ส.ไทยรับสร้างบ้าน หนุนนโยบายขึ้น ‘ค่าแรง 600 บาท’
นายกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน หนุน นโยบายหาเสียงขึ้นค่าแรง 600 บาท ปี 2570 ชี้ปรับตัวไม่ยาก หากเศรษฐกิจโตปีละ 5% ขณะประเมิน ปี 2566 ตลาดบ้านสร้างเองยังท้าทาย คาดมูลค่ารวมอยู่ราว 1.8 – 2 แสนล้านบาท
10ม.ค.2566 -ประเด็นนโยบายหาเสียง ขึ้นค่าแรง 600 บาทต่อวัน ของพรรคเพื่อไทย โดยประกาศ ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก ในกลุ่มผู้ประกอบการเอกชน
ขณะในมุมของนายนิรัญ โพธิ์ศรี นายกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน มีความเห็นน่าสนใจว่า กรณีที่มีพรรคการเมืองออกมาประกาศชูนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท ภายในปี 2570 นั้น ปรากฎว่ามีตัวแทนกลุ่มธุรกิจหลาย ๆ รายออกมาวิพากษ์วิจารณ์และแสดงถึงความ “ไม่เห็นด้วย” ในส่วนของมุมมองสมาคมฯ เองกลับมีความเห็นต่าง เพราะเมื่อพิจารณาในรายละเอียดของนโยบายหาเสียงพรรคการเมืองที่ประกาศไว้ ถือว่าไม่ใช่ปัญหาที่ผู้ประกอบการรับสร้างบ้านมืออาชีพ ควรจะคัดค้านและตื่นตระหนกใด ๆ แต่ควรสนับสนุนและ “เห็นด้วย” กับนโยบายดังกล่าว ภายใต้เงื่อนไขนโยบายที่ว่าเศรษฐกิจประเทศจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 5% (ปี 2566-2570)
หากมองย้อนกลับไปในอดีต เมื่อครั้งพรรคการเมืองเดียวกันนี้ ประกาศนโยบายปรับค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ปริญญาตรี 15,000 บาท ครั้งนั้นก็เห็นว่าผู้ประกอบการทั้ง SMEs และรายใหญ่ต่างก็ปรับตัวกันได้ไม่ยากนัก ส่วนหนึ่งก็พราะรัฐบาลออกนโยบายลดภาษีนิติบุคคลจาก 30% เหลือ 20% เป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายทางภาษีลง ภาระต้นทุนอีกส่วนหนึ่งผู้ประกอบการที่ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ ก็ผลักภาระให้ผู้บริโภครับแทนหรือปรับขึ้นราคาสินค้าและบริการ แต่ด้วยเพราะภาพรวมเศรษฐกิจประเทศเติบโตดีและประชาชนมีกำลังจับจ่ายใช้สอยเพิ่มจึงไม่ได้เดือดร้อนใด ๆ
ยกเว้น ผู้ประกอบการโรงงานที่ผลิตเพื่อส่งออกสินค้า ซึ่งเน้นการจ้างแรงงานกรรมกรค่าแรงต่ำ โดยส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมที่มีกระบวนการผลิตซ้ำ ๆ ไม่ใช้แรงงานที่มีความสามารถและมีฝีมือ จึงจำเป็นต้องย้ายฐานผลิตไปประเทศเพื่อนบ้านเพื่อลดต้นทุน ผู้ประกอบการกลุ่มนี้แค่เข้ามาอาศัยตั้งโรงงานในประเทศไทยเท่านั้น และโดยมากมักจะเลือกจ้างแรงงานต่างด้าวทำงานด้วยเป็นส่วนใหญ่ เพราะแรงงานคนไทยไม่นิยมทำงานด้วย
คาด ตลาดบ้านสร้างเอง ปี 66 ทรงตัว
ขณะทิศทางธุรกิจ และ ตลาดบ้านสร้างเองปี 2566 นั้น สมาคมฯ คาดว่ามีแนวโน้มทรงตัว หรือคิดเป็นมูลค่ารวม 1.8 – 2 แสนล้านบาท ทั้งนี้ประเมินว่ามูลค่าตลาดที่ยังทรงตัวนั้น เป็นผลมาจากราคาต่อหน่วยที่สูงขึ้นตามต้นทุนก่อสร้างและราคาบ้าน (จำนวนหน่วยลดลง) ในส่วนของกลุ่มธุรกิจรับสร้างบ้าน สมาคมฯ คาดว่าจะมีส่วนแบ่งจากมูลค่าตลาดบ้านสร้างเอง ทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด มูลค่าประมาณ 2.5 – 2.6 หมื่นล้านบาท ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ตัวแปรที่อาจจะฉุดรั้งมูลค่าตลาดรับสร้างบ้านให้ชะลอตัว อาทิเช่น ความไม่เชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อเศรษฐกิจประเทศ การรุกขยายตลาดของกลุ่มธุรกิจบ้านจัดสรรรายใหญ่ในต่างจังหวัด การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคาร เป็นต้น
สำหรับ ปริมาณตลาดบ้านสร้างเองทั่วประเทศในปี 2565 (มิใช่ บ้านจัดสรร) มีมูลค่ารวม 2 แสนล้านบาทเศษ แบ่งเป็นบ้านสร้างเองในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล คิดเป็นมูลค่าประมาณ 4.5 หมื่นล้านบาท และต่างจังหวัด มูลค่า 1.55 แสนล้านบาท สำหรับธุรกิจรับสร้างบ้านหรือกลุ่มบริษัทรับสร้างบ้าน ประเมินว่าผู้บริโภคเลือกใช้บริการสร้างบ้านทั่วประเทศ มูลค่าราว 2.4 – 2.5 หมื่นล้านบาทหรือคิดเป็น 12% ของมูลค่ารวมตลาดบ้านสร้างเอง (2 แสนล้านบาท) โดยกลุ่มบริษัทรับสร้างบ้านมีส่วนแบ่งตลาดในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล มูลค่า 1.4 – 1.5 หมื่นล้านบาท และแชร์ตลาดในต่างจังหวัด คิดเป็นมูลค่า 1.0 – 1.1 หมื่นล้านบาท
แนะ บริษัทรับสร้างบ้านปรับตัวรับโอกาส
นายนิรัญ ยังกล่าวถึง ทิศทางเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจในปีนี้ ว่า กูรูเศรษฐกิจจากหลายสำนัก คาดการณ์ว่าโอกาสการเติบโตทางเศรษฐกิจประเทศไทย ยังคงต้องพึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยวเป็นสำคัญ โดยภาครัฐตั้งเป้าดึงดูดจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าประเทศในปี 2566 ไว้สูงถึง 20-25 ล้านคน ทั้งนี้หากรัฐบาลสามารถขับเคลื่อนนโยบายและทำได้สำเร็จหรือใกล้เคียง ภาคประชาชนและผู้บริโภคก็คงจะมั่นใจกับทิศทางเศรษฐกิจหรือมีความหวังมากขึ้น รวมทั้งเศรษฐกิจประเทศก็มีโอกาสขยายตัวได้ในระดับที่น่าพอใจ
ปี 2566 อาจนับได้ว่าเป็นปีแห่งความท้าทายของกลุ่มธุรกิจรับสร้างบ้านอีกปีหนึ่ง ทั้งไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ซึ่งต้องการสร้างบ้านที่ให้มากกว่าแค่ที่พักอาศัยทั่วไป ฉะนั้นความพยายามจะรักษาหรือเพิ่มแชร์ส่วนแบ่งตลาดทั่วประเทศ จึงจำเป็นที่กลุ่มธุรกิจรับสร้างบ้านควรจะมีการปรับตัวไปในทิศทางที่สอดคล้องกันอย่างมีนัยสำคัญ โดยคำนึงถึง 5 ปัจจัยสำคัญ ๆ อันได้แก่
- การยกระดับมาตรฐานการสร้างบ้านและอยู่อาศัยให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่
- กำหนดตำแหน่งทางการตลาดของแบรนด์และกลุ่มเป้าหมายขององค์กรให้ชัดเจน
- การขยายพื้นที่ให้บริการหรือการขยายสาขา
- เน้นแข่งขันเชิงคุณภาพและบริการ อันเป็นการสร้างความแตกต่างจากผู้รับเหมาสร้างบ้านรายย่อยทั่วไป
- คุณภาพบ้านกับราคาต้องสมเหตุสมผล
” สำหรับ ในปี 2566 สมาคมฯ ประเมินว่ารูปแบบการแข่งขันยังคงเป็นไปในทิศทางเดียวกับปีที่ผ่านมา แต่การแข่งขันขยายพื้นที่ให้บริการจะเป็นการขยายสู่จังหวัดเมืองรองมากขึ้น และในการแข่งขันด้านบริการแบบ One Stop Service ก็จะเห็นภาพชัดมากขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2565 เหตุผลเพราะพฤติกรรมและความต้องการผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง ตามเทคโนโลยีการอยู่อาศัยที่พัฒนาตอบโจทย์ได้มากขึ้น ทำให้การสร้างบ้านมีระบบดูแลชีวิตหรือสุขภาพ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันรวมเข้าไว้ด้วย รวมถึงพฤติกรรมและแนวคิดของผู้บริโภคที่มองว่าไม่จำเป็นว่าต้องมีที่อยู่อาศัยหรือสร้างบ้านอยู่เฉพาะในเมืองหลวงเท่านั้น ”
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ปิดดีล ซื้อ ‘เมาน์เท็น บีช รีสอร์ต’ พัทยา ต่างชาติ เทกโอเวอร์ 1.5 พันล.
