สาระน่ารู้ประจำวันที่ 10 มิถุนายน 2565

‘บ้านมือสอง’ ประกาศขาย 9.3 แสนล. บ้านเดี่ยว ทำเล กทม. พีคสุด!

'บ้านมือสอง' ประกาศขาย 9.3 แสนล. บ้านเดี่ยว ทำเล กทม. พีคสุด!

REIC เผย คนแห่ ประกาศขาย ‘บ้านมือสอง’ – ‘ทรัพย์ธนาคาร’ ต่อเดือนทะลัก 9.37 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% ขณะ บ้านเดี่ยว มากสุด 40% พบ ทำเล กทม.,นนทบุรี ,สมุทรปราการ ขึ้นแท่นมากสุด

10 มิถุนายน 2565 – ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC) รายงาน ‘สถานการณ์ตลาดบ้านมือสอง’ ครอบคลุม บ้านมือสอง ทั่วประเทศ ทั้งการประกาศขายบ้านมือสองผ่านเว็บไซต์  , ที่อยู่อาศัยมือสองของสถาบันการเงินของรัฐ บริษัทบริหารสินทรัพย์ภาครัฐ และกรมบังคับคดี ฯลฯ และการประกาศขายผ่านเว็บไซต์ตลาดนัดบ้านมือสอง (www.taladnudbaan.com) 

ทั้งนี้ พบว่าจำนวนหน่วยและมูลค่าที่อยู่อาศัยมือสองทั่วประเทศ ในไตรมาส 1 ปี 2565  มีจำนวนหน่วยประกาศขายเฉลี่ยต่อเดือน 137,957 หน่วย และมีมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือน 937,992 ล้านบาท 

ทั้งนี้ พบว่าจำนวนหน่วยและมูลค่าที่อยู่อาศัยมือสองทั่วประเทศ ในไตรมาส 1 ปี 2565  มีจำนวนหน่วยประกาศขายเฉลี่ยต่อเดือน 137,957 หน่วย และมีมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือน 937,992 ล้านบาท ส่วน จำนวนหน่วยเฉลี่ยต่อเดือนและมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือนลดลงร้อยละ -5.3  เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 4 ปี 2564 ซึ่งมีจำนวนหน่วยเฉลี่ยต่อเดือน 145,753 หน่วย และมีมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือน 990,224 ล้านบาท 

'บ้านมือสอง' ประกาศขาย 9.3 แสนล. บ้านเดี่ยว ทำเล กทม. พีคสุด!

บ้านมือสองขยายตัว มี.ค.ประกาศขายทะลุ 1 ล้านล.

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจำนวนหน่วยเฉลี่ยต่อเดือนและมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือน เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.2 และร้อยละ 25.1 เมื่อเทียบกับ ไตรมาส 1 ปี 2564 ซึ่งมีจำนวนหน่วยเฉลี่ยต่อเดือน 114,794 หน่วย และมีมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือน 749,651 ล้านบาท

'บ้านมือสอง' ประกาศขาย 9.3 แสนล. บ้านเดี่ยว ทำเล กทม. พีคสุด!

โดย ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคาร และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่าในไตรมาส 1 ปี 2565 พบว่าสถานการณ์การประกาศขายบ้านมือสองในตลาดมีความเคลื่อนไหวในทิศทางการขยายตัวเพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยเดือนที่มีจำนวนหน่วยและมูลค่าที่อยู่อาศัยมือสองประกาศขายมากที่สุด ได้แก่ เดือนมีนาคม ซึ่งมีจำนวน 155,027 หน่วย มูลค่า 1,027,953 ล้านบาท 

5 ประเภท ที่อยู่อาศัยมือสอง 

โดยประเภทที่อยู่อาศัยมือสองที่ประกาศขายสะสมบนเว็บไซต์ในไตรมาส 1 ปี 2565 เรียงลำดับตามจำนวนหน่วยที่ประกาศขายสะสมเฉลี่ยต่อเดือนมากที่สุด มีดังนี้ 

  • บ้านเดี่ยว มีจำนวนหน่วยเฉลี่ยต่อเดือน 55,205 หน่วย (สัดส่วนร้อยละ 40.0) มีมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือน 499,671 ล้านบาท (สัดส่วนร้อยละ 53.3)    
  • ห้องชุด จำนวนหน่วยเฉลี่ยต่อเดือน 40,660 หน่วย (สัดส่วนร้อยละ 29.5) มีมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือน 302,231 ล้านบาท (สัดส่วนร้อยละ 32.2)
  • ทาวน์เฮ้าส์ จำนวนหน่วยเฉลี่ยต่อเดือน 36,391 หน่วย (สัดส่วนร้อยละ 26.4) มีมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือน 110,753 ล้านบาท (สัดส่วนร้อยละ 11.8)
  • อาคารพาณิชย์ จำนวนหน่วยเฉลี่ยต่อเดือน 3,552 หน่วย (สัดส่วนร้อยละ 2.6) มีมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือน 18,150 ล้านบาท (สัดส่วนร้อยละ 1.9)
  • บ้านแฝด จำนวนหน่วยเฉลี่ยต่อเดือน 2,149 หน่วย (สัดส่วนร้อยละ 1.6) มีมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือน 7,186 ล้านบาท (สัดส่วนร้อยละ 0.8) 

10 จังหวัด บ้านมือสอง ประกาศขายมากสุด 

  1. กรุงเทพมหานคร 
  2. นนทบุรี 
  3. สมุทรปราการ 
  4. ปทุมธานี 
  5. ชลบุรี
  6. เชียงใหม่ 
  7. ระยอง 
  8. ประจวบคีรีขันธ์ 
  9. ภูเก็ต 
  10. นครราชสีมา 

ทั้งนี้ 10 จังหวัดดังกล่าวมีสัดส่วนจำนวนหน่วยเฉลี่ยต่อเดือนรวมกัน เท่ากับร้อยละ 75.5 ของทั้งประเทศ และมีสัดส่วนมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือนรวมกันร้อยละ 88.6 


ราคาบ้านมือสอง – ที่อยู่อาศัยมือสอง

ราคาที่อยู่อาศัยมือสองทุกประเภทที่มีการประกาศขายในไตรมาส 1 ปี 2565 มีจำนวนหน่วยประกาศขายเฉลี่ยต่อเดือนมากที่สุดในระดับราคา 3.01 – 5.00 ล้านบาท โดยมีจำนวนหน่วยเฉลี่ยต่อเดือน 23,295 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนเฉลี่ยร้อยละ 16.9 ส่วนระดับราคาที่มีจำนวนหน่วยประกาศขายเฉลี่ยต่อเดือนน้อยที่สุดคือ ระดับราคา 7.51 – 10.00 ล้านบาท โดยมีจำนวนเฉลี่ยต่อเดือน 7,432 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนเฉลี่ยร้อยละ 5.4 

เมื่อพิจารณาภาพรวมของปี 2564 พบว่า มีจำนวนหน่วยประกาศขายเฉลี่ยต่อเดือนมากที่สุดในระดับราคามากกว่า 3.01 – 5.00 ล้านบาท โดยมีจำนวนเฉลี่ยต่อเดือน 25,219 หน่วย (สัดส่วนร้อยละ 17.3) มูลค่าเฉลี่ยต่อเดือน 99,621 ล้านบาท (สัดส่วนร้อยละ 10.1)

