‘ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้’ เปิดตัว ชามา โซเชียล บุกธุรกิจเซอร์วิส อพาร์ทเมนท์
‘ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้’ เปิดตัวโปรเจ็กต์ “ชามา โซเชียล คลับ” ดันธุรกิจเซอร์วิส อพาร์ทเมนท์ เจาะกลุ่มผู้เข้าพักในชุมชุน เล็งขยายแบรนด์-ปรับปรุงที่พักอาศัยสอดรับบุคลิกองค์กร
นายยุทธชัย จรณะจิตต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป เปิดเผยถึง แผนการดำเนินงานของบริษัทในส่วนธุรกิจเซอร์วิส อพาร์ทเมนท์ แบรนด์ ชามา ว่า ขณะนี้บริษัทได้เปิดตัว “ชามา โซเชียล คลับ” ซึ่งเป็นโครงการนำเสนอประสบการณ์การมีส่วนร่วมกับชุมชนแบบองค์รวมให้กับผู้เข้าพักเพื่อช่วยให้เกิดการปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมในบริเวณที่พักอาศัยตามย่านชุมชนและการเชื่อมต่อในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันผ่านการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ในรูปแบบ อีเว้นท์ ป็อบอัป ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของบริษัท ประกอบกับเป็นการช่วยให้ผู้คนในชุมชนได้เปิดใจต้อนรับแขกผู้เข้าพักอาศัยของ ชามา ด้วย
นายยุทธชัย กล่าวต่อว่า ปัจจุบัน ชามา เซอร์วิส อพาร์ทเมนท์ ที่บริษัทเปิดดำเนินธุรกิจมาแล้ว 6 แห่ง ประกอบด้วย ชามา เย็นอากาศ จำนวน 136 ห้อง ชามา เลควิว อโศก กรุงเทพ จำนวน 400 ห้อง ชามา สุขุมวิท กรุงเทพฯ ชามา สุขุมวิท 39 จำนวน 60 ยูนิต ชามา เพชรบุรี จำนวน 129 ห้อง และชามา เอกมัย กรุงเทพฯ โดยแต่ละทำเลจะมีการจับกลุ่มลูกค้าชาวต่างประเทศแตกต่างกัน เช่น ชามา เพชรบุรี จะเป็นลูกค้ากลุ่มอาหรับที่ต้องการมาพักเพื่อรักษาสุขภาพ ชามา สุขุมวิท 39 จะเป็นกลุ่มลูกค้าชาวญี่ปุ่น ส่วน ชามา เย็นอากาศ จะเป็นลูกค้ากลุ่มยุโรป และ อเมริกัน เป็นต้น
ทั้ง 6 ทำเลของ ชามา เซอร์วิส อพาร์ทเมนท์ จะมีการทำเรื่อง “ชามา โซเชียล คลับ” ที่แตกต่างกันตามไลฟ์ไตล์ของผู้เข้าพักอาศัย การเป็นอยู่ของสังคม ชุมชนในย่านนั้น ๆ ล่าสุด ชามา เย็นอากาศ ซึ่งเป็นเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ ที่บริษัทได้ลงทุนก่อสร้างและเปิดตัวเป็นโครงการใหม่เมื่อต้นปี 2565 ที่ผ่านมา ก็ได้ใช้แพลตฟอร์มดังกล่าวเป็นพื้นฐานในการจัดกิจกรรมนันทนาการ อาทิ กิจกรรมด้านอาหารและเครื่องดื่ม ดนตรี กิจกรรรมเพื่อสังคม เช่น ธนาคารอาหารในชุมชน รวมถึงการจัดกิจกรรมร่วมกับผู้ประกอบกิจการในทำเลที่ตั้งของโครงการ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้พักอาศัยได้พบปะกัน ทั้งผู้เข้าพักทั้งในระยะสั้น ระยะยาว และสร้างความสนุกสนานเพลิดเพลิน
ด้านแผนการขยายแบรนด์ ชามา ทางบริษัท ยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยจะเน้นการเข้าไปปรับปรุงอาคารพักอาศัยที่สอดคล้องกับบุคลิกของแบรนด์ ชามา เพื่อตอกย้ำในจุดยืนของการเป็นแบรนด์ เซอร์วิส อพาร์ทเมนท์ที่ต้องการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของชุมชุนที่เข้าไปดำเนินการ ด้วยความเรียบง่าย และเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมสร้างประโยชน์ที่ดีให้กับในชุมชน
ปัจจุบันโครงการ ชามา มีดังนี้ ชามา เย็นอากาศ ชามา เลควิว อโศก กรุงเทพฯ ชามา สุขุมวิท กรุงเทพฯ ชามา สุขุมวิท 39 ชามา เพชรบุรี และชามา เอกมัย กรุงเทพฯ ชามา เย็นอากาศ กรุงเทพฯ ตั้งอยู่ที่ 69 ถนนเย็นอากาศ ช่องนนทรี ยานนาวา กรุงเทพฯ
ส่วนกิจกรรมดังกล่าวอาจจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นประจำ เพื่อกระตุ้นให้ผู้พักอาศัยออกไปใช้ชีวิตในวันพักผ่อนตามที่ต่างๆ ของเมือง รวมถึงจะมีการให้คำแนะนำเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวที่ควรไปเยี่ยมชม อนาคตอาจทำงานร่วมกับผู้ประกอบการในท้องถิ่นซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญ เช่น บริษัททัวร์ เพื่อให้ผู้พักอาศัยได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด
สำหรับโครงการ ชามา เย็นอากาศ กรุงเทพฯ เหมาะสมสำหรับผู้บริหารและนักเดินทางที่ต้องการไลฟ์สไตล์ที่เปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจมากกว่าแค่ที่พักสวยหรูที่มีไว้เพื่อพักอาศัยและการพักผ่อนเท่านั้น เนื่องจากเป็นโครงการที่ให้บริการระดับโรงแรม ตั้งอยู่ในย่านพักอาศัยที่เงียบสงบของทำเลศูนย์กลางธุรกิจใกล้สีลมและสาทร รายล้อมไปด้วยร้านอาหาร แหล่งช้อปปิ้ง และแหล่งอำนวยความสะดวกต่างที่ใช้เวลาเดินทางเพียงไม่กี่นาที เดินทางสะดวกสบายด้วยบริการคมนาคมต่างๆ และชามา เย็นอากาศ ยังเป็นเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ที่ต้อนรับสัตว์เลี้ยง
นอกจากนี้ ชามา เย็นอากาศ ยังจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกไว้สำหรับสัตว์เลี้ยงของผู้เข้าพักอาศัย รวมถึงจัดให้มีพื้นที่ที่สำหรับพบปะสังสรรค์ระหว่างเจ้าของสัตว์เลี้ยงท่านอื่น ๆ อีกด้วย จึงนับว่า ชามา เซอร์วิส อพาร์ทเมนท์ เหมาะสำหรับการเข้าพักอาศัยในทุกรูปแบบ โดยมี ชามา โซเชียล คลับ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการซ้ำอีก
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“การบินไทย” แจงผลประกอบการ 9 เดือนแรกปี65 ขาดทุน 1.1 หมื่นล้าน
การบินไทย แจงผลประกอบการ 9 เดือนแรกปี2565 ขาดทุน 1.1 หมื่นล้าน เผยไตรมาส 3 ขาดทุน 4.7 พันล้าน แต่มีกำไรจากการดำเนินงานแล้ว รับธุรกิจการบินฟื้น รุกเพิ่มความถี่ เปิดเส้นทางบินใหม่ ขยายฝูงบินดันรายได้เติบโตต่อเนื่อง
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ประกาศผลการดำเนินงานประจำไตรมาสที่ 3 ของปี 2565 พบว่าการบินไทยมีผลประกอบการขาดทุนสุทธิจำนวน 4,780 ล้านบาท เป็นส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 4,785 ล้านบาท
ส่งผลให้ผลประกอบการของการบินไทย 9 เดือนแรกปี2565 ยังขาดทุนรวม 11,252 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่การบินไทย มีกำไร 51,121 ล้านบาท ซึ่งเป็นกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้
โดยผลการดำเนินงานประจำ
ไตรมาสที่ 3 ของปี 2565 บริษัทการบินไทยฯ และบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงานไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว 3,920 ล้านบาท เทียบกับการขาดทุน 5,310 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน มีรายได้รวมทั้งสิ้น 32,860 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 582 จากไตรมาส 3 ของปี 2564 โดยเป็นรายได้การขนส่งผู้โดยสารและสินค้า 30,890 ล้านบาท
อันเป็นผลจากการเพิ่มความถี่เที่ยวบินจากช่วง 6 เดือนแรกของปี ได้แก่ เส้นทางลอนดอน แฟรงก์เฟิร์ต เจนไน เบงกาลูรู นิวเดลี มุมไบ ละฮอร์ การาจี อิสลามาบัด ฮานอย โฮจิมินห์ พนมเปญ จาการ์ตา ธากา เดนปาซาร์ ไทเป สิงคโปร์ โคเปนเฮเกน มิวนิก และซูริค และกลับไปทำการบินในเส้นทางเดิมก่อนการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้แก่ เส้นทาง ปีนัง โตเกียว (ฮาเนดะ) และบรัสเซลส์
ประกอบกับอัตราบรรทุกผู้โดยสารรวมเฉลี่ยเพิ่มขึ้นมากเป็นร้อยละ 77.0 เทียบกับร้อยละ 9.9 ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2564 ในขณะเดียวกันบริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายจ่ายรวมทั้งสิ้น 28,940 ล้านบาท สูงขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 186 จากค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่ผันแปรตามปริมาณการผลิตและ/หรือปริมาณขนส่งตามจำนวนเส้นทางบินและเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น