โรงแรม เมาน์เท็น บีช รีสอร์ต พระตำหนัก พัทยา ถูกนายทุนใหญ่ Destination Group ทุ่มงบ 1,500 ล้านบาท เข้าเทกโอเวอร์ จับตา ลุยรีแบรนด์ใหม่ อัพเกรดเป็นโรงแรม ระดับ 4.5 ดาว
10 ม.ค.2566 – Destination Group ประกาศเข้าซื้อกิจการเมาน์เท็น บีช รีสอร์ต ใจกลางย่านพระตำหนัก เมืองพัทยา โดยทุ่มงบราว 1,500 ล้านบาท คาดรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ โดยมีกำหนดเปิดให้บริการไตรมาส 2 ปี 2567
มร.แกรี่ เมอร์เรย์ (Mr.Gary Murray) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง เดสติเนชั่น กรุ๊ป เปิดเผยว่าเดสติเนชั่น กรุ๊ป ประกาศเข้าซื้อกิจการเมาน์เท็น บีช รีสอร์ต ตั้งอยู่ใจกลางย่านพระตำหนัก เมืองพัทยา ใกล้แหล่งท่องเที่ยว ร้านอาหารชั้นนำ ห่างจากชายหาดพระตำหนักเพียง 200 เมตร พร้อมวางแผนปรับปรุงรีสอร์ตครั้งใหญ่ รวมถึงรีแบรนด์ใหม่ในฐานะผู้ให้บริการระหว่างประเทศให้เป็นระดับ 4.5 ดาว
โดยหลังจากการปรับปรุงครั้งนี้ รีสอร์ตจะมีจำนวนห้องพักมากกว่า 354 ห้อง (จากเดิม 322 ห้อง) พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งความบันเทิง และสันทนาการ ได้แก่ บีชคลับรองรับได้ถึง 150 ที่นั่ง ไนท์คลับที่มีความสนุกไร้ขีดจำกัด คาเฟ่ที่นั่งได้ตลอดวันสามารถรองรับได้ถึง 250 ที่นั่ง สปาเพื่อสุขภาพ รวมถึง SIAM ADVENTURE CLUB กิจกรรมเชิงทัศนศึกษาสำหรับเด็กและวัยรุ่น และห้องประชุมขนาด 800 ตารางเมตร ถือเป็นรีสอร์ตที่ให้บริการอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มาเป็นครอบครัวทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยมีกำหนดเปิดให้บริการไตรมาส 2 ปี 2567
“ชายหาดพระตำหนักถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับครอบครัวที่ดีที่สุด เป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเมืองพัทยาเป็นแหล่งรวมชายหาดยอดนิยมทางฝั่งอ่าวไทย มีชื่อเสียงด้าน อาหารทันสมัย คาเฟ่ริมหาดและสถานบันเทิงยามราตรี อีกทั้งตั้งอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์เพียง 1 ชั่วโมง และไม่ไกลจากสนามบินสุวรรณภูมิ” มร.แกรี่ กล่าว
ทั้งนี้ เดสติเนชั่น กรุ๊ป ก่อตั้งขึ้น ในปี 2539 ดำเนินธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และกลุ่มโฮสเทลที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ในส่วนของธุรกิจโรงแรมดำเนินงานผ่าน Destination Resorts ปัจจุบันรีสอร์ตในเครือเดสติเนชั่นมีห้องพักมากกว่า 2,500 ห้องที่ภูเก็ต หัวหิน สมุย เขาหลัก และพัทยา ในขณะที่ธุรกิจร้านอาหาร ดำเนินงานผ่าน Destination Eats มีร้านอาหารมากกว่า 30 แห่ง ทั้งฮาร์ดร๊อคคาเฟ่ ร้านอาหารฮูเตอร์ส สกูซซี่พิซซ่า บิ๊กบอย ไอศกรีมว้าวคาว ร้านกาแฟเอร์เบิร์นกรันช์ บูมบูมเบอร์เกอร์ กอนชอยชิคเก้น ทาโก้ดีไลท์ หนุมานไทย พาวเวอร์อีทส์ และล่าสุด Virtual Kitchens ที่ปราศจากหน้าร้าน
ในส่วนของธุรกิจโฮสเทล ดำเนินงานผ่าน Collective Hospitality มีโฮสเทลมากกว่า 50 แห่ง มีจำนวนเตียงมากกว่า 6,000 เตียง บริหารงานภายใต้แบรนด์ Slumber Party, Bodega และ Socialtel ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศไทย อินโดนีเซีย ศรีลังกา ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และกัมพูชา
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ ที่ระดับ 33.45 บาทต่อดอลลาร์
เงินบาทยังเคลื่อนไหว sideways ต่อในวันนี้ คาดแนวรับสำคัญยังคงเป็นโซน 33.30 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนโซนแนวต้านสำคัญจะอยู่ 33.50-33.60 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ ( 11ม.ค.2566) ที่ระดับ 33.45 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 33.52 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่าแนวโน้มค่าเงินบาท เรามองว่า โฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ รวมถึงแรงซื้อสินทรัพย์ไทยของบรรดานักลงทุนต่างชาติก็มีส่วนช่วยหนุนให้เงินบาทเคลื่อนไหวแข็งค่าขึ้น
โดยมีจังหวะแข็งค่าแตะระดับ 33.33 บาทต่อดอลลาร์ในวันก่อน ซึ่งเรามองว่า เงินบาทก็ยังมีแนวโน้มเคลื่อนไหว sideways ต่อในวันนี้ จนกว่าผู้เล่นในตลาดจะทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ
โดยแนวรับสำคัญยังคงเป็นโซน 33.30 บาทต่อดอลลาร์ ตามที่เราเคยได้ประเมินไว้ ส่วนโซนแนวต้านสำคัญจะอยู่ 33.50-33.60 บาทต่อดอลลาร์
ซึ่งเราเห็นผู้เล่นบางส่วนเข้ามาทยอยขายเงินดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนต่างชาติก็ยังคงเดินหน้าซื้อสินทรัพย์ไทยต่อเนื่องในช่วงนี้
อนึ่ง การเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ผันผวนสูงในช่วงที่ผ่านมาได้สะท้อนถึงความจำเป็นของการใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น
ทำให้เราคงแนะนำ ผู้ประกอบการควรใช้กลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้ Options ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงได้ดีในช่วงที่ตลาดผันผวนหนัก
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.30-33.60 บาท/ดอลลาร์
บรรยากาศในตลาดการเงินสหรัฐฯ กลับมาอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยงอีกครั้ง เนื่องจากถ้อยแถลงของประธานเฟดในคืนก่อนหน้าไม่ได้มีการส่งสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางดอกเบี้ยนโยบายของเฟดที่ชัดเจน (เนื้อหาส่วนใหญ่พูดถึงความเป็นอิสระจากการเมืองของธนาคารกลาง)
ทำให้ผู้เล่นในตลาดกล้าที่จะกลับเข้ามาซื้อหุ้นในกลุ่มเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth เพื่อรอลุ้นรายงานเงินเฟ้อ CPI ในวันพฤหัสฯ (ตลาดประเมินว่าเงินเฟ้อจะชะลอลงต่อเนื่อง) หนุนให้ ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวขึ้น +1.01% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.70%
ส่วนในทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 พลิกกลับมาย่อตัวลง -0.59% ตามแรงขายทำกำไรของบรรดาผู้เล่นในตลาด หลังจากที่เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) Isabel Schnabel ยังคงออกมาส่งสัญญาณสนับสนุนการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง
จนกว่า ECB จะสามารถคุมปัญหาเงินเฟ้อได้ ซึ่งท่าทีดังกล่าวของเจ้าหน้าที่ ECB ได้กดดันให้หุ้นกลุ่มเทคฯและหุ้นสไตล์ Growth ในฝั่งยุโรปต่างย่อตัวลงบ้าง อาทิ Adyen -1.0%, ASML -0.7%
ทางด้านตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ระยะยาวโดยรวมปรับตัวสูงขึ้นตามภาพตลาดการเงินเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น รวมถึงมุมมองของเจ้าหน้าที่ ECB ที่ยังคงออกมาสนับสนุนการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง
แม้ว่าในส่วนถ้อยแถลงของประธานเฟดจะไม่มีการกล่าวถึงแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายก็ตาม โดยล่าสุดบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องสู่ระดับ 3.60%
ทั้งนี้ เราคงมุมมองเดิมว่า ผู้เล่นในตลาดจะรอไฮไลท์สำคัญอย่าง รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ทำให้ในระยะสั้น บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจแกว่งตัว sideways ใกล้ระดับ 3.50% จนกว่าจะรับรู้รายงานข้อมูลดังกล่าว
ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์โดยรวมเคลื่อนไหวในกรอบ sideways โดยล่าสุด ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) แกว่งตัวใกล้ระดับ 103.3 จุด ซึ่งเราประเมินว่า เงินดอลลาร์จะแกว่งตัว sideways