ส่วนระดับราคาที่มีจำนวนหน่วยประกาศขายเฉลี่ยต่อเดือนน้อยที่สุดคือ ระดับราคา 7.51 – 10.00 ล้านบาท โดยมีจำนวนหน่วยเฉลี่ยต่อเดือน 7,960 หน่วย (สัดส่วนร้อยละ 5.5) และมีมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือน 69,509 ล้านบาท (สัดส่วนร้อยละ 7.0) 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


MQDC ฟาดแรงบ้านหรู ซิกเซนส์ เรสซิเดนซ์ฯ ยอดขายวิ่ง 78%

MQDC

ยุคโควิดตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับซูเปอร์ลักเซอรี่เติบโตได้ดีเกินคาด

ประเมินได้จากยอดขายโครงการ “ซิกส์เซนส์ เรสซิเดนซ์” บ้านซูเปอร์หรูในโครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ ซึ่งมีจำนวนจำกัดเพียง 27 ยูนิต อัพเดตล่าสุดลูกค้าจองซื้อแล้ว 78%

โดยปรุงสูตรความสำเร็จของโครงการด้วยการผสานแบรนด์ระดับโลก ตกผลึกเป็นคอนเซ็ปต์พัฒนาโครงการบนสุดยอดทำเล ตอบโจทย์ตลาดซูเปอร์พรีเมี่ยม จนกระทั่งทำยอดขายทะลุ 4,700 ล้านบาท

กำลังซื้อซูเปอร์หรูทะลัก

“เรารู้สึกดีใจที่เห็นว่าในตลาดมีความต้องการสูงมากสำหรับบ้านในระดับอัลตร้าลักเซอรี่ ที่มีจุดขายให้ความสำคัญกับการอยู่อาศัยใกล้ชิดธรรมชาติ การออกแบบและก่อสร้างที่เป็นคุณภาพมาตรฐานสูงสุด โดยมีปัจจัยเบื้องหลังความสำเร็จคือการผสมผสานกันของจุดแข็งแกร่งที่มากับแบรนด์เดอะซิกส์เซนส์ บวกเข้ากับสุดยอดคอนเซ็ปต์โครงการ และทำเลที่ตั้งในเดอะ ฟอเรสเทียส์”

คำกล่าวของ “กิตติพันธุ์ อุยยามะพันธุ์” ผู้อำนวยการโครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ โดย MQDC

ทั้งนี้ “MQDC-บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น” หนึ่งในบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย ประกาศสถิติผลตอบรับท่วมท้นจากการเปิดขายที่อยู่อาศัยแบรนด์ซิกส์เซนส์โครงการแรกในประเทศไทย

โดยซิกส์เซนส์ เรสซิเดนซ์ ตั้งอยู่ในพื้นที่โครงการ “เดอะ ฟอเรสเทียส์” พิกัดถนนบางนา-ตราด กิโลเมตรที่ 7 ล่าสุด ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2565 ทำยอดขาย 4,700 ล้านบาท คิดเป็นจำนวนยูนิตขายแล้ว 21 หลัง จากทั้งหมด 27 หลัง

“ความรวดเร็วในการตัดสินใจของผู้ซื้อแสดงให้เห็นว่าตลาดยังมีความต้องการอยู่ในระดับที่สูงมากสำหรับบ้านในระดับอัลตร้าลักเซอรี่ในกรุงเทพฯ ซึ่งลูกค้าให้ความสำคัญกับการอยู่อาศัยใกล้ชิดธรรมชาติ รวมทั้งมีแนวทางการออกแบบและก่อสร้างที่เป็นคุณภาพระดับสูงสุด โดยในช่วง 30 วันแรกของการเปิดขาย สามารถขายบ้านได้ถึง 16 หลัง และจนถึงวันนี้ขายเพิ่มได้อีก 5 หลัง”

MQDC

ราคากระหึ่ม 180-360 ล้าน

รายละเอียดบ้านในโครงการซิกส์เซนส์ เรสซิเดนซ์ เดอะ ฟอเรสเทียส์ ออกแบบเป็นบ้านเดี่ยว จำนวน 27 หลัง ดีไซน์คอนเซ็ปต์ให้มีพื้นที่สวนของตัวเอง และมีทะเลสาบล้อมรอบ

สำหรับตัวบ้านมีให้เลือก 3 ขนาด ฟังก์ชั่นตั้งแต่ 3-5 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 790 ตารางเมตร ไปจนถึงเกือบ 1,500 ตารางเมตร สนนราคาเริ่มต้นที่ 180 ล้านบาท และไต่เพดานราคาตามไซซ์ S-M-L ขึ้นไปถึงราคามากกว่าหลังละ 360 ล้านบาท

ซิกส์เซนส์ เรสซิเดนซ์ เดอะ ฟอเรสเทียส์ เมื่อโปรดักต์พัฒนาเพื่อเจาะตลาดอัลตร้าลักเซอรี่ ดังนั้น คุณภาพชีวิตในการพักอาศัยจึงถูกออกแบบให้มีบริการหลังการขายที่เหนือระดับตามไปด้วย เพื่อตอกย้ำการเป็นหนึ่งในโครงการที่อยู่อาศัยที่ดีที่สุด และมีสเป็กท็อปคลาสที่สุดในประเทศไทย

“บ้านในโครงการซิกส์เซนส์ เรสซิเดนซ์ เดอะ ฟอเรสเทียส์ ทุกหลังรับประกันคุณภาพ 30 ปีโดย MQDC และทุกหลังมาพร้อมกับบริการและสิทธิพิเศษที่เหนือระดับตามแบบฉบับของบ้านแบรนด์ซิกส์เซนส์ รวมถึงบริการอำนวยความสะดวกที่ใส่ใจผู้อยู่อาศัยอย่างที่สุด พร้อมด้วยคลับเฮาส์ และการบริหารจัดการดูแลในระดับพิเศษเพื่อรักษาและคงความเป็นสังคมที่มุ่งเน้นในเรื่องคุณภาพการใช้ชีวิต และความยั่งยืน”

ตั้งเป้าโอนหลังแรก Q2/67

สำหรับทีมงานที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จเกินคาดของโครงการนี้ ประกอบไปด้วยบริษัท Foster+Partners และ DT designs รับหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางด้านสถาปัตยกรรมการออกแบบ และ Six Senses Hotels Resorts Spas เป็นที่ปรึกษาด้านงานตกแต่งภายใน และภาพรวมโครงการ

“บ้านหลังแรก ๆ ในโครงการซิกส์เซนส์ เรสซิเดนซ์ เดอะ ฟอเรสเทียส์ คาดว่าจะสามารถก่อสร้างให้แล้วเสร็จและพร้อมส่งมอบเพื่อโอนกรรมสิทธิ์ได้ภายในไตรมาส 2/67”

และแน่นอนว่ายอดขายที่น่าอิจฉานี้เป็นเพราะ selling point บ้านทุกหลังในโครงการถูกดีไซน์ให้ตั้งอยู่ท่ามกลางความร่มรื่นเขียวขจีของธรรมชาติ

โดยบ้านทุกหลังจัดวางทุกรายละเอียดผสมผสานการใช้ชีวิตทั้งภายในและภายนอกตัวบ้านอย่างกลมกลืนไร้รอยต่อ มีทั้งบ่อออนเซนและสระว่ายน้ำ เติมเต็มให้เหนือระดับขึ้นไปอีกด้วยวิวทะเลสาบ ทำให้จินตนาการไปถึงบรรยากาศสายลมธรรมชาติที่พัดผ่านให้ดื่มด่ำได้ทั้งกลางวันและกลางคืน