โดยเป็นค่าใช้จ่ายน้ำมันถึงร้อยละ 44 ซึ่งเป็นผลจากการที่ราคาน้ำมันเครื่องบินปรับตัวสูงขึ้นกว่าปีก่อนถึง 80% ทั้งนี้ ผู้สอบบัญชีได้รายงานผลการสอบทาน แบบให้ข้อสรุปแบบไม่มีเงื่อนไข เป็นครั้งแรกตั้งแต่เข้าแผนฟื้นฟู
ในไตรมาสที่ 3 ที่ผ่านมา บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีต้นทุนทางการเงินจำนวน 3,672 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อนซึ่งมีการปรับปรุงดอกเบี้ยจ่ายตามแผนฟื้นฟูกิจการจำนวน 2,160 ล้านบาท และแม้จะมีกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้และการขายทรัพย์สินในส่วนของรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว
แต่บริษัทฯ ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศจากการตีมูลค่าทางบัญชีอันเนื่องมาจากการอ่อนค่าของเงินบาทเมื่อเทียบกับเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ และผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์
ส่งผลให้บริษัทฯ มีรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียวสุทธิเป็นค่าใช้จ่ายรวม 5,212 ล้านบาท และมีผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิจำนวน 4,780 ล้านบาท เป็นส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 4,785 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ และบริษัทย่อยมี EBITDA หลังหักเงินสดจ่ายหนี้สินตามเงื่อนไขสัญญาเช่าทั้งในส่วนของเครื่องบินและอื่นๆ เป็นกำไรจำนวน 6,181 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 3,100 ล้านบาท
ทั้งนี้ EBITDA สำหรับบริษัทฯ มากกว่า 20,000 ล้านบาทในรอบ 12 เดือนคือเงื่อนไขหนึ่งในการออกจากแผนฟื้นฟู
ณ วันที่ 30 กันยายน 2565 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวมจำนวน 183,289 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันที่ 31 ธันวาคม 2564 จำนวน 22,070 ล้านบาท หนี้สินรวมจำนวน 265,788 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 จำนวน 33,318 ล้านบาท และมีส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทและบริษัทย่อยติดลบ 82,499 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ยอดการขายตั๋วที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วประกอบกับ EBITDA กว่าเดือนละ 2,000 ล้านบาททำให้เงินสดคงเหลือของบริษัทเพิ่มจาก 6,017 ล้านบาท ณ 31 มีนาคม 2565 เป็น 13,474 ล้านบาท ณ 30 มิถุนายน 2565 และ 23,308 ล้านบาท เมื่อสิ้นไตรมาส 3 ของปี 2565
การฟื้นตัวของการเดินทางอย่างต่อเนื่องทำให้ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เที่ยวบินของบริษัทฯ มีอัตราการบรรทุกผู้โดยสารเฉลี่ยร้อยละ 80.4 และเมื่อรวมผู้โดยสารต่างประเทศของสายการบินไทยสมายล์ด้วยแล้ว บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีผู้โดยสารต่างประเทศรวมเฉลี่ยต่อวันจำนวน 21,557 คน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 30 ของจำนวนผู้โดยสารต่างประเทศทั้งหมดที่เดินทางเข้า-ออกสนามบินสุวรรณภูมิ
โดยมีส่วนแบ่งปริมาณการขนส่งสินค้าคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 28 ส่งผลให้รายได้รวมจากกิจกรรมการขนส่งปรับตัวขึ้นไปสู่ระดับ 10,000 ล้านบาท และยังคงมีอัตราการสำรองที่นั่งล่วงหน้าในเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2565 ในระดับที่สูงต่อเนื่อง