หรืออาจอ่อนค่าลงได้เล็กน้อย หากตลาดเปิดรับความเสี่ยงต่อเนื่อง เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างรอประเมินทิศทางดอกเบี้ยนโยบายเฟด จากรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ก่อนที่จะปรับสถานะถือครองเงินดอลลาร์ที่ชัดเจนอีกครั้ง
อย่างไรก็ดี แม้ว่า เงินดอลลาร์จะยังคงทรงตัว และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น แต่ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ.) กลับสามารถทรงตัวใกล้โซนแนวต้านแถวระดับ 1,880 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้
เรามองว่า การเคลื่อนไหวของราคาทองคำดังกล่าว ทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างทยอยเข้ามาขายทำกำไรทองคำ และโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำก็มีส่วนช่วยให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นบ้าง
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดอาจรอประเมินแนวโน้มความต้องการใช้พลังงานในสหรัฐฯ ผ่านยอดสต็อกน้ำมันดิบคงคลัง รวมถึงยอดสต็อกน้ำมันกลั่นและเบนซิน ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อราคาน้ำมันดิบ WTI ได้ในระยะสั้น
โดยหากยอดสต็อกน้ำมันดิบคงคลังลดลงมากกว่าคาด (สะท้อนถึงความต้องการใช้ที่สูงกว่าคาด) ก็อาจช่วยหนุนให้ราคาน้ำมันดิบรีบาวด์ขึ้นมาได้บ้าง
อย่างไรก็ดี ผู้เล่นในตลาดจะยังคงรอรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ในวันพฤหัสฯ เป็นหลัก ทำให้การเคลื่อนไหวของตลาดโดยรวมอาจมีลักษณะแกว่งตัวในกรอบ Sideways
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับ 33.58 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.10 น.) อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 33.49 บาทต่อดอลลาร์ฯ เงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อยสอดคล้องกับทิศทางสกุลเงินเอเชียอื่นๆ ประกอบกับมีสัญญาณที่อาจสะท้อนว่า นักลงทุนต่างชาติอาจกลับมาอยู่ในฝั่งขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทยในวันนี้ หลังจากที่ซื้อสุทธิต่อเนื่องตลอดหลายวันทำการที่ผ่านมา ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ ยังคงได้รับแรงซื้อคืนบางส่วนก่อนการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อ (CPI) ของสหรัฐฯ ในวันพรุ่งนี้
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 33.40-33.65 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยที่ต้องติดตามยังเป็นทิศทางเงินทุนต่างชาติ และการเคลื่อนไหวของเงินหยวนและสกุลเงินเอเชีย
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
เตรียมออกสตาร์ทยิ่งใหญ่ “บุรีรัมย์ มาราธอน 2023” ปอดเหล็กกว่า 46 ชาติร่วมวิ่งคับคั่ง
งานวิ่งระดับโลก “บุรีรัมย์ มาราธอน 2023 พรีเซนเต็ดบาย เครื่องดื่มตราช้าง” สวรรค์ของนักวิ่ง ปีที่ 7 กระหึ่มอีกครั้ง 21 ม.ค.นี้ ปอดเหล็กจาก 46 ชาติร่วมชิงชัย 1,063 คน รวมนักวิ่งกว่า 27,000 คน ด้วยมาตรฐานระดับเหรียญทอง (Gold Label ) รายการแรกของไทย คงเสน่ห์ความอบอุ่น ประทับใจ เส้นทางวิ่งที่สวยงาม แสงสีเสียงเต็มระบบ กองทัพกองเชียร์ อลังการไปทั้งเมือง
ความเคลื่อนไหวของ การแข่งขัน “บุรีรัมย์ มาราธอน 2023 พรีเซนเต็ดบาย เครื่องดื่มตราช้าง” ปีที่ 7 ชิงเงินรางวัลสูงที่สุดในประเทศไทย มูลค่ารวมกว่า 6 ล้านบาท ในวันที่ 21 มกราคม 2566 ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ เป็นการแข่งขันในรูปแบบ Night Run (ไนท์ รัน) ภายใต้แนวคิด “สวรรค์ของนักวิ่ง” ที่สุดของงานวิ่งมาตรฐานโลกฝีมือคนไทย รับรองโดย สหพันธ์สมาคมกรีฑานานาชาติ หรือ World Athletics Road Race
นายตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ เปิดเผยว่า สำหรับการแข่งขันวิ่ง “บุรีรัมย์ มาราธอน 2022” ที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จด้วยจำนวนนักวิ่งที่เข้าแข่งขันมากกว่า 2.6 หมื่นคน ประกอบด้วยนักวิ่งทั้งระดับทีมชาติและประชาชนทั่วไป ชาวไทยและ Expat (เอ็กซ์แพท) ชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ร่วมกับ อาสาสมัครและเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกกว่า 5,345 คน ผู้ติดตามนักวิ่งและกองเชียร์ชาวจังหวัดบุรีรัมย์ 45,867 คน โดยมูลค่าสื่อประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ของไทยเผยแพร่ทั้งไทยและต่างประเทศ เป็นจำนวนเงิน 174,239,812.26 บาท และมีกระแสเงินหมุนเวียนทางเศรษฐกิจจากการจัดการแข่งขัน 531,947,798.30 บาท
ส่วนในปีนี้ จำนวนนักวิ่งที่เข้าแข่งขันมีจำนวนทั้งหมด 27,135 คน แบ่งเป็น ผู้ชาย 59.89% ผู้หญิง 40.11% โดยมีนักวิ่งจากต่างชาติ นักวิ่งอีลิท และ expat ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย จำนวน 1,063 คน จาก 46 ประเทศทั่วโลก ทำให้ในตอนนี้ที่พักถูกจองเต็มทั้งในจังหวัดบุรีรัมย์และพื้นที่ใกล้เคียง รวมทั้งเต็นท์บริการสำหรับนักวิ่ง ทั้งแบบพื้นที่เปล่า สำหรับนักวิ่งที่เอาเต้นท์มาเอง และการให้บริการเต้นท์ที่พักกว่า 1,000 คน
สำหรับการแข่งขันในปีที่ผ่านมาได้สร้างความประทับใจ จนถูกกล่าวถึงมากที่สุด เริ่มตั้งแต่จุดแข็งของเส้นทางวิ่งที่สวยงาม การปิดเมืองวิ่งด้วยแสงสีเสียงเต็มระบบ รวมทั้งที่เปิดให้วิ่งใน “ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต” สนามแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตที่ได้มาตรฐานระดับโลก รองรับการแข่งขันรายการใหญ่ๆ มาแล้วมากมาย โดยเฉพาะศึกรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก “โมโตจีพี” ที่แข่งขันมาแล้ว 3 ครั้งในสนามแห่งนี้ รวมถึงโอกาสที่นักวิ่งจะได้เยี่ยมชม “ช้าง อารีนา”สนามเหย้าของสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด สวยงามและอลังการความจุของสนามกว่า 32,600 ที่นั่ง และเหนือสิ่งอื่นใดคือมาตรฐานของงานวิ่งและการต้อนรับอันอบอุ่นของกองทัพกองเชียร์ชาวจังหวัดบุรีรัมย์
โดยในปีนี้บุรีรัมย์มาราธอนได้รับความสนใจอย่างมากมายจากนักวิ่งจากทั่วโลก รวมทั้งหลังมีการเปิดประเทศ ทำให้นักวิ่งต่างชาติ สนใจเข้ามาร่วมวิ่งที่บุรีรัมย์กันอย่างมากถึง 43 ประเทศด้วยกัน ทางจังหวัดเองได้เตรียมการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ โดยชาวหมู่บ้านตำบลเสม็ด 19 หมู่บ้านได้ร่วมกัน สานนก พับปลา ดอกไม้ ตกแต่งบริเวณรอบสันเขื่อนอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มากให้สวยงาม ตลอดเส้นทางคงเสน่ห์แสงสีเสียงตระการตา มีการปรับมาตรการต่างๆในการดูแลนักวิ่งให้ครอบคลุมและรอบด้านที่สุดในมาตรฐานระดับเหรียญทองหรือ Gold Label ซึ่งทั้งกองเชียร์ เหล่าเจ้าหน้าที่แพทย์พยาบาล สาธารณสุข อาสาสมัคร ทีมงาน จำนวนรวมแล้วมากกว่า 5 หมื่นคนที่ร่วมแรงร่วมใจกันจัดงานต้อนรับนักท่องเที่ยวและนักวิ่งในครั้งนี้อย่างดีที่สุด
ทั้งนี้ในส่วนของเส้นทางวิ่ง มีการปิดการจราจร 100 เปอร์เซ็นต์ เพื่อความปลอดภัยของผู้ร่วมงานตั้งแต่ เวลา 16.00 ถึงเวลา 02.30 น. มีรถชัทเทิล เซอร์วิส บริการทั้งที่สนามบินบุรีรัมย์ ตั้งแต่ไฟล์ทแรกเวลา 07.45 น. ส่วนสถานีรถไฟ สถานีขนส่ง เริ่มบริการตั้งแต่ เวลา 06.00 น. และบริเวณบุรีรัมย์ คาสเซิ่ล ซึ่งเป็นเส้นทางบริการภายในงาน บริการตั้งแต่ เวลา 08.00-03.00 น.