ลงทุนโรงแรมซิกส์เซนส์

บิสซิเนสโมเดลยังรวมถึงการที่โครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ จะเป็นที่ตั้งของโรงแรมแห่งใหม่ในเครือซิกส์เซนส์ที่มีห้องพักประมาณ 85 ห้อง ไทม์ไลน์มีกำหนดจะเปิดให้บริการในช่วงครึ่งปีแรก 2567

ทั้งนี้ เจ้าของบ้านทุกหลังในโครงการซิกส์เซนส์ เรสซิเดนซ์ จะได้รับสิทธิพิเศษในการเข้าใช้สถานที่ต่าง ๆ ของโรงแรม เข้าถึงบริการที่หลากหลายตั้งแต่การดูแลบ้าน การดูแลเด็ก (baby-sitting) ไปจนถึงบริการบัตเลอร์ พร้อมสิทธิพิเศษเพิ่มเติมในการใช้บริการระดับ 6 ดาว ไม่ว่าจะเป็นห้องพัก สปา อาหารและเครื่องดื่มอีกด้วย

มัลเบอร์รี โกรฟ ยอดก็วิ่ง

นอกจากนี้ เดอะ ฟอเรสเทียส์ ซึ่งมีที่อยู่อาศัยระดับลักเซอรี่หลากหลายโครงการ โดย “กิตติพันธุ์” อัพเดตข้อมูลล่าสุดว่า บ้านแบรนด์ “มัลเบอร์รี โกรฟ” ก็มีผลตอบรับที่ดีเกินคาดเช่นเดียวกัน ปัจจุบันสามารถทำยอดขายได้แล้ว 3,720 ล้านบาท ณ 31 พฤษภาคม 2565

รายละเอียดออกแบบเป็นบ้านสไตล์คลัสเตอร์โฮม “มัลเบอร์รี โกรฟ วิลล่า” ตอบโจทย์กลู่มลูกค้าครอบครัวใหญ่ที่อยู่อาศัยด้วยกันหลากหลายเจเนเรชั่น โดย MQDC ให้ความใส่ใจถึงความต้องการสำหรับครอบครัวที่อยากจะอยู่ใกล้ชิดกันในบ้านเดี่ยวหลาย ๆ หลังที่อยู่ในอาณาบริเวณเดียวกัน
ดังนั้น โครงการมัลเบอร์รี โกรฟ วิลล่า จึงนำเสนอบ้านทั้งหมด 37 หลัง แบบบ้านมีให้เลือกสามขนาด ฟังก์ชั่น 4-6 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 1,000 ตารางเมตรไปจนถึง 1,700 ตารางเมตร

อนึ่ง “เดอะ ฟอเรสเทียส์” ตั้งอยู่บนที่ดินผืนมหึมา 398 ไร่ ปักหมุดบนทำเลถนนบางนา-ตราด ซึ่งเป็นเส้นทางเชื่อมต่อสู่พื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ที่กำลังเติบโตและพัฒนาอย่างรวดเร็ว

โดยพื้นที่อันกว้างใหญ่ 398 ไร่ของเดอะ ฟอเรสเทียส์ ประกอบไปด้วยพื้นที่สวนสาธารณะ ธรรมชาติ โครงการที่พักอาศัยหลากหลายแบรนด์ที่ตอบโจทย์หลากหลายไลฟ์สไตล์และช่วงวัย พื้นที่เพื่อกิจกรรมชุมชนต่าง ๆ และพื้นที่เชิงธุรกิจที่มุ่งเน้นส่งเสริมการใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพดี ท่ามกลางธรรมชาติและสภาพแวดล้อมที่มีคุณภาพ

ขอบคุณข้อมูลจาก prachachat.net


เงินบาทอ่อนค่า เปิดตลาด 34.67 บาทต่อดอลลาร์

เงินบาทอ่อนค่า เปิดตลาด 34.67 บาทต่อดอลลาร์

เงินบาทเปิดตลาด 34.67 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่า ตลาดจับตาตัวเลข CPI สหรัฐฯ คืนนี้

เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 65 นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 34.67 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าจากปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 34.47 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวทิศทางเดียวกับภูมิภาค เนื่องจากดอลลาร์แข็งค่าเทียบกับทุกสกุลเงิน หลังเมื่อคืนนี้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 34.50 – 34.70 บาท/ดอลลาร์ สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามคืนนี้ คือ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ค. ของสหรัฐฯ

ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com


Scoop : เคล็ดลับความปัง “พิมพิชยา ก๊กรัมย์” ผลลัพธ์จากการชุบตัวใน วี.ลีก

Scoop : เคล็ดลับความปัง "พิมพิชยา ก๊กรัมย์" ผลลัพธ์จากการชุบตัวใน วี.ลีก

ต้องยอมรับว่า ในช่วงระยะหลัง การได้ย้ายออกไปเล่นในลีกต่างประเทศ นับว่าเป็นอีกหนึ่งภารกิจที่ยากของนักตบไทย เพราะนับตั้งแต่หมดยุคของบรรดานักตบ “7 เซียน” ที่ทยอยกันกลับมาเล่นในเมืองไทย นักตบรุ่นหลักก็มีโอกาสได้เดินทางไปโกยเงินต่างประเทศกันน้อยมาก

ทว่านับตั้งแต่ฤดูกาล 2018-19 เป็นต้นมา เป็นช่วงเวลาที่แฟนวอลเลย์บอลชาวไทย ได้ติดตามผลงานเชียร์นักตบสาวของไทยในลีกต่างประเทศกันมากขึ้น โดยเฉพาะที่ลีกญี่ปุ่น ที่เปิดโอกาสให้แต่ละทีมสามารถซื้อตัวนักตบจากเอเชียได้ และ พิมพิชยา ก๊กรัมย์ บีหลังทีมชาติไทย เป็นอีกคนที่ได้ร่วมทีม คุโรเบะ อะควา ไฟรีส์ ของวี.ลีก เมื่อปีที่ผ่านมา

เก็บกระเป๋าตามหาฝัน

บีม เกิดที่ จ.บุรีรัมย์ และสร้างชื่อจากการลงเล่นวอลเลย์บอลรายการเด็กสุดในเมืองไทยอย่าง วิทยุการบินฯ มินิวอลเลย์บอล ด้วยการพาทีมโรงเรียนอนุบาลลำปลายมาศ คว้าแชมป์รอบประเทศเมื่อปี 2553

ก่อนที่ พิมพิชยา จะย้ายมาสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมกับ โรงเรียนกีฬานครนนท์วิทยา 6 จ.นนทบุรี กับการดูแลของ ว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต อินเลี้ยง ที่คอยปลูกฝังในการเล่นวอลเลย์บอลให้ปราดเปรื่องมากขึ้น

พิมพิชยา พาทีมนครนนท์ ประสบความสำเร็จมากมายหลายรายการในเมืองไทย กวาดแทบจะทุกแชมป์ที่ลงแข่งขัน ก่อนที่เธอจะมีชื่อติดทีมชาติไทยครั้งแรก ในการแข่งขันเยาวชน (U19) ชิงแชมป์เอเชีย ที่ไต้หวัน ในปี 2014 และพาทีมจบอันดับที่ 4

ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมอย่างต่อเนื่องทั้งในการเล่นให้กับทีมโรงเรียน และทีมลีก พิมพิชยา ยังคงได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติไทยในปีเดียวกัน และเป็นผลงานที่น่าประทับใจที่สุด นั่นคือการพาทีมได้รองแชมป์เอเชีย ในรุ่นยุวชน U17 ที่ จ.นครราชสีมา

สุดยอดดาวรุ่งมุ่งสู่ทีมชุดใหญ่

ด้วยประสิทธิภาพที่โตเกินวัย และรูปร่างส่วนสูงที่กำลังพอดี รวมไปถึงเรื่องของเกมรุก พิมพิชยา นับว่ากินขาดกว่าผู้เล่นในรุ่นราวคราวเดียวกัน เจ้าตัวถูกจับตามองอย่างมาก จากแฟนวอลเลย์บอล รวมถึงทีมงานผู้ฝึกสอนของทีมชาติไทย จนหลังจากนั้น เส้นทางการเล่นทีมชาติของ พิมพิชยา ก็พึ่งสูงขึ้น

ปี 2015 ดาวตบจาก บุรีรัมย์ ติดทีมชาติไทย ไปแข่งขันใน U23 ชิงแชมป์เอเชีย ที่ฟิลิปปินส์ และยังเป็นตัวหลักของทีมที่ได้รองแชมป์ในปีดังกล่าว ก่อนที่จะได้รับการผลักดันจาก “โค้ชอ๊อต” เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร กุนซือทีมชาติไทยในขณะนั้น เรียกตัวไปติดทีมชุดใหญ่

พิมพิชยา ได้ลงเล่นกับทีมสาวไทยชุดใหญ่ ในการแข่งขันซีเกมส์ 2015 ที่ประเทศสิงคโปร์ และยังได้คล้องเหรียญทองกับทีม รวมไปถึงได้ร่วมทีมไปแข่งขันเวิลด์กรังด์ปรีซ์ ในปีเดียว

ขณะที่ผลงานในการเล่นให้กับสโมสรในไทยแลนด์ลีก พิมพิชยา ลงเล่นให้กับทีมเดียวคือ 3BB นครนนท์ โดยที่ไม่เคยย้ายไปเล่นให้กับทีมอื่น นอกจากการย้ายไปเก็บประสบการณ์กับ บันดุง แบงค์ ที่อินโดนีเซีย แต่สุดท้ายเจ้าตัวยังกลับมาช่วยทีมในไทยแลนด์ลีก ในฤดูกาลนั้น ช่วงรอบรองชนะเลิศ

คนไทยคนแรกในคุโรเบะฯ

 พิมพิชยา ในวัย 23 ปี เคยย้ายไปเล่นในลีกต่างประเทศมาแล้ว 1 ครั้ง กับทีมบีเจบี บันดุง ในการแข่งขันอินโดนีเซีย โปรลีกา เมื่อฤดูกาล 2018-19 

 จากนั้นเมื่อจบฤดูกาล 2020-21 “บีม” ได้รับการติดตามมาจากสโมสรที่ญี่ปุ่น นั่นคือ คุโรเบะ อะควา ไฟรีส์ ที่จะคว้าตัวเธอไปร่วมทีมในซีซันหน้า รวมไปถึงยังเป็นทีมแรก ๆ ที่ทำการเปิดตัวนักตบสาวไทยอย่างเป็นทางการ

 ซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกของนักตบคนไทยที่จะได้ลงเล่นให้กับ คุโรเบะ และยังเป็นนักตบเอเชียคนที่ 2 ต่อจาก ดินดิน ซานติอาโก-มานาบัต บีหลังของฟิลิปปินส์ ที่จะเคยเล่นให้กับทีมนี้เมื่อฤดูกาล 2019-20

ทั้งนี้ พิมพิชยา จะยังได้ร่วมงานกับ เมเรเต ลุตซ์ บีหลังมากฝีมือจากสหรัฐอเมริกา ที่สร้างผลงานกระฉ่อนใน โคโว วี-ลีก ของประเทศเกาหลีใต้ ด้วยการพาทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของแดนโสม ในฤดูกาล 2020-21

อีกทั้งการได้ย้ายไปเล่นที่ญี่ปุ่นหนนี้ “บีม” ยังจะได้เปลี่ยนตำแหน่ง จากเดิมที่ยืนในตำแหน่งบีหลัง มาเป็นการเล่นในตำแหน่งหัวเสา ตามข้อเสนอที่ทีมยื่นเข้ามา แม้ว่า คุโรเบะฯ จะไม่ใช่สโมสรยักษ์ใหญ่ได้ลุ้นแชมป์ กลับกันเป็นสโมสรท้องถิ่นต้องดิ้นรนหนีตกชั้น โดยในฤดูกาลปกติ จบอันดับสุดท้ายของลีก แต่ยังดีที่ รอบเพลย์ออฟ “วี.ชาเลนจ์ สเตจ”  คุโรเบะ อะควา ไฟรีส์ ทีมของ “บีม” พิมพิชยา ยังเก็บชัยชนะเหนือ รูตอิน บริลเลียนท์ แอรีส์ พร้อมคว้าสิทธิ์เข้าร่วมการเเข่งขัน “วี.ลีก” ต่อไปในฤดูกาลหน้า

คำตอบว่าทำไมต้องส่งไปลีกต่างประเทศ

แม้ว่าฟอร์มโดยรวมจะไม่สามารถช่วยสโมสรต้นสังกัดให้มีผลงานดีที่ได้ แต่ส่วนหนึ่งเป็นเพราะภาพรวมของทีมยังมีอีกหลายปัจจัยที่ทำให้ทีมต้องดิ้นรนจนถึงนัดสุดท้ายของฤดูกาล อย่างไรก็ตามปฏิเสธไม่ได้ว่า การได้เล่นในลีกญี่ปุ่นของ “พิมพิชยา ก๊กรัมย์” ช่วยยกระดับความสามารถของเธอเป็นอย่างมาก 

สิ่งที่เราบอกไม่ใช่แค่การพูดลอยๆ แต่ทุกคนเห็นกันมาแล้ว จากฟอร์มของเธอเองตั้งแต่ซีเกมส์ 2021 ต่อเนื่องจนถึง เนชั่นส์ ลีก ในสัปดาห์แรก โดยเฉพาะรายการหลังเธอโดดเด่นมากๆ คว้าท็อปสกอร์ไป 2 จาก 4 แมตช์ และยังเป็นผู้เล่นอันดับ 2 ที่ทำคะแนนสูงสุด 97 คะแนน เป็นรองเพียงแค่ บริตต์ เฮอร์บอตส์ ตัวเก่งจากเบลเยียมแค่ 3 คะแนนเท่านั้น โดยแบ่งเป็นแต้มตบ 86 คะแนน เสิร์ฟอีก 6 แต้ม เป็นอันดับ 2 และบล็อกอีก 5 แต้ม 

จะเห็นได้ชัดว่า บีม พัฒนาขึ้นทั้งในเรื่องของการตบที่หลากหลาย รวมไปถึงการเสิร์ฟที่ได้แต้มและช่วยตัดเกมรุกคู่แข่งได้มากขึ้น ที่สำคัญเธอเป็นคนนึงที่ฟอร์มสม่ำเสมอมากๆ ในสัปดาห์แรก ทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากการที่เธอไปเล่นอยู่ในลีกญี่ปุ่น แน่นอนว่าต่อให้เป็นสโมสรเล็กๆ แต่ชัดเจนว่ารูปแบบและความเข้มข้นของการฝึกซ้อมมากกว่าอยู่ในไทย รวมไปถึงความมีระเบียบวินัย ค่อยๆ หล่อหลอมให้เป็นบีมเติบโตขึ้นจนเป็นบีมในทุกวันนี้ 