ทั้งนี้การบินไทยมีแผนเพิ่มความถี่เที่ยวบินและเปิดให้บริการเส้นทางบินใหม่เพิ่มเติมในเส้นทาง สตอกโฮล์ม ไทเป โตเกียว (ฮาเนดะ) ฟุกุโอกะ ซัปโปโร นิวเดลี มุมไบ ไฮเดอราบัด กัลกัตตา เจดดาห์ สิงคโปร์ เมลเบิร์น กวางโจว และคุนหมิง เพื่อรองรับปริมาณความต้องการเดินทางที่ยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ตลอดจนเร่งขยายขนาดฝูงบินทั้งโดยการนำเครื่องบินในฝูงบินของบริษัทฯ กลับมาให้บริการและจัดหาเครื่องบินใหม่เข้ามาประจำการด้วยวิธีเช่าดำเนินการให้เพียงพอต่อแผนเส้นทางบินและจำนวนเที่ยวบิน และเพื่อบรรลุเป้าหมายการหารายได้ตามแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัทฯ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ทุนธนชาต (TCAP) กำไร 9 เดือน 4,134 ล้านบาท เติบโตแข็งแกร่ง 17.51%
บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TCAP เผยผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนปี 2565 มีกำไรสุทธิตามงบการเงินรวมจำนวน 5,142 ล้านบาท โดยเป็นกำไรสุทธิส่วนของบริษัทฯ จำนวน 4,134 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.51% เป็นผลมาจากบริษัทร่วมและบริษัทย่อยมีผลดำเนินงานเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TCAP กล่าวว่า “ในงวด 9 เดือนปี 2565 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิตามงบการเงินรวมจำนวน 5,142 ล้านบาท เป็นกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทฯ จำนวน 4,134 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.51 จากงวดเดียวกันปีก่อน ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากบริษัทร่วมและบริษัทย่อยที่ TCAP ถือหุ้นอยู่มีผลการดำเนินงานที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับบริษัทร่วมที่ TCAP เข้าไปลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง ในส่วนของบริษัทย่อยนั้น ราชธานีลิสซิ่ง (THANI) มีกำไรเพิ่มขึ้น ร้อยละ 11.55 จากงวด 9 เดือนปีก่อน เป็นผลจากการขยายตัวได้เป็นอย่างดีของสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุก การบริหารจัดการต้นทุนที่ดี และการควบคุมคุณภาพสินทรัพย์อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้าน ธนชาตประกันภัย (TNI) มีเบี้ยประกันภัยรับในงวด 9 เดือนเติบโตขึ้นร้อยละ 24.92 ซึ่งเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ สำหรับ ธนชาตพลัส (T-Plus) มีผลการดำเนินงานเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง มียอดสินเชื่อคงค้างมากกว่า 4,000 ล้านบาท และ NPL ยังคงเป็นศูนย์ จากการบริหารความเสี่ยงที่รัดกุมและมีประสิทธิภาพ ในขณะที่ หลักทรัพย์ธนชาต (TNS) มีการเติบโตของรายได้อื่นที่ไม่ใช่รายได้ค่านายหน้าได้เป็นอย่างดี เพื่อมาชดเชยรายได้ค่านายหน้าที่ปรับตัวลดลงเนื่องจากภาวะตลาดที่ไม่เอื้ออำนวย
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ที่ผ่านมา TCAP ได้ลงทุนซื้อหุ้นเพิ่มเติมใน ธนชาตประกันภัย (TNI) และ หลักทรัพย์ธนชาต (TNS) ส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นของ TCAP ในบริษัทย่อยทั้ง 2 เพิ่มขึ้นจากเดิมร้อยละ 50.96 เป็นร้อยละ 89.96 เนื่องจาก TCAP มองเห็นว่าบริษัทย่อยทั้ง 2 เป็นบริษัทย่อยที่สำคัญของ TCAP และมีผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด มีอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) อยู่ในระดับสูง ซึ่งการลงทุนเพิ่มเติมนี้ TCAP เชื่อมั่นว่าจะส่งผลดีต่อผู้ถือหุ้นของ TCAP ในอนาคต”
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ยกนิ้วให้เลย! “ดีเจ” ตำนาน MMA ชม “รถถัง” เจ๋งสุดในมวยไทย รุ่นฟลายเวต
“ดีเจ” ดิมิเทรียส จอห์นสัน แชมป์โลก ONE รุ่นฟลายเวต (MMA) ออกปากชม “รถถัง จิตรเมืองนนท์” เจ้าบัลลังก์ ONE มวยไทย รุ่นฟลายเวต ยกให้เป็นเบอร์หนึ่งในสายมวยไทยรุ่นนี้ ชนิดหาใครเทียบชั้นได้ยากในปัจจุบัน
แม้ “ดีเจ” จะเป็นฝ่ายแจกซับมิชชัน “รถถัง” จนหลับคาเวทีเมื่อครั้งได้เผชิญหน้ากันในซูเปอร์ไฟต์ลูกผสมมวยไทย- MMA ครั้งประวัติศาสตร์เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แต่เจ้าตัวก็ได้รู้ซึ้งถึงพิษสงอันร้ายกาจของแม่ไม้มวยไทยจาก “รถถัง” ไปไม่น้อย