นอกจากนี้ยังมีการจัดงานเอ็กซ์โป รวมร้านค้าสำหรับนักวิ่ง สินค้าสุขภาพ สินค้าพื้นเมือง มีความหลากหลาย ยกร้านค้าชื่อดังจากเมืองบุรีรัมย์มาทั้งหมด สตรีทฟู้ดที่มีชื่อเสียง รองรับทั้งนักวิ่ง ผู้ติดตาม นักท่องเที่ยวที่ไม่ได้ร่วมวิ่ง ก็สามารถเข้ามาเยี่ยมชมงานได้ รวมทั้งมีโซนสำหรับการวอร์มอัพ แอโรบิค การเตรียมความพร้อมก่อนวิ่ง ส่วนเรื่องอาหารสำหรับนักวิ่งจะเป็นอาหารปรุงสดทั้งหมด ซึ่งจะทำให้นักวิ่งจากทุกทิศได้ชม ชิม ช้อปของดีบุรีรัมย์ ครบในที่เดียว โดยชาวบุรีรัมย์ทุกคนร่วมใจ เพื่อให้ “บุรีรัมย์มาราธอน 2023” เป็นสวรรค์ของนักวิ่งและผู้มาเยือนทุกคนอย่างแท้จริง
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
8 สัญญาณเตือนว่าคุณกำลัง “ดื่มน้ำน้อยเกินไป”
ชีวิตอันวุ่นวายของเรา อาจทำให้คุณลืมที่จะดื่มน้ำให้เพียงต่อความต้องการของร่างกาย แต่การดื่มน้ำน้อยเกินไปก่อให้เกิดข้อเสียหลายอย่าง รวมไปถึงโรคร้ายที่น่ากลัวอย่างกระเพาะปัสสาวะอักเสบ หรือกรวยไตอักเสบได้เช่นกัน
แต่ปัญหาคือเราอาจไม่รู้ตัวว่าเรากำลังดื่มน้ำน้อยเกินไป ดังนั้นเรามาสังเกตร่างกายของเรากันดีกว่าค่ะว่า ถึงเวลาหรือยังที่เราควรเติมน้ำให้กับร่างกายให้มากขึ้น
- กระหายน้ำ
บางครั้งเราอาจจะกระหายน้ำโดยที่เราไม่รู้ตัว แต่หากเราได้ดื่มน้ำแล้ว แทบจะหยุดไม่ได้เลยล่ะ ยกแก้วขึ้นดื่มหมดรวดเดียวจบ แถมยังอาจรู้สึกว่ายังไม่พออีกด้วยซ้ำ
- ปัสสาวะสีเหลืองเข้ม-สีส้มเป็นประจำ
สีของปัสสาวะที่ปกติควรเป็นสีเหลืองอ่อนชนิดที่จางมากๆ เหมือนน้ำเก๊กฮวยที่เคยใส่น้ำแข็งเอาไว้เต็มแล้วน้ำแข็งละลายจนหมด และกลิ่นก็ไม่ควรจะฉุนกึ้กจนเตะจมูกอย่างชัดเจน ปัสสาวะสีเข้มบ่งบอกว่าคุณดื่มน้ำน้อยเกินไป
- ปัสสาวะไม่ถึง 4 ครั้งต่อวัน
คนปกติจะต้องลุกขึ้นมาเข้าก้องน้ำเพื่อปัสสาวะมากกว่า 4 ครั้งต่อวัน แต่หากคุณรู้ตัวว่าบางวันที่คุณนั่งทำงานอยู่ แทบไม่ได้เข้าห้องน้ำเลยล่ะก็ คุณควรจะรู้ตัวได้แล้วล่ะว่าวันนี้ได้ดื่มน้ำไปบ้างหรือยัง
- ปากแห้ง
นอกจากแพ้ลิปสติกแล้ว หากคุณมีอาการปากแห้งอยู่บ่อยๆ อาจมาจากที่ร่างกายของคุณขาดน้ำได้เช่นกัน
- ตาแห้ง
ยิ่งใครที่นั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ หรือใส่คอนแทคเลนส์ จะประสบปัญหาตาแห้งบ่อยๆ ยิ่งหากคุณดื่มน้ำไม่เพียงพอด้วยแล้ว ตาคุณจะยิ่งแห้ง แห้งถึงขนาดใส่คอนแทคเลนส์ลำบาก หรือแม้กระทั่งตอนถอดยิ่งลำบาก เพราะคอนแทคเลนส์จะดูดติดอยู่กับตา น่ากลัวใช่ไหมล่ะ
- ท้องผูก
แน่นอนว่าเมื่อร่างกายไม่ได้รับน้ำอย่างเพียงพอ กากใยอาหารที่ผ่านการย่อย การกรองออกก็ขาดความชุ่มชื่นเช่นเดียวกัน ดังนั้นอุจจาระก็จะแข็ง ถ่ายยาก เผลอๆ หากท้องผูกบ่อยๆ ก็อาจเสี่ยงเป็นโรคริดสีดวงทวารด้วยนะ
- ผิวแห้ง ริ้วรอยถามหาก่อนวัยอันควร
ต่อให้คุณเป็นคนผิวมัน แต่คุณก็จะเป็นคนผิวมันที่ขาดน้ำ ผิวคุณก็จะยิ่งมันหนักเข้าไปใหญ่ เพราะเมื่อคุณผิวแห้งเกินไป ต่อมไขมันใต้ชั้นผิวหนังก็จะยิ่งผลิตน้ำมันขึ้นมาเคลือบผิวไม่ให้ผิวแห้ง แต่หากคุณเป็นคนผิวแห้ง ก็จะยิ่งแห้งหนัก แล้วสุดท้ายริ้วรอยก็จะมาเยือนก่อนวัยอันควร ลองสังเกตดูว่าริ้วรอยบริเวณร่องแก้ม หางตา และหน้าผากมาหาคุณหรือยัง ถ้าคุณอายุยังน้อยแล้วริ้วรอยมาเยือนแล้วล่ะก็ แสดงว่าผิวของคุณขาดความชุ่มชื่น และคุณอาจดื่มน้ำไม่มากเพียงพอ
- ระบบย่อยอาหารมีปัญหา
คนที่ดื่มน้ำไม่เพียงพอ มีโอกาสเป็นโรคกระเพาะอาหาร หรือกรดไหลย้อนมากกว่าปกติ เพราะเมื่อกระเพาะอาหารมีน้ำมาช่วยย่อยไม่เพียงพอ ปริมาณของกรดก็จะเข้มข้นมากขึ้น ความแข็งแรงของกระเพาะอาหารในการย่อยอาหาร รวมถึงเมือกที่ช่วยในการย่อยอาหารในกระเพาะก็น้อยลง อาจทำให้อาหารไม่ย่อย ท้องอืดท้องเฟ้อ หรือนานๆ เข้าอาจเสี่ยงกรดไหลย้อนได้
วิธีป้องกันไม่ให้ร่างกายขาดน้ำก็ง่ายๆ คุณควรตั้งแก้วน้ำเอาไว้ใกล้ๆ ตัว ยกขึ้นจิบเรื่อยๆ ไปทั้งวัน และต้องดื่มให้หมดในทุกๆ วัน อย่ามัวแต่ยุ่งกับการทำงานจนลืมดื่มน้ำบ่อยๆ เท่านี้ร่างกายของคุณก็จะได้รับน้ำอย่างเพียงพอแล้วล่ะค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