 พัฒนาการของบีมนั้นคือคำตอบว่าของคำถามที่ว่า ทำไมเราถึงควรส่งนักกีฬาไปเล่นในลีกต่างประเทศให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ประโยชน์ของใบกระท่อม และวิธีกินที่ถูกต้อง

ประโยชน์ของใบกระท่อม และวิธีกินที่ถูกต้อง

นอกจากกัญชาแล้ว ใบกระท่อมก็เป็นกินเป็นยาตามคำแนะนำของแพทย์แผนทางเลือกได้ด้วยเหมือนกัน แต่ต้องกินให้ถูกวิธีเท่านั้นถึงจะได้ประโยชน์

ประโยชน์ของใบกระท่อม

  1. รักษาอาการปวดเมื่อย

เคี้ยวใบกระท่อมสด ครั้งละ 1-3 ครั้ง คายกากทิ้ง และดื่มน้ำอุ่นตาม ควรใช้ไม่เกินวันละ 2 ครั้ง 

หรืออีกวิธีคือ นำใบกระท่อมไปตากแห้ง บดเป็นผง ผสมน้ำผึ้งปั้นเป็นลูกกลอนขนาดเท่าเม็ดมะเขือพวง รับประทานเช้า-เย็น ก่อนอาหาร ครั้งละ 2-3 เม็ด เมื่อหายแล้วให้หยุดใช้

สามารถใช้ร่วมกับสมุนไพรอื่นๆ ได้ เช่น เถาวัลย์เปรียง เถาเอ็นอ่อน เถาโคคลาน กำแพงเจ็ดชั้น เป็นต้น

  1. รักษาอาการไอ

นำใบกระท่อมสด 1 ใบ น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา เคี้ยวแล้วอม ค่อยกลืนน้ำ คายกากทิ้ง รับประทานเมื่อมีอาการ 3-4 ครั้ง

  1. ลดน้ำตาลในเลือด สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน

เคี้ยวใบกระท่อมแก่วันละ 2 ใบ ก่อนอาหารเช้า เคี้ยวเอาแต่น้ำ คายกากทิ้ง ดื่มน้ำอุ่นตาม

สามารถใช้ร่วมกับสมุนไพรอื่นๆ ได้ เช่น หญ้าใต้ใบ ผักเสี้ยนผี น้ำนมราชสีห์ เป็นต้น

  1. บรรเทาอาการปวดท้อง ท้องเสีย

เคี้ยวใบกระท่อมครึ่งใบ คายกากทิ้ง ดื่มน้ำอุ่นตาม หรือนำใบกระท่อม 3-5 ใบ ต้มกับน้ำตาลโตนด หรือน้ำตาลทรายแดง รับประทานครั้งละครึ่งถ้วยกาแฟ เช้า-เย็น 

หรืออีกวิธีคือ นำใบกระท่อม 3 ใบ ตำให้แหลก ผสมน้ำปูนใส 3 ช้อนโต๊ะ คั้นเอาน้ำ รับประทานทุก 3 ชั่วโมง เมื่อหายแล้วให้หยุดใช้

  1. รักษาแผลสด

ตำใบกระท่อมสดให้แหลก ผสมเหล้าขาว พอกแผลสด

  1. รักษาโรคความดันโลหิตสูง

เคี้ยวใบกระท่อมสด 1-2 ใบ กลืนน้ำ คายกากทิ้ง วันละ 3-4 ครั้ง 

อีกวิธีคือ นำใบกระท่อมต้มกับน้ำสะอาด ดื่มครั้งละ 1 ถ้วยกาแฟ วันละ 3 ครั้ง

ทั้งสองวิธีนี้ เมื่อความดันโลหิตลดลงมาเป็นปกติ ให้หยุดกินทันที

  1. รักษาโรคกระเพาะอาหาร

เคี้ยวใบสด 2-3 ใบ กลืนน้ำ คายกากทิ้ง ตอนเช้าขณะท้องว่าง รับประทานติดต่อกัน 7-10 วัน

  1. รักษาอาการปวดฟัน

นำใบกระท่อมสด 1 ใบ ผสมเกลือ เคี้ยวแล้วอม ช่วยลดอาการปวดฟันได้

วิธีเคี้ยวใบกระท่อมที่ถูกต้อง

การรักษาอาการต่างๆ ด้วยใบกระท่อม ส่วนมากจะเป็นการให้เคี้ยวใบกระท่อมสดๆ และคายทิ้ง แต่ต้องเคี้ยวให้ถูกวิธี

  1. นำใบกระท่อมสดมาล้างน้ำให้สะอาด ผึ่งให้สะเด็ดน้ำ
  2. ลอกก้านใบออก ทำได้ 2 วิธี
    – วิธีที่ 1 ลอกเส้นใบออกในลักษณะเป็นรูปก้างปลา จากนั้นลอกเส้นกลางใบออก ให้เหลือเพียงเนื้อใบ
    – วิธีที่ 2 ลอกเฉพาะส่วนเนื้อใบเพื่อนำมาเคี้ยว
  3. เคี้ยวใบกระท่อมให้ละเอียด ดูดกลืนน้ำลงคอ
  4. คายกากทิ้ง ดื่มน้ำตาม

ข้อควรระวังในการเคี้ยวใบกระท่อม

การเคี้ยวใบกระท่อมสด ควรลอกก้านใบ และเส้นกลางใบออกก่อนนำมาเคี้ยวทุกครั้ง หากไม่รูดก้านใบออกจากตัวใบ และกลืนกากใบกระท่อมเข้าไปด้วย อาจทำให้เกิดอาการที่เรียกว่า “ถุงท่อม” ในลำไส้ เนื่องจากก้านใบและใบของกระท่อมไม่สามารถย่อยได้ จึงตกตะกอนติดค้างอยู่ภายในลำไส้ ทำให้ขับถ่ายออกมาไม่ได้ เกิดพังผืดขึ้นมาหุ้มรัดอยู่โดยรอบก้อนกากกระท่อมนั้น ทำให้เกิดเป็นก้อนถุงขึ้นมาในลำไส้ได้

นอกจากนี้ ยังมีคนบางกลุ่มที่ไม่สามารถบริโภคใบกระท่อม น้ำต้มใบกระท่อม หรืออาหารที่มีส่วนประกอบของใบกระท่อมได้ ดังนี้

  • เด็ก และเยาวชน ใบกระท่อมอาจมีผลต่อสุขภาพอนามัย และพัฒนาการของเด็กได้
  • สตรีมีครรภ์ ใบกระท่อมอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของทารกในครรภ์ได้
  • สตรีให้นมบุตร ใบกระท่อมอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของทารกที่กินนมจากแม่ได้

บริโภคใบกระท่อมอย่างไรให้ถูกกฎหมาย

แม้ว่าใบกระท่อมจะสามารถนำมาบริโภคกันตามครัวเรือนได้อย่างถูกกฎหมายแล้ว แต่ห้ามนำไปผสมกับยาเสพติดให้โทษต่างๆ และห้ามขายใบกระท่อมที่ปรุงสุกหรือน้ำต้มใบกระท่อมในชุมชน

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


สีปกเสื้อ ที่หมายถึงอาชีพต่างๆ

The color of the shirt collar represents various occupations.