และเมื่อเร็ว ๆ นี้ “ดีเจ” ได้รับเชิญไปออกรายการพอดแคสต์ชื่อดังของอเมริกาที่มีผู้ติดตามหลายสิบล้านคน ตอนหนึ่ง “ดีเจ” ก็เอ่ยปากยกย่องแชมป์โลกจอมบู๊อย่าง “รถถัง” ให้เป็นที่หนึ่งในนักมวยที่เก่งกาจที่สุดในรุ่นฟลายเวตเลยทีเดียว
“ผมกล้าพูดเลย ไม่มีใครเจ๋งเท่า รถถัง แล้ว ในรุ่นฟลายเวต ตอนที่เขาชกกับ โจนาธาน แฮ็กเกอร์ตี ทั้งคู่ผลัดกันรุกผลัดกันรับ พอเขาบุกเข้าประชิดตัวคู่แข่งได้ เขาก็ทะลวงหมัดเข้าโจมตีที่ลำตัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาเป็นสุดยอดในสายมวยไทย ไม่ใช่แค่เดินบุกเหมือนหุ่นยนต์นะครับ”
ทั้งนี้ “รถถัง” กำลังจะมาประกาศศักดาเบอร์หนึ่งของ ONE มวยไทย รุ่นฟลายเวตอีกครั้ง โดยได้คิวป้องแชมป์เป็นครั้งที่ 4 กับผู้ท้าชิง “โจเซฟ ลาซิรี” แชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นสตรอว์เวต ที่อาจหาญข้ามรุ่นมาชิงเข็มขัดเส้นที่สองในถิ่นของ “รถถัง”
โดยทั้งคู่จะสู้กันในฐานะคู่รองของศึก ในฐานะคู่รองของศึก ONE Fight Night 4 ที่จะถ่ายทอดสดจากสิงคโปร์ อินดอร์ สเตเดียม ในช่วงไพรม์ไทม์อเมริกา ซึ่งตรงกับช่วงเช้าเวลา 08.00 น. ของวันเสาร์ที่ 19 พ.ย.65 ตามเวลาประเทศไทย
แฟน ๆ สามารถติดตามรับชมการถ่ายทอดสดศึกนี้ได้ในวันเสาร์ที่ 19 พ.ย.65 ผ่านทาง watch.onefc.com, ยูทูบ ONE Championship, AIS Play (เฉพาะลูกค้า AIS) เริ่มคู่แรกเวลา 08.00 น. และสามารถจองตั๋วเข้าชมในสนาม สิงคโปร์ อินดอร์ สเตเดียม ได้ที่ลิงก์นี้ bit.ly/ONENOVTIX
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ไอแบบไหน เป็นโรคอะไร เมื่อไรควรพบแพทย์
“ไอ” เป็นกลไกการตอบสนองของร่างกายต่อสิ่งผิดปกติในระบบทางเดินหายใจ โดยเป็นกลไกในการกำจัดเชื้อโรค เสมหะหรือสิ่งแปลกปลอมในระบบทางเดินหายใจ
พญ.พวงรัตน์ ตั้งธิติกุล แพทย์เฉพาะทางด้านอายุรศาสตร์โรคระบบหายใจและภาวะวิกฤตระบบการหายใจ ศูนย์อายุรกรรม โรงพยาบาลนวเวช ได้อธิบายลักษณะของการไอเอาไว้อย่างละเอียด และครบรอบด้าน สำหรับนำไปสังเกตตนเองและคนรอบข้าง หากมีอาการไอจนผิดปกติจะได้เข้าสู่กระบวนการรักษาอย่างทันท่วงที
ไอแบบไหน เป็นโรคอะไร
ลักษณะของเสียงไอ สามารถแบ่งจำแนกตามรูปแบบต่าง ๆ ได้หลายรูปแบบ เช่น
- ไอมีเสมหะ พบในภาวะติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ปอดอักเสบ หลอดลมอักเสบเฉียบพลัน โรคปอดอุดกลั้นเรื้อรัง อันเป็นผลจากการที่ร่างกายมีการขับสารเมือก หรือสารคัดหลั่งออกมาในระบบหายใจ จนทำให้เกิดอาการไอร่วมกับมีเสมหะ
- ไอแห้ง เกิดจากการระคายคอ หรือระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง จนกระตุ้นให้เกิดการไอ โดยไม่มีเสมหะปน สาเหตุที่พบได้ เช่น ภาวะกรดไหลย้อน โรคหลอดลมอักเสบ ยาลดความดันโลหิตกลุ่มของ ACEi Inhibitor และเป็นอาการที่พบได้บ่อยในคนไข้ COVID-19
- ไอเสียงก้อง พบในเด็ก เกิดจากการบวมของระบบทางเดินหายใจส่วนบนบริเวณกล่องเสียง และหลอดลม หรือที่เรารู้จักกันในชื่อว่า ครูป (Croup) คนไข้อาจมีอาการหายใจลำบาก เสียงแห้ง หายใจมีเสียง มีไข้ ร่วมกับอาการไอเสียงก้อง
- อาการไอที่พบเวลากลางคืน เป็นผลจากการระคายเคืองของระบบทางเดินหายใจที่ถูกกระตุ้นในช่วงกลางคืน อาจสัมพันธ์กับท่าทาง เช่น เสมหะไหลลงคอขณะนอน ที่พบได้ในโรคไซนัสอักเสบ โรคภูมิแพ้ อีกทั้งอากาศเย็น หรือสารก่อภูมิแพ้ เช่น ไรฝุ่น ที่เป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดการหดตัวของหลอดลม ส่งผลให้ไอมากขึ้น โดยเฉพาะคนไข้โรคหืด
อาการไอสามารถแบ่งตามระยะเวลาได้เป็น 3 กลุ่ม คือ
- ไอเฉียบพลัน คือ อาการไอที่น้อยกว่า 3 สัปดาห์
- ไอกึ่งเฉียบพลัน คือ อาการไอตั้งแต่ 3 – 8 สัปดาห์
- ไอเรื้อรัง คือ อาการไอต่อเนื่องที่มากกว่า 8 สัปดาห์ขึ้นไป