จัดเต็ม ! Reported Speech คืออะไร ใช้อย่างไร
I. Reported Speech คืออะไร?
Reported Speech คือ วิธีการที่เราจะนำเอาคำพูดของใครคนหนึ่งไปเล่าต่อให้คนอื่นฟัง ซึ่งมีด้วยกันจริง ๆ 2 รูปแบบ นั้นก็คือ Direct Speech และ Indirect Speech
นอกจากนี้ Reported Speech ประกอบไปด้วย 2 ส่วนหลัก ๆ ได้แก่ The Reporting Clause และ The Reported Clause. The Reporting Clause จะประกอบด้วยกริยานำ (reporting verbs) ยกตัวอย่างเช่น say, tell, ask, reply, shout ซึ่งมักอยู่ในรูปของ Past Simple และในส่วนของ The Reported Clause จะเป็นสิ่งที่ผู้พูดได้เริ่มกล่าวไว้
ทีนี้เรามาดูกันว่า Direct Speech และ Indirect Speech คืออะไรและมันต่างกันอย่างไรบ้าง
Direct speech หรือบางทีก็เรียกว่า Reported Speech คือการเอาคำพูดคนอื่นมาพูดแบบตรง ๆ โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของประโยคประโยคลักษณะนี้จะสังเกตุได้ง่ายเพราะมีตัวช่วย คือ เครื่องหมายคำพูด (quotation mark) อีกด้วย
เรามีตัวอย่างเช่น
- Jamie said, “It is very cold outside today.”
- Kim said, “I like to have a cappuccino everyday.”
หรือเราสามารถสลับสองส่วน Reporting clause และ Reported Clause ได้ว่า
- “It is very cold outside today.”, Jamie said.
Indirect speech คือ การนำคำพูดไปเล่าต่อโดยอีกบุคคลหนึ่ง หรืออาจเรียกว่า “คำพูดที่ถูกนำไปรายงาน” จึงไม่ต้องใส่เครื่องหมายคำพูด (Quotation Mark) อีกต่อไป ซึ่งการพูดแบบนี้โครงสร้างประโยคเดิมจะถูกเปลี่ยนแปลง เรามีตัวอย่างเช่น
- Jamie said that it was very cold outside that day.
- Kim said that he liked to have a cappuccino everyday.
เราสามารถเห็นได้ว่าเวลาที่เราเปลี่ยนคำพูดจาก Direct Speech ให้เป็น Indirect Speech มันจะมีการแตกต่างกันในการใช้คำสรรพนาม คำบอกเวลาและเครื่องหมายด้วย ใช่ไหมละ แล้วคุณสงสัยไหมว่าวิธีการเปลี่ยน Direct Speech ให้เป็น Indirect Speech เป็นอย่างไร เราไปดูกันต่อ
II. หลักการเปลี่ยนจาก Direct Speech ให้เป็น Indirect Speech
การเปลี่ยนจาก Direct Speech ให้เป็น Indirect Speech เนี่ย หลักๆแล้วเราจะเปลี่ยน 3 อย่าง คือ เปลี่ยน Tense เปลี่ยนคำบอกเวลา และเปลี่ยนสรรพนาม
การเปลี่ยน Tense (กาล) เมื่อใช้ Reported Speech
โดยทั่วไปแล้ว Tense ที่ใช้ใน reported speech จะเป็น Tense ที่ถูกลดจาก Tense ใน Direct speech ไป 1 tense โดยเราสามารถดูตัวอย่างจากตารางต่อไปนี้
กาลใน Direct Speech | กาลเมื่อเปลี่ยนเป็น Reported Speech | ตัวอย่างเช่น |
Simple present | Simple past | “I always drink coffee”, she said=> She said that she always drank coffee. |
Present continuous | Past continuous | “I am reading a book”, he explained.=> He explained that he was reading a book |
Simple past | Past perfect | “Bill arrived on Saturday”, he said.=> He said that Bill had arrived on Saturday. |
Present perfect | Past perfect | “I have been to Spain”, he told me.=> He told me that he had been to Spain. |
Past perfect | Past perfect (ไม่ต้องเปลี่ยนกาล) | She said, “The movie had already started.”=> She said that the movie had already started. |
Present perfect continuous | Past perfect continuous | They complained, “We have been waiting for hours”.=> They complained that they had been waiting for hours. |
Past continuous | Past perfect continuous | “We were living in Paris”, they told me.=> They told me that they had been living in Paris. |
Future | Present conditional | “I will be in Geneva on Monday”, he said.=> He said that he would be in Geneva on Monday. |
Future continuous | Conditional continuous | She said, “I’ll be using the car next Friday”.=> She said that she would be using the car next Friday. |
can | could | Clara said, ” I can swim”=> Clara said that she could swim. |
must/ have to | had to | “You must come to my party,” she said.=> She told me that I had to come to her party |
may | might | ” You may begin when you are ready”, Kim said to Chai.=> Kim told Chai that he might begin when he was ready. |
หมายเหตุ: เราไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน tense หากคำกริยาที่ใช้ใน reported speech เป็น present tense หรือคำพูดในประโยคดั่งเดิมเป็นบางอย่างที่ยังเป็นความจริงอยู่ เป็นต้น
เรามีตัวอน่างเช่น
- He says: “I’m going to Chiang Mai next week.”
=> He says he is going to Chiang Mai next week.
การเปลี่ยนเวลาและสถานที่เมื่อใช้ Reported Speech
หากต้องการเปลี่ยน direct speech ให้เป็น reported speech ส่วนใหญ่แล้วจำเป็นต้องเปลี่ยนเวลาและสถานที่ด้วย
วลีบอกเวลาใน direct speech | เมื่อเปลี่ยนเป็น reported speech |
Today | That day |
Now | ThenAt that moment |
Yesterday | The day beforeThe previous day |
The day before yesterday | two days before |
Tomorrow | The next dayThe following day |
The day after tomorrow | In two days time/ two days later |
Next week/month/year | The following week/month/year |
Last week/month/year | The previous/week/month/year |
Ago | Before |
This | That |
Here | There |
ตัวอย่างประโยค
- “I’ll see you tomorrow”, Jim said
=> Jim said that he would see me the next day. - “I’m getting a new car this week”, Jane said.
=> Jane said she was getting a new car that week.
การเปลี่ยนสรรพนาม เมื่อใช้ Reported Speech
III. ประเทภของ Reported Speech หรือ Indirect Speech
Indirect Speech หรือ Reported Speech แบ่งเป็น 3 ประเภท โดยแต่ละประเภทจะมีกฎในการเปลี่ยนแตกต่างกันไป
1/ Reported statements:
คือรูปประโยคบอกเล่าหรือประโยคปฏิเสธ มีหลักการเปลี่ยนดังนี้
S + say(s) / said + (that) + S + V
หากหลัง reporting verb (say/said) มีกรรม เราสามารถเปลี่ยนเป็น ใช้โครงสร้างดังต่อไปนี้
say/says to + กรรม (Objective) => tell / tells + กรรม
said to + กรรม (Objective) => told + กรรม
เรามีตัวอย่างเช่น
- Mike said to me: “I haven’t finished my work yet.”
=> Mike told me he hadn’t finished his work yet. - Lime said “ I will call you tomorrow ”
=> Lime said that He would call me the next day
2/ Reported questions: ประโยคคำถาม
A. Yes / No questions
รูปประโยคคำถาม Yes / No questions มีหลักการเปลี่ยนดังนี้
S + asked (+ O )/ wanted to know/ wondered + if/whether + S + V
ตัวอย่างประโยค
- “Are you angry at me?” Jim asked.
=> Jim asked me if I was angry at him. - “Did you see this film?” Tammy asked.
=> Tam asked me whether I had seen the film.