เรามักจะเห็นว่าแต่ละอาชีพจะมียูนิฟอร์มที่มีสีแตกต่างกันไป แอดเข้าใจมาตลอดเลยว่าเขาเลือกสีตามความชอบเฉยๆ ไม่ได้มีความหมายอะไร แต่ความเป็นจริงมันมีที่มาที่ไปนะเออ ไหนมีใครอยากรู้บ้างว่าเสื้อแต่ละสีมันมีความหมายว่ายังไงบ้าง ไปดูกันได้เลยน้า

สีปกเสื้อ ที่หมายถึงอาชีพต่างๆ

White-collar worker

คนที่ทำงานในสถานที่ที่เป็นห้องแอร์ พื้นที่สะอาด จึงใส่สีเสื้อสีขาวในการทำงาน เช่น พนักงานออฟฟิศ

Blue-collar worker

คนที่ทำงานนอกสถานที่ มักเป็นงานที่ต้องเจอแดด เจอฝุ่น ทำให้เสื้อผ้าอาจสกปรกได้ง่าย จึงมักใส่เสื้อสีน้ำเงิน เช่น คนใช้แรงงาน ก่อสร้าง

Pink-collar worker

คนที่ทำงานด้านบริการ รวมถึงงานที่ต้องปฏิสัมพันธ์กับผู้คน เช่น พยาบาล เลขานุการ ครู มีที่มาจากอาชีพที่มักเป็นผู้หญิง

Purple-collar worker

คนทำงานที่ต้องอาศัยความรู้เฉพาะด้าน เป็นที่ปรึกษา งานเกี่ยวกับธุรกิจ

Red-collar worker

พนักงานของรัฐบาล คนทำงานที่ได้ค่าจ้างน้อยกว่าค่าแรงขั้นต่ำ 

Orange-collar worker

คนที่ทำงานแบบเสี่ยงภัย หรือที่ที่แสงสว่างน้อย จึงต้องมียูนิฟอร์มสีส้มสะท้อนแสง หรืออาจหมายถึงแรงงานนักโทษ

Yellow-Collar Worker

คนที่ทำงานเกี่ยวกับด้านครีเอทีฟ โดยทำทั้งแบบ White-collar และ Blue-collar เช่น ช่างภาพ, ผู้กำกับ

Scarlet-collar worker

คนที่ทำงานในธุรกิจกลางคืน หรืองานบริการทางเพศ 

Green-collar worker

คนที่ทำงานเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม

Brown-collar worker

คนที่ทำงานเกี่ยวกับทหารหรือกองทัพ 

Black-collar worker

แรงงานเหมืองแร่ เหมืองถ่านหิน บ่อน้ำมัน

Gold-Collar Worker

คนที่ทำงานสายวิชาชีพต่างๆ เช่น แพทย์, ทนายความ

Gray-Collar Worker

คนที่ทำงานทั้งแบบ White-collar และ Blue-collar เช่น เจ้าหน้าที่ตำรวจ, ผู้รักษาความปลอดภัย, พนักงานดับเพลิง

Steel-collar worker or Chrome-Collar Worker

เครื่องจักร เครื่องกล ที่มาทำงานแทนคน

No-collar worker

คนที่เป็นฟรีแลนซ์ ทำงานอิสระ

Open-collar worker

คนที่ทำงานที่บ้านผ่านระบบอินเตอร์เน็ต

Popped-Collar Worker

คนทำงานเป็นลูกจ้างที่มาจากครอบครัวที่ร่ำรวย

New-Collar Worker

คนที่ทำงานเกี่ยวกับเทคโนโลยี การพัฒนา การวิเคราะห์ งานที่เกี่ยวข้องกับไซเบอร์ต่างๆ

ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th


ฟิชชิ่งภัยองค์กร “แคสเปอร์สกี้”บล็อกอีเมล์อันตราย 11 ล้านรายการในอาเซียน

ฟิชชิ่งภัยองค์กร “แคสเปอร์สกี้”บล็อกอีเมล์อันตราย 11 ล้านรายการในอาเซียน

แคสเปอร์สกี้บล็อกอีเมล์อันตราย 11 ล้านรายการในอาเซียน กระแสการโจมตีผ่านอีเมล์ธุรกิจที่เพิ่มมากขึ้น องค์กรธุรกิจจะรับมืออย่างไร

อาชญากรไซเบอร์มักคิดค้นวิธีการใหม่ๆ ในการส่งข้อความสแปมและฟิชชิ่งไปยังทั้งผู้ใช้งานทั่วไปและองค์กรธุรกิจ อาชญากรไซเบอร์มีความรู้เกี่ยวกับแนวโน้มล่าสุด จึงใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมทางดิจิทัลในช่วงการระบาดใหญ่ เพื่อเริ่มการโจมตีทางวิศวกรรมสังคม (social engineering) เช่น อีเมล์ฟิชชิ่ง

ฟิชชิ่งภัยองค์กร “แคสเปอร์สกี้”บล็อกอีเมล์อันตราย 11 ล้านรายการในอาเซียน

ข้อมูลของแคสเปอร์สกี้แสดงให้เห็นว่า การใส่หัวข้อและวลียอดนิยมที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมออนไลน์ในข้อความ เช่น การช้อปปิ้ง การสตรีมความบันเทิง การระบาดของ COVID-19 ทำให้เพิ่มโอกาสที่ผู้ใช้จะไม่สงสัยและคลิกลิงก์ที่ติดมัลแวร์หรือไฟล์แนบที่เป็นอันตรายขึ้นอย่างมาก

ในปี 2021 ระบบป้องกันฟิชชิ่ง (Anti-Phishing) ของแคสเปอร์สกี้ได้บล็อกลิงก์ฟิชชิ่งลิงก์ทั้งหมด 11,260,643 รายการในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฟิชชิ่งลิงก์ส่วนใหญ่ถูกบล็อกบนอุปกรณ์ของผู้ใช้แคสเปอร์สกี้ในประเทศเวียดนาม อินโดนีเซีย และมาเลเซีย

ฟิชชิ่งภัยองค์กร “แคสเปอร์สกี้”บล็อกอีเมล์อันตราย 11 ล้านรายการในอาเซียน

นายเซียง เทียง โยว ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แคสเปอร์สกี้ กล่าวว่า “อีเมล์ยังเป็นการสื่อสารรูปแบบหลักสำหรับการทำงานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การพยายามโจมตีด้วยฟิชชิ่งจำนวน 11 ล้านรายการในหนึ่งปี เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของการโจมตีทางไซเบอร์ เมื่อข้อมูลสำคัญทั้งหมดถูกส่งผ่านอีเมล์ อาชญากรไซเบอร์มองว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่มีประสิทธิภาพและสามารถทำกำไรได้ ตัวอย่างการโจมตีด้วยฟิชชิ่งแบบพุ่งเป้าหมายครั้งเดียวที่ประสบความสำเร็จ คือการปล้นธนาคารบังคลาเทศมูลค่า 81 ล้านดอลลาร์ในปี 2016 ดังนั้น องค์กรในภูมิภาคนี้ควรตรวจสอบเทคโนโลยีความปลอดภัยทางไซเบอร์แบบองค์รวมและเชิงลึกอย่างรอบคอบ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับเซิร์ฟเวอร์อีเมล์ที่มีความสำคัญมาก”