อาการไอที่ควรพบแพทย์
แนะนำให้มาพบแพทย์ กรณีที่อาการไอเป็นลักษณะไอเรื้อรัง หรือมีอาการผิดปกติอื่นร่วม เช่น ไอเสมหะปนเลือด เสียงแหบ มีไข้ น้ำหนักลด หอบเหนื่อย ปอดอักเสบติดเชื้อบ่อย ๆ กลืนเจ็บ กลืนลำบาก สำลัก ทั้งนี้ เพื่อการตรวจวินิจฉัย และให้การรักษาที่เหมาะสม
แนวทางการรักษา
เนื่องจากอาการไอเกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังนั้น การรักษาจำเป็นที่จะต้องทำการตรวจวินิจฉัยถึงสาเหตุของอาการไอ และให้การรักษาตามสาเหตุนั้น ๆ การปฏิบัติตัวของผู้ป่วยเอง ก็เป็นส่วนสำคัญในการรักษาอาการไอได้มาก โดยการหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดอาการไอ เช่น สารก่อการระคายเคือง ฝุ่น สารเคมี ควันบุหรี่ หลีกเลี่ยงการสัมผัสอากาศจากเครื่องปรับอากาศ หรือพัดลมโดยตรง เนื่องจากอากาศเย็นจะกระตุ้นหลอดลมให้เกิดการหดตัว ควรทำให้ร่างกายอบอุ่น พักผ่อนให้เพียงพอ กรณีที่สูบบุหรี่ ควรงดการสูบบุหรี่
อาการไอเกิดได้จากหลายสาเหตุ ถ้าคนไข้รู้สึกถึงความผิดปกติของร่างกาย หรือรู้สึกกังวลใจเรื่องอาการไอ แนะนำควรเข้ามาพบแพทย์ เพื่อทำการซักประวัติ ตรวจร่างกายอย่างละเอียด นำไปสู่การวินิจฉัย และการรักษาอย่างเหมาะสม
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ความแตกต่างระหว่าง ‘shall’ และ ‘will’ ใน Future Tense
เวลาที่ต้องการจะพูดเกี่ยวกับเหตุการณ์ในอนาคตในภาษาอังกฤษ มีรูปประโยคหลายรูปที่เราสามารถนำมาใช้ได้ เช่น present continuous, ‘be going to’, ‘will’ และ ‘shall’ ‘will’ และ ‘shall’ เป็นคำสองคำที่ใช้ได้ง่ายที่สุดเพราะมันมีรูปแบบการวางที่ไม่ซับซ้อน แต่ค่อนข้างจะทำให้เราสับสนได้ง่าย แล้วอะไรล่ะคือความแตกต่างระหว่างสองคำและเมื่อไหร่ที่ควรใช้ตัวไหน? เรามีข้อมูลมาให้ด้านล่าง
Will
คำที่ง่ายและพื้นฐานที่สุดในการอธิบายเกี่ยวกับเรื่องราวในอนาคตคือ ‘will’ โครงสร้าง ‘will’ สามารถจำได้ง่ายมากเพราะมันไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนรูปไม่ว่ากับประธานตัวไหน นอกจากนั้นเรายังไม่จำเป็นต้องผัน verb แท้ที่ตามมาด้วย
การทำเป็นรูปปฏิเสธ เราจะเติม ‘not’
การทำเป็นประโยคคำถาม เราจะสลับที่ประธานกับ ‘will’
เราจะใช้ ‘will’ ในสถานการณ์เหล่านี้
a) เพื่ออธิบายเกี่ยวกับเหตุการณ์ในอนาคต
- We’ll be at the hotel until 8pm.
- The trains will be late today because of the bad weather.
- How long will you stay in Hong Kong?
- He’ll send us the report when he has all the data.
b) เพื่อแสดงถึงการคาดเดา
- The world population will grow a lot in the next 50 years.
- I think I’ll stay in this company until I retire.
- She doesn’t think she’ll pass the exam.
- Who do you think will win the tournament?
c) เพื่อพูดถึงการตัดสินใจที่เกิดขึ้นในเวลานั้น
- I’ll have the vegetable soup please.
- (The phone rings) I’ll answer it.
- So that’s the plan – we’ll check the sales figures and you check the expenses.
- Jean’s over there. I’ll just go and say ‘hello’ before we leave.
d) เพื่อแสดงการขอ
- Will you bring some more water please?
- Will you come to the appointment with me?
- Will you be quiet please? I’m trying to make an important phone call.
- You’ll give me a hand with dinner, won’t you?
e) เพื่อสื่อถึงคำสัญญาและการเสนอ
- I’ll call you when I get home.
- She’ll help you finish the work, don’t worry.
- We’ll send you the goods as soon as possible.
- Lee and Kim will show you around the city.
f) เพื่ออธิบายผลของประโยคที่แสดงความเป็นเงื่อนไข
- If it rains, I’ll take my umbrella,
- If they win the next match, they’ll go through to the final.