หมายเหตุ:
– สำหรับประโยคคำถาม Yes / No questions เวลาที่เราเป็นเปลี่ยน Reported Speech เราจะต้องตัดเครื่องหมายคำถาม (?) ออก เพื่อให้อยู่ในรูปประโยคบอกเล่า และเปลี่ยนกริยานำ (Reporting Verb) จาก say, said, told เป็น ask/asked (ถาม)
– หากหลัง reporting verb (ask/asked) มีกรรม เราสามารถเปลี่ยนเป็น ใช้โครงสร้างดังต่อไปนี้
say /says to + กรรม (Objective) => ask/asks + กรรม
said to + กรรม (Objective) => asked + O
เรามีตัวอย่างเช่น
- He said to me: “Have you been to America?”
=> He asked me if / whether I had been to America.
B. Wh-questions:
รูปประโยคคำถาม Wh-questions มีหลักการเปลี่ยนดังนี้
S + asked (+ O) / wanted to know / wondered + Wh-question + S + V.
ตัวอย่างประโยค
- They asked us: “Where are you going on holiday?”
=> They asked us where we were going on holiday. - “What are you talking about?” said the teacher.
=> The teacher asked us what we were talking about.
3/ Reported commands:
รูปประโยคคำสั่ง ขอร้อง หรือขออนุญาต มีหลักการเปลี่ยนดังนี้
S + told / asked + O + to-infinitive.
ตัวอย่างประโยค
- “Please wait for me here, Mary.” Tom said.
=> Tom told Mary to wait for him there.
ประโยคคำสั่ง ขอร้อง หรือขออนุญาต (Reported commands) จะมีรูปปฏิเสธดังต่อไปนี้
S + told / asked + O + not + to-infinitive.
ตัวอย่างประโยค
- “Don’t talk in class!” the teacher said.
=> The teacher told the children not to talk in class.
IV. โครงสร้างประโยค Reported Speech เพิ่มเติม
นอกจากรูปประโยค Reported Speech ที่ใช้กับ reporting verb เช่น tell/told (บอก), ask/asked (ถาม/ขอร้อง) แล้ว เราสามารถใช้กริยานำ (Reporting Verb) อื่น ๆ ให้เหมาะสม เช่น request (ขอร้อง), promise (สัญญา), beg/begged (วิงวอน), advise (แนะนำ), suggest (เสนอแนะ), warn (เตือน) เป็นต้น โดยการใช้รูปประโยคเหล่านี้จะช่วยให้การเล่าเรื่องรายงานคำพูดของคุณได้ถูกต้องมากขึ้นนะคะ
1 – Reported Speech กับคำว่า Advice (แนะนำใครทำ/ไม่ทำอะไร)
Direct speech | Reported speech |
S+ should/had better/ought to + VIf I were you, I would + V…Why don’t you + V. | advised + sb + (not) to do sth |
ตัวอย่างประโยค:
- “If I were you, I wouldn’t drink so much wine”, he said.
=> He advised me not to drink so much wine. - “You should drink more water” The doctor said to her
=> The doctor advised her to drink more water
2 – Reported Speech กับคำว่า Suggest (เสนอแนะทำอะไร)
Direct speech | Reported speech |
Shall we+ V….Let’s+ V…How/What about+ Ving….Why dont we + V .. | S+ suggested+ VingS + suggested+ that+ S + should/ shouldn’t + do something |
ตัวอย่างประโยค:
- “Why don’t we go out for a walk?” said the boy.
=> The boy suggested going out for a walk
3 – Reported Speech กับคำว่า Promise (สัญญากับใครทำอะไร)
Direct speech | Reported speech |
S+ will/ won’t + V | S+ promised + sb + to V / not to V(ใครสัญญากับใครว่าจะทำอะไร๗ |
ตัวอย่างประโยค:
- “I will give you a hand, if you like”, said Durian.
=> Durian promised to give me a hand if I liked.
4 – Reported Speech กับคำว่า Threat (ข่มขู่ทำอะไร)
S + threatened to do sth
ตัวอย่างประโยค:
- “Get out or I’ll call the police”, said the woman.
=> The woman threatened to call the police if he didn’t get out.
5 – Reported Speech กับคำว่า Warn (คำเตือนใครทำ/ไม่ทำอะไร)
S+ warned + sb + to do something /not to do something
S + warned + sb + against + doing something
ตัวอย่างประโยค:
- “Don’t touch that wire”, he said.
=> He warned me not to touch that wire.
6 – Reported Speech กับคำว่า Invite (คำเชิญใครทำอะไร)
S+ invited sb+ to V /Noun
ตัวอย่างประโยค:
- Ann said: “Come to my place whenever you are free.”
=> Ann invited me to come to her place whenever I was free. - He said “ Would you like a cup of coffee”
=> He invited me a cup of coffee
7 – Reported Speech กับคำว่า Exclaim (อุทาน)
Direct speech | Reported speech |
How + adj + S + tobe!What + a/an + adj + Noun! | S + exclaimed + that + S + V + O |
ตัวอย่างประโยค:
- He said, “What a lovely garden they have!”
=> He exclaimed that they had a lovely garden. - “How dreadful!”, she said.
=> He exclaimed that it was dreadful.
8 – กับคำว่า Wish (หวังว่า)
S+ wished + sb + (a/a) + adj + Noun
ตัวอย่างประโยค:
- “Have a happy birthday” she said
=> She wished me a happy birthday
9 – Reported Speech กับคำว่า Congratulate (ยินดีใครทำอะไร)
สำหรับการยินดีเราจะมีรูปประโยคดังต่อไปนี้
S+ congratulated + sb + a/an + adj + Noun
S+ congratulated + sb+ on + Ving
ตัวอย่างประโยค:
- “I’m happy to know that you won the game. Congratulations!”, Jim said to Mary.
=> Jim congratulated Mary on winning the game
10 – กับคำว่า Accuse (ฟ้องร้องใครทำอะไร)
S+ accused + sb+ of + Ving
ตัวอย่างประโยค:
- “You stole my bike “, he said.
=> He accused me of stealing his bike
11 – Reported Speech กับคำว่า Agree (ตกลงทำอะไร)
S + agree to do something
ตัวอย่างประโยค:
- “OK, I will take you to your work in my car, Sue.” said Carl.
=> Carl agreed to take Sue to work in his car.
12 – กับคำว่า Admit (ยอมรับการทำอะไร)
S + admitted + doing/having done something
ตัวอย่างประโยค: ‘
- “I did not tell you the truth, Ron.” said Kim.
=> Kim admitted not telling/having told Ron the truth.
13 – Reported Speech กับคำว่า Deny (ปฏิเสธการทำอะไร)
S+ denied + doing/having done sth
ตัวอย่างประโยค:
- Peter said: “I didn’t steal the painting.”
=> Peter denied stealing the painting.
14 – กับคำว่า Insist (ยืนหยัดในการทำอะไร)
S + insisted + on + doing something
ตัวอย่างประโยค:
- Tom said “ Let me pay for the bill today”.
=> Tom insisted on paying for the bill on that day.
15 – Reported Speech กับคำว่า Apologise (ขอโทษใครเพราะอะไร)
S+ apologized + to + sb + for (not) + doing something
ตัวอย่างประโยค:
- Ann said to her boss: “I’m sorry I’m late”
=> Ann apologized to her boss for being late.
16 – กับคำว่า Dream (ฝันเรื่องอะไร)
S + dreamed of + doing something/ Noun
ตัวอย่างประโยค:
- Daisy said: “I want to be a famous singer in the world.”
=> Daisy dreamed of being a famous singer in the world.
17 – Reported Speech กับคำว่า Prevent (ขัดขวางใครทำอะไร)
S+ prevented + somebody /sth from + Ving
ตัวอย่างประโยค:
- My mother said: “I can’t let you use the phone.”
=> My mother prevented me from using the phone
18 – กับคำว่า Blame (ตำหนิใครทำอะไร)
S + blamed sb + for + doing something
ตัวอย่างประโยค:
- “It was your fault. You didn’t tell the truth ” She said
=> She blamed me for not telling the truth
19 – Reported Speech กับคำว่า Offer (เสนอแนะทำอะไรให้ใคร)
Direct speech | Reported speech |
Shall I help you + VCan I + do something | S + offered + to do something |
ตัวอย่างประโยค:
- “Can I carry the bag for you?” he said.
=> He offered to carry the bag for me
20 – กับคำว่า Regret (เสียดายที่ทำอะไร)
S+ regretted + doing something
ตัวอย่างประโยค:
- “I wish I had visited her,” said Julie.
=> Julie regretted not having visited/ visiting her
21 – Reported Speech กับคำว่า Remind (เตือนใครทำอะไร)
S + reminded + sb + to do something
ตัวอย่างประโยค:
- “Don’t forget to phone me this afternoon,” she said.
