.68 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 698.00 | 10,581.68 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,067.00 | 31,335.72 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 10/03/2565
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 40.15 | 40.15 | 43.45 | 41.55 | 41.75 | 40.15 | 40.65 | 40.45 | 41.55 | 40.15 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 39.88 | 39.88 | 43.18 | 41.28 | 41.48 | 39.88 | 40.38 | 40.18 | 41.28 | 39.88 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 39.04 | 39.04 | 42.34 | 40.44 | 40.64 | – | 39.54 | 39.34 | 40.44 | 39.04 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 32.34 | 32.34 | – | – | – | – | – | – | – | 32.34 |
เบนซิน 95 | 47.56 | – | – | – | 49.61 | – | 48.56 | 48.36 | – | 47.56 |
ดีเซล B7 | 29.94 | 29.94 | 34.24 | 30.94 | 31.94 | 29.94 | 30.74 | 30.74 | 30.94 | 29.94 |
ดีเซล | 29.94 | 29.94 | 34.24 | 30.94 | 31.94 | 29.94 | 30.74 | 30.74 | 30.94 | 29.94 |
ดีเซล B20 | 29.94 | 29.94 | 34.24 | – | 31.94 | – | 30.74 | 30.74 | – | 29.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 35.96 | 35.96 | 40.69 | 37.46 | 38.69 | – | – | – | – | 35.96 |
แก๊ส NGV | 15.59 | 15.59 | – | – | – | – | – | – | – | 15.59 |