- Will she come to dinner if I invite her?
- We won’t mind if you arrive late.
Shall
ในอดีต ‘shall’ มักจะถูกใช้เหมือน ‘will’ คุณจะเห็นได้เลยว่าในงานเขียนดังๆ ในอดีตจะมีการใช้ ‘shall’ อยู่บ่อยครั้ง แต่ในภาษาอังกฤษสมัยใหม่ เราจะใช้ ‘will’ สำหรับประโยคบอกเล่าและประโยคปฏิเสธ อย่างไรก็ตาม เราจะยังใช้ ‘shall’ เพื่อสร้างประโยคคำถามเวลาที่ประธานเป็น ‘I’ และ ‘we’ โดยเฉพาะในภาอังกฤษแบบอังกฤษ
เราสามารถสร้างประโยคด้วย ‘shall’ แบบเดียวกันกับเวลาที่เราใช้ ‘will’
รูปปฏิเสธจะต้องเติม ‘not’
(รูปย่อ‘shan’t’ มักจะใช้โดยทั่วไปในภาษาพูด แต่จะไม่ค่อยใช้ในภาษาเขียน)
เราจะสร้างประโยคคำถามโดยการสลับประธานกับ ‘shall’ ซึ่งจะใช้ ‘shall’ เฉพาะแค่ในประโยคคำถามซึ่งประธานเป็น ‘I’ และ ‘we’
เราจะใช้ ‘shall’ ในสถานการณ์เหล่านี้
a) เพื่อเสนอบางอย่างโดยมีประธานเป็น I/we
- Shall I make some lunch?
- Shall we help you with your bags?
- Where shall I drop you off? Outside your office?
- Shall I water your plants while you’re away?
b) เพื่อแสดงถึงการเสนอแนะเวลาที่ประธานเป็น I/we
- Shall we go to the park later?
- Shall we have something to eat?
- Who shall we invite to the party?
- What shall we do after we’ve watched the film?
c) เพื่อแสดงถึงข้อห้ามอย่างสุภาพ
- Applicants shall provide evidence of their qualifications.
- Guests shall not remove anything from the rooms.
- The tenant shall pay the agreed amount on the first day of every month.
- The accused shall appear in court again on 26th October.
d) เพื่อให้คำสัญญา
- I shall never forget the help you gave me.
- I shan’t be late.
- We shall do everything we can to solve the problem.
- He shan’t be long. Do have a seat while you wait.
e) เพื่ออธิบายถึงอนาคตอย่างสุภาพ
- We shall overcome this difficult moment.
- The tests shall be carried out by an independent body.
- Mr Lopez shall begin his talk at 2:30pm.
- Access to the city center shall be limited today due to the marathon.
Will หรือ Shall?
โดยทั่วไป เราจะใช้ ‘will’ ในประโยคบอกเล่าและประโยคปฏิเสธที่เกี่ยวกับเรื่องในอนาคต รวมทั้งการร้องขอ ถ้าคุณต้องการเสนอหรือแนะนำเป็นประโยคคำถาม โดยมี I/we ใช้ ‘shall’ ในโอกาสที่ต้องการความสุภาพ โดยเฉพาะเวลาพูดถึงเรื่องข้อห้าม ให้ใช้ ‘shall’
ตอนนี้ คุณน่าจะได้เห็นถึงความแตกต่างระหว่าง‘will’ และ ‘shall’ คุณพร้อมแล้วที่จะลองใช้ทั้งสองคำ ฝึกฝนด้วยการทำแบบทดสอบสั้นๆ และพยายามใช้‘will’ และ ‘shall’ ให้ได้มากที่สุดเวลาที่พูด เพราะมันจะช่วยให้คุณสามารถสรุปเนื้อหาที่เรียนมาได้ง่ายขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก wallstreetenglish.in.th
NT ร่วมมือ กสทช. เตือนภัยเครื่องหมาย + ก่อนรับสายระวังภัยจากมิจฉาชีพ
NT จับมือ กสทช. เตือนภัยประชาชนก่อนรับสายโทรศัพท์จากต่างประเทศ พบมีเครื่องหมาย + นำหน้าพึงระวัง มิจฉาชีพระบาดหนักในประเทศ
นางสาวโชติกา ไพจ์ศรี ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT เปิดเผยว่า ขณะนี้มิจฉาชีพได้ปรับช่องทางในการโทรมาหลอกลวงประชาชนให้หลงเชื่อ ด้วยการใช้วิธีการโทรเข้าจากต่างประเทศ NT จึงได้ร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. แจ้งเตือนประชาชนให้ระวังก่อนการรับสายเบอร์โทรจากต่างประเทศทุกครั้ง หากมีหมายเลขโทรศัพท์ที่เรียกเข้าขึ้นต้นด้วย +698+66 ซึ่งเป็นสายที่โทรจากเบอร์มือถือไทยที่ใช้บริการโรมมิ่งจากต่างประเทศ และ +697
ซึ่งเป็นสายโทรผ่านระบบ VoIP (Voice over Internet Protocol) เข้ามาจากต่างประเทศให้พึงสังเกต หากไม่ได้มีการติดต่อธุรกิจจากต่างประเทศ หรือไม่มีญาติพี่น้องอยู่ต่างประเทศ รวมถึงไม่ได้มีการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ ให้วางสายทันทีและงดโทรกลับไปที่เบอร์ดังกล่าว เพื่อป้องกันการเกิดค่าใช้จ่ายเรียกเก็บจากผู้ให้บริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศและเหตุอันอาจจะก่อให้เกิดการเสียทรัพย์สินในอนาคต