ในปี 2021 ลิงก์ฟิชชิ่งทั่วโลกจำนวน 253,365,212 รายการถูกตรวจพบและบล็อกโดยโซลูชันของแคสเปอร์สกี้ โดยรวมแล้ว ผู้ใช้แคสเปอร์สกี้ทั่วโลกจำนวน 8.20% ต้องเผชิญกับการโจมตีแบบฟิชชิงอย่างน้อยหนึ่งครั้ง

การหลอกลวงผ่านอีเมล์ธุรกิจและการทำงานระยะไกล

การทำงานระยะไกลทำให้เกิดความพยายามโจมตีบริษัทด้วยฟิชชิ่งมากขึ้นในช่วงสองปีที่ผ่านมา หนึ่งในกระแสการโจมตีที่เพิ่มขึ้นคือการหลอกลวงผ่านอีเมล์ธุรกิจ หรือ BEC (Business Email Compromise)

การโจมตีด้วย BEC เป็นการฉ้อโกงประเภทหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการแอบอ้างเป็นตัวแทนจากองค์กรธุรกิจที่เชื่อถือได้ การโจมตี BEC เป็นแคมเปญอาชญากรรมไซเบอร์ที่กำหนดเป้าหมายซึ่งทำงานโดยวิธีการดังนี้

•             เริ่มต้นโต้ตอบอีเมล์กับพนักงานของบริษัท หรือรับช่วงต่อจากการสนทนาที่มีอยู่เดิม

•             ได้รับความไว้วางใจจากพนักงาน

•             ส่งเสริมการกระทำที่เป็นผลเสียต่อผลประโยชน์ของบริษัทหรือลูกค้าของบริษัท

จากข้อมูลของ Verizon พบว่าการโจมตีแบบ BEC เป็นการโจมตีแบบวิศวกรรมสังคมที่พบได้บ่อยเป็นอันดับสองในปี 2021และ FBI รายงานว่าการโจมตีแบบ BEC ทำให้ธุรกิจในสหรัฐฯ เสียหายมากกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ในช่วงปี 2014 ถึง 2019

ผู้เชี่ยวชาญของแคสเปอร์สกี้สังเกตการโจมตี BEC มากขึ้น ในไตรมาสที่ 4 ปี 2021 ผลิตภัณฑ์ของแคสเปอร์สกี้ป้องกันการโจมตี BEC ได้มากกว่า 8,000 ครั้ง โดยจำนวนมากที่สุดคือ 5,037 ครั้งในเดือนตุลาคม

ตลอดปี 2021 นักวิจัยของแคสเปอร์สกี้ได้วิเคราะห์วิธีที่นักต้มตุ๋นสร้างและเผยแพร่อีเมล์ปลอมอย่างใกล้ชิด และพบว่าการโจมตีนี้มีแนวโน้มที่จะแบ่งออกเป็นสองประเภท คือ เหยื่อจำนวนมาก และกำหนดเป้าหมายขั้นสูง

การโจมตีแบบแรกเรียกว่า “BEC-as-a-Service” โดยการโจมตีจะทำให้กลไกที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีง่ายขึ้น เพื่อที่จะเข้าถึงเหยื่อให้ได้มากที่สุด ผู้โจมตีส่งข้อความจำนวนมากจากบัญชีอีเมล์ฟรี และคาดหวังว่าจะดักจับเหยื่อให้ได้มากที่สุด ข้อความดังกล่าวมักขาดความซับซ้อนในระดับสูง แต่กลับมีประสิทธิภาพมาก

ในสถานการณ์นี้ พนักงานได้รับอีเมล์ปลอมจากเพื่อนร่วมงานที่อาวุโสกว่า ข้อความมักคลุมเครือมีใจความว่าขอให้ช่วยจัดการเรื่องต่างๆ เหยื่ออาจถูกขอให้ชำระสัญญาโดยด่วน ยุติข้อขัดแย้งทางการเงิน หรือแบ่งปันข้อมูลที่ละเอียดอ่อนกับบุคคลที่สาม พนักงานคนใดก็อาจตกเป็นเหยื่อได้ แน่นอนว่ามีสัญญาณเตือนที่เห็นได้ชัดเจนหลายประการในข้อความดังกล่าว นั่นคือ ไม่ใช้บัญชีอีเมล์ของบริษัท และผู้ส่งไม่ใช่เจ้าของภาษา

ในขณะที่อาชญากรไซเบอร์บางรายใช้การส่งจดหมายจำนวนมากอย่างง่ายๆ อาชญากรไซเบอร์รายอื่นก็ใช้วิธีการโจมตี BEC ที่ตรงเป้าหมายและล้ำหน้ากว่า กระบวนการทำงานมีดังนี้ ผู้โจมตีจะโจมตีกล่องจดหมายตัวกลางก่อนเพื่อเข้าถึงอีเมล์ของบัญชีนั้น จากนั้น เมื่อพบการติดต่อสื่อสารที่เหมาะสมในกล่องจดหมายของบริษัทตัวกลาง (เช่น เรื่องการเงินหรือปัญหาทางเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับงาน) ก็จะติดต่อกับบริษัทเป้าหมายต่อไป โดยแอบอ้างเป็นบริษัทตัวกลาง บ่อยครั้งเป้าหมายคือการเกลี้ยกล่อมให้เหยื่อโอนเงินหรือติดตั้งมัลแวร์

ในความเป็นจริง เนื่องจากเป้าหมายมีส่วนร่วมในการสนทนาที่ผู้โจมตีกล่าวอ้างถึง เป้าหมายจึงมีแนวโน้มที่จะตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงอย่างมาก การโจมตีดังกล่าวได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพสูง จึงมีอาชญากรไซเบอร์ทั้งรายเล็กและรายใหญ่ที่ต้องการทำรายได้อย่างรวดเร็ว

นายโรมัน เดเดนอก ผู้เชี่ยวชาญความปลอดภัย แคสเปอร์สกี้ กล่าวว่า “ตอนนี้เราสังเกตว่าการโจมตี BEC กลายเป็นเทคนิควิศวกรรมสังคมที่แพร่หลายมากที่สุดวิธีหนึ่ง เพราะนักต้มตุ๋นใช้แผนดังกล่าวแล้วได้ผลดี ในขณะที่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตที่มักจะตกหลุมพรางอีเมล์ปลอมมีจำนวนน้อยลง แต่ผู้โจมตีก็เริ่มรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเหยื่ออย่างรอบคอบ แล้วใช้ข้อมูลนั้นเพื่อสร้างความไว้วางใจ การโจมตีรูปแบบนี้เกิดขึ้นได้เนื่องจากอาชญากรไซเบอร์สามารถค้นหาชื่อและตำแหน่งงานของพนักงาน ตลอดจนรายชื่อผู้ติดต่อในการเข้าถึงแบบเปิดได้อย่างง่ายดาย เราจึงขอสนับสนุนให้ผู้ใช้ระมัดระวังในการทำงานอย่างดี”

องค์กรจะรับมือกับการโจมตี BEC ได้อย่างไร

อาชญากรไซเบอร์ใช้กลอุบายทางเทคนิคและวิธีการวิศวกรรมสังคมที่หลากหลายพอสมควร เพื่อให้ได้รับความไว้วางใจและดำเนินการฉ้อโกงได้ อย่างไรก็ตาม การใช้มาตรการที่มีประสิทธิภาพหลายอย่างสามารถลดภัยคุกคามจากการโจมตี BEC ได้ ดังต่อไปนี้