=> She reminded me to phone her that afternoon
22 – กับคำว่า Thank (ขอบคุณ)
S + thanked + somebody + for doing something
ตัวอย่างประโยค:
- “Thank you very much for your help”, She said to him.
=> She thanked him for his help.
23 – Reported Speech กับประโยคความซ้อน
– สำหรับประโยคความซ้อน ต้องใช้คำสันธาน เพื่อเชื่อมต่อประโยคมาด้วยกัน คำสันธานที่ใช้กันทั่วไปคือ: ถ้า 2 ประโยคเป็นเหตุและผล (ความสัมพันธ์เชิงสาเหตุ) ให้ใช้ Because หรือ So เป็นคำเชื่อม
ตัวอย่างประโยค:
- “Don’t tell me to do that. I don’t like it”
=> He asked me not to tell him to do that because he did not like it.
ถ้าทั้งสองประโยคเป็นประโยคต่อเนื่องกัน (sequential relations) ให้ใช้ And added that เป็นคำเชื่อม
ตัวอย่างประโยค:
- “I miss my mother. I will visit her tomorrow.”
=> She said that she missed her mother and added that she would visit her the next day.
– หากทั้งสองประโยคมีรูปแบบต่างกัน (ไม่ใช่ประโยคคำสั่งเดียวกัน ประโยคบังคับหรือประโยคคำถาม…) ประโยคแรกก็ยังคงทำตามปกติ และให้เติม and และ กริยานำ (reporting verb) สำหรับประโยคถัดไป
ตัวอย่างประโยค:
- “This is my book. Don’t take it away.”
=> She said that was her book and told me not to take it away. - “Tomorrow is my birthday. Do you remember that?”
=> She said that the next day was her birthday and asked me if I remembered that.
แบบฝึกหัดการใช้ Reported Speech
ให้เพื่อน ๆ เข้าใจการใช้ Reported Speech ได้มากขึ้นเราจึงจัดมา Reported Speech แบบฝึกหัดมาให้เพื่อให้เพื่อน ๆ ได้ทำและทบทวนความรู้นะคะ
แบบฝึกหัดที่ 1: จงเขียนประโยคดังต่อไปนี้ในรูปประโยคของ Reported Speech
- Steve said, “I’m living in London.”
____________________________________________________________________ - “I haven’t seen Amy recently,” my brother said.
____________________________________________________________________ - “My sister has had a baby,” Lisa said to her friends.
____________________________________________________________________ - Sarah told her sister, “I’m not enjoying my job very much.”
____________________________________________________________________ - “Rachel and Greg are going to get married next month,” Timmy said.
____________________________________________________________________ - Louis said, “I am going out tonight.”
____________________________________________________________________ - “I’ve never talked to Chris,” Andrew said.
____________________________________________________________________ - “Dave works very hard,” Sarah says.
____________________________________________________________________ - Bill asked me, “What is your telephone number?”
Bill asked me _________________________________________________________ - “What time does the film start?” he said.
He wanted to know ____________________________________________________ - Doctor said, “You should have a physical checkup every six months.”
Doctor advised me _____________________________________________________ - “Remember to buy coffee,” my mother said.
My mother asked me____________________________________________________
เฉลยสำหรับแบบฝึกหัดที่ 1:
- Steve said he was living in London.
- My brother said he hadn’t seen Amy recently.
- Lisa said to her friends that her sister had had a baby.
- Sarah told her sister that she wasn’t enjoying her job very much.
- Timmy said that Maria and Greg were going to get married the following month.
- Louis said he was going out that night.
- Andrew said that he had never talked to Chris.
- Sarah says Dave works very hard.
- Bill asked me what my telephone number was.
- He wanted to know what time the film started.
- Doctor advised me to have a physical checkup every six months.
- My mother asked me to buy coffee.
แบบฝึกหัดที่ 2: จงเขียนประโยคดังต่อไปนี้ในรูปประโยคของ Reported Speech
- “If I were you, I wouldn’t buy this car”
He advised…………………………………………………… - “Yes, all right, I’ll share the food with you, Dave. ”
Ann agreed………………….. - “Sue, can you remember to buy some bread?”
Paul reminded……………….. - “Don’t touch anything in this room”, the man said to the children.
The man ordered……………………. - “I must go home to make dinner”, said Mary.
Mary………………………………………………. - “Are you going to Chiang Mai City next week?”Tommy asked me.
Tommy asked………………………………………. - “Have you finished your homework?”Mom asked.
Mom asked if……………………………. - She said to me: “I can’t do it by myself”
She told me that…………………………….. - “Does your brother live in London, Nammy?” Lolita asked.
Lolita wanted to know if…………………………………….. - “Don’t repeat this mistake again.” his father warned him.
His father warned him ……………………………………… - “Give me a smile,” The photographer said to me.
The …………………………………………………………….. - “Don’t leave these book on the table” ,the librarian said to the students
The librarian told the students ………………………………………………………….. - “Have you traveled abroad much?”, he asked me.
He ……………………………………………………………. - “Who has written this note?” the boss asked the secretary.
The boss asked …………………………………………………… - “I have just received a postcard from my sister,”my friend said to me.
My friend told me ………………………………………….. - “This story happened long ago,”he said.
He said ………………………………………………………………………
เฉลยสำหรับแบบฝึกหัดที่ 2:
- He advised me not to buy that car.
- Ann agreed to share the food with Dave.
- Paul reminded Sue to buy some bread.
- The man ordered the children not to touch anything in that room.
- Mary said that she had to go home to make dinner.
- Tom asked me if/ whether I was going to Chiang Mai the next week/the following week.
- Mom asked if I had finished my homework.
- She told me that she couldn’t do it by herself.
- Lolita wanted to know if Nammy’s brother lived in London.
- His father warned him not to repeat that mistake again.
- The photographer told me to give him a smile.
- The librarian told the student not to leave those books on the table.
- He asked me if I had traveled abroad much.
- The boss asked the secretary who had written that note.
- My friend told me she had just received a postcast from her sister.