ทั้งนี้เพื่อเป็นการร่วมสกัดการโทรเข้าจากต่างประเทศ NT ได้ดำเนินการป้องกันการเกิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยีให้รัดกุมยิ่งขึ้น โดยปรับรูปแบบหมายเลขโทรศัพท์ระหว่างประเทศขาเข้าให้มีรูปแบบตามมาตรฐานโทรคมนาคมของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU-T) รูปแบบเดียว คือ มีเครื่องหมาย “+” นำหน้าตามด้วยรหัสประเทศ เช่น +381631900756 พร้อมแจ้งให้ประชาชนรับทราบและเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง หากพบความน่าสงสัยหรือไม่มีเหตุอันควรตามข้อมูลข้างต้นให้งดรับสายในทุกกรณี และสามารถแจ้งมายัง NT Contact Center 1888 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อระงับการโทรจากหมายเลขต้นทางที่มีความผิดปกติและประสานไปยังผู้ให้บริการโครงข่ายในต่างประเทศให้ตรวจสอบและระงับการโทรของหมายเลขต้นทางมายังปลายทางในประเทศไทย สำหรับประชาชนผู้ใช้บริการที่ถูกหลอกลวงสามารถแจ้งความได้ที่สถานีตำรวจเพื่อให้ดำเนินการทางกฎหมายต่อไป.
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
10 ประโยชน์ของกระเทียม ที่เราอยากให้คุณทานทุกวัน
หมูกระเทียม ไก่กระเทียม ผัดกะเพรา ผัดผัก น้ำพริก และอีกสารพัดอาหารไทยที่มี “กระเทียม” เป็นส่วนประกอบ และไม่ใช่แค่อาหารไทยเท่านั้น อาหารทั่วโลกก็ใช้กระเทียมเป็นส่วนประกอบด้วยเช่นกัน ทั้งๆ ที่ทานสดแล้วรสชาติเผ็ดร้อนจนอยากคายทิ้ง แต่หากนำไปประกอบอาหารแล้ว ได้รสชาติละมุนฉุนอร่อยกำลังดีไปเสียทุกจาน
นอกจากจะเป็นส่วนประกอบของอาหารจานเด็ดหลายเมนูแล้ว ยังมีเหตุผลดีๆ อีก ข้อ ที่เราอยากให้คุณทานกระเทียมทุกวัน
10 ประโยชน์ของกระเทียม ที่เราอยากให้คุณทานทุกวัน
- ปรับความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติ
- ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด
- ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด จึงเหมาะกับผู้ป่วยเบาหวาน
- บำรุงเลือด ป้องกันอาการโลหิตจาง
- เพิ่มภูมิต้านทานให้กับร่างกาย
- ป้องกันโรคหัวใจ
- ลดอาการท้องผูก ทำให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น
- ช่วยขับลม แก้อาการจุดเสียดแน่นท้อง
- ป้องกันไข้หวัด ยับยั้งการเจริญเติบโตของไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา
- มีสารต้านอนุมูลอิสระ บำรุงผิวพรรณ และลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็ง
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 11/11/2565
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 29,800.00 | 29,900.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,930.00 | 29,258.80 | 30,400.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,737.00 | 26,332.92 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,544.00 | 23,407.04 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 869.00 | 13,174.04 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 676.00 | 10,248.16 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,000.00 | 30,320.00 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 11/11/2565
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 36.15 | 36.15 | 36.45 | 36.45 | 36.45 | 36.15 | 36.15 | 36.15 | 36.45 | 36.15 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 35.88 | 35.88 | 36.18 | 36.18 | 36.18 | 35.88 | 35.88 | 35.88 | 36.18 | 35.88 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 35.04 | 35.04 | 35.34 | 35.34 | 35.34 | – | 35.04 | 35.04 | 35.34 | 35.04 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 33.84 | 33.84 | – | – | – | – | – | – | – | 33.84 |
เบนซิน 95 | 43.56 | – | – | – | 44.31 | – | 44.06 | 44.01 | – | 43.56 |
ดีเซล B7 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 |
ดีเซล | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 |
ดีเซล B20 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | – | 34.94 | – | 34.94 | 34.94 | 35.34 | 34.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 43.66 | 43.66 | 45.16 | 45.16 | 45.06 | – | – | – | – | 34.94 |
แก๊ส NGV | 16.59 | 16.59 | – | – | – | – | – | – | – | 16.59 |