•             ตั้งค่า SPF ใช้ลายเซ็น DKIM และใช้นโยบาย DMARC เพื่อป้องกันการติดต่อสื่อสารภายในปลอม ตามทฤษฎีแล้ว มาตรการเหล่านี้ยังอนุญาตให้บริษัทอื่นๆ สามารถตรวจสอบความถูกต้องของอีเมล์ที่ส่งในชื่อองค์กรของคุณ (แน่นอนว่าบริษัทต่างๆ มีการกำหนดค่าเทคโนโลยีเหล่านั้นไว้) มาตรการนี้ไม่เพียงพอในบางวิธี (เช่น ไม่สามารถป้องกันการปลอมแปลงหรือโดเมนที่คล้ายคลึงกันไม่ได้) แต่ยิ่งมีบริษัทที่ใช้ SPF, DKIM และ DMARC มากเท่าไร อาชญากรไซเบอร์ก็จะมีพื้นที่น้อยลงเท่านั้น การใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันแบบกลุ่มต่อการดำเนินการที่เป็นอันตรายหลายประเภทด้วยหัวข้ออีเมล์

•             ฝึกอบรมพนักงานเพื่อต่อต้านวิธีการทางวิศวกรรมสังคม การผสมผสานเวิร์กช็อปและการจำลองการฝึกพนักงานให้ระมัดระวังและสามารถระบุการโจมตี BEC ที่ผ่านชั้นการป้องกันอื่นๆ ได้

•             ใช้เครื่องมือรักษาความปลอดภัยเพื่อปกป้องช่องทางการสื่อสารขององค์กร เช่น Kaspersky Secure Mail Gateway พร้อมชุดเทคโนโลยีป้องกันฟิชชิ่ง (anti-phishing) ต่อต้านสแปม (anti-spam) และตรวจจับมัลแวร์ (malware detection) แม้ว่า BEC จะเป็นหนึ่งในวิธีการหลอกลวงทางอีเมล์ที่ซับซ้อนที่สุดประเภทหนึ่ง แต่ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีรูปแบบการประมวลผลตัวบ่งชี้ทางอ้อมและตรวจจับแม้กระทั่งอีเมล์ปลอมที่น่าเชื่อถือที่สุด

•             สมัครรับบริการข้อมูลภัยคุกคามเชิงลึก (threat intelligence services) และอัปเดตเป็นประจำ เพื่อให้มองเห็นในเชิงลึกเกี่ยวกับภัยคุกคามทางอินเทอร์เน็ตที่กำหนดเป้าหมายที่องค์กรของคุณ

โซลูชันของแคสเปอร์สกี้พร้อมฟีเจอร์การกรองเนื้อหาสร้างขึ้นเป็นพิเศษในห้องปฏิบัติการของบริษัทสามารถระบุการโจมตี BEC ได้หลายประเภทแล้ว และผู้เชี่ยวชาญของแคสเปอร์สกี้ได้พัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการหลอกลวงขั้นสูงและซับซ้อนที่สุดต่อไป

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


สิ่งที่คุณควรมองหาเมื่อคิดจัดไฟสไตล์โมเดิร์น

หนึ่งในสไตล์ที่ได้รับความนิยมที่สุดในการออกแบบสถาปัตยกรรมคือสไตล์โมเดิร์น ดังเห็นได้จากแบบบ้านโมเดิร์นมากมาย ไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์ที่ชวนให้นึกถึงงานออกแบบจากบาวเฮาส์ แต่ที่ไม่ควรมองข้ามเลยในการสร้างบรรยากาศโมเดิร์นอย่างสมบูรณ์แบบ คือการเลือกและจัดไฟ แต่ไฟแบบโมเดิร์นเป็นอย่างไร BuilderNews แนะนำวิธีมองง่าย ๆ ให้สังเกต 2 เอกลักษณ์ที่ทำให้งานออกแบบโมเดิร์นโดดเด่นแตกต่างจากสไตล์อื่น ๆ คือ ความชัดเจน (clarity) และรูปทรงเรขาคณิต (geometry)

ความสว่างจ้ากว่าที่เป็นจริง

ความชัดเจนในการออกแบบไฟสไตล์โมเดิร์นคือการทำให้พื้นที่ (space) ในสถาปัตยกรรมดูสว่างกว่าที่เป็นจริงขึ้นอีกมาก เราจึงมักพบไฟสไตล์โมเดิร์นได้เสมอในงานออกแบบห้องครัวหรือห้องเรียน ที่ต้องการความชัดเจนมากเพื่อสนับสนุนฟังก์ชันการใช้งาน

รูปทรงโดดเด่นดังงานศิลปะ

สมัยใหม่นิยมหรือโมเดิร์นนิสม์ (Modernism) เป็นแนวคิด/ขบวนการทางศิลปะที่เกิดขึ้นในช่วงประมาณปี 1890 – 1950 ประกอบด้วยศิลปินหลากสาขาที่เชื่อมโยงกันด้วยแนวคิดเบื้องหลังการสร้างสรรค์ของพวกเขา งานออกแบบสไตล์โมเดิร์น (modern) ในปัจจุบันมากมายหยิบยืมรูปแบบหรือรูปทรงจากศิลปะโมเดิร์นนิสต์มาใช้ เช่นที่โดดเด่นที่สุดคือการใช้รูปทรงเรขาคณิต

งานออกแบบไฟสไตล์โมเดิร์นมักใช้รูปทรงสี่เหลี่ยม วงกลม หรือลูกบาศก์ อย่างสร้างสรรค์ ซึ่งทำให้ไฟเหล่านี้โดดเด่นเสียจนยากที่จะไม่สนใจเมื่อเดินเข้าไปในห้อง ไฟสไตล์โมเดิร์นเป็นเสมือนงานทดลองที่เล่นกับรูปทรงและวัสดุ แบบที่ฉีกออกไปจากรูปแบบเดิม ๆ ในอดีต ด้วยการหันไปให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ แทน

ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 10/06/2565

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a30,150.0030,250.00
ทองรูปพรรณ 96.5%1,953.0029,607.4830,750.00
ทองรูปพรรณ 90%1,757.7026,646.73n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,562.4023,685.98n/a
ทองรูปพรรณ 50%879.0013,325.64n/a
ทองรูปพรรณ 40%684.0010,369.44n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,024.0030,683.84n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 10/06/2565



ปตท.

บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ Caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9544.5544.5545.5544.9545.3544.5544.5544.5544.9544.55
แก๊สโซฮอล์ 9144.2844.2845.2844.6845.0844.2844.2844.2844.6844.28
แก๊สโซฮอล์ E2043.4443.4444.4443.8444.2443.4443.4443.8443.44
แก๊สโซฮอล์ E8537.1437.1437.14
เบนซิน 9551.9653.2152.4653.0651.96
ดีเซล B733.9433.9434.3433.9434.2433.9433.9433.9433.9433.94
ดีเซล33.9433.9434.3433.9434.2433.9433.9433.9433.9433.94
ดีเซล B2033.9433.9434.3434.2433.9433.9433.94
ดีเซลพรีเมี่ยม45.3646.3649.7948.2649.8945.36
แก๊ส NGV15.5915.5915.59

About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า