- He said that story had happened long before
Eng Breaking หวังว่า ด้วยบทความที่เราได้นำมาวันนี้ เพื่อน ๆ จะได้ไขทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับ Reported Speech นะคะ ขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษของตนเองค่ะ สำหรับวันนี้ขอไปก่อนละคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก engbreaking.co.th
จากเกมสู่การแพทย์! สหรัฐฯ ผสมผสานเทคโนโลยีเสมือนจริง ช่วยบำบัดผู้ป่วย
หน่วยงานสาธารณสุขสหรัฐฯ ดึงประโยชน์ของ Extended Reality หรือ XR ที่เป็นการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีเสมือนจริง (Virtual Reality หรือ VR) เทคโนโลยีเสริมจริง (Augmented Reality หรือ AR) และเทคโนโลยีผสานโลกจริงและโลกเสมือน (Mixed Reality/Merged Reality หรือ MR) เข้าไว้ด้วยกัน มาใช้ในการบำบัดรักษาผู้ป่วยโรคต่าง ๆ บ้างแล้ว
เทคโนโลยี Virtual Reality หรือ VR คือการจำลองทัศนียภาพรอบทิศทางโดยสร้างจากคอมพิวเตอร์ ผู้ใช้งานจะได้รับประสบการณ์เสมือนจริง เป็นสิ่งที่คุ้นเคยสำหรับผู้เล่นเกม แต่ปัจจุบันกำลังถูกนำมาประยุกต์ใช้ในวงการแพทย์
อย่างเช่นที่ศูนย์ Cedars-Sinai Medical Center ในนครลอสแอนเจลิส แพทย์และนักวิจัยได้ดำเนินโครงการ Virtual Medicine ซึ่งโดยใช้เทคโนโลยีดังกล่าวกับผู้ป่วย ผ่านอุปกรณ์สวมศีรษะที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษ ผู้ป่วยจะได้เห็นภาพแบบสามมิติ พร้อมแสงและเสียงที่ช่วยให้ผ่อนคลาย รวมถึงอีกหลากหลายการใช้งานในด้านการบำบัด
นายแพทย์ แบรนแนน สปีเกิล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยบริการด้านสุขภาพของ Cedars-Sinai อธิบายว่า “เทคโนโลยีนี้ ถูกใช้สำหรับทั้งเรื่องของกายภาพบำบัด ผู้ที่มีความผิดปกติเรื่องการกิน คนที่มีปัญหาความดันโลหิตสูง ผู้ป่วยที่มีอาการด้านจิตเภท ซึมเศร้า วิตกกังวล และผู้ที่เผชิญกับภาวะลำไส้แปรปรวน รวมถึงอีกหลากหลายอาการ”
นอกจากนี้ พบว่าการใช้เทคโนโลยี VR สามารถช่วยเยียวยากลุ่มผู้ที่เคยประสบอุบัติเหตุ ผู้พักฟื้นจากการผ่าตัด ผู้ป่วยมะเร็ง และแม้กระทั่งผู้หญิงที่กำลังทำการคลอดลูก
การจำลองประสบการณ์เสมือนจริง ไม่เพียงแต่ช่วยในการรักษาผู้ป่วย แต่ยังเป็นประโยชน์ในการฝึกหัดแพทย์และพยาบาล
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐฯ (FDA) เรียกว่าสิ่งนี้ว่า Medical Extended Reality หรือ เทคโนโลยีความจริงขยายที่ใช้ในด้านการแพทย์ ที่เป็นการผสมผสานเทคโนโลยีเสมือนจริงที่มีทั้งหมดเข้าด้วยกัน โดยกำลังพิจารณาให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการใช้งานได้มากขึ้น และประเมินประสิทธิภาพของเทคโนโลยีดังกล่าว
ทอม นอริส ผู้ป่วยที่บำบัดด้วยเทคโนโลยีดังกล่าว เล่าว่า “มันเหมือนกับเราอยู่ในโรงภาพยนตร์ที่ไม่มีแสง ไม่มีคนอยู่รอบตัว สิ่งที่เห็นคือหน้าจอ เหมือนกับว่ามันดึงให้เราเข้าไป ทั้งฉากที่เป็นทุ่งหญ้าบนเทือกเขาในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ที่มีวัวกำลังเล็มหญ้าอยู่ หรือฉากการว่ายน้ำพร้อมกับโลมา หรือว่ายร่วมกับวาฬสีฟ้าตัวใหญ่”
นอริสยังกล่าวว่า เทคโนโลยีนี้ช่วยให้เขาจัดการความเจ็บปวดเรื้อรัง ที่มีมาตั้งแต่เข้ารับการรักษาโรคมะเร็งเมื่อหลายสิบปีก่อน
นายแพทย์ โอเมอร์ ไลแรน จากโครงการ Virtual Medicine ของ Cedars-Sinai บอกว่า “อุปกรณ์สวมศรีษะนี้ มีไบโอเซนเซอร์ติดตั้งอยู่ ทำหน้าที่รวบรวมอัตราการเต้นของหัวใจ ตรวจดูความแปรปรวนของหัวใจ เก็บข้อมูลของรูม่านตา รวมถึงติดตามการเคลื่อนไหวของดวงตา” จิตแพทย์ผู้พัฒนาโปรแกรมผ่านอุปกรณ์ที่มีความซับซ้อนนี้อธิบายว่า ระบบจะให้ข้อเสนอแนะ เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานมีภาวะจิตใจที่สงบ และช่วยฝึกการรับรู้ของสมองใหม่
ตัวอย่างเช่น ฉากในโลกเสมือนจริงจะให้ผู้ป่วยมีประสบการณ์บินผ่านน้ำตก จิตใจของเขาจะเกิดภาวะสงบ และร่างกายจะตอบสนองต่อความสงบที่เกิดขึ้น
สำหรับอาการเจ็บปวดเรื้อรังอย่างที่ ทอม นอริส เผชิญอยู่ นายแพทย์สปีเกิล อธิบายว่า ความเจ็บปวดอาจจะฝังอยู่ที่สมอง พอ ๆ กับที่เกิดขึ้นในเชิงกายภาพ
นายแพทย์สปีเกิล กล่าวว่า “สิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น ก็คือตัวเนื้อเยื่อของร่างกาย อาจจะรักษาได้สมบูรณ์ หรือเกือบจะสมบูรณ์แล้ว แต่ผู้ป่วยก็ยังมีความรู้สึกเจ็บปวด เหมือนกับว่าความเจ็บปวดได้เคลื่อนไปที่ศูนย์กลาง นั่นก็คือสมอง และสมองก็สร้างความรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาเอง”
กระบวนการรับรู้ในสมองสามารถถูกฝึกให้ย้อนกลับได้ หากผู้ป่วยใช้งานระบบการรักษาดังกล่าวราว 8 ถึง 12 สัปดาห์ โดยผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าเทคโนโลยีนี้ สามารถเยียวยาภาวะสุขภาพต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลาย
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
โอกาสมาถึงแล้ว!! โครงการประกวดแบบแนวความคิด “MQDC Design Competition 2023”
โครงการประกวดแบบแนวความคิด MQDC Design Competition 2023 – RE-imagining Thai Social Space: City Festival as Design Intervention ซึ่งเป็นการออกแบบพื้นที่สาธารณะของเมืองที่มีจำกัดและพื้นที่กึ่งสาธารณะของเมืองที่ยังขาดวิธีการและแนวทางการใช้พื้นที่ที่เหมาะสมกับปัจจุบันและอนาคต ให้เป็นพื้นที่ที่รองรับกิจกรรมทางสังคมที่ตอบโจทย์ต่อการใช้พื้นที่เมืองในอนาคต ซึ่งสะท้อนถึงอัตลักษณ์และการมีส่วนร่วมของคนในพื้นที่ โดยมีรูปแบบการจัดงานกิจกรรม ช่วงเวลาการจัดงาน และการเชื่อมโยงกับบริบทของพื้นที่อย่างเหมาะสม นำไปสู่การสร้างกิจกรรมเมืองรูปแบบใหม่ที่ก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ กระตุ้นการท่องเที่ยว เสริมสร้างภาพลักษณ์ของเมือง และเกิดการพัฒนาย่านด้วยสถาปัตยกรรมและกิจกรรมชั่วคราวหรือการสร้างงานเทศกาล
ชิงรางวัลรวมมูลค่ากว่า 2,000,000 บาท พร้อมใบประกาศเกียรติคุณ รวมทั้งรางวัลเดินทางศึกษาดูงานที่ต่างประเทศ (ทั้งประเภทนิสิต/นักศึกษาและประเภทบุคคลทั่วไป)
ขอเชิญชวนนิสิต/นักศึกษาระดับปริญญาตรี ด้านสถาปัตยกรรม ด้านการออกแบบทุกสาขา ด้านผังเมือง ด้านการออกแบบชุมชนเมือง และสาขาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงสถาปนิกและนักออกแบบประเภทบุคคลทั่วไป
- เปิดรับสมัครในวันที่ 2 มกราคม 2566 ถึง 3 กุมภาพันธ์ 2566
สมัครได้ที่ https://forms.gle/cCJKf4kkcPx8WpB77
- วันสุดท้ายของการรับผลงานวันที่ 31 มีนาคม 2566
สามารถดาวน์โหลดข้อมูล Design Competition Brief ได้ที่: https://drive.google.com/file/d/168yRMrY2l40j028-elgFjJ10FfUEuxwd/view?fbclid=IwAR3odehvmZ0_be6kMcLEZWDSz19OwmJfQ7-BOQIv8gW5JKOwa1z0WJcfn0E
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook Page: https://www.facebook.com/MQDCDesignCompetition
ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 11/01/2566
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 29,700.00 | 29,800.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,924.00 | 29,167.84 | 30,300.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,731.60 | 26,251.06 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,539.20 | 23,334.27 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 866.00 | 13,128.56 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 673.00 | 10,202.68 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,994.00 | 30,229.04 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 11/01/2566
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 34.45 | 34.45 | 34.75 | 34.45 | 34.75 | 34.45 | 34.45 | 34.45 | 34.45 | 34.45 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 34.18 | 34.18 | 34.48 | 34.18 | 34.48 | 34.18 | 34.18 | 34.18 | 34.18 | 34.18 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 32.54 | 32.54 | 32.84 | 32.54 | 32.84 | – | 32.54 | 32.54 | 32.54 | 32.54 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 32.99 | 32.99 | – | – | – | – | – | – | – | 32.99 |
เบนซิน 95 | 41.86 | – | – | – | 42.61 | – | 42.36 | 42.31 | – | 41.86 |
ดีเซล B7 | 34.94 | 34.94 | 35.54 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 |
ดีเซล | 34.94 | 34.94 | 35.54 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 | 34.94 |
ดีเซล B20 | 34.94 | 34.94 | 35.54 | – | 34.94 | – | 34.94 | – | 32.54 | 34.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 43.66 | 43.66 | 44.26 | 44.26 | 44.26 | – | – | – | – | 34.94 |
แก๊ส NGV | 16.59 | 16.59 | – | – | – | – | – | – | – | 16.